All Blog
ตอนที่ 33 +++ หาย +++
“มิว.........มิว........เชี่ยมิวโว้ย.......... พี่มิว..........น้องมิวคะ..............” เสียงเรียกมากมาย ที่พากันร้องเรียกท่ามกลางสายฝน แต่ก็ปราศจากเสียงตอบรับกลับมาจากผู้ถูกตามหา พยายามอยู่นานนับชั่วโมง ผู้คนเริ่มบางตา ส่วนใหญ่ทยอยกลับบ้านไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีใครที่เห็นนักร้องหนุ่มแม้แต่คนเดียว


“พี่ลองโทรหลายครั้งแล้วนะโต้ง แต่ก็ไม่ติดเลยอะ ไม่รู้ปิดเครื่องรึเปล่า”


“หรือมิวมันลืมเครื่องทิ้งไว้ที่บ้านมันวะ” แวนลองถามดู


“กรูเห็นกับตา ว่ามันถือติดมือมาด้วย ก่อนขึ้นเวที ยังโทรตามกรูที่นั่งขี้ในส้วมอยู่เลย” เอ๊กซ์บอก


“หรือว่ามิว จะเดินกลับบ้านไปแล้ววะ” ต่อลองหยั่งเสียง


“งั้นม๊ามันก็โทรมาบอกพวกเราแล้วดิ” เอ็มพูดบ้าง


“แล้วพี่มิวเค้าจะหายไปไหนได้ล่ะครับ” ปิงปองถามพี่ๆคนอิ่นๆ


“เอางี้นะ.... ปิงปอง พาพวกเพื่อนๆที่เพิ่งมาถึงกับน้องๆไปพักผ่อนที่บ้านมิวก่อน แม่มิวบอกว่าเตรียมห้องไว้พร้อมแล้ว ไปกันก่อน ไม่ต้องห่วงหรอก ดึกแล้ว แถมเจอฝนอีก เดี๋ยวจะไม่สบายกันซะหมด อย่าห่วงน่า เดี๋ยวพวกพี่จะเอารถอีกคันลองวิ่งตามหาแถวๆนี้ดู เผื่อมิวจะไปแถวๆนี้แหละ”


“ครับ......”


“มิว..... หายไปไหนของเค้ากันนะ” โต้งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใยที่เครือไปด้วยความกังวล ถึงแขนจะยังเจ็บ แต่โต้งก็กระตือรือร้นในการตามหามิวมาก มากจนเพื่อนคนอื่นๆอดเป็นห่วงใม่ได้




พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว การตามหาหยุดลง โดยที่ยังไม่พบตัวของนักร้องหนุ่ม ท่ามกลางความสับสนและสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักเมื่อคืนนี้นั้น นักร้องหนุ่มผู้นำวงออกัส หายไปโดยไม่มีใครรู้ว่ามิวไปอยู่ที่ไหน หรือจะไปไหน ความกังวลใจแผ่ซ่านไปทั่วทุกตัวตน ทุกคนรักมิวและเป็นห่วงมิวมาก แต่ก็ตามหาไม่เจอซักที ความทุกข์ใจเหล่านั้นเข้าถึงหัวใจของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เถ้าแก่ใหญ่ผู้เป็นพ่อ



“เราอธิบายเรื่องรูปให้เถ้าแก่ฟังแล้วนะ แกก็เข้าใจดี เพราะคืนนั้น เราก็ไปด้วย ช่วยยืนยันได้” คุณบีบอกกับทุกคนที่ยังคงห่วงเรื่องนี้อยู่


“แล้วเค้ารู้มั้ยคะ ว่ามิวอยู่ที่ไหน” จูนถาม


“แกก็ไม่รู้เหมือนกัน” คุณบีตอบ


“ป๊าพี่มิวใจร้ายจัง ที่ตบหน้าพี่มิวไปน่ะ แรงมากนะนั่น ผมแอบเห็นนะครับ แดงเป็นรอยใหญ่ชัดเลย ขนาดว่ามืดแล้วนะ” นักเป่าทรัมเปตรุ่นน้องออกความเห็น


“จริงอย่างน้องอาร์มว่า ป๊าพี่มิวมือหนักจริงๆ ทำกับพี่มิวขนาดนั้น ไม่เกินไปหน่อยหรอ” คอรัสร่างเล็กพูดจบก็หันไปพยักหน้ากับคอรัสร่างหนากว่าอีกคนนึงที่พยักหน้าตอบแสดงความเห็นด้วย


“ท่านอ๋อง.....อาร์ม.... ม๊ามิวอยู่ตรงนี้ด้วย จะพูดอะไรก็......นะ” ปิงปองเตือนสติเพื่อนกับรุ่นน้อง


“แล้วมีใคร ลองโทรไปที่บ้านกรุงเทพฯบ้างรึยังคะ” พี่จูนเอ่ยถาม


“แม่ลองโทรไปที่บ้านที่กรุงเทพฯ แต่ติดต่อใครไม่ได้เลยจ้ะ ไม่รู้ป้าอรไปไหน”


“ที่บ้านหญิงก็ไม่มีใครอยู่ซักคน เฮียพาหม่าม๊าไปเที่ยวเชียงใหม่ ยังไม่กลับเลย”


“คุณบีครับ ตอนที่คุณเข้าไปคุยกับเถ้าแก่หลิว เอ่อ.....คือ...... เถ้าแก่เค้า เป็นไงบ้างครับ” โต้งถาม


“แกก็โกรธจนตัวสั่นอยู่น่ะสิ ทีแรกอะนะ แต่ตอนนี้ เหมือนแกจะตัวสั่นเพราะตกใจกับสิ่งที่ทำลงไปมากกว่า คุยไป เหงื่อก็ไหลออกไป เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ได้แต่ถือแหวนหยกสีเขียวอ่อนในมือ จับแน่นเลย ทั้งๆที่มือแกก็สั่นอยู่อะนะ” คุณบีตอบ


“ลึกๆแล้ว แกก็คงเสียใจล่ะลูก เพราะแกเกือบจะใจอ่อนอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อน”


“แล้วนี่เราจะเอายังไงกันต่อดี พี่เช็กข่าวกับพี่อ๊อดที่กรุงเทพฯแล้ว รายการข่าวเช้าทั้งหลาย เอามาคุยมาเม้าท์กันเลย กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ไปแล้วเนี่ย แล้วยังมามีเรื่องที่มิวหายไปอีก นี่ถ้านักข่าวรู้นะ ว่ามิวหายตัวไปแบบนี้ล่ะก็ ไม่อยากจะคิดเลย”


“แล้วน้านีย์ล่ะโต้ง คุยกันรึยัง” หญิงถามชายคนรักของคนที่ตนเคยแอบรัก


“แม่ไม่ว่าอะไรซักคำ แกบอกให้เราใจเย็นและเข้มแข็งไว้ ตอนนี้ให้เราหามิวให้เจอก่อน”


“งั้น.....เราลองขับรถตระเวนหาตามบ้านพักหรือบ้านเช่าหรือโรงแรมแถวนี้ดูมั้ย เผื่อมิวจะไปที่นั่น” คุณบีออกความเห็น ซึ่งทุกคนก็เห็นพ้องและพากันออกไปตามหา



....


....




ตามหาบริเวณนั้นจนทั่ว แต่ก็ยังไม่เจอ ก็เริ่มขับรถเข้าเมืองบ้าง เผื่อจะพอมีความหวังอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม การตามหา ก็ไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี ทำเอาโต้งยิ่งร้อนใจหนักขึ้น


“ผมว่ามิวน่าจะกลับกรุงเทพฯ เพราะที่นั่นมีความหมายที่สุดสำหรับมิว” โต้งเสนอ


“เอางี้ .... เราลองตามหาในระยองอีกหนึ่งวัน ถ้ายังไม่เจอ พรุ่งนี้เช้า เรากลับกรุงเทพฯกันเลย” พี่จูนบอก



การตามหามิวตลอดทั้งวันท่ามกลางความอ่อนเพลียของเพื่อนๆก็ยังไม่เป็นผล เอ๊กซ์ที่เริ่มท้อใจแล้ว เหลือบไปเห็นเจดีย์ของวัดๆหนึ่ง เลยพนมมือขึ้นไหว้


“เจดีย์ครับ ถ้าพวกเราตามหาไอ้มิวจนพบ พวกเราออกัสจะปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯมาที่ระยองนี่เลยครับ”


“เอาจริงเหรอวะไอ้เอ๊กซ์.... เจดีย์ครับ พวกผมหมายถึงแค่พวกที่จบม.หกแล้วเท่านั้นนะครับ รุ่นน้องไม่เกี่ยว” แวนรีบแก้ เพราะไม่อยากดึงรุ่นน้องมาลำบากด้วย


“เอาไงก็เอา เจดีย์ครับ ....ถ้าไอ้มิวมันปลอดภัยดีในระยอง พวกผมสี่คน จะปั่นจักรยานมาระยองกันครับ” ต่อเสริมแรงอีกคน เผื่อว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง


“ไม่ถามกรูเลยซักคำนะพวกมรึง ว่ากรูอยากรึเปล่า.... ไอ้สาดพวกนี้นี่.... เจดีย์ครับ ผมก็อธิษฐานอย่างเดียวกันกับเพื่อนๆนะครับ” เอ็มก็ไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน


“เจดีย์ครับ ถ้าผมเป็นคนแรกในกลุ่มที่เจอมิว ผมจะวิ่งรอบเกาะเสม็ดสามรอบเลยนะครับ” โต้งก็ร่วมอธิษฐานด้วยคน เพราะว่าตนอยากเจอมิวมากๆ และลึกๆแล้ว โต้งก็แอบคิดในใจว่ามิวน่าจะกลับกรุงเทพฯไปแล้ว และกำลังรอให้ตนไปหาอยู่แน่ๆ



...



...




“เฮีย.... ขอเช่าบ้านพักหลังนั้นครับ” เสียงใครบางคนกำลังเจรจาขอเช่าบ้านพักอยู่


“หลังนั้นมันเก่าแล้วนะคุณ จะอยู่ได้เร้อ”


“ได้สิครับ สบายมาก...”


“งั้นก็ได้.... คิดคืนละสามร้อยแล้วกัน มันเก่าใกล้พังแล้ว ว่าแต่คุณชื่ออะไรล่ะ หน้าคุ้นๆนะเนี่ย”


“บาสครับ..... ผมชื่อบาส" ร่างโปร่งที่มาขอเช่าบ้าน กระชับแว่นกันแดดให้แน่นขึ้น พลางเดินตามเจ้าของไปที่บ้านพักหลังโทรมๆหลังหนึ่งที่กำลังรอการซ่อมแซม เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังมาจากทางด้านข้าง เสียงคลื่นที่แสดงถึงความเงียบเหงา


“มาที่นี่เป็นครั้งแรกรึเปล่าอะเรา ฮึ..ว่าไงล่ะพ่อหนุ่ม” เจ้าของเอ่ยถาม


“เคยมานานแล้วครับ ตอนเป็นเด็กโน่นแน่ะ” ชายหนุ่มตอบ



...


...




“มิว..... มิวอยู่รึเปล่า มิว" ยามดึกของคืนวันอาทิตย์ เสียงชายหนุ่มร้องเรียกหาคนรัก


“ไป.... ไปตามหากันที่อื่น....” เสียงของข้างบ้านที่รำคาญตะโกนออกมา


“ไงวะโต้ง..... เจอไอ้มิวป่าววะ” เอ๊กซ์เอ่ยถามคนรักของเพื่อนรัก


“ไม่มีใครตอบกลับมาเลยว่ะ บ้านก็ล็อก ไม่รู้ป้าอรไปไหน”


“แล้วโต้งไม่มีกุญแจสำรองบ้านมิวบ้างหรอ” หญิงเอ่ยถาม


“มิวก็ว่าจะปั๊มให้อยู่นะหญิง แต่ยังไม่ได้โอกาสซะที แล้วนี่จะทำยังไงดีล่ะ” พูดไม่ทันจบดีนัก เสียงโทรศัพท์ของคู่สนทนาก็ดังขึ้น


“ค่ะม๊า ป้าอรไปเที่ยวกับหม่าม๊าแล้วก็เฮียของหนูเหรอคะ อะไรนะคะ ใต้กระถาง อ๋อคะ ขอบคุณค่ะ” หญิงวางสายแล้วหันมาคุยกับโต้งต่อ


“ป้าอรไปเที่ยวกับหม่าม๊าน่ะโต้ง แต่ม๊ามิวโทรมาบอกว่า ป้าอรแกซ่อนกุญแจไว้ที่ใต้กระถางต้นไม้น่ะ ให้เราลองหาดู”


“คืนนี้นายจะนอนที่นี่เหรอวะ” นักกีตาร์คิ้วหนาลองถามดู ทั้งๆที่รู้คำตอบในใจ


“อื้อ....ไม่อยากกลับบ้านน่ะ ดึกแล้ว เดี๋ยวต้องลำบากแม่ตื่นมาเปืดประตูให้อีก”


“งั้น......นอนคนเดียวได้ใช่ปะ แบบว่า......”


“อะไรหรอเอ๊กซ์”


“ก็......อาม่าไอ้มิว แก....เสียที่นี่ใช่มะ... แล้ว..... จะให้นอนคนเดียว....คือ....”


“นี่เอ๊กซ์กลัวผีอาม่าหรอ” หญิงเอ่ยถาม


“ปล๊าววววววววววววววววว.......ไม่กลัววววว” หนุ่มคิ้วหนาปฏิเสธเสียงสูง


“ไม่เป็นไร เรานอนคนเดียวได้ ถ้าอาม่า มาก็ดีน่ะสิ จะได้ถามอาม่าว่ามิวไปไหน”


“แล้ว....หญิงล่ะ นอนเฝ้าบ้านคนเดียวได้หรอ ให้เรานอนเป็นเพื่อนมั้ย.....เฮ้ยยยย....ล้อเล่น....อย่าทำหน้าอย่างนั้นดิ ................... รู้จ้ะรู้.....ว่าเจ๊น่ะเก่ง.....โอเค...... งั้น.....เรากลับก่อนนะ ...... โต้ง ... เราไปก่อนนะ" เอ๊กซ์โบกมือลาโต้ง ก่อนจะหันไปสบตาหญิง แล้วกระซิบเสียงดังว่า....

“น่าร็อกกกก....อะ”


“บ้า... ไปได้แล้ว รถตู้จอดคอยอยู่ ไม่เห็นเหรอไง” หญิงชี้ให้เอ๊กซ์ดูรถตู้ที่จอดคอยอยู่ นอกจากคนขับก็ไม่มีใครอยู่ในรถแล้ว เพราะทยอยส่งผู้โดยสารคนอื่นๆจนหมด เหลือแต่มือกีตาร์วงออกัสที่รั้งท้ายสุด



“งั้น ถ้าคืบหน้ายังไง ก็..... โทรหาเรานะ” เอ๊กซ์สั่งลา และขึ้นรถตู้ไป ทิ้งห็หญิงคุยกับโต้งสองคน



....



....




“นี่ดีนะโต้ง ที่พวกเรากลับมาถึงเอาดึกป่านนี้ พี่อ๊อดแกบอกว่า กองทัพนักข่าวไปดักรอสัมภาษณ์มิวที่บริษัทเต็มเลย นี่ยังไม่รู้เลยนะเนี่ย ว่าถ้าเจอมิวแล้ว มิวจะต้องมาตอบสัมภาษณ์นักข่าวยังไงดี”


“แม่เราบอกว่า ตอนกลางวัน แวะมาที่นี่เผื่อจะเจอมิว แต่เห็นนักข่าวมารอกันเต็มหน้าบ้านเลย สงสัยจะมาดักเจอมิว ดีนะ ที่พวกเราไม่กลับกันมาตั้งแต่เช้าน่ะหญิง ไม่งั้น เราเองคง.....” โต้งทำสีหน้ากังวล


“โต้งก็คงจะโดนนักข่าวรุมสัมภาษณ์น่ะสิ... แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง โต้งจะตอบนักข่าวยังไงล่ะ”


“ไม่รู้สิหญิง.... ไม่รู้เหมือนกัน” โต้งตอบคำตอบแบบเดิมอย่างคนที่ไม่มั่นใจตนเองอีกครั้ง


“ถึงเวลานั้นจริงๆ ถ้าโต้งตอบอย่างเมื่อกี้นี้ มีหวัง กลายเป็นประเด็นอีกแน่ๆ ว่าแต่ โต้งอ่านเนื้อหาข่าวละเอียดแล้วใช่ปะ”


“อือ.....อ่านหมดแล้ว เจ๊หกเจ็ดแปดอะไรนั่น ไม่รู้ไปหาข้อมูลมาจากไหน ขุดเก่งชะมัด รู้กระทั่งเรื่องที่พี่สาวเราหายไป เรื่องที่พ่อเราติดเหล้า แล้วยังเรื่องที่มิวผ่าตัดเอาตับไปช่วยพ่ออีก”


“นอกจากพาดหัวที่ดูน่ากลัวแล้ว หญิงว่าเนื้อหาข่าวก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก ออกจะซึ้งเอาซะด้วยซ้ำ ถ้าถามหญิงนะโต้ง หญิงว่า ถ้าลองเจ๊หกแกขุดคุ้ยได้ขนาดนี้ล่ะก็ ยังไง โต้งกับมิว เปิดแถลงข่าวพร้อมกันไปเลย เล่าเรื่องราวของโต้งกับมิวให้คนอื่นได้ฟัง แล้วค่อยมาเช็กกระแสกัน ว่าจะเป็นยังไง”


“จะเอาอย่างงั้นจริงๆเหรอหญิง แล้วมิวเค้าจะไม่..... คือ.... มิวเค้าเป็นนักร้องนะหญิง แล้วจะทนได้หรอ ที่ต้องคอยหลบสายตาคนอื่นๆที่เค้ามองมาแบบ.......”


“แล้วมันจะมีทางที่ดีกว่านี้เหรอโต้ง หรือจะเอาแต่หลบหน้าหนีไปเฉยๆ ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเนี่ยนะ สู้เรากล้าเผชิญความจริงดีกว่า วันนี้ อาจจะมีหลายคนที่ไม่เข้าใจมิวกับโต้ง อาจจะมีแฟนเพลงบางคนที่รู้สึกเจ็บปวด แต่เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นเอง วันนึง พวกเค้าจะต้องเข้าใจ ขนาดหญิงที่เคย.....นั่นแหละ โต้งก็รู้ ขนาดน้านีย์ แม่ของโต้งที่เมื่อก่อนก็ทำใจยอมรับไม่ได้ แต่ตอนนี้ พวกเรายังเข้าใจ พวกเรายังมีความสุขกับการได้เห็นมิวกับโต้งรักกัน หญิงเชื่อว่า..... ซักวัน ทุกคนจะเข้าใจ และมีความสุขที่ได้เห็นคนที่รักกัน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”


“แล้วเรื่องของป๊ามิวล่ะหญิง เถ้าแก่เค้าจะ.....”


“ป๊ามิวน่ะ รักมิวมาก ถึงจะมากเกินไปก็ตาม ที่จริง ม๊ามิวก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าป๊าแกทำใจยอมรับได้แล้ว แต่ติดที่ว่า แกอายเพื่อนฝูงและแคร์คนพวกนั้นไปหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าคนพวกนั้นรู้จักมิวกับโต้งดีขึ้น รับรู้เรื่องราวของโต้งกับมิวมากขึ้น ก็ย่อมจะเป็นอย่างพวกเรา ที่เข้าใจโต้งกับมิวแน่นอน”


“ก็.........”


“แต่ถ้าโต้งอยากจะสบายใจเรื่องป๊าล่ะก็.... งั้นก็มีวิธีเดียว หาแหวนหยกของอาม่าให้เจอ รับรอง...ว่าป๊าไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน”


“คุยกับหญิงนี่ก็ดีเนอะ เริ่มจะหายง่วงแล้วสิ”


“หญิงก็ไม่ง่วงแล้วเหมือนกัน ถ้ายังไง คืนนี้ เราลองช่วยกันหาแหวนดีมั้ย เผื่อว่าพรุ่งนี้จะต้องเตรียมใจรับมือกับปัญหาอีกเพียบ”


“อะไรหรอหญิง”


“ก็ม๊าของมิวน่ะสิ บอกว่าพรุ่งนี้ ป๊ามิวจะขึ้นมากรุงเทพฯ และเก็บข้าวของของมิวเอาไประยองให้หมดเลย และจะอาจจะไม่ให้มิวมาอยู่ที่นี่อีก เพราะฉะนั้น โต้งก็ควรจะรีบหาแหวนให้เจอ ก่อนที่ป๊ามิวจะมาถึง จะได้มีข้อต่อรองกับป๊าได้”


“งั้น เราเข้าบ้านมิวกันเถอะ เราเจอกุญแจใต้กระถางแล้วล่ะ”


“ช่วยกันหกคน น่าจะดีกว่าหากันแค่สองคนมั้ย....” เสียงคุ้นหูของคนคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหน้าปากซอย โต้งและหญิงหันไปมอง ชายหนุ่มคิ้วหนา ยืนอยู่กับเพื่อนร่วมวงออกัสและร่วมชั้นเรียนกับมิวอีกสามคน


“เอ๊กซ์ ต่อ แวน เอ็ม... ก็ไหน กลับบ้านกันไปหมดแล้วไง” หญิงเอ่ยถาม ขณะที่โต้งทำหน้ากึ่งแปลกใจระคนดีใจ ที่เห็นน้ำใจจากเพื่อนๆของมิว


“ก็ทีแรก พวกเราก็กลับบ้านกันหมดแล้ว แต่ว่า......” แวนพูดไม่จบก็มีเสียงพูดแทรก


“แต่พวกเรารู้สึกไม่สบายใจ และก็ยังห่วงไอ้มิวมันอยู่.... เราก็เลย” ต่อพูดบ้าง


“ก็เลยตามาดูให้รู้เรื่องกันไป เผื่อจะมีอะไรที่ได้ช่วยกันทำแล้วพวกเราจะได้สบายใจขึ้น” เอ็มพูดจบก็หันไปทางเอ๊กซ์ รอให้เอ๊กซ์พูดบ้างอีกคนนึง


“เมื่อกี้นี้รถตู้แล่นไปถึงหน้าถนน เจอพวกมันสามคนเดินเข้ามาพอดี บวกกับเรากำลังปวดขี้ ก็เลยขอพี่เขาลงรถ แล้วตั้งใจจะกลับมาตดที่บ้านไอ้มิวนี่แหละ” มือกีตาร์คิ้วหนาพูดติดตลกบ้างอะไรบ้าง


“ไอ้เชี่ยเอ๊กซ์...” สามสหายที่มาทีหลังด่าเพื่อนพร้อมกัน


“ขอบใจทุกคนมากนะ ขอบใจจริงๆ” โต้งกล่าวกับทุกคนพร้อมรอยยิ้ม


“ไอ้มิวมันก็เพื่อนรักของพวกเราเหมือนกันนะโต้ง เพื่อนรักกันน่ะ ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว” แวนพูด


“ใช่.... แค่ไม่คิดว่า.... พวกเราจะใจตรงกัน มาพร้อมกันโดยไม่ต้องโทรนัดเนี่ยแหละ” ต่อบอก


“ก็คบกันมาจนจะเป็นเพื่อนตายอยู่แล้วเนี่ย ไม่ต้องพูดก็รู้ใจอยู่แล้ว” เอ็มพูดจบ ก็หันไปทางเอ๊กซ์ ลุ้นให้เอ๊กซ์พูดอะไรซึ้งๆปิดท้ายกับคนอื่นเขาด้วยคน


“ไอ้เรื่องเพื่อนกันไม่ทิ้งกันเนี่ย ..... กรูเข้าใจ แต่ตอนนี้กรูปวดขี้ พวกมรึงช่วยหยุดพูดมาก แล้วให้ไอ้โต้งมันไขกุญแจเร็วๆได้ป่าววะ กรูจะขี้แตกอยู่แล้ววววววว”



คำพูดของเอ๊กซ์ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมา โต้งรีบไขกุญแจ แล้วพาทุกคนเข้าไปในบ้าน และโดยที่ไม่ต้องรอคนอื่น มือกีตาร์คิ้วหนาจ้ำพรวดไปหาห้องส้วมเป็นที่แรก


“เราจะเริ่มหาจากตรงไหนก่อนดีล่ะ” ต่อหันไปถามโต้งกับหญิง ที่คุ้นเคยกับบ้านนี้ดีกว่าพวกตน และยังรู้จักอาม่ามาก่อนที่ท่านจะเสีย


“ก็คงต้องเริ่มจากห้องนอนเก่าของอาม่านั่นแหละ หรือไม่ก็ห้องมิว และก็แถวห้องนั่งเล่นนี้ โดยเฉพาะที่เปียโน เพราะอาม่าผูกพันกับเปียโนหลังนี้มาก” หญิงบอก


“เปียโนเก่าของอากงน่ะ แต่มิวบอกว่า รื้อมาดูหมดแล้ว แต่ก็ไม่เจอ” โต้งบอกหญิง


“งั้นอาม่าก็อาจจะเอาแหวนไปไว้ที่ไหนซักที่ ที่มีความทรงจำของอาม่ากับอากง หรืออาม่ากับมิวอยู่แน่ๆ” แวนพูด พลางสำรวจดูเปียโนอีกครั้งอย่างชื่นชม เพราะตนก็เป็นนักเปียโนฝีมือดีเช่นกัน


“แต่คงไม่ต้องไปหาในห้องน้ำหรอก เพราะป่านนี้ ไอ้ห่าเอ๊กซ์มันคงสำรวจหมดแล้วมั้ง” เอ็มบอกเพื่อนๆ ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้น ก็เริ่มแยกย้ายกันไปหาในสิ่งที่ทุกคนต่างปรารถนา และหวังว่าจะได้พบ แหวนหยกสีเขียวเข้ม ของแทนใจจากอาม่า นั่นเอง



....


....




เหน็ดเหนื่อยอยู่หลายชั่วโมง จนร่างการเริ่มจะอ่อนล้ากันไปหมด แต่ก็ไม่พบสิ่งที่ช่วยกันตามหาเสียที เกือบจะรุ่งสางสว่างอยู่รอมร่อแล้ว ในที่สุด ทุกคนก็เริ่มถอดใจ และมารวมตัวกันในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง


“เอาไงดีวะ หาจนทั่วบ้านแล้ว แต่ยังหาไม่เจอเลย” มือกลองของวงบ่นเป็นคนแรก


“มีที่ไหน”หลุดรอดสายตาไปรึเปล่าวะโต้ง” แวนเอ่ยถาม


“ก็ไม่นะ ห้องอื่นๆก็รื้อกันจนทั่วแล้ว ปกติ มิวจะมีระเบียบและสะอาดมาก คงไม่มีของอะไรที่พ้นสายตามิวไปได้หรอก แล้วห้องนอนล่ะหญิง ว่าไง"


“ก็เหมือนเดิมอะโต้ง หญิงค้นทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไร แล้วของส่วนใหญ่ ก็เป็นของๆมิว ที่มิวเค้าเอามาไว้ในห้องตอนหลังจากที่อาม่าเสียแล้วทั้งนั่นด้วย”


“แล้วทำไมนายไม่ค้นเองวะโต้ง เคยเข้าไปนอนตั้งหลายหน” มือเบสเป็นฝ่ายถาม


“ก็....ไม่รู้ดิ คงเป็นเพราะ ทุกครั้งที่เราเข้าไป จะมีมิวอยู่ด้วยเสมอ แต่ครั้งนี้........”


“ครั้งนี้ไอ้มิวมันไม่อยู่ นายก็เลยรู้สึกไม่ดี รู้สึกเหมือนกับว่า มันจะเป็นลางร้าย ที่นายจะไม่ได้กลับมานอนเคียงข้างกันอีกใช่มั้ยวะ” เอ๊กซ์ช่วยตอบแทนโต้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้า


“แต่หญิงว่าครั้งนี้ ที่หญิงเข้าไปในห้องมิว มันเหมือนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนๆไปนะ”


“อะไรหรอหญิง หญิงรู้สึกว่ามิวกลับมาที่นี่แล้วทำอะไรบางอย่างในห้องหรอ” โต้งกระตือรือร้นถาม


“ไม่ใช่โต้ง แค่แบบ เหมือนมีอะไรบางอย่างเพิ่มเข้ามาในห้องน่ะ แต่หญิงนึกไม่ออก”


“เพิ่มเข้ามา......อะไรวะ งั้นไปดูกันดีกว่า จะได้ชวยกันนึกให้ออก” เอ๊กซ์ชวนเพื่อนๆขึ้นไปดู



เปิดห้องนอนของมิวด้วยใจที่สั่นระริก เอ๊กซ์และหญิงเข้าไปเป็นสองคนแรก ตามด้วยสมาชิกออกัสคนอื่นๆ ชายหนุ่มผมเกรียนร่างสูง คนเดียวที่เคยเข้ามานอนค้างคืนในนี้ เข้ามาเป็นคนสุดท้าย


หนุ่มคิ้วหนาพยายามเปิดสวิตซ์ไฟ แต่ก็ไม่ติด ห้องนอนของมิวเหมือนจะพยายามกีดกันไม่ให้คนนห้องเห็นสิ่งที่หญิงสาวยังนึกไม่ออก


“ตอนที่หญิงเข้ามา ไฟมันก็กระพริบจวนจะดับอยู่แล้วล่ะ ทีแรกหญิงกลัวแทบแย่ กลัวทั้งความมืด กลัวจะเป็นรางไม่ดี....” หยิงหยุดคำพูดแค่นั้น แล้วพยายามหันไปมองโต้งในความมืด ที่เห็นเพียงเงาสลัวๆจากแสงไฟภายนอกที่ลอดเข้ามาได้บ้าง


“งั้นกรูไปเปิดม่านก่อน” เอ๊กซ์เดินเลียบขอบเตียงของมิว ฝ่าความมืดไปจนถึงสายชักผ้าม่าน ค่อยๆดึงออกช้าๆ หวังจะเห็นแสงไฟจากถนนนอกบ้านที่ช่วยส่องเข้ามาบ้าง แต่ลืมไปว่า ตอนนี้ก็จวนจะสว่างอยู่แล้ว แสงพระอาทิตย์กำลังขึ้น และไรอ่อนๆของแสงแดดยามอรุณก็ส่องเข้ามาในห้องให้พอได้มองเห็นความเป็นไปทั่วได้บ้าง


สายตาห้าคู่จ้องมองกันและกัน และมองไปที่แสงอรุณที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของเพื่อนรัก หากแต่สายตาของชายหนุ่มผมสั้นร่างสูง กลับจับจ้องอยู่ที่ภาพวาดที่ประดับอยู่บนผนังห้องฝั่งตรงข้ามกับเตียง หญิงสาวชี้ให้หนุ่มๆสมาชิกวงออกัสได้ดูในสิ่งที่โต้งกำลังจ้องดูตาไม่กระพริบ



เสียงๆหนึ่ง ดังขึ้นในโสตประสาทและช่วยให้สติความจำแก่โต้ง.........................


“อือ... ตอนไประยองกับอาม่าก่อนที่แกจะล้มป่วยน่ะ ตอนนั้นเรากับอาม่าไปบ้านป๊าที่ระยอง แล้วเพราะอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆอาม่าก็พาเราออกจากบ้านป๊า แล้วก็หนีไปที่เกาะเสม็ด เราติดพายุอยู่ที่โน่นกับอาม่าหลายวัน จะว่าไป ก็เป็นเดือนนี้เมื่อห้าปีก่อนพอดี ตอนที่เราจบม.หนึ่งใหม่ๆน่ะ จำได้ว่าอาม่าเช่าบ้านหลังเล็กๆอยู่ด้วยกัน เรานอนฟังอาม่าเล่านิทานให้ฟัง อาม่าชอบเล่าเรื่องอากงอยู่บ่อยๆด้วย บ่อยเป็นพิเศษเลยล่ะ เราก็เลยวาดรูปนี้ให้อาม่า เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความรักของอาม่ากับอากง”


“ทะเลกับท้องฟ้าไงโต้ง สองสิ่งที่ไม่อาจอยู่คู่กัน”


“อากงน่ะ จากอาม่าไปหลายปีแล้ว ก็หมายความว่า อากงกับอาม่า ไม่สามารถอยู่เคียงคู่กันได้ ก็เหมือนกับทะเลกับท้องฟ้า ที่ไม่อาจอยู่เคียงคู่กัน นอกเสียจาก....”


“ทั้งคู่จะมาบรรจบกันบนเส้นขอบฟ้า ถึงแม้ว่าทะเลกับท้องฟ้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ที่จริงแล้ว เรายังคงเห็นมันอยู่คู่กันได้ เห็นทุกวัน โดยไม่พรากจากกัน”


“ท้องฟ้าและท้องทะเลยามที่พระอาทิตย์ขึ้นนี่ สวยดีนะโต้ง”


“รุ่งอรุณแห่งความหวัง ที่ส่องแสงสว่างให้ทะเลกับผืนฟ้าบรรจบกัน และอยู่เคียงคู่กันอย่างสวยงาม”


“ตราบใดมีรัก ก็ย่อมมีความหวัง”




“หญิง เอ๊กซ์ ทุกคน เรารู้แล้วแหละ ว่ามิวอยู่ที่ไหน” โต้งพูดด้วยรอยยิ้มมีความหวัง



.....



.....





ดวงตะวันยามเช้าส่อง........

ชายหนุ่มนั่งอยู่บนชายหาดเพียงลำพัง ภาพพระอาทิตย์ขึ้นปรากฏแก่สายตาสีน้ำเงินที่ถูกสวมทับด้วยแว่นกันแดดเลนส์เปลี่ยนสีแบบสีเขียวชากรอบแว่นสีดำสะดุดตายิ่งนัก หนวดปลอมเส้นบางๆที่ติดไว้หลอกๆ กับวิกผมที่รับกับโครงหน้าดูแล้วประหลาดตา ร่างโปร่งกำลังพิจารณาท้องทะเลสีเขียวที่กำลังบรรจบกับท้องฟ้าโดยมีสีทองของแสงตะวันเป็นตัวเชื่อม




ชีวิตผู้คนกำลังเคลื่อนไหว.....

รอบๆชายหาดที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ เจ้าของบังกะโลเล็กๆหลายเจ้า กำลังง่วนอยู่กับการจัดเก็บห้องพัก เช้าวันจันทร์อาจจะมีนักท่องเที่ยวไม่หนาตามากนัก แต่ก็ใช่จะบางตาเสียทีเดียว บ้างก็ยังหลับอุตุอยู่ แต่ก็มีไม่น้อย ที่ออกมาชมพระอาทิตย์ขึ้น หลายคนแอบหันมามองที่ชายหนุ่มเป็นระยะพร้อมกับใบหน้าที่ชวนสงสัยอะไรบางอย่าง



ช่างดูสับสนเวียนวนวุ่นวาย.....

ในใจของชายหนุ่มนั้นแสนสับสนตนเองและตัดสินใจไม่ถูก นั่งชมดวงตะวันอย่างเหงาๆสักพัก ก็กลับเข้าบ้านพักที่จองไว้เป็นส่วนตัว คว้าหนังสือข่าวบันเทิงขึ้นมาอ่านเนื้อความด้านในอีกครั้ง อ่านอีกหนหลังจากที่ได้อ่านไปแล้วเมื่อวานนี้



“โต้งจะเป็นยังไงบ้างนะ” ชายหนุ่มรำพึงเบาๆ ก่อนจะล้วงสร้อยคอรูปกางเขนมากำไว้แน่น แล้วล้มตัวไปบนที่นอน กอดหมอนถอนหายใจเพียงลำพัง



....


...




“ช้านว่าใช่นะเว้ย...... ผู้ชายคนที่เช่าบ้านหลังนั้นน่ะ น้องมิว วงออกัสแหงๆ” เสียงพนักงานคุยกัน


“แต่ชั้นว่าไม่ใช่.... ก็น้องมิวน่ะ น่ารักและหล่อจะตาย แต่อีตาคนนั้นน่ะ ทั้งผมยาวมีหนวด แล้วจะไปใช่น้องมิวได้ยังไงกัน”


“ก็อาจจะปลอมตัวหนีนักข่าวก็ได้ ก็ตั้งแต่มีข่าวออกทีวีเมื่อวานนี้ นักข่าวไปตามหาทั้งที่บ้าน ที่บริษัท แต่ก็ไม่มีใครเห็นเลย ก็ในข่าวบอกว่าเป็นคนระยอง บางทีเค้าอาจหนีนักข่าวมาเก็บตัวที่นี่ก็ได้”


“ก็ถ้าน้องมิวเป็นเกย์เหมือนในข่าวจริง ทำไมไม่พาน้องโต้งมาด้วยล่ะยะ ผู้ชายอะไรไม่รู้ หล่อชะมัด ถึงเป็นเกย์ เจ๊ก็จะกิน"


“เออ....นั่นดิ ถ้าเป็นคนๆเดียวกัน แล้วทำไมมาคนเดียว หรืออาย เลยทะเลาะกันวะ”


“อีบ้า แกไม่ได้อ่านข่าวนี่หรอ.... ก็รักกันขนาดยอมให้หมอเค้าควักตับไปให้พ่อของคนรักได้เนี่ย แล้วจะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ได้ไง แกเคยฟังเพลงน้องเค้ารึเปล่า ทั้งเพราะทั้งหวานเลยนะเว้ย อีเจ๊หกมันบอกว่า เพลงกันและกันน่ะ น้องมิวแต่งให้น้องโต้ง โหหหห...โคดโรแมนติกเลยว่ะ อิจฉาน้องโต้งชิบหาย มีแฟนที่รักมากขนาดนี้”


“อาจจะข่าวมั่วโปรโมตเพลงก็ได้นะแก เดี๋ยวนี้น่ะ ใครอยากดัง ก็ต้องยอมเป็นข่าวทั้งนั้นแหละ"


“ข่าวเกย์เนี่ยนะ.... อีบ้า ใครมันจะตัดอนาคตตัวเองแบบนั้นวะ แล้วไหนจะพ่อแม่อีก”


“ถ้าเกิดน้องเค้าเป็นเกย์จริงๆ แกจะทำไงวะ แกชอบวงนี้ไม่ใช่หรอ”


“แล้วไงวะ ก็เพลงเค้าเพราะนี่หว่า ไม่เห็นจะแคร์เลย อีกอย่าง น้องโต้งอะไรนั่นก็หล่อดี คิดแล้วก็ แอร้ยยยยยยย... น่ารักออกแก ไม่เห็นจะแปลก เดี๋ยวนี้ มีพระเอกแอ๊บแมนเยอะไป ถ้าน้องสองคนเค้ารักกันจริง ชั้นก็ไม่ว่า อย่างถ้าเป็นแฟนแกน่ะ แกว่ามันจะกล้าบริจาคตับให้พ่อแกเปล่าวะ”


“เออว่ะ.... ถ้าน้องมิวเค้ารักน้องโต้งขนาดนั้นจริง เป็นชั้นนะ ชั้นก็โกรธไม่ลงแน่เลย ก็ผัวชั้น ยังรักชั้นได้ไม่เท่าที่น้องมิวรักน้องโต้งเลยอะดิ เฮ้อ... คิดแล้วก็อิจฉาน้องโต้ง มีคนรักที่รักมากรักจริงขนาดนี้ ถึงจะเพศเดียวกันก็เหอะ เออ.... เมื่อเช้าแกดูข่าวปะ ที่เค้ามีให้ส่ง SMS โหวตข่าวนี้กันน่ะ ที่คนส่วนใหญ่เค้าตอบว่ารับได้น่ะแก ดีจังเลยแนอะ ว่ามั้ย”


“แต่พวกน้องๆเค้าก็ยังไม่ออกมาให้สัมภาษณ์กันเลยไม่ใช่เหรอวะ หรือว่า.....”


“หรือว่าอะไรของหล่อนยะ”


“ก็ที่นักข่าวบอกว่า ตามหาน้องมิวไม่พบไง ชั่นว่านะ น้องคนที่เราเห็นน่ะ น้องมิวแน่ๆ ฟันธง"


“ถ้าใช่ก็ดีสิ.... จะได้ถ่ายรูป ขอลายเซ็นต์ซะเลย”


เสียงพนักงานยังคงเม้าท์กันต่อไป โดยไม่รู้ว่า ชายหนุ่มผมยาวมีหนวด ที่ใช้ชื่อเข้าพักว่า “บาส” ที่เดินออกมาหาอะไรทาน ได้ยินโดยบังเอิญ หนุ่มคนนั้นไปที่ตู้ขายของ หยิบมาม่าคัพมาหนึ่งถ้วย และน้ำเปล่าสองขวด ชงมาม่าเสร็จแล้วก็จ่ายเงิน แล้วเดินกลับไป ท่ามกลางแววตาตื่นๆและประหม่าของขาเม้าท์ทั้งสองนาง ทันใดนั้น เสียงวิทยุก็ดังขึ้น เพลงคุ้นหูดังมาให้ได้ยิน


“ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ.... เธอจะเชื่อไหม.........................”


ชายหนุ่มหยุดชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไปเงียบๆ โดยไม่สนใจคนอื่นๆที่กำลังแอบมองอย่างสงสัย


.....


.....





Create Date : 10 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2554 21:20:54 น.
Counter : 528 Pageviews.

3 comments
  
เย้ๆๆๆ มาต่อตอนใหม่แล้ว
ดีใจจนน้ำตาจะไหล ตอนเห็นเลขสามสิบสาม

มิวหนีไปอยู่ที่ที่มีความทรงจำเก่าๆกับอาม่าสินะ
โต้งเหมือนจะรู้แล้ว ก็ขอให้ตามไปทันละกันนะ
แต่คนรอบๆเริ่มสงสัยมิวแล้ว มิวจะหนีไปอีกรึเปล่านะ?
อืมมมมมมมมมม T^T
ลุ้นมากๆค่ะ

รออ่านต่อนะคะ
โดย: ploy@tatchi IP: 115.87.81.226 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา:3:06:30 น.
  
ตีสาม......


อ่านเสียดึกเชียว ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
โดย: นิรมิตร (Niramitr ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:48:31 น.
  
ช่วงนี้นอนดึกค่ะ ก่อนจะนอนเลยลองเปิดมาดู ก็มีตอนใหม่มาจริงๆซะด้วย โชคดีจริงๆ ^^ รออ่านอยู่เสมอนะคะ
โดย: ploy@tatchi IP: 110.169.198.63 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:26:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments