Group Blog
 
All blogs
 
Fuyu no Sakura ซากุระฤดูหนาว



ข้อมูลจาก DramaWiki
Title : Fuyu no Sakura
Genre: Romance, family
Episodes: 10 Viewership rating: 14%
Broadcast : TBS 2011-Jan-16 to 2011-Mar-20 Sunday 21:00
Screenwriter: Takahashi Maki
Director: Yamamuro Daisuke, Yoshida Ken

Recognition
68th Television Drama Academy Awards: Best Supporting Actor - Takashima Masanobu


พระเอก . .แสนดีที่ไม่หล่อ

นางเอก .. แม้จะสวยสมวัย(แก่) แต่เธอก็เป็นผู้หญิงมีพันธะ
เพราะเธอมีสามีแล้วพ่วงด้วยลูกสาววัยแรกรุ่นอีกหนึ่งคน

และที่สำคัญ .. เธอป่วย

พลอตเรื่องอย่างนี้ หากเป็นธรรมดาทั่วไปคงไม่คิดจะเหลียวแล แม้ซีรีส์จะมีบรรยากาศสีขาวของหิมะและความงดงามของซากุระเป็นแรงดึงดูดก็เถอะ จึงมีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้นที่ซีรีส์เรื่องนี้ได้โลดแล่นเข้าคิวมาอย่างไวไม่ต้องคิดมาก เพราะพลังแรงของแม่เหล็กจากคนๆ นี้

“ซาโต้ ทาเครุ”



แม้เป็นหนึ่งในนักแสดงคนโปรด แต่นับดูผลงานทั้งที่บังเอิญผ่านตาและตั้งใจใส่ตาก็เป็นเพียงครึ่งเดียวจากผลงานทั้งหมดเท่านั้น เหตุเพราะซาโต้มักโลดแล่นอยู่ในบทรอง ซึ่งคงไม่อาจตามดูเขาในทุกๆ เรื่องราวกับบทบาทของตัวประกอบเท่านั้นได้ แต่เท่าที่สายตาผ่านมา ดูเหมือนว่าระดับความสำคัญในบทบาทของซาโต้จะดูโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ซาโต้เพิ่งจะได้เป็นพระเอกเต็มเต็มตัวกับเขาในเรื่อง Q10 ปี 2010 แล้วก็กลับมารับบทรองอีกครั้งกับ Fuyu no sakura แต่ในปี 2011 เดียวกันนี้ เขาก็ได้รับบทเด่นเป็นพระเอกเรื่อง Saigo no kizuna ด้วยเหมือนกัน (ยังไม่ได้ดู แต่เรื่องนี้อย่างไรก็พลาดไม่ได้อยู่แล้ว) ซึ่งหากหยิบผลงานเฉพาะที่เคยดูมาทั้งหมดเข้าประกวด มีกรรมการตัดสินหนึ่งคนคือตัวผู้เขียนเอง ขอให้คะแนนอย่างไม่มีลังเลว่านี่คืบทบาทที่ดีที่สุดของซาโต้ ทาเครุ



สำหรับ คุซานางิ สึโยชิ ( Kusanagi Tsuyoshi) พระเอกของเรื่อง เชื่อว่าไม่เคยเจอกันมาก่อนในประวัติศาสตร์การรับชมซีรีส์ญีปุ่นของตัวเอง (เว้นแต่จะจำไม่ได้) แต่คุ้นเคยกับหน้าตาของเขาเป็นอย่างดีเพราะว่าเขาคือพระเอกซีรีส์ Walk my way หัวใจของผมบริสุทธิ์ ที่ผู้เขียนมักจะจดๆ จ้องๆ อยู่เป็นประจำตั้งแต่ตอนเริ่มดูซีรีส์ญี่ปุ่นใหม่ๆ จนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังจดๆ จ้องๆ อยู่ แต่ก็ยังใจไม่ถึงซะทีเพราะสำหรับเรื่องนี้ที่พระเอกเป็นออทิสติกลัวเสียน้ำตามากจัด





อินาบะ ทาสึคุ เป็นคนงานโรงงานเป่าแก้วเล็กๆ ในเมืองยามากาตะ เขาเป็นชายหนุ่มเงียบๆ นิสัยสุภาพแสนดี และไม่เคยมีความรักมาก่อน จนวันหนึ่งที่เขาได้พบกับเธอ อิชิคาวะ โมนามิ หญิงสาววัยกลางคนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองยามากาตะลำพัง เพราะเธอหวังจะได้เห็นซากุระบานในฤดูหนาวที่เรียกกันว่า keio-zakura แต่เธอประสบเหตุชิงทรัพย์โดนทำหัวกระแทกจนส่งผลกระทบให้เธอเสียความทรงจำ

อย่าเพิ่งนะคะ อย่าเพิ่งทอดถอนใจกับพล็อตเรื่องความจำเสื่อม เพราะนี่ไม่ใช่ความจำเสื่อมน้ำเน่าแบบที่เราคงจะคุ้นเคยกัน เพราะนี่มันดูมีเหตุมีผลกว่านั้น แถมยังประเด็นสำคัญต่อความคิดการตัดสินใจของตัวละคร





จับพลัดจับผลูความจำเป็นบางอย่างทำให้ได้มาอาศัยอยู่บ้านทาสึคุแทนการพักอยู่ในโรงพยาบาลชั่วคราว บ้านของหนุ่มโสดที่เรียบง่ายและเงียบสงบ ทาสึคุอาศัยอยู่กับแม่ที่นอนป่วยเป็นผักช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และไม่มีความทรงจำ เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งลูกของตัวเอง เหนือเตียงของเธอในบ้านจะมีกระดิ่งผูกสายไว้สำหรับเธอในยามที่ต้องการเรียกหาใครสักคน ซึ่งก็มีอยู่คนเดียวเท่านั้นที่เธอเรียกได้คือ ทาสึคุ ในทุกๆ วันของการทำงานเขาจะมีช่วงโมงยามสำหรับการพักเบรกเพื่อกลับบ้านมาดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำให้ยากับแม่ (ไม่ต้องปูพื้นกันไกล ก็รู้ว่านี่คือสุดยอดคุณลูก)




เปิดเรื่องเพียงตอนเดียวเนื้อหาก็ปูพื้นตัวละครหลักๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งตัวทาสึคุเอง และฮาจิเมะน้องชายของเขาที่เป็นแพทย์อินเทิร์นฝึกหัดอยู่ไกลกันถึงโตเกียว ทางด้านโมนามิก็มีสัญญาณแปลกๆ จากคาแร็คเตอร์ของคนในครอบครัวที่บ่งบอกให้รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความสุขกับชีวิตการแต่งงาน



โมนามิ จำไม่ได้ว่าเธอมาที่ยามากาตะได้อย่างไร ไม่รู้กระทั่งเธอมีสามีและลูกสาวกำลังรอคอยอยู่ที่โตเกียว การได้พักพิงอยู่ในบ้านของทาสึคุ แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่การได้รับความช่วยเหลือดูแลจากหัวใจอันอ่อนโยนของทาสึคุที่คอยรับฟังความรู้สึกของเธออย่างเข้าใจ ปลุกปลอบให้เธอหายหวาดกลัวต่อโลกที่ไร้ความทรงจำและให้กำลังใจที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่น่าวิตก หากว่าความทรงจำของเธอฟื้นคืนแล้วได้พบว่าแท้จริงมันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีและตัวเธอนี้คือหนึ่งชีวิตในโลกที่ไม่มีความสุข

ในระหว่างนั้นแม่ของทาสึคุก็เสียชีวิตลง ความเห็นอกเห็นใจที่ต่างฝ่ายต่างมีต่อกัน ก่อเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ก่อตัวอยู่ในส่วนลึกของใจ แค่ยังไม่อาจจะมั่นใจได้นั่นคือความรู้สึก "รัก" และไม่มีโอกาสจะพัฒนาเป็นความมั่นใจ เมื่อโมนามิความทรงจำฟื้นคืน ติดต่อครอบครัวได้ และสามีของเธอเดินทางมารับกลับโตเกียว



แต่หลังจากนั้นทาสึคุก็ได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลยามากาตะเรื่องผลการตรวจรักษาของโมนามิ เป็นไปได้ว่าเธออาจมีเนื้องอกในสมอง และเมื่อมันเริ่มส่งผลถึงความทรงจำของเธอ นั่นหมายถึงขนาดและตำแหน่งของมันอาจอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงที่ส่งผลให้ชีวิตของเธอกำลังสั้นลงทุกที ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจสมองอย่างละเอียดให้เร็วที่สุด



ถ้าคนไม่รู้สึกอะไร แค่โทรบอกกันก็ได้ ก็จบกันแค่นั้น แต่เพราะหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความปราถนาดี เรื่องความเป็นความตายอย่างนี้ ทาสึคุจึงต้องเดินทางมาไกลถึงโตเกียว เพื่อบอกกล่าวกับเธอด้วยตัวของเขาเอง แม้โมนามิจะกังวลเกี่ยวกับความเข้าใจผิดจากสามีและปฏิเสธที่จะพบหน้าทาสึคุ แต่ความความสัมพันธ์ของคนเคยช่วยเหลือดูแลกันชั่วคราวที่ยามากาตะก็ไม่ได้จบลงง่ายดายนัก ตรงกันข้ามมันกำลังเริ่มเติบโตขึ้นและได้ลากเอาชีวิตของใครหลายคนเข้ามาเกี่ยวพัน




ครอบครัวอินาบะ


พี่ชาย - อินาบะ ทาสึคุ ผู้ชายสุดดีที่แสนอ่อนโยน เปี่ยมไปด้วยความรักความปรารถนาดีด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ นี่ไม่ใช่เพราะความรักต่อโมนามิเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโดยตัวตนเขาเองเป็นคนเช่นนั้นด้วย เขาทำงานหนักดูแลแม่ที่ป่วย แม่ที่เป็นแม่แค่ให้กำเนิดแต่ไม่เคยดูแลจริงจัง เลี้ยงดูอย่างทิ้งขว้าง พร้อมกับข่าวลือมากมายเรื่องที่เธอเป็นสาวมากรัก จนไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของลูกสองคน และบางทีพวกเขาอาจไม่ได้มีพ่อคนเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น ทาสึคุก็ดูแลแม่อย่างดีด้วยความรักความอ่อนโยนแบบไม่มีปริปากบ่นหรือรู้สึกว่าแม่เป็นภาระขวางทางชีวิตเขา



น้องชาย- อินาบะ ฮาจิเมะ เขาแตกต่างจากพี่ชายเกี่ยวกับความรู้สึกเรื่องของแม่ ฮาจิเมะเป็นคนตรงไปตรงมา คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น เขาเกลียดแม่ที่บอกไม่ได้ว่าใครเป็นพ่อของเขา แม่ที่เลี้ยงดูพวกเขาอย่างทิ้งขว้าง และที่ฮาจิเมะเติบโตมาได้ก็เพราะเขามีพี่ชายคอยดูแล คอยส่งเสียเขาเล่าเรียน พี่ชายที่ทำเพื่อแม่ ทำเพื่อเขา โดยไม่เคยห่วงว่าควรทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เมื่อแม่ป่วยฮาจิเมะจึงไม่เคยกลับมาดูแลเธอสักครั้ง การได้ไปอยู่โตเกียวเหมือนเป็นที่ที่เขาได้หลบหนีไปจาก “แม่..อย่างนั้น” และเขาก็มุ่งมั่นสุดกำลังเพื่อจะสำเร็จเป็นนายแพทย์มีอนาคต มีชีวิตที่ดีๆ เพื่อจะได้มีโอกาสตอบแทนพี่ชายของเขาได้




ในงานศพของแม่ ฮาจิเมะ จึงไม่มีถ้อยคำอื่นใดแสดงความรู้สึกเสียใจ นอกจากถ้อยคำประณามต่อหน้าโลงศพ นั่นอาจดูเป็นความก้าวร้าวที่ไม่ยอมให้อภัยแม้แต่กับคนที่ตายไปแล้ว และคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่
แต่คนแบบนี้แหละที่ดูแล้วน่าสงสาร แทนที่จะสงสารพี่ชายแสนดีกลับรู้สึกสงสารน้องชายที่แสดงความรู้สึกในใจของเขาที่มีต่อแม่ออกมาอย่างซื่อตรง ซึ่งมันคนละส่วนกันกับความรู้สึกเสียใจลึกๆ ในใจเขา เหมือนกับที่ต่อมาภายหลัง ฮาจิเมะได้บอกกับพี่ชาย

I actually have one thing that I deeply regret.
why , while mom was still alive didn’t I come to see her even for just once.
I didn’t tell her even just a single word “ Thank you”

ความจริงแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ผมเสียใจอย่างที่สุด
ทำไม ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ผมไม่ยอมกลับมาเพื่อเยี่ยมแม่สักครั้ง
ผมไม่ได้บอกกับแม่สักคำ แม้แต่คำว่า “ขอบคุณ”




เขาอาจไม่เคยพูดถึงแม่สักคำ แต่ผ้าพันคอสีน้ำเงินที่เขาพันติดคอนั่น มันยิ่งกว่าคำอธิบาย เพราะนั่นคือผ้าพันคอที่แม่ถักไว้ให้ ในช่วงเวลาที่เขาไม่เคยกลับบ้าน ผ้าพันคอจากฝีมือห่วยๆ ของแม่ ที่ปุๆ เป็นรู และปลายข้างหนึ่งของมันลุ่ยเยิน พี่ชายเก็บมันไว้เพื่อส่งมอบให้เขาตามความตั้งใจของแม่ เขารับมันไว้และใช้ติดตัวอยู่ตลอด



ว่าที่น้องสะใภ้- มุคาอิ อันนา เธอเป็นแฟนของฮาจิเมะ ทำงานเป็นนักโภชนาการอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน เป็นคนใจดี และสดใสอารมณ์ดีตามประสาคนมองโลกในแง่ดี เธอเป็นแฟนกับฮาจิเมะแบบอยู่ก่อนแต่ง จึงอาศัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งความรักที่เธอมีต่อฮาจิเมะได้เผื่อแผ่ความเอื้ออาทรไปยัง “โอนี่ซัง” ผู้เป็นพี่ชายของฮาจิเมะด้วย




อันนาเป็นบทบาทที่ช่วยทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความผ่อนคลาย เป็นตัวกลางคอยไกล่เกลี่ยความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างพี่ชายกับน้องชาย เพราะฮาจิเมะไม่เห็นด้วยที่พี่ชายของเขามักหาเรื่องเอาทุกข์ร้อนของคนอื่นมาแบกไว้ ไม่เคยเห็นแก่ตัวคิดทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง การดูแลแม่ที่ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นเรื่องหนักหนา เมื่อแม่เสียชีวิตไป ฮาจิเมะรู้สึกว่าพี่ชายของเขาเพิ่งจะมีโอกาสได้เป็นอิสระ แต่แล้วเขากับมีใจให้กับผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ที่แย่ที่สุดคือเธอกำลังป่วย และพี่ชายของเขากำลังหาเรื่องเจ็บปวดใส่ตัวเอง ทั้งการพัวพันกับภรรยาชาวบ้าน หรือการรับมือกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง




แต่อันนาเป็นคนเข้าอกเข้าใจคนอื่น การได้พบกับโมนามิทำให้เธอรู้สึกถึงความไม่เป็นสุขที่แอบแฝงอยู่ เธอเข้าใจในความรู้สึกของทาสึคุและรู้สึกนับถือความรักของเขาด้วย จะต้องเป็นคนที่มีหัวใจแบบไหนกันถึงจะรักใครสักคนในแบบที่โอนี่ซังรักได้ รักด้วยความปรารถนาดีล้วนๆ อย่างไม่หวังอะไรตอบแทน แต่เธอก็เข้าใจความรู้สึกของฮาจิเมะด้วย เพราะเธอเป็นคนที่ผูกพันใกล้ชิด เธอย่อมรู้ดีกว่าใครว่าโอนี่ซังทาสึคุนั้น สำคัญต่อฮาจิเมะอย่างไร และเขารักพี่ชายมากแค่ไหน

As I thought , whatever you say you are still so kind.
“อย่างที่ฉันคิด ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เธอก็ยังเป็นคนที่ใจดีมาก”.






ครอบครัวอิชิคาวะ


ภรรยา-อิชิคาวะ โมนามิ ผู้หญิงที่ดำเนินชีวิตตามแบบแผนของหญิงสมบูรณ์แบบ เรียนจบ แต่งงานกับผู้ชายหน้าที่การงานดีเป็นนายแพทย์ฝีมือเลิศดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหาร ฐานะมั่นคงเป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอง อีกต่างหาก มีลูกสาวน่ารักด้วยกันหนึ่งคน ทุกอย่างเพียบพร้อม แต่เธอกลับไม่มีความสุข เพราะเธอกลายเป็นเพียงแม่บ้านที่ไม่ได้รับความรักความเอาใจใส่จากสามีผู้ทำแต่งาน เหินห่าง และสวมเขาให้ ลูกสาวที่เคยใกล้ชิดก็เริ่มโตเป็นสาวและกำลังอยู่ในวัยของการมีเพื่อนฝูงไม่ใช่เด็กเล็กๆ ในอ้อมกอดอีกต่อไป ซ้ำร้ายยังมีแม่สามีที่คอยเข้มงวดกวดขัน คอยก้าวก่ายความเป็นไปในครอบครัว นึกอยากจะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็โทรมาเรียกใช้ตามใจ ทั้งหมดนั้นมันยังไม่หนักหนาเท่าไหร่ถ้าเทียบกับชีวิตส่วนตัวของเธอเองหายไป สิ่งที่ชอบ สิ่งที่เธอรัก สิ่งที่เธออยากจะทำ แต่ไม่มีอิสระจะทำได้ รวมถึงการเป็นครอบครัวแสนสุขที่เธอใฝ่ฝันแต่มันไม่กลายเป็นจริง




สามี-อิชิกาวะ โคอิจิ หากจะมีสักสิ่งที่เป็นปัญหาต่อการดูซีรีส์เรื่องนี้ต่อผู้เขียน ก็คือตัวละครตัวนี้แหละ ที่ไม่อาจจะเข้าใจว่าเขาเป็นอะไรนักหนากับคาแร็คเตอร์ลุ่มๆ ดอนๆ ที่แสดงอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ประหนึ่งคนโรคจิต แม้จะส่อแววให้เห็นแต่แรก เขาไม่ใช่คนดีและนี่คือสาเหตุที่โมนามิต้องมีชีวิตอยู่ร่วมกับสามี+แม่สามีด้วยความกดดัน เขาดูเหมือนเกลียดภรรยา ไม่รัก ไม่ใส่ใจ แต่บางเวลาก็ดูเหมืนจะรักแรงหึงแรงด้วยความหวงแหน นึกอยากจะยิ้มก็ยิ้ม นึกอยากแกล้งทำดีก็ทำดี แล้วก็ทำหน้าตาโรคจิต เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ก็เข้าใจล่ะว่าเป็นตัวละครที่เป็นปมให้ขบคิดและอยากรู้ว่าเขาคนนี้จะเอาอย่างไรกันแน่ อยากรักษาภรรยา อยากฆ่าภรรยาโดยอาศัยมีดผ่าตัด หรือทั้งไม่ฆ่าให้ตายและไม่รักษาให้หาย แต่กะให้เสียความทรงจำและผูกติดอยู่ด้วยกันตลอดไป แบบว่า รัก แต่ไม่ใส่ใจ หรือ ไม่รักแต่ไม่ยกให้ใครทั้งนั้น

แต่ว่า ... ลุงกลับได้รางวัล Best supporting actress นะเออ (เป็นงั้นไป)





แม่สามี- อิชิคาวะ โชโกะ
แม่สามีไฮโซ แต่งตัวเนี๊ยบด้วยชุดยูกาตะในชีวิตประจำวัน เจ้ากี้เจ้าการให้ทุกอย่างรอบตัวเป็นไปตามแบบแผนของชีวิตครอบครัวสมบูรณ์แบบ (ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับคำว่า “ความสุข”)

ลูกสาว-อิชิคาวะ โคโตเนะ ลูกสาวที่รับรู้แค่ว่า พ่อเป็นคนทำงาน แม่เป็นแม่บ้าน คุณย่าคือญาติผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด แต่ไม่เคยรู้เลยว่าความสุขของแม่คืออะไร ไม่เคยคิดสังเกตเห็นความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ที่มีปัญหา และเมื่อถึงเวลาเธอกลับได้เห็นแค่ว่า แม่ของเธอ จากไปพร้อมกับผู้ชายคนอื่น

ชู้- ชิราอิชิ ชิเอะ เพื่อนสนิทของโมนามิที่ทำงานในโรงพยาบาลของสามี เสียดายแต่ว่า นี่คือเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เมื่อเพื่อนเราเผาเรือน ต่อหน้าเป็นเพื่อนรักคอยรับฟัง ลับหลังลักลอบเป็นชู้และคอยใส่ไฟตามธรรมเนียมเพื่อนรักเพื่อนร้าย

ดังนั้น จึงเป็นดังนี้ สามีผู้มีชู้ทางกาย กับภรรยาผู้มีชู้ทางใจ



แต่อย่าเข้าใจผิดว่าซีรีส์เรื่องนี้จะออกแนวภรรยาน้อยใหญ่ คุณนายที่หนึ่งที่สองเป็นดอกส้มสีทองแบบรักแรงเกลียดแรง ตรงกันข้ามมันกลับให้ความรู้สึกอ่อนโยน จนรู้สึกว่าถ้าเอาคำว่าศีลธรรมจรรยาของการเป็นสามีภรรยามาข้องเกี่ยว จะทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูแปดเปื้อนอย่างไม่ค่อยยุติธรรม




ความอ่อนโยนที่ว่านั้นมาจากไหน

จากคนๆ นี้ .. ทาสึคุ ผู้ชายแสนดีที่มีแต่ความรักความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังอะไรตอบแทน แค่ขอเป็นใครสักคนที่คอยเป็นกำลังใจให้เธอ ไม่ให้เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไป แค่คอยรับฟังอย่างเข้าใจ ผลักดันให้เธอต่อสู้กับโรคร้ายและกล้าที่จะเลือกตัดสินใจกับผลของมันด้วยตัวของเธอเอง




อาการเนื้องอกในสมองของโมนามิอยู่ในภาวะอันตราย หากไม่ผ่าตัดเธอจะเสียชีวิตภายในเวลาไม่นานนัก แต่หากจะทำการผ่าตัดก็เป็นเคสที่ยากสุดๆ เปอร์เซ็นต์ที่จะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดเป็นไปได้อย่างสูง และยังมีความเสี่ยงในเคสที่แย่สุดๆ คือเธอ อาจสูญเสียความสามารถในการรับรู้ และกลายเป็นแค่คนป่วยที่นอนเปื่อยอยู่กับเตียงโดยไม่มีสติรับรู้ใดๆ นี่คือประเด็นสำคัญของเรื่องที่โมนามิต้องตัดสินใจเพื่อตัวเธอเอง และประเด็นเดียวกันนี้สามีของเธอต้องการบังคับให้เธอตัดสินใจตามใจเขาด้วย

ไม่ผ่าคือตาย
ถ้าผ่าคือความเป็นไปได้สูงที่จะสูญเสียความทรงจำ
และอาจถึงขั้นไม่มีความสามารถในการรับรู้ใดๆ





โมนามิอยากมีชีวิตอยู่เพื่อลูกสาวที่ยังเล็กและยังต้องการใช้เวลาร่วมกันอีกมากก่อนที่เธอจะเติบโตเป็นหญิงสาวมีเหย้ามีเรือนออกไป แต่ความเสี่ยงที่ต้องมีชีวิตอยู่หลังผ่าตัดโดยไม่มีความทรงจำใดๆ รวมถึงเธออาจกลายเป็นคนป่วยที่นอนแช่อยู่กับเตียงเป็นภาระกับใครๆ ไปตลอด นี่จึงเป็นเรื่องที่ยากต่อการตัดสินใจเพียงลำพัง แต่ด้วยสามีของเธอนั้นไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยสักครั้งที่จะหยุดรับฟังกับสิ่งที่เธอต้องการบอกเล่า ให้คำปรึกษา หรือแม้แต่แบ่งปันความทุกข์กับโรคร้ายที่เกิดขึ้นกับตัว



เธอจึงชอบแหงนหน้ามองท้องฟ้า ถ่ายรูปท้องฟ้า และอยากจะเป็นอิสระเหมือนหมู่นกที่โผบิน ความจริงแล้วโมนามิก็เหมือนนก(แก่)ในกรงทอง ที่ต้องการจะโบยบินเป็นอิสระ แต่เพราะเคยอยู่แต่ในกรง เธอจึงหวาดกลัวที่จะทำเช่นนั้น ทาสึคุ จึงเป็นใครคนหนึ่งที่เข้ามาในช่วงเวลาเลวร้ายของชีวิต และให้ทุกๆ อย่างกับเธอ ความเข้าใจ กำลังใจ และความกล้าหาญที่จะตัดสินใจด้วยตัวของเธอเอง



ท่ามกลางมรสุมชีวิต ความรักของทาสึคุและโมนามิที่ทั้งสองคนต่างไม่เคยยอมรับมันได้ผลิบานงดงาม แต่สุดท้ายที่ปลายทางความรักของพวกเขาจะเป็นเช่นไร หรือความรักนี้เป็นได้แค่ความรักสั้นๆ ชั่วคราว เหมือนกับ keio-zakura ที่ผลิบานกลางฤดูหนาว..แค่นั้น



นุ่มนวลสุดๆ ค่ะ ซีรีส์เรื่องนี้ จะนุ่มไปไหน โดยเฉพาะสอง ep. สุดท้าย นุ่มจนจะง่วงหลับ ลำพังนั่งดูความนุ่มนวลอย่างเอื่อยๆ ในความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกมีหวังได้โงกหลับคาหน้าจอเป็นแน่ ถ้าไม่ได้ซาโต้มาคอยกระตุ้นเปลือกตาอยู่เป็นระยะถี่ๆ คอยช่วยไว้





แม้ว่าการแสดงของซาโต้ครึ่งหนึ่งนั้นเหมือนจะเล่นอยู่คนเดียวลำพังกับเครื่องโทรศัพท์และผนังตาข่ายชั้นดาดฟ้า แต่ว่าก็เป็นการเล่นคนเดียวแบบได้เนื้อได้อารมณ์อย่างสำคัญ แถมยังได้สาวหัวเหม่งคาโต้ โรซ่า มาช่วยเสริมทัพอีกคน ด้วยผู้เขียนไม่ชอบซีรีส์แนวคนป่วย บอกความรู้สึกตามตรงคือถ้าไม่มีสองคนนี้ ซีรีส์เรื่องนี้จะมีอะไรให้ชวนสนใจติดตามดู ถ้าบทบาทตรงนี้จะมีเฉพาะน้องชายซาโต้คนเดียวก็คงจะเอาอยู่ แต่พอได้น้องสะใภ้มาเสริมอีกคนและสาวโรซ่าก็ช่วยได้มากโข กลายเป็นว่าดูซีรีส์ที่ควรจะเศร้ากลับไม่เศร้าเท่าไร เพราะได้สองคนนี้มาช่วยผ่อนคลาย ยามอยู่ด้วยกันก็ง้องแง้งประสาคู่รักแสนกันเอง บางเวลาก็กุ๊กกิ๊กน่ารับรรยากาศ ยามเศร้าของฮาจิเมะ อันนาก็คอยปลอบใจอยู่ใกล้ๆ และภาพคู่รักลักษณะนี้ ใช่ว่าจะหาดูกันได้ง่ายๆในซ๊รีส์ญีปุ่น และคงจะเป็นโอกาสยากเย็นเช่นกันที่จะได้เห็นซาโต้เล่นซีรีส์แนวรักโรแมนติกหรือรักคอมเมดี้ (ไม่นับ Q10 ที่นางเอกไม่ใช่คน) เรื่องนี้จึงเหมือนได้เห็นซาโต้มีนางเอก(ที่เป็นคน)และรักกันดีๆ ขอบคุณผู้เขียนบท Takahashi Maki (My girl, Osen , Hammer session ) สำหรับการสร้างความสัมพันธ์คู่รักที่แสนน่ารักระหว่างสองคนนี้ให้ได้ชื่นอกชื่นใจ



ด้วยผู้เขียนมีจริตส่วนตนที่ชื่นชอบความสัมพันธ์แบบพี่ๆ น้องๆ เรื่องนี้ ใครจะซึ้งกับนางเอกพระเอกก็ซึ้งไป แต่ตัวผู้เขียนน้านนน ขอซึ้งกับเขาคู่นี้ พี่น้องทาสึคุ กับฮาจิเมะ คนหนึ่งเป็นพี่ที่ดูเหมือนพ่อ แต่บางเวลาก็ดูคล้ายจะเป็นน้องชายผู้น่าห่วงใยมากกว่า ส่วนน้องชายผู้เป็นเหมือนน้องเล็ก สิ่งที่พี่ชายเคยทำเพื่อเขาเป็นความซาบซึ้งในความรักและพระคุณ และเขารักตอบพี่ชายของเขาอย่างสุดใจ จนกลายเป็นความห่วงใยอย่างมากเมื่อพี่ชายของเขามีความรักต่อผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว และโลกไม่ได้กว้างใหญ่ เพราะสามีของเธอคือผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่นั่นเอง





ฮาจิเมะจึงตกอยู่ในภาวะความกดดัน ทั้งความเป็นห่วงว่าพี่ชายของเขากำลังจะทุกข์ทนเพราะความรักที่ยากจะสมหวัง เพราะผู้อำนวยการที่ใครๆ ก็เห็นว่าเขาเป็นเพอร์เฟ็คต์แมนที่คงจะเป็นสามีเพอร์เฟ็ตด์ด้วย เขาห่วงพี่ชายของเขา และห่วงตัวเองด้วย หน้าที่การงานของเขากำลังสั่นคลอน นั่นหมายความว่าทั้งหมดที่เขามุ่งมั่นมาตลอดเพื่อจะมีอนาคตดีๆ ตอบแทนพี่ชายของเขามันกำลังจะพังลง

“ฉันเข้าใจ ความรู้สึกของฮาจิเมะจังนะ เธอต้องการทำงานหนักเพื่อที่จะเป็นหมอที่ดี
แล้วเธอจะได้ตอบแทนพระคุณของโอเน่ซังใช่ไหมล่ะ”


“แต่ที่สุดแล้วฉันก็ยังคิดถึงแต่ตัวเองอย่างตัวฉันเองสำคัญกว่า”

“นั่นมันก็เรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ คนทุกคนก็เป็นเหมือนกัน”

“ไม่ใช่ทุกคนหรอก...นี่จังคือคนที่แตกต่าง”






ใช่แล้ว เพราะเขาแตกต่าง เพราะเขาคือคนที่ให้ความสำคัญกับความสุขของคนอื่นมากกว่าความสุขของตัวเอง ฮาจิเมะจึงสุดห่วงใยเมื่อพี่ชายกำลังมีความรักต่อควรที่เขาไม่สมควรรัก เธอจะป่วย จะทุกข์ทรมาน สิ้นหวังในชีวิต หมดกำลังใจในการมีชีวิตอยู่หรืออะไรก็ช่าง ไม่มีอะไรที่พี่ชายของเขาจะทำให้เธอได้ เขาไม่มีฐานะอะไรที่จะทำได้อย่างสมควรในเมื่อโมนามิซังมีสามีของเธออยู่แล้วทั้งคน และไม่ว่าพี่ชายเขาจะคิดอย่างไร ฮาจิเมะจะทำอย่างเต็มที่คือการต่อต้าน แต่ด้วยความรักทั้งหมดที่มีต่อพี่ชายของเขา ฮาจิเมะจะดันทุรังทำได้สักกี่น้ำ ที่สุดแล้วตัวเขาก็ต้องเลือก



Ahh why must it be Monami-san of all people , I wonder
"อ๊าา ท่ามกลางผู้คนมากมาย ทำไมต้องเป็นโมนามิซังด้วยนะ
ฉันล่ะแปลกใจจริงๆ"


But at that time Onii – chan always carried my problem
on your back and kept running around.
"แต่ในเวลาอย่างนั้น โอนี่จังคอยแบกปัญหาของฉันไว้บนหลัง
และยังคงวิ่งต่อไปเสมอ"


No matter what I do, I will become a full fledged doctor for you to see.
"ไม่ว่าผมทำอะไร, ผมจะกลายเป็นหมออย่างเต็มตัวให้พี่ได้เห็น"






ด้วยทาสึคุมีคาแร็คเตอร์ที่นิ่งๆ เป็นยอดชายนายสงบเย็น (ดูเป็นแบบฉบับของคนที่จะไม่เคยโกรธใครในโลกนี้) และใบหน้าของเขาก็เข้ากันอยู่ในทีเขาจึงดูไม่มีอะไรหลากหลายนัก นอกจากเรียบเย็นและเศร้าเย็น แต่ซาโต้จะเป็นคนที่มีหลากหลายอารมณ์กว่า อยู่กับอันนาก็ออกแนวขัดใจช่างบ่นช่างว่าเป็นเด็กๆ ง้องแง้งกัน แต่อยู่กลับพี่ชายก็จะวางท่าเป็นพี่ชายเสียเอง คอยตักเตือนห้ามปราม ซึ่งพี่ชายผู้สงบเย็นก็จะนิ่งฟังไม่เคยเถียง แค่อธิบายความคิดความรู้สึกของเขาเนิบๆ เนิบๆ บางครั้งที่ฮาจิเมะพูดแรงๆ ออกไป จึงได้แต่ขัดใจเสียเอง และพอพ้นหน้าจากพี่ชาย เขาเองกลับเป็นคนที่เศร้าเพราะรู้สึกผิดกับสิ่งที่พูดออกไป ทั้งที่เขาเป็นคนเดียวที่พี่ชายจะพึ่งได้แต่เขากับทำเหมือนไม่เข้าใจความรู้สึกของทาสึคุเลย พี่ชายที่คิดถึงแต่ความสุขของคนอื่น คนที่คอยแต่จะขอโทษราวกับตัวเขาเองเป็นตัวภาระ ทั้งที่ ...ความจริงแล้วเขาที่เป็นคนแบกรับภาระของคนอื่น

จึงชอบประโยคนี้มากๆ เมื่อ ทาสึคุกำลังจะเอ่ยคำ ...ขอโทษ แต่โดนฮาจิเมะเบรกคำกระทันหัน

Don’t apologize! it has nothing to do with nii chan
"อย่าขอโทษนะ! นี่มันไม่เกี่ยวกับนี่จังเลย"





จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือบรรยากาศฤดูหนาวอันสวยงามของยามากาตะ โดยเฉพาะต้นซากุระสูงใหญ่ตั้งโดดเด่นบนลานหิมะโล่ง แวดล้อมอยู่ไกลๆ ด้วยแนวเขาที่ปกคลุมยอดด้วยหิมะ และอีกอย่างคงเป็นความคลาสสิคของเรื่องราวที่ใครๆ ชื่นชม แต่ประเด็นนี้ไม่ซึ้งเท่าไหร่หรอกนะกับตัวผู้เขียนเองที่ใจไม่กว้างพอจะเปิดรับซีรีส์แนวนางเอกมีสามีแล้วและป่วยไว้ในอ้อมใจ (ซึ่งคงหาใครเขียนบทอย่างนี้ไม่ได้ง่ายๆ ด้วย) ทว่าเรื่องของน้ำใจต่อผู้คน ทัศนคติในการมองโลกและใช้ชีวิตแบบไม่คิดเห็นแก่ตัวของพระเอกเขาได้คะแนนไปล้น (ดีอะไรปานนั้น) กับคำพูดที่ติดปากอยู่เสมอและมันคงจะดีถ้าคำๆ นี้ติดอยู่ที่ปากของเราสำหรับใช้ปลอบใจ ให้กำลังใจคนอื่น รวมถึงการบอกตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคใดๆ ในชีวิต

It’s alright .. มันไม่เป็นไร

เธอจะไม่เป็นไร และฉันจะไม่เป็นไร

It’s alright because tomorrow is our ally and spring will definitely arrive.

มันไม่เป็นไร เพราะวันพรุ่งนี้หมู่มิตรและฤดูใบไม้ผลิของเราจะมาถึงอย่างแน่นอน



อีกทั้งยังมีข้อคิดจากชีวิตของนางเอกที่ทำกำรส่งผ่านถึงคนดู และคงจะเป็นที่โดนใจใครหลายๆ โดยเฉพาะ...ถ้าเป็นคนที่กำลังไม่มีความสุขในชีวิตการแต่งงาน กับชีวิตที่ถูกจำกัดอิสระ บางทีความอดทนก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความกดดันเพื่อรักษาความเป็นครอบครัวที่ร่วมกันสร้างมาอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด หากหนึ่งในสมาชิกครอบครัวไม่มีความสุข แล้วครอบครัวจะเป็นสุขได้อย่างไร



It was your quiet strength that gave me the courage to flap my wings
"มันคือความเข็มแข็งที่เงียบงันของคุณ ที่ทำมอบความกล้าหาญให้ฉันได้กล้ากระพือปีก"


For the rest of this life I will choose the path I want to go by myself.
Even if that path is full of cruel realities.
"สำหรับชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ฉันจะเลือกเส้นทางที่ฉันอยากเดิน ด้วยตัวของฉันเอง"


Your life doesn’t belong to anyone, please live it your way.
Live straight and true to what you believe in , okay ?
"ชีวิตของลูกไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร จงมีใช้ชีวิตตามทางของลูกเอง
ใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ต่อสิ่งที่ลูกเชื่อถือ ตงลงมั้ย ?"





แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันจะเป็นข้อคิดที่ดีอย่างไร ก็ยังไม่ถูกอกถูกใจเท่าคำพูดประโยคนี้

Then… well this might not be the right time to say this,
but shall we get married.
"ถ้าอย่างนั้น ... ถึงมันจะไม่ใช่เวลาที่ควรจะพูดกันเรื่องนี้กันก็เถอะ
แต่ ..เราน่าจะแต่งงานกันมั้ย "


Let’s get married.
"เราแต่งงานกันเถอะ ....."


เพราะด้วยเหตุผลจากเรื่องราวที่เราผ่านมา

I want to be with you forever.
ฉันอยากใช้ชีวิตร่วมกับอันนาตลอดไป


โอ้ววววว .....มันช่างเป็นการขอแต่งงานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ท่ามกลางความสงบที่แสนเรียบง่าย แต่ว่า ได้ใจที่สุด

ซาโต้ โรซ่า แม้ตอนแรกจะดูเหมือนหน้าตาไม่เข้ากัน แต่เล่นไปเล่นมาน่ารักเหลือเกิน

และสุดท้ายที่ซีรีส์ได้ฝากไว้

Please live your own life happily.
"โปรดใช้ชีวิตอย่างมีมีความสุข"






ส่วนซาโต้ เล่นบทนี้แล้ว ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อน ดูแมนขึ้น และหล่อโขเลย



















****




Create Date : 04 พฤษภาคม 2555
Last Update : 8 พฤษภาคม 2555 17:36:40 น. 5 comments
Counter : 5479 Pageviews.

 
เรื่องนี้ตัวละครหลักมีความแตกต่างอย่างสุดขั้วเลยนะคะ
คนหนึ่งก็แสนดี มีชีวิตเพื่อคนอื่นๆ มีแต่ความปรารถนาดีให้คนอื่น
ส่วนอีกคนก็สุดจะเห็นแก่ตัวและชั่วร้าย ทำร้ายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ชีวิต
อย่างเลือดเย็นจริงๆ รักแต่ไม่ใส่ใจ หรือ ไม่รักแต่ไม่ยกให้ใครทั้งนั้น
สุดยอดของความเห็นแก่ตัวจริงๆเลยค่ะ ผูกติดเอาไว้ให้ทรมานเล่น
ใครที่ต้องเป็นภรรยาคนแบบนี้ กำไม่ต้องแบแน่ค่ะ
แล้วคิดว่าคนที่แสดงบทนี้ต้องเข้าถึงบท ถึงจิตใจตัวละครจริงๆ
เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ได้รางวัลBest supporting actressไปครอง
อย่างที่คุณprysang ได้บอกไว้หรอกนะคะ
และการที่ซีรีส์ได้ปูพื้นเรื่องให้แบบนี้
คงไม่ต้องบอกหรอกนะคะว่า ชีวิตของนางเอกน่าสงสารเพียงใด
ทั้งมีชีวิตครอบครัวที่ไม่มีความสุข ทั้งเป็นโรคร้าย แล้วยิ่งมาเจอประโยคที่ว่า
ตัวเธอนี้คือหนึ่งชีวิตในโลกที่ไม่มีความสุข ฟังดูแล้วสงสารจังเลยค่ะ
และเมื่อโชคชะตาให้ต้องมาพบเจอและเกี่ยวข้อง
กับคนแสนดีเกินมนุษย์ปุถุชนทั่วไปอย่างพระเอก
มันจึงไม่แปลกถ้าคนดูจะเอาใจช่วย และไม่ตำหนิ
ซึ่งคงต้องยกให้เครดิตคนเขียนบทว่าไหมคะ
แต่ตอนที่อ่านรีวิวครั้งแรกแล้วเจอว่า
นางเอกประสบอุบัติเหตุแล้วสูญเสียความทรงจำ
ร้องเฮ้อ!เลยค่ะ ว่าญี่ปุ่นก็เล่นพล็อตนี้กับเขาด้วยเหรอ
ดีนะคะที่คุณprysang บอกว่าอย่าเพิ่งนะคะ
อย่าเพิ่งทอดถอนใจกับพล็อตเรื่องความจำเสื่อม
เพราะไม่อย่างนั้นมีเบ้ปากร่วมด้วยแน่เลยค่ะ
และจากที่อ่านบรรยายบุคลิก ลักษณะนิสัยของพระเอกอินาบะ ทาสึคุ
คิดว่าผกก.(ใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้)ช่างเลือกพระเอกได้เหมาะสมจริงๆค่ะ
เพราะหน้าตาบุคลิกของคุซานางิ สึโยชิ นี้ช่างให้จริงๆค่ะ ดูแล้วเย็นๆเนือยๆ
เหมือนกับว่าถ้าเราอารมณ์กำลังพลุ่งพล่านเดือดปุดๆ พอได้เห็นหน้าเขา
อารมณ์มันก็จะค่อยๆคาล์มลง จนสงบลงในที่สุด คือความรู้สึกมันเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ
แต่จะว่าไปแล้ว หุหุ ไม่เคยดูซีรีส์ที่เขาแสดงสักเรื่อง แต่ที่วิเคราะห์ได้เป็นตุเป็นตะ
ก็คงต้องยกเครดิตให้คุณprysangนะคะ ที่เลือกรูปมาแปะได้อารมณ์ ความรู้สึกมาก
แบบมองหน้าพระเอกคุซานางิ สึโยชิ แล้วรู้สึกอย่างนั้นจริงๆค่ะ
ส่วนนางเอกนี้ไม่คุ้นหน้าเลยนะคะ
แต่อย่าไปสนใจเลยใช่ไหมคะว่าเธอเป็นใคร เคยแสดงเรื่องอะไรมาบ้าง
เพราะคุณprysang ก็บอกให้รู้แล้วว่าเรื่องนี้ เลือกดูเพราะใคร
หุหุ มะนาวดูรูปซาโต้ ทาเครุ จนอิ่มเลยค่ะ
แต่ก็ชอบดูนะคะ เพราะซาโต้เป็นปู้จายที่หน้าหวานเชียวค่ะ
จะบอกว่าส่วนที่ชอบที่สุดของรีวิวเรื่องนี้คือประโยคคำพูดต่างๆ
ที่คุณprysangได้แปะไว้ให้อ่าน บางประโยคนี้เล่นเอาอึ้ง ไปเลยค่ะ
แต่ทุกประโยคนั้นชวนให้เราได้คิดตามทั้งนั้นเลยค่ะ
และชอบสิ่งที่ซีรีส์ได้ฝากไว้ค่ะ"Please live your own life happily"






โดย: มะนาวเพคะ IP: 101.109.193.10 วันที่: 4 พฤษภาคม 2555 เวลา:21:35:01 น.  

 
ความจริงต้องเป็น supporting actor ค่ะ สงสัยจะยังคาใจที่น้องหนูไคอิจากเรื่อง life ที่น้องหนูไม่ได้รางวัล best actress เลยมึนค่ะ คุณมะนาวสบายดีนะคะ อากาศร้อน อย่าตากแดด เดี๋ยวไหม้


โดย: prysang IP: 110.49.116.88 วันที่: 4 พฤษภาคม 2555 เวลา:22:53:20 น.  

 
555ใช่จริงๆด้วยค่ะ ก็อปมาวางอย่างเดียวไม่ได้ช่วยดูเล้ย น่าอายจริงๆค่ะ555

ยังไงฝากคุณprysang ช่วยแก้ให้ด้วยนะคะ กราบขอบพระคุณงามๆหนึ่งทีค่ะ

ตอนนี้ไหม้แล้วค่ะ หน้าไหม้ค่ะ 555


โดย: มะนาวเพคะ IP: 182.53.43.80 วันที่: 5 พฤษภาคม 2555 เวลา:0:41:49 น.  

 
ภาพซาโต้นี้ จงใจทำเบลอให้ดูหล่อนิ
ว่าแล้วว่าทำไม อยู่ๆถึงเลือกพระเอกสึโยชิเป็นทาง
เลือกในความบันเทิง ที่แท้
มีเจ้าซาโต้เล่นเป็นบทน้องชายนี้เอง
แถมพยายามอธิบายซะ เหมือนกับว่าสึโยชิเป็นพระรองเฉยเลย

ฟังที่เล่าแล้ว เหมือนจะสนับสนุนการเล่นชู้
ที่คนดูจงใจเชียร์ออกนอกหน้า
เพราะความไม่ได้ใจของทั้ง คุณสามี แม่ผัว
และคุณลูกสาว
มีลูกผสมความเป็นเมโลดราม่าอยู่เยอะเหมือนกันนะครับ
ฟังดูแล้ว น่าจะดูอย่างกดดัน แต่ท่านพรายฯ
กลับบอกว่าดูได้อย่างชิ้วๆ อืม..แปลกใจดี

งานของพี่สึโยชินี้ไม่ปลื้มเลยสักเรื่อง
จะว่าเล่นไม่ได้ก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่าไม่ชอบขี้หน้าสักเท่าไร
ผู้เขียนว่า ซาโต้รับบทรองๆมันจะมีเสน่ห์กว่าบทเด่นๆ
เพราะจะว่าไป ทีมงานเขาก็คัดบทให้
ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าพระเอกสักเท่าไร

น่ารับไว้ในพิจารณา


โดย: Mr.chanpanakrit IP: 49.49.163.118 วันที่: 5 มิถุนายน 2555 เวลา:12:23:44 น.  

 
Thanks for sharing excellent informations. Your web-site is very cool. I am impressed by the details that you??ve on this blog. It reveals how nicely you perceive this subject. Bookmarked this website page, will come back for more articles. You, my pal, ROCK! I found simply the info I already searched everywhere and just couldn't come across. What an ideal web-site.
Louis Vuitton Handbags On Sale outlet //www.strategis.co.uk/footer.cfm


โดย: Louis Vuitton Handbags On Sale outlet IP: 94.23.252.21 วันที่: 12 สิงหาคม 2557 เวลา:16:37:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.