All Blog
ตอนที่ 03 +++ จมูกไม้ที่พอดี ลมหายใจที่สมบูรณ์ +++

หลังจากอิ่มหนำจากผลไม้จานใหญ่แล้ว บรรดาเพื่อนบ้านทั้งสามก็ขอตัวกลับบ้านเพื่อทำงานที่ค้างไว้ รวมทั้งเตรียมอาหารเย็นด้วย เพราะเวลาตอนนี้ก็ประมาณสี่โมงเย็นได้แล้ว ป้าอรก็เช่นกัน เธอเก็บจานไปล้างในครัวแล้วก็ตังใจจะเตรียมอาหารเย็นอย่างที่เคย

“ เดี๋ยวป้าทำกับข้าวก่อนนะลูก หนูไปเดินเล่นย่อยผลไม้ก่อนก็ได้ ไว้ค่ำๆค่อยกลับมาทานนะ ข้าวผัดกุ้งแล้วกันนะลูก มีกุ้งอีกอื้อเลย เดี๋ยวป้าจะทำจานโตๆ จะได้เ อาไปฝากบ้านเถ้าแก่เนี้ยด้วย “

“ ครับป้า งั้นเดี๋ยวมิวมานะครับ “

มิววิ่งขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อจะไปหยิบโทรศัพท์มือถือ ขณะที่คว้าโทรศัพท์นั้น มิวเหลือบไปมองตัวต่อไม้ที่อยู่บนลำโพง จมูกของมันไม่มีแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่ง ม้วนเสียบอยู่แทนที่ตำแหน่งของจมูก มิวดึงม้วนกระดาษเล็กๆนั้นออกมาจากรูจมูกแล้วคลี่อ่าน

“ ตาลน้อยในสวน คุ้นๆแฮะ ลายมือหวัดยังกับไก่เขี่ยแบบนี้ ของโต้งชัวร์เลย แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันล่ะ หรือว่าหญิง.......... “

มิวเปิดลิ้นชักออกมาทันทีที่คิดอะไรบางอย่างออกแล้ว

“ ไม่มี .... ไม่มีจริงๆด้วย หญิงเล่นอะไรของเค้ากันนะ “

ร่างโปร่งในเสื้อโปโลสีเขียวอ่อนมีขอบและปกเป็นลายสก๊อตต์เดินลงมาจากบันได เปิดประตูเหล็ก แล้วเดินไปเคาะประตูบ้านฝั่งตรงข้าม

“ ว่าไงมิว มีอะไรอีกเหรอ “ ชายร่างท้วมเอ่ยปากถามหนุ่มร่างบาง

“ หญิงไปไหนล่ะครับเฮีย พอดีมิวมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อยน่ะครับ “

“ ไม่รู้สิ เห็นเดินไปทางริมน้ำน่ะ สงสัยไปเดินเล่นมั้ง เมื่อตอนบ่ายก็เห็นเดินไปรอบนึงแล้ว “

“ ขอบคุณมากครับเฮีย “ มิวไหว้ขอบคุณเฮียของหญิงแล้วรีบวิ่งไปทันที

“ ตาลน้อยในสวนงั้นหรอ “ มิวพึมพำกับตัวเองแล้ววิ่งไปด้วยความสงสัย ความงง พร้อมความหวังบางอย่าง



ร่างอันบอบบางของนักร้องนำวงออกัสต์มุ่งหน้าสู่สถานที่แห่งความทรงจำของตนเองกับโต้ง เพื่อนรักตั้งแต่วัยเยาว์ที่เปรียบเสมือนลมหายใจของตน เป็นความหวังหนึ่งเดียวที่มิวมี ที่มิวโหยหา เป็นเกราะป้องกันความเหงาที่มิวสัมผัสได้ เป็นไออุ่นที่โอบอุ้มอณูแห่งชีวิตของมิวไว้ ภาพอดีตเมื่อครั้งวัยเยาว์ตอนที่โต้งให้มิวเล่นเกมหาสมบัติครั้งแรกยังคงลอยล่องอยู่ในใจของมิว รอยยิ้มของโต้งที่ออกจะเริงร่ากว่าคนเล่นเกมเสียอีก ความสุขของโต้งที่เกิดจากการเห็นมิวมีความสุข ตอนนั้นส่วนจมูกของตัวต่อไม้หายไป โต้งออกจะผิดหวังไม่น้อย แต่ทั้งมิวและโต้งก็มีความสุขกันมาก ความสุขที่ในที่สุดทั้งมิวและโต้งก็ต้องสูญเสียไปนับตั้งแต่ที่พี่แตงหายไป

“ ตาลน้อยในสวน เหมือนเมื่อก่อนเลยนะโต้ง โต้งรอมิวด้วยนะ “ มิวร้องหาให้โต้งรอ ทั้งๆที่ตนเองนั่นแหละ เป็นคนปิดประตูเหล็กใส่หน้าโต้ง มิวเองก็ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของตนที่เปลี่ยนแปลงไปมา ขณะที่ใจของมิวกำลังเรียกหาโต้ง สองเท้าของตนก็พาร่างกายที่บอบบางนั้นมาสู่สวนตาลริมน้ำจนได้

มิวมายืนอยู่หน้าสวน ตาลริมน้ำ สองมือถือกระดาษลายมือหวัดของโต้ง สองตาจ้องมองรูปวาดของต้นตาลเล็กๆ แล้วบ่ายหน้ามองไปทางสวน

“ ต้นนั้นนั่นเอง “ มิวยิ้มร่าดีใจรีบเดินไปที่ต้นตาลต้นนั้นทันที

กระดาษอีกแผ่นถูกแขวนไว้ที่กิ่งตาล มิวคลี่กระดาษออกอ่านก็พบลายมือของโต้งที่บรรจงขึ้นอีกนิด แสดงว่าตั้งใจให้ผู้อ่าน ได้อ่านอย่างเข้าใจ

“ มิว........ เรารู้ว่าสิ่งที่โต้งบอกกับมิวเมื่อคืนคอนเสิร์ตที่สยามมันคงทำให้มิวเจ็บปวดไม่น้อย เราอยากให้มิวรู้ว่า ตั้งแต่คืนนั้น ความสุขทั้งหมดในโลกก็หลุดลอยไปจากชีวิตเราเหมือนกัน เราขอโทษนะมิว แต่เราก็ยังยืนยันได้ว่า ‘ เรารักมิวนะ ‘ และยังหวังใจว่ามิวคงจะคิดเหมือนเรา / ไปที่โป๊ะออดแอด “

มิวรีบเดินต่อไปยังโป๊ะเก่าๆที่อยู่ริมน้ำ แถวนี้ไม่มีใครผ่านไปมานานแล้ว ดังนั้นตลอดหกปีมานี้ โป๊ะเก่าๆอันนี้ก็ไม่เคยถูกย้ายไปไหน เหมือนกับคอยให้ใครมาซ่อนอะไรให้บางคนค้นหาอย่างนั้นแหละ มิวไม่ต้องดูรูปว่ากระดาษแผ่นต่อไปซ่อนอยู่ตรงไหนก็สามารถหากระดาษแผ่นนั้นเจอโดยง่าย

“ มิว......เรารู้ว่าทางเดินแห่งการเป็นแฟนของเรากับมิวคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นแน่ แต่คงขรุขระมากทีเดียวล่ะ เราไม่อยากให้มิวลำบากใจนะ ทั้งเราและมิวต่างมีหน้าที่ที่ตนเองต้องรับผิดชอบ เรามีพ่อที่ต้องดูแล มิวมีวงออกัสต์ มีดนตรีที่มิวรัก มีชีวิตอีกด้านที่มิวไม่อาจสูญเสีย มันไม่ง่ายเลยนะถ้าจะรักษาไว้ได้หากเราสองคนเป็นแฟนกัน / ไปที่เสาไฟไม่สว่าง “

มิวเดินต่อไปยังเสาไฟฟ้าริมถนนที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เสาไฟต้นนี้ไม่มีหลอดไฟซ้ำยังมีรอยหักซะอีก ตั้งแต่เด็กจนโต มิวก็ไม่เคยเห็นว่าเสาไฟต้นนี้จะเคยสว่างเสียที เมื่อใกล้จะถึงเสาไฟต้นนั้น มิวก็เห็นแผ่นกระดาษปิดอยู่ใบหนึ่ง มิวค่อยๆแกะออกมาอ่านอย่างเบามือ

“ มิว.........เราเข้าใจสิ่งที่มิวคุยกับหญิงแล้ว เรารักมิว แต่ก็คงคบกับมิวเป็นแฟนไม่ได้ ( อย่าพึ่งน้ำตาไหลล่ะ ) แต่เราสัญญาว่าเราจะเก็บความรัก ความรู้สึกที่มีต่อมิวไว้ในใจตลอดไป และจะเฝ้าคอย คอยจนกว่าวันที่เราทั้งคู่พร้อมจะมาถึง ดั่งในใจความบอกในกวี ว่าตราบใดมีรักย่อมมีหวัง มิวเคยบอกไว้ในเพลงของมิวไง แล้วเราก็จะหวังต่อไป / ไปที่มะม่วงหักง่อนแง่น “

“ คนบ้า ....... ทำคนอกหักยังจะมาห้ามไม่ให้ร้องไห้อีก ..... ขอบคุณนะ “

มิวพูดกับกระดาษเบาๆ รอยยิ้มเริ่มปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว จากนั้นมิวก็เดินต่อไปยังต้นมะม่วงที่มีกิ่งหักย้อยไปในคลอง

“ มิว.......ถึงเราจะยังไม่ใช่แฟนกัน แต่เราก็รักกันได้ไม่ใช่เหรอ เราจะมีมิวเป็นเพื่อนรักเพื่อนใจเพียงคนเดียวตลอดไปนะ สัญญานะ ว่าจะไม่ทำตัวเหินห่างกับเราอีก มันรวดร้าวมากนะเวลาที่มิวหลบหน้าเราตลอด แต่ก็แอบอบอุ่นใจที่รู้ว่ามิวห่วงใยเราอยู่ สัญญานะคนดี เพราะมิวคือคนเดียวที่เราอยากจะปกป้อง และอยากให้ปกป้อง

ปล. ยังไม่ได้ขอบคุณเรื่องที่พาเราไปนอนต่อในบ้านเมื่อเช้าวานเลย แบกเราเข้าไปคงหนักล่ะสิท่า ( สมน้ำหน้า ไม่ยอมให้เข้าบ้านดีนัก ) อีกอย่างนะ แม่เริ่มจะเข้าใจเรากับมิวแล้วล่ะ ดีใจจัง / กลับไปจุดเริ่มต้น “

“ สัญญาจ้ะคนดี .... แล้วไอ้จุดเริ่มต้นเนี่ยมันที่ไหนล่ะโต้ง “ มิวพูดคนเดียวด้วยความสุข พลางคลี่กระดาษจนสุดแผ่นก็เห็นภาพผู้ชายสองคนนอนอยู่บนที่นอน มีคนหนึ่งที่เหมือนจะสูงกว่าอ้าแขนไว้ให้อีกคนหนึ่งมาซบลงตรงอก

“ เข้าใจวาดรูปนะโต้ง ฝีมือห่วยชะมัด ไหนเคยพูดว่าอยากเป็นสถาปนิกอย่างน้ากร วาดรูปห่วยเพียงนี้ จะได้เป็นมั้ยเนี่ย “ มิวยิ้มขำฝีมือวาดรูปอันห่วยแตกของโต้งแล้วรีบเดินกลับบ้าน



โต้งกับหญิงที่แอบสังเกตมิวอยู่ห่างๆไม่ให้รู้ตัว รีบไปดักหน้ามิวที่บ้านมิว ระหว่างที่วิ่งไปนั้น โต้งมีรอยยิ้มไปตลอดทาง รอยยิ้มที่เกิดจากการที่ได้เห็นรอยยิ้มของมิว เหมือนกับครั้งนั้น ที่โต้งในวัยเด็กยิ้มอย่างมีความสุข เวลาที่มิวหาตัวต่อเจอทีละชิ้น จนกระทั่งถึงประตูบ้านมิว

“ เดี๋ยวหญิงไปถ่วงเวลามิวไว้ก่อนนะ เราจะขึ้นไปบนห้อง “

“ รู้แล้วน่า อะโต้ง..จมูก “

โต้งรับจมูกไม้มาจากมือของหญิง ร่างสูงในเสื้อสีเทาอมฟ้ามองดูจมูกไม้ในมือแล้วไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไป

“ หญิง .... โต้งล่ะ “ มิวที่พึ่งจะวิ่งมาถึงหน้าบ้านตัวเ องถามหญิงด้วยอาการเหนื่อยหอบ

“ คิดเอาเองสิมิว มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังแกล้งโง่อยู่ได้ “

“ โห...หญิงอะ ช่วยได้มากเลยเนอะ ซึ้งซะจริง “

“ ไปติดโรคมาจากเฮียเหรอมิว โน่น ข้างบนโน่น ไปเลย เร็วๆ “

“ ขอบใจมากนะหญิง สำหรับทุกอย่าง หญิงเป็น...”

“ เพื่อนที่ดีของมิวไงล่ะ หยุดพูดประโยคเดิมเถอะมิว รีบเหอะ โต้งคอยอยู่ พยายามทำเพื่อตัวเองซะทีนะมิว “

“ จะพยายามครับ “ มิวพูดกับหญิงจบ ก็รีบวิ่งขึ้นห้องนอนทันที

ประตูห้องนอนของมิวถูกปิดไว้ ทั้งๆที่มิวจำได้ว่า เราเปิดทิ้งไว้ก่อนออกไปนี่นา สองมือของร่างโปร่งค่อยๆผลักประตูเข้าไป ด้วยใจเต้นระทึก

‘ ทำไมนะ ห้องนอนที่เราอยู่มาชั่วนาตาปีแท้ๆ แต่กลับกลัวๆกล้าๆที่จะเข้าไปซะงั้น ‘ มิวคิดในใจ แต่สองเท้าก็ค่อยๆสาวเข้าไปในห้อง ด้วยความหวังว่าจะพบใครคนนั้นที่รอคอย



............................................... ไม่มีใครอยู่ในห้องนอน ห้องที่มิวคาดหวังจะพบใครบางคน กลับว่างเปล่า ไม่เหลือใคร นอกจากม้วนกระดาษสีฟ้าแผ่นใหม่ที่เสียบอยู่ที่รูจมูกของตัวต่อไม้ที่ตั้งเด่นอยู่บนลำโพง มิวเดินไปดึงเอากระดาษแผ่นนั้นออกมาจากรูจมูกแล้วคลี่อ่าน

“ มิว......ถ้าหากว่าใจของเราไม่เคยมีรักเลย จิตใจของเราก็คงไม่แข็งแกร่งนะ แล้วใจที่ไม่เคยมีรักให้ใคร ต่อไปก็คงจะเป็นใจที่ไม่มีค่า แต่สำหรับเรา เรามีมิว มีกันและกันเสมอ เราอยากขอบคุณทุกความรักที่มิวมีให้ มันทำให้เรามีแรงที่จะเดินต่อไปข้างหน้าได้ยาวไกล

...............................................................ขอบคุณกันและกัน / โต้ง “

มิวอ่านข้อความของโต้งจบลงพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ซาบซึ้งไปกับความรักของโต้ง

“ บอกไม่ให้น้ำตาไหลไง “ โต้งที่น้ำตาไหลเหมือนกันโอบมิวจากด้านหลัง พลางซบหน้าลงบนแผ่นหลังบางๆของมิว “ เรารักมิวนะ “ โต้งกระซิบบอกมิวที่ข้างหู มือขวาล้วงเอาจมูกไม้วางใส่มือขวาของมิว ชายหนุ่มเจ้าของห้องค่อยๆบรรจงเสียบจมูกนั้นลงในรู แล้วมิวก็ประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น

“ ทำไมคราวนี้มันใส่ลงพอดีล่ะ “ มิวอุทานเบาๆแล้วหยิบจมูกมาพิจารณา

“ อ้าว .... คนละอันกันนี่นา มันยังไงกันเนี่ยโต้ง “

“ ก็อันที่ให้ไปเมื่อคริสต์มาสมันยาวไปนี่นา เราก็เลยทำมาให้ใหม่ “ โต้งที่ยังโอบมิวอยู่ พูดออกไปเบาๆ

“ แล้วอันเมื่อคริสต์มาสล่ะโต้ง “

“ มิวไม่ชอบอันนี้หรอกหรอ “ โต้งพลิกตัวมิวหันกลับมา ให้หันหน้าเข้าหากัน

“ ชอบสิ ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ก็ใส่ได้พอดีเลย โต้งทำเองเหรอ ขอบคุณนะ แล้วว่าแต่อันนั้นล่ะ “

“ จมูกอันที่เราทำมาให้เนี่ย มันพอดีกับตัวต่อไม้ที่เราให้มิวเลยเนาะ เหมือนกับว่าต่อไปนี้ เราจะเป็นลมหายใจให้มิวไง เป็นลมหายใจของมิวที่จะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง “

“ ไปหัดพูดหวานๆแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย “

“ ก็ตั้งแต่เจอมิวนี่แหละ ส่วนจมูกอันนั้น เราขอนะมิว “

“ แล้วโต้งจะเอาไปใส่กับอะไรล่ะ “

โต้งหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าให้มิวดู

“ อ้าว..อยู่กับโต้งหรอกเหรอ ถ้างั้นจมูกอันนั้นก็ได้กลับคืนที่เดิมน่ะสิ “ มิวถามโต้ง

“ ใช่มิว แล้วตกลงเราขอได้ปะ “

“ ได้สิโต้ง โต้งให้จมูกอันใหม่แก่เรา เป็นลมหายใจให้เรา เราให้ตัวต่อไม้กับจมูกนี้กับโต้งนะ เราก็เช่นกัน เราจะเป็นชีวิต เป็นลมหายใจให้โต้งเหมือนกันนะ เราสองคนจะได้เป็นลมหายใจของกันและกันตลอดไป “

“ เหมือนกับเพลงของมิวเลย กันและกันน่ะ “

“ ไม่ใช่เพลงของเราคนเดียวซักหน่อย เพลงของโต้งด้วยต่างหาก อย่าลืมสิ ว่าถ้าไม่มีโต้ง ก็คงไม่มีเพลงนี้หรอก กันและกัน จะเป็นเพลงของเราสองคนนะ “

“ ขอบคุณนะมิว ขอบคุณกันและกัน เพลงของเราสองคน “

ชายหนุ่มทั้งสองสวมกอดกัน เนิ่นนานทีเดียว เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดที่เข้ามาบั่นทอนพวกเค้าทั้งสอง การได้กลับมาเข้าใจกัน ได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อกันอีกครั้ง ถึงจะยังเป็นแฟนกันไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีความรักเลย ไม่ใช่เหรอ

………………

………………

………………

‘ ขรืด.....ขรืด.....’

“ เสียงอะไรอ่ะโต้ง “

“ หิวอะมิว......มีอะไรให้กินปะ “

“ โห...โต้ง อุตส่าห์จะเริ่มซึ้งแล้วเชียว ไปเหอะ ไปกินข้าวผัดกุ้งฝีมือป้าอรกัน “

“ มิว โต้ง ลงมากินข้าวผัดกุ้งได้แล้ว หญิงรอกินข้าวผัดอยู่นะ เดี๋ยวกินหมดก่อน ไม่รอนะจ๊ะ “

“ ลงไปแล้วหญิง หิวจนจะกินวัวได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย “ โต้งพูดจบก็รีบวิ่งโลลลงไปด้วยความหิว

“ เหมือนกันหมดเลยแฮะเพื่อนเรา เรื่องกินมาก่อนเสมอ “ มิวเปรยออกมาแล้วก็เดินตามลงมา เห็นโต้งกำลังเริ่มสวาปามข้าวผัดกุ้งบนโต๊ะกลมตัวนั้น ตัวที่มิวกับน้านีย์นั่งคุยกันเมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน

“ น้านีย์ครับ เราเป็นแค่เพื่อนกัน มิวยังคงรักษาคำพูดนั้นอยู่นะครับ มิวจะรอจนกว่าจะถึงวันที่น้านีย์ยอมรับเรื่องของมิวกับโต้งนะ ขอบคุณนะโต้ง ขอบคุณกันและกัน “ มิวนึกทบทวนคำพูดต่างๆของโต้งที่ได้บอกมิวผ่านแผ่นกระดาษ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคล้ายกับว่าคิดอะไรบางอย่างได้ โดยไม่ห่วงกินข้าวผัดกุ้งแม้แต่น้อย มิวเดินไปหยิบสมุดปากกาที่วางอยู่ข้างโซฟายาวมาเขียนอะไรลงไปในนั้น ระหว่างที่เขียนก็มองโต้งกินข้าวอย่างมีความสุข ยังไม่ทันที่จะเขียนเสร็จ เจ้าของบ้านก็เปลี่ยนใจ ไปกินข้าวผัดกุ้งด้วยอีกคน ก็ท่ากินมูมมามของโต้งมันชวนให้หิวเหลือเกิน

.............................................

...............................

....................




Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 5 มีนาคม 2553 15:07:40 น.
Counter : 631 Pageviews.

8 comment
ตอนที่ 02 +++ บทเพลงแห่งความรู้สึก +++
ที่บ้านมิว



รถตู้สีเทาคันนึงวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านมิว หลังจากที่รถจอดสนิท ชายหนุ่มคิ้วหนาในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้มคนหนึ่งก็ส่งเสียงตะโกนเรียกเจ้าของบ้านจากหน้าประตูเหล็ก



“ มิวโว้ย....เชี่ยมิว ....เสร็จรึยังวะ ขืนชักช้าเดี๋ยวรถติดนะเว้ย ...เชี่ยมิว ...ตอบด้วย ...วู้ ”

“ หยุดแหกปากได้มั้ยนายชินจัง ตะโกนซะลั่นทุ่ง ยังกับบ้านทำโรงสีงั้นแหละ “ เสียงหญิงสาวเสื้อยืดสีชมพูอ่อนคนหนึ่งว่ากลับมาจากหน้าบ้านหลังตรงข้าม

“ โทษที ..ว่าแต่เธอเห็นมิวรึเปล่า เรานัดมันไว้ห้าโมง ไอ้เชี่ยนี่สายทุกที ต้องให้ด่าประจำ แล้วนี่เธอใช่เด็กผู้หญิงแก่นๆที่เคยแอบถ่ายรูปเรากับเพื่อนๆใช่ปะ โตเป็นสาวแล้วน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย แล้วมีแฟนรึยังล่ะ เราเป็นแฟนให้เอาปะ “

“ บอกแล้วว่าไอ้เอ๊กซ์มันปากปีจอ ทีนี้เชื่อรึยังอะหญิง “ เสียงของมิวดังขึ้นก่อนประตูเหล็กจะถูกเปิดออกซะอีก “ มรึงเลิกบ่นเป็นหมีกินผึ้งได้แล้วเชี่ยเอ๊กซ์ กรูเสร็จตั้งนานแล้วเนี่ย แล้วเลิกทำปากเสียกับเพื่อนกรูด้วย เราไปก่อนนะหญิง แล้วไว้ค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้นะ คืนนี้คงกลับดึก “ มิวพูดกับหญิงจบก็ปิดประตูเหล็กแล้วเดินขึ้นรถไป

“ ไปแล้วนะครับคุณผู้หญิง “ เอ๊กซ์แกล้งทำตาหวานใส่หญิงแล้วก็ขึ้นรถไปอีกคน

“ เพื่อนบ้านมรึงหน้าตาน่ารักดีนะเว้ย...ไอ้มิว ขอเบอร์ให้กรูได้เปล่าวะ เพื่อนกันอย่ามาหวงก้างนะโว้ย “ เอ๊กซ์ขอเบอร์โทรศัพท์ของหญิงจากมิว

“ ไอ้เชี่ยนี่ ริจะให้กรูเป็นพ่อสื่อ ฝันไปเถอะมรึง หญิงเค้าไม่เอาชินจังหน้าหม้อหูดำไปทำแฟนหรอก “ มิวปฏิเสธเอ๊กซ์ไปตรงๆ ทำเอาเอ๊กซ์หน้าบึ้งขึ้นมาบ้าง

“ ต้องเป็นตี๋หน้าลิงพาวเวอร์เกย์อย่างมรึงงั้นสิ “ เอ๊กซ์ว่ากลับไปบ้าง



เสียงมิวเงียบไปทันที ไม่ต่อล้อเถียงกับเพื่อนสนิทคิ้วหนาอีก ทำให้เพื่อนคนอื่นๆในวงหันมาให้ความสนใจทันที เพราะปรกติมิวกับเอ๊กซ์ก็เถียงกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่การที่มิวเงียบไปเฉยๆแบบนี้ แสดงว่าคำพูดของเอ๊กซ์ต้องไปสะกิดแผลในใจของมิวซักอย่างแน่นอน สายตาหลายคู่จึงหันไปหาเอ๊กซ์ แสดงอาการตำหนิความปากหมาของเพื่อน ทำให้เอ๊กซ์ต้องหันไปมองมิวด้วยแววตาเสียใจ สำนึกผิด



“ มิว กรูขอโทษนะโว้ย กรูทำให้มรึงโกรธอีกแล้วใช่ปะ “

“ กรูไม่ได้โกรธมรึงหรอก แต่เมื่อก่อนหญิงเค้าเคยแอบชอบกรูจริงๆ จนเค้ารู้เรื่องกรูกับโต้งนั่นแหละ พวกมรึงว่าความรักมันคืออะไรกันแน่วะ ใครช่วยบอกกรูหน่อยดิ กรูเคยคิดนะเว้ยว่ากรูเริ่มจะเข้าใจความรักแล้ว แต่ตอนที่กรูกับโต้งเกิดเรื่อง แล้วมาเรื่องหญิงอีก ทำให้กรูคิดว่าจริงๆแล้วเรื่องความรักเนี่ยกรูคงโง่มั้ง กรูเคยคิดว่าความรักทำให้กรูมีความสุขนะเว้ย แต่แล้วเพราะความรักนั่นแหละที่เอาความสุขคืนไปจากกรู กรูยังคิดไม่ตกเลยว่าจะลืมมันดีมั้ย กรูจะผ่านมันไปได้มั้ย “ มิวพรั่งพรูความรู้สึกออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าเพื่อนๆหลังจากเหตุการณ์ที่สุนีย์มาหาครั้งนั้น

“ อย่าคิดมากสิวะ ความรักก็มักเป็นอย่างเงี้ย ยิ่งใฝ่ฝันมาก ยิ่งอยากครอบครองมาก สุดท้ายก็มักหลุดลอย บางทีความรักก็ทำให้เราเป็นคนโง่ หรือกรณีมรึง ความรักกลับทำให้มรึงกลายเป็นคนขี้เหงายิ่งขึ้น มรึงดูกรูนี่ อกหักมากี่หนแล้ว ไม่เห็นจะตายเลย อย่าไปสนใจเลยวุ้ย พวกเรามันก็แค่คนธรรมดา มีรัก มีสมหวังผิดหวังเป็นธรรมดา “



มิวได้ฟังคำพูดของเอ๊กซ์แล้วก็คิดตาม นักร้องหนุ่มร่างบางค่อยๆไตร่ตรองคำพูดของเพื่อนสนิทคนนี้ ถึงแม้ว่าเพื่อนคิ้วหนาหน้าทะเล้นอย่างเอ๊กซ์จะปากปีจอเป็นกิจวัตร แต่คำพูดของเอ๊กซ์ในครั้งนี้ก็ได้ช่วยจุดประกายบางอย่างให้กับมิว



“ เฮ้ยแวน ... มรึงช่วยหยิบกระดาษให้กรูหน่อยสิวะ “

“ มรึงอย่าบอกนะ ว่ามรึงซึ้งกับคำพูดไอ้เอ๊กซ์จนจะร้องไห้ อย่ามาทำเสี่ยวแ_กแถวนี้นะโว้ย ขนาดกรูยังจะเลี่ยนเลย “

“ ไอ้ห่าแวน มรึงไม่ซาบซึ้งก็เรื่องของมรึงซิวะ มาแขวะกรูทำไมเนี่ย “

“ หยุดเถียงกันแป๊บได้เปล่าวะ กรูไม่ได้คิดจะเอาทิชชู่ กรูจะเอากระดาษปากกามาจดอะไรหน่อย “ มิวห้ามทัพ ก่อนที่สงครามครั้งใหม่จะเริ่มขึ้น

......................................

............................

.................

ที่บ้านโต้ง



“ เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต ..... อาเมน

พระสวามีเจ้าข้า โปรดอวยพรแก่ข้าพเจ้า และอาหารที่จะรับประทานนี้

เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต ..... อาเมน “



“ เมื่อคืนโต้งไปนอนค้างที่ไหนมาลูก “ กรเอ่ยปากถามลูกชาย

“ พอดีเมื่อคืนโต้งแวะไปบ้านเพื่อนมาครับ โต้งคิดว่าแม่พาพ่อไปนอนโรงพยาบาลก็เลยคิดว่านอนบ้านมันก็ได้ เมื่อคืนไปกันหลายคน นอนที่นั่นกันหมดเลย “ โต้งจำใจต้องโกหกผู้เป็นพ่อ เพราะไม่อยากให้พ่อไม่สบายใจ กรซึ่งไม่ค่อยได้สนใจอะไรมากเพราะเห็นว่าลูกโตแล้ว ซ้ำยังเป็นเด็กผู้ชายด้วย จึงได้ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อไป ต่างจากสุนีย์ที่มองมาที่โต้งด้วยกิริยาจับผิด โต้งสังเกตสีหน้าของมารดาก็รู้โดยทันทีว่าตนไม่สามารถจะโกหกแม่ได้ จึงได้แต่ก้มหน้าทานข้าวโดยไม่กล้าสบตากับสุนีย์แม้แต่น้อย



หลังจากอาหารมื้อเย็นที่ค่อนข้างอึดอัดในความรู้สึกของโต้งผ่านพ้นไป สุนีย์ก็จัดยาให้กร แล้วพาไปนอนพัก จากนั้นจึงเดินไปช่วยโต้งล้างจานด้านหลังครัว



“ บอกแม่ได้รึยังว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา ฮึ... แม่หวังว่าโต้งจะไม่โกหกแม่นะ” สุนีย์ที่กำลังล้างน้ำเปล่าอยู่ เอ่ยปากถามลูกชายถึงสิ่งที่ค้างคาใจของเธอมาตั้งแต่ช่วงสาย

“ หน้าบ้านมิวฮะแม่ “ โต้งก้มหน้าตอบแม่ โดยที่ไม่กล้าสบตาเหมือนเดิม

“ หมายความว่าไง นอนหน้าบ้านมิว”

“ ก็มิวไม่ยอมให้โต้งเข้าบ้าน ตะโกนเรียกก็แล้ว ตั้งแต่หลังงานปาร์ตี้ที่จัดให้พี่จูน มิวเค้าก็หลบหน้าโต้งตลอดเลย ตอนแรกโต้งว่าจะไปค้างบ้านเพื่อน แต่ตอนกลางวันก็พึ่งจะมีปัญหากัน โต้งก็เลยไม่รู้จะไปไหน สุดท้ายก็หลับอยู่หน้าบ้านมิว”

“ แล้วเรื่องหอมแก้มผู้หญิงที่งานเมื่อคืนนี้ล่ะ อธิบายมาซิ “

“ แม่รู้ได้ไงเนี่ย “

“ ก็เราคิดจะทำอะไรไม่รู้จักเกรงใจสายตาคนอื่นเค้าซะบ้าง เห็นกันตั้งหลายคน น้าเอ๋เค้าโทรบอกแม่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว “

“ เปล่าแม่ ไม่มีอะไร ก็แค่หอมแก้มอำลากันเท่านั้นเอง “

“ คราวหน้าจะทำอะไรก็หัดระมัดระวังหน่อยก็แล้วกัน แล้วเรื่องของเรากับมิวล่ะเป็นไงบ้าง “

“ ก็ไม่รู้เหมือนกัน โต้งยังไม่ได้คุยกับมิวเลย มิวไม่รับโทรศัพท์โต้งนานแล้ว “ สุนีย์สังเกตได้ว่าน้ำเสียงของลูกชายดูเศร้าสร้อย เบาบาง ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน

“ ตอนนี้โต้งคิดยังไงกับมิว “

“ แม่อยากให้โต้งพูดสิ่งที่โต้งคิดจริงๆ หรือสิ่งที่แม่อยากได้ยินกันแน่ล่ะ “

“ ก็ต้องอยากรู้น่ะสิ ว่าหัวใจของโต้งบอกอะไรโต้ง “

“ โต้งบอกมิวไปเมื่อคืนคริสต์มาสว่า โต้งคงคบกับมิวเป็นแฟนไม่ได้ “ คำพูดของโต้งทำให้สุนีย์ใจชื้น แม้ว่าเธอจะไม่อยากเชื่อหูตัวเองก็ตาม

“ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าโต้งไม่ได้รักมิวนะ “ และแล้วคำพูดที่โต้งกลัวว่าจะทำร้ายจิตใจแม่ของเค้าก็หลุดออกมา โต้งมองหน้าแม่เพื่อรอคำตอบ แต่แทนที่จะได้คำตอบกลับจากสุนีย์ โต้งกลับเห็นสีหน้าที่มีรอยยิ้มเจื่อนๆของแม่ เหมือนกับตอนที่เค้าช่วยแม่ประดับต้นคริสต์มาสไม่มีผิด

“ โต้งคิดว่าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้วใช่มั้ย “ สุนีย์ถามกลับมาที่โต้งอีกครั้ง

“ โต้งรู้แต่ว่าโต้งรักมิวคนเดียวจริงๆ แล้วก็ไม่มีทางรักคนอื่นได้อีกแล้ว “

“ แต่โต้งก็รู้ว่าเรื่องอย่างนี้จะมีคนยอมรับได้ซะกี่คนกัน มันไม่ถูกต้อง แล้วชีวิตในวันข้างหน้าล่ะ จะเป็นไปได้เหรอโต้ง แล้วถ้าพ่อเค้ารู้ .... แม่คิดไม่ออกจริงๆนะ ว่ามันจะเป็นยังไง “ สุนีย์พยายามอธิบายให้โต้งฟังถึงเหตุผลที่ถูกต้องตามความคิดของเธอ

“ ถ้ามิวไม่ได้เป็นอย่างที่เป็น แม่จะรักมิวหรือเปล่าครับ มิวเค้าผอมไปมากเลย สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า โต้งสงสารมิวครับแม่ โต้งทำร้ายมิวไว้มากเหลือเกิน“

“ แม่น่ะทั้งรักและก็สงสารมิวมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว คิดเสมอว่ามิวก็เหมือนลูกชายคนนึง แต่เรื่องของโต้งกับมิวมันเหนือความคาดหมายของแม่จริงๆ “

“ โต้งขอโทษนะครับแม่ โต้งทำให้แม่ต้องทุกข์ใจ แต่โต้งพยายามแล้วนะ “

สุนีย์สวมกอดลูกชาย ทั้งๆที่มือยังเปียกน้ำอยู่ ไม่มีคำพูดใดๆเกิดขึ้นอีก มีแต่ความรัก ความสงสารที่เธอมีต่อลูกชาย ‘ มันจะเป็นยังไงต่อไปนะ ‘ สุนีย์ได้แต่คิดกับตัวเอง

.........................................

...............................

...................

........



ที่บ้านปิงปอง



งานเลี้ยงวันเกิดของปิงปองดำเนินไปพร้อมรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของทุกๆคน ความสุขความหรรษาอบอวลไปตลอดงาน จะมีก็แต่มิวที่ง่วนอยู่กับกระดาษตรงหน้า ในขณะที่วงออกัสต์ขึ้นไปเล่นมินิคอนเสิร์ตโดยไม่มีค่าตัวบนเวทีขนาดย่อมเพื่อขับกล่อมบรรดาแขกเหรื่อในงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนเซ้นต์นิโคลัสเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะเพื่อนร่วมห้องของปิงปอง แล้วก็มีเพื่อนข้างบ้านบ้างนิดหน่อย และยังมีนักเรียนสาวๆเด็กโรงเรียนคอนแวนต์ข้างๆกันที่เคยถูกปิงปองขายขนมจีบ มิวจำได้ว่าปิงปองเคยเอา CD ซิงเกิ้ลแรกให้กับสาวๆเหล่านั้น



“ ทำไมพี่มิวไม่ขึ้นไปร้องเพลงล่ะคะ อยากฟังเสียงพี่มิวจัง “ น้องผู้หญิงคนหนึ่งมาคุยกับมิวที่นั่งอยู่คนเดียวปล่อยให้คนอื่นสนุกสนานกัน

“ พี่ไม่ค่อยสบายน่ะครับ อีกอย่างก็อยากให้น้องแม็ก น้องอ๋องได้โชว์บ้าง น้องเค้าก็เสียงดีไม่แพ้พี่หรอก แต่ยังขาดโอกาสอยู่น่ะ “ มิวตอบเสร็จก้กลับมาสนใจกระดาษแผ่นเดิม

“ อ้าว ... เกด มากวนพี่มิวอยู่นี่เอง ไปเต้นกันต่อเหอะ ท่านอ๋องเปลี่ยนไปร้องเพลงเร็วแล้ว นานๆมันจะได้ร้องเพลงเร็วซักที พลาดรอบนี้รออีกนานเลยนะกว่าจะได้ฟังเพลงเร็วจากท่านอ๋องเนี่ย เร็วเข้า พี่มิวไม่ไปเต้นด้วยกันเหรอครับ “

“ ตามสบายเหอะเรา เจ้าของวันเกิดอะไรกันวิ่งไปนู่นไปนี่ทั้งงานเลย “

“งั้นปิงปองไปแด๊นซ์ต่อแล้วนะครับ พี่มิวกินให้อิ่มนะไม่ต้องเกรงใจ “



ปิงปองเดินกลับไปเต้นกับเพื่อนสาวแล้ว มิวก็ก้มหน้าทบทวนสิ่งที่พึ่งจะเขียนเสร็จ ‘คนธรรมดา’ บทเพลงใหม่ของมิว เพลงรักที่เรียกน้ำตาของคนแต่งไปไม่น้อยทีเดียว



“ นั่งทำเชี่ยอะไรคนเดียววะ ปาร์ตี้วันเกิดไอ้ปิงนะโว้ย หรรษาหน่อยดิวะ แล้วนี่มรึงถืออะไรในมือเนี่ย “ เอ๊กซ์ไม่รอให้มิวอนุญาตก็คว้ากระดาษแผ่นนั้นไปจากมือของมิทันที

“ คนธรรมดา เพลงใหม่หรอวะ ไหงรอบนี้แต่งเพลงเศร้าวะมรึง เอ้า..เอาคืนไปขี้เกียจอ่าน เดี๋ยวกรูพาลจะเศร้าซะฉิบ มรึงไม่ไปเต้นเหรอวะ มันส์ดีนะเว้ย”

“ แล้วไหงมรึงไม่เป็นเล่นกีตาร์ล่ะวะ มานั่งเฝ้ากรูอยู่ได้ “

“ ขี้เกียจบ้างสิวะ ก็เลยเปิดแทร็กเอา มรึงแหกตาดูซิ ไม่เหลือนักดนตรีแล้ว โน่นแดนซ์กระจาย บางคนก็กินกระจุย เหลือท่านอ๋องร้องสดอยู่คนเดียว แล้วก็มรึงที่นั่งกระจุมปุ๊ก

อยู่คนเดียวนี่แหละ “ เอ๊กซ์ตอบมิวด้วยสีหน้ากวนๆแต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยในตัวเพื่อนสนิทคนนี้ ซึ่งมิวก็สามารถรับรู้ได้ถึงความหวังดีที่เพื่อนคิ้วหนาคนนี้มีให้



หลังจากสนุกสนานกันมาพอสมควรแล้วก็ถึงเวลาเป่าเค้กวันเกิดซักที เทียนทั้ง 18 เล่มถูกจุดขึ้น บอกให้รู้ว่าเจ้าของวันเกิดมีอายุครบ 17 ปีเต็ม



“ Happy birthday to you , Happy birthday to you , Happy birthday Happy birthday

Happy birthday to you . ปู้ด........ เสียงเป่าเทียนของปิงปองที่คล้ายเสียงผายลมดังขึ้น เป็นที่ขำขันของผองเพื่อน



หลังจากที่แขกเหรื่อกลับไปหมดแล้ว มิวก็ไปนั่งหน้าคีย์บอร์ดของแวนแล้วเริ่มบรรเลงเพลงใหม่ที่พึ่งจะแต่งเสร็จทันที ทำให้เพื่อนสมาชิกที่เหลือพร้อมด้วยพี่อ๊อดหันมามอง



วันเวลาที่แสนสวยงามของเรา อาจจบเท่านั้น
เป็นเพียงเพราะเราใช้มันทำให้กันและกัน ต้องเสียใจ
เมื่อความเป็นจริงวันวานเมื่อวานนั้นผ่านไป
แต่เรายังหวัง ให้รักที่เหลือเจือจางเป็นดั่งเดิมทุกอย่าง

เราใฝ่ไปเกินฝัน จนเป็นความไม่เข้าใจ
เวลาจะแปรอะไรจากที่เป็น ไม่เว้นแม้รัก
ที่ผูกพันและเสียดาย
จนวันหนึ่งมันเปลี่ยนเราไปคล้ายใคร ไม่รู้จัก

บางทีเราเป็นเพียงคนโง่ บางทีเราเป็นเพียงคนเหงา
บางทีเราอาจเพียงต้องการแค่เรา ที่หายไป
บางทีเราเป็นเพียงคนหนึ่งธรรมดา ที่ไม่เข้าใจ


ในความหมายรักลึกซึ้ง และแสนยิ่งใหญ่ .....กว่าใครครอบครอง

เราเคยคิดว่า เราสองเราก็ต่าง เข้าใจในรัก
และพยายามทำเหมือนว่าเรารู้จัก ความไว้ใจ
ก็เคยสัญญาว่าไม่ครอบครอง เราแค่ ประคองกันไว้
แต่ความรักนั้นทำให้ทุกอย่างมันไม่ง่าย ( โอ้ )



เราใฝ่ไปเกินฝัน จนเป็นความไม่เข้าใจ
เวลาจะแปรอะไรจากที่เป็น ไม่เว้นแม้รัก
ที่ผูกพันและเสียดาย
จนวันหนึ่งมันเปลี่ยนเราไปคล้ายใคร ไม่รู้จัก



บางทีเราเป็นเพียงคนโง่ บางทีเราเป็นเพียงคนเหงา
บางทีเราอาจเพียงต้องการแค่เรา ที่หายไป
บางทีเราเป็นเพียงคนหนึ่งธรรมดา ที่ไม่เข้าใจ

ในความหมายรักลึกซึ้ง และแสนยิ่งใหญ่ ......กว่าใครรู้

แล้วมันจะผ่านพ้นไปหรือเปล่า แล้วเราจะลืมได้เมื่อไร
แล้วใจที่พังยับเยินใครจะเอาไว้ ......

รัก คือที่มาของความสุข แต่รักก็เอามันคืนไป
ไม่รู้ ใครบอกฉันซักทีว่า ความรัก...มันคืออะไร ...มันคืออะไร...ใครบอก.....ฉัน.....




Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 5 มีนาคม 2553 15:08:23 น.
Counter : 628 Pageviews.

10 comment
ตอนที่ 01 +++ ทุติยบทแห่งความรัก +++



เป็นฟิคที่มีผมกับน้องปอนด์ร่วมกันแต่งไว้ใน //www.thelittlespace.com เวบไซต์สำหรับFCรักแห่งสยามและออกัสต์

ทีแรกก็ช่วยกันแต่งอยู่ 2 คน แต่น้องปอนด์ต้องไปต่างประเทศ จึงเหลือผมแต่งอยู่แค่คนเดียวเอง

บอร์ดlittlespaceกำลังจะปิดตัวลง z,จึงเอาฟิคที่แต่งไว้มาลงในblogนี้...ขอให้ผู้อ่านทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ทุกคน มีความสุขกับฟิคนี้นะครับ








เริ่มเรื่องจากส่วนแรกที่แต่งโดยน้องปอนด์นะครับ



........................................................................




+++ เริ่มเรื่อง +++




สวัสดีวันปีใหม่แล้วววว (เพลงปีใหม่ ที่บรรเลงเบาๆ ในห้องของมิวว)

"หืมม ปีใหม่แล้วสิน่ะ . . . " มิวพูดอย่างค่อยๆ ระหว่างกำลังนั้งเล่งคอม

"มิว!!!" เสียงหญิงตะโกนอย่างเสียงดัง จากหน้าบ้านของมิวว

"มิวว อยุ่ป่าวว หญิงเองง มาเปิดประตูให้หน่อยดิ"

มิวจึงขานรับอย่างรวดเร็ว "อืมๆ เด๋ว รอแป๊ปน่ะหญิง"

ตึง ตึง ตึง ตึง !!! เสียงวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วว

แคว๊กก เสียงประตูเหล็กเก่าๆ ที่ถึงเปิดออกโดนมิวว



. . .



. .



.



"อ่าวว จ้องไรอยู่ละหญิง จะเข้ามาป่าวว เปงรัยเป่าเนี่ย" มิวถามด้วยความสงสัย

"ป่าวๆ ก้อไม่ได้เห็นมิวเสียนาน เหอะๆ ผอมลงเยอะนิ..."

"หึ หึ" มิวหัวเราะอย่างเบาๆ



เมื่อหยิงและมิวขึ้นมาถึงบนห้อง



"ว่าแต่ ไม่เด๋วนี้ หญิงไม่ค่อยเห็นมิวเรยอะ ไปไหนมาหรอ??"

"ก้อไม่ได้ไปไหนน่ะ อยู่บนห้องนี้แหละ แค่อยากอยู่คนเดียวอะ"

"อืม"

หญิงได้เดินสำรวจรอบห้องที่ดูเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจจรย์. . .

มีหลายอย่างหายไปจากห้องของมิว

"มิวๆ ไอ้ตุ๊กตาไม้หัวกลมๆ อะ มันหายไปไหนแล้วหรอ"

. . .

"อืม.... ก้อ ห้องมันรกอะ เรยจับของเก่าๆ ใส่กล่อง ทิ้งไว้ในห้องเก็บของนู่น"

กรี๊งงงงงงง (โทรศัพท์หญิงดังขึ้น)

"ฮาโยวว อ่า.. อืมๆ เด๋วจาไปเรย "

"จาไปไหนหรอ??" (มิวถามขึ้นด้วยความสงสัย)

"ไปสยามอะ เพื่อนชวนไปหาไรกิน มิวไปปะ "

"อืม ไปด้วยดิ หิวพอดีเรย ว่าแต่"

"แต่.. อะไรหรอมิว"(หญิงทำหน้าสงสัย "สงสัยถามเรื่องโต้งแน่เรยย ")

. . .

. .

.

"คือ . . . หยิงเลี้ยงเป่า เรามะมีตังอะ "

"แหม กับมิวหญิงต้องเลี้ยงอยู่แร้ว ไปเถอะ เด๋วจาช้า!!"

บืน!! รถคันใหม่ของหญิงถูกสตาร์ต และขับออกไปอย่างเร็วว



ณ ร้านสมตำร้านประจำ....



"เอ่อ แล้วเมื่อไหร่ไอหญิงจะมา" โต้งถามขึ้น

"เด๋วก้อมาแหละ มันช้าแบบนี้ประจำ" ...



ทันใดนั้น

"มิวๆ รอนี้ก่อนน่ะ เด๋วหญิงไปบอกเพื่อนก่อนว่ามิวมาด้วย"

"ฮืมๆ ไปเถอะ ว่าแต่ เร็วๆน่ะ หิวจาตายแระ "



. . .

. .

.

"เอ้า หญิงมาเร็วๆดิ โต้งรอน้าน นาน หิวแระเนี่ย"

หญิงเงียบลง และก้มหน้าลง พร้อมกับพูดว่า

"คือ เรามีไรจะบอกอะ "

. .

"ไรของแกอะไอหญิง พูดมาดิ"

..

"คือ เราพาเพื่อนมาคนนึง เราให้เขามากินด้วยได้ปะ"

. .

"เออ เท่านี้ก้อจบ แหม นึกว่าเรื่องเป็นเรื่องตาย ทัมหน้าเสียเครียดเชียว"

"ให่มันมานั้งข้างไอโต้งละกัน"

. .

. .

.

"มิว ไปเหอะ เพื่อนเราหรออยู่อะ"

ด้วยความหิว มิวจึงรีบเข้าไปในร้านโดยเร็ว และเข้าไปนั้งในที่ ที่เพื่อนๆของหญิงได้เตรียมไว้ให้ แต่หารู้เรยไม่ ว่าคนที่นั้นข้างนั้น คือใคร . . .

"ไอหญิงๆ นี้มึงพาแฟนไอโต้งมาหรอ เด๋วมันก้อเปงเรื่องหรอก"เพื่อนสาวกระซิปบอกหญิง

. . .

"มิวว" โต้งเรียกมิว ด้วยความคาดไม่ถึงว่า เพื่อนคนที่หญิงจะพามานั้นคือ ... มิว

. . .

"หม่ำๆ หา !!! มีไร " มิวกิงปีกไก่โดยไม่ได้มองหน้ากินมามอง

แต่แล้ว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น. . .

" ต ต ต โต้ง"

น้ามตาจากความเจ็บปวดที่มิวได้รับ เริ่มไหลรินออกมา

"หญิง เราขอตัวน่ะ" มิวรีบหลุกออกจากที่นั้ง แล้ววิ่งจากไปโดนเร็ว

. . .

. .



.





Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 5 มีนาคม 2553 15:06:20 น.
Counter : 578 Pageviews.

5 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments