All Blog
ตอนที่ 38 +++ ความรัก ความสุข ความทรงจำ (END) +++

“ผมจูบมิวครับ.....” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง ร่างสูงเดินออกมานั่งข้างๆร่างดปร่งที่หน้าแดงตัวแข็ง พูดอะไรไม้ถูก ไม่คิดว่าโต้งจะกล้าเปิดเผยตัวต่อสาธารณชนแบบนี้ คำตอบของโต้งทำให้มิวนั่งนิ่งหน้าแดง แต่กลับเรียกเสียงกรี๊ดให้กับกลุ่มแฟนคลับได้อย่างล้นหลาม บ้างก็มีเสียงเล็ดมาให้ได้ยินบ้างว่า แมนว่ะ กล้าตอบด้วย

“น้องโต้งจูบน้องมิวจริงๆเหรอคะ” นักข่าวถามย้ำ

“ผมจูบจริงครับ” โต้งตอบด้วยความมั่นใจ เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกรอบ

“แล้วเป็นไงต่อล่ะคะ” นักข่าวอยากรู้อยากเห็นเรื่องแบบนี้ขึ้นมาทันควัน

“แม่ผมเห็นเราจูบกันครับ แล้ววันต่อมาก็สั่งให้พวกเราหยุดความสัมพันธ์ของเราลง ซึ่งผมกับมิวก็ยอมทำตาม แต่ว่า............... หลังจากวันปีใหม่...... ความรู้สึกโหยหาและคิดถึงมันมากขึ้น ผมเลยตัดสินใจจับเข่าคุยกับพ่อและแม่ครับ”

“แล้วคุณพ่อคุณแม่ว่าไงบ้างครับ” น้ำเสียงนักข่าวเหมือนจะตื่นเต้นและลุ้นไปด้วย

“ท่านเข้าใจครับ และเปิดใจยอมรับในที่สุดครับ หลังจากนั้น ผมก็ตัดสินใจขอมิวเป็นแฟนครับ”

“แล้วน้องมิวล่ะคะ รับปากเลยรึเปล่า” นักข่าวถามไปลุ้นไปราวกะจะเอาใจช่วยก็ไม่ปาน

“ครับ........” มิวตอบยิ้มๆ อายๆ

“เล่าเรื่องตัวต่อไม้ ให้ฟังหน่อยค่ะ” นักข่าวหญิงคนหนึ่งเริ่มหัวข้อใหม่

“นี่พวกพี่รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอครับ” มิวถามอย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่าจะมีนักข่าวคนไหนรู้

“พี่มีแหล่งข่าววงในแล้วกันค่ะ ว่าไงคะ ช่วยเล่าให้ฟังได้มั้ยคะ”

“ผมซื้อให้มิวเองแหละครับ เมื่อคริสต์มาสตอน ป.หก แล้วเล่นเกมหาสมบัติกัน แต่โชคร้าย จมูกของมันดันหายไปจากที่ซ่อนซะก่อน ตัวต่อไม้ที่ผมให้มิว ก็เลยไม่มีจมูก จนคริสต์มาสที่ผ่านมา ผมหาจมูกให้มิวจนได้ แต่มันก็ไม่พอดีกัน ผมก็เลยทำอันใหม่ขึ้นมาเอง แล้วก็ให้มิวเล่นเกมหาสมบัจิอีกครั้ง แล้วมิวก็เจอมันครับ ทำให้ตัวต่อไม้มีจมูกสมบูรณ์ซะที” โต้งเล่าเรื่องตัวต่อไม้อย่างมีความสุข ใบหน้ายิ้มพริมใจ ชวนให้นักข่าวเริ่มหลงเสน่ห์โต้งซะแล้ว บางคนแอบอุทานเบาๆว่า โรแมนติกจังเลยด้วยซ้ำไป

“น้องโดนัทที่เล่นเอ็มวีด้วยกัน เคยคบเป็นแฟนกับน้องโต้งใช่มั้ยครับ”

“เรีบกว่าเคยเป็นคนสนิทที่พิเศษกว่าคนอื่นดีกว่าครับ จะเรียกแฟน ก็อาจยังไม่เชิง เพราะผมไม่ค่อยได้แสดงออกเท่าไหร่ ไม่แน่ใจว่าเคยรักโดนัทด้วยซ้ำ ถึงยังไง ตอนนี้ เราก็กลายเป็นเพื่อนกันแล้วครับ แล้วโดนัทก็เข้าใจเรื่องของเราด้วย”

“จริงรึเปล่าคะ ที่มีคนบอกว่า น้องโดนัท เกือบจะให้รถชนตายตอนที่รู้เรื่องน้องมิวกับน้องโต้ง แต่น้องมิวช่วยชีวิตเอาไว้”

“ก็.........จริงครับ............. แต่ไว้ไปถามโดนัทเองจะดีกว่านะครับ” มิวตอบบ้าง

“แล้วเรื่องตับล่ะครับ ช่วยอธิบายหน่อยครับ”

“ก็อย่างที่พวกพี่รู้แล้วแหละครับ พ่อผมท่านเป็นโรคตับ ต้องปลูกถ่ายโดยด่วนถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต แต่ตับของผมกับแม่ใช้ไม่ได้ ตอนนั้น ผมเสียใจแทบจะบ้า ............. มิวเค้ารู้เข้า ก็เลยแอบไปปรึกษาลุงหมอกับแม่ของผม ว่าให้ใช้ตับของมิวเอง โดยที่มิวเค้าก็ไม่ยอมบอกผม คงเพราะกลัวผมรู้สึกผิด....และผมคงไม่ยอม......... แต่สุดท้ายก็ผ่าสำเร็จ พ่อผมหาย และมิวก็ปลอดภัยดีนี่แหละครับ”

“แล้วตอนที่น้องโต้งรู้เรื่องตับว่ามาจากน้องมิว น้องโต้งรู้สึกยังไงคะ”

“ก็...............ไม่รู้เหมือนกันครับ ทั้งรู้สึกโกรธ ทั้งรู้สึกขอบคุณมั้งครับ”

“เพื่อนๆร่วมวงออกัสรู้มาก่อนมั้ยคะ ว่าน้องมิวเป็นแบบ......แบบที่น้องมิวเป็นนี่อะค่ะ”

“รู้กันทั้งวงแหละครับ แต่พวกเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมเป็นกำลังใจให้ผมมาตลอดด้วยครับ”

“กับวงออกัสนี่คงรักและสนิทกันมากสิครับ เพื่อนๆแซวบ้างมั้ย”

“ครับ......ก็สู้มาด้วยกันตลอด ก็เลยรักและเข้าใจกันดี ส่วนเรื่องแซว มีตลอดอะครับ ยิ่งไอ้เอ๊กซ์มือกีตาร์ด้วยแล้ว แซวผมเป็นประจำและบ่อยที่สุดในวงเลยครับ”

“แล้วทางครอบครัวน้องมิวล่ะคะ ว่ายังไงบ้าง..... รู้เรื่องตับมั้ย”

“ก็คือ ทีแรกพวกท่านก็..............................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................”

มิวตอบตามความเป็นจริง เท่าที่พอจะตอบได้ ทั้งเรื่องที่ป๊าอยากให้เลิกคบโต้ง เลิกเล่นดนตรี และไปสืบทอดกิจการ แต่นักร้องหนุ่มจงใจเล่าข้ามเรื่องที่ถูกพ่อตบหน้าแล้วหนีไปเกาะเสม็ดออกไป

“แล้วน้องมิวทำยังไงท่านถึงยอมใจอ่อนล่ะครับ”

“ก็ค่อยๆแสดงความจริงใจและความตั้งใจให้ท่านเห็นน่ะครับ ว่าผมรักดนตรีและเลือกจะเป็นนักร้อง มากกว่าที่จะทำธุรกิจ ส่วนโต้งก็ต้องผ่านบททดสอบเหมือนกันครับ”

“ยังไงคะน้องโต้ง”

“ผมพิสูจน์ให้ป๊ารู้ว่าผมปกป้องมิวได้จริง และยังพิสูจน์ด้วยว่าผม คือคนที่อาม่าเลือกมาดูแลมิวอะครับ”

“ยังไงครับน้องโต้ง”

“ก็.......... ผมหาแหวนของอาม่าของมิวที่ซ่อนอยู่ในบ้านพบ แล้วไปยื่นคำขอตามที่ป๊ามิวเคยให้สัญญากับอาม่าไว้ครับ”

“ว่าถ้าวันใดที่ผมนำแหวนของอาม่าไปยื่นต่อหน้าป๊าและขออะไรก็ตาม ป๊าจะยอมรับปากครับ”

“แล้วน้องโต้งเป็นคนเจอแหวนเหรอคะ..... โหย...โรแมนติกจังเลยค่ะ เอาเป็นว่า สองคำถามสุดท้ายแล้วกันนะคะ ข้อแรก น้องมิวกับน้องโต้งไม่กลัวเสียภาพลักษณ์หรือว่าเสียชื่อเสียเหรอคะ มาเปิดเผยเรื่องแบบนี้”

“ก็........ไม่รู้ดิครับ ไม่รู้เหมือนกัน มิวล่ะ ว่าไง” โต้งตอบก่อนด้วยลักศณะคำพูดที่ชอบใช้ประจำ

“ก็................ไม่ครับ ผม........มีความสุขที่ได้รักโต้ง.....และภูมิใจที่ได้บอกใครต่อใครว่าผมรักโต้งครับ ”

“ว่าเรารักกันต่างหากมิว”

“จะไม่เสียใจภายหลังเหรอครับ”

“ไม่ครับ ........... วันนี้ผมกับโต้งมีความสุขที่พวกเรามีกันและกัน ผมเชื่อว่า....ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราทั้งคู่จะยังคงมีกันและกันเสมอครับ”

“อีกข้อนะคะ.....จะฝากอะไรถึงแฟนคลับมั้ยคะ”

“ก่อนอื่น ก็คงต้องขอบคุณมากๆนะครับ ที่เป็นกำลังใจให้ผม ให้วงออกัสมาโดยตลอด และก็ต้องขอโทษด้วย หากเรื่องส่วนตัวของผม อาจจะทำให้พวกคุณรู้สึกผิดหวัง แต่ผมจริงใจ และไม่อยากโกหกใคร ยังไง ก็ขอให้ติดตามผลงานเพลงของพวกเราออกัสต่อไป และตลอดไปนะครับ”

“ขอบคุณน้องมิวและน้องโต้งมากๆครับ ท่านผู้ชมครับ และนี่ก็คือการเปิดใจของน้องมิวแห่งวงออกัสนักร้องหนุ่มดาวรุ่ง ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ออกอากาศสดทางสยามแชนแน่ล ท่านยังคงสามารถร่วมเป็นกำลังใจให้น้องมิวได้ผ่านทางSMS 1234567 และดาวน์โหลดเพลงของออกัสได้ทาง *492278 รหัส 507 นะครับ ซึ่งดูจากข้อความที่ส่งเข้ามานะครับ ส่วนมากก็เป็นกำลังใจให้กันทั้งนั้นนะครับ ขออนุญาตอ่านบางข้อความเลยแล้วกัน...............................

......................เพลงพี่มิวเพระทุกเพลงเลยค่ะ จะรักพี่มิวตลอดไป ไม่ว่าพี่มิวจะเป็นอะไรก็ตาม...................

......................ความรักห้ามกันไม่ได้ ยินดีด้วยที่พวกพี่ๆรักกันค่ะ................................................................

......................งานเพลงคุณภาพ ไม่เกี่ยวกับรสนิยมทางเพศ สู้ๆนะครับน้อง...............................................

.......................โรแมนติกมากๆเลยครับ............อยากมีแฟนแบบน้องมิวจัง...................................................

........................พวกคุณมีเพื่อนและคนรอบข้างที่ดีมากๆ....... รักวงออกัสที่สุดเลย......................................

.........................เพลงกันและกันของพี่มิว เพราะที่สุดตลอดกาลแน่นอนครับ..............................................

.........................ดังในใจความบอกในกวี....ว่าตราบใดยังมีรักย่อมมีหวัง........................................................

แค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ เอาเป็นว่า น้องมิวและวงออกัส ยังมีผลงานเพลงอีกสองเพลงมาฝากทุกๆคนก่อนจะจบรายการนะครับ พักซักครู่ แล้วเดี๋ยวกลับมาพบกับออกัสในช่วงสุดท้ายครับ”

การแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์จบลง ท่ามกลางความพอใจของทุกๆคน เสียงในห้องส่งเชียร์ดังลั่น มิว มิว มิว มิว มิว อยู่ตลอดเวลา นักร้องหนุ่มเตรียมขึ้นโชว์สองเพลงสุดท้ายก่อนปิดรายการ

“ทุกคน.......มาทางนี้หน่อย ผมมีข่าวดีจะบอก” คุณบีเรียกรวมวงออกัส

“เรตติ้งรายการได้ยี่สิบกว่า ถือว่าสุดยอดมากๆ มีลูกค้าซื้อโฆษณาเยอะเลย ยอดดาวน์โหลดเพลงของพวกเรา เพิ่มขึ้นแปดร้อยเปอร์เซนต์ในระยะเวลาครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ตอนนี้ทะลุเกินล้านดาวน์โหลดแล้ว แสดงว่า แฟนๆให้การตอบรับดีมาก และไม่แคร์เลยว่ามิวจะเป็นยังไง ส่วนใหญ่จะชื่นชมและประทับใจความรักของมิวกับโต้งเอาซะมากๆ

อีกอย่างนะมิว พรุ่งนี้เข้าบริษัทไปเซ็นสัญญาด้วยล่ะ โต้งด้วยนะ มีบริษัทโฆซณาตัดสินใจจ้างทั้งคู่เป็นพรีเซนเตอร์โดยไม่ต้องแคส แถมยังมีอีกหลายตัวติดต่อมา คงเพราะเรานั่นแหละมิว ช่วยชีวิตน้องน้ำกับน้องโชนไว้ ทำให้เราได้สัญญาช่องเคเบิ้ลทำรายการเพลงหรือรายการอื่นๆของบริษัทได้ และยังได้ค่าเช่าเวลาโฆษณาอีกด้วย

โต้ง...... ผมถือวิสาสะบอกเค้าไปแล้วนะว่า...... บริษัทเราเป็นเอเจนซี่ให้โต้งเช่นกัน ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยล่ะ ว่าพรุ่งนี้ เข้ามาดูศัญญาด้วยก็ได้ แล้วมิว......อาทิตย์หน้า มีคิวสัมภาษณ์ออกทีวีอีกสามรายการ วงออกัสมีโครงการแคมปัสทัวร์ทุกอาทิตย์ตลอดปีนี้ และออกทีวีพร้อมกันทั้งวงอีกอย่างน้อยสี่รายการ งานเข้าเยอะๆ เตรียมตัวเตรียมใจไว้นะพวกเรา”

“ครับคุณบี.....” ทุกคนตอบพร้อมกัน

“โต้ง.............” มิวหันไปมองหน้าโต้งด้วยความดีใจ

“มิว................” โต้งมองตอบกลับมา ความรู้สึกไม่แตกต่างกัน

บรรดาสมาชิกออกัสต่างกอดคอกันด้วยความดีใจ ที่พวกตนเป็นที่ยอมรับได้เพราะผลงานที่ดี ผลงานที่เกิดจากความรักของเพื่อนผู้เป็นหัวหน้าวง ถึงแม้เพื่อนคนนี้ จะมีบางอย่างที่ต่างออกไป แต่หัวใจรักในดนตรีนั้นกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆ จากนั้นก็คว้าอาวุธบรรเลงเพลงคู่ใจแล้วเข้าไปในห้องส่ง

“ครับ ...... นี่ก็เป็นเพลงใหม่ของพวกเรา ผมเพิ่งจะแต่งคำร้องเสร็จเมื่อวาน แต่ทำนอง เป็นผลงานแต่งของพ่อผมเองครับ ....... ผมตั้งชื่อเพลงนี้ว่า... วันที่สวยงาม เพราะวันนี้ วันที่ทุกๆคนยอมรับผม ทั้งผลงานที่ผมทำ และตัวตนที่ผมเป็น ทำให้วันนี้ เป็นวันที่สวยงามสำหรับผมครับ และเพลงนี้ .....ยังไม่เคยเล่นที่ไหน ............ ก็จะขอเล่นที่นี่เป็นที่แรก......ยังไง.....ลองฟังกันดูนะครับ” นักร้องนำและหัวหน้าวงอารัมภบทเมื่ออินโทรเพลงวันที่สวยงามดังขึ้น

“ เรื่องราวเปลี่ยนไปเมื่อฉันได้มาเจอ..............................ทุกวันขอบคุณที่ฉันได้พบเธอ
แม้เส้นทางจะไกลแสนไกล............................................แม้รอบกายจะโหดร้ายเพียงใด.............................................”

“ครับ........สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกคนนะครับ ที่ฟังเพลงของพวกเราออกัส.....ขอบคุณที่ให้โอกาสผมและเพื่อนร่วมวงออกัสทุกคน ได้ทำงานในสิ่งที่พวกเรารัก นั่นคือดนตรี...... ดนตรีนี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์มากเลยนะครับ อาม่าของผม เคยถามผม เมื่อครั้งที่ท่านสอนผมเล่นเปียโนว่า..............เพื่อนอยากจะเล่นเปียโนเก่งเหมือนอากงมั้ยล่ะ คือ อาม่าจะเรียกผมว่าเพื่อนเสมออะครับ ผมก็ตอบไปแบบเด็กๆว่า ไม่รู้จะเก่งไปทำไม.......... แล้วอาม่าก็บอกผมว่า......... เผื่อว่าวันนึง เพื่อนจะใช้มันบอกอะไรกับคนอื่นๆได้.................... และวันนี้ ผมก็รู้คำตอบนั้นด้วยตัวของผมเองแล้วครับ ผมสามารถใช้บทเพลงและเสียงดนตรี บอกความรู้สึกของผม ถึงทุกคนได้จริงๆ บอกถึงใครคนนั้น คนที่ผมรัก..... และอยากจะขอบคุณ ที่เค้าทำให้ผมรู้สึกว่า ผมมีกันและกัน เหมือนกับที่วันนี้ ขณะนี้ คนฟังเพลงของผมทุกคน ทำให้ผมเห็นคุณค่าในตัวเอง และรับรู้ ว่า..... ผม.....มีกันและกันกับทุกคนที่นี่ และทุกคนที่ดูผ่านหน้าจอจากทางบ้าน ผมขอโอกาสกับทุกคนที่นี่นะครับ ขอให้เค้าคนนั้น ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมแต่งเพลงนี้สำเร็จ มาร่วมแบ่งปันกันและกันกับทุกๆคน ขอเชิญโต้งครับ...............................

ยังมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความรัก.................หากลองหยุดพักจงฟังซะก่อน................จะรู้ว่าเราไม่เดินอยู่เดียวดาย

ยังมีผู้คนบนทางอีกหลากหลาย......อีกมากมาย ..................ที่เราก็ต่าง..............มองหาความรักมาเติมให้เต็มหัวใจ

มีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับความรัก.............บ้างสุขสมหวัง บ้างจะร้องไห้ .....................แต่นั่นกลับทำให้ใจเรามีพลัง

จนนานๆไปมันก็กลายเป็นความหลัง................ที่ในทุกครั้ง ...........เรานึกถึงเมื่อไหร่........ก็ไม่รู้จะขอบคุณมันยังไง

ถ้าหากว่าใจเราไม่เคยจะรักเลยสักที จิตใจวันนี้คงจะไม่แข็งแกร่ง.....
และในวันที่ล้มลงคงไม่มีแรง ถ้าเรามัวระแวงในมือของกันและกัน

ถ้ามันเป็นเพลงบนทางเดินเคียงที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน..............และไม่มีวันที่ฉันและเธอจะเดินจากกันไปที่ไหน

และถ้าชีวิตคือท่วงทำนองเธอคือคำร้องที่มีความหมาย.................ให้ใจได้ซึ้งและมีพลังจะเดินต่อไปให้ไกล

มองจะมองทางไหนมีใครสักคนที่หวังจะเดินเข้ามา..........นั่นคือปัญหายิ่งรอยิ่งนาน ยิ่งผ่านอะไรไปนานๆ ใจยิ่งหวั่นไหว

และถ้าวันหนึ่งมีคนที่รอเข้ามาว่าฟ้าก็คงไม่ทำเราเสียใจ....แต่ถ้ามันไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ก็ได้แต่ถอนหายใจมองเหม่อ

อ้อนวอนให้..............ใครๆบางคนบนนั้นช่วยฉันที่อยากมีความรักกับเขาบ้าง

หากมีอะไรๆฉันยอมได้ทุกทาง... เพียงคำว่ากันและกัน............ ฉันขอคำอธิบาย

ถ้ามันเป็นเพลงบนทางเดินเคียงที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน..............และไม่มีวันที่ฉันและเธอจะเดินจากกันไปที่ไหน

และถ้าชีวิตคือท่วงทำนองเธอคือคำร้องที่มีความหมาย.................ให้ใจได้ซึ้งและมีพลังจะเดินต่อไปให้ไกล......ให้ไกล

เหนื่อยเหนื่อยจนถอนใจไม่รู้เมื่อไรว่าเราจะมีความหวัง (ไม่รู้เมื่อไร)..............

แค่เพียงสักครั้งได้เจอสักครั้ง แต่มันต้องเจ็บ ต้องปวด อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่ารักเป็นไง

คนเราจะเสาะจะหาทำไม........และมันจะเป็นจะรักยังไง......... ตะเกียกตะกายจนได้มา.......สุดท้ายบางทีต้องเสียน้ำตา

แต่ให้ทนไว้ อาจเจ็บใจและรอวันหนึ่งที่เราเติบโต....จะขอบคุณ...ว่าใจที่ไม่เคยมีรักให้ใครและนานต่อไปจะเป็นใจที่ไร้ค่า...

หากมันจะมีอะไรที่ต้องแลกเพื่อได้มาฉันว่ากันและกัน..... มีค่าที่จะแลกได้มากมาย

ถ้ามันเป็นเพลงบนทางเดินเคียงที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน..............และไม่มีวันที่ฉันและเธอจะเดินจากกันไปที่ไหน

และถ้าชีวิตคือท่วงทำนองเธอคือคำร้องที่มีความหมาย.................ให้ใจได้ซึ้งและมีพลังจะเดินต่อไปให้ไกล......ให้ไกล

มีทางเดินให้เราเดินเคียง............และมีแต่เสียงของเธอกับฉัน

มีทางเดินให้เราเดินเคียง...........และมีแต่เสียงของเธอกับฉันแสนนานเท่านาน........ แสนนานเท่านาน

ร่างสูงกอดบ่าร่างโปร่งร้องเพลงนี้ร่วมกับเพื่อนๆออกัส แฟนเพลงต่างโบกมือตามจังหวะเพลง หลายคนร้องตามไปด้วยตลอดทั้งเพลง บรรยากาศตอนนั้น ชวนอบอุ่นหัวใจ ความเหงาไม่เชี่ยใส่มิวแต่อย่างใด

มิวไม่รู้ว่าความสุขแบบนี้จะอยู่กับมิวไปนานเท่าใด ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้หรือต่อๆไป แฟนเพลงจะคงรักตนเหมือนกับวันนี้รึเปล่า ชื่อเสียงที่ได้มาจะยั่งยืนแค่ไหน กระแสของตนกับโต้งจะซึมลึกเข้าหัวใจของบรรดาแฟนคลับได้นานเพียงใด ............... แต่ ณ ขณะนี้ มิวรู้ว่าตนเองมีคนที่รัก และรักตอบ มีเพื่อนๆ ที่ไม่มีวันทิ้งกัน มีเพลงและดนตรี เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ มีแฟนเพลง ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างและมีความสุขไปด้วยกัน มีครอบครัวที่เข้าใจ และให้อภัยเสมอ นักร้องหนุ่มไม่กลัวอีกแล้ว.....ไม่กลัวที่จะรักโดยไม่กลัวการสูญเสีย......

เสียงเรียกชื่อมิวดังไม่ทิ้งระยะ เสียงตะโกนชื่อวงออกัสดังไม่ขาดสาย แต่ในความคิดของมิวตอนนี้ มีเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนเคียงข้าง หนึ่งเดียวที่มีกันและกันตลอดมา ร่างโปร่งหันไปมองร่างสูงที่หันกลับมาหาตนเช่นกัน ไม่ต้องรอให้ใครบอก โต้งสวมกอดมิวท่ามกลางเสียงวี้ดวิ้วของผู้คน มิวก็กอดกลับเช่นกัน เสียงปรบมือดังกระหึ่มภายนอกไม่อาจกระทบมโนประสาทในความรู้สึกของคนทั้งคู่ได้ นักร้องหนุ่มน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปิติ ก่อนจะแยกจากการกอดหันไปขอบคุณแฟนเพลงทุกคน

“ขอบคุณมากครับ.........” ไหว้และโบกมือให้ผู้ชมสักพัก แล้วหันมาส่งแววตาหาโต้งอีกครั้ง แล้วส่งยิ้มให้ โต้งเอง ก็ส่งยิ้มกลับคืนให้เช่นกัน ต่างยิ้มและมองกันและกันอย่างนั้นอย่างมีความสุข

“ขอบคุณนะ.....................................”

.......

....

*******END*******




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2555 14:19:00 น.
Counter : 1262 Pageviews.

6 comment
ตอนที่ 37 +++ คำบอกรักของมิวและโต้ง +++


วันรุ่งขึ้น ที่ค่ายเคเบิ้ลยักษ์ใหญ่ ................ หมู่มวลบรรดาสมาชิกวงออกัสที่ซ้อมเพลงทั้งเก่าทั้งใหม่กันดีแล้วก็พากันมาที่สตูดิโอที่จะใช้เป็นที่แสดงและแถลงข่าว มิวทบทวนคำตอบที่คุณบีสั่งให้พูด สั้นๆ ง่ายๆ ชัดเจนว่า....

“พูดออกไปตามความรู้สึกจริงๆเลยนะมิว อย่าเฟค”

“เราเป็นนักร้องและนักดนตรีและนักแต่งเพลงด้วย เป็นมืออาชีพ ไม่ใช่นักแสดง.... จำไว้ ความจริงใจ ความดี และผลงานที่ดี ย่อมเอาชนะใจผู้อื่นได้ เหมือนอย่างที่มิวชนะใจครอบครัวของโต้งและของตนเองมาแล้ว ชนะใจเรามาแล้ว คราวนี้ ก็ไม่ต่างกัน ขนะใจคนดูและคนฟังเพลงของมิว ด้วยความจริงใจที่มีต่อกันและกัน ต่อเสียงเพลง ด้วยความเป็นคนดีและคนเก่งของมิวเอง”

หลังจากเปิดการแถลงข่าวด้วยเพลงกันและกันและเพลงเพียงเธอแล้ว..... ก็ถึงการแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอย่างเต็มๆซักที นักร้องนำวงออกัสหายใจลึกๆ ก่อนจะออกมาจากด้านหลัง เพื่อมานั่งที่โซฟา เสียงกรีดร้องต้อนรับจากกลุ่มแฟนคลับและผู้ที่มารอสังเกตการณ์ดังลั่นและคับคั่งเอามากๆ ทำให้มิวพอจะมีกำลังใจบ้าง ขณะที่คนอื่นๆ ทั้งเพื่อนๆสมาชิกออกัส หญิง และพี่ๆทีมงาน ต่างลุ้นอยู่ด้านหลัง ในขณะที่โต้งและครอบครัวก็แอบมาให้กำลังใจมิวเช่นเดียวกัน แต่ก็ต้องคอยหลบนักข่าว

ไมโครโฟนกว่ายี่สิบอันจ่ออยู่ที่หน้าของนักร้องหนุ่ม ล้วนแล้วแต่เป็นรายการบันเทิงชื่อดังของเมืองไทยทั้งสิ้น มิวแระหม่าเล็กน้อยที่เห็นกองทัพนักข่าวและไมโครโฟนมาจ่อเยอะขนาดนี้ แต่ก็สูดลมหายใจอีกครั้ง พร้อมให้คำตอบกับทุกคนที่ต้องการรู้เรื่องราวของตน

“ท่านผู้ชมครับ เราแถลงข่าวออกอากาศสดทางสยามแชนแน่ลนะครับ ร่วมแสดงความคิดเห็นส่งกำลังใจให้น้องมิวได้ทาง SMS1234567 และดาวน์โหลดเพลงของออกัสได้ทาง *492278 รหัส 507 นะครับ เอาล่ะครับ เริ่มเลยแล้วกัน สวัสดีครับน้องมิว”

“สวัสดีครับทุกๆคนครับ”

“พูดถึงข่าวหน่อยครับ”

“คือว่า........พี่ๆครับ ผมพูดไม่เก่งนะครับ ไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหนดี เอาเป็นว่า.......พวกพี่ๆจะถามอะไร ก็เชิญถามได้เลยนะครับ” เสียงประหม่าและสั่นเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น แต่ก็ใจสู้อยู่แล้ว

“น้องมิวเป็นเกย์จริงๆใช่มั้ยครับ”

“คำถามแรกก็ตอบยากแล้วครับ.... ผมไม่รู้ว่า คำว่าเกย์จะนิยามว่ายังไง แต่ถ้าถามเรื่องรสนิยมทางเพศ ผมก็ขอตอบว่า.....ผมไม่เคยมีความรู้สึกชอบผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต เว้นแต่ความรู้สึกดีๆที่แอบมีให้ใครคนนึง คนเดียวเท่านั้น มานานมากแล้ว และเค้าคนนั้นบังเอิญเป็นเพศเดียวกันกับผมครับ”

“น้องมิวรู้จักน้องโต้งมานานรึยังคะ”

“ตั้งแต่สมัยเรียนประถมแล้วครับ บ้านเราเคยอยู่ติดกัน เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน และชั้นเดียวกันด้วยครับ”

“ที่มีคนบอกว่า พวกน้องกลับมาเจอกันหลังจากห่างกันไปหกปีนี่ มันเป็นยังไงเหรอครับ”

“จริงครับ ครอบครัวโต้งย้ายบ้านไปเพราะปัญหาส่วนตัว แล้วเราเพิ่งได้กลับมาเจอกันเมื่อสี่เดือนก่อนเองครับ”

“ที่.......”

“สยามฯครับ สยามสแควร์ ที่หน้าร้านพี่เปี๊ยกอะครับ”

“ความรู้สึกดีๆที่มีให้ใครคนนึงของน้องมิวมันยังอยู่เหรอคะ หลังจากไม่พบกันหกปี”

“ทีแรกผมก็ไม่ทราบครับ ผมได้รับมอบหมายให้แต่งเพลงรัก แต่ผมนึกคำร้องไม่ออก เพราะไม่เคยรู้สึกรักใครมาก่อน รู้สึกว่า การเขียนเพลงรักจากความรู้สึกเนี่ย มันช่างยากเอามากๆ แต่พอได้เจอโต้ง ได้พูดคุยกัน กลับมีประกายไฟในหัวให้อยากเขียนเพลงรักขึ้นมาได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อเลยครับ”

“เพลงรักเพลงแรกแรกที่แต่ง ใช่เพลงกันและกันรึเปล่าครับ”

“เพลงแรกที่แต่งหลังเจอโต้งเหรอครับ ชื่อเพลง รู้สึกบ้างไหม ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจว่าตนเองรักโต้งรึเปล่า แค่เขียนความรู้สึกที่ไม่ได้เจอกันออกไป หลังจากนั้นไม่กี่วัน พอได้มีโอกาสถ่ายทอดความรู้สึกเหงาที่ต้องสูญเสียคนรักให้โต้งฟัง ได้ทานข้าวด้วยกัน ความรู้สึกดีๆมันก็ยิ่งขยายตัวขึ้น แล้วผมก็แต่งเพลงกันและกันขึ้นมาได้อะครับ”

“แล้วบอกรักกันตอนไหนล่ะคะ”

“ผมร้องเพลงกันและกันเวอร์ชั่นอะคูสติกครั้งแรกที่งานปาร์ตี้ที่บ้านโต้งครับ ไม่ได้บอกเป็นคำพูด แต่ส่งผ่านบทเพลงออกไป แล้วหลังจากงานจบลง โต้งก็ตอบผมว่า เค้ารู้สึกอย่างเดียวกัน”

“น้องโต้งพูดเหรอครับ”

“เปล่าครับ........คือ........โต้งเค้า.......จะให้พูดจริงๆเหรอครับ” มิวเริ่มหน้าแดงด้วยความเขิน

“ผมจูบมิวครับ.....” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง ร่างสูงเดินออกมานั่งข้างๆร่างดปร่งที่หน้าแดงตัวแข็ง พูดอะไรไม้ถูก ไม่คิดว่าโต้งจะกล้าเปิดเผยตัวต่อสาธารณชนแบบนี้ คำตอบของโต้งทำให้มิวนั่งนิ่งหน้าแดง แต่กลับเรียกเสียงกรี๊ดให้กับกลุ่มแฟนคลับได้อย่างล้นหลาม บ้างก็มีเสียงเล็ดมาให้ได้ยินบ้างว่า แมนว่ะ กล้าตอบด้วย

“น้องโต้งจูบน้องมิวจริงๆเหรอคะ” นักข่าวถามย้ำ

“ผมจูบจริงครับ” โต้งตอบด้วยความมั่นใจ เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกรอบ

“แล้วเป็นไงต่อล่ะคะ” นักข่าวอยากรู้อยากเห็นเรื่องแบบนี้ขึ้นมาทันควัน





Create Date : 22 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2555 14:17:04 น.
Counter : 883 Pageviews.

2 comment
ตอนที่ 36 +++ วันที่สวยงาม +++
....


...



..




“โต้ง........” นักร้องหนุ่มร้องเรียกชื่อคนรัก แต่กลับไม่พบตัว

“มีใครเห็นโต้งมั้งครับ......” มิวเอ่ยถามคนอื่นๆ


“ก็......นั่นดิ หญิงไม่เห็นเลยอะมิว แต่เมื่อกี๊นี้ หญิงเห็นม๊าของมิวยัง.........”


“โต้งเค้ายืนอยู่ข้างๆม๊า แต่พอม๊าไปหอมแก้มมิว โต้งเค้าก็เดินไปทาง....” ม๊าของมิวชี้ที่ประตูด้านที่ออกถนนมไปทางด้านแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกคนหันไปมองตาม เห็นกระดาษโน้ตสีเขียวอ่อนปิดอยู่ที่ประตู เขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีน้ำเงิน


“เหมือนกระดาษโน้ตที่มรึงใช้ประจำเลยเนาะ ของมรึงเปล่าวะ” มือกลองถามเพื่อนนักร้องนำ


“ไม่ใช่ของกรู กรูใช้กระดาษสีฟ้า ปากกาสีเขียว แต่นี่มันกระดาษสีเขียว ปากกาสีฟ้า”


“ของโต้งอะมิว.... โต้งแวะซื้อของที่ร้านกิ๊ฟต์ช็อปตรงหาดทรายแก้ว ก่อนที่เราจะเอารถขึ้นเรือจากเกาะมายังฝั่งบ้านเพไง”


“มันเขียนว่าไงวะมิว” เอ๊กซ์เอ่ยถาม


“ตาลน้อยในสวน” มิวพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปหาทุกคน

“เดี๋ยวผมมานะครับ” พูดจบ ร่างโปร่งก็วิ่งออกไปทันที


“เดี๋ยวมิว......” เถ้าแก่หลิวพยายามร้องเรียก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน


“ไม่เป็นไรครับเถ้าแก่ เจ้าโต้งคงจะมีของขวัญให้มิวน่ะ” กรรั้งเถ้าแก่หลิวเอาไว้


“เป็นวิธีการให้ของขวัญของที่บ้านเราน่ะค่ะ มิวเค้ารู้จักดี ถึงได้รีบออกไปไงคะ”


“แล้วพวกเราควรจะทำไงล่ะคะคุณสุนีย์ คุณกร รออยู่ที่นี่หรอคะ”


“ครับ...คุณจู.... เดี๋ยวก็กลับมากันเองแหละครับ ไม่ต้องห่วงหรอก”


.....


....



“ตาลน้อยในสวน............. แล้วมันต้นไหนล่ะโต้ง ไม่ได้วาดรูปมาให้ซะด้วย” มิวบ่นลอยๆ ขณะมองหาต้นตาลน้อยตามคำใบ้ในแผ่นกระดาษโน้ตของโต้ง ซึ่งเลือกสีมาได้ถูกใจมิวมาก เพราะของที่นักร้องจอมเหงาเคยใช้ เป็นสีฟ้าที่มักเขียนด้วยปากกาสีเขียวเสมอ แต่ของโต้งเป็นกระดาษสีเขียวอ่อนที่เขียนด้วยปากกาน้ำเงิน ..... ตรงข้าม แต่ลงตัว


“นั่นไงเจอแล้ว ต้นนั้นนั่นเอง.... มีผ้าอะไรแขวนอยู่ด้วย”


“นี่มัน.....อ้าว...คนละผืนนี่....สีเขียวอ่อนหรอ.... หอมดีจัง มีตัวอักษรจีนสีน้ำเงินปักไว้ด้วย.... 我愛你 บ้าอะโต้ง.... ขนาดเห็นแค่นี้ยังเขินเลย... อ๊ะ....มีกระดาษอีกแผ่นด้วย โป๊ะออดแอด................อืม...ที่เดิมเลยแฮะ” นักร้องหนุ่มร่างโปร่งรีบเดินไปยังเป้าหมายต่อไปทันที ในใจก็ลุ้นว่า โต้งจะทำเซอร์ไพร้ส์อะไรรึเปล่า


“ซองกันกระแทกสีฟ้าหรอ ข้างในใส่อะไรไว้นะ..............”



นักร้องนำวงออกัสค่อยๆแกะวองกันกระแทกสีฟ้าอันนั้นออกช้าๆ ในใจก็เต้นระส่ำไปหมด แอบลุ้นว่าโต้งจะให้อะไรเป็นของขวัญรับขวัญอีก หลังจากแหวนหยก และผ้าเช้ดหน้าข้อความธรรมดาแต่ช่างทุ้มใจเหลือเกิน


“นี่มัน.......................ขอบคุณนะโต้ง” นักร้องหนุ่มปาดน้ำตาที่คลอออกมา ทันทีที่ได้เห็นของขวัญชิ้นนี้


รูปถ่ายชายหาดที่มิวไปวาดรูปให้อาม่า รูปภาพมุมเดียวกัน เวลาเดียวกัน เหมือนถ่ายออกมาจากรูปภาพยังไงยังงั้น แต่นี่เป็นรูปถ่ายจริงๆ เพียงแต่อาจจะตกแต่งภาพนิดหน่อย เพื่อให้ใกล้เคียงกับรูปลักษณ์เดิมของภาพที่มิววาดมากที่สุด ร่างโปร่งแปลกใจเล็กน้อย เพราะตอนที่โต้งไปถึง เป็นเวลาสายมากแล้ว ไม่ใช่เช้ามืดแบบในภาพ แสดงว่าโต้งคงไม่ได้ถ่ายเอง หรือถ้าถ่ายเอง ก็คงจะต้องตกแต่งภาพให้เป็นเช้ามืดยามแดดส่องแน่ๆ ที่สำคัญ ด้านล่างของภาพ เป็นรูปของเด็กหนุ่มสองคนกำลังนั่งบนหาดทรายหันหลังให้คนถ่าย แต่หันออกทะเล เด็กหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อสีฟ้าผมเกรียนผิวขาวกว่าและสูงกว่าอีกคนเล็กน้อย กับเด็กหนุ่มอีกคน ร่างโปร่ง สวมเสื้อสีเขียว กำลังเอาศีรษะอิงไหล่ซ้ายของอีกคน มองท้องฟ้าสดใสกับท้องทะเลสีเขียวครามบรรจบกันบนเส้นของฟ้าที่เห็นได้ยามดวงวตะวันขี้น


“นี่มันรูปตัดต่อนี่หว่า ทำได้ไงเนี่ย เก่งจัง เวลาแป๊บเดียว ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ...... ขอบคุณนะโต้ง....ขอบคุณนะ”


มิวหยิบกระดาษโน้ตสีเขียวที่ปิดอยู่บนกรอบรูปมาดู เพื่อจะได้รู้ว่า ให้ไปที่ไหนต่อ

“เปียโน............................ หมายถึงเปียโนของอาม่าล่ะมั้ง” แล้วนักร้องหนุ่มก็เดินกลับบ้านของตนเอง


เดินกลับเข้าบ้านมาอย่างเงียบๆ.....แต่ในใจลั้นลาเสียงลั่นกับของขวัญที่คนรักมอบให้ คนในบ้านหายไปหมด ไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว นักร้องหนุ่มจะหยิบโทรศัพท์ออกมา ก็นึกขึ้นได้ว่า.... มันพังไปแล้วตั้งแต่คืนวันเสาร์ หันไปมองที่บ้านหญิง ก็ยังล็อกประตูอยู่ ไม่มีรองเท้าซักคู่ถอดอยู่หน้าบ้าน นอกจากรองเท้าของตนเอง ทั้งที่มีกันอยู่มากกว่าสิบคนเสียอีก แต่รถก็ยังจอดอยู่สองคัน ร่างโปร่งเดินไปที่โทรศัพท์บ้าน กดเข้าเลขหมายของมารดาตนเอง

“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก.................”



“ไปไหนกันหมดเนี่ย..” ถึงจะประหลาดใจ แต่นักร้องหนุ่มก็เดินไปดูที่เปียโนของอาม่า


“ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา.... เอ๊ะ.... โน้ตเพลงนี่มัน......” ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเป็นโน้ตเพลงอะไร แต่นักร้องหนุ่มก็นั่งบนเก้าอี้แล้วลองบรรเลงเปียโนดู ว่าจะไพเราะขนาดไหน


“ติ๊ง ติง ติ่ง ติง ติ๊ง ติง ติง ติง ติง....................................ติ๊ง ติง ติ่ง ติง ติ๊ง ติง ติง ติ๊ง ติ่ง....................................

ติ๊ง ติง ติง ติ่ง ติง ติ๊ง ติง .......................................... ติ๊ง ติง ติง ติ่ง ติง ติ๊ง ติง ติง........................

ติ่ง ติ๊ง ติง ติง ติ่ง ติง ติ่ง ติง ติ๊ง.................................. ติ๊ง ติง ติง ติ่ง ติ่ง ติ๊ง ติง ติง.........

ติ่ง ติ๊ง ติง ติง ติง ติ่ง ................................................. ติ่ง ติง ติง ติ๊ง ติง..............................ฯ



“เพราะดีเหมือนกันแฮะ ไม่รู้เพลงนี้ใครแต่งทำนองนะ.....” นักร้องนำวงออกัส หยิบโน้ตเพลงมาดูอีกครั้ง

“L แอลหรอ..... หมายถึงใคร........ แอล........ ล้อเล่นน่า........ ป๊าเนี่ยนะ... เคยแต่งเพลงด้วย แต่..... อาม่าเคยบอกว่า.... ดนตรีอยู่ในสายเลือด ตั้งแต่อากงมาแล้ว ลูกหลานทุกคนมีพรสวรรค์กันหมด หรือว่าจะจริง ป๊าเป็นคนแต่งทำนองเพลงนี้” พูดจบ มิวก็พลิกดูวันที่อีกครั้ง

“ยี่สิบกรกฎาคมสองห้าสามสอง วันเกิดเราพอดีเลย”


“ถ้าป๊าแต่งทำนองเพลงนี้ แล้วเอาไปเก็บไว้ไหนล่ะ ทำไมเราไม่เคยเห็น หรือว่า ..... อยู่ที่ระยอง แต่ถ้างั้น ทำไมโต้งรู้ หรือว่าร่วมมือกัน ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือโต้งเจอตอนค้นบ้านหาแหวน แล้วโต้งรู้ได้ไงว่าป๊าแต่ง แล้วทำไมถึงมาทิ้งไว้บนเปียโนให้เรา” หลังจากคิดอยู่ซักครู่ นักร้องหนุ่มก็หยิบรูปถ่ายตัดต่อที่โต้งให้เป็นของขวัญต้อนรับกลับบ้านขึ้นมาดู ค่อยๆนั่งหลับตาลง




นึกถึงของขวัญที่โต้งมอบให้ ภาพท้องทะเลกับท้องฟ้าบรรจบกัน ภายใต้แสงตะวันสาดส่องหัวใจ มิวเปรียบชีวิตของตนเองเหมือนทะเลที่มีคลื่นซัดไหวไปมา แต่บางทีก็นิ่ง ลึก เงียบเหงา เงียบงัน ว้าเหว่ และดูมืดมิดในยามราตรี และ เปรียบความเหงาที่เชี่ยใส่ตนเหมือนความเหน็บหนาวร้าวรานหัวใจ แต่กระนั้น ก็เหมือนมีโต้งเป็นท้องฟ้ากว้างที่สดใส รอยยิ้มอบอุ่นของโต้งเหมือนแสงอรุณที่ทำลายความมืดมนและความหนาวเหน็บให้หายไป ร่างโปร่งบนเก้าอี้เปียโนค่อยๆอมยิ้ม นึกถึงความสุขที่ตนได้รับ ความสุขที่ตนมีหลังจากการพลัดพรากสูญเสียที่แสนเจ็บปวด โดยที่ไม่ต้องดูโน้ตฉบับนั้นซ้ำอีกรอบ นักดนตรีหนุ่มหัวหน้าวงออกัส ก็สามารถบรรเลงเพลงนี้ได้อีกครั้ง และถึงแม้จะไม่มีปากกามาจดเนื้อเพลงที่กำลังแล่นอยู่ในสมอง แต่มิวก็สามารถขับร้องเพลงใหม่ที่เพิ่งจะแต่งเสร็จได้ เพราะมันเป็นบทเพลงที่ไม่ได้รังสรรค์จากสมองของชายหนุ่มวัยย่างเข้าสิบแปด แต่เป็นบทเพลงที่สร้างสรรค์จากหัวใจของศิลปินหนุ่มที่ชีวิตผ่านอะไรมามากมาย ทั้งวุ่นวาย ทั้งมืดมน กว่าจะมาถึงวันนี้.........วันที่สวยงาม



เรื่องราวเปลี่ยนไปเมื่อฉันได้มาเจอ..............................ทุกวันขอบคุณที่ฉันได้พบเธอ

แม้เส้นทางจะไกลแสนไกล............................................แม้รอบกายจะโหดร้ายเพียงใด

แต่ฉันมีเธอเป็นฟ้าที่สดใส..............................................เหมือนเสียงเพลงที่ซึ้งหัวใจ

ดั่งท้องทะเลกว้างไกล.....................................................ในวันที่สวยงาม

เพราะฉันมีรอยยิ้มของเธอที่ทำให้อุ่นใจ..........................แม้จะต้องเหน็บหนาวเพียงใด

แต่ฉันจะเดินข้ามไป........................................................สู่วันที่สวยงาม..................................เพราะฉันนั้นมีเธอ


ทุกวันไม่ว่าจะเป็นยังไง.............................................

แม้เส้นทางจะไกลแสนไกล.............................................แม้รอบกายจะโหดร้ายเพียงใด

แต่ฉันมีเธอเป็นฟ้าที่สดใส...............................................เหมือนเสียงเพลงที่ซึ้งหัวใจ

ดั่งท้องทะเลกว้างไกล.....................................................ในวันที่สวยงาม

เพราะฉันมีรอยยิ้มของเธอที่ทำให้อุ่นใจ..........................แม้จะต้องเหน็บหนาวเพียงใด

แต่ฉันจะเดินข้ามไป........................................................สู่วันที่สวยงาม



เพราะฉันยังไม่รู้ ที่รออยู่ยังจุดหมาย................................จะโหดร้ายดีงามสักแค่ไหน

แต่เพราะฉันมีเธอ ก็เหมือนว่ามี.......................................สวรรค์ในใจ


เพราะฉันมีเธอเป็นฟ้าที่สดใส..........................................เหมือนเสียงเพลงที่ซึ้งหัวใจ

ดั่งท้องทะเลกว้างไกล......................................................ในวันที่สวยงาม

เพราะฉันมี.........รอยยิ้มของเธอได้ทำให้อุ่นใจ..........................แม้จะต้องเหน็บหนาวเพียงใด

แต่ฉันจะเดินข้ามไป..........................................................สู่วันที่สวยงาม........................เพราะฉันนั้นมีเธอ

ดั่งท้องทะเลกว้างไกล........................................................ในวันที่สวยงาม......................เพราะฉันนั้นมีเธอ....ฯ







Create Date : 22 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2555 14:10:13 น.
Counter : 531 Pageviews.

2 comment
ตอนที่ 35 +++ แหวนหยกแ่ห่งสัญญาใจ +++

...




...






“มิว.........” เสียงคุ้นหูของชายหนุ่มร่างสูง เอ่ยชื่อหนุ่มน้อยร่างโปร่งที่เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จ ด้วยเสื้อยืดสีเทา ที่ยืมเพื่อนมาใส่ เพราะตนไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยตอนที่หนีออกมา เว้นแต่นาฬิกาข้อมือสีเขียวคู่ใจเรือนเดิมที่ทนทานไม่พังง่ายๆ แม้จะเปียกทั้งน้ำฝนและน้ำทะเลก็ตาม


“ว่าไงโต้ง.....” นักร้องหนุ่มเอ่ยถามด้วยประโจคเดิมๆ หลังจากที่เดินเข้ามาใกล้


“อะ...ให้....” โต้งกำมือของตนไปวางไว้บนมือข้างซ้ายของมิว


“อะไรน่ะ....”


“ก็ของขวัญรับขวัญไง....” พูดจบ หนุ่มผมเกรียนก็แบมือออก หย่อนของในมือตนไว้บนมือของคนรัก นักร้องนำวงออกัส ก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือตน สิ่งที่คุ้นเคย และโหยหา




แหวนหยกสีเขียวเข้มของอาม่าสะท้อนแสงแดดยามสายที่ส่องรำไรเข้ามาในห้อง สีเขียวเปล่งประกายความหวัง ต้องกระทบแววตาสีน้ำเงินเข้มของร่างโปร่งที่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก และแววตาสีน้ำตาลของร่างสูงที่ยืนนิ่ง รอปฏิกิริยาของผู้รับ


“โต้ง....นี่มัน....”


“แหวนของอาม่าไงมิว.......เราเจอมันแล้วนะ เราหาแหวนวงนี้ให้มิวได้แล้ว” โต้งตอบยิ้มๆ


“โต้ง......” มิวเรียกชื่อคนรักอีกครั้ง ความดีใจมันท่วมอกจนพูดอะไรไม่ออก


“ป๊ามิวบอกว่า..... ถ้ามิวถือแหวนนี้ไปยืนต่อหน้าที่บ้านอาม่า แล้วขออะไรก็ตาม ท่านจะยอมทุกอย่าง”


“โต้ง....” มิวเรียกชื่อโต้งอีกครั้ง และโผเข้ากอดร่างสูงทันที ไออุ่นของกันและกัน ขับไล่ความหนาวเหน็บในสองคืนที่ผ่านมาของมิวออกไปจนหมดสิ้น โต้งกอดรับสักครู่ ก่อนจะผละร่างโปร่งออกไป แล้วจับมือซ้ายของมิวเอาไว้


“มา....เราสวมให้” พูดจบก็ยกมือซ้ายของมิวขึ้นมา แล้วหยิบแหวนด้วยมือขวาของตน


“นิ้วนี้เลยเหรอโต้ง.....” มิวถาม เมื่อเห็นว่าโต้งจะสวมแหวนให้ที่นิ้วไหน


“นิ้วนี้แหละดีแล้ว นิ้วก้อยก็เล็กไป นิ้วอื่นๆก็ใหญ่ไป นิ้วนี้แหละ จะได้เหมือนว่าเราจองมิวไว้แล้วไง”


“บ้า.... ไม่เอา ไม่พูดแล้ว” นักร้องหนุ่มแกล้งเบือนหน้าหนีด้วยความเขิน แต่ยังคงยื่นมือรอให้โต้งสวมแหวนให้จนสวมเสร็จ ก่อนที่..... ร่างสูงจะค่อยๆก้มหน้ามาแนบใกล้กับแหวน แล้วกำลังบรรจงจรดริมฝีปากของตนบนแหวนวงนั้น ....................แต่ยังไม่ทันที่ปากเอิบอิ่มของโต้งจะได้จุมพิตแหวน..........................



“ทำอะไรกันอยู่วะ” เสียงแปร๋นๆกวนประสาทของนายคิ้วหนาดังขึ้นที่หน้าประตูโดยไม่รู้จักเคาะเช่นเคย


“มีอะไรเหรอเอ๊กซ์” นักร้องนำเอ่ยถามมือกีตาร์วงออกัส


“น้านีย์ให้มาถามว่า....เสร็จกันรึยัง จะได้พาไปทานข้าว เพราะว่ากรูอะ... หิวไส้แทบจะขาดแล้ว”


“อือ... นายไปบอกแม่เรานะ ว่าเดี๋ยวเราตามออกไป” โต้งบอกเอ๊กซ์ พลางทำท่าเขินหลบสายตา


“ไม่ต้องมาอายกรูเลย ทั้งคู่ล่ะ มรึงด้วยไอ้มิว จะทำอะไรก็รีบทำ เดี๋ยวกรูปิดประตูห้อง และให้เวลาสามนาที แล้วอย่าช้านะโว้ย บ่นหิวกันหมดแล้วเนี่ย นี่ก็จะเที่ยงอยู่แล้ว” พูดจบ เอ๊กซ์ก็ค่อยๆปิดประตูห้อง แล้วเดินกลับไปรวมกลุ่ม พลางส่งซิกแนลบางอย่าง บอกเพื่อนๆ


“เสียดายอะมิว.....”


“เสียดายอะไรเหรอโต้ง”


“ก็เอ๊กซ์อะดิ.... มาขัดจังหวะเราจะโรแมนติกกับมิวซะหน่อย” ชายหนุ่มตอบพร้อมทำหน้ายิ้มกวนๆให้อีกฝ่าย


“อะ...” มิวยื่นแขนให้โต้งอีกรอบ


“อะไรเหรอมิว” โต้งถามมิวที่กำลังยืนหน้าแดง


“ก็เมื่อกี๊จะทำอะไร ก็ทำต่อให้จบสิ” มิวตอบเขินๆ ไม่กล้าสบสายตา แต่โต้งรู้หน้าที่ดี จึงยกมือซ้ายของนักร้องหนุ่มขึ้นมา แล้วค่อยๆบรรจงจุมพิตอีกรอบ ก่อนจะปล่อยมือมิวลงช้าๆ


“งั้น.....พวกเราออกไปกันเถอะ.... แม่รอ”


“เพื่อนก็รอ”

“อื้อ.
...” โต้งพูดจบก็จะจูงมือมิวออกไป


“เดี๋ยวก่อนโต้ง”


“ว่าไงมิว”


“ขอบคุณนะ”



.......




......





“คุณยอมรับได้เหรอครับ.....ที่................................................... ไม่อายคนอื่นเค้ารึไง”


“เถ้าแก่ครับ......ฟังผมนะ.....ผมรู้..เรื่องแบบนี้เนี่ย มันยากจะยอมรับ แต่คุณลองคิดดูนะ นั่นน่ะ...ลูกของคุณ ลูกที่คุณทิ้งให้เค้าใช้ชีวิตลำพังอยู่ที่นี่ ไม่มีพ่อแม่คอยชี้แนะ เค้าเติบโตมาได้ด้วยตัวของเค้าได้ โดยไม่เคยมีคุณ แต่เค้าก็ไม่เคยทำอะไรที่เสียหาย ไม่เสพยา ไม่ไปเป็นเด็กแว้น ไม่เที่ยวกลางคืน แถมยังอุตส่าห์ตั้งใจเรียนและทำกิจกรรมไปพร้อมๆกันได้อย่างมีความสุข แค่นี้ ยังไม่พออีกเหรอครับ มันไม่พอหรอครับ สำหรับเด็กที่เติบโตมาโดยไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ให้กำเนิด ในช่วงวัยรุ่นที่ชีวิตสับสนและเปลี่ยนแปลงแบบนี้”


“อั๊วะรู้...... อามิวอีเก่ง อีเอาตัวรอดและดูแลตัวเองได้ เวลาป้าอรส่งผลสอบหรือภาพอัไปแข่งโน่นเล่นนี่ แล้วได้รางวัลมา อั๊วะก็ภูมิใจทุกครั้ง ที่อีเป็นเด็กดี แต่อั๊วะก็อยากให้อีได้ดีกว่านั้น ... คุณกร...... คุณรู้มั้ย ตอนที่อาม่าอีเสียนะ อั๊วะชวนอามิวไปอยู่ระยองด้วยกัน แต่อีปฏิเสธ อีอยากอยู่ที่นี่ มากกว่าจะไปอยู่กับอั๊วะ คุณรู้มั้ย อั๊วะเสียใจแค่ไหน”


“นั่นเพราะเค้ารู้.... ว่าเค้ารักอะไร เค้าอยากจะทำอะไร ถ้ามิวไปอยู่กับเถ้าแก่ มิวก็คงไม่ได้ทำสิ่งที่เค้ารักเหมือนตอนนี้ มิวเค้าเลือกมาหลายปีแล้ว ว่าเค้าไม่อยากทำธุรกิจเหมือนเถ้าแก่ทำ แล้วทำไมเถ้าแก่ยังจะรั้งเค้าไว้อีกล่ะครับ”


“แต่มันไม่เหมือนกัน อามิวอีไปรักผู้ชาย...... ลำพังถ้าอีจะเป็นนักร้องนะ.... อั๊วะก็คงทำใจได้ แต่นี่ อีดันเป็นเกย์ แถมยังมารักกับ.........................”


“เจ้าโต้ง.................. ลูกชายผม”


“อั๊วะจำชื่ออีได้ อั๊วะหมายถึง.... คนอื่นเค้าจะมองอามิวอียังไง อีต้องทนฟังเสียงผู้คนนินทา ต้องทนเห็นแววตารังเกียจจากคนอื่น อีจะทนได้เหรอ”


“นี่เถ้าแก่พูดถึงตัวเอง หรือกลัวแทนมิวกันแน่ครับ”


“กับอั๊วะก็ส่วนหนึ่ง... อั๊วะยอมรับ ว่าอั๊วะก็อายเพื่อนฝูง อายลูกค้าที่เข้ามาถามเหมือนกัน บางครั้ง อั๊วะก็แอบคิด ว่าอามิวทำให้อั๊วะเสียหน้า”


“เถ้าแก่รักหน้าตัวเอง หรือรักลูกมากกว่ากัน”


“ก็ต้องรักลูกมากกว่าสิ แต่ว่า.....”


“เถ้าแก่ครับ..... ถ้าเถ้าแก่รักลูกมากกว่า เรื่องเสียหน้าก็คงไม่สำคัญหรอกครับ ผมสิครับ ... เป็นไอ้ขี้แพ้ในสายตาเมียกับลูกมาหกปี ผมกลายเป็นคนติดเหล้า ที่เป็นภาระของพวกเค้ามาหกปี สุนีย์ต้องทนแบกรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน และบรรดาคนรอบข้าง โดยที่ผมไม่รู้อะไรเลย แต่เธอทนได้ เธอผ่านมันมาได้ เพราะเธอรักผม เธอรักโต้ง รักครอบครัวของเรา สุนีย์สามารถเลือกที่จะทิ้งผม แล้วพาโต้งไปอยู่ที่อื่นก็ได้ แต่เธอไม่ทำ... นี่แหละครับ เถ้าแก่ ความรักมันมีพลัง ให้เราเข้มแข็งได้มากมายเพียงไหน เถ้าแก่ก็ไม่ต่างกันหรอกครับ เถ้าแก่เก่งกว่าสุนีย์ ทำธุรกิจจนร่ำรวยมีชื่อเสียง แล้วทำไมเถ้าแก่ไม่ใช้ความรักที่มีต่อลูก มาเป็นพลังเอาชนะเสียงติฉินนินทาพวกนี้ล่ะครับ”


“อั๊วะรู้........ แต่อามิวอียังเด็กนะ.... อาโต้งก็ด้วย อีไม่ใช่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ที่จะคิดและอดทนกับสิ่งต่างๆที่จะต้องเจอในวันข้างหน้าได้ ถ้าแฟนเพลงอีไม่ยอมรับ ถ้าเพื่อนๆพวกอีรังเกียจ สู้อั๊วะพาอีหนีคนพวกนี้ไปอยู่ระยองเสียแต่ตอนนี้ จะดีซะกว่า จะได้ไม่ต้องมาทนเห็นอีเสียน้ำตาและเสียใจอีก ตอนอาม่าเสีย อั๊วะแทบไม่เห็นน้ำตาอี แต่อั๊วะรู้ ว่าอามิวอีเสียใจมากแค่ไหน อั๊วะไม่อยากเห็นลูกต้องมาเสียใจในภายหลัง เพราะเลือกเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง”


“เถ้าแก่ครับ .... การเลือกทำในสิ่งที่เรารัก การเลือกคบกับคนที่เรารัก.... มันไม่มีคำว่าไม่ถูกต้องหรอกครับ มันมีแต่ถูกใจ หรือไม่ถูกใจเถ้าแก่เท่านั้นแหละ เหมือนที่สุนีย์เคยทำ ตอนที่เค้ารู้ว่าเด็กสองคนนั่น มีความสัมพันธ์พิเศษกันเกินกว่าเพื่อนธรรมดา ........ เธอก็ปรอทแตกไปเลยล่ะ มาหามิวถึงที่นี่ มาห้ามมิว บอกมิว ให้หยุดความสัมพันธ์กับเจ้าโต้ง .... แต่แล้วตอนหลัง หลังจากที่ค่อยๆคุยกัน เธอก็ทำใจยอมรับได้ และตัดสินใจยอมให้มิวกับโต้งคบกัน .......... และสุดท้าย ก็ได้เห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้ตัดสินใจลงไป ว่ามันนำสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตมากมาย เห็นเจ้าโต้งมีชีวิตสดใสและร่าเริงที่สุดในรอบหกปี แม้แต่ผม ก็ได้ชีวิตใหม่เพราะมิวช่วยเอาไว้ ซึ่งเถ้าแก่ก็รู้ดีอยู่แล้ว”


“รู้สิ.......... เพื่ออาโต้ง อีมิวยอมเจ็บตัว ยอมเสี่ยงตายได้ ถ้าอีไม่รักลูกชายคุณจริงๆนะ อีไม่ทำแบบนั้นหรอก อาโต้งอีก็พิสูจน์แล้ว ว่าถ้าเป็นอี อีก็สู้เพื่ออามิวได้เช่นกัน แต่.......เอ่อ......แล้วพวกคุณไม่กลัวหรอ.................. ทำใจได้หรอ ถ้าลูก จะต้องเจอกับสภาวะกดดัน อามิวอีเป็นนักร้อง อีมีชื่อเสียง แต่อาโต้งไม่ใช่ จะทนได้หรอ ถ้ามีนักข่าวมาดักรอหน้าบ้านเพื่อจะรุมสัมภาษณ์ในเรื่องที่คนส่วนใหญ่เค้าไม่คิดว่ามันถูกต้อง”


“แต่สิ่งที่เถ้าแก่ทำ..... คือการให้มิวหนีปัญหานะครับ เถ้าแก่ควรให้พวกเค้าคิดแก้ไขและสู้กับปัญหาด้วยตัวพวกเค้าเอง โดยมีพวกเราเป็นกำลังใจจะดีกว่า สิ่งที่พวกเจ้าโต้งกับมิวต้องเจอ เป็นสิ่งที่พวกเค้าเลือกจะเจอกับมันเอง ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว ว่าซักวันจะต้อง..........พบ และฝ่าฟันอุปสรรคจากคนภายนอกอีกไม่น้อย ........ เพียงแต่ ไอ้อุปสรรคเรื่องข่าวคราวต่างๆที่เจอน่ะ มันมาเร็วไปหน่อยก็เท่านั้นเอง”


“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น.... ใครใช้ให้ลูกชายของเรารักกันจริงล่ะ.... แล้วลูกชายคุณก็ดันทำตามเงื่อนไขของผมได้ด้วย.... ไหนจะเรื่องแหวนหยกของอาม่าอีก อาม่าอีคงเลือกโต้งให้มาช่วยดูแลมิวแทนอีมั้ง แต่ไม่เลือกพ่ออย่างผม”


“นั่นเพราะอาม่ารู้อยู่แล้ว.... ว่าเถ้าแก่ไม่มีทางทอดทิ้งลูกไงครับ เจ้าโต้ง แค่มาช่วยเติมเต็มชีวิตอีกส่วน ที่มิวเค้าถวิลหาเท่านั้น ที่จริง เด็กทั้งคู่มาเติมเต็มให้กันและกันต่างหาก”




.....



....





“โต้งเก่งมากเลยนะมิว.... แค่เห็นรูปที่มิววาด ก็รู้แล้ว..ว่ามิวต้องอยู่ที่นี่” หญิงเชียร์อัพโต้งให้มิวฟัง ขณะที่ทั้งหมดนั่งหลบมุมทานอาหารกลางวัน (หรือจะเรียกว่าอาหารเช้าดี) ที่ร้านแห่งหนึ่ง บริเวณชายหาดทรายแก้วระหว่างรอความพร้อมของเรือยนต์ลำเลียงที่สุนีย์ยอมลงทุนเหมาลำมาเพื่อจะขนทั้งรถทั้งคนมาที่เกาะและรอกลับ เพื่อจะได้หลบเลี่ยงจากนักข่าวหรือช่างภาพอิสระหรือคนทั่วไปที่กำลังตามข่าวของมิวกับโต้งอยู่


“เสียดาย ... น่าจะนึกได้ตั้งแต่เมื่อวาน จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันขนาดนี้” เอ็มบ่นเล็กๆ


“ไอ้เอ็มนี่แมร่ง บ่นเก่งตั้งแต่เรียนมัธยม จนจบแล้ว ยังขี้บ่นเหมือนเดิม” ต่อแขวะเพื่อนร่วมห้อง


“ส่วนเรื่องแหวนนะ โต้งก็คิดได้เหมือนกัน ว่าอาจซ่อนอยู่ในกรอบรูปของมิว... แต่หาจากรูปในห้องมิวแล้วก็ไม่เจอ” หญิงบอกเพื่อนชายคนสนิทบ้านตรงข้าม


“แล้วตกลง แหวนหยกของอาม่า อยู่ในรูปใบไหนล่ะ” มิวหันไปถามโต้ง


“รูปคู่มิวกับอาม่าไง ที่เราถ่ายให้น่ะ รูปที่ตั้งอยู่บนเปียโน.......ใน....”


“กรอบรูปที่เราซื้อให้อาม่า........... ที่แท้ อาม่าก็เก็บแหวนไว้ในนั้น”


“โชคดีนะ ที่เรากลับไปตามหามิวที่บ้าน ไม่งั้น โต้งคงไม่เจอแหวนหรอก และเพราะรูปที่มิววาดให้อาม่าด้วย พวกเราถึงรู้ ไม่สิ โต้งเค้าถึงได้รู้ ว่ามิวอยู่ที่นี่ โชคดีจริงๆ หรือเพราะอาม่ามากระซิบบอกโต้งล่ะมั้ง” หญิงบอก


“ว่าแต่......มิว......มิวยังไม่ได้เล่าเรื่องลงน้ำไปช่วยเด็กๆสองคนนั่น ให้พวกเราฟังกันเลยนะลูก ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง” สุนีย์เอ่ยปากถามนักร้องหนุ่มร่างโปร่ง คนรักของลูกชาย


“ไม่มีอะไรหรอกครับน้านีย์ ผมขี่จักรยานเล่นอยู่แล้ว ก็บังเอิญเห็น...........” มิวกำลังจะเล่าเรื่องให้ฟัง ก็พอดีทางร้านเปิดดูข่าวบันเทิง แล้วเป็นเรื่องของนักร้องนำวงออกัสพอดี



.....



.....




“มาถึงข่าวทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่เป็นกระแสฮือฮาบนสื่อสิ่งพิมพ์ทุกฉบับ สื่อโทรทัศน์ทุกช่อง ตลอดสามวันทั้งวันนี้เลยนะคะ กรณีน้องมิว นักร้องหนุ่มดาวรุ่งวงออกัส กับกระแสข่าวที่ว่าน้องเค้าเป็นเกย์ และกำลังคบหาดูใจอยู่กับหนุ่มเพื่อนสนิท ที่มาเล่นเอ็มวีเพลงกันและกันให้ ซึ่งเป็นเพลงโปรโมตอัลบั้มของวงออกัสอีกด้วย ..............

ยิ่งไปกว่านั้นนะครับ เพลงนี้เนี่ย แหล่งข่าวยืนยันว่า น้องมิวตั้งใจแต่งให้แฟนหนุ่มคนนี้โดยเฉพาะเลย ที่ชื่อ....น้องโต้งอะครับ ทำให้หลายๆคนสนใจอยากรู้เรื่องราวความรักร่วมเพศของนักร้องดาวรุ่งคนนี้มากขึ้น ถึงขนาดสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของทั้งคู่ ตลอดไปจนถึงบริษัทต้นสังกัดของน้องมิว ที่เอาแต่ปิดปากเงียบ ไม่ให้ข่าวใดๆ.......

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นของเราที่อยู่บนเกาะเสม็ด ได้รายงานเข้ามาว่า เมื่อช่วงสายวันนี้เอง สดๆร้อนๆเลยค่ะคุณ บอกว่า เห็นน้องมิวไปอยู่ที่เกาะเสม็ด สงสัยจะหลบนักข่าวไปที่โน่น แล้วก็เห็นเพื่อนร่วมวงออกัสหลายคนอยู่ที่นั่นด้วยกันด้วย แต่ที่สำคัญค่ะ ข่าวที่รายงานเข้ามา ไม่ได้อยู่ที่ว่าน้องมิวหนีไปพักใจรึเปล่าหรืออะไรยังไงแต่อย่างใด แต่มันแซ่บตรงที่ วันนี้ น้องมิวลูก...มีคนเห็นหนูเป็นฮีโร่ช่วยเด็กที่กำลังจะจมน้ำที่ชายหาดบนเกาะเสม็ด ไม่ใช่คนเดียวนะคะ สองคนเลยค่ะคุณ..........................

ตามข่าวนะครับ... เค้าบอกว่า น้องมิวไปปั่นจักรยานเล่น แล้วบังเอิญเห็นคนจะจมน้ำ เลยโดดลงน้ำไปช่วยเอาไว้ รอดตายทั้งสองคนเลยครับ แต่พอนักข่าวมารุมถ่ายรูปเยอะๆ พวกเพื่อนๆร่วมวง ก็มาพาออกไปจากที่เกิดเหตุเลยครับ.........

แล้วรู้มั้ยคะ ว่าเด็กที่น้องมิวช่วยเอาไว้เป็นใคร.....

ใครกันหรอครับ.....

คนนึงชื่อน้องโชนค่ะ เป็นทายาทเจ้าของช่องเคเบิ้ลเจ้าใหญ่เลย ช่องอะไรบ้างทราบมั้ยคะ มีช่องของรายการของเราด้วยแหละค่ะคุณขา ส่วนอีกคนนึง ชื่อน้องน้ำ เป็นทายาทเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดังระดับต้นๆของเมืองไทย ตามข่าวเค้าว่าเห็นว่าน้องสองคนกำลังเล่นน้ำกันอยู่ แล้วเป็นตะคริวขึ้นพร้อมกัน ว่าแต่.... ทำไมคู่นี้เค้าไปเล่นน้ำกันสองคน ไว้ถามทีหลัง เอาเป็นว่า ทั้งน้องโชนและน้องน้ำ เกือบตายทั้งคู่ เดชะบุญนะคะ ที่น้องมิวของดิชั้น.....ไปช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ตอนที่ให้สัมภาษณ์นะคะ กล่าวขอบอกขอบคุณพี่มิวเป็นการใหญ่เลยค่า.........

พูดได้ว่า... น้องมิวนี่ กล้าหาญกว่าผู้ชายแท้ๆหลายคนเลยนะครับ สงสัยพอกระแสข่าวซาลง...งานเข้าตรึม......เค้าเรียก ทำดีต้องได้ดีใช่มะ........

ถูกต้องแล้วค่ะ.....ยังจำได้มั้ยคะ... ที่มีข่าวน้องมิวออกมาประมาณว่า พ่อน้องโต้งต้องผ่าตัดปลูกถ่ายตับหรือยังไงเนี่ยอะค่ะ แล้วน้องมิวนี่แหละ น้องมิวของดิชั้นนี่แหละ ที่เป็นคนบริจาคตับของตัวเองให้พ่อของน้องโต้ง คนรักของตนไงคะ....โอ๊ยยยย.. ชั้นอ่านข่าวนี้ทีแรกนะ...ฟินมว้ากเลยค่ะ .... ขอบอก .. ซาบซึ้งสุดๆ อะไรจะแสนดีปานนั้น ใครได้น้องมิวไปเป็นแฟนนะ โชคดีที่สุดแล้ว....................โอ๊ยยย.... ชั้นกำลังปลื้ม น้องมิวของดิชั้น

ช่างกล้าพูดนะครับ น้องมิวของดิชั้น.... น้องมิวเค้าก็เป็นน้องมิวของทุกคนนั่นแหละ ไม่ใช่สิ..... ต้องบอกว่า.....น้องมิวของน้องโต้งถึงจะถูก........ว่าแต่......แล้วสรุปว่า ทางน้องมิวจะมีการแถลงข่าวหรือให้ข่าวยังไงบ้างมั้ยครับ.......................

ล่าสุด......นักข่าวยืนยันมานะคะ....คุณเอผู้บริหารค่ายต้นสังกัด กับพี่อ๊อดโปรดิวเซอร์ ส่งทีมงานมาบอกว่า น้องมิวจะเปิดแถลงข่าวพรุ่งนี้ค่ะ ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้เห็นน้องโต้งมานั่งคู่กันด้วยรึเปล่า อันนี้ ต้องรอติดตามพรุ่งนี้นะคะ สำหรับบันเทิงแซ่บมื้อเที่ยง วันนี้ลาไปก่อน แล้วพบกันพรุ่งนี้เที่ยงนะคะ สวัสดีค่ะ.....

สวัสดีครับ..........................



......


....



“น้าว่า พวกเรารีบอิ่ม แล้วรีบกลับขึ้นรถเถอะ เรือที่น้าเหมาลำมาคงพร้อมพาเราข้ามกลับไปฝั่งบ้านเพแล้วล่ะ ผู้คนเริ่มหันมามองและหยิบกล้องมือถือกันแล้วด้วย กลับกรุงเทพฯให้เร็วที่สุด พ่อเรากับป๊ามิวเค้ารออยู่ที่บ้าน” สุนีย์พูดจบ ก็เรียกพนักงานมาเก็บเงินค่าอาหาร ก่อนจะเร่งเด็กๆให้ขึ้นรถโดยเร็ว




....
.

.

..




“ครับพี่..... ครับ.... เดี๋ยวผมบอกให้เองครับ.....สวัสดีครับ” ปิงปองวางสายโทรศัพท์ แล้วหันมาหาเพื่อนร่วมวงที่กำลังรอฟังข่าวอยู่อย่างใจจดใจจ่อ


“เจอพี่มิวแล้วใช่มั้ยวะ” อ๋องถามเพื่อนร่วมชั้นเป็นคนแรก


“ปลอดภัยดีใช่ปะ” แม็คถามอีกคน


“แล้วพี่มิวเค้าจะเอายังไงเรื่องแถลงข่าววันพรุ่งนี้วะ” ไมค์ก็ถามอีกคน


“แล้วพวกพี่อ๊อดเค้าว่ายังไงบ้างครับ เราต้องทำอะไรรึเปล่า” อาร์มก็ถามอย่างสงสัย


“ถามเรียงตัวเยอะอย่างนี้ กรูจะตอบยังไงดีวะเนี่ย เอางี้...... เค้าเจอพี่มิวกันแล้ว ปลอดภัยดี ส่วนเรื่องแถลงข่าว พวกพี่อ๊อดเค้าจะให้พี่มิวเข้ามาบริษัท และคุยกันก่อน ส่วนพวกเรา ไม่ต้องทำอะไรหรือให้ข่าวกับใคร แต่พรุ่งนี้ให้มาด้วย มาเป็นกำลังใจให้พี่มิวด้วยกัน... อ้า..น้องอ้วน เหลือเอ็งคนเดียวแล้ว มีอะไรจะถามกรูมั้ยครับ”


“ผมหิวข้าวอะพี่ปิง ทานข้าวได้รึยัง.....”



.....



....





“ค่ะเฮีย.........มาถึงเย็นนี้เลยใช่มั้ย............ฝากบอกป้าอรด้วยนะ ว่ามิวปลอดภัยดี ....... อ๋อ...หลับอยู่ ทุกคนเลย น้านีย์แม่ของโต้งขับให้ หญิงตื่นเป็นเพื่อนน้านีย์ แปดคน รถของป๊ามิว อื้อ.... แค่นี้นะ” หญิงวางสายโทรศัพท์มือถือ แล้วหันไปมองนักร้องหนุ่มร่างโปร่งที่นั่งหลับ ศีรษะอิงอยู่กับหนุ่มผมเกรียนร่างสูง ตาพริ้มทั้งคู่ เห็นแล้วก็รู้สึกน่ารักดี


“หนูโทรบอกพี่ชายกับหม่าม๊าเหรอลูก” สุนีย์เอ่ยถามขณะขับรถผ่านตัวเขตจังหวัดระยอง


“ค่ะ...... แฟนเฮียเค้าเป็นโคโปรดิวเซอร์ให้ออกัสนะคะ เฮียก็เล่นแบ๊กอัพให้บางเพลง ตอนที่ทำเพลงกันนะคะ ท่าทางเหนื่อยเอาการเลยค่ะ มิวเค้าเก่งนะคะ เอาเรื่องราวของเค้ากับโต้ง มาแต่งเป็นเพลงได้หลายเพลงแน่ะ แค่เวลาสั้นๆเท่านั้นเอง ทั้งๆที่เมื่อก่อน มิวแต่งเพลงรักไม่ได้เลย ....... ความรักนี่ดีจังนะคะ ทำให้เรื่องยาก กลายเป็นเรื่องง่ายได้ ทำให้สิ่งที่เราคิดว่าเราทำไม่ได้ กลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ขึ้นมา ถ้าน้านีย์เห็นตอนที่พวกทะโมนข้างหลังนี่ ทุ่มเททำงานนะคะ จะอึ้งไปเลยค่ะ ว่าโห....เก่งแฮะ....... ดีนะคะที่ตอนนั้น พี่จูนกลับมาช่วยดูแลวง เลยสบายขึ้นมาหน่อย”


“แล้วจูน....... จูนเค้าเป็ยไงบ้าง ตั้งแต่มิวหายตัวไป ยังไม่ได้คุยกันเลย.....”


“ก็คงดูแลพวกสมาชิกวงรุ่นเด็กอยู่มั้งคะ เพราะถึงยังไง ก็ต้องซ้อมดนตรีอยู่แล้ว ก่อนจะมีข่าวมิวพาดหัวหนังสือพิมพ์นะคะ สองเดือนจากนี้ มีงานทุกอาทิตย์เลยค่ะ เท่าที่หญิงรู้จากเอ๊กซ์นะคะ บางอาทิตย์มีคิวงานห้าหกวันด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าพอเกิดเรื่องแล้ว จะมีแคนเซิลรึเปล่า พี่จูนคงวุ่นวายหน่อยล่ะค่ะช่วงนี้”


“จูนเค้าก็เก่งเนาะ.... อายุแค่นี้ ดูแลรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว ถ้าเป็นแตงนะ ไม่รู้จะได้ครึ่งของจูนรึเปล่า”


“พี่แตง ที่หน้าเหมือนพี่จูนใช่มั้ยคะ หนูว่า ถ้าพี่เค้ายังอยู่ ก็คงต้องเก่งไม่แพ้กันหรอกค่ะ ก็พี่เค้าได้สายเลือดนักสู้จากน้านีย์ไปนี่คะ ขนาดโต้งที่ว่าปลายปีที่แล้วเรียนลุ่มๆตอนๆ บทจะสู้ขึ้นมา เค้าก็ทำได้.... อุตส่าห์มุ่งมั่นจบสอบได้”


“นินทาอะไรเราอยู่เหรอหญิง.....” ชายหนุ่มที่นั่งเบาะหลังคนขับถามหญิงสาวที่นั่งข้างน้านีย์ด้วยน้ำเสียงงัวเยเพิ่งตื่นนอน


“เปล่าซักหน่อย..... กำลังชมโต้งให้น้านีย์ฟังต่างหาก”


“แล้ว......นี่แม่ขับรถมาถึงไหนแล้วครับ”


“เพิ่งมาได้หน่อยเดียวเอง โต้งนอนต่อก็ได้นะ” สุนีย์บอกลูกชายที่คอพลิกไปมาจนทำเอานักร้องหนุ่มที่นั่งข้างๆลืมตาตื่น


“ยังอยู่ระยองนี่ครับน้านีย์ ผมจำเจดีย์องค์นั้นได้ ตอนเด็กๆ อาม่าเคยพาไปขอพร เสี่ยงเซียมซี แม่นมากด้วยครับ” มิวงัวเงียพูดถึงเจดีย์องค์หนึ่งที่เห็นเลยออกไปไม่ไกลนัก จังหวะเดียวกับที่รถเลี้ยวซ้ายทำให้ตัวมิวเอียงไปชนต้นแขนซ้ายของโต้งอย่างจัง


“โอ๊ยยยยย” โต้งอุทานออกมา


“ขอโทษโต้ง ยังเจ็บอยู่อีกหรอ” มิวถามอย่างเป็นห่วง


“แขนไปโดนอะไรมาน่ะโต้ง แล้วยังรอยที่หน้าอีก” สุนีย์ถาม


“ฟุตบอลอัดหน้าครับ” โต้งตอบพร้อมกับเสียงมิวที่ตอบพร้อมๆกันพอดี
“ซอฟต์บอลอัดหน้าครับ”


“ช่างเถอะ...... แม่ไม่อยากรู้แล้ว” สุนีย์ยังคงขับรถต่อไป


“แล้วมรึงได้คำทำนายอะไรมาวะ” เอ๊กซ์ที่เพิ่งตื่นเอ่ยถามเพื่อนรัก


“อาม่าบอกเราตอนนั้นว่า.... เซียมซีของเราทำนายว่า เราจะพลัดพรากจากคนที่เรารักในเวลาอันใกล้ จากนั้นไม่นาน ป๊าก็ย้ายมาอยู่ระยองอย่างถาวร ทิ้งให้เราอยู่กับอาม่าที่กรุงเทพฯ แล้วปีที่โต้งย้ายบ้านนะ เรามาไหว้สุสานอากงกับอาม่า ก็เสี่ยงได้เซียมซีที่ทายแบบเดิมอีก จากนั้นแค่เดือนกว่าๆ โต้งก็ย้ายบ้านไปจริงๆ แล้วพอปีต่อมา ที่เราไปเกาะเสม็ดกับอาม่าตอนนั้น ก็แวะไหว้เจดีย์ที่นี่ ก็ได้ใบเดิมอีก แล้วจากนั้นไม่นาน อาม่าก็............................”


“แม่นงั้นเชียวเหรอวะ..... ดวงมรึงนี่แบบว่า เจ้าชะตาแห่งการพลัดพรากจริงๆ” เอ๊กซ์พูดโดยลืมคิด พอพูดจบ ก็หันไปดูหน้าเพื่อนรัก ที่ส่ออาการวิตกกังวล


“ปากนะมรึง ไอ้เชี่ยเอ๊กซ์ มรึงไม่พูด ก็ไม่มีใครว่ามรึงใบ้หรอก” มือคีย์บอร์ดที่ตื่นแล้วสะกิดด่าเพื่อน


“น่าจะผ่าหมาออกจากปากอย่างที่ไอ้เอ็มมันเคยด่าซะจริง” ต่อร่วมวงด่าเพื่อนด้วยอีกคนนึง


“เอาน่า.... กรูขอโทษ..... แต่คราวนี้ไม่เหมือนกันนะเว้ย ลองแวะไปเสี่ยงเซียมซีอีกซักที คราวนี้อาจจะดีก็ได้” มือกีตาร์คิ้วหนาพูดยิ้มๆ พลางหันไปพิจารณาเจดีย์องค์นั้นอีกหน
“กรูว่าคุ้นๆว่ะ เจดีย์องค์นี้เนี่ย..................ชัดเลย ชัดเลย งานเข้าแล้วกรู ไม่สิ พวกมรึงทุกคนด้วย”


“อะไรของมรึงอีกวะไอ้เอ๊กซ์” เอ็มที่เพิ่งตื่น จะหันมาร่วมว่าเพื่อนอีกคน แต่พอเห็นเจดีย์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“มิว..... มรึงเคยบนขออะไรที่เจดีย์นี้มั้ยวะ” มือกลองถามนักร้องนำ


“กรูไม่เคยบนอะ แต่อาม่าเคยบนให้กรู ปีสุดท้ายที่มาด้วยกัน อาม่าบนว่า ขอให้คนรักที่พลัดพรากได้กลับมาพบกัน ขอให้เราได้ทำในสิ่งที่เรารัก และขอให้เรามีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ถึงจะ................”


“ถึงจะอะไรเหรอมิว........” โต้งถาม


“ถึงจะไม่มีอาม่าอยู่ด้วยแล้วก็ตาม.....” มิวก้มหน้าเอามือลูบแหวนหยกสีเขียวเข้มที่เคยสวมอยู่บนนิ้วนางมือขวาของอาม่า แต่บัดนี้ อยู่บนนิ้วนางมือซ้ายของมิวแล้ว


“หลายปีมาแล้ว แต่มิวยังจำได้เหรอลูก”


“ครับน้านีย์ ที่จริงก็ลืมไปแล้วแหละครับ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดลใจ ทำให้มิวนึกออก”


“แล้วนี่มิวต้องแก้บนให้อาม่ารึเปล่าล่ะลูก” น้านีย์เอ่ยถาม


“อาม่าบนไว้ว่าถ้าเป็นจริงตามคำขอ จะให้มิววิ่งรอบเกาะเสม็ดสามรอบอะครับน้านีย์”


“คุณพระช่วย....... อะไรจะเหมือนกันขนาดนี้ เฮ้ย..โต้ง ตอนที่นายบนไว้กับเจดีย์นี้เนี่ย บนไว้ว่าถ้าเจอมิว จะวิ่งรอบเกาะเสม็ดกี่รอบนะ” มือกลองถามหนุ่มผมเกรียนที่นั่งหน้าตน


“ถ้าเราเจอมิวคนแรก เราจะวิ่งรอบเกาะเสม็ดสามรอบ”


“งั้นคงไม่เป็นไร เพราะโต้งไม่ได้เจอไอ้มิวเป็นคนแรกนี่เนอะ” มือคีย์บอร์ดเอ่ยปากพูด


“แต่โต้ง เป็นคนแรกที่รู้ว่าไอ้มิวอยู่เกาะเสม็ดนะเว้ย... แล้วมันจะต่างกันหรอ” มือเบสพูดบ้าง


“งั้นคราวหน้า ถ้ามีโอกาส ค่อยไปวิ่ง ด้วยกันทั้งคู่เลย ทั้งมิว ทั้งโต้งนี่แหละ ว่าแต่....เอ๊กซ์ เธอก็บนเหมือนกันนี่ ใช่มั้ย บนไว้ว่าอะไรนะ” หญิงหันไปถามแฟนหนุ่มของตน


.....



...






“ปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯมาระยองเนี่ยนะไอ้เอ๊กซ์ จะไหวเหรอวะ” นักร้องนำถามมือกีตาร์ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของตนขณะที่สุนีย์กำลังขับรถเลยเจดีย์ที่เพื่อนสนิทของมิวบนเอาไว้ไปไกลแล้ว กำลังผ่านชลบุรีเพื่อจะเข้ามอเตอร์เวย์มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ


“ก็กรูสาบานไปแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้ได้ ไว้รอพรุ่งนี้แถลงข่าวเรื่องมรึงกับโต้งเสร็จก่อน กรูจะไปซื้อรถ แล้วมรึงก็ต้องปั่นมากับกรูด้วยไอ้มิว” เอ๊กซ์ตอบ


“จะปั่นมากันกี่คนวะ” มิวถามต่อ


“เฉพาะพวกที่จบม.หกแล้วก็ห้าคน มรึง กรู ไอ้เอ๊กซ์ ไอ้แวน ไอ้เอ็ม แล้วเมื่อกี้นี้ กรูโทรคุยกับไอ้ปิง มันก็ว่าจะเอาด้วย สนุกดี ก็เลยมีไอ้ปิง กับท่านอ๋องเพิ่มมาอีกสองคน ก็เป็นแปดคนว่ะ”


“แต่ท่านอ๋องมัน.......” มิวถามอย่างสงสัย


“ก็ซ้อนท้ายกรูไง.... แมร่ง ขี่รถไม่เป็น เสรือกอยากไปกับเค้าด้วย ภาระกรูแท้ๆ” เอ๊กซ์บ่นรุ่นน้องคอรัส


“เท่ากับแปดคนแค่นี้ใช่ปะ”


“เก้าคนต่างหากมิว เราจะปั่นจักรยานมาด้วยอีกคน ไม่ได้ปั่นจักรยานกับมิวมานานแล้วนะ ยังจำตอนที่มิวซ้อนท้ายเราได้อยู่เลย” โต้งที่นั่งขวามือของมิวหันมาบอกพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ที่โต้งปั่นไปชนถังขยะ แล้วเกือบพาเราตกคลองนั่นน่ะหรอ”


“แล้วน้าก็เลยยึดจักรยานของโต้งไปหนึ่งอาทิตย์ ห้ามไม่ให้โต้งเอาไปขี่ไง” สุนีย์ที่กำลังขับรถ ร่วมสนทนาด้วยอีกคน


“แต่พอป๊าซื้อจักรยานให้มิวปุ๊บ... มิวก็พาเราขี่ซ้อนท้ายซะเอง แล้วก็เลยรถล้มไงล่ะ”


“ไม่ใช่เพราะเราขี่ไม่แข็งนะ แต่โต้งตัวหนักเองต่างหาก”

“จักรยานสีเขียว ที่มิวเคยขี่พาหญิงไปซื้อของปากซอยคันนั้นเหรอมิว ครั้งแรกและครั้งเดียวที่หญิงซ้อนท้ายรถมิวเลยนะนั่น ตั้งแต่ที่หญิงย้ายมาใหม่ๆน่ะ” แฟนของนายคิ้วหนาหันมาถาม


“อื้อ... มีคันเดียวนั่นแหละหญิง”


“แล้วตอนนี้ รถคันนั้นไปไหนแล้ววะ กรูไม่เคยเห็นมรึงจะเอามาขี่เลย” เอ๊กซ์หันหน้ามาถามเพื่อนรัก


“ก็...... ตั้งแต่เสียอาม่าไป..... กรูก็เอามันไปจอดทิ้งไว้ในห้องเก็บของห้องเล็ก ไม่เคยขี่อีกเลย ป่านนี้....พังหมดแล้วมั้ง ไว้กลับไป จะลองลากไปซ่อมดู ดีเหมือนกัน” นักร้องหนุ่มพูดจบ พลางเอานิ้วมือลูบแหวนหยกที่โต้งสวมให้เมื่อตอนสาย พลางคิดถึงเจ้าของแหวนคนเก่า


“มิว.....” โต้งเอามือซ้ายมาจับมือข้างที่สวมแหวนของมิว พลางถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้ เพราะรู้ดีว่า มิวกำลังคิดถึงอาม่าอีกแล้ว นักร้องหนุ่มยิ้มรับ แล้วกุมมือโต้งไว้เช่นกัน.......



บรรยากาศเงียบลงไป ไม่มีใครพูดถึงการปั่นจักรยานอีก เพราะห่วงความรู้สึกของมิวที่คิดถึงอาม่าขึ้นมาอีก ร่างโปร่งค่อยๆอิงศีรษะซบลงไปบนบ่าซ้ายของร่างสูงที่นั่งข้างๆ ค่อยๆหลับตาลงช้าๆและหลับลงไปจริงๆ นอกจากสุนีย์แล้ว คนอื่นๆก็พลอยหลับกันไปหมดเพราะอดนอนด้วยกันมาทั้งคืน



.....



...



บ่ายวันจันทร์ ....... รถยนตร์ส่วนบุคคลเลขทะเบียน มม-9999 ระยอง เคลื่อนเข้ามาจอดบริเวณอาคารพาณิชย์เก่าแก่ย่านบางกอกน้อย ผู้ที่ลงจากรถเป็นคนแรก คือวัยรุ่นหน้าตากวนตรีน คิ้วหนา พร้อมรอยยิ้มชวนถีบเป็นที่สุด ตามมาด้วยหญิงสาวหน้าตาน่ารักที่นั่งบนเบาะแถวหน้าข้างคนขับ ซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนสวมชุดสีน้ำเงินลงรถมาจากฝั่งขวา ด้านที่ตนนั่ง จากนั้นก็เป็นวัยรุ่นชายอีกสามคน ที่นั่งแถวหลังค่อยทยอยลงมาจากรถทีละคนๆ


คนที่เจ็ดที่ลงรถมาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ผมเกรียน ที่ไม่ได้ลงมาตัวเปล่า แต่เค้ายังจูงมือขวาของชายหนุ่มร่างโปร่งอีกคนนึง ลงมาจากรถเป็นคนที่แปดด้วย


เศรษฐีเจ้าของรถที่นั่งโซฟารออยู่ในบ้าน ยังคงนั่งนิ่งไม่สนใจกลุ่มคนที่กำลังจะเข้ามาในบ้าน สายตาจ้องจับไปที่ร่างโปร่งคนที่แปดที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายเท่านั้น ต่างจากผู้หญิงอีกคนที่เดิมนั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งโผเข้าไปกอดนักร้องหนุ่มที่เดินเข้าบ้านมาเป็นคนสุดท้ายด้วยความห่วงใย


สุนีย์เดินมายืนข้างสามีของตนที่กำลังยืนคอยภรรยาและลูกชาย อยู่กับหญิงสาววัยยี่สิบเศษผู้เป็นผู้จัดการวงออกัสที่เพิ่งเดินทางมาถึงบ้านหลังนี้ก่อนขบานจากระยองไม่นาน



“จูน....” สุนีย์เอ่ยทัก


“ค่ะคุณน้า” จูนเอ่ยตอบ ก่อนที่จะโบกมือเรียกเด็กๆสมาชิกวงออกัสให้เข้าไปหาตน


“พี่จูนหวัดดีครับ” เอ๊กซ์เอ่ยทักทายก่อน แต่จูนเอานิ้วชี้จุ๊ปาก เป็นการบอกให้รู้ว่าให้เงียบ ไม่ต้องพูดอะไร สมาชิกวงที่เหลือก็ทำตามอย่างเข้าใจ หญิงเองก็เดินหลบเข้าไปที่มุมบ้าน ไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เหลือไว้เพียงแต่ชายหนุ่มร่างสูงที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเดินไปทักทายพ่อของตนก่อนดี หรือเดินไปยืนเคียงข้างคนรักของตนที่กำลังจะต้องเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่อดี ยังไม่ทันจะทำอะไร ก็ได้คำตอบเสียก่อน.....


เถ้าแก่เนี้ยผละจากร่างลูกชายร่างโปร่ง โผเข้ากอดหนุ่มร่างสูงผู้เป็นกันและกันของลูกชายตน ชายหนุ่มที่รู้ว่ามิวอยู่ที่ไหน ชายหนุ่มที่ตามหามิวจนพบ และพากลับมาอย่างปลอดภัย ชายหนุ่มที่หาแหวนหยกจนพบและจะทำให้อุปสรรคสุดท้ายในเส้นทางรักและวิถีดนตรีของลูกชายกลายเป็นกลีบกุหลสบ ด้วยความรู้สึกขอบคุณ


“ขอบใจนะโต้ง.... ที่หามิวเจอ แล้วพากลับมาหาม๊า....ขอบใจนะ”


“ครับม๊า..... ก็ผมเคยพูดไว้นี่ครับ ว่าผมจะดูแลมิว” โต้งตอบ แล้วเดินตามอาจูไปยืนข้างๆมิวกับเถ้าแก่หลิว ที่ยืนมองหน้ากันอยู่ในระยะสองฟุต แต่ยังไม่ได้แสดงกิริยาใดๆต่อกัน


“ป๊า.....” ผู้เป็นลูกเอ่ยปากก่อน


“มิว.....” นักร้องหนุ่มเรียกชื่อตัวเองสั้นๆ พลางยกมือข้างซ้ายขึ้นมาในระดับสายตา ให้ผู้เป็นพ่อเห็นแหวนหยกสีเขียวเข้มบนนิ้วมือของตน



“ลื้อไม่ต้องพูดอะไร.....” ผู้เป็นพ่อพูดแค่นั้น ร่างโปร่งยืนนิ่งสนิทไม่กล้าขยับ ความรู้สึกกดดันแผ่ออกมาจากผู้เป็นพ่อ บีบหัวใจของนักร้องนำวงออกัสจนพูดอะไรไม่ออก มิวได้แต่คิดในใจว่าความรู้สึกกดดันชวนอึดอัดแบบนี้ช่างเหมือนเหลือเกิน เหมือนกับตอนที่สุนีย์เข้ามาในบ้านหลังนี้ แล้วพูดกับตนเรื่องที่ให้หยุดความสัมพันธ์กับโต้ง ความเครียดเกาะกุมจิตใจของชายหนุ่มจนตัวสั่นเล็กๆ ความรู้สึกเหงาจู่ๆ ก็กลับมาเชี่ยใส่มิวอีกครั้ง





“อั๊วะขอโทษ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยสั้นๆ



ประโยคสั้นๆของเถ้าแก่หลิว ขับไล่ความเหงาที่กำลังเข้ามาเชี่ยใส่มิวให้มลายหายไปจนหมดสิ้น ประโยคสั้นๆที่ทำเอาทุกคนที่กำลังรอลุ้นหูผึ่งตาค้างไปตามๆกัน ความรู้สึกกดดันเมื่อสักครู่นี้ ไม่เพียงแต่มิวที่ได้รับ แต่มันแผ่ซ่านไปสู่คนอื่นๆด้วย และเพราะคำขอโทษสั้นๆเท่านั้น ที่ทลายความกดดันไปหมดสิ้น


“ป๊า.....” มิวเอ่ยอีกครั้ง ก่อนจะถูกผู้เป็นพ่อดึงเข้าไปกอดด้วยความรักความห่วงใย ความเสียใจในสิ่งที่ทำกับลูกจนต้องหนีออกไป ถึงจะมีความโกรธที่ลูกชายคนเดียวไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ดีใจมากกว่า ที่ได้ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย


“อั๊วะรู้ ว่าลื้อจะขออะไร เอาเถอะ ลื้อพิสูจน์แล้ว อาโต้งพิสูจน์แล้ว ว่าพวกลื้อมีกันและกันกันจริงๆ อั๊วะเป็นคนรักษาสัญญา เมื่อลื้อมีแหวนหยกของอาม่า ก็เหมือนอาม่าขอด้วยตัวอีเอง เอาเป็นว่า... อั๊วะรับปาก ถึงอั๊วะจะไม่ได้ต้องการแบบนี้ก็ตาม แต่คงเป็นเพราะฟ้าลิขิต ให้ลื้อได้เป็นและได้ทำในสิ่งที่ลื้อรัก มากกว่าที่อั๊วะต้องการจะให้ลื้อเป็น หรือให้ลื้อทำ ก็...... ถึงยังไงอั๊วะก็เป็นเตี่ยลื้อ ลื้อก็เป็นลูกอั๊วะอยู่วันยังค่ำ และอั๊วะก็รักลื้อเสมอนะ อามิว.....”


“ป๊า.....” มิวโผเข้ากอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งให้แน่นกว่าเก่า น้ำตาไหลปริ่มออกมาจากแววตาสีน้ำเงินเข้มคู่งามคู่นั้น เงยหันไปขึ้นมองรูปของอาม่าบนผนัง ไม่รู้ว่าตาฝาดรึเปล่า แต่มิวรู้สึกว่า อาม่าส่งยิ้มมาให้ตน แล้วนักร้องหนุ่มก็ส่งยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน ก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆบ้าง




กรกับสุนีย์กอดกันด้วยความดีใจ จูนเอามือกอดอกยืนส่งยิ้มดีใจด้วยมาให้ เพื่อนๆสี่คน บ้างก็มือไชโย บ้างก็กำมือสองข้างชูระดับอกแสดงความมีชัย บ้างก็ยกกำปั้นแล้วกระทุ้งศอกกับอากาศ แล้วอุทานว่า YES !!! หญิงยืนนิ่งน้ำตาคลอก่อนจะดึงตัวเอ๊กซ์เข้ามาสวมกอด ม๊าของมิวเดินมาใกล้ๆเพื่อหอมแก้มแสดงความยินดีกับลูกชายที่ผ่านพ้นอุปสรรคพ่อตนไปได้ และเดินเข้าไปสวมกอดเถ้าแก่หลิวผู้เป็นสามี.............. ในขณะที่โต้ง...............









Create Date : 22 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2555 13:52:44 น.
Counter : 532 Pageviews.

3 comment
ตอนที่ 34 +++ แต่เราก็หากันจนเจอ +++


.....



.....



“เสม็ด.....” เสียงทุกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน



“โต้งแน่ใจนะ ว่ามิว อยู่ที่เกาะเสม็ดจริงๆน่ะ” หญิงถาม



“นั่นสิวะ แค่เห็นรูปที่ไอ้มิววาดแค่เนี้ยะ.... มั่นใจเลยหรอ” เอ๊กซ์ถามบ้าง



“อือ.... เรามั่นใจ มิวบอกว่า วาดรูปนี้ ตอนที่อาม่าพาไปเสม็ดหลังจากที่ทะเลาะกับป๊า... แล้วยังเปรียบเทียบความรักของอาม่ากับอากง และความรักของมิวกับเรา เหมือนทะเลกับท้องฟ้าอีกด้วย ถ้ามิวไม่ได้กลับมาบ้านของอาม่าที่กรุงเทพฯ ก็คงมีที่เดียวที่มิวจะนึกถึง ก็บ้านเช่าที่ระยองหลังนั้นนั่นแหละ”



“แล้วนายรู้เหรอโต้ง ว่ามิวอยู่อ่าวไหน บ้านเช่าหลังไหน ถึงเสม็ดจะไม่ใช่เกาะใหญ่ แต่ก็ไม่เล็กนะเว้ย” แวนถามเพราะไม่รู้ว่าจะเจอมิวได้ยังไง



“ก็..... ไม่รู้ดิ ไม่รู้เหมือนกัน”



“อีจอย.....” จู่ๆหญิงก็อุทานชื่อเพื่อน



“อะไรหรอหญิง” มือกีตาร์คิ้วหนาเอ่ยถามคนรัก



“ก็อีจอย กับชีต้า เพื่อนเราที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนโต้งไง พวกเอิร์ทกับเจ๋งน่ะ พวกนั้นบอกว่าจะไป......”



“เกาะเสม็ด.... ใช่แล้วหญิง พวกไอ้เอิร์ทอยู่เกาะเสม็ด เราโทรไปหามัน ให้มันช่วยตามหามิวดูก่อนก็ได้ ไอ้เอิร์ทมันมีรูปมิวอยู่ในเครื่อง น่าจะช่วยหาได้บ้าง”



“โอเค งั้นก็ดีแล้ว แต่ว่า..... พวกเรายังหาแหวนไม่เจอเลยนี่” มือเบสบอกเพื่อนๆ



“บางที.... แหวนอาจจะอยู่ที่......” โต้งมองไปที่กรอบภาพวาด แล้วชวนเพื่อนๆวงออกัสช่วยกันยกภาพลงมาเปิดดูด้านหลัง



“ไม่เห็นมีเลยว่ะ....” มือกลองบ่นเซ็งๆ แล้วเดินไปสำรวจคีย์บอร์ดของมิว พลันสังเกตเห็นรูปถ่ายคู่ของมิวกับโต้ง ในงานคริสต์มาสโรงเรียนเซ้นนิโคลาสเมื่อหกปีก่อน



“นี่รูปมิวกับโต้งตอนเด็กหรอ.... น่ารักดีนี่หว่า ใครถ่ายให้ล่ะ”



“อาม่าน่ะ.....” พูดจบ โต้งก็วิ่งไปแกะกรอบรูปอีกครั้ง



“แน่ใจเหรอโต้ง.......” ต่อถาม



“รูปนี้อาม่าถ่ายเรากับมิว เป็นรูปสุดท้ายที่อาม่าถ่ายคู่เราสองคน และเป็นความทรงจำร่วมกันของมิวกับอาม่า ..... และก็เรา เหมือนกับที่รูปใบสุดท้ายที่พี่จูนถ่ายรูปหมู่เรากับพ่อแม่นั่นแหละ เป็นรูปในความทรงจำเช่นกัน ถ้าจะมีอะไรที่เหมือนกันของเรากับมิว เรื่องรูปถ่ายใบสุดท้ายของคนรักที่จากไปล่ะก็ ก็คงต้องเป็นรูปนี้นี่แหละ” โต้งแกะกรอบรูปออกดู แต่แล้วก็.........



“อาจจะรูปใบนั้นก็ได้นะโต้ง" หญิงชี้ให้โต้งดูรูปที่แขวนบนหน้าต่าง เป็นรูปถ่ายของมิวกับอาม่าในงานเดียวกัน ชายหนุ่มผมเกรียนที่กำลังหน้าเสีย ก็เกิดยิ้มออกมาได้



“จริงด้วย รูปคู่ของมิวกับอาม่า ทำไมเราลืมนึกไปนะ ถ้าอาม่าอยากให้มิวเจอแหวน ก็ต้องเก็บไว้ที่ที่เป็นความทรงจำร่วมกันของมิวกับอาม่าสิ แวะรูปใบนั้น ก็เป็นรูปสุดท้ายที่มิวถ่ายคู่กับอาม่าด้วยมั้ง” โต้งตอบ



“นายถ่ายรูปนั้นเหรอวะโต้ง” มือคีย์บอร์ดถามชายหนุ่มที่กำลังแกะกรอบรูปอยู่



“อือ..... เราถ่ายเอง อาม่าชอบรูปนี้มาก เพราะฉะนั้น แหวนก็น่าจะอยู่ใน.........................”



“ไม่มี..... ไม่มีแหวน นี่มันอะไรกันวะเนี่ย อาม่าเอาแหวนไปไว้ไหนวะ อาม่าครับ นี่มันเช้าแล้วนะครับ เดี๋ยวป๊าก็จะมาขนของของไอ้มิวไปแล้ว อาม่าไม่อยากให้หลานรักของอาม่าได้อยู่กับคนที่มันรัก ได้เล่นดนตรีที่มันรัก และทำตามความฝันของตัวเองหรือครับอาม่า” นายคิ้วหนาโวยวายเสียงดังด้วยความท้อแท้ใจ ขณะที่โต้งมือไม้เย็นไปหมด ความผิดหวังกำลังถาโถม



.....



.....





เสียงรถยนต์เข้ามาจอดที่หน้าบ้านทำเอาทุกคนตกใจ เพราะเป็นเสียงของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแบบเจ็ดที่นั่ง แบบที่ทุกคนเคยเห็นที่ระยอง และเสียงรถปิ๊กอัพขนของ ที่เข้ามาจอดไม่ห่างกันนัก โต้ง หญิง และสมาชิกออกัส ต่างวิ่งลงมาข้างล่าง เพื่อรับหน้าบิดาของเจ้าของบ้าน



“นี่พวกลื้อ เข้ามาในนี้ได้ยังไง ไป ออกไปให้หมด อั๊วะจะขนของของอามิวไประยอง” เถ้าแก่หลิวตวาด



“แต่เถ้าแก่บอกว่า จะให้มิวเลือกยังไงล่ะครับ ว่าจะ.......” โต้งพยายามจะเถียง



“ทีแรก อั๊วะก็จะให้อามิวอีเลือก ว่าจะเลือกคบลื้อได้ แต่ต้องไปอยู่ระยอง หรือเลือกเลิกคบลื้อ แล้วเป็นนักร้องต่อไปได้ แต่นี่... ข่าวมันดังแล้วมาแรงแบบนั้น อั๊วะจะยอมให้ลูกชายอั๊วะบากหน้าให้คนเค้าด่าทำไม อาโต้ง อั๊วะทำใจให้มิวอีรักลื้อได้ แต่จะไม่ยอมให้อี ต้องทนเป็นขี้ปากของคนที่นี่ อั๊วะจะพาอีกลับระยอง แล้วนี่อีไปไหนแล้ว”



“เถ้าแก่ก็รู้ ว่ามิวเค้าหายไปแล้วไงครับ มิวเค้าไม่ได้กลับมาที่นี่ เถ้าแก่ได้ยินมั้ยครับ มิวเค้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ว่าผม หรือเถ้าแก่ หรือใครๆ ก็ไม่ได้มิวไปทั้งนั้นแหละครับ มิวเค้าหนีพวกเราไปแล้ว เพราะเถ้าแก่นั่นแหละ เถ้าแก่ทำร้ายมิว ทำให้มิวเสียใจจนต้องหนีไปที่อื่น”



คำพูดของโต้งทำเอาเถ้าแก่หลิวสะอึกไม่น้อย เพราะที่จริง ผู้เป็นพ่อก็คิดมาตลอดทางว่าตนเองทำเกินกว่าเหตุ ตนเองทำร้ายลูก ลูกชายจึงต้องหนีไป แต่ก็แอบมีความหวังเล็กๆว่า คงจะหนีมากรุงเทพฯแน่ๆ เถ้าแก่หลิวยืนนิ่งสักพัก ก็เดินไปทางรูปถ่ายของอาม่ากับอากง



“อาม่า.... อั๊วะทำผิดไปจริงๆใช่มั้ย อั๊วะทำร้ายลูก อั๊วะ.......”



“เถ้าแก่สัญญากับอาม่าไม่ใช่เหรอคะ ว่าจะทำตามที่มิวขอ แล้วนี่....” หญิงพยายามกล่อมพ่อของมิว



“แต่อั๊วะเป็นพ่ออี อีก็ต้องฟังอั๊วะ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเปียโนของอากงตัวนี้ อามิวก็คงไม่ไปหลงเสน่ห์ดนตรี ตอนที่อาม่าอีซี้ไป อีก็ต้องยอมกลับไปอยู่ระยองกับอั๊วะ แต่เพราะอีรักเปียโน รักดนตรี อีถึงต้องมาเจอพวกลื้อ ถึงอยากเป็นนักร้อง ถึง...... ถึง...... ถึงมาชอบไม้ป่าเดียวกันอย่างลื้อไงอาโต้ง”



“ผมรู้ครับเถ้าแก่ ว่าเรื่องของผมกับมิว มันไม่ใช่แบบที่เถ้าแก่ต้องการ แต่เราไม่ผิด มิวไม่ผิด ..... เราจริงใจต่อกันนะครับ ถ้าอาม่ายังอยู่ อาม่าก็ต้องยอมรับและเข้าใจเรา เหมือนที่อาม่าเข้าใจมิวมาตลอด เถ้าแก่จะมาโทษเรื่องที่อาม่าสอนมิวเล่นเปียโน หรือเรื่องดนตรี หรือโทษเปียโนของอากงตัวนี้ไม่ได้ นี่เป็นเปียโนที่มีความทรงจำของอาม่ากับอากงและมิวเหลืออยู่นะครับ”



“นี่ลื้อกำลังว่าอั๊วะไม่มีเหตุผลงั้นเหรออาโต้ง” เถ้าแก่หลิวที่กำลังโมโห เพราะถูกโต้งแทงใจดำ เดินดุ่มไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเปียโนของอากง



“คือผม........”



“ลื้อไม่ใช่พ่อคน ลื้อไม่มีวันเข้าใจ” เถ้าแก่หลิวกระชากคอเสื้อของโต้ง แล้วผลักไปชนเปียโน จนกรอบรูปหลายใบหล่นลงมาที่พื้น เอ๊กซ์กับหญิงเข้าไปช่วยประคองโต้ง ส่วนออกัสคนอื่นๆก็ช่วยกันเก็บรูปที่ตกอยู่บนพื้น เอ็มสังเกตเห็นรูปใบหนึ่งที่คุ้นตายิ่งนัก จึงสะกิดให้โต้งดู



“แต่เถ้าแก่เคยรับปากกับอาม่าว่า........” หญิงบอกเถ้าแก่หลิวแต่ยังไม่ทันพูดจบก็



“อั๊วะรู้ และอั๊วะก็เป็นคนรักษาคำพูด แต่อามิวอีมีแหวนแค่วงเดียว ที่อั๊วะมานี่ ก็จะมาบอกว่า อั๊วะยอมให้อีสองคนรักกันก็จริง แต่อามิวอีต้องสืบทอดกิจการของอั๊วะ”




“ทั้งๆที่มิวไม่ชอบน่ะเหรอครับ” สมาชิกออกัสพูดพร้อมกัน



“มิวรักดนตรี” แวนพูด



“ไอ้มิวมันอยากเป็นนักร้อง” เอ๊กซ์พูดต่อ



“พวกเราสร้างความฝันมาร่วมกัน” ต่อพูดบ้าง



“และกำลังจะประสบความสำเร็จ” เอ็มพูดเป็นคนสุดท้าย



“มันจะสำเร็จได้ยังไง ในเมื่อมีข่าว นักร้องนำเป็นเกย์แบบนี้” เถ้าแก่พูดบ้าง



“งั้นทำไมเถ้าแก่ไม่ให้มิวพิสูจน์ล่ะคะ ถึงแฟนเพลงจะรู้ว่ามิวเป็นเกย์ แต่ก็ใช่ว่า เค้าจะเลิกฟังมิวร้องเพลงนี่คะ จริงอยู่ พวกเค้าอาจจะรับไม่ได้บ้าง แต่ไม่นาน ทุกอย่างก็ต้องดีขึ้น ทำไมเถ้าแก่ไม่รอให้ถึงวันนั้นล่ะคะ ถ้ามิวทำตามความฝันไม่สำเร็จเพราะทุกคนไม่ยอมรับที่มิวเป็นเกย์จริง เมื่อนั้น เถ้าแก่ ค่อยมารับตัวมิวไปก็ได้” หญิงทิ้งความเห็นให้เถ้าแก่หลิวคิดตาม ในขณะที่โต้งกำลังง่วนอยู่กับกรอบรูปใบหนึ่งที่เอ็มเก็บส่งให้



“แต่อีไม่มีแหวนหยกอีกวง อีต้องรักษาคำพูด ถ้าพวกลื้อหาแหวนหยกมาให้อั๊วะได้ อั๊วะก็อาจจะเปลี่ยนใจ .... ไม่สิ อามิวอีไม่อยู่ที่นี่ ถ้าพวกลื้อหาแหวนเจอ แล้วพาอามิวมาขอกับอั๊วะได้ อั๊วะก็จะยอมตามที่ขอ แต่อั๊วะให้เวลาถึงแค่ อาทิตย์ตกดินวันนี้”



“เฮีย....แบบนี้จะไม่.....” คุณจู แม่ของมิวพยายามช่วยกล่อมด้วยคน



“งั้นอั๊วะเปลี่ยนใจ เอาเป็น .... ยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ได้ อั๊วะจะคอยที่บ้านนี้แหละ ที่ที่อั๊วะให้คำมั่นกับอาม่า ว่าถ้าอามิวถือแหวนมาขออะไรอั๊วะ อั๊วะจะยอมตามที่อีขอ”



“แหวนวงนี้ใช่มั้ยครับ....” โต้งโชว์แหวนให้เถ้าแก่หลิวดู



“ทำไม....ทำไมลื้อถึง.....”



“ต้องขอบคุณเถ้าแก่นะครับ ที่ช่วยให้ผมเจอแหวนวงนี้ได้ในที่สุด หลังจากที่เหนื่อยกันมาทั้งคืน เมื่อครู่นี้ เถ้าแก่ผลักผมไปชนเปียโน ทำให้รูปใบนี้หล่นลงไปที่พื้น” โต้งโชว์รูปถ่ายคู่มิวกับอาม่าในงานคริสต์มาสของโรงเรียนที่โต้งเป็นคนถ่ายเองให้ทุกคนดู



“นี่มันรูปในห้องมิว ที่นายถ่ายไม่ใช่เหรอโต้ง” แวนถาม



“ใช่แวน... แต่เป็นคนละใบกัน รูปนี้อัดไว้สองใบ ใบหนึ่ง อาม่าวางไว้บนเปียโน อีกใบ อาม่าเก็บไว้ในห้องนอน พวกนายดูที่กรอบรูปนี่สิ เราจำได้ว่า กรอบรูปที่อยู่ในห้องมิวน่ะ เป็นอันเดียวกับที่เคยวางไว้ที่นี่ แต่กรอบลายนี้ เป็นอันที่อาม่าเก็บไว้ในห้องนอนของอาม่าเอง เราว่า..... มิวคงจะเปลี่ยนเอาอันที่อยู่ที่นี่ ไปไว้ในห้องนอนของตัวเอง แล้วเอารูปในห้องอาม่า มาไว้ที่เปียโนแทน”



“นี่นายกำลังจะบอกว่า.... แหวนหยกอีกวง อยู่ใน.....” ต่อพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว



“กรอบรูปในห้องมิว เป็นอันที่อาม่าซื้อให้มิว มิวจึงอยากเก็บไว้ในห้องตัวเอง แต่กรอบรูปอันนี้ เป็นอันที่มิวซื้อให้อาม่า ตอนคริสต์มาสปีนั้นแหละ มิวเคยพยายามจะเอามาอวดเรา แต่มิวรู้ ว่าเราไม่สบายใจเรื่องพี่แตงหายไป จึงได้แต่พูดผ่านๆตอนที่คุยกับอาม่า เราเพิ่งนึกออกเมื่อกี้นี้เอง”



“งั้น... ที่เราเจอแหวนนี้ ก็เป็นความดีความชอบของเถ้าแก่ป๊ามิวอะดิ” เอ๊กซ์พูดพลางพยักหน้าให้เพื่อนๆออกัส เหมือนเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง



“ขอบคุณคร้าบบบบบบ” สมาชิกทั้งสี่ของวงออกัส หันไปทางเถ้าแก่หลิวแล้วพูดพร้อมกัน



“ได้... พวกลื้อมีแหวน แต่ลื้อต้องให้อามิวมาเอ่ยปากต่อหน้าอั๊วะภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง อั๊วะถึงจะยอมรับปาก” เถ้าแก่หลิวยังยืนยันคำเดิม



“ได้ครับเถ้าแก่ พวกเราจะพามิวมาหาเถ้าแก่ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงครับ”



“โต้งรู้หรือลูก ว่ามิวอยู่ไหน” ม๊าของมิวเอ่ยถาม แฝงความดีใจ



“คิดว่ารู้ครับ แต่.....”



“แล้วเราจะไปกันยังไงวะ ตั้งหกคน” ต่อหันมาถามเพื่อนๆ ซึ่งก็มองหน้ากันกลับไปกลับมา



“เอารถอั๊วะไป” เถ้าแก่พูดจบก็โยนกุญแจรถให้โต้ง แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น



“แล้วใครจะขับวะ มีแค่กรู ไอ้แวน แล้วก็หญิงที่มีใบขับขี่แล้ว นอกนั้นก็......” เอ๊กซ์พูด



“แถมไม่ได้นอนกันทั้งคืน จะขับกันไหวเหรอวะ” เอ็มถามบ้าง



“งั้นน้าขับให้เอง” เสียงผู้หญิงดังมาจากหน้าประตูบ้าน ทุกคนหันไปมอง



“แม่.....” โต้งอุทานเป็นคนแรก



“น้านีย์.....” หญิง และสมาชิกออกัสอุทานพร้อมกัน





ผู้มาใหม่คือสุนีย์ แม่ของโต้ง ที่มาพร้อมกับกร สามีของตน ชายสูงวัยเดินเข้าไปนั่งข้างๆเถ้าแก่หลิว แนะนำตัวแบบกันเอง และเริ่มการสนทนา



“เถ้าแก่หลิวครับ ผมชื่อกร เป็นพ่อของเจ้าโต้งมัน ผมว่า เรามาคุยอะไรกันแบบที่คนเป็นพ่อเค้าคุยกันดีกว่านะครับ” ไม่รอช้า กรรีบจูงเถ้าแก่หลิวออกไปคุยข้างนอกทันที ทั้งที่เถ้าแก่เองยังแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ยอมตามไปโดยไม่ขัดขืนอะไร ในใจลึกๆ เถ้าแก่ก็หวังให้โต้งเจอมิว เพราะที่จริงเถ้าแก่ก็เป็นห่วงมิวมาก มากกว่าจะมาห่วงเรื่องสืบทอดกิจการหรือเรื่องร้องเพลงหรือเรื่องเป็นเกย์ อะไรจะไปสำคัญกว่าชีวิตลูก แต่ตนเป็นผู้ชาย เป็นพ่อของลูกชายที่เป็นเกย์ ก็ไม่รู้จะระบายออกอย่างไรหรือกับใครได้ การเข้ามาของกร จึงเหมือนกับการเปิดประตูไปสู่ด้านสว่างให้กับเถ้าแก่หลิวนั่นเอง .... พ่อ ที่มีลูกชายเป็นเกย์เหมือนกัน และลูกชายทั้งสองก็รักกัน การได้คุยกัน จึงน่าจะดีที่สุด



“แล้วนี่แม่มาได้ไงเนี่ย”



“อย่าเพิ่งถามเลยโต้ง ถ้าอยากหามิวเจอเร็วๆ ก็ไปนั่งหน้ารถ คอยนำทางให้แม่ เดี๋ยวแม่ขับเอง” ไม่รอช้า สุนีย์คว้ากุญแจรถจากมือของชายหนุ่ม แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นรถเจ็ดที่นั่ง ไปนั่งที่คนขับ คนอื่นๆรีบตามไปขึ้นรถ จนเต็มครบเจ็ดที่นั่ง โดยที่โต้งนั่งหน้าคู่กับแม่ สักพัก เสียงรถก็เคลื่อนออกไป โต้งเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้แม่ฟัง จากนั้นก็เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เริ่มผลอยหลับไปด้วยความเพลีย




...



.....





“ไงวะโต้ง.... นึกแล้ว... ว่ามรึงต้องโทรหากรู”

“อือ.... พวกกรูยังอยู่เสม็ดนี่แหละ มีอะไรว่ามา”

“เห็นแล้ว เจ๊หกนั่นเล่นจัดหนักชิบหาย”

“ก็รู้แล้วเหมือนกัน แต่ไม่ได้มาด้วยว่ะ ไปช็อปปิ้งเมืองนอกกับแม่เค้า”

“ว่าไงนะ......มิวอยู่เสม็ด จริงเหรอวะ แล้วที่ไหนล่ะ”

“หาดด้านทิศตะวันออก บ้านเช่า เงียบๆหน่อยหรอ เออ เดี๋ยวพวกกรูจัด
ให้”

“เออสิ เรื่องของมรึงก็เป็นเรื่องของกรูน่า” เอิร์ธวางสายแล้วหันมาเรียกเพื่อนๆ




“ไอ้เจ๋ง ไอ้แหว เขาทราย ตามสาวๆด่วน งานเข้าเว้ย”




.....



.....





ด้วยความที่ไม่มีอะไรจะทำ ชายหนุ่มไม่มีทั้งโทรศัพท์มือถือ เพราะถูกฝน พังไปแล้ว ไม่มีทั้งไอพอดตัวโปรด เพราะทิ้งไว้ที่บ้าน เคราะห์ดี ที่มีกระเป๋าเงินติดตัวมาด้วย หลังจากที่นั่งกินมาม่าไปอย่างเงียบเหงา หนุ่มที่อ้างว่าชื่อบาส ก็เดินออกมาที่ชายหาดอีกครั้ง โดยครั้งนี้ เขาเลือกที่จะเช่าจักรยาน เพื่อปั่นเลาะไปตามชายหาดเรื่อยๆ




ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม.......



“ใครเปิดเพลงนี้วะ” ชายหนุ่มได้ยินเสียงเพลงที่คุ้นเคยดังมาไม่ไกลนัก จึงปั่นเข้าไปฟังใกล้ๆ จอดรถไว้ริมถนนแล้วเดินเข้าไปฟัง เสียงดังมาจากเครื่องเล่นวิทยุ แต่ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าเป็นวิทยุหรือเป็นซีดีกันแน่ ได้แต่เข้าไปยืนใกล้ๆ แล้วฮัมเพลงเบาๆ แต่ก็ดังพอให้คนข้างๆได้ยิน มีคนที่กำลังฟังเพลงนี้อยู่ หันมามองที่ใบหน้าของชายหนุ่มสลับไปมากับหนังสือที่พวกตนถืออยู่ในมือ พลางซุบซิบกันไปมา หนุ่มมีหนวดหันมาเหล่มองผ่านแว่นกันแดด ก่อนจะยิ้ม แล้วไปปั่นจักรยานต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ชายหนุ่มเลือกจะปั่นเลาะชายหาดไปตามทิศใต้ที่สงบเงียบมากกว่า




ด้วยการเลือกที่จะขี่มอเตอร์ไซต์ตามหานักร้องหนุ่ม กลุ่มของเอิร์ทจึงเช่ารถมาสามคันเผื่อขี่ร่อนทั่วเกาะตามหามิว โดยเป้าหมายแรกคือชายหาดด้านทิศตะวันออกตามที่โต้งบอก เพราะเป็นฝั่งที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงาม แต่หาจนทั่ว ก็ยังไม่มีใครเห็นมิว ด้วยความร้อน จึงจอดรถแวะซื้อน้ำ และไปสะดุดหูกับเพลงนี้เข้า




ดั่งในใจความบอกในกวี... ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง




“นี่มัน...เพลงของมิวนี่หว่า...” เจ๋งแอบดีใจที่ได้ยินเพลงนี้ และเดินไปหาต้นเสียง พลันได้ยินเสียงคนคุยกัน




“จะใช่เหรอวะ หน้าไม่เห็นเหมือน”



“แต่แววตาน่ะ ใช่เลยนะ ถึงจะมีแว่นบังก็เถอะ”



“ที่สำคัญ แกได้ยินเสียงมั้ยล่ะ ยังกะก๊อปปี้กันมายังไงยังงั้น”



“ขอโทษนะครับ กำลังพูดถึงใครอยู่เหรอครับ” เจ๋งเข้าไปถาม



“อ๋อ.... ก็น้องมิว วงออกัสน่ะค่ะน้อง เพื่อนพี่มันบอกว่า เห็นน้องมิวเข้ามาในร้านเมื่อกี้นี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช่ตัวจริงรึเปล่านะ หน้าคล้ายๆ แต่ไหงมีหนวด ผมยาว แต่เสียงน่ะ ไม่ผิดแน่ๆ รู้จักใช่มั้ย ที่สองวันนี้เป็นข่าวดังเรื่องเป็นเกย์น่ะ ข่าวเค้ายังว่าหนี่ไปหลบซ่อนตัวหรือไงนี่แหละ”



“แล้วไปไหนแล้วล่ะครับ”



“ปั่นจักรยานออกไปเมื่อกี้นี้เอง สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวๆอะ ถ้าอยากเจอคนดัง ก็ลองขี่มอ’ไซตามไปดูดิ”



“ขอบคุณนะครับ” เจ๋งคาบข่าวมาบอกเพื่อนๆ แล้วรีบตามไปทันที ไปได้ไม่ไกลนัก ก็พบจักรยานล้มอยู่กลางทาง บริเวณใกล้กับชายหาด ทั้งห้าคนช่วยกันมองหาบริเวณนั้น แต่ก็ไม่มีใครพบคนปั่นจักรยานแต่อย่างใด เอิร์ธรีบกดโทรศัพท์หาโต้งทันที




....



....





“ว่าไงนะ.... งั้นมรึงลองหาแถวนั้นให้ทั่วก่อนแล้วกัน กรูอยู่บนมอเตอร์เวย์ อีกซักพักก็ถึงแล้ว”



“ว่าไงโต้ง ยังไม่เจอมิวหรอ” สุนีย์ถามลูกชาย



“ไอ้เอิร์ธมันโทรมาบอกว่า เจอคนที่คิดว่าน่าจะใช่มิว แต่พอขี่รถตามไป กลับเจอแต่จักรยาน แต่คนไม่รู้ว่าหายไปไหน” โต้งตอบด้วยน้ำเสียงกังวลเป็นห่วงคนรัก



“ไม่เป็นไรนะโต้ง มิวจะต้องไม่เป็นไร” หญิงพยายามปลอบ



“ใช่โต้ง ไอ้มิวมันดวงแข็ง มันต้องปลอดภัยแน่นอน” เอ๊กซ์ที่ตื่นแล้วก็ช่วยปลอบเช่นกัน



“จำตอนที่มิวไปงมสร้อยให้โต้งได้มั้ยลูก ตอนนั้นเรากลัวกันแทบแย่ สุดท้ายมิวก็ปลอดภัยกลับมาไง” โต้งฟังคำแม่แล้วหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ตนขว้างสร้อยจี้กางเขนทิ้งน้ำ แล้วมิวไปงมเก็บมาให้ตน ความซาบซึ้งใจในครั้งนั้นยังฝังตรึง โต้งลูบแหวนหยกของอาม่าที่สวมอยู่บนนิ้วของตนแล้วรำพึง



“อาม่า....คุ้มครองมิวด้วยนะครับ”



“ไม่เป็นไรโต้ง..... วันนี้พวกเรามากับโชค คิดดูสิ บทจะเจอแหวน ก็เจอเอาง่ายๆ บทป๊าไอ้มิวจะใจอ่อน ก็ใจอ่อนได้ไม่ยาก วันนี้เราโชคดี มากับโชค ก็ต้องกลับกับโชคสิวะ” ต่อพยายามปลอบใจ



“มิวเซเว่น....” เอ็มเปรยเบาๆ



“อะไรวะเอ็ม มิวเซเว่น...” แวนถาม



“พวกมรึงไม่สังเกตรถที่พวกเรานั่งอยู่นี่หรอ” เอ็มถามเพื่อนๆ



“ไงวะ” เอ๊กซ์ ต่อ และแวนถามพร้อมกัน



“ก็ MU-7 ไงวะ พวกเราเจ็ดคนพอดี กำลังนั่งรถ MU-7 ไปหาไอ้มิวไง”



“เออ... จริงด้วย บอกแล้วไงโต้ง วันนี้ฤกษ์ดี ยังไงก็ต้องเจอไอ้มิวแน่นอน” ต่อย้ำ



“อย่างนี้ก็แปลว่า.... กรูต้องปั่นจักรยานจากกรุงเทพ ไประยองใช่ปะ” เอ๊กซ์พูดพลางมองหน้าเพื่อนๆ



“เออ.... แล้วก็พวกกรูด้วยเหมือนกัน ไอ้ห่า จะบนอะไร ไม่คิดถึงพวกกรูบ้างว่าไหวมั้ย” เอ็มว่าเพื่อน



“เอาน่า.... แค่ให้มิวปลอดภัย แล้วพากลับกรุงเทพให้ทันเวลาก็ดีแล้ว เรื่องอื่น ค่อยว่ากันทีหลัง” หญิงบอกเพื่อนๆ ขณะที่โต้งยังคงกำแหวนไว้แน่น



....



....





“ทำไงดีวะไอ้เอิร์ธ นี่สายมากแล้วนะเว้ย ป่านนี้พวกเรายังหามิวไม่เจอเลย ไอ้โต้งก็จะถึงอยู่แล้วด้วย” เจ๋งปรึกษาเพื่อนซี้ พลางขอความเห็นจากเพื่อนคนอื่นด้วย



“กรูก็ไม่รู้โว้ย ถ้าไง เราลองกลับไปดูที่เก่าที่เราเจอจักรยานกันดีกว่าปะ” เอิร์ธถามความเห็นเพื่อนๆ ทุกคนเห็นด้วย แล้วก็พากันไปที่เดิม ขี่รถไปได้ไม่นาน ก็เจอสถานที่เดิม ทว่า.... มีผู้คนมากมายกำลังเป็นไทยมุงอยู่ กลุ่มของเอิร์ธและเจ๋งพยายามแหวกฝูงคนเข้าไปดูเหตุการณ์ ต้องฝ่าทั้งไทยมุง และนักข่าวท้องถิ่นอีกไม่น้อย



ที่นั่งอยู่ตรงชายหาด คือร่างโปร่งที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดี หนวดปลอมและวิกผมหล่นอยู่ที่พื้น ชายหนุ่มถูกห่อไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนสีเขียว ร่างกายที่เปียกปอนบวกกับคราบเกลือ ที่แทรกอยู่ตามไรผม บอกให้รู้ว่าชายหนุ่มเพิ่งจะขึ้นมาจากการลงไปแหวกว่ายในห้วงสมุทร แต่ทำไมนั้น พวกเอิร์ธยังไม่รู้



ข้างๆของร่างโปร่ง คือเด็กวัยรุ่นสองคนที่เพิ่งจะฟื้นจากการสลบเพราะการสำลักน้ำทะเล และกำลังได้รับการปฐมพยาบาลจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย สังเกตจากอายุอานามก็น่าจะเป็นเด็กที่พ้นวัยรุ่นม.ต้นมาได้ไม่นาน แม้จะยังนั่งสั่นด้วยความหนาวอยู่ แต่ช่างภาพก็รุมถ่ายรูปมิวไม่เว้นมือ ทุกคนในที่เกิดเหตุจำได้ทันทีว่า นี่คือนักร้องหนุ่ม ผู้นำวงออกัส ที่กำลังตกเป็นข่าวฉาวเรื่องที่ตนเป็นเกย์อยู่ในขณะนี้




อนุมานจากเหตุการณ์ที่มองเห็น ดูเหมือนว่า มิวจะเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตเด็กสองคนนั้นเอาไว้จากการจมน้ำ มิน่า..... ตอนที่เจอรถ ถึงไม่มีใครเห็นมิว เพราะมิวลงไปดำผุดดำว่ายช่วยชีวิตเด็กๆอยู่ในน้ำนั่นเอง



“เอาไงดีวะเอิร์ธ” เจ๋งถามเพื่อน



“กรูก็ไม่รู้เว้ย เห็นมั้ยนั่น.... นักข่าวรุมถ่ายรูปเต็มไปหมด แล้วจะเข้าไปไงวะ ขืนเข้าไปตอนนี้ ได้ถูกรุมถามโน่นนี่นั่นแน่ๆ ดีนะที่ไอ้โต้งยังมาไม่ถึง ไม่งั้น....”



“ไม่งั้นทำไมวะ...” เสียงใครคนหนึ่งถาม



“ไม่งั้นไอ้โต้งกับมิว ก็จะถูกรุมสัมภาษณ์พร้อมกันน่ะสิ ทีนี้ได้วุ่นวายอีกแน่ๆ” เอิร์ธตอบ โดยไม่ได้มองหน้าคนถาม



“เรื่องนั้นกรูเตรียมใจไว้แล้วแหละ ขอบใจที่ห่วงนะเว้ยเอิร์ธ”



“โต้งงงงงงง” กลุ่มของเอิร์ธอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจที่เห็นเพื่อนมาถึงไวกว่าที่คิด



“กรูจะเข้าไปหามิว” โต้งบอกพลางก้าวขาเตรียมเดิน



“ใจเย็นๆโต้ง แม่ว่า ให้พวกเพื่อนๆออกัสเข้าไปก่อนดีมั้ย ขืนโต้งเข้าไปตอนนี้ ได้ถูกรุมสัมภาษณ์แน่ๆ”



“แต่แม่.... โต้งอยาก.....”



“เรื่องนั้นแม่เข้าใจ แต่ขืนมิวกับโต้งเป็นข่าวขึ้นมาอีก ป๊าของมิวเค้าจะว่ายังไง แม่ว่า ให้เรารับมิวกลับไปกรุงเทพฯก่อน แล้วเรื่องสัมภาษณ์ค่อยไปว่ากันที่โน่นก็ได้ ไปปรึกษากับป๊ากับม๊ามิว และพวกที่ค่ายเพลงก่อนน่าจะดีกว่านะโต้ง เชื่อแม่”



“ครับ....” โต้งเชื่อสุนีย์ และกลับไปนั่งรอในรถ ส่วนพวกของเอ๊กซ์ ก็เดินเข้าไปหานักร้องหนุ่มที่นั่งตัวเปียกอยู่ริมหาด ทันทีที่เห็นสมาชิกออกัสเดินเข้าไป เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้น และนักข่าวก็เริ่มรุมถ่ายรูปและเตรียมสัมภาษณ์เหล่าสมาชิกออกัส




เอ๊กซ์รีบเข้าไปกระซิบข้างหูมิวว่าไม่ต้องตอบอะไร และอย่าเพิ่งถามอะไรพวกตน ทั้งๆที่นักร้องหนุ่มมีเรื่องอยากรู้มากมาย เช่นว่า ทำไมถึงรู้ว่าตนอยู่ที่นี่ แต่ก็เก็บคำถามไว้ก่อน มือกีตาร์คิ้วหน่ยังกระซิบบอกนักร้องหนุ่มร่างโปร่งอีกด้วยว่า เดี๋ยวพวกตนจะพามิวกลับออกไปจากที่นี่ก่อน ก่อนที่จะถูกรุมถามเรื่องข่าวเกย์ แถมยังบอกด้วยว่า ป๊ามิวยอมรับปากทุกอย่าง หากมิวกลับไปหา นักร้องหนุ่มยิ้มออกทันที และทำตามที่เพื่อนสนิทบอก



“คือยังงี้ครับพี่ พวกเรามาเที่ยวบ้านไอ้มิวด้วยกันน่ะครับ แต่ไอ้มิวมันรอที่เสม็ดซะก่อน เอ่อ....เรื่องข่าวนี้คงยังไม่ขอตอบนะครับ พวกผมขอพามิวไปพักก่อนนะครับ ครับ ไว้จะแถลงข่าวที่กรุงเทพครับ แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ.....” มือกีตาร์ให้สัมภาษณ์แบบผ่านๆ และรีบให้เพื่อนๆ พามิวไปที่รถทันที



นักร้องนำวงออกัสเดินแบบไร้เรี่ยวแรงมาที่รถ ทันทีที่เห็นรถ ก็จำได้ว่าเป็นหนึ่งในรถของที่บ้าน ในใจก็แอบหวั่นว่าป๊าจะอยู่ข้างในรึเปล่า ได้แต่สูดหายใจลึกๆ แวนเปิดประตูรถให้เพื่อน และทันใดนั้น.....



“มิว.....” โต้งเรียกชื่อคนรักเฉยๆ โดยไม่ถามอย่างอื่น



“ไงโต้ง......” มิวก็ได้แต่เรียกชื่อคนรักกลับเช่นกัน อยากจะโผเข้ากอด แต่ก็แอบสังเกตเห็นว่ามีช่างภาพตามเข้ามา จึงได้แต่รีบเข้าไปนั่งด้านใน เพื่อนๆออกัสคนอื่นรีบตามขึ้นรถและปิดประตูทันที ส่วนสุนีย์ก็บึ่งรถออกไปจากที่เกิดเหตุ นักข่าวที่อยากรู้รายละเอียดการช่วยชีวิต จึงได้แต่ถามวัยรุ่นสองคนนั้นและผู้เห็นเหตุการณ์ที่มีไม่มากนัก



พวกเอิร์ธอาสาเอาจักรยานไปคืนร้าน และขอเที่ยวเสม็ดต่อ ส่วนกลุ่มของโต้ง ตั้งใจจะรีบกลับเมืองหลวงทันที สุนีย์จึงพามิวไปที่บ้านเช่า ร่างสูงประคองร่างโปร่งเข้าไปในบ้านเพื่อจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มีสายตาของพนักงานคนเดิมมองตามอย่างปลื้มและแอบกรี๊ด เห็นโต้งพามิวเข้าข้างในก็ไม่รู้ว่าจิ้นอะไรกันรึเปล่า แต่พอเห็นออกัสอีกสี่คนและสุนีย์ตามเข้าไป ก็เลิกจิ้นทันที



“โต้ง” นักร้องนำออกัสเอ่ยชื่อคนรักเบาๆ ในใจอยากขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง และอยากโผกอดให้หายโหยหา แต่ก็ได้เพียงยืนนิ่ง ร่างกายที่เปียกปอน หยดน้ำที่ไหลตามไรผม ไม่อาจกลบรอยน้ำตาที่เอ่ออยู่บนสองเนตรสีน้ำเงินของมิวได้ ชายหนุ่มมองแววตาสีน้ำตาลของคนรักที่มองตอบกลับมา และยืนเงียบ



“มิว....” ร่างสูงเป็นฝ่ายโผเข้ากอดร่างโปร่งก่อน กอดเสียแน่นสมกับความคิดถึงและห่วงใย ในใจบางส่วนก็อยากจะต่อว่าที่คนรักทำอะไรบ้าๆโง่ๆ แต่อีกใจก็นึกขอบคุณ ที่ทำให้เหตุการณ์นี้ยิ่งพิสูจน์ว่าโต้งรักมิวจริง ถึงได้รู้ว่ามิวอยู่ไหนและหาจนเจอ และยังเป็นโอกาสให้โต้งหาแหวนหยกเจอต่อหน้าเถ้าแก่หลิวป๊าของมิว ทำให้เถ้าแก่ยอมรับโต้งมากขึ้น และที่สำคัญ ทำให้โต้งรู้ว่า ถ้าขาดมิวไป ตนเองก็เหมือนจะขาดใจเสียให้ได้ ความรักความคิดถึงมันท่วมท้นล้นอก



“ไม่เป็นไรนะมิว เราเจอมิวแล้ว ในที่สุดเราก็หามิวเจอ มิวไม่เป็นไรแล้วนะ”



“โต้ง” นักร้องหนุ่มก็สวมกอดร่างสูงของคนผมเกรียนแน่นเช่นกัน น้ำตาไหลผ่านใบหน้าของคนทั้งคู่



“ป๊ามิวบอกว่า ถ้ามิวไปหาเค้าทันในตอนเช้าพรุ่งนี้ เค้าจะยอมทุกอย่าง นี่ไงมิว แหวนหยกของอาม่า เราเจอมันแล้ว มิว... เราหาแหวนหยกเจอแล้ว” โต้งโชว์แหวนหยกที่นิ้วของตนให้มิวดู กำลังจะเล่าเรื่องเมื่อเช้า ทันใดก็.....





“อึ้ม....” เสียงสุนีย์กระแอมเตือน

“แม่ว่า โต้งให้มิวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีมั้ย มีอะไรค่อยไปเล่าให้ฟังกันบนรถ” และโดยไม่ต้องรอเถียง มิวคว้าผ้าขนหนู แล้วเข้าห้องน้ำทันที




.....





.....











Create Date : 22 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2554 17:48:50 น.
Counter : 618 Pageviews.

9 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments