All Blog
ตอนที่ 34 +++ แต่เราก็หากันจนเจอ +++


.....



.....



“เสม็ด.....” เสียงทุกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน



“โต้งแน่ใจนะ ว่ามิว อยู่ที่เกาะเสม็ดจริงๆน่ะ” หญิงถาม



“นั่นสิวะ แค่เห็นรูปที่ไอ้มิววาดแค่เนี้ยะ.... มั่นใจเลยหรอ” เอ๊กซ์ถามบ้าง



“อือ.... เรามั่นใจ มิวบอกว่า วาดรูปนี้ ตอนที่อาม่าพาไปเสม็ดหลังจากที่ทะเลาะกับป๊า... แล้วยังเปรียบเทียบความรักของอาม่ากับอากง และความรักของมิวกับเรา เหมือนทะเลกับท้องฟ้าอีกด้วย ถ้ามิวไม่ได้กลับมาบ้านของอาม่าที่กรุงเทพฯ ก็คงมีที่เดียวที่มิวจะนึกถึง ก็บ้านเช่าที่ระยองหลังนั้นนั่นแหละ”



“แล้วนายรู้เหรอโต้ง ว่ามิวอยู่อ่าวไหน บ้านเช่าหลังไหน ถึงเสม็ดจะไม่ใช่เกาะใหญ่ แต่ก็ไม่เล็กนะเว้ย” แวนถามเพราะไม่รู้ว่าจะเจอมิวได้ยังไง



“ก็..... ไม่รู้ดิ ไม่รู้เหมือนกัน”



“อีจอย.....” จู่ๆหญิงก็อุทานชื่อเพื่อน



“อะไรหรอหญิง” มือกีตาร์คิ้วหนาเอ่ยถามคนรัก



“ก็อีจอย กับชีต้า เพื่อนเราที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนโต้งไง พวกเอิร์ทกับเจ๋งน่ะ พวกนั้นบอกว่าจะไป......”



“เกาะเสม็ด.... ใช่แล้วหญิง พวกไอ้เอิร์ทอยู่เกาะเสม็ด เราโทรไปหามัน ให้มันช่วยตามหามิวดูก่อนก็ได้ ไอ้เอิร์ทมันมีรูปมิวอยู่ในเครื่อง น่าจะช่วยหาได้บ้าง”



“โอเค งั้นก็ดีแล้ว แต่ว่า..... พวกเรายังหาแหวนไม่เจอเลยนี่” มือเบสบอกเพื่อนๆ



“บางที.... แหวนอาจจะอยู่ที่......” โต้งมองไปที่กรอบภาพวาด แล้วชวนเพื่อนๆวงออกัสช่วยกันยกภาพลงมาเปิดดูด้านหลัง



“ไม่เห็นมีเลยว่ะ....” มือกลองบ่นเซ็งๆ แล้วเดินไปสำรวจคีย์บอร์ดของมิว พลันสังเกตเห็นรูปถ่ายคู่ของมิวกับโต้ง ในงานคริสต์มาสโรงเรียนเซ้นนิโคลาสเมื่อหกปีก่อน



“นี่รูปมิวกับโต้งตอนเด็กหรอ.... น่ารักดีนี่หว่า ใครถ่ายให้ล่ะ”



“อาม่าน่ะ.....” พูดจบ โต้งก็วิ่งไปแกะกรอบรูปอีกครั้ง



“แน่ใจเหรอโต้ง.......” ต่อถาม



“รูปนี้อาม่าถ่ายเรากับมิว เป็นรูปสุดท้ายที่อาม่าถ่ายคู่เราสองคน และเป็นความทรงจำร่วมกันของมิวกับอาม่า ..... และก็เรา เหมือนกับที่รูปใบสุดท้ายที่พี่จูนถ่ายรูปหมู่เรากับพ่อแม่นั่นแหละ เป็นรูปในความทรงจำเช่นกัน ถ้าจะมีอะไรที่เหมือนกันของเรากับมิว เรื่องรูปถ่ายใบสุดท้ายของคนรักที่จากไปล่ะก็ ก็คงต้องเป็นรูปนี้นี่แหละ” โต้งแกะกรอบรูปออกดู แต่แล้วก็.........



“อาจจะรูปใบนั้นก็ได้นะโต้ง" หญิงชี้ให้โต้งดูรูปที่แขวนบนหน้าต่าง เป็นรูปถ่ายของมิวกับอาม่าในงานเดียวกัน ชายหนุ่มผมเกรียนที่กำลังหน้าเสีย ก็เกิดยิ้มออกมาได้



“จริงด้วย รูปคู่ของมิวกับอาม่า ทำไมเราลืมนึกไปนะ ถ้าอาม่าอยากให้มิวเจอแหวน ก็ต้องเก็บไว้ที่ที่เป็นความทรงจำร่วมกันของมิวกับอาม่าสิ แวะรูปใบนั้น ก็เป็นรูปสุดท้ายที่มิวถ่ายคู่กับอาม่าด้วยมั้ง” โต้งตอบ



“นายถ่ายรูปนั้นเหรอวะโต้ง” มือคีย์บอร์ดถามชายหนุ่มที่กำลังแกะกรอบรูปอยู่



“อือ..... เราถ่ายเอง อาม่าชอบรูปนี้มาก เพราะฉะนั้น แหวนก็น่าจะอยู่ใน.........................”



“ไม่มี..... ไม่มีแหวน นี่มันอะไรกันวะเนี่ย อาม่าเอาแหวนไปไว้ไหนวะ อาม่าครับ นี่มันเช้าแล้วนะครับ เดี๋ยวป๊าก็จะมาขนของของไอ้มิวไปแล้ว อาม่าไม่อยากให้หลานรักของอาม่าได้อยู่กับคนที่มันรัก ได้เล่นดนตรีที่มันรัก และทำตามความฝันของตัวเองหรือครับอาม่า” นายคิ้วหนาโวยวายเสียงดังด้วยความท้อแท้ใจ ขณะที่โต้งมือไม้เย็นไปหมด ความผิดหวังกำลังถาโถม



.....



.....





เสียงรถยนต์เข้ามาจอดที่หน้าบ้านทำเอาทุกคนตกใจ เพราะเป็นเสียงของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแบบเจ็ดที่นั่ง แบบที่ทุกคนเคยเห็นที่ระยอง และเสียงรถปิ๊กอัพขนของ ที่เข้ามาจอดไม่ห่างกันนัก โต้ง หญิง และสมาชิกออกัส ต่างวิ่งลงมาข้างล่าง เพื่อรับหน้าบิดาของเจ้าของบ้าน



“นี่พวกลื้อ เข้ามาในนี้ได้ยังไง ไป ออกไปให้หมด อั๊วะจะขนของของอามิวไประยอง” เถ้าแก่หลิวตวาด



“แต่เถ้าแก่บอกว่า จะให้มิวเลือกยังไงล่ะครับ ว่าจะ.......” โต้งพยายามจะเถียง



“ทีแรก อั๊วะก็จะให้อามิวอีเลือก ว่าจะเลือกคบลื้อได้ แต่ต้องไปอยู่ระยอง หรือเลือกเลิกคบลื้อ แล้วเป็นนักร้องต่อไปได้ แต่นี่... ข่าวมันดังแล้วมาแรงแบบนั้น อั๊วะจะยอมให้ลูกชายอั๊วะบากหน้าให้คนเค้าด่าทำไม อาโต้ง อั๊วะทำใจให้มิวอีรักลื้อได้ แต่จะไม่ยอมให้อี ต้องทนเป็นขี้ปากของคนที่นี่ อั๊วะจะพาอีกลับระยอง แล้วนี่อีไปไหนแล้ว”



“เถ้าแก่ก็รู้ ว่ามิวเค้าหายไปแล้วไงครับ มิวเค้าไม่ได้กลับมาที่นี่ เถ้าแก่ได้ยินมั้ยครับ มิวเค้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ว่าผม หรือเถ้าแก่ หรือใครๆ ก็ไม่ได้มิวไปทั้งนั้นแหละครับ มิวเค้าหนีพวกเราไปแล้ว เพราะเถ้าแก่นั่นแหละ เถ้าแก่ทำร้ายมิว ทำให้มิวเสียใจจนต้องหนีไปที่อื่น”



คำพูดของโต้งทำเอาเถ้าแก่หลิวสะอึกไม่น้อย เพราะที่จริง ผู้เป็นพ่อก็คิดมาตลอดทางว่าตนเองทำเกินกว่าเหตุ ตนเองทำร้ายลูก ลูกชายจึงต้องหนีไป แต่ก็แอบมีความหวังเล็กๆว่า คงจะหนีมากรุงเทพฯแน่ๆ เถ้าแก่หลิวยืนนิ่งสักพัก ก็เดินไปทางรูปถ่ายของอาม่ากับอากง



“อาม่า.... อั๊วะทำผิดไปจริงๆใช่มั้ย อั๊วะทำร้ายลูก อั๊วะ.......”



“เถ้าแก่สัญญากับอาม่าไม่ใช่เหรอคะ ว่าจะทำตามที่มิวขอ แล้วนี่....” หญิงพยายามกล่อมพ่อของมิว



“แต่อั๊วะเป็นพ่ออี อีก็ต้องฟังอั๊วะ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเปียโนของอากงตัวนี้ อามิวก็คงไม่ไปหลงเสน่ห์ดนตรี ตอนที่อาม่าอีซี้ไป อีก็ต้องยอมกลับไปอยู่ระยองกับอั๊วะ แต่เพราะอีรักเปียโน รักดนตรี อีถึงต้องมาเจอพวกลื้อ ถึงอยากเป็นนักร้อง ถึง...... ถึง...... ถึงมาชอบไม้ป่าเดียวกันอย่างลื้อไงอาโต้ง”



“ผมรู้ครับเถ้าแก่ ว่าเรื่องของผมกับมิว มันไม่ใช่แบบที่เถ้าแก่ต้องการ แต่เราไม่ผิด มิวไม่ผิด ..... เราจริงใจต่อกันนะครับ ถ้าอาม่ายังอยู่ อาม่าก็ต้องยอมรับและเข้าใจเรา เหมือนที่อาม่าเข้าใจมิวมาตลอด เถ้าแก่จะมาโทษเรื่องที่อาม่าสอนมิวเล่นเปียโน หรือเรื่องดนตรี หรือโทษเปียโนของอากงตัวนี้ไม่ได้ นี่เป็นเปียโนที่มีความทรงจำของอาม่ากับอากงและมิวเหลืออยู่นะครับ”



“นี่ลื้อกำลังว่าอั๊วะไม่มีเหตุผลงั้นเหรออาโต้ง” เถ้าแก่หลิวที่กำลังโมโห เพราะถูกโต้งแทงใจดำ เดินดุ่มไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเปียโนของอากง



“คือผม........”



“ลื้อไม่ใช่พ่อคน ลื้อไม่มีวันเข้าใจ” เถ้าแก่หลิวกระชากคอเสื้อของโต้ง แล้วผลักไปชนเปียโน จนกรอบรูปหลายใบหล่นลงมาที่พื้น เอ๊กซ์กับหญิงเข้าไปช่วยประคองโต้ง ส่วนออกัสคนอื่นๆก็ช่วยกันเก็บรูปที่ตกอยู่บนพื้น เอ็มสังเกตเห็นรูปใบหนึ่งที่คุ้นตายิ่งนัก จึงสะกิดให้โต้งดู



“แต่เถ้าแก่เคยรับปากกับอาม่าว่า........” หญิงบอกเถ้าแก่หลิวแต่ยังไม่ทันพูดจบก็



“อั๊วะรู้ และอั๊วะก็เป็นคนรักษาคำพูด แต่อามิวอีมีแหวนแค่วงเดียว ที่อั๊วะมานี่ ก็จะมาบอกว่า อั๊วะยอมให้อีสองคนรักกันก็จริง แต่อามิวอีต้องสืบทอดกิจการของอั๊วะ”




“ทั้งๆที่มิวไม่ชอบน่ะเหรอครับ” สมาชิกออกัสพูดพร้อมกัน



“มิวรักดนตรี” แวนพูด



“ไอ้มิวมันอยากเป็นนักร้อง” เอ๊กซ์พูดต่อ



“พวกเราสร้างความฝันมาร่วมกัน” ต่อพูดบ้าง



“และกำลังจะประสบความสำเร็จ” เอ็มพูดเป็นคนสุดท้าย



“มันจะสำเร็จได้ยังไง ในเมื่อมีข่าว นักร้องนำเป็นเกย์แบบนี้” เถ้าแก่พูดบ้าง



“งั้นทำไมเถ้าแก่ไม่ให้มิวพิสูจน์ล่ะคะ ถึงแฟนเพลงจะรู้ว่ามิวเป็นเกย์ แต่ก็ใช่ว่า เค้าจะเลิกฟังมิวร้องเพลงนี่คะ จริงอยู่ พวกเค้าอาจจะรับไม่ได้บ้าง แต่ไม่นาน ทุกอย่างก็ต้องดีขึ้น ทำไมเถ้าแก่ไม่รอให้ถึงวันนั้นล่ะคะ ถ้ามิวทำตามความฝันไม่สำเร็จเพราะทุกคนไม่ยอมรับที่มิวเป็นเกย์จริง เมื่อนั้น เถ้าแก่ ค่อยมารับตัวมิวไปก็ได้” หญิงทิ้งความเห็นให้เถ้าแก่หลิวคิดตาม ในขณะที่โต้งกำลังง่วนอยู่กับกรอบรูปใบหนึ่งที่เอ็มเก็บส่งให้



“แต่อีไม่มีแหวนหยกอีกวง อีต้องรักษาคำพูด ถ้าพวกลื้อหาแหวนหยกมาให้อั๊วะได้ อั๊วะก็อาจจะเปลี่ยนใจ .... ไม่สิ อามิวอีไม่อยู่ที่นี่ ถ้าพวกลื้อหาแหวนเจอ แล้วพาอามิวมาขอกับอั๊วะได้ อั๊วะก็จะยอมตามที่ขอ แต่อั๊วะให้เวลาถึงแค่ อาทิตย์ตกดินวันนี้”



“เฮีย....แบบนี้จะไม่.....” คุณจู แม่ของมิวพยายามช่วยกล่อมด้วยคน



“งั้นอั๊วะเปลี่ยนใจ เอาเป็น .... ยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ได้ อั๊วะจะคอยที่บ้านนี้แหละ ที่ที่อั๊วะให้คำมั่นกับอาม่า ว่าถ้าอามิวถือแหวนมาขออะไรอั๊วะ อั๊วะจะยอมตามที่อีขอ”



“แหวนวงนี้ใช่มั้ยครับ....” โต้งโชว์แหวนให้เถ้าแก่หลิวดู



“ทำไม....ทำไมลื้อถึง.....”



“ต้องขอบคุณเถ้าแก่นะครับ ที่ช่วยให้ผมเจอแหวนวงนี้ได้ในที่สุด หลังจากที่เหนื่อยกันมาทั้งคืน เมื่อครู่นี้ เถ้าแก่ผลักผมไปชนเปียโน ทำให้รูปใบนี้หล่นลงไปที่พื้น” โต้งโชว์รูปถ่ายคู่มิวกับอาม่าในงานคริสต์มาสของโรงเรียนที่โต้งเป็นคนถ่ายเองให้ทุกคนดู



“นี่มันรูปในห้องมิว ที่นายถ่ายไม่ใช่เหรอโต้ง” แวนถาม



“ใช่แวน... แต่เป็นคนละใบกัน รูปนี้อัดไว้สองใบ ใบหนึ่ง อาม่าวางไว้บนเปียโน อีกใบ อาม่าเก็บไว้ในห้องนอน พวกนายดูที่กรอบรูปนี่สิ เราจำได้ว่า กรอบรูปที่อยู่ในห้องมิวน่ะ เป็นอันเดียวกับที่เคยวางไว้ที่นี่ แต่กรอบลายนี้ เป็นอันที่อาม่าเก็บไว้ในห้องนอนของอาม่าเอง เราว่า..... มิวคงจะเปลี่ยนเอาอันที่อยู่ที่นี่ ไปไว้ในห้องนอนของตัวเอง แล้วเอารูปในห้องอาม่า มาไว้ที่เปียโนแทน”



“นี่นายกำลังจะบอกว่า.... แหวนหยกอีกวง อยู่ใน.....” ต่อพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว



“กรอบรูปในห้องมิว เป็นอันที่อาม่าซื้อให้มิว มิวจึงอยากเก็บไว้ในห้องตัวเอง แต่กรอบรูปอันนี้ เป็นอันที่มิวซื้อให้อาม่า ตอนคริสต์มาสปีนั้นแหละ มิวเคยพยายามจะเอามาอวดเรา แต่มิวรู้ ว่าเราไม่สบายใจเรื่องพี่แตงหายไป จึงได้แต่พูดผ่านๆตอนที่คุยกับอาม่า เราเพิ่งนึกออกเมื่อกี้นี้เอง”



“งั้น... ที่เราเจอแหวนนี้ ก็เป็นความดีความชอบของเถ้าแก่ป๊ามิวอะดิ” เอ๊กซ์พูดพลางพยักหน้าให้เพื่อนๆออกัส เหมือนเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง



“ขอบคุณคร้าบบบบบบ” สมาชิกทั้งสี่ของวงออกัส หันไปทางเถ้าแก่หลิวแล้วพูดพร้อมกัน



“ได้... พวกลื้อมีแหวน แต่ลื้อต้องให้อามิวมาเอ่ยปากต่อหน้าอั๊วะภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง อั๊วะถึงจะยอมรับปาก” เถ้าแก่หลิวยังยืนยันคำเดิม



“ได้ครับเถ้าแก่ พวกเราจะพามิวมาหาเถ้าแก่ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงครับ”



“โต้งรู้หรือลูก ว่ามิวอยู่ไหน” ม๊าของมิวเอ่ยถาม แฝงความดีใจ



“คิดว่ารู้ครับ แต่.....”



“แล้วเราจะไปกันยังไงวะ ตั้งหกคน” ต่อหันมาถามเพื่อนๆ ซึ่งก็มองหน้ากันกลับไปกลับมา



“เอารถอั๊วะไป” เถ้าแก่พูดจบก็โยนกุญแจรถให้โต้ง แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น



“แล้วใครจะขับวะ มีแค่กรู ไอ้แวน แล้วก็หญิงที่มีใบขับขี่แล้ว นอกนั้นก็......” เอ๊กซ์พูด



“แถมไม่ได้นอนกันทั้งคืน จะขับกันไหวเหรอวะ” เอ็มถามบ้าง



“งั้นน้าขับให้เอง” เสียงผู้หญิงดังมาจากหน้าประตูบ้าน ทุกคนหันไปมอง



“แม่.....” โต้งอุทานเป็นคนแรก



“น้านีย์.....” หญิง และสมาชิกออกัสอุทานพร้อมกัน





ผู้มาใหม่คือสุนีย์ แม่ของโต้ง ที่มาพร้อมกับกร สามีของตน ชายสูงวัยเดินเข้าไปนั่งข้างๆเถ้าแก่หลิว แนะนำตัวแบบกันเอง และเริ่มการสนทนา



“เถ้าแก่หลิวครับ ผมชื่อกร เป็นพ่อของเจ้าโต้งมัน ผมว่า เรามาคุยอะไรกันแบบที่คนเป็นพ่อเค้าคุยกันดีกว่านะครับ” ไม่รอช้า กรรีบจูงเถ้าแก่หลิวออกไปคุยข้างนอกทันที ทั้งที่เถ้าแก่เองยังแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ยอมตามไปโดยไม่ขัดขืนอะไร ในใจลึกๆ เถ้าแก่ก็หวังให้โต้งเจอมิว เพราะที่จริงเถ้าแก่ก็เป็นห่วงมิวมาก มากกว่าจะมาห่วงเรื่องสืบทอดกิจการหรือเรื่องร้องเพลงหรือเรื่องเป็นเกย์ อะไรจะไปสำคัญกว่าชีวิตลูก แต่ตนเป็นผู้ชาย เป็นพ่อของลูกชายที่เป็นเกย์ ก็ไม่รู้จะระบายออกอย่างไรหรือกับใครได้ การเข้ามาของกร จึงเหมือนกับการเปิดประตูไปสู่ด้านสว่างให้กับเถ้าแก่หลิวนั่นเอง .... พ่อ ที่มีลูกชายเป็นเกย์เหมือนกัน และลูกชายทั้งสองก็รักกัน การได้คุยกัน จึงน่าจะดีที่สุด



“แล้วนี่แม่มาได้ไงเนี่ย”



“อย่าเพิ่งถามเลยโต้ง ถ้าอยากหามิวเจอเร็วๆ ก็ไปนั่งหน้ารถ คอยนำทางให้แม่ เดี๋ยวแม่ขับเอง” ไม่รอช้า สุนีย์คว้ากุญแจรถจากมือของชายหนุ่ม แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นรถเจ็ดที่นั่ง ไปนั่งที่คนขับ คนอื่นๆรีบตามไปขึ้นรถ จนเต็มครบเจ็ดที่นั่ง โดยที่โต้งนั่งหน้าคู่กับแม่ สักพัก เสียงรถก็เคลื่อนออกไป โต้งเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้แม่ฟัง จากนั้นก็เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เริ่มผลอยหลับไปด้วยความเพลีย




...



.....





“ไงวะโต้ง.... นึกแล้ว... ว่ามรึงต้องโทรหากรู”

“อือ.... พวกกรูยังอยู่เสม็ดนี่แหละ มีอะไรว่ามา”

“เห็นแล้ว เจ๊หกนั่นเล่นจัดหนักชิบหาย”

“ก็รู้แล้วเหมือนกัน แต่ไม่ได้มาด้วยว่ะ ไปช็อปปิ้งเมืองนอกกับแม่เค้า”

“ว่าไงนะ......มิวอยู่เสม็ด จริงเหรอวะ แล้วที่ไหนล่ะ”

“หาดด้านทิศตะวันออก บ้านเช่า เงียบๆหน่อยหรอ เออ เดี๋ยวพวกกรูจัด
ให้”

“เออสิ เรื่องของมรึงก็เป็นเรื่องของกรูน่า” เอิร์ธวางสายแล้วหันมาเรียกเพื่อนๆ




“ไอ้เจ๋ง ไอ้แหว เขาทราย ตามสาวๆด่วน งานเข้าเว้ย”




.....



.....





ด้วยความที่ไม่มีอะไรจะทำ ชายหนุ่มไม่มีทั้งโทรศัพท์มือถือ เพราะถูกฝน พังไปแล้ว ไม่มีทั้งไอพอดตัวโปรด เพราะทิ้งไว้ที่บ้าน เคราะห์ดี ที่มีกระเป๋าเงินติดตัวมาด้วย หลังจากที่นั่งกินมาม่าไปอย่างเงียบเหงา หนุ่มที่อ้างว่าชื่อบาส ก็เดินออกมาที่ชายหาดอีกครั้ง โดยครั้งนี้ เขาเลือกที่จะเช่าจักรยาน เพื่อปั่นเลาะไปตามชายหาดเรื่อยๆ




ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม.......



“ใครเปิดเพลงนี้วะ” ชายหนุ่มได้ยินเสียงเพลงที่คุ้นเคยดังมาไม่ไกลนัก จึงปั่นเข้าไปฟังใกล้ๆ จอดรถไว้ริมถนนแล้วเดินเข้าไปฟัง เสียงดังมาจากเครื่องเล่นวิทยุ แต่ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าเป็นวิทยุหรือเป็นซีดีกันแน่ ได้แต่เข้าไปยืนใกล้ๆ แล้วฮัมเพลงเบาๆ แต่ก็ดังพอให้คนข้างๆได้ยิน มีคนที่กำลังฟังเพลงนี้อยู่ หันมามองที่ใบหน้าของชายหนุ่มสลับไปมากับหนังสือที่พวกตนถืออยู่ในมือ พลางซุบซิบกันไปมา หนุ่มมีหนวดหันมาเหล่มองผ่านแว่นกันแดด ก่อนจะยิ้ม แล้วไปปั่นจักรยานต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ชายหนุ่มเลือกจะปั่นเลาะชายหาดไปตามทิศใต้ที่สงบเงียบมากกว่า




ด้วยการเลือกที่จะขี่มอเตอร์ไซต์ตามหานักร้องหนุ่ม กลุ่มของเอิร์ทจึงเช่ารถมาสามคันเผื่อขี่ร่อนทั่วเกาะตามหามิว โดยเป้าหมายแรกคือชายหาดด้านทิศตะวันออกตามที่โต้งบอก เพราะเป็นฝั่งที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงาม แต่หาจนทั่ว ก็ยังไม่มีใครเห็นมิว ด้วยความร้อน จึงจอดรถแวะซื้อน้ำ และไปสะดุดหูกับเพลงนี้เข้า




ดั่งในใจความบอกในกวี... ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง




“นี่มัน...เพลงของมิวนี่หว่า...” เจ๋งแอบดีใจที่ได้ยินเพลงนี้ และเดินไปหาต้นเสียง พลันได้ยินเสียงคนคุยกัน




“จะใช่เหรอวะ หน้าไม่เห็นเหมือน”



“แต่แววตาน่ะ ใช่เลยนะ ถึงจะมีแว่นบังก็เถอะ”



“ที่สำคัญ แกได้ยินเสียงมั้ยล่ะ ยังกะก๊อปปี้กันมายังไงยังงั้น”



“ขอโทษนะครับ กำลังพูดถึงใครอยู่เหรอครับ” เจ๋งเข้าไปถาม



“อ๋อ.... ก็น้องมิว วงออกัสน่ะค่ะน้อง เพื่อนพี่มันบอกว่า เห็นน้องมิวเข้ามาในร้านเมื่อกี้นี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช่ตัวจริงรึเปล่านะ หน้าคล้ายๆ แต่ไหงมีหนวด ผมยาว แต่เสียงน่ะ ไม่ผิดแน่ๆ รู้จักใช่มั้ย ที่สองวันนี้เป็นข่าวดังเรื่องเป็นเกย์น่ะ ข่าวเค้ายังว่าหนี่ไปหลบซ่อนตัวหรือไงนี่แหละ”



“แล้วไปไหนแล้วล่ะครับ”



“ปั่นจักรยานออกไปเมื่อกี้นี้เอง สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวๆอะ ถ้าอยากเจอคนดัง ก็ลองขี่มอ’ไซตามไปดูดิ”



“ขอบคุณนะครับ” เจ๋งคาบข่าวมาบอกเพื่อนๆ แล้วรีบตามไปทันที ไปได้ไม่ไกลนัก ก็พบจักรยานล้มอยู่กลางทาง บริเวณใกล้กับชายหาด ทั้งห้าคนช่วยกันมองหาบริเวณนั้น แต่ก็ไม่มีใครพบคนปั่นจักรยานแต่อย่างใด เอิร์ธรีบกดโทรศัพท์หาโต้งทันที




....



....





“ว่าไงนะ.... งั้นมรึงลองหาแถวนั้นให้ทั่วก่อนแล้วกัน กรูอยู่บนมอเตอร์เวย์ อีกซักพักก็ถึงแล้ว”



“ว่าไงโต้ง ยังไม่เจอมิวหรอ” สุนีย์ถามลูกชาย



“ไอ้เอิร์ธมันโทรมาบอกว่า เจอคนที่คิดว่าน่าจะใช่มิว แต่พอขี่รถตามไป กลับเจอแต่จักรยาน แต่คนไม่รู้ว่าหายไปไหน” โต้งตอบด้วยน้ำเสียงกังวลเป็นห่วงคนรัก



“ไม่เป็นไรนะโต้ง มิวจะต้องไม่เป็นไร” หญิงพยายามปลอบ



“ใช่โต้ง ไอ้มิวมันดวงแข็ง มันต้องปลอดภัยแน่นอน” เอ๊กซ์ที่ตื่นแล้วก็ช่วยปลอบเช่นกัน



“จำตอนที่มิวไปงมสร้อยให้โต้งได้มั้ยลูก ตอนนั้นเรากลัวกันแทบแย่ สุดท้ายมิวก็ปลอดภัยกลับมาไง” โต้งฟังคำแม่แล้วหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ตนขว้างสร้อยจี้กางเขนทิ้งน้ำ แล้วมิวไปงมเก็บมาให้ตน ความซาบซึ้งใจในครั้งนั้นยังฝังตรึง โต้งลูบแหวนหยกของอาม่าที่สวมอยู่บนนิ้วของตนแล้วรำพึง



“อาม่า....คุ้มครองมิวด้วยนะครับ”



“ไม่เป็นไรโต้ง..... วันนี้พวกเรามากับโชค คิดดูสิ บทจะเจอแหวน ก็เจอเอาง่ายๆ บทป๊าไอ้มิวจะใจอ่อน ก็ใจอ่อนได้ไม่ยาก วันนี้เราโชคดี มากับโชค ก็ต้องกลับกับโชคสิวะ” ต่อพยายามปลอบใจ



“มิวเซเว่น....” เอ็มเปรยเบาๆ



“อะไรวะเอ็ม มิวเซเว่น...” แวนถาม



“พวกมรึงไม่สังเกตรถที่พวกเรานั่งอยู่นี่หรอ” เอ็มถามเพื่อนๆ



“ไงวะ” เอ๊กซ์ ต่อ และแวนถามพร้อมกัน



“ก็ MU-7 ไงวะ พวกเราเจ็ดคนพอดี กำลังนั่งรถ MU-7 ไปหาไอ้มิวไง”



“เออ... จริงด้วย บอกแล้วไงโต้ง วันนี้ฤกษ์ดี ยังไงก็ต้องเจอไอ้มิวแน่นอน” ต่อย้ำ



“อย่างนี้ก็แปลว่า.... กรูต้องปั่นจักรยานจากกรุงเทพ ไประยองใช่ปะ” เอ๊กซ์พูดพลางมองหน้าเพื่อนๆ



“เออ.... แล้วก็พวกกรูด้วยเหมือนกัน ไอ้ห่า จะบนอะไร ไม่คิดถึงพวกกรูบ้างว่าไหวมั้ย” เอ็มว่าเพื่อน



“เอาน่า.... แค่ให้มิวปลอดภัย แล้วพากลับกรุงเทพให้ทันเวลาก็ดีแล้ว เรื่องอื่น ค่อยว่ากันทีหลัง” หญิงบอกเพื่อนๆ ขณะที่โต้งยังคงกำแหวนไว้แน่น



....



....





“ทำไงดีวะไอ้เอิร์ธ นี่สายมากแล้วนะเว้ย ป่านนี้พวกเรายังหามิวไม่เจอเลย ไอ้โต้งก็จะถึงอยู่แล้วด้วย” เจ๋งปรึกษาเพื่อนซี้ พลางขอความเห็นจากเพื่อนคนอื่นด้วย



“กรูก็ไม่รู้โว้ย ถ้าไง เราลองกลับไปดูที่เก่าที่เราเจอจักรยานกันดีกว่าปะ” เอิร์ธถามความเห็นเพื่อนๆ ทุกคนเห็นด้วย แล้วก็พากันไปที่เดิม ขี่รถไปได้ไม่นาน ก็เจอสถานที่เดิม ทว่า.... มีผู้คนมากมายกำลังเป็นไทยมุงอยู่ กลุ่มของเอิร์ธและเจ๋งพยายามแหวกฝูงคนเข้าไปดูเหตุการณ์ ต้องฝ่าทั้งไทยมุง และนักข่าวท้องถิ่นอีกไม่น้อย



ที่นั่งอยู่ตรงชายหาด คือร่างโปร่งที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดี หนวดปลอมและวิกผมหล่นอยู่ที่พื้น ชายหนุ่มถูกห่อไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนสีเขียว ร่างกายที่เปียกปอนบวกกับคราบเกลือ ที่แทรกอยู่ตามไรผม บอกให้รู้ว่าชายหนุ่มเพิ่งจะขึ้นมาจากการลงไปแหวกว่ายในห้วงสมุทร แต่ทำไมนั้น พวกเอิร์ธยังไม่รู้



ข้างๆของร่างโปร่ง คือเด็กวัยรุ่นสองคนที่เพิ่งจะฟื้นจากการสลบเพราะการสำลักน้ำทะเล และกำลังได้รับการปฐมพยาบาลจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย สังเกตจากอายุอานามก็น่าจะเป็นเด็กที่พ้นวัยรุ่นม.ต้นมาได้ไม่นาน แม้จะยังนั่งสั่นด้วยความหนาวอยู่ แต่ช่างภาพก็รุมถ่ายรูปมิวไม่เว้นมือ ทุกคนในที่เกิดเหตุจำได้ทันทีว่า นี่คือนักร้องหนุ่ม ผู้นำวงออกัส ที่กำลังตกเป็นข่าวฉาวเรื่องที่ตนเป็นเกย์อยู่ในขณะนี้




อนุมานจากเหตุการณ์ที่มองเห็น ดูเหมือนว่า มิวจะเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตเด็กสองคนนั้นเอาไว้จากการจมน้ำ มิน่า..... ตอนที่เจอรถ ถึงไม่มีใครเห็นมิว เพราะมิวลงไปดำผุดดำว่ายช่วยชีวิตเด็กๆอยู่ในน้ำนั่นเอง



“เอาไงดีวะเอิร์ธ” เจ๋งถามเพื่อน



“กรูก็ไม่รู้เว้ย เห็นมั้ยนั่น.... นักข่าวรุมถ่ายรูปเต็มไปหมด แล้วจะเข้าไปไงวะ ขืนเข้าไปตอนนี้ ได้ถูกรุมถามโน่นนี่นั่นแน่ๆ ดีนะที่ไอ้โต้งยังมาไม่ถึง ไม่งั้น....”



“ไม่งั้นทำไมวะ...” เสียงใครคนหนึ่งถาม



“ไม่งั้นไอ้โต้งกับมิว ก็จะถูกรุมสัมภาษณ์พร้อมกันน่ะสิ ทีนี้ได้วุ่นวายอีกแน่ๆ” เอิร์ธตอบ โดยไม่ได้มองหน้าคนถาม



“เรื่องนั้นกรูเตรียมใจไว้แล้วแหละ ขอบใจที่ห่วงนะเว้ยเอิร์ธ”



“โต้งงงงงงง” กลุ่มของเอิร์ธอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจที่เห็นเพื่อนมาถึงไวกว่าที่คิด



“กรูจะเข้าไปหามิว” โต้งบอกพลางก้าวขาเตรียมเดิน



“ใจเย็นๆโต้ง แม่ว่า ให้พวกเพื่อนๆออกัสเข้าไปก่อนดีมั้ย ขืนโต้งเข้าไปตอนนี้ ได้ถูกรุมสัมภาษณ์แน่ๆ”



“แต่แม่.... โต้งอยาก.....”



“เรื่องนั้นแม่เข้าใจ แต่ขืนมิวกับโต้งเป็นข่าวขึ้นมาอีก ป๊าของมิวเค้าจะว่ายังไง แม่ว่า ให้เรารับมิวกลับไปกรุงเทพฯก่อน แล้วเรื่องสัมภาษณ์ค่อยไปว่ากันที่โน่นก็ได้ ไปปรึกษากับป๊ากับม๊ามิว และพวกที่ค่ายเพลงก่อนน่าจะดีกว่านะโต้ง เชื่อแม่”



“ครับ....” โต้งเชื่อสุนีย์ และกลับไปนั่งรอในรถ ส่วนพวกของเอ๊กซ์ ก็เดินเข้าไปหานักร้องหนุ่มที่นั่งตัวเปียกอยู่ริมหาด ทันทีที่เห็นสมาชิกออกัสเดินเข้าไป เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้น และนักข่าวก็เริ่มรุมถ่ายรูปและเตรียมสัมภาษณ์เหล่าสมาชิกออกัส




เอ๊กซ์รีบเข้าไปกระซิบข้างหูมิวว่าไม่ต้องตอบอะไร และอย่าเพิ่งถามอะไรพวกตน ทั้งๆที่นักร้องหนุ่มมีเรื่องอยากรู้มากมาย เช่นว่า ทำไมถึงรู้ว่าตนอยู่ที่นี่ แต่ก็เก็บคำถามไว้ก่อน มือกีตาร์คิ้วหน่ยังกระซิบบอกนักร้องหนุ่มร่างโปร่งอีกด้วยว่า เดี๋ยวพวกตนจะพามิวกลับออกไปจากที่นี่ก่อน ก่อนที่จะถูกรุมถามเรื่องข่าวเกย์ แถมยังบอกด้วยว่า ป๊ามิวยอมรับปากทุกอย่าง หากมิวกลับไปหา นักร้องหนุ่มยิ้มออกทันที และทำตามที่เพื่อนสนิทบอก



“คือยังงี้ครับพี่ พวกเรามาเที่ยวบ้านไอ้มิวด้วยกันน่ะครับ แต่ไอ้มิวมันรอที่เสม็ดซะก่อน เอ่อ....เรื่องข่าวนี้คงยังไม่ขอตอบนะครับ พวกผมขอพามิวไปพักก่อนนะครับ ครับ ไว้จะแถลงข่าวที่กรุงเทพครับ แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ.....” มือกีตาร์ให้สัมภาษณ์แบบผ่านๆ และรีบให้เพื่อนๆ พามิวไปที่รถทันที



นักร้องนำวงออกัสเดินแบบไร้เรี่ยวแรงมาที่รถ ทันทีที่เห็นรถ ก็จำได้ว่าเป็นหนึ่งในรถของที่บ้าน ในใจก็แอบหวั่นว่าป๊าจะอยู่ข้างในรึเปล่า ได้แต่สูดหายใจลึกๆ แวนเปิดประตูรถให้เพื่อน และทันใดนั้น.....



“มิว.....” โต้งเรียกชื่อคนรักเฉยๆ โดยไม่ถามอย่างอื่น



“ไงโต้ง......” มิวก็ได้แต่เรียกชื่อคนรักกลับเช่นกัน อยากจะโผเข้ากอด แต่ก็แอบสังเกตเห็นว่ามีช่างภาพตามเข้ามา จึงได้แต่รีบเข้าไปนั่งด้านใน เพื่อนๆออกัสคนอื่นรีบตามขึ้นรถและปิดประตูทันที ส่วนสุนีย์ก็บึ่งรถออกไปจากที่เกิดเหตุ นักข่าวที่อยากรู้รายละเอียดการช่วยชีวิต จึงได้แต่ถามวัยรุ่นสองคนนั้นและผู้เห็นเหตุการณ์ที่มีไม่มากนัก



พวกเอิร์ธอาสาเอาจักรยานไปคืนร้าน และขอเที่ยวเสม็ดต่อ ส่วนกลุ่มของโต้ง ตั้งใจจะรีบกลับเมืองหลวงทันที สุนีย์จึงพามิวไปที่บ้านเช่า ร่างสูงประคองร่างโปร่งเข้าไปในบ้านเพื่อจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มีสายตาของพนักงานคนเดิมมองตามอย่างปลื้มและแอบกรี๊ด เห็นโต้งพามิวเข้าข้างในก็ไม่รู้ว่าจิ้นอะไรกันรึเปล่า แต่พอเห็นออกัสอีกสี่คนและสุนีย์ตามเข้าไป ก็เลิกจิ้นทันที



“โต้ง” นักร้องนำออกัสเอ่ยชื่อคนรักเบาๆ ในใจอยากขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง และอยากโผกอดให้หายโหยหา แต่ก็ได้เพียงยืนนิ่ง ร่างกายที่เปียกปอน หยดน้ำที่ไหลตามไรผม ไม่อาจกลบรอยน้ำตาที่เอ่ออยู่บนสองเนตรสีน้ำเงินของมิวได้ ชายหนุ่มมองแววตาสีน้ำตาลของคนรักที่มองตอบกลับมา และยืนเงียบ



“มิว....” ร่างสูงเป็นฝ่ายโผเข้ากอดร่างโปร่งก่อน กอดเสียแน่นสมกับความคิดถึงและห่วงใย ในใจบางส่วนก็อยากจะต่อว่าที่คนรักทำอะไรบ้าๆโง่ๆ แต่อีกใจก็นึกขอบคุณ ที่ทำให้เหตุการณ์นี้ยิ่งพิสูจน์ว่าโต้งรักมิวจริง ถึงได้รู้ว่ามิวอยู่ไหนและหาจนเจอ และยังเป็นโอกาสให้โต้งหาแหวนหยกเจอต่อหน้าเถ้าแก่หลิวป๊าของมิว ทำให้เถ้าแก่ยอมรับโต้งมากขึ้น และที่สำคัญ ทำให้โต้งรู้ว่า ถ้าขาดมิวไป ตนเองก็เหมือนจะขาดใจเสียให้ได้ ความรักความคิดถึงมันท่วมท้นล้นอก



“ไม่เป็นไรนะมิว เราเจอมิวแล้ว ในที่สุดเราก็หามิวเจอ มิวไม่เป็นไรแล้วนะ”



“โต้ง” นักร้องหนุ่มก็สวมกอดร่างสูงของคนผมเกรียนแน่นเช่นกัน น้ำตาไหลผ่านใบหน้าของคนทั้งคู่



“ป๊ามิวบอกว่า ถ้ามิวไปหาเค้าทันในตอนเช้าพรุ่งนี้ เค้าจะยอมทุกอย่าง นี่ไงมิว แหวนหยกของอาม่า เราเจอมันแล้ว มิว... เราหาแหวนหยกเจอแล้ว” โต้งโชว์แหวนหยกที่นิ้วของตนให้มิวดู กำลังจะเล่าเรื่องเมื่อเช้า ทันใดก็.....





“อึ้ม....” เสียงสุนีย์กระแอมเตือน

“แม่ว่า โต้งให้มิวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีมั้ย มีอะไรค่อยไปเล่าให้ฟังกันบนรถ” และโดยไม่ต้องรอเถียง มิวคว้าผ้าขนหนู แล้วเข้าห้องน้ำทันที




.....





.....











Create Date : 22 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2554 17:48:50 น.
Counter : 618 Pageviews.

9 comments
  
ดีใจจัง ที่มาต่อแล้ว ^^

พาทนี้ โต้งกับมิว ได้เจอกันแล้ว น้องมิวเกือบจะแย่แล้วด้วย แต่ดวงแข็งจริงๆ รอดตลอดเลย 55
ได้แหวนครบสองวงแล้วด้วย จะได้สมหวังอย่างที่ตั้งใจไว้รึเปล่านะ?
แต่ป๊ามิวก็ดูจะใจอ่อนลงไปเยอะอยู่ ก็คนเป็นพ่อแหละเนอะ
ยังไงก็ห่วงลูก หวังว่าหลังจากคุยกับกรแล้ว คงจะเปิดใจมากขึ้นนะคะ

เรื่องข่าวกับวงดนตรีก็ด้วย หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายด้วยดีนะ

รออ่านต่อพาทหน้านะคะ
ปล. อ่านดึก เม้นดึกอีกแล้วสิเรา 555
โดย: ploy@tatchi IP: 124.120.98.37 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:1:44:57 น.
  
ของตอนหน้า ยังไม่ได้เริ่มเขียนเลยครับ คงต้องเว้นยาว



ที่จริง ตอนของเมื่อคืน ก็ลงไว้พักนึงแล้วในอีกบอร์ดนึง แต่เมื่อวาน ครบรอบ 4 ปี การฉาย "รักแห่งสยาม" เลยเอามาลงให้แฟนฟิคได้อ่าน



เคยตั้งใจจะแต่งให้จบก่อนครบ 4 ปี แต่คงไม่ทันแล้ว ยังไง ก็อดใจรออีกหน่อยนะครับ เดือนหน้า ได้อ่านก่อนคริสต์มาสแน่นอน
โดย: นิรมิตร (Niramitr ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:05:00 น.
  
จบไม่ทันวันครบรอบปีนี้ ไม่เป็นไร
แต่อย่าให้ถึงปีหน้า ครบรอบ 5 ปีเลยนะคะ
555 ไม่งั้นคนอ่านคิดถึงแย่เลย

ยังไงก็รออ่านอยู่ค่า

ปล. มีฟิคไปลงไว้ที่บอร์ดไหนอีกบ้างคะ? เผื่อจะตามไปอ่านด้วย :)
โดย: ploy@tatchi IP: 124.120.104.124 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:1:45:28 น.
  
ลองตามไปหาอ่านนะครับ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=niramitr&month=09-03-2010&group=6&gblog=6
โดย: นิรมิตร (Niramitr ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:18:58:18 น.
  


ลงอตามมาอ่านในบอรืดนี้บ้าง เผ่อมีอะไรอัพเดท เพราะใน the prophet เข้าไม่ได้ ยังไงคุณบอล รีบมาต่อนะ จะถึงคริสต์มาสแล้ว
เข้ามาต่อด้วยนะ จะรออ่านนะ

ขอบคุณนะ
โดย: Night Lady IP: 203.155.71.242 วันที่: 17 ธันวาคม 2554 เวลา:13:27:14 น.
  


รออ่านอยู่นะ คูุณบอล อย่าลืมมาต่อกันนะ
โดย: NIGHT LADY IP: 183.89.93.108 วันที่: 13 มีนาคม 2555 เวลา:0:45:19 น.
  
รออ่านสุดใจเลยครับเขียนเสร็จเร็วๆนะครับก่อนครบ 5 ปี รักแห่งสยาม อ่านแบบนี้แล้วน่าอ่านมากกว่าเรื่องที่ทำหนังอีก เวอร์ชั่นนี้ทำหนังไม๊เนี่ยจะอุดหนุน
โดย: Nathaohat IP: 180.180.90.233 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:03:03 น.
  
เฝ้ารอให้มาต่ออยู่

ชอบการเเต่งของคุณนิรมิตมากเลย ภาษาที่ไช้อ่านง่าย สื่อถึงอารมณ์ได้ชัดเจน

เป็นกำลังใจให้เเต่งต่อไปนะ

สู้ๆ
โดย: TLOS IP: 182.53.11.25 วันที่: 15 พฤษภาคม 2555 เวลา:19:41:07 น.
  
พรุ่งนี้ครบ 5 ปี รักแห่งสยาม แล้ว คุณบอลยังไม่เห็นมาต่อเลย ทราบค่ะว่ากำลังยุ่งกับงานประจำ แต่อย่าให้รอจนเก้อนะ แต่ยังไง ก็ยังคงรอต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ
โดย: NIGHTLADY IP: 180.183.53.31 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา:0:39:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments