Group Blog
 
All blogs
 
Yokai Ningen Bem อมนุษย์แห่งราตรี



ภาพและข้อมูลจาก DramaWiki

Title : Yokai Ningen Bem
Genre : Supernatural adventure
Episodes : 10 : Rating : 15.6
Broadcast : NTV 2011-Oct-22 to 2011-Dec-24

Recognitions :
71st Television Drama Academy Awards: Best Actor - Kamenashi Kazuya
71st Television Drama Academy Awards: Best Supporting Actress - Anne



ถ้าหากมีใครถามถึงนักแสดงญี่ปุ่นในดวงใจ หนึ่งในนั้นต้องมีเขาคนนี้

คาเมนาชิ คาซึยะ (คาเมะ)

เมื่อต้นปี 2010 คาเมะ มีผลงานเรื่อง Yamato Nadeshiko Shichi Henge ปี 2011 มีเรื่อง 3 nen B-gumi Kinpachi-sensei Final SP ซึ่งไม่ได้ให้ความสนใจเพราะไม่ได้ก่อเค้าเรื่องราวมาแต่ภาคต้นในปี 1999 และอีกเรื่องคือ Yokai Ningen Bem แม้จาก 2010 มา 2011 จะข้ามมาปีเดียว แต่ถ้านับเป็นระยะห่างจากต้นปี 2010 ถึงปลายปี 2011 ก็กินระเวลาเกือบจะสองปี

เป็นสองปีที่รอคอย

ครั้งแรกที่เข้าสำรวจผลงานของคาเมะใน DramaWiki แล้วพบว่ามี Yokai Ningen Bem ขึ้นลิตท์มา ความรู้สึกคือ ดีใจมว๊าก! แต่...

เอาความรู้สึกตอนเห็นภาพใบปิดครั้งแรกเลยนะคะ

คาเมะซังงงงง เธอรับเล่นซีรีส์บ้าบออะไรอีกแล้วล่ะเนี่ย!!!

หลังจากที่รอมาเกือบสองปี ต้องมาทนดูเธอเล่นซีรีส์สติแตกอะไรอีกแล้วล่ะ! (ภาพใบปิดชวนคิดเช่นนั้น)

ที่ใช้คำว่า 'อีกแล้ว' เพราะเรื่องก่อนที่สร้างมาจากแอนิเมชั่น Yamato Nadeshiko ก็ใช่ว่าจะเป็นปลื้มนัก หากไม่ใช่คาเมะ ไม่รู้จะสามารถอดทนดูจนจบเรื่องได้หรือเปล่า Yokai Ningen Bem สร้างมาจากแอนิเมชั่นเช่นกัน เป็นแอนิเมชั่นโด่งดังที่ออกอากาศระหว่างปี 1968-1969 (ยังไม่เกิดเลย)



แต่ก็เอาเถอะ เมื่อเขาคือ คาเมนาชิ คาซึยะ

หากเขากล้าเล่น ฉันก็กล้าดู! แต่...

ถ้ามีอะไรเว่อร์เหลือล้นเกินรับไหวเหมือนเรื่อง Yamato Nadeshiko คราวนี้ไม่ขอสู้ทน จะขอซาโยนาระจากคาเมะ ไว้เจอกันเรื่องหน้า ปีหน้าฟ้าใหม่เลยก็แล้วกัน

ทว่า ซีรีส์ไม่ได้บ้าบออย่างที่คิด เพียงแต่เป็นแนวสิ่งเหนือธรรมชาติ (supernatural ) ที่เหมาะกับคนต้องการเปลี่ยนบรรยากาศในการชมซีรีส์ มันต่างกันนะคะระหว่างความโอเวอร์เหนือความเป็นคน กับสิ่งที่ถูกกำหนดบทบาทให้มีพลังอำนาจเหนือคน ปกติผู้เขียนเป็นคนที่ชอบแนวแฟนซีอยู่บ้างแล้ว จึงไม่ได้มีปัญหาแอนตี้อะไรกับพลอตเรื่องนี้

"สามสัตว์ประหลาดที่อยากมีโอกาสเปลี่ยนเป็นคน"



ไม่มีใครรู้พวกเขาเกิดมาเมื่อไหร่
แบ่งตัวจากเซลล์เพียงเซลล์เดียวในโลกที่ไร้เสียง
สามสิ่งมีชีวิตได้ถือกำเนิดขึ้น
พวกเขาไม่ใช่มนุษย์
และพวกเขาก็ไม่ใช่สัตว์
แต่ภายใต้ร่างกายที่น่าเกลียดนี้
มีหัวใจแห่งความยุติธรรมอันแข็งแกร่งซุกซ่อนอยู่
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้คือ
สัตว์ประหลาดที่ไม่มีวันกลายเป็นมนุษย์ได้






เบมุ เบล่า เบโล่

ขอเรียกชื่อตามซับไทยที่ดู บางคนเขียนตามภาษาอังกฤษ คือ เบม เบลล่า เบลโล่ แต่ถ้าฟังเสียงซาวด์แทรคจะได้ยินชัดเจนว่า เบมุ ไม่ใช่ เบม และผู้เขียนเชื่อเอาเองว่าผู้แต่งเนื้อเรื่องแอนิเมชั่น คงไม่ได้ตั้งใจให้เป็นชื่อภาษาอังกฤษแต่แค่ให้เป็นชื่อที่แปลกกว่าคนญี่ปุ่นธรรมดาทั่วไป

เบมุ เบล่า เบโล่ คือสามสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คน แม้ยามปกติมีร่างเหมือนคนแต่ก็เป็นคนที่ยังไม่สมบูรณ์ เบมุยังคงมีเขาเล็กๆ หลงเหลืออยู่ที่หน้าผาก เบล่าผิวหนังบริเวณขมับของเธอยังคงเป็นรอยเกล็ด ส่วนเบโล่เด็กน้อยที่ไม่มีวันโตยังมีสองเขาน้อยๆ ค้างอยู่บนหัว นั่นเป็นสาเหตุที่เบมุต้องสวมหมวก เบล่าต้องใช้ที่คาดผม และเบโล่ต้องใช้แว่นคาดหัว เพื่อปิดบังส่วนเกินอันไม่พึงประสงค์ของร่างกายไว้ เช่นเดียวกับผิวแข็งลายเป็นกล็ดบนไหล่และแขนที่ถูกปิดบังไว้ภายใต้เสื้อผ้าสวมใส่



เมื่อไหร่ก็ตามที่ทั้งสามตกอยู่ในสภาวะอารมณ์ เช่น ตกใจ เศร้า โกรธ เสียใจ หากควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ร่างกายของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาพร่างอันเป็นตัวตนที่น่าเกลียดน่ากลัว

พวกเขามีเลือดสีเขียวที่ไม่มีวันหยด เพราะหากมีบาดแผล ร่างกายก็สามารถสมานรอยคืนได้ทันควัน ดังนั้น พวกเขาจึง ไม่โต ไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตายด้วย



เบมุ เบโล่ เบล่า เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาด และยังคงประหลาดอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ผ่านช่วงชีวิตมาเนิ่นนานเกินนับ อยู่อาศัยร่วมโลกกับพวกมนุษย์โดยพยายามทำตัวให้กลมกลืน แต่ด้วยรูปกายที่แตกต่างพวกเขาจึงเป็นสิ่งมีชีวิตอีกจำพวกที่ถูกเรียกว่า 'สัตว์ประหลาด' หากมีมนุษย์คนใดล่วงรู้ถึงตัวตนแท้จริงของพวกเขา วาระของการถูกรังเกียจ ถูกหวาดกลัวก็จะมีมาพร้อมๆ กับการขับไล่



แม้ เบมุ เบโล่ และเบล่า จะมีพลังบางอย่างเหนือมนุษย์ แต่ด้วยทั้งสามเป็นสิ่งมีขีวิตจิตใจดี จึงไม่เคยใช้พลังที่มีทำร้ายใคร เว้นแต่จะเป็นไปเพื่อการช่วยเหลือมนุษย์ผู้เดือดร้อนเท่านั้น เมื่อความจริงเกี่ยวกับตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผย ทั้งสามก็ไม่คิดต่อสู้ทำร้าย แต่จะพาพากันย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น เบมุ เบโล่ เบลล่า จึงไม่เห็นหนทางใดที่จะใช้ชีวิตปะปนหรืออยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปกติสุข นอกเสียจากพวกเขาจะกลายเป็นมนุษย์จริงๆ เท่านั้น



ใช่แล้ว ทั้งสามตน อยากเป็นมนุษย์ หลังจากมีชีวิตตื่นขึ้นมากลางป่า พวกเขาได้พบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับมนุษย์คนหนึ่งที่อาจจะเป็นคนสร้างพวกเขาขึ้นมา คนที่อาจจะตายไปนานแล้ว เพราะเบมุ เบล่า เบโล่ ก็มีชีวิตอยู่มานานจนอาจจะผ่านหลายช่วงชีวิตคน แต่ต่อให้คนๆ นั้นตายไปแล้ว บางทีการตามหาให้ได้รู้ว่าเขาเป็นใคร อาจช่วยให้ทั้งสามตนได้ค้นพบหนทางที่จะทำให้กลายเป็นมนุษย์ได้ ระหว่างใช้ชีวิต เดินทาง และย้ายถิ่น พวกเขาจึงหวังจะได้สืบพบคนๆ นี้ แม้นั่นจะเป็นเพียงความหวังอันริบหรี่ก็ตาม



“พวกมนุษย์น่ะ เย็นชา และเห็นแก่ตัว”

“อย่าไปไว้ใจพวกมนุษย์”


เบล่า ผู้รู้สึกต่อมนุษย์ในแง่ร้าย เพราะประสบการณ์ร้ายๆ ที่ได้รับในชีวิตผ่านมา ทำให้เข็ดขยาดต่อความใจดำของพวกมนุษย์ที่รุมขับไล่พวกเขาอย่างโหดร้าย (ก็รูปร่างหน้าตาน่าคบซะที่ไหนล่ะ) ถูกทำร้ายเป็นแผลทางกายไม่เป็นไร เพราะจะอย่างไรผิวกายมันก็ประสานสนิทดังเดิม ไม่มีวิธีที่พวกเขาจะตายลงได้ แต่ถึงไม่เจ็บกาย การถูกเรียกว่าเป็นสัตว์ประหลาด ถูกมองเป็นสิ่งชั่วร้าย มันก็เจ็บหัวใจ ต่างจากเบโล่ที่ยังเด็กและมีหัวใจบริสุทธิ์เมื่อนึกถึงพวกมนุษย์ที่ทำร้ายขับไล่ก็อาจจะเศร้าๆ บ้าง แต่ไม่ได้เจ็บจำฝังใจนัก เบโล่น้อยยังคงอยากมีมนุษย์เป็นเพื่อนเล่นและจะดีที่สุดถ้าได้กลายเป็นมนุษย์ด้วยเหมือนกัน ส่วนเบมุผู้อ่อนไหวและใจดี แม้เคยถูกกระทำจากพวกมนุษย์อย่างไร แต่เบมุก็ยังรู้สึกต่อพวกมนุษย์ในแง่ดีเสมอ มีเมตตาให้มอบความกรุณาช่วยเหลือใครต่อใครที่เดือดร้อน เบมุยังอยากเชื่อใจพวกมนุษย์เสมอ แม้จะรู้ว่าหาได้ยากเย็นนัก ก็ยังคงเชื่อว่าในโลกนี้จะต้องมีอยู่บ้างล่ะ มนุษย์ที่เขาจะสามารถเชื่อใจได้

“ฉันมองข้ามมนุษย์ที่ต้องการความช่วยเหลือไม่ได้หรอก
ถ้าทำอย่างนั้น พวกเราก็คงเป็นได้แค่สัตว์ประหลาดเท่านั้น”




อมนุษย์ที่อยากกลายเป็นมนุษย์ แรกๆ ที่ดู ต้องถือเป็นเรื่องน่าสนใจมาก เพราะส่อแง่คิดไปในทางความหมาย คุณค่าของการเป็นมนุษย์และความหมายของการมีชีวิตอยู่ และก็เป็นไปเช่นนั้นจริงๆ เพราะชีวิตมนุษย์ที่พวกเขาผ่านพบและมีเหตุให้ต้องข้องเกี่ยวในแต่ละตอนนั้น ล้วนแต่เป็นพวกสิ้นหวังในชีวิตจนได้กลายเป็นแรงผลักดันให้ปลดปล่อยความขมขื่นออกมาในทางร้ายกระทั่งถึงขั้นลงมือก่ออาชญากรรม และเพราะมนุษย์ผู้ขมขื่นเหล่านั้นทำให้พวกเขาทั้งสามคนได้ไปข้องเกี่ยวกับ "นัตสึเมะ" มนุษย์คนสำคัญผู้เป็นนายตำรวจนักสืบ (Detective)



หากคาเมะคือพระเอก เขาคนนี้ก็เปรียบเสมือนนางเอกของเรื่อง เป็นบุคคลสำคัญ รักซึมลึกกันเหลือเกิน ระหว่างอมนุษย์เบมุ กับ มนุษย์นัตสึเมะ ถือได้ว่าเลือกนักแสดงได้ถูกใจเพราะชอบเขาคนนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ

นัตสึเมะเป็นนายตำรวจผู้สุภาพอ่อนโยน มีหนึ่งภรรยา-นาโอะ และหนึ่งลูกสาว-ยูอิ




เพราะเบมุ มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าอาจจะเป็นคนร้าย (ขณะอยู่ในที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือคน) จึงตกเป็นเป้าสายตาของนัตสึเมะ และเพราะยูอิได้พบกับเบโล่จึงกลายเป็นเพื่อนเล่นถูกคอกันดี ยูอิจึงเป็นตัวชักนำเหล่าอมนุษย์เข้าบ้าน

ครอบครัวของนัตสึเมะ ภายนอกดูอบอุ่นมีความสุขแต่แท้จริงแล้วมีบาดแผลในอดีตที่ซุกซ่อนไว้ นัตสึเมะเคยมีลูกชายคนหนึ่ง แต่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนด้วยเหตุระเบิดในอาคารที่ยังหาตัวการความผิดพลาดไม่ได้ ไม่รู้เป็นอุบัติเหตุหรืออาชญากรรม การตายที่ไม่ได้รับการคลี่คลายสาเหตุนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องค้างคาติดอยู่ในใจ เป็นความสูญเสียที่ไม่อาจลืมเลือนหรือบรรเทาความเจ็บปวดภายในใจให้หายขาด แม้คนดีที่ดูมีความสุขอย่างนัตสึเมะ ก็ยังมีมุมมืดของจิตใจแอบแฝงอยู่ในส่วนลึก การเป็นคนดีจึงไม่ใช่ว่าจะต้องดีบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนนั้นจะควบคุมด้านมืดในใจของตัวเองได้อย่างไร

เกี่ยวกับชีวิตสิ้นหวังของมนุษย์ในแต่ละตอนช่วงแรกๆนั้น ถึงกลับต้องรีบคืนคำตัวเองที่กล่าวหาว่าคาเมะเล่นซีรีส์บ้าบออะไร เพราะโดยเนื้อหาสาระมีแง่คิดดีๆ นำเสนอ แต่ต่อมาก็หายตื่นเต้นเพราะยังคงมีปัญหาติดอยู่ที่มันไม่คมคายพอจะเป็นประเด็นกินใจต่อตัวผู้เขียนเอง ดังนั้น แม้ซีรีส์จะมีเนื้อเรื่องไปในทางที่อาจจะมีโอกาสกล่าวได้ว่าเป็นซีรีส์สนุกดีมีสาระมาก แต่ผู้เขียนก็ไม่อาจจะบอกอย่างนั้นได้ เพราะเท่าที่ดูคิดว่าเป็นซีรีส์ที่สามารถดูได้เรื่อยๆ ไม่ได้สนุกแบบจะต้องตั้งหน้าตั้งตาลุ้นหรือติดตาม แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไร เพราะก็ยังคงดูง่ายกว่าซีรีส์หลายๆ เรื่องที่อาจจะต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์กว่าจะดูให้จบ ต้องอาศัยความอดทนนิดหน่อย หัวเสียนิดหนึ่ง แอบเบื่อ แอบง่วงบ้าง แต่กับเรื่องนี้ ผู้เขียนดูได้นานเรื่อยๆ และดูจบภายในสามคืนเท่านั้น



ด้วยส่วนตัวมองว่า ซีรีส์เรื่องนี้มีโอกาสจะทำให้เริ่ดได้ทั้งในประเด็นสาระเกี่ยวกับคุณค่าของการมีชีวิตอยู่อย่างมนุษย์ปถุชนคนหนึ่ง ความเป็นอมนุษย์ พลังวิเศษ การแปลงร่าง รวมถึงมุมมองต่อพวกมนุษย์ที่อมนุษย์ทั้งสามจะเป็นฝ่ายถ่ายทอดในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน จะทำให้เรื่องมีสีสันน่าดูยิ่งขึ้น ซึ่งความจริงก็มีอยู่แล้วทุกอย่าง เพียงแต่ไม่คมบาดถึงขั้นจะจี๊ดใจได้

อาจเป็นเพราะเรื่องราวไม่ใช่แนวฮีโร่สุดเท่ แต่เป็นแนวความเศร้าขื่นขมของอมนุษย์สามตนที่อยากกลายเป็นคน จากจุดเริ่มต้นชีวิต คำว่าความหวังริบหรี่ยังเป็นคำที่ดูห่างไกล ต้องใช้คำ ความหวังมืดมนถึงจะเข้ากับสถานการณ์ที่ต้องตามหาใครสักคนในโลกกว้างด้วยกระดาษเพียงใบเดียว



ก็มีอยู่บ้างประเด็นที่ขัดใจ

อมนุษย์สุดอนาถา ( ไม่ค่อยสะดวกใจพอที่จะเรียกตัวละครที่คาเมะเล่นว่าเป็นสัตว์ประหลาดอยู่บ่อยๆ ) ร่างแท้จริงของอมนุษย์สามตนนั้น ไม่ค่อยแน่ใจว่าควรจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ หรือควรจะเป็นสัตว์ประหลาดจากต่างดาวกันแน่ เพราะหน้าตาดูเป็นสัตว์ประหลาดในหนังยอดมนุษย์อุลตร้าแมน คาเมนไรเดอร์อะไรเทือกโน้นเลยล่ะ แต่เดาว่าเค้าคงดำเนินตามรอยภาพของแอนิเมะอยู่แล้วล่ะ เพียงแต่พอไม่ใช่แอนิเมะก็เลยดูเป็นตุ๊กตายางแข็งๆ เป็นหุ่นไปหน่อย แถมยังหน้าตาน่าเกลียดเกิ๊น แปลงร่างทีไรไม่อยากมอง สมกับที่มนุษย์ในละครตั้งป้อมเกลียดกลัวซะจริงๆ



ด้วยความอัปลักษณ์ล้นที่เหมาะจะเป็นสัตว์ประหลาดร้ายในหนังยอดมนุษย์ หากพวกเขาเป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายก็คงจะได้ใจดี แต่เมื่อพวกเขาเป็นแค่อมนุษย์ที่มีจิตใจแสนดีอยู่ภายใต้ร่างกายน่าเกลียด นั่นจึงกลายเป็นความรันทด น่าสงสารพอๆ กับนางอุทัยเทวีที่ต้องอาศัยอยู่ในร่างคางคกนั่นแหละ (ว่าแต่..ท่านรู้จักอุทัยเทวีกันไหมล่ะ) คางคกเชียวนะคะ ถ้าเป็นกบความอัปลักษณ์ก็จะลดลงหน่อย ความรันทดก็จะลดลงตาม ดังนั้น สามตนนี้ ถ้าอัปลักษณ์น้อยกว่านี้ก็จะน่าสงสารน้อยลง แปลงร่างทีไรแล้วดูสุดรันทด ยิ่งถ้าแปลงร่างในภาวะอารมณ์สลด โกรธ กดดัน หรือซาบซึ้งอะไรก็ตามแต่ การแปลงร่างจะเหมือนเป็นอะไรที่ทำให้ตัวปริแตกอย่างสุดฝืน ก็เลยเป็นการแปลงร่างที่ทำให้พวกเขามีหน้าตาบิดเบี้ยว แยกเขี้ยว ยิงฟัน ทำให้คาเมะของเราต้องเสียสง่าราศีไปมิน้อย อีกทั้งตอนอารมณ์กลับสู่ภาวะปกติและกลายสภาพกลับมาเกือบเต็มคนดังเดิม ก็ไม่ได้กลับมาด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ห่อหุ้มเหมือนเดิมนะคะ เมมุ กับเบโล่ ก็จะเปลือยท่อนบน ส่วนเบล่าก็จะอยู่ในชุดมีชิ้นผ้าพันช่วงอก กับกระโปรงเป็นริ้วที่ก็ไม่ใช่ชุดเดิมของเธอภายใต้ชุดผ้าคลุมหรอก ผู้เขียนไม่รู้ว่า คนอื่นๆ คิดอย่างไรกับเสื้อผ้า จะว่าตอนแปลงกายมันขาดออก ก็เห็นพวกเขากลับมาสวมใส่ชุดเดิมทุกครั้ง หรือจริงๆ แล้วมันแค่หลุดออกไป แล้วเก็บชุดเดิมมาใส่หลังจากนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะคิดเล็กคิดน้อยนะ ก็แค่สงสัยอยู่ในจินตนาการ (55) แต่ด้วยพวกสเปเชียลเอฟเฟ็คต์ไม่ได้ต้องใช้มากมายนัก นอกจากเรื่องการแปลงร่าง แสง พลัง กับอะไรอื่นอีกนิดหน่อย คุณภาพก็คงประมาณละครจักรๆ วงศ์ๆ บ้านเรานั่นเอง



บรรยากาศของละครมันเหงา สามตนอยากกลายเป็นมนุษย์ แต่ที่เป็นได้ก็แค่สิ่งแปลกปลอมในโลกของพวกมนุษย์เท่านั้น มันเป็นอารมณ์เศร้าๆ เหงาๆ เมื่อเราสามตน ต้องพูดคุยกันเรื่องการเปลี่ยนเป็นมนุษย์ ดูแล้วรันทดพอๆ กับดูรายการวงเวียนชีวิตนั่นแหละ ยิ่งตอนเปลี่ยนร่างสู่โหมดอัปลักษณ์ ยิ่งรันทดหนักเข้าอีก เพราะดวงตาของร่างที่ถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด ก็ดูเศร้าสร้อย น่าสงสารเหลือเกิน



แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องก่อน Nadeshiko Shichi Henge เรื่องนี้ถือว่าดีกว่ามาก เพราะไม่ถึงกับต้องพึ่งพาพลังคาเมะไปตลอดทั้งเรื่อง ในบล็อก Nadeshiko ได้เขียนอวยคาเมะไว้ว่า "ในท่ามกลาง ความบ้าบอคอแตก คาเมะเป็นเจ้าแห่งดราม่าที่แสดงผลงานโดดเด่นในทุกอารมณ์อยู่ที่นั่น"



กับเรื่องนี้ ก็ยังคงขอใช้คำที่คล้ายๆ กัน ท่ามกลางความน่าอนาถของการเป็นสัตว์ประหลาดเหงาๆ เศร้าๆ การแสดงของคาเมะค่อนข้างได้ใจอยู่ตลอด โดยเฉพาะดวงตาโศกอันโดดเด่นเป็นเครื่องมัดใจอยู่หมัด จากที่คิดว่าคงจะไม่สนุกนักหรอก ขอลองดูแค่ตอนเดียว มาเจอดวงตาของคาเมะเข้า จากที่คิดจะดูในอินเตอร์เน็ต ต้องสั่งซื้อทางในเน็ตมาดูทางทีวีแทน เพราะอย่างที่เคยเขียนพาดพิงถึงไปในบล็อกก่อนหน้า ถ้าดูในอินเตอร์เน็ตคงไม่เป็นอันดู เพราะมัวแต่จะแคบใบหน้าและดวงตาของคาเมะ นี่ขนาดมาแคบภาพหลังจากดูจบไปแล้ว ยังเยอะขนาดนี้ ระดับความชอบที่มีไม่ต้องเวิ่นเว้อมาก ก็คงจะเดาได้ไม่ยากจากรูปที่เห็น ( นี่ขนาดหักห้ามใจข้ามไปหลาย episodes แล้วนะคะ) นักแสดงที่มีสายตาดึงดูดมักเป็นข้อได้เปรียบที่ได้เปรียบเสมอ คาเมะเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีสายตาดึงดูด(ต่อผู้เขียน)ดังว่า



สำหรับนักแสดงเด่นๆ ในช่วงวัยไล่เลี่ยกันนี้ คนโปรดทั้งสามคนที่ผู้เขียนมักจะเอ่ยถึงดวงตาของพวกเขาคือ อิชิฮาระ ฮายาโตะ ผู้มีสายตาคมกล้าและขนตายาวเป็นแพ ซาโต้ ทาเครุ ผู้มีดวงตาเรียวโต (ไม่ใช่กลมโตแบบการ์ตูนตาหวาน) ลูกตาดำของเขาดูเบ้งมากเวลาแสดงอารมณ์ก็สื่อได้ดีมากๆ ด้วย ส่วนคาเมะยังไม่พูดถึงการแสดงทางสายตาก็ได้เปรียบอยู่แล้วเพราะผู้เขียนคิดว่าเขามีดวงตาที่สวย แต่พอได้การแสดงทางสายตาที่ดีมาช่วยอีกก็ยิ่งถูกใจ ดวงตาโศกของคาเมะในเรื่องนี้ จะดูเหมือนมีหยาดน้ำบางเบาหล่อเลี้ยงให้เป็นประกายวาวๆ อยู่เสมอ ไม่รู้เขาจัดแสงจัดเงากันอย่างไร และนั่นทำให้ดวงตาคาเมะที่สวยสำหรับผู้เขียนอยู่แล้ว ยิ่งดูสวยเพิ่มขึ้นอีก



แม้ส่วนตัวจะเห็นว่าคาเมะเป็นนักแสดงมีฝีมือ อย่างเรื่องการแสดงออกทางสายตาก็เคยเขียนถึงอยู่เช่นกันในเรื่อง Just one love สำหรับเรื่องนี้ก็ยังคงเห็นว่าคาเมะแสดงสีหน้าแววตาในซีนต่างๆ ได้ดี แต่ก็ไม่ได้คิดว่าซีรีส์แนวอย่างนี้ จะส่งผลให้นักแสดงนำได้รับรางวัลด้วย แม้จะมีเรตติ้งค่อนข้างดีก็เถอะ Best Actor จาก 71st Television Drama Academy Awards จึงถือเป็นรางวัลเซอร์ไพรส์ สำหรับผู้เขียนเลยล่ะค่ะ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของแม่ยกนะคะที่ต้องปลื้มอกปลื้มใจมากเป็นธรรมดา



ก็เพิ่งจะรู้เรื่องรางวัลอยู่หลัดๆ ตอนเปิด DramaWiki เพื่อจิ๊กข้อมูลมาเขียนบล็อกนี่แหละ ใครจะไปคิดว่าคาเมะจะได้รางวัล (แต่เมื่อได้รับก็ไม่แปลกใจเลย) รวมถึงแอนด้วยอีกคนที่ได้รางวัล Best Supporting Actress ( ไม่รู้ชื่อเธอออกเสียงอย่างไรแน่ Anne ขอเรียกตามคนอื่นๆ ก็แล้วกันค่ะ.."แอน") สำหรับนักแสดงสาวร่างผอมสูงขาตะเกียบยาวคนนี้ เธอหน้าตาค่อนข้างแปลก ในเรื่องแรกที่เห็นเธอคือ Samurai High School ก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้เห็นว่าสวย แล้วก็ไม่ได้เห็นว่าน่ารัก แต่ก็ไม่ได้เห็นเป็นหน้าตาแบบที่น่ารำคาญด้วยเช่นกัน ถือว่าเธอยังโชคดีกว่านางเอกบางคน ที่ถูกติดอยู่ในบัญชีดำของผู้เขียน (บัญชีดำคือ.. ถ้าเธอเล่นเรื่องไหน ฉันไม่ดูเรื่องนั้น) แอนเธอดูสูงมากค่ะ เรื่องนี้ต้องเดินเคียงกันกับคาเมะอยู่บ่อยๆ ค่อนข้างจะเห็นชัดว่าเธอสูงกว่า เช็คข้อมูลมาเรียบร้อยก็สูงกว่าจริงๆ ด้วยนะคะ ตั้ง 3 เซ็นต์ !

Samurai High School ก็ไม่อะไรกับแอน รู้สึกเฉยๆ กับเธอ แต่กับบท เบล่า ในเรื่องนี้ ค่อนข้างชอบเธอมาก เพราะตัวสูงๆ ของเธอ เหมาะกับชายผ้าคลุมยาวที่โบกสะบัด อีกทั้งคาแร็คเตอร์ของเบล่าก็เหมาะกับหน้าตาที่ไม่อ่อนหวานในแบบเธอ มือยาวๆ ที่ทาเล็บสีดำๆ หน้าแปลกๆ ที่ทาปากสีแดง กับนิสัยแข็งๆ ห้าวๆ วาจาตรงไปตรงมา เข้ากันเป็นอย่างดีกับใบหน้าที่ดูแข็งๆ ของแอน บทบาทของเบล่าจึงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ชวนสนใจ




ความจริงแล้ว นอกเหนือจากพลังดวงตาของคาเมะ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับการเหลียวแลจากผู้เขียนเป็นอย่างดีหลังจากที่ได้รับชมผ่านไปหนึ่งตอน นั่นคือจินตนาการที่ผู้เขียนชอบพอเป็นการส่วนตน ความเป็นอมนุษย์ของเบมุ เบล่า เบโล่ โดยเฉพาะตัวเบมุ กับเบล่า การแต่งกาย สีหน้า แววตา และพฤติกรรมที่เฝ้าจับตามองมนุษย์อย่างซุ่มเงียบ ตามซอกมุมมืด สะพานโล่ง ดาดฟ้าสูง อะไรเทือกนี้ มันคล้ายคลึงกับภาพจินตนาการยามที่ผู้เขียนอ่านหนังสือเกี่ยวกับ “ยมทูต” "แวมไพร์" อะไรแนวนั้น





ในหนังสือเกี่ยวกับยมทูตที่ผู้เขียนเคยอ่าน เช่น the book thief เคยจินตนการพฤติกรรมการเฝ้าดูของยมทูตคล้ายๆ กันอย่างนี้ หรืออย่างเรื่อง "ไม้บรรทัดของยมทูต" ที่เคยรีวิวไป ก็ยังเขียนบอกไว้ด้วยว่ายมทูตชิบะในบางตอนของหนังสือเรื่องนี้ ถูกจินตนาการออกมาเป็นคาเมะแบบไม่ได้ตั้งใจ พอคาเมะมารับบทเบมุเรื่องนี้ หลายฉากหลายตอนทั้งสีหน้าแววตาและคาแร็คเตอร์ของเขาจะมีส่วนคล้ายคลึงกับ "ยมทูต" ในจินตนาการ แม้เบมุจะไม่ใช่ยมทูตก็เถอะ



ยมทูตในจินตนาการของผู้เขียน จะต้องถือ คฑาหัวกระโหลก เบมุก็ถือไม้เท้ายาวลักษณะคล้ายคฑาเหมือนกัน ถึงมันไม่ใช่ไม้เท้าหัวกระโหลกแต่มันทำมาจากกระดูกมนุษย์ อันเป็นเบาะแสหนึ่งเกี่ยวกับคนที่เบมุต้องการตามหา และอาจเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่เชื่อว่าอาจจะช่วยให้เปลี่ยนเป็นคนได้ หากยมทูต มีดวงตาวิเศษแลเห็นความเป็นความตาย ซากร่างและวิญญาณที่ล่องลอยเพื่อเก็บเกี่ยวไปสู่โลกแห่งความตายตามสายงานยมทูตที่ได้รับมอบหมาย เบมุซัง ก็มีพลังดวงตาของอมนุษย์คล้ายๆ กัน เมื่อใดก็ตามที่เขาเคาะไม้เท้ากระดูกมนุษย์ลง เมืองมนุษย์จะอยู่ในสายตาอย่างกับมีสปอร์ตไลท์ที่สาดส่องสว่างจ้าขึ้น และเบมุก็จะสามารถสแกนหาเหตุด่วนเหตุร้ายรวมถึงให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที เป็นวิธีเข้าถึงที่เกิดเหตุอย่างมีประสิทธิภาพสูงเหนือกว่า 191 สักพันเท่า และที่ชอบสุดๆ คือทุกฉากที่สามอมนุษย์จะโดดฟิ้วฟ้าวบนตึกสูง เป็นเงาดำพลิ้วพาด ผ่านดวงจันทร์ เพราะนั่นมันเท่มากมาย



อีกฉากที่ผู้เขียนมักจะชอบเสมอคือยามที่สามตนอยู่ด้วยกันในซากเรือมืดๆ อันเป็นสถานที่อยู่อาศัย ที่นั่นจะได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่งเมื่อเบมุ เบโล่ โชว์เขา โชว์ผิวเกล็ด อันเป็นช่วงปล่อยตัวตามสบายในบ้านของเรา อยู่กันเป็นเหมือนครอบครัวพูดคุยปรึกษาหารือ ทุกข์สุขเศร้าด้วยกัน หรือยามอยู่ด้วยกันบนดาดฟ้าสูง เนินเขา หรือสถานที่โปร่งๆ โล่งๆ มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมือง ที่ช่วยเสริมบรรยากาศเดียวดายเราสามตนผู้เป็นสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมเล็กๆ ในโลกใบใหญ่ของพวกมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ภาพจะออกมาสวยงามซึ่งผู้เขียนถือเป็นข้อดีของซีรีส์เรื่องนี้ได้อีกข้อหนึ่ง



เมื่อครอบครัวอมนุษย์ เบมุ เบโล่ เบล่า ได้ไปข้องเกี่ยวกับครอบครัวมนุษย์ของนัตสึเมะซังแล้ว ก็จะได้ขยับขยายไปมีความสัมพันธ์กับอีกครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นญาติกันกับครอบครัวนัตสึเมะ คือครอบครัวของศาตราจารย์ด้านชีววิทยา ทั้งมนุษย์เหล่านี้และมนุษย์ตัวปัญหาผู้ก่ออาชญากรรมต่างๆ ในแต่ละตอนนั่นเอง จะเป็นทั้งเบาะแสและเงื่อนงำนำไปสู่การตามหาคนที่เบมุ เบล่า เบโล่ ต้องการตามหาเพื่อหาหนทางเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นมนุษย์อย่างถาวร เจ็บได้ ตายได้ แม้ในระหว่างนั้นพวกเขาเริ่มพบว่า บางที น้ำตามนุษย์อาจเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นมนุษย์ได้ แต่ของอย่างนี้ต้องอาศัย Q. E. D. เรื่องอย่างนี้ต้องพิสูจน์



เนื่องจากลักษณะเนื้อเรื่องจะมีคดีเกิดขึ้นแต่ละตอน ตามมนุษย์แต่ละคนที่ทั้งสามตนเข้าไปมี่เอี่ยว (โดยมิได้มีใครร้องขอ) ดังนั้นซีรีส์เรื่องนี้จึงมีแขกรับเชิญมากหน้าหลายตา เก็บภาพมาไม่หมดหรอกนะคะ เก็บมาแค่คร่าวๆ ซึ่งบางคนก็ไม่ได้คุ้นเคยรู้จัก




เนื่องจากเหตุผลที่ดูซีรีส์เรื่องนี้เพราะคาเมะเป็นหลัก เนื้อเรื่องเป็นรอง ความขัดใจมีอยู่บ้าง แต่ความชื่นชอบก็ตามมาด้วยภาพสวยงามและเหตุผลเรื่องจินตนาการส่วนตน ผลออกมาซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้รัก แต่ก็ไม่ได้เกลียด ให้คะแนนกลางๆ ดูได้เรื่อยๆ สบายใจ ไม่เบื่อ เหงาๆ เศร้าๆ บ้าง แต่ไม่มาก ไม่เท่ขั้นเทพ ไม่ฮีโร่จ๋า แค่เท่บ้าง น่าอนาถบ้างเป็นบางเวลา แต่รวมๆ แล้วมีความสุขกับการได้ดูหน้าหล่อๆ ตาสวยๆ ของคาเมะ ผู้เป็นตัวละครโดดเด่นอยู่ตลอดทั้งเรื่อง

ดังนั้น หากใครไม่ได้มีเยื่อใยอะไรเป็นพิเศษต่อคาเมะ ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่สนใจเป็นการส่วนตน ขอแนะนำว่า โปรดใช้วิจารณญาณของท่านเองในการเลือกชม





“ถึงแม้ว่าคุณ จะทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง
แต่ว่าเพียงแค่มีชีวิตอยู่
คุณอาจสามารถช่วยใครสักคนได้บ้างก็ได้
นั่นเป็นเหตุผลของการมีชีวิตอยู่
ซึ่งมันก็เพียงพอแล้ว”

“ตื่นตอนเช้าและมีชีวิตอยู่ต่อไป
เพียงทำแค่นี้ ฉันก็มั่นใจว่า
คุณจะเติมเต็มเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ได้แล้ว
และสุดท้ายจะได้ตระหนักว่า
ฉันคงจะยินดีกับการที่ฉันมีชีวิตอยู่”







































Create Date : 18 เมษายน 2555
Last Update : 19 เมษายน 2555 13:08:58 น. 9 comments
Counter : 5165 Pageviews.

 
โปรดักชั่นประหนึ่งว่าเป็นประมาณแนวโตคุซัทซึ
พวกคาเมนไรเดอร์ (จริงๆคาเมะก็เกิดจากวงการนี้มาก่อน)

เป็นซีรีย์ใหม่ที่พล็อกเก่าโคตรจริงๆด้วย
แต่หน้าตา ถ้าวัดจากต้นฉบับ
เอ...พระเอกไม่เห็นเหมือนตามต้นฉบับเลย
ส่วนแอนเน่ (ขอเรียกตามเสียงญี่ปุ่นเรียก)
เออ...อันนี้ค่อยเข้าเค้าหน่อย
นึกว่าเป็นเทรนด์ตามกระแสแวร์ไพร์ทไวไลท์

ยุ่งสัตว์ร่างมนุษย์คงจะครองโลก
พล็อกความเชื่อใจกับความอยู่ร่วมสังคมมนุษย์
อันนี้ มันมุขยอดมนุษย์อ้ายแมลงชัดๆ


คงจะกลืนลงได้ยากหน่อย เพราะแก่ปูนนี้แล้ว

สุดท้ายก็พ่วงกับฮายาโตะ ในเรื่องสายตาจนได้น้อครับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:18:12:12 น.  

 
เรื่องนี้ดูการแต่งเนื้อแต่งตัว ดูเสื้อผ้าแล้วนึกถึงยุโรปสมัยกลางเลยนะคะ
แต่ดูท่าว่าโทนหนังจะออกมาหม่นๆนะคะ
เพราะอ่านรีวิวจบแล้ว รู้สึก เหงา เศร้ามากเลยค่ะ
สัตว์ประหลาดที่ไม่มีวันกลายเป็นมนุษย์ได้
ทั้งๆที่มีจิตใจที่แสนดีซ่อนอยู่ภายใต้รูปกายที่น่าเกลียดน่ากลัวนั้น
มะนาวอ่านแล้วนึกถึงสิ่งที่ละครต้องการสอนแฝงไว้เลยค่ะ
ว่าอย่ามองคนแต่ภายนอก ให้มองลึกๆถึงจิตใจเขา
คนบางคนอาจหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่จิตใจยังกะนางฟ้า
ส่วนคนบางคนหน้าตาราวกับเทพบุตรหรือเทพธิดาแต่จิตใจยังกะซาตาน
แล้วที่บอกว่าเมื่อเบมุ เบล่า เบโล่ ตกใจ เศร้า โกรธ หรือเสียใจ
แล้วจะกลับคืนร่างเป็นตัวตนที่น่าเกลียดน่ากลัวอีกครั้ง
มะนาวนึกถึงสิ่งที่ละครต้องการบอกว่าสิ่งที่คุณแสดงออกมานั้นน่ะ
มันเหมือนปีศาจชัดๆ ปีศาจที่แฝงอยู่ในตัวคุณ
ที่มันพร้อมจะออกมาเพ่นพ่านทุกเมื่อถ้าพวกคุณควบคุมไม่ดีพอ
ไม่รูสินะคะว่าทำไมมะนาวถึงคิดอย่างนั้นเมื่ออ่านรีวิวที่คุณprysangเขียน
ซึ่งอาจจะหลงประเด็นที่ละครต้องการสื่อก็ได้ค่ะ
แล้วที่บอกว่าทั้งสามบี ต้องติดตามหาผู้ที่เขาคิดว่าสร้างพวกเขาขึ้นมา
เพื่อต้องการให้เปลี่ยนพวกเขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
มะนาวก็นึกถึงเรื่องการหลุดพ้นเลยค่ะ ที่มนุษย์ทุกวันนี้ก็ยังคงแสวงหากันอยู่
แล้วก็ยังไพล่นึกไปถึงเรื่องราวการเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎก
ของพระถังซัมจั๋งอีกค่ะ ว่าท่านต้องพบเจออุปสรรคมากมายเพียงไหน
กว่าจะบรรลุถึงจุดหมายได้ แหะแหะ มะนาวเข้ารกเข้าพงแล้วใช่ไหมคะ
ต้องโทษคุณprysangแล้วล่ะค่ะ รีวิวซะมะนาวจินตนาการบรรเจิดเหลือเกิ้น
หุหุ ไม่เคยว่าตัวเองผิดเล้ย คนกิเลสหนาก็อย่างนี้ล่ะค่ะ
คุณprysang ให้อภัยเถอะนะคะ กิเลสหนาแต่น่ารักนะคะ ฮี่ฮี่ อ้วก!
ดูจากratingแล้ว มะนาวว่าเรื่องนี้ผ่านฉลุยนะคะ15.6 เรทติ้งสวยเชียวว่าไหมคะ
แล้วแถมคาเมะยังได้ Best Actor อีก อย่างนี้แม่ยกคงปลื้มแย่สินะคะ
พอพูดถึงพลังทางสายตา มะนาวยังไม่ปิ๊งคาเมะ
แต่มะนาวชอบดวงตายิ้มได้ของลูกรักอีกคนของคุณprysangค่ะ
อิชิฮาระ ฮายาโตะ เห็นแล้วหัวใจละลายยย 555เพ้อเนอะ
ส่วนนางเอกAnne คนนี้ มะนาวก็ไม่เคยดูหนังหรือซีรีส์ที่เธอแสดงด้วยเลยค่ะ
แต่เชื่อว่าท่าเหินหาวกลางอากาศของทั้งสามบี ที่คุณprysangบอกว่าเท่
มะนาวนึกภาพตาม น่าจะมีเบล่า เด่นออกมานะคะ เพราะเสื้อคลุมยาวตัวสูงผอม
น่าจะทำให้การสะบัดของผ้าพริ้วสวยงาม ใช่ไหมคะ (แหะแหะขอเสียงสนับสนุน)
แล้วขอเดาตอนจบนิ๊ดหนึ่งนะคะ ว่าทั้งสามบีคงค้นหาคนที่ตัวเองตามหาไม่เจอ
จึงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ได้ แต่ก็เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมร่วมกับมนุษย์ได้
ว่าแต่ว่ามันจะแฮปปี้ไปไหมเนี่ย (^_^)


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.84.153 วันที่: 22 เมษายน 2555 เวลา:9:06:33 น.  

 
ชอบแง่มุมเกี่ยวกับ เบมุ เบโล่ เบล่า
ที่คุณมะนาวคิดนะคะ ลองคิดดูมันก็
น่าจะเปรียบเหมือนอย่างนั้นได้จริงๆด้วย
นี่แหละ ๆ ถึงชอบยุยงให้คุณมะนาว
ลองมาเขียนบล็อกดูบ้าง จะได้แลก
มุมมองกันและกันไง แต่ก็เอาเถอะ
ถ้าไม่สมัครใจ มาช่วยแสดงความเห็น
ยาวๆให้กันก็ขอบคุณมากแล้ว
ส่วนเรื่องการเหินหาวกลางอากาศ
สำหรับ prysang ก็ไม่เท่าไหร่นะคะ
แต่ไม่รู้เป็นไร ชอบหลงใหล ดวงจันทร์เด่นในฟ้ามืดมิด ภาพของเมืองในยามค่ำคืน เงาดำ และการซุ่มมองจากที่สูง
มันดูมีพลังอำนาจน่ะค่ะ คุณมะนาวชอบดูเซลเลอร์มูนไหมล่ะ prysang ชอบคุณหน้ากากทักซิโด้มากเลยนะ หรืออีกฮีโร่ที่ชื่อหน้ากาโซโรไหมล่ะคะ (ชื่อนี้ถูกแล้วมั้ง) อะไรๆ ที่ใส่ชุดดำ หน้ากาก ผ้าคลุม โดดมาจากยอดตึกอย่างแบดแมน หรือไต่หัวดิ่งลงมาอย่างสไปเดอร์แมนก็เท่อยู่ พวกนักฆ่าหรือไม่ก็นินจาก็ชอบเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเงาดำกับค่ำคืนแบบบรรยากาศผีอิเม้ย หรือล่าสุดที่นั่งห้อยขาลงมาจากขื่อแบบเรื่องบ่วง อันนี้ก็ไม่เอานะ ถึงขึ้นหลอนกันเลยทีเดียว


โดย: prysang วันที่: 26 เมษายน 2555 เวลา:23:08:55 น.  

 
หาเก็บไว้ดูแล้วค่ะ ส่วนตัวมีนักแสดงในดวงใจ คือ ฮารุมะ มิอุระ กับทาเครุ ซาโต้ กับคาเมะเนี่ย ไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ในหัวใจเมื่อไหร่ รู้อีกที ก็พยายามหาผลงานของเค้ามาดูตลอด ยิ่งดูยิ่งหลงรัก เป็นไรไปคะ หัวใจมีตั้ง 4 ห้อง เพิ่มคาเมะมาอีกคนยังเหลืออีกตั้ง 1 ห้องแน่ะ ฮิ ฮิ ^_^
กับเรื่อง BEM เนี่ย ... บอกตามตรงนะคะ หลังจากที่ตกหลุมรักคาเมะ แล้วพยายามหาผลงานต่างๆ ของคาเมะมาดู แล้วก็เจอเรื่องนี้ด้วย มันนนนก็ยังไม่อยากดูง่ะ ต้องขอบคุณเจ้าของ blog มากเลยนะคะ การได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน blog ของคุณเนี่ย มันทำให้เอ๋ตัดสินใจเลยว่า เอาวะ !! ถึงเวลาต้องกลับไปดูได้แล้ว ไม่ต้องสนว่าจะเป็นแนวหนังที่ชอบหรือไม่ชอบ เพราะหลักๆที่ชอบ คือ คาเมะ จบ!! จะกลับไปดูแล้วค่ะ ยังไง ถ้าดูแล้วจบแล้ว ขออนุญาตกลับมาเยี่ยม blog นี้อีกครั้งนะคะ ^_^


โดย: จ๊ะเอ๋ IP: 113.53.209.240 วันที่: 19 พฤษภาคม 2556 เวลา:15:03:23 น.  

 
ขอบคุณค่ะ คุณจ๊ะเอ๋ ดูจบแล้วกลับมาเมาท์มอยสู่กันฟังบ้างนะคะ ^^


โดย: prysang วันที่: 20 พฤษภาคม 2556 เวลา:15:50:12 น.  

 
As a Newbie, I am permanently searching online for articles that can benefit me. Thank you
louis vuitton outlet //www.boano.com/form/img/nalv.asp


โดย: louis vuitton outlet IP: 94.23.252.21 วันที่: 12 สิงหาคม 2557 เวลา:12:59:42 น.  

 
Whats up very cool site!! Guy .. Beautiful .. Amazing .. I'll bookmark your site and take the feeds additionally?KI'm satisfied to seek out numerous useful information right here within the post, we need develop extra strategies on this regard, thanks for sharing. . . . . .
Louis Vuitton utlopp Online Sale //www.goevent.se/omgevent.cfm


โดย: Louis Vuitton utlopp Online Sale IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2557 เวลา:18:15:32 น.  

 
Fashion is an intimidating topic at times, and can make a person feel self-conscious. Fortunately there are resources available, all you need is the right information. Take heed of the tips ahead to get your fashion sense in line.
Hermes Outlet //fraseryachts.com/hermes-outlet.asp


โดย: Hermes Outlet IP: 192.99.14.34 วันที่: 23 ธันวาคม 2557 เวลา:12:15:18 น.  

 
Coupons can save the average consumer quite a bit of money. Many people do not understand how to properly use coupons. Start using these tricks to save today and you will quickly discover a huge savings each time you shop.
Coach Outlet //www.iaaglobal.org/london2015/coach-outlet.asp


โดย: Coach Outlet IP: 192.99.14.34 วันที่: 26 ธันวาคม 2557 เวลา:19:22:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.