Group Blog
All Blog
|
ตอนที่ 33 +++ หาย +++
มิว.........มิว........เชี่ยมิวโว้ย.......... พี่มิว..........น้องมิวคะ.............. เสียงเรียกมากมาย ที่พากันร้องเรียกท่ามกลางสายฝน แต่ก็ปราศจากเสียงตอบรับกลับมาจากผู้ถูกตามหา พยายามอยู่นานนับชั่วโมง ผู้คนเริ่มบางตา ส่วนใหญ่ทยอยกลับบ้านไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีใครที่เห็นนักร้องหนุ่มแม้แต่คนเดียว
พี่ลองโทรหลายครั้งแล้วนะโต้ง แต่ก็ไม่ติดเลยอะ ไม่รู้ปิดเครื่องรึเปล่า หรือมิวมันลืมเครื่องทิ้งไว้ที่บ้านมันวะ แวนลองถามดู กรูเห็นกับตา ว่ามันถือติดมือมาด้วย ก่อนขึ้นเวที ยังโทรตามกรูที่นั่งขี้ในส้วมอยู่เลย เอ๊กซ์บอก หรือว่ามิว จะเดินกลับบ้านไปแล้ววะ ต่อลองหยั่งเสียง งั้นม๊ามันก็โทรมาบอกพวกเราแล้วดิ เอ็มพูดบ้าง แล้วพี่มิวเค้าจะหายไปไหนได้ล่ะครับ ปิงปองถามพี่ๆคนอิ่นๆ เอางี้นะ.... ปิงปอง พาพวกเพื่อนๆที่เพิ่งมาถึงกับน้องๆไปพักผ่อนที่บ้านมิวก่อน แม่มิวบอกว่าเตรียมห้องไว้พร้อมแล้ว ไปกันก่อน ไม่ต้องห่วงหรอก ดึกแล้ว แถมเจอฝนอีก เดี๋ยวจะไม่สบายกันซะหมด อย่าห่วงน่า เดี๋ยวพวกพี่จะเอารถอีกคันลองวิ่งตามหาแถวๆนี้ดู เผื่อมิวจะไปแถวๆนี้แหละ ครับ...... มิว..... หายไปไหนของเค้ากันนะ โต้งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใยที่เครือไปด้วยความกังวล ถึงแขนจะยังเจ็บ แต่โต้งก็กระตือรือร้นในการตามหามิวมาก มากจนเพื่อนคนอื่นๆอดเป็นห่วงใม่ได้ พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว การตามหาหยุดลง โดยที่ยังไม่พบตัวของนักร้องหนุ่ม ท่ามกลางความสับสนและสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักเมื่อคืนนี้นั้น นักร้องหนุ่มผู้นำวงออกัส หายไปโดยไม่มีใครรู้ว่ามิวไปอยู่ที่ไหน หรือจะไปไหน ความกังวลใจแผ่ซ่านไปทั่วทุกตัวตน ทุกคนรักมิวและเป็นห่วงมิวมาก แต่ก็ตามหาไม่เจอซักที ความทุกข์ใจเหล่านั้นเข้าถึงหัวใจของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เถ้าแก่ใหญ่ผู้เป็นพ่อ เราอธิบายเรื่องรูปให้เถ้าแก่ฟังแล้วนะ แกก็เข้าใจดี เพราะคืนนั้น เราก็ไปด้วย ช่วยยืนยันได้ คุณบีบอกกับทุกคนที่ยังคงห่วงเรื่องนี้อยู่ แล้วเค้ารู้มั้ยคะ ว่ามิวอยู่ที่ไหน จูนถาม แกก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณบีตอบ ป๊าพี่มิวใจร้ายจัง ที่ตบหน้าพี่มิวไปน่ะ แรงมากนะนั่น ผมแอบเห็นนะครับ แดงเป็นรอยใหญ่ชัดเลย ขนาดว่ามืดแล้วนะ นักเป่าทรัมเปตรุ่นน้องออกความเห็น จริงอย่างน้องอาร์มว่า ป๊าพี่มิวมือหนักจริงๆ ทำกับพี่มิวขนาดนั้น ไม่เกินไปหน่อยหรอ คอรัสร่างเล็กพูดจบก็หันไปพยักหน้ากับคอรัสร่างหนากว่าอีกคนนึงที่พยักหน้าตอบแสดงความเห็นด้วย ท่านอ๋อง.....อาร์ม.... ม๊ามิวอยู่ตรงนี้ด้วย จะพูดอะไรก็......นะ ปิงปองเตือนสติเพื่อนกับรุ่นน้อง แล้วมีใคร ลองโทรไปที่บ้านกรุงเทพฯบ้างรึยังคะ พี่จูนเอ่ยถาม แม่ลองโทรไปที่บ้านที่กรุงเทพฯ แต่ติดต่อใครไม่ได้เลยจ้ะ ไม่รู้ป้าอรไปไหน ที่บ้านหญิงก็ไม่มีใครอยู่ซักคน เฮียพาหม่าม๊าไปเที่ยวเชียงใหม่ ยังไม่กลับเลย คุณบีครับ ตอนที่คุณเข้าไปคุยกับเถ้าแก่หลิว เอ่อ.....คือ...... เถ้าแก่เค้า เป็นไงบ้างครับ โต้งถาม แกก็โกรธจนตัวสั่นอยู่น่ะสิ ทีแรกอะนะ แต่ตอนนี้ เหมือนแกจะตัวสั่นเพราะตกใจกับสิ่งที่ทำลงไปมากกว่า คุยไป เหงื่อก็ไหลออกไป เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ได้แต่ถือแหวนหยกสีเขียวอ่อนในมือ จับแน่นเลย ทั้งๆที่มือแกก็สั่นอยู่อะนะ คุณบีตอบ ลึกๆแล้ว แกก็คงเสียใจล่ะลูก เพราะแกเกือบจะใจอ่อนอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อน แล้วนี่เราจะเอายังไงกันต่อดี พี่เช็กข่าวกับพี่อ๊อดที่กรุงเทพฯแล้ว รายการข่าวเช้าทั้งหลาย เอามาคุยมาเม้าท์กันเลย กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ไปแล้วเนี่ย แล้วยังมามีเรื่องที่มิวหายไปอีก นี่ถ้านักข่าวรู้นะ ว่ามิวหายตัวไปแบบนี้ล่ะก็ ไม่อยากจะคิดเลย แล้วน้านีย์ล่ะโต้ง คุยกันรึยัง หญิงถามชายคนรักของคนที่ตนเคยแอบรัก แม่ไม่ว่าอะไรซักคำ แกบอกให้เราใจเย็นและเข้มแข็งไว้ ตอนนี้ให้เราหามิวให้เจอก่อน งั้น.....เราลองขับรถตระเวนหาตามบ้านพักหรือบ้านเช่าหรือโรงแรมแถวนี้ดูมั้ย เผื่อมิวจะไปที่นั่น คุณบีออกความเห็น ซึ่งทุกคนก็เห็นพ้องและพากันออกไปตามหา .... .... ตามหาบริเวณนั้นจนทั่ว แต่ก็ยังไม่เจอ ก็เริ่มขับรถเข้าเมืองบ้าง เผื่อจะพอมีความหวังอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม การตามหา ก็ไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี ทำเอาโต้งยิ่งร้อนใจหนักขึ้น ผมว่ามิวน่าจะกลับกรุงเทพฯ เพราะที่นั่นมีความหมายที่สุดสำหรับมิว โต้งเสนอ เอางี้ .... เราลองตามหาในระยองอีกหนึ่งวัน ถ้ายังไม่เจอ พรุ่งนี้เช้า เรากลับกรุงเทพฯกันเลย พี่จูนบอก การตามหามิวตลอดทั้งวันท่ามกลางความอ่อนเพลียของเพื่อนๆก็ยังไม่เป็นผล เอ๊กซ์ที่เริ่มท้อใจแล้ว เหลือบไปเห็นเจดีย์ของวัดๆหนึ่ง เลยพนมมือขึ้นไหว้ เจดีย์ครับ ถ้าพวกเราตามหาไอ้มิวจนพบ พวกเราออกัสจะปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯมาที่ระยองนี่เลยครับ เอาจริงเหรอวะไอ้เอ๊กซ์.... เจดีย์ครับ พวกผมหมายถึงแค่พวกที่จบม.หกแล้วเท่านั้นนะครับ รุ่นน้องไม่เกี่ยว แวนรีบแก้ เพราะไม่อยากดึงรุ่นน้องมาลำบากด้วย เอาไงก็เอา เจดีย์ครับ ....ถ้าไอ้มิวมันปลอดภัยดีในระยอง พวกผมสี่คน จะปั่นจักรยานมาระยองกันครับ ต่อเสริมแรงอีกคน เผื่อว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง ไม่ถามกรูเลยซักคำนะพวกมรึง ว่ากรูอยากรึเปล่า.... ไอ้สาดพวกนี้นี่.... เจดีย์ครับ ผมก็อธิษฐานอย่างเดียวกันกับเพื่อนๆนะครับ เอ็มก็ไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน เจดีย์ครับ ถ้าผมเป็นคนแรกในกลุ่มที่เจอมิว ผมจะวิ่งรอบเกาะเสม็ดสามรอบเลยนะครับ โต้งก็ร่วมอธิษฐานด้วยคน เพราะว่าตนอยากเจอมิวมากๆ และลึกๆแล้ว โต้งก็แอบคิดในใจว่ามิวน่าจะกลับกรุงเทพฯไปแล้ว และกำลังรอให้ตนไปหาอยู่แน่ๆ ... ... เฮีย.... ขอเช่าบ้านพักหลังนั้นครับ เสียงใครบางคนกำลังเจรจาขอเช่าบ้านพักอยู่ หลังนั้นมันเก่าแล้วนะคุณ จะอยู่ได้เร้อ ได้สิครับ สบายมาก... งั้นก็ได้.... คิดคืนละสามร้อยแล้วกัน มันเก่าใกล้พังแล้ว ว่าแต่คุณชื่ออะไรล่ะ หน้าคุ้นๆนะเนี่ย บาสครับ..... ผมชื่อบาส" ร่างโปร่งที่มาขอเช่าบ้าน กระชับแว่นกันแดดให้แน่นขึ้น พลางเดินตามเจ้าของไปที่บ้านพักหลังโทรมๆหลังหนึ่งที่กำลังรอการซ่อมแซม เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังมาจากทางด้านข้าง เสียงคลื่นที่แสดงถึงความเงียบเหงา มาที่นี่เป็นครั้งแรกรึเปล่าอะเรา ฮึ..ว่าไงล่ะพ่อหนุ่ม เจ้าของเอ่ยถาม เคยมานานแล้วครับ ตอนเป็นเด็กโน่นแน่ะ ชายหนุ่มตอบ ... ... มิว..... มิวอยู่รึเปล่า มิว" ยามดึกของคืนวันอาทิตย์ เสียงชายหนุ่มร้องเรียกหาคนรัก ไป.... ไปตามหากันที่อื่น.... เสียงของข้างบ้านที่รำคาญตะโกนออกมา ไงวะโต้ง..... เจอไอ้มิวป่าววะ เอ๊กซ์เอ่ยถามคนรักของเพื่อนรัก ไม่มีใครตอบกลับมาเลยว่ะ บ้านก็ล็อก ไม่รู้ป้าอรไปไหน แล้วโต้งไม่มีกุญแจสำรองบ้านมิวบ้างหรอ หญิงเอ่ยถาม มิวก็ว่าจะปั๊มให้อยู่นะหญิง แต่ยังไม่ได้โอกาสซะที แล้วนี่จะทำยังไงดีล่ะ พูดไม่ทันจบดีนัก เสียงโทรศัพท์ของคู่สนทนาก็ดังขึ้น ค่ะม๊า ป้าอรไปเที่ยวกับหม่าม๊าแล้วก็เฮียของหนูเหรอคะ อะไรนะคะ ใต้กระถาง อ๋อคะ ขอบคุณค่ะ หญิงวางสายแล้วหันมาคุยกับโต้งต่อ ป้าอรไปเที่ยวกับหม่าม๊าน่ะโต้ง แต่ม๊ามิวโทรมาบอกว่า ป้าอรแกซ่อนกุญแจไว้ที่ใต้กระถางต้นไม้น่ะ ให้เราลองหาดู คืนนี้นายจะนอนที่นี่เหรอวะ นักกีตาร์คิ้วหนาลองถามดู ทั้งๆที่รู้คำตอบในใจ อื้อ....ไม่อยากกลับบ้านน่ะ ดึกแล้ว เดี๋ยวต้องลำบากแม่ตื่นมาเปืดประตูให้อีก งั้น......นอนคนเดียวได้ใช่ปะ แบบว่า...... อะไรหรอเอ๊กซ์ ก็......อาม่าไอ้มิว แก....เสียที่นี่ใช่มะ... แล้ว..... จะให้นอนคนเดียว....คือ.... นี่เอ๊กซ์กลัวผีอาม่าหรอ หญิงเอ่ยถาม ปล๊าววววววววววววววววว.......ไม่กลัววววว หนุ่มคิ้วหนาปฏิเสธเสียงสูง ไม่เป็นไร เรานอนคนเดียวได้ ถ้าอาม่า มาก็ดีน่ะสิ จะได้ถามอาม่าว่ามิวไปไหน แล้ว....หญิงล่ะ นอนเฝ้าบ้านคนเดียวได้หรอ ให้เรานอนเป็นเพื่อนมั้ย.....เฮ้ยยยย....ล้อเล่น....อย่าทำหน้าอย่างนั้นดิ ................... รู้จ้ะรู้.....ว่าเจ๊น่ะเก่ง.....โอเค...... งั้น.....เรากลับก่อนนะ ...... โต้ง ... เราไปก่อนนะ" เอ๊กซ์โบกมือลาโต้ง ก่อนจะหันไปสบตาหญิง แล้วกระซิบเสียงดังว่า.... น่าร็อกกกก....อะ บ้า... ไปได้แล้ว รถตู้จอดคอยอยู่ ไม่เห็นเหรอไง หญิงชี้ให้เอ๊กซ์ดูรถตู้ที่จอดคอยอยู่ นอกจากคนขับก็ไม่มีใครอยู่ในรถแล้ว เพราะทยอยส่งผู้โดยสารคนอื่นๆจนหมด เหลือแต่มือกีตาร์วงออกัสที่รั้งท้ายสุด งั้น ถ้าคืบหน้ายังไง ก็..... โทรหาเรานะ เอ๊กซ์สั่งลา และขึ้นรถตู้ไป ทิ้งห็หญิงคุยกับโต้งสองคน .... .... นี่ดีนะโต้ง ที่พวกเรากลับมาถึงเอาดึกป่านนี้ พี่อ๊อดแกบอกว่า กองทัพนักข่าวไปดักรอสัมภาษณ์มิวที่บริษัทเต็มเลย นี่ยังไม่รู้เลยนะเนี่ย ว่าถ้าเจอมิวแล้ว มิวจะต้องมาตอบสัมภาษณ์นักข่าวยังไงดี แม่เราบอกว่า ตอนกลางวัน แวะมาที่นี่เผื่อจะเจอมิว แต่เห็นนักข่าวมารอกันเต็มหน้าบ้านเลย สงสัยจะมาดักเจอมิว ดีนะ ที่พวกเราไม่กลับกันมาตั้งแต่เช้าน่ะหญิง ไม่งั้น เราเองคง..... โต้งทำสีหน้ากังวล โต้งก็คงจะโดนนักข่าวรุมสัมภาษณ์น่ะสิ... แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง โต้งจะตอบนักข่าวยังไงล่ะ ไม่รู้สิหญิง.... ไม่รู้เหมือนกัน โต้งตอบคำตอบแบบเดิมอย่างคนที่ไม่มั่นใจตนเองอีกครั้ง ถึงเวลานั้นจริงๆ ถ้าโต้งตอบอย่างเมื่อกี้นี้ มีหวัง กลายเป็นประเด็นอีกแน่ๆ ว่าแต่ โต้งอ่านเนื้อหาข่าวละเอียดแล้วใช่ปะ อือ.....อ่านหมดแล้ว เจ๊หกเจ็ดแปดอะไรนั่น ไม่รู้ไปหาข้อมูลมาจากไหน ขุดเก่งชะมัด รู้กระทั่งเรื่องที่พี่สาวเราหายไป เรื่องที่พ่อเราติดเหล้า แล้วยังเรื่องที่มิวผ่าตัดเอาตับไปช่วยพ่ออีก นอกจากพาดหัวที่ดูน่ากลัวแล้ว หญิงว่าเนื้อหาข่าวก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก ออกจะซึ้งเอาซะด้วยซ้ำ ถ้าถามหญิงนะโต้ง หญิงว่า ถ้าลองเจ๊หกแกขุดคุ้ยได้ขนาดนี้ล่ะก็ ยังไง โต้งกับมิว เปิดแถลงข่าวพร้อมกันไปเลย เล่าเรื่องราวของโต้งกับมิวให้คนอื่นได้ฟัง แล้วค่อยมาเช็กกระแสกัน ว่าจะเป็นยังไง จะเอาอย่างงั้นจริงๆเหรอหญิง แล้วมิวเค้าจะไม่..... คือ.... มิวเค้าเป็นนักร้องนะหญิง แล้วจะทนได้หรอ ที่ต้องคอยหลบสายตาคนอื่นๆที่เค้ามองมาแบบ....... แล้วมันจะมีทางที่ดีกว่านี้เหรอโต้ง หรือจะเอาแต่หลบหน้าหนีไปเฉยๆ ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเนี่ยนะ สู้เรากล้าเผชิญความจริงดีกว่า วันนี้ อาจจะมีหลายคนที่ไม่เข้าใจมิวกับโต้ง อาจจะมีแฟนเพลงบางคนที่รู้สึกเจ็บปวด แต่เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นเอง วันนึง พวกเค้าจะต้องเข้าใจ ขนาดหญิงที่เคย.....นั่นแหละ โต้งก็รู้ ขนาดน้านีย์ แม่ของโต้งที่เมื่อก่อนก็ทำใจยอมรับไม่ได้ แต่ตอนนี้ พวกเรายังเข้าใจ พวกเรายังมีความสุขกับการได้เห็นมิวกับโต้งรักกัน หญิงเชื่อว่า..... ซักวัน ทุกคนจะเข้าใจ และมีความสุขที่ได้เห็นคนที่รักกัน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แล้วเรื่องของป๊ามิวล่ะหญิง เถ้าแก่เค้าจะ..... ป๊ามิวน่ะ รักมิวมาก ถึงจะมากเกินไปก็ตาม ที่จริง ม๊ามิวก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าป๊าแกทำใจยอมรับได้แล้ว แต่ติดที่ว่า แกอายเพื่อนฝูงและแคร์คนพวกนั้นไปหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าคนพวกนั้นรู้จักมิวกับโต้งดีขึ้น รับรู้เรื่องราวของโต้งกับมิวมากขึ้น ก็ย่อมจะเป็นอย่างพวกเรา ที่เข้าใจโต้งกับมิวแน่นอน ก็......... แต่ถ้าโต้งอยากจะสบายใจเรื่องป๊าล่ะก็.... งั้นก็มีวิธีเดียว หาแหวนหยกของอาม่าให้เจอ รับรอง...ว่าป๊าไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน คุยกับหญิงนี่ก็ดีเนอะ เริ่มจะหายง่วงแล้วสิ หญิงก็ไม่ง่วงแล้วเหมือนกัน ถ้ายังไง คืนนี้ เราลองช่วยกันหาแหวนดีมั้ย เผื่อว่าพรุ่งนี้จะต้องเตรียมใจรับมือกับปัญหาอีกเพียบ อะไรหรอหญิง ก็ม๊าของมิวน่ะสิ บอกว่าพรุ่งนี้ ป๊ามิวจะขึ้นมากรุงเทพฯ และเก็บข้าวของของมิวเอาไประยองให้หมดเลย และจะอาจจะไม่ให้มิวมาอยู่ที่นี่อีก เพราะฉะนั้น โต้งก็ควรจะรีบหาแหวนให้เจอ ก่อนที่ป๊ามิวจะมาถึง จะได้มีข้อต่อรองกับป๊าได้ งั้น เราเข้าบ้านมิวกันเถอะ เราเจอกุญแจใต้กระถางแล้วล่ะ ช่วยกันหกคน น่าจะดีกว่าหากันแค่สองคนมั้ย.... เสียงคุ้นหูของคนคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหน้าปากซอย โต้งและหญิงหันไปมอง ชายหนุ่มคิ้วหนา ยืนอยู่กับเพื่อนร่วมวงออกัสและร่วมชั้นเรียนกับมิวอีกสามคน เอ๊กซ์ ต่อ แวน เอ็ม... ก็ไหน กลับบ้านกันไปหมดแล้วไง หญิงเอ่ยถาม ขณะที่โต้งทำหน้ากึ่งแปลกใจระคนดีใจ ที่เห็นน้ำใจจากเพื่อนๆของมิว ก็ทีแรก พวกเราก็กลับบ้านกันหมดแล้ว แต่ว่า...... แวนพูดไม่จบก็มีเสียงพูดแทรก แต่พวกเรารู้สึกไม่สบายใจ และก็ยังห่วงไอ้มิวมันอยู่.... เราก็เลย ต่อพูดบ้าง ก็เลยตามาดูให้รู้เรื่องกันไป เผื่อจะมีอะไรที่ได้ช่วยกันทำแล้วพวกเราจะได้สบายใจขึ้น เอ็มพูดจบก็หันไปทางเอ๊กซ์ รอให้เอ๊กซ์พูดบ้างอีกคนนึง เมื่อกี้นี้รถตู้แล่นไปถึงหน้าถนน เจอพวกมันสามคนเดินเข้ามาพอดี บวกกับเรากำลังปวดขี้ ก็เลยขอพี่เขาลงรถ แล้วตั้งใจจะกลับมาตดที่บ้านไอ้มิวนี่แหละ มือกีตาร์คิ้วหนาพูดติดตลกบ้างอะไรบ้าง ไอ้เชี่ยเอ๊กซ์... สามสหายที่มาทีหลังด่าเพื่อนพร้อมกัน ขอบใจทุกคนมากนะ ขอบใจจริงๆ โต้งกล่าวกับทุกคนพร้อมรอยยิ้ม ไอ้มิวมันก็เพื่อนรักของพวกเราเหมือนกันนะโต้ง เพื่อนรักกันน่ะ ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว แวนพูด ใช่.... แค่ไม่คิดว่า.... พวกเราจะใจตรงกัน มาพร้อมกันโดยไม่ต้องโทรนัดเนี่ยแหละ ต่อบอก ก็คบกันมาจนจะเป็นเพื่อนตายอยู่แล้วเนี่ย ไม่ต้องพูดก็รู้ใจอยู่แล้ว เอ็มพูดจบ ก็หันไปทางเอ๊กซ์ ลุ้นให้เอ๊กซ์พูดอะไรซึ้งๆปิดท้ายกับคนอื่นเขาด้วยคน ไอ้เรื่องเพื่อนกันไม่ทิ้งกันเนี่ย ..... กรูเข้าใจ แต่ตอนนี้กรูปวดขี้ พวกมรึงช่วยหยุดพูดมาก แล้วให้ไอ้โต้งมันไขกุญแจเร็วๆได้ป่าววะ กรูจะขี้แตกอยู่แล้ววววววว คำพูดของเอ๊กซ์ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมา โต้งรีบไขกุญแจ แล้วพาทุกคนเข้าไปในบ้าน และโดยที่ไม่ต้องรอคนอื่น มือกีตาร์คิ้วหนาจ้ำพรวดไปหาห้องส้วมเป็นที่แรก เราจะเริ่มหาจากตรงไหนก่อนดีล่ะ ต่อหันไปถามโต้งกับหญิง ที่คุ้นเคยกับบ้านนี้ดีกว่าพวกตน และยังรู้จักอาม่ามาก่อนที่ท่านจะเสีย ก็คงต้องเริ่มจากห้องนอนเก่าของอาม่านั่นแหละ หรือไม่ก็ห้องมิว และก็แถวห้องนั่งเล่นนี้ โดยเฉพาะที่เปียโน เพราะอาม่าผูกพันกับเปียโนหลังนี้มาก หญิงบอก เปียโนเก่าของอากงน่ะ แต่มิวบอกว่า รื้อมาดูหมดแล้ว แต่ก็ไม่เจอ โต้งบอกหญิง งั้นอาม่าก็อาจจะเอาแหวนไปไว้ที่ไหนซักที่ ที่มีความทรงจำของอาม่ากับอากง หรืออาม่ากับมิวอยู่แน่ๆ แวนพูด พลางสำรวจดูเปียโนอีกครั้งอย่างชื่นชม เพราะตนก็เป็นนักเปียโนฝีมือดีเช่นกัน แต่คงไม่ต้องไปหาในห้องน้ำหรอก เพราะป่านนี้ ไอ้ห่าเอ๊กซ์มันคงสำรวจหมดแล้วมั้ง เอ็มบอกเพื่อนๆ ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้น ก็เริ่มแยกย้ายกันไปหาในสิ่งที่ทุกคนต่างปรารถนา และหวังว่าจะได้พบ แหวนหยกสีเขียวเข้ม ของแทนใจจากอาม่า นั่นเอง .... .... เหน็ดเหนื่อยอยู่หลายชั่วโมง จนร่างการเริ่มจะอ่อนล้ากันไปหมด แต่ก็ไม่พบสิ่งที่ช่วยกันตามหาเสียที เกือบจะรุ่งสางสว่างอยู่รอมร่อแล้ว ในที่สุด ทุกคนก็เริ่มถอดใจ และมารวมตัวกันในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เอาไงดีวะ หาจนทั่วบ้านแล้ว แต่ยังหาไม่เจอเลย มือกลองของวงบ่นเป็นคนแรก มีที่ไหนหลุดรอดสายตาไปรึเปล่าวะโต้ง แวนเอ่ยถาม ก็ไม่นะ ห้องอื่นๆก็รื้อกันจนทั่วแล้ว ปกติ มิวจะมีระเบียบและสะอาดมาก คงไม่มีของอะไรที่พ้นสายตามิวไปได้หรอก แล้วห้องนอนล่ะหญิง ว่าไง" ก็เหมือนเดิมอะโต้ง หญิงค้นทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไร แล้วของส่วนใหญ่ ก็เป็นของๆมิว ที่มิวเค้าเอามาไว้ในห้องตอนหลังจากที่อาม่าเสียแล้วทั้งนั่นด้วย แล้วทำไมนายไม่ค้นเองวะโต้ง เคยเข้าไปนอนตั้งหลายหน มือเบสเป็นฝ่ายถาม ก็....ไม่รู้ดิ คงเป็นเพราะ ทุกครั้งที่เราเข้าไป จะมีมิวอยู่ด้วยเสมอ แต่ครั้งนี้........ ครั้งนี้ไอ้มิวมันไม่อยู่ นายก็เลยรู้สึกไม่ดี รู้สึกเหมือนกับว่า มันจะเป็นลางร้าย ที่นายจะไม่ได้กลับมานอนเคียงข้างกันอีกใช่มั้ยวะ เอ๊กซ์ช่วยตอบแทนโต้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้า แต่หญิงว่าครั้งนี้ ที่หญิงเข้าไปในห้องมิว มันเหมือนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนๆไปนะ อะไรหรอหญิง หญิงรู้สึกว่ามิวกลับมาที่นี่แล้วทำอะไรบางอย่างในห้องหรอ โต้งกระตือรือร้นถาม ไม่ใช่โต้ง แค่แบบ เหมือนมีอะไรบางอย่างเพิ่มเข้ามาในห้องน่ะ แต่หญิงนึกไม่ออก เพิ่มเข้ามา......อะไรวะ งั้นไปดูกันดีกว่า จะได้ชวยกันนึกให้ออก เอ๊กซ์ชวนเพื่อนๆขึ้นไปดู เปิดห้องนอนของมิวด้วยใจที่สั่นระริก เอ๊กซ์และหญิงเข้าไปเป็นสองคนแรก ตามด้วยสมาชิกออกัสคนอื่นๆ ชายหนุ่มผมเกรียนร่างสูง คนเดียวที่เคยเข้ามานอนค้างคืนในนี้ เข้ามาเป็นคนสุดท้าย หนุ่มคิ้วหนาพยายามเปิดสวิตซ์ไฟ แต่ก็ไม่ติด ห้องนอนของมิวเหมือนจะพยายามกีดกันไม่ให้คนนห้องเห็นสิ่งที่หญิงสาวยังนึกไม่ออก ตอนที่หญิงเข้ามา ไฟมันก็กระพริบจวนจะดับอยู่แล้วล่ะ ทีแรกหญิงกลัวแทบแย่ กลัวทั้งความมืด กลัวจะเป็นรางไม่ดี.... หยิงหยุดคำพูดแค่นั้น แล้วพยายามหันไปมองโต้งในความมืด ที่เห็นเพียงเงาสลัวๆจากแสงไฟภายนอกที่ลอดเข้ามาได้บ้าง งั้นกรูไปเปิดม่านก่อน เอ๊กซ์เดินเลียบขอบเตียงของมิว ฝ่าความมืดไปจนถึงสายชักผ้าม่าน ค่อยๆดึงออกช้าๆ หวังจะเห็นแสงไฟจากถนนนอกบ้านที่ช่วยส่องเข้ามาบ้าง แต่ลืมไปว่า ตอนนี้ก็จวนจะสว่างอยู่แล้ว แสงพระอาทิตย์กำลังขึ้น และไรอ่อนๆของแสงแดดยามอรุณก็ส่องเข้ามาในห้องให้พอได้มองเห็นความเป็นไปทั่วได้บ้าง สายตาห้าคู่จ้องมองกันและกัน และมองไปที่แสงอรุณที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของเพื่อนรัก หากแต่สายตาของชายหนุ่มผมสั้นร่างสูง กลับจับจ้องอยู่ที่ภาพวาดที่ประดับอยู่บนผนังห้องฝั่งตรงข้ามกับเตียง หญิงสาวชี้ให้หนุ่มๆสมาชิกวงออกัสได้ดูในสิ่งที่โต้งกำลังจ้องดูตาไม่กระพริบ เสียงๆหนึ่ง ดังขึ้นในโสตประสาทและช่วยให้สติความจำแก่โต้ง......................... อือ... ตอนไประยองกับอาม่าก่อนที่แกจะล้มป่วยน่ะ ตอนนั้นเรากับอาม่าไปบ้านป๊าที่ระยอง แล้วเพราะอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆอาม่าก็พาเราออกจากบ้านป๊า แล้วก็หนีไปที่เกาะเสม็ด เราติดพายุอยู่ที่โน่นกับอาม่าหลายวัน จะว่าไป ก็เป็นเดือนนี้เมื่อห้าปีก่อนพอดี ตอนที่เราจบม.หนึ่งใหม่ๆน่ะ จำได้ว่าอาม่าเช่าบ้านหลังเล็กๆอยู่ด้วยกัน เรานอนฟังอาม่าเล่านิทานให้ฟัง อาม่าชอบเล่าเรื่องอากงอยู่บ่อยๆด้วย บ่อยเป็นพิเศษเลยล่ะ เราก็เลยวาดรูปนี้ให้อาม่า เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความรักของอาม่ากับอากง ทะเลกับท้องฟ้าไงโต้ง สองสิ่งที่ไม่อาจอยู่คู่กัน อากงน่ะ จากอาม่าไปหลายปีแล้ว ก็หมายความว่า อากงกับอาม่า ไม่สามารถอยู่เคียงคู่กันได้ ก็เหมือนกับทะเลกับท้องฟ้า ที่ไม่อาจอยู่เคียงคู่กัน นอกเสียจาก.... ทั้งคู่จะมาบรรจบกันบนเส้นขอบฟ้า ถึงแม้ว่าทะเลกับท้องฟ้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ที่จริงแล้ว เรายังคงเห็นมันอยู่คู่กันได้ เห็นทุกวัน โดยไม่พรากจากกัน ท้องฟ้าและท้องทะเลยามที่พระอาทิตย์ขึ้นนี่ สวยดีนะโต้ง รุ่งอรุณแห่งความหวัง ที่ส่องแสงสว่างให้ทะเลกับผืนฟ้าบรรจบกัน และอยู่เคียงคู่กันอย่างสวยงาม ตราบใดมีรัก ก็ย่อมมีความหวัง หญิง เอ๊กซ์ ทุกคน เรารู้แล้วแหละ ว่ามิวอยู่ที่ไหน โต้งพูดด้วยรอยยิ้มมีความหวัง ..... ..... ดวงตะวันยามเช้าส่อง........ ชายหนุ่มนั่งอยู่บนชายหาดเพียงลำพัง ภาพพระอาทิตย์ขึ้นปรากฏแก่สายตาสีน้ำเงินที่ถูกสวมทับด้วยแว่นกันแดดเลนส์เปลี่ยนสีแบบสีเขียวชากรอบแว่นสีดำสะดุดตายิ่งนัก หนวดปลอมเส้นบางๆที่ติดไว้หลอกๆ กับวิกผมที่รับกับโครงหน้าดูแล้วประหลาดตา ร่างโปร่งกำลังพิจารณาท้องทะเลสีเขียวที่กำลังบรรจบกับท้องฟ้าโดยมีสีทองของแสงตะวันเป็นตัวเชื่อม ชีวิตผู้คนกำลังเคลื่อนไหว..... รอบๆชายหาดที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ เจ้าของบังกะโลเล็กๆหลายเจ้า กำลังง่วนอยู่กับการจัดเก็บห้องพัก เช้าวันจันทร์อาจจะมีนักท่องเที่ยวไม่หนาตามากนัก แต่ก็ใช่จะบางตาเสียทีเดียว บ้างก็ยังหลับอุตุอยู่ แต่ก็มีไม่น้อย ที่ออกมาชมพระอาทิตย์ขึ้น หลายคนแอบหันมามองที่ชายหนุ่มเป็นระยะพร้อมกับใบหน้าที่ชวนสงสัยอะไรบางอย่าง ช่างดูสับสนเวียนวนวุ่นวาย..... ในใจของชายหนุ่มนั้นแสนสับสนตนเองและตัดสินใจไม่ถูก นั่งชมดวงตะวันอย่างเหงาๆสักพัก ก็กลับเข้าบ้านพักที่จองไว้เป็นส่วนตัว คว้าหนังสือข่าวบันเทิงขึ้นมาอ่านเนื้อความด้านในอีกครั้ง อ่านอีกหนหลังจากที่ได้อ่านไปแล้วเมื่อวานนี้ โต้งจะเป็นยังไงบ้างนะ ชายหนุ่มรำพึงเบาๆ ก่อนจะล้วงสร้อยคอรูปกางเขนมากำไว้แน่น แล้วล้มตัวไปบนที่นอน กอดหมอนถอนหายใจเพียงลำพัง .... ... ช้านว่าใช่นะเว้ย...... ผู้ชายคนที่เช่าบ้านหลังนั้นน่ะ น้องมิว วงออกัสแหงๆ เสียงพนักงานคุยกัน แต่ชั้นว่าไม่ใช่.... ก็น้องมิวน่ะ น่ารักและหล่อจะตาย แต่อีตาคนนั้นน่ะ ทั้งผมยาวมีหนวด แล้วจะไปใช่น้องมิวได้ยังไงกัน ก็อาจจะปลอมตัวหนีนักข่าวก็ได้ ก็ตั้งแต่มีข่าวออกทีวีเมื่อวานนี้ นักข่าวไปตามหาทั้งที่บ้าน ที่บริษัท แต่ก็ไม่มีใครเห็นเลย ก็ในข่าวบอกว่าเป็นคนระยอง บางทีเค้าอาจหนีนักข่าวมาเก็บตัวที่นี่ก็ได้ ก็ถ้าน้องมิวเป็นเกย์เหมือนในข่าวจริง ทำไมไม่พาน้องโต้งมาด้วยล่ะยะ ผู้ชายอะไรไม่รู้ หล่อชะมัด ถึงเป็นเกย์ เจ๊ก็จะกิน" เออ....นั่นดิ ถ้าเป็นคนๆเดียวกัน แล้วทำไมมาคนเดียว หรืออาย เลยทะเลาะกันวะ อีบ้า แกไม่ได้อ่านข่าวนี่หรอ.... ก็รักกันขนาดยอมให้หมอเค้าควักตับไปให้พ่อของคนรักได้เนี่ย แล้วจะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ได้ไง แกเคยฟังเพลงน้องเค้ารึเปล่า ทั้งเพราะทั้งหวานเลยนะเว้ย อีเจ๊หกมันบอกว่า เพลงกันและกันน่ะ น้องมิวแต่งให้น้องโต้ง โหหหห...โคดโรแมนติกเลยว่ะ อิจฉาน้องโต้งชิบหาย มีแฟนที่รักมากขนาดนี้ อาจจะข่าวมั่วโปรโมตเพลงก็ได้นะแก เดี๋ยวนี้น่ะ ใครอยากดัง ก็ต้องยอมเป็นข่าวทั้งนั้นแหละ" ข่าวเกย์เนี่ยนะ.... อีบ้า ใครมันจะตัดอนาคตตัวเองแบบนั้นวะ แล้วไหนจะพ่อแม่อีก ถ้าเกิดน้องเค้าเป็นเกย์จริงๆ แกจะทำไงวะ แกชอบวงนี้ไม่ใช่หรอ แล้วไงวะ ก็เพลงเค้าเพราะนี่หว่า ไม่เห็นจะแคร์เลย อีกอย่าง น้องโต้งอะไรนั่นก็หล่อดี คิดแล้วก็ แอร้ยยยยยยย... น่ารักออกแก ไม่เห็นจะแปลก เดี๋ยวนี้ มีพระเอกแอ๊บแมนเยอะไป ถ้าน้องสองคนเค้ารักกันจริง ชั้นก็ไม่ว่า อย่างถ้าเป็นแฟนแกน่ะ แกว่ามันจะกล้าบริจาคตับให้พ่อแกเปล่าวะ เออว่ะ.... ถ้าน้องมิวเค้ารักน้องโต้งขนาดนั้นจริง เป็นชั้นนะ ชั้นก็โกรธไม่ลงแน่เลย ก็ผัวชั้น ยังรักชั้นได้ไม่เท่าที่น้องมิวรักน้องโต้งเลยอะดิ เฮ้อ... คิดแล้วก็อิจฉาน้องโต้ง มีคนรักที่รักมากรักจริงขนาดนี้ ถึงจะเพศเดียวกันก็เหอะ เออ.... เมื่อเช้าแกดูข่าวปะ ที่เค้ามีให้ส่ง SMS โหวตข่าวนี้กันน่ะ ที่คนส่วนใหญ่เค้าตอบว่ารับได้น่ะแก ดีจังเลยแนอะ ว่ามั้ย แต่พวกน้องๆเค้าก็ยังไม่ออกมาให้สัมภาษณ์กันเลยไม่ใช่เหรอวะ หรือว่า..... หรือว่าอะไรของหล่อนยะ ก็ที่นักข่าวบอกว่า ตามหาน้องมิวไม่พบไง ชั่นว่านะ น้องคนที่เราเห็นน่ะ น้องมิวแน่ๆ ฟันธง" ถ้าใช่ก็ดีสิ.... จะได้ถ่ายรูป ขอลายเซ็นต์ซะเลย เสียงพนักงานยังคงเม้าท์กันต่อไป โดยไม่รู้ว่า ชายหนุ่มผมยาวมีหนวด ที่ใช้ชื่อเข้าพักว่า บาส ที่เดินออกมาหาอะไรทาน ได้ยินโดยบังเอิญ หนุ่มคนนั้นไปที่ตู้ขายของ หยิบมาม่าคัพมาหนึ่งถ้วย และน้ำเปล่าสองขวด ชงมาม่าเสร็จแล้วก็จ่ายเงิน แล้วเดินกลับไป ท่ามกลางแววตาตื่นๆและประหม่าของขาเม้าท์ทั้งสองนาง ทันใดนั้น เสียงวิทยุก็ดังขึ้น เพลงคุ้นหูดังมาให้ได้ยิน ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ.... เธอจะเชื่อไหม......................... ชายหนุ่มหยุดชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไปเงียบๆ โดยไม่สนใจคนอื่นๆที่กำลังแอบมองอย่างสงสัย ..... ..... ตอนที่ 32 +++ ความหวังสุดท้าย +++
คุณบี...... นักกีตาร์วงออกัสอุทานอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นผู้บริหารค่ายโผล่ออกมาจากรถตู้ของหัวหน้าชายฉกรรจ์ที่ทำร้ายพวกของตน
นี่คุณ........ คุณมาได้ไงเนี่ย... โต้งที่เงยหน้าขึ้นมามองหันมาถามบ้าง ขอโทษทุกคนด้วยนะครับ ที่ลูกน้องผมทำอะไรรุนแรงไป มิว.... คุณคงไม่โกรธผมใช่มั้ย.. คุณบีเอ่ยถามมิวต่อหน้าโต้งที่หันไปมองหน้ามิว รอคำตอบเช่นกัน ก็... ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกัน มัน... แบบ... แบบ... แค่ตั้งตัวไม่ทันน่ะ มิวตอบ พลางประคองโต้งให้ลุกขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ที่หนึ่งในชายฉกรรจ์ที่ทำร้ายโต้งยกมาให้ แล้วตกลง... เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่เนี่ย เอ๊กซ์เอ่ยถามคุณบี แล้วหันไปมองหน้ามิวอย่างคนอยากรู้คำตอบ เหลือบไปมองหน้าเถ้าแก่หลิวแว่บนึง แล้วก็ไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว ผมว่า.... พวกคุณขึ้นรถไปโรงพยาบาล ให้หมอตรวจอาการก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง คุณบีบอก แล้วสั่งลูกน้องประคองเถ้าแก่หลิวและพวกของมิวไปที่รถตู้เพื่อไปหาหมอ ... ... ห๊า.... ว่าไงนะคะม๊า... ทั้งหมดนั่น เป็นแผนของป๊าหรอกเหรอคะ หญิงเอ่ยถามอย่างตกใจ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวที่ม๊าเล่าให้ฟัง แต่ว่าพวกที่..... ผมว่ามันน่ากลัวเหมือนจริงเลยนะครับ ปิงปองเสริมทัพอีกคน เพราะประสบการณ์ที่ตนถูกทำร้าย ทำให้ตนเองยังตกใจอยู่ไม่น้อย ม๊าไม่รู้หรอกนะ ว่าคนพวกนั้นรุนแรงสมจริงแค่ไหน แต่ที่ม๊ารู้ก็คือ ป๊าเค้าอยากจะทดสอบโต้ง ว่าปกป้องมิวได้มั้ย แล้วรักมิวจริงรึเปล่า ป๊าเค้าเชื่อว่า โต้งจะต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดโดยไม่สนใจมิวน่ะสิ แต่ถ้าโต้งพิสูจน์ได้ ว่ารักมิวมากและไม่ยอมทิ้งมิวหนีเอาตัวรอดล่ะก็ ป๊าเค้าก็คงจะยอมใจอ่อนล่ะมั้ง ยังไงเหรอคะม๊า ทำไม ป๊าเค้าถึงนึกจะใจอ่อนขึ้นมาล่ะคะ หญิงเอ่ยถาม แต่ม๊าของมิวไม่ยอมตอบ เพียงแต่หยิบแหวนหยกสีเขียววงนึงขึ้นมาถือไว้ในมือ พร้อมคิดถึงคำพูดของใครคนหนึ่งขึ้นมา ..... ..... อาเล่าตี๋.... ลื้อฟังคำอาม่าให้ดีนะ แหวนของอาม่าสองวงนี้ อาม่ายกให้อามิว หลังจากอาม่าจากไปแล้ว หากมีวันนึง อามิวอีเอาแหวนของอาม่ามาให้ลื้อ แล้วอีขออะไรลื้อก็ตาม อาม่าขอให้ลื้อทำตามที่อีขอ ให้ถือว่าคำขอของอามิว.. ก็คือ คำขอของอาม่าเหมือนกัน ลื้อรับปากอั๊วะได้มั้ย.... หญิงชราสั่งเสียกับลูกชายถึงแหวนประจำตัวของตนสองวง เป็นแหวนหยกสีเขียวเข้มที่สวมที่นิ้วนางข้างขวา และแหวนหยกสีเขียวอ่อนที่สวมที่นิ้วกลางข้างซ้ายของตน ก่อนจะจากไป อาม่า... อั๊วะรับปาก อั๊วะรับปาก เถ้าแก่หลิว รับคำตามที่อาม่าขอ ก่อนจะถอยออกไปนั่งข้างๆน้องมาย และทิ้งให้ภรรยาของตนนั่งข้างๆอาม่าบนเตียง จากนั้นไม่นาน ป้าอรก็พามิวกลับมาจากโรงเรียน มิวในชุดนักเรียนเดินเข้ามาหาอาม่าที่เตียงอย่างเศร้าสร้อย ไงเพื่อน... ได้ข่าวว่าอาม่าไม่อยู่ เพื่อนเกเรเหรอ อาม่าพูดกับมิว หลานชายที่เข้ามานอนข้างๆ สองย่าหลานต่างจับมือของกันและกัน พยายามเกาะเกี่ยวไว้ไม่อยากจากกันไปไหน ป๊าพาอาม่าไปไหนมา.... หลานชายเป็นฝ่ายถาม ไปเตรียมตัว... เพื่อที่จะเดินทางไกล ................. อีกไม่นานแล้วนะเพื่อน มิวกลัว ............. มิวไม่อยากอยู่คนเดียวอะ น้ำเสียงของมิว สะท้อนให้เห็นความกลัวที่จะสูญเสียคนรักอย่างชัดเจน จนผู้เป็นอาม่าสังเกตเห็น และสงสารหลานชายจับใจ ไม่เอา... อย่าทำแบบนี้ อาม่าไม่สบายใจ... หญิงชราพยายามปลอบใจหลานรัก เพื่อนไปเล่นเปียโนให้อาม่าฟังหน่อยสิ............. เพลงอะไรอะ... น้ำเสียงมิวแฝงรอยสะอื้นอยู่ไม่น้อย เพลงอะไรก็ได้... ที่เพื่อนชอบ.. หลังจากอาม่าพูดจบไม่นาน มิวก็ลุกจากเตียง เดินไปที่เปียโนอย่างเศร้าสร้อย นั่งลง แล้วเริ่มบรรเลงอินโทรเพลงที่อากงชอบเล่นให้อาม่าฟัง พลางหันมามองที่อาม่าเป็นระยะด้วยแววตาที่รื้นน้ำตาอย่างเศร้าสร้อย อาม่าเอง แม้จะเสียใจที่ต้องจากหลานรักไป แต่ก็ยังพยายามที่จะฝืนยิ้มออกมาขณะที่มิวกำลังเล่นเปียโน และถึงแม้จะยังห่วงหลานรักที่ตนใช้สรรพนามเรียกว่าเพื่อนอยู่บ้าง แต่อาม่า ก็คงจะจากไปอย่างเป็นสุข ... ... เถ้าแก่หลิวนั่งอยู่ในห้องพักที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง แอบปวดใจลึกๆที่เห็นลูกชายเฝ้าดูอาการของไอ้หนุ่มร่างสูงไม่ยอมห่าง นักธุรกิจรุ่นใหญ่หวนทบทวนนึกถึงภาพที่โต้งเอาร่างกายปกป้องตนไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ นึกถึงภาพที่หนุ่มผมเกรียนต่อสู้เพื่อมิวสุดชีวิตโดยไม่ห่วงตัวเองแล้วก็อดใจหายไม่ได้ ออกจะผิดหวังอยู่บ้างที่ผู้ชายคนนี้ดันรักลูกชายของตนอย่างสุดใจและจริงใจ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงนั้นให้ได้ ทำไมนะอาม่า... ทำไมนะ เถ้าแก่หลิวนึกถึงมารดาของตนเอง จังหวะพอดีกับที่มิวเคาะประตูแล้วเข้ามาในห้องพอดี นักร้องหนุ่มยืนมองพ่อที่นั่งอยู่บนเตียงสักครู่ ก่อนจะเข้าไปนั่งที่โซฟาข้างเตียง ที่แท้ก็เป็นแผนของป๊านี่เอง.... นักร้องนำออกัสเอ่ยกับบิดา ไม่ใช่แผนอั๊วะ... แผนของอาคุณบีนั่นตะหาก แล้วป๊าไปรู้จักคุณบีตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ เมื่ออาทิตย์ก่อน อีว่าอีจะทำธุรกิจร่วมกับอั๊วะ ก็ฝ่ายการตลาดของบริษัทเราดันไปซื้อโฆษณากับอี ก็เลยรู้จักกัน แล้วเมื่อวานนี้ อีก็โทรมา บอกว่าจะช่วยอั๊วะพิสูจน์ ว่าอาโต้งอีรักลื้อจริงรึเปล่าอะสิอามิว ป๊าก็เลยร่วมมือกับคุณบี มาทดสอบมิวกับโต้ง ใช่... แล้ว.... อั๊วะยอมรับ ว่าไอ้หนุ่มนั่นมันรักลื้อจริง แต่อั๊วะก็ยัง..... อามิว.... ลื้อรักผู้หญิงแบบที่ผู้ชายคนอื่นเค้าเป็นกันไม่ได้หรอ ลื้อเป็นลูกชายของอั๊วะนะ ป๊า... มิวขอโทษ ที่มิว... มิวทำให้ป๊าผิดหวัง ทำให้ป๊าเสียใจ แต่มิว.. มิวเป็นแบบที่ป๊าต้องการไม่ได้ มิวรักโต้ง รักโต้งคนเดียว และคงจะไม่สามารถรักใครได้อีก พูดจบ นักร้องหนุ่มผู้นำวงออกัสก็คุกเข่าอยู่ข้างเตียงที่ผู้เป็นพ่อของตนนั่งอยู่ พร้อมจ้องมองด้วยแววตาอ้อนวอน ป๊า... มิวขอร้องนะครับ... มิว... ลื้อเป็นคนเอาแหวนของอาม่าใส่ไว้ในชามโจ๊กกุ้งให้อั๊วะเห็นใช่มั้ย ป๊ากำลังหมายถึงแหวนหยกสีเขียวอ่อนที่ตนเจออยู่ในชามโจ๊กกุ้งกุลา หลังจากที่กินจนหมดชาม ครับ... มิว..... ลื้อรู้ใช่มั้ย ว่ามันหมายความว่ายังไง รู้ครับ.... เพราะมิวรู้ ว่าอาม่าสั่งเสียอะไรไว้กับป๊า มิวก็เลย....... มันไม่ง่ายหรอกนะอามิว ... ที่จะให้อั๊วะยอมรับเรื่องแบบนี้ ตอนนี้ ลื้อมีแหวนวงเดียว อั๊วะก็จะรับปากลื้อแค่ข้อเดียว อั๊วะจะให้ลื้อเลือก.. ถ้าลื้อ เลือกจะคบหากับหมอนั่น ก็ต้องเลิกร้องเพลง แล้วมาช่วยอั๊วะดูแลกิจการต่อ แต่ถ้าลื้อเลือกจะร้องเพลง ก็ต้องเลิกคบกับนายคนนั้น แต่โต้งก็พิสูจน์ให้ป๊าเห็นแล้วว่า..... อั๊วะรู้.... ว่าหมอนั่นมันรักลื้อมาก และลื้อก็รักมันมาก ..... มากกว่าอั๊วะ แต่ในเมื่อตอนผ่าตัด ลื้อสัญญาไว้แล้ว ลื้อก็ต้องรักษาสัญญา เพราะอั๊วะก็เป็นคนรักษาสัญญาเช่นกัน ทางเลือกมีเพียงหนึ่งเดียว คิดดูดีๆแล้วกัน ลื้อออกไปได้แล้ว ฝากไปบอกพยาบาลด้วยว่า เดี๋ยวอั๊วะจะกลับไปงานเปิดโรงงานใหม่ เถ้าแก่หลิวพูดจบก็เบือนหน้าหันไปทางอื่น ทิ้งให้มิวเดินคอตกออกไปจากห้องพยาบาล มิว... เป็นไงบ้างวะ พ่อมรึงว่าไงบ้าง เสียงนักกีตาร์คิ้วหนาเอ่ยถาม นักร้องหนุ่มหันมามอง ก็เห็นสมาชิกวงออกัสเพื่อนร่วมรุ่นม.หกและนักเป่ารุ่นน้องรออยู่หน้าห้อง รวมทั้งแม่กับน้องสาวของตนด้วยที่ตามมาจากโรงงาน ป๊าบอกว่า... กรูควรจะรักษาสัญญาว่ะ.... หมายความว่า.... พ่อมรึงเค้ายังใจแข็งอยู่หรอวะเนี่ย ต่อพูดขึ้นบ้าง ก็ไม่เชิงหรอก ป๊าเค้าก็ยอมรับ ว่าอาจจะพอรับได้ แต่เค้าไม่อยากให้กรูผิดคำพูดเท่านั้นเอง แล้วเรื่องแหวนล่ะลูก ป๊าเค้าจะไม่ยอมทำตามที่รับปากอาม่าหรือมิว ม๊าถามบ้าง ม๊าก็รู้ ว่ามิวเจอแหวนแค่วงเดียว ก่อนจะมาที่นี่ มิวพยายามหาแล้ว แต่หาอีกวงสีเขียวเข้มที่อาม่าชอบใส่ที่นิ้วนางข้างขวาไม่เจอ ต้องรอถามป้าอรว่าเห็นบ้างรึเปล่า แล้วป๊าเค้าว่ายังไงล่ะ ม๊าถามต่อ ป๊าเค้าให้มิวเลือก จากนั้น นักร้องนำวงออกัสก็เล่ารายละเอียดทางเลือกให้ทุกคนฟัง เดี๋ยวม๊าเข้าไปคุยกับป๊าก่อนนะลูก หลังจากแม่เดินเข้าไปในห้องแล้ว นักร้องหนุ่มก็ถามหาคนอื่นๆ คุณบีไปไหนแล้วล่ะเอ๊กซ์ แกไปขอโทษโต้งอยู่ในห้องน่ะ บอกว่าแกผิดเองที่บอกลูกน้องไม่ละเอียด พวกนั้นก็เลยทำแรงไปหน่อย ตอนนี้หมอเข้าเฝือกที่แขนให้โต้งเสร็จแล้วนะมิว หญิงก็อยู่ที่ห้องด้วย มรึงจะตามไปดูโต้งปะ อือ... ก็ดี เราจะได้ถามโต้งด้วย ว่าเห็นแหวนของอาม่ารึเปล่า... พวกมรึงไม่ต้องตามไปหรอก กรูอยากไปคุยกับโต้งตามลำพัง ขอบใจนะเว้ย ที่ตามมาถึงนี่ ขอโทษด้วยนะไอ้เอ๊กซ์ ที่กรูทำมรึงเดือดร้อน เอ็งด้วยนะปิงปอง พี่ขอโทษ แล้วร่างโปร่งก็เดินไปทางห้องพักของชายคนรักตามลำพัง ทิ้งให้คนอื่นๆมองตามอย่างห่วงใย ...... ...... ว่าไง..โต้ง นักร้องหนุ่มเอ่ยถามคนรัก หลังจากได้อยู่กันตามลำพังในห้องพักผู้ป่วย เพราะหญิงกับคุณบีออกไปแล้ว ก็..... ... ไม่เป็นไรแล้วแหละ.... ใส่เฝือกไม่กี่วันเอง เดี๋ยวก็หาย แต่มิวอย่าเพิ่งโทรบอกแม่เรานะ ขี้เกียจฟังเสียงบ่น ว่าแต่มิวล่ะ เป็นไงบ้าง เถ้าแก่เค้า ว่าไงบ้างหรอ ก็.... ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี .... นักร้องนำออกัส ค่อยๆเล่าเรื่องที่ตนได้คุยกับป๊าให้โต้งฟัง แหวนสีเขียวเข้มเหรอมิว เราก็จำได้นะ ว่าอาม่าเคยใส่อยู่บ่อยๆ แต่ตอนที่เราไปบ้านมิว เราก็ไม่เคยเห็นหรอก ว่ามันอยู่ที่ไหน แต่มิวอย่าเพิ่งถอดใจล่ะ เราว่า ... อาม่าจะต้องเก็บแหวนนั่นไว้ในที่ที่อาม่ารักและผูกพันที่สุดก็ได้ ที่... ที่อาม่ารู้ว่า มิวจะต้องหาเจอ แล้วโต้งว่า จะเป็นที่ไหนได้ล่ะ ทีแรกเราก็คิดอย่างโต้ง และเชื่อว่าแหวนต้องอยู่ที่เปียโนแน่ๆ ขนาดสั่งช่างมารื้อแล้วนะ แต่ยังหาไม่เจอเลย ไม่เป็นไรมิว เดี๋ยวเราจะกลับไปช่วยมิวหาเอง เถ้าแก่เค้ายังให้เวลามิวตัดสินใจอยู่ไม่ใช่หรอ อือ..... แต่ว่า...... เรามีเวลาตัดสินใจแค่สัปดาห์เดียว เรา..... สีหน้าของนักร้องนำวงออกัสสลดลงไปเล็กน้อย ในใจก็แอบหวังให้ผู้เป็นพ่อใจอ่อน ยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่ตนเป็น ในสิ่งที่ตนเลือก แต่คนเป็นพ่อก็มีความหวัง ในสิ่งที่คนเป็นพ่อต้องการเช่นกัน ถ้ามิวเลือกคนที่มิวรักไปพร้อมๆกับการเลือกเส้นทางชีวิตที่ตนฝันไว้ นั่นก็อาจทำให้พ่อผิดหวัง เสียใจ ผิดสัญญาที่ได้รับปากไว้ ผิดคำพูดต่อผู้เป็นพ่อ และที่สุด มิวก็อาจจะต้องสูญเสียครอบครัวที่มิวโหยหามานานหลายปี จะเป็นโต้ง หรือเถ้าแก่หลิวผู้เป็นพ่อ ก็ล้วนแต่เป็นคนที่มิวรักและคิดถึงทั้งสิ้น เพียงคิดแค่นี้ ความเหงาก็เริ่มจะเชี่ยใส่มิวอีกแล้ว...... มันจะเป็นไปได้เหรอ ที่จะรักใครโดยไม่กลัวการสูญเสีย....... มิว......มิวเป็นอะไรรึเปล่า..... ร่างสูงที่นอนเจ็บอยู่บนเตียงร้องเรียก เมื่อเห็นร่างโปร่งยืนนิ่งเหมือนคนไร้ชีวิตจิตใจกระนั้น เปล่าโต้ง..... เราไม่เป็นไร โต้งพักผ่อนก่อนนะ คืนนี้คงต้องนอนที่นี่ซักคืน ไว้เรากลับจากงานเลี้ยงที่โรงงานป๊าแล้ว จะมาเยี่ยมนะ.... นักร้องหนุ่มหันหลังนี้ พร้อมกับแอบปาดคราบน้ำตาที่รื้นอยู่ที่ปลายหางตา แต่คนที่นอนเจ็บอยู่ก็ยังสังเกตเห็น อีกแล้วนะมิว..... ทำไมมิวต้องแอบเก็บเรื่องเศร้าๆไว้คนเดียวตลอดเลยล่ะ มิวลืมไปแล้วหรอ ว่ามิวยังมีเราเคียงข้างเสมอนะ ชายหนุ่มผมเกรียนตัดพ้อคนที่แอบร้องไห้ ก็..... โต้ง..... เราแค่.... เราแค่รู้สึกผิด เรามันไม่ดี เป็นลูกที่ไม่ดี เราทำให้ป๊าต้องผิดหวัง เรามัน.... เรามันเห็นแก่ตัวโต้ง เรามันเห็นแก่ตัว... นักร้องหนุ่มเอ่ยไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมากขึ้น พลางกลับมานั่งข้างคนเจ็บเหมือนเดิม และเริ่มซบหน้าไปที่เตียง เพราะไหล่ซ้ายที่เจ็บและแขนซ้ายที่กำลังเข้าเฝือกอยู่ ชายหนุ่มร่างสูงจึงพยายามใช้แขนข้างขวาของตน เอื้อมผ่านลำตัวมาที่ศีรษะของชายหนุ่มผู้กำลังร้องไห้ โต้งค่อยๆลูบเส้นผมของมิวเบาๆเป็นการปลอบโยน ไม่เป็นไรนะมิว เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ไม่เป็นไรนะ...... วันนึงป๊ามิวจะเข้าใจ ขอบคุณนะ..... มิวเงยหน้าขึ้นมา แล้วยิ้มให้กับคนรัก ถึงจะเจื่อนๆไปนิด แต่ก็แสดงถึงความรู้สึกดีๆ ที่ตนได้รับจากคนรักที่นอนเจ็บอยู่ คืนนี้ เราไม่นอนนี่นะมิว เห็นโรงพยาบาลแล้วหดหู่ เราขอไปนอนบ้านมิวนะ พูดไปก็ส่งแววตาอ้อนวอนให้คนรักตอบตกลง อือ.... งั้นถ้าโต้งค่อยยังชั่วแล้ว เราจะเรียกพยาบาลนะ ทำเรื่องออกจากโรงบาลกัน .... ... ว่าไงนะ วงดนตรีที่เราจ้างไว้ ไม่ยอมมาอีกหรอ.... เถ้าแก่หลิวกำลังคุยกับผู้จัดการโรงงานที่ด้านหน้าเวทีการแสดง เรื่องที่วงดนตรีที่จ้างไม่ยอมมาเพราะปัญหาการปิดถนนเนื่องจากมีการชุมนุมประทัวงอะไรบางอย่าง ผมพยายามแล้วครับเถ้าแก่... แต่เราติดต่อใครไม่ได้เลยครับ แล้วลื้อจะให้อั๊วะทำยังไง ไปขอโทษแขกหรอ ว่างานของเรา จัดซะใหญ่โต แต่ไม่มีการแสดงอะไรเลย ก็..... วงดนตรีของนายน้อยไงครับ.... คุณมิวเธอเป็นนักร้องนี่ครับ แถมกำลังดังด้วย ทำไมเถ้าแก่ ไม่ให้คุณมิวช่วยล่ะครับ เห็นว่า เพื่อนๆร่วมวง ก็มาเป็นแขกพักที่บ้านเถ้าแก่ไม่ใช่เหรอครับ อั๊วะไม่อยากให้อามิวอีมาช่วยอั๊วะ ลื้อลองพยายามติดต่อวงอื่นๆไปก่อน ได้ยงไงแล้วมารายงานอั๊วะ เถ้าแก่หลิวสั่งความเสร็จ ก็เดินหัวเสียเข้าไปในโรงงาน พลางมองนาฬิกาข้อมือ หกโมงเย็นแล้ว แขกเหรื่อกำลังเริ่มทยอยมาร่วมงาน ไม่มีเวลาเหลือมากนัก สุดท้ายก็กดโทรศัพท์หาผู้จัดการอีกครั้ง ลื้อตามลูกชายอั๊วะมาหาอั๊วะที่ห้องหน่อย ด่วนเลย... ... .. เอาจริงเหรอพี่มิว มือเป่าแซ็กประธานชมรมดนตรีคนใหม่ของโรงเรียนเซ้นต์นิโคลัส เอ่ยถามรุ่นพี่อดีตประธานชมรม ผู้เป็นทั้งหัวหน้าวงและนักร้องนำวงออกัส อือ.... พี่ไม่มีทางเลือกน่ะปิง ป๊าเค้าขอร้อง ทั้งๆที่ป๊ามรึง ไม่อยากให้มรึงเป็นนักร้องเนี่ยนะ แต่เสรือกมาขอร้องให้มรึงและวงพวกเรา ช่วยเล่นดนตรีในงานเนี่ย หลิวแมร่งอย่างโหด เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินปลาช่อนนี่หว่า นักดนตรีคิ้วหนาบ่นว่าป๊าของมิวชนิดไม่กลัวใครได้ยิน เพราะความโมโหแทนเพื่อนรัก เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงเว้ยไอ้เอ๊กซ์ มือเบสประจำวงที่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ช่วยแก้ให้ เชี่ยเอ๊กซ์.... ป๊ามิวนะโว้ย..... ไม่ใช่เพื่อนมรึง ไอ้ห่า จะพูดอะไร แคร์ความรู้สึกไอ้มิวมันบ้าง มือคีย์บอร์ดในวงอีกคนปรามเพื่อน กรูเอากับมรึงด้วย เผื่อป๊ามรึงได้เห็นฝีมือพวกเรา ได้ยินเสียงร้องเพลงของมรึง แล้วขะใจอ่อนขึ้นมาบ้าง ขอบใจมรึงมากนะเอ็ม แล้วพวกนายที่เหลือล่ะ เอาไง กรูไม่บังคับนะ ไอ้เชี่ยมิวนี่.... มรึงก็รู้ ว่าพวกกรูจะไม่ปฏิเสธมรึง ก็เราถ่อมาถึงนี่ เพื่อช่วยมรึงนี่หว่า ถ้าใครไม่ยองช่วยนะ กรูไล่เตะแมร่งเลย เอ๊กซ์เสริมความเชื่อมั่นให้เพื่อน ผมโทรหาคนอื่นๆแล้วพี่มิว พี่จูนบอกว่าอีกซักพักก็จะมาถึง เราสามารถขึ้นเวทีเล่นเต็มวงได้เลยพี่ ดีเหมือนกัน.... ทุกคน.... กรูไม่รู้นะ ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่กรูจะได้เล่นดนตรี ได้ร้องเพลงกับพวกมรึง กับออกัสรึเปล่า แต่กรูจะทำให้ดีที่สุด เผื่อว่า...... เผิ่อว่า....... มิวหยุดคำพูดไว้แค่นั้น ไม่ยอมเอ่ยต่อ ทำเอาทุกคนหันมามองที่มิวเป็นจุดเดียว เผื่อว่าความหวังของมิวจะกลายเป็นจริง.... เสียงของวัยรุ่นชายดังมาจากที่ใกล้ๆ ตราบใดมีรัก ก็ย่อมมีความหวัง เสียงของหญิงสาวดังมาจากที่เดียวกัน โต้งและหญิงที่เดินมาพร้อมกันช่วยต่อประโยคสุดท้ายของมิวจนจบ ... . เสียงใจฉันเอง ร้องเพลงให้เธอ ฟังอยู่คือเสียง ดังจากใจ ร้องเพลงที่ใคร ไม่อาจฟัง เสียง ใจฉันเอง ร้องเพลงให้เธอ ฟังอยู่คือ เสียง ดังจากใจ ร้องเพลงที่ฟัง เข้าใจเพียงเรา..... เกือบชั่วโมง ที่วงออกัสนำพาความสุขผ่านเสียงดนตรีและเสียงเพลง มอบให้แด่แขกผู้ใหญ่ทั้งหลายที่มาร่วมงานในเปิดโรงงานแห่งใหม่ของเถ้าแก่หลิว ไม่เพียงจะมีแต่คนรุ่นผู้ใหญ่เท่านั้น แม้แต่วัยรุ่นลูกหลานนักธุรกิจในจังหวัดระยองหลายคน รวมทั้งเพื่อนๆของน้องมายก็มาดูคอนเสิร์ตของออกัสด้วย สำหรับเพื่อนๆของเถ้าแก่หลิว เมื่อทุกๆคนรู้ว่า นักร้องนำหนุ่มรูปหล่อของวงออกัส เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของงาน ต่างก็อดชื่นชมในความสามารถไม่ได้ หลายๆเสียงต่างบอกกับเถ้าแก่หลิวว่า มิวเป็นนักร้องที่ดี มีคุณภาพ ถ้าเอาดีด้านนี้ น่าจะไปได้ไกล ทำเอาผู้เป็นพ่ออดกระอักกระอ่วนไม่ได้ เพราะตนเพิ่งบอกให้ลูกชายเลิกร้องเพลงไปหยกๆ อีเป็นลูกชายอั๊วะ อีก็ต้องสืบทอดกิจการต่อจากอั๊วะสิ จะมัวไปเป็นนักร้องอยู่ได้ยังไง แต่มิวมันร้องเพลงเพราะมากนา เถ้าแก่หลิว อั๊วะว่าลื้อน่ะ ให้ลูกมันร้องเพลงแบบนี้น่ะแหละ ดีแล้ว เดี๋ยวนี้นา เป็นดารา รวยจะตาย เผลอๆ ถ้าลูกมันดังมากๆนา มันอาจจะรวยกว่าลื้อ ก็ได้ เถ้าแก่ยงยุทธ เพื่อนสนิทของเถ้าแก่หลิวออกความเห็นขัดแย้งกับเพื่อนสนิทของตน แต่ว่า...... น่า.... ลื้อไม่ต้องกลัวจะไม่มีใครมารับช่วงกิจกางต่อจากลื้อหรอก ลื้อยังแข็งแรงอยู่ ยังทำงานได้อีกหลายปี แล้วลื้อก็มีหลานชายอีกคนไม่ใช่หรอ ก็ให้อีช่วยลื้อไปก่อนสิ พออามิวซักสามสิบสี่สิบ อีค่อยมารับช่วงต่อจากลื้อ ก็ไม่สาย เพื่อนคนสนิทของเถ้าแก่พยายามเชียร์มิวให้เป็นนักร้องต่อไปอีก แต่ว่า..... อาเตี่ยลื้อ อีก็ชอบเล่นดนตรีไม่ใช่หรอ อีเป็นนักเปียโนมีชื่อนี่.... ลื้อเองยังเคยบอกกับอั๊วะเลย ว่าอยากเป็นนักดงตรีแบบอีน่ะ แต่ว่า....... ลื้อจะแต่หาอาราย... เมียลื้อ อีเล่าให้อั๊วะฟัง เรื่องที่ลื้อจะให้อามิวอีเลิกร้องเพลง อาเถ้าแก่หลิวนา ลื้อเชื่ออั๊วะ อย่าไปขวางทางฝัน ขวางทางชีวิตที่อีเลือกเองเลย อามิวมันอยากเป็นนักร้อง ลื้อก็ต้องสนับสนุนลูกสิ ดีกว่าจะปล่อยให้มันเตลิดไปไหนต่อไหน อั๊วะรู้.... ว่าลื้อน่ะรักลูก แต่ลื้อฟังคำอั๊วนะ ลูกน่ะ ถึงเรารักเค้าแค่ไหน เราก็อยู่กับเค้าไปได้ไม่นานนักหรอก แต่สิ่งที่เค้ารักสิ จะอยู่กับเค้าไปจนตาย เพราะฉะนั้น ลูกมันจะรักอะไร ลื้อก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ลื้อพูดคำคมแบบนี้เป็นด้วยเหรอวะ ยงยุทธ" อั๊วะจำมาจากเพื่อนอั๊วะอีกคน หมอประเสริฐไง ลื้อก็เคยเจอนี่หว่า ทั้งเจ้าป้อมลูกชายอั๊วะ และหนูอ้อมลูกสาวมัน รุ่นราวคราวเดียวกับอามิวนี่แหละ รักดนตรี และเรียนดนตรีด้วยกันทั้งคู่ ตอนแรกอั๊วะก็ไม่เห็นด้วยกับมันนะ สุดท้าย อั๊วะก็เข้าใจ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ลูกรัก เราก็ต้องรัก และมีความสุขไปกับลูกของเรา คนเป็นพ่อเป็นแม่นะเว้ย อะไรจะมีความสุขไปกว่าการเห็นลูกมีความสุขวะ และยิ่งลื้อนะ อาเถ้าแก่หลิว ลื้อไม่ได้เลี้ยงเค้ามา ดนตรีต่างหาก ที่เค้าผูกพันมาตลอดชีวิต ถ้าลื้อบังคับให้ลูกของลื้อเลิกร้องเพลง ก็เหมือนกับลื้อฆ่าเค้าทางอ้อม แต่ว่า...... แต่..... จะแต่ไปไหนวะ เออ..... ไม่แต่ก็ได้ จะว่าไป เวลาที่อามิวอีร้องเพลงเนี่ย ดูมีความสุข มีชีวิตชีวายิ่งกว่าตอนที่อั๊วะพาเดินดูโรงงานโขเลย อย่างที่ลื้อว่าแหละอายงยุทธ อั๊วะอาจจะเริ่มใจอ่อนก็ได้ เพราะถึงยังไง อามิวอีก็รักอั๊วะ อั๊วะไม่อยากเป็นพ่อใจร้าย ดีแล้ว.. ไปเหอะ ไปฟังลูกชายลื้อ ร้องเพลงสุดท้ายกัน เถ้าแก่ยงยุทธกอดคอเพื่อนรักไปดูมิวร้องเพลงด้วยกัน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเพื่อนสนิท .... .. ครับ.... นี่ก้เป็นเพลงสุดท้ายที่พวกเราจะร้องในค่ำคืนนี้ เป็นเพลงที่ผมแต่งเองเพื่อใครบางคน และเชื่อว่า หลายท่านก็คงจะเคยได้ฟังกันมาบ้าง ก็หวังว่า ทุกๆคนคงจะชอบเพลงนี้กันนะครับ เสียงดนตรีบรรเลงดังขึ้น มิวยังไม่ทันได้ประกาศว่าเป็นเพลงอะไร เสียงกรี๊ดแสดงความตื่นเต้นดีใจก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เสียงตะโกนข้างล่างว่า .... กันและกัน....กันและกัน... ลั่นเข้าไปในโสตประสาทของนักร้องหนุ่ม ยังความปลาบปลื้มดีใจให้กับเจ้าของบทเพลงเป็นยิ่งนัก ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม มันอาจไม่เพราะ ไม่ซึ้งไม่สวยงามเหมือนเพลงทั่วไป อยากให้รู้ ว่าเพลงรัก ถ้าไม่รัก ก็เขียนไม่ได้ แต่กับเธอคนดีรู้ไหม ฉันเขียนอย่างง่าย...ดาย ...... ระหว่างที่มิวเริ่มร้องเพลงอยู่นั้น ชายหนุ่มผมเกรียนที่ใส่เฝือกยืนฟังและยืนมองอยู่ข้างล่าง ก็ยิ้มตามไปกับเสียงร้องของนักร้องหนุ่มด้วยความเขิน ถึงจะเจ็บตัว แต่ความหล่อของโต้งก็ยังคงอยู่ วัยรุ่นสาวบางคนจำได้ว่าโต้งเป็นพระเอกเอ็มวี ต่างก็เข้ามาขอถ่ายรูปอยู่หลายคนทีเดียว แต่นั่นก็ไม่สามารถทำลายสมาธิของโต้งที่จดจ่ออยู่กับบทเพลงแห่งความรักของตนกับนักร้องหนุ่มบนเวทีไปได้ เธอคงเคยได้ยินเพลงรักมานับร้อยพัน มันอาจจะโดนใจ แต่ก็มีความหมายเหมือนๆกัน แต่ถ้าเธอฟังเพลงนี้ เพลงที่เขียนเพื่อเธอเท่านั้น เพื่อเธอเข้าใจความหมายแล้วใจจะได้มี ...กันและกัน .... เถ้าแก่หลิวเหลือบมองไปที่ลูกชายที่กำลังร้องเพลง และเหลียวมองที่ชายหนุ่มที่กำลังมองขึ้นไปบนเวทีด้วยแววตายิ้มแย้ม แววตาที่ชายหนุ่มทั้งคู่สะท้อนความรักให้กันและกัน เด่นชัดมากพอให้ผู้เป็นพ่อสัมผัสได้ แอบเจ็บปวดในใจลึกๆ แต่ก็เก็บอาการไว้ เฮียฟังเพลงนี้ของอามิวสิ แล้วเฮียจะเข้าใจ ว่าทำไม ชั้นถึงไม่ขัดขวางลูก ทั้งเรื่องที่เค้าอยากจะเป็นนักร้อง แค่ได้ฟังเสียงร้องของมิว ในทุกๆเพลง และยิ่งเพลงนี้ด้วยแล้ว ชั้นก็มั่นใจ ว่าอามิวอีถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อใครคนนึง ผ่านเสียงเพลงและดยตรีของเค้าได้จริงๆ เหมือนที่อาเตี่ยของเฮีย ชอบเล่นเปียโนให้อาม่าฟังยังไงล่ะ และเฮียดูแววตาที่มิวมีต่อโต้งสิ เด็กทั้งสองจริงใจต่อกันนะ มิวร้องเพลงรักให้โต้งฟัง โต้งฟังแล้วก็รับรู้ได้ถึงความรักของมิว เด็กทั้งคู่มีกันและกันแล้ว ต่อให้เฮียห้ามยังไง ขัดขวางยังไง พวกเค้าก็คงจะมีกันและกันตลอดไป เหมือนอย่างเราไงเฮีย เหมือนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่เฮียเล่นเปียโนบอกรักชั้น เฮียลืมมันไปหมดแล้วหรอ อั๊วะไม่เคยลืม ..... และไม่เคยลืมด้วยว่า เพราะการเป็นนักดนตรีนี่แหละ ที่เพื่อนรักวัยเด็กของอั๊วะคนนึง ต้องตายจากอั๊วะไป มันเป็นอุบัติเหตุนะเฮีย... มันไม่ใช่ความผิดของใครหรือของอะไรทั้งนั้น เฮียมาโทษว่าดนตรีทำให้เพื่อนรักของเฮียตายน่ะ มันไม่ยุติธรรมนะ แต่ถ้ามันไม่ไปเป็นนักดนตรีนั่น มันก็คงไม่ถูกพวกผู้ดีนั่นดูถูกเอา ไม่ต้องไปทำงานในผับนั่นให้เกิดเรื่องจนต้องมาตายอย่างไร้เกียรติ อั๊วะถึงได้เลิกคิดเป็นนักดนตรีไง อั๊วะต้องรวย รวยมากๆ แล้วก็จะมีแต่คนยกย่อง เถ้าแก่หลิวเหมือนจะรำลึกความหลังบางอย่างที่เป็นปมให้ตนไม่อยากให้ลูกเป็นนักดนตรี มันเป็นอดีตไปแล้วนะเฮีย เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนตอนนั้น เฮียดูเด็กๆวัยรุ่นข้างล่างสิ พวกเค้าฟังเพลงของมิวอย่างมีความสุข มีแต่ความรัก ความชื่นชม ไม่มีใครเค้ามาดูถูกอาชีพนักดนตรีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดนตรีคือสิ่งที่ให้ความสุขนะเฮีย เฮียลืมไปแล้วหรอ ว่าเฮียมีความสุขแค่ไหนตอนที่เล่นเปียโนให้ชั้นฟัง อาจู.......อั๊วะ...... อั๊วะขอโทษ......ลื้อพูดถูก ....... อั๊วะแค่ทุ่มเทชีวิตให้กับธุรกิจมากเกินไป จนละเลยความรู้สึกของลื้อ จนหลงลืมความทรงจำเก่าๆ ลื้อรู้มั้ยอาจู บางที่ อั๊วะคงจะยอมใจอ่อนเรื่องอามิวอีแล้วแหละ เถ้าแก่หลิวบอกกับภรรยาสุดที่รักเรื่องการตัดสินใจของตน ผู้เป็นภรรยาสวมกอดอย่างมีความสุข นักร้องหนุ่มที่แอบมองอยู่ก็มีความสุขไปด้วย ให้มันเป็นเพลง ....... บนทางเดินเคียง ..... ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน ..... อยู่ด้วยกันตราบนานๆ ดั่งในใจความบอกในกวี........... ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง .........คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจ ...... ............ฉันมีปลายทาง เพลง กันและกัน จบลงไป เรียกเสียงกรี๊ดชื่นชมและเสียงเชียร์ได้มากมายทีเดียว หลายคนเอาดอกไม้มามอบให้กับนักร้องนำวงออกัส รวมทั้งโต้ง ชายหนุ่มพระเอกเอ็มวีก็เช่นเดียวกัน ที่แม้ว่าจะไม่มีดอกไม้ แต่ก็เอาน้ำไปยื่นให้ดื่มถึงขอบเวทีกันเลยทีเดียว เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่ธรรมดา ทางด้านเถ้าแก่หลิวที่กำลังชื่นชมลูกชายอยู่นั้น ตั้งใจจะขึ้นไปบนเวทีเพื่อกอดและกล่าวขอบคุณลูกชายก่อนจะปิดท้ายด้วยการพูดขอบคุณแขกผู้มีเกียรติบนเวที ขณะนั้นเอง ลูกน้องคนหนึ่งก็ส่งหนังสือพิมพ์บันเทิงซุบซิบฉบับหนึ่งให้อ่าน เป็นฉบับวันรุ่งขึ้นที่วางแผงแล้ว ไม่เพียงแต่เถ้าแก่หลิวเท่านั้นที่ได้อ่าน แขกในงานหลายคนก็ได้อ่านเช่นเดียวกัน เพราะว่ามีอยู่หลายฉบับ นักธุรกิจพวกนี้ คงไม่สนใจข่าวบันเทิงนัก ถ้าไม่เป็นเพราะว่า มีรูปของลูกชายนักธุรกิจคนดังของจังหวัดระยอง คนที่เป็นนักร้อง คนที่เพิ่งจะร้องเพลงจบ และยังไม่ทันได้ลงจากเวที หลาอยู่บนปกพอดี ....แฉ.....นักร้องหนุ่มดาวรุ่งเป็น เกย์ คว้าพระเอกเอ็มวีของตนเป็นคู่ขา มั่วสวาทม่านรูดกลางดึก.... ภาพของมิวกับโต้งขณะเดินออกจากโรงแรมม่านรูดด้วยกันกลางดึก โชว์เต็มพาดหัวอยู่บนปก หลายๆคนหันไปมองที่มิว มองที่โต้งสลับกันไปมา ยิ่งพวกวัยรุ่นต่างมองอย่างสงสัย การแสดงออกของโต้งเมื่อครู่นี้ ชวนให้เชื่อเอามากๆ โดยยังไม่ทันได้อ่านรายละเอียดของเนื้อข่าว ทุกคนก็ทำสีหน้าไม่ปลื้มเอาซะแล้ว ยิ่งแขกผู้ใหญ่ในพื้นที่หลายคน ต่างจ้องมองไปที่นักธุรกิจใหญ่ผู้เป็นพ่อ ด้วยแววตาแห่งคำถามว่า สอนลูกยังไง ให้ลูกเป็นเกย์ เสียงกระซิบแปลกๆเป็นภาษาจีนด้วยท่าทางดูหมิ่น ยิ่งทำให้เถ้าแก่หลิวเกิดความอายและโกรธขึ้นมา โดยไม่ทันรู้ตัว เถ้าแก่ใหญ่เจ้าของงาน เดินไปเบื้องหน้าลูกชาย ที่มองแววตาของผู้เป็นพ่ออย่างสงสัย เพราะว่ามิวอยู่บนเวที ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะความที่ตนคิดไปแล้วว่า ลูกชายของตนไปมีอะไรกับชู้รักที่โรงแรมม่านรูดไปแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงยั้งอารมณ์ไม่อยู่ ชูหนังสือพิมพ์ที่มีรูปคู่หน้าโรงแรมให้นักร้องหนุ่มได้เห็น ยังไม่ทันจะเอ่ยปากแก้ตัวอะไรก็พลัน เปรี้ยงงงงงงงงงงง....... เสียงฟ้าร้องของฝนหลงฤดู ดังกระหึ่มจนสร้างความประหวั่นให้แก่ผู้คน เผี่ยะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ที่ดังลั่นผ่านไมโครโฟน ท่ามกลางแววตาตกใจของทุกๆคน สมาชิกออกัสที่ยังไม่เห็นข่าวต่างอึ้งจนไม่กล้าขยับตัว ชายหนุ่มผมเกรียนที่มองดูอยู่ข้างล่างก็งงตาค้าง กำลังจะวิ่งขึ้นเวทีไปประคองมิวที่มีสีหน้าตกใจระคนความเศร้า พลันมีแขนของหญิงสาวที่สูงวัยกว่าตนมาคว้าเอาไว้เสียก่อน จูนส่งหนังสือให้โต้งดู สีหน้าชายหนุ่มสลดตกใจ อยากจะแก้ตัวให้คนนอกได้รับรู้ แต่แววตาของใครต่อใครหลายคนที่มองมาที่โต้ง ก็สะท้อนความรู้สึกบางอย่าง ที่ทำให้โต้งนึกกลัว จึงได้แต่ยืนนิ่ง รอดูสถานการณ์ ป๊า......คือ.......... ลื้อไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น อั๊วะเสียใจและผิดหวังในตัวลื้อมากนะอามิว อั๊วะเกือบจะทำใจยอมรับได้แล้วเชียวว่า..... แต่สิ่งที่ลื้อกับหมอนั่นทำไว้..... ลื้อ.... ลื้อไม่คิดถึงความรู้สึกของอั๊วะเลยใช่มั้ย ถึงได้ไปเรื่องทุเรศแบบนั้นให้ใครต่อใครเห็น ให้ใครต่อใครมาด่าอั๊วะ ว่าอั๊วะ... เถ้าแก่พูดทั้งคราบน้ำตาแล้วลงจากเวทีอย่างรวดเร็ว น้ำตาไหลรื้นอาบใบหน้าของนักร้องหนุ่ม หันไปมองแขกในงานที่มองมาที่ตนอย่างประหลาดใจ ความเสียใจที่ถูกพ่อทำร้าย บวกกับความเสียใจ ที่ตนเป็นต้นเหตุให้พ่อร้องไห้ ความเสียใจที่เป็นสาเหตุให้งานล่มและอาจทำให้ธุรกิจของพ่อเสียหาย มิวไม่กล้าสู้หน้าพ่อ ถึงจะเสียใจที่พ่อไม่เข้าใจ และไม่ให้โอกาสตนได้อธิบาย แต่ความรู้สึกเสียใจนั้นก็ถาโถม กลายเป็นว่า นักร้องนำโทษตัวเองถึงเรื่องราวทั้งหมด ไม่คิดแม้แต่จะหยิบหนังสือมาอ่านรายละเอียด ไม่แม้แต่จะมองหน้าเพื่อนๆและน้องๆร่วมวงที่พยายามเรียก ไม่แม้แต่จะลงไปหาคนรักที่พยายามจะขึ้นไปหาบนเวทีเหลือเกิน........ มิวก้าวลงจากเวที โดยไม่ฟังเสียงเรียกจากใครๆ ร่างโปร่งเดินออกจากงานไปพร้อมกับสายฝนที่เพิ่งเริ่มกระหน่ำลงมาพอดี ฝนตกหนักทำเอาผู้คนแตกตื่นวิ่งหลบฝนกันจนชุลมุนไปหมด สมาชิกออกัสทุกคน รวมทั้งโต้ง หญิง และพี่จูน ต่างก็พากันจะเรียกหามิว แต่ฝูงชนที่วุ่นวายหนีฝน ทำให้ไม่ทมีใครเห็นเลยว่า นักร้องหนุ่มร่างโปร่งเดินไปทางไหนกันแน่ ............... ................... ตอนที่ 31 +++ อุปสรรคหัวใจที่ใหญ่ที่สุดของมิวกับโต้ง +++
เย็นวันนั้น น้องมายขันอาสาพามิวและเพื่อนๆไปทานข้าวชิมบรรยากาศเมืองระยอง ปล่อยให้ป๊าและม๊าอยู่บ้านกับพวกคนรับใช้เท่านั้น เมื่อเห็นว่าสบโอกาส ผู้เป็นสามีจึงชวนภรรยาคุยปรึกษาเรื่องลูกชาย นี่ลื้อเห็นดีเห็นงามที่อามิวมันเป็นเกย์เป็นตุ๊ดไปแล้วหรออาจู ก็ไม่ใช่ว่าเห็นดีเห็นงามไปด้วย แต่ลูกมันเป็นไปแล้ว แล้วเฮียจะให้ชั้นบังคับลูกอย่างที่เฮียทำน่ะเหรอ แต่อามิวอีเป็นลูกชายอั๊วะ อีก็ต้องสืบทอดกิจการของอั๊วะ แล้วก็มีทายาทสืบสกุลให้อั๊วะสิ ไม่ใช่ไปเป็นนักร้องเต้นกินรำกิน แล้วก็มีแฟนเป็นผู้ชายแบบนั้น ทีเฮียยังไม่เห็นจะสืบทอดกิจการของอากงอีเลย เฮียก็หนีจากบ้านไปทำธุรกิจของตัวเองเหมือนกัน ก็ในเมื่อเฮียเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้ แล้วทำไมมิวจะเลือกทางชีวิตของตัวเองบ้างไม่ได้ แต่นั่นอั๊วะทำเพื่อความรุ่งเรืองของวงศ์ตระกูล ไม่ใช่เพื่อเรื่องไร้สาระแบบที่อามิวอีทำอยู่ตอนนี้ ไร้สาระ เฮียบอกว่าไร้สาระ แต่เท่าที่ชั้นจำได้ ทั้งอาเตียและอาม่าก็เคยสอนให้เฮียเล่นดนตรีมาก่อน เฮียเองก็เคยเป็นนักดนตรีมาก่อน แล้วทำไมเฮียถึงบอกว่าสิ่งที่เฮียเคยรักเคยทำมันเป็นเรื่องไร้สาระล่ะ ลื้อไม่เข้าใจหรอกน่า ขืนอั๊วะปล่อยให้อามิวอีเอาแต่เป็นนักร้องนักดนตรี อีกหน่อยอีก็ต้องลำบาก จะมาสบายมีเงินใช้อย่างทุกวันนี้ได้ยังไง หัวเด็ดตีนขาดยังไง อั๊วะก็จะไม่ให้อามิวอีเป็นนักดนตรีเด็ดขาด อีต้องสืบทอดกิจการของอั๊วะ และมีหลานชายให้อั๊วะ สืบเชื้อสายตระกูลของเรา ก็ถ้าลูกมันไม่รักไม่ชอบ เฮียจะไปบังคับให้ลูกมันเสียใจหรอ เราไม่ได้เป็นคนเลี้ยงเค้ามานะเฮีย อาม่าต่างหาก ที่เลี้ยงอีมา แล้วเฮียจะถือสิทธิอะไรไปบังคับลูก ก็เพราะอั๊วะเห็นแก่อาหม่าม๊าไง อั๊วะถึงให้อามิวอยู่กรุงเทพฯ ถ้าอั๊วะเลี้ยงลูกเองนะ อามิวอีไม่ไปเป็นตุ๊ดเป็นเกย์อย่างนี้หรอก ยังไงอั๊วะก็ไม่เปลี่ยนใจ แต่ลูกไม่อยากอยู่ที่นี่ ลูกไม่อยากทำธุรกิจ มิวเค้าอยากทำในสิ่งที่เค้ารัก เฮียก็รู้ดี แต่อามิวอีรับปากอั๊วะแล้ว ถ้าอั๊วะยอมให้มันผ่าตัดเปลี่ยนตับให้พ่อของไอ้เด็กนั่น มันจะยอมกลับมาเรียนที่นี่ อยู่ที่นี่ และเลิกเป็นนักร้อง ไม่ติดต่อกับไอ้เด็กนั่นอีก ก็อามิวก็ยอมกลับมาตามที่ได้สัญญากับเฮียไว้แล้วไง แต่ลื้อดูมันทำสิ มันก็รู้ว่าอั๊วะไม่ชอบหน้าไอ้เด็กนั่น ชื่ออะไรนะ.... ชื่อโต้ง.... ใช่... โต้ง .. อามิวอีก็รู้ว่าอั๊วะไม่ชอบขี้หน้าไอ้เจ้าโต้งนั่น แต่มันกลับพากันมาเย้ยอั๊วะ แล้วยังจะวงออกัสบ้าบออะไนนั่นอีก ลื้อเห็นใช่มั้ย ว่ามันไม่เห็นอั๊วะอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ไม่จริงหรอก ถ้าอามิวมันไม่แคร์เฮีย มันจะกลับมาหรอ มันก็ยอมกลืนคำพูดตัวเอง แล้วมีความสุขกับชีวิตของตัวเองที่กรุงเทพฯจะไม่ดีกว่าเหรอ จะยอมกลับมาหาลื้อทำไม ก็มันคงกลัวอ๊วะไม่ส่งเสียมันอะสิ อย่าทำเป็นไม่รู้สิเฮีย เฮียเองก็รู้ดี ว่าอาม่าน่ะ ทิ้งมรดกไว้ให้อามิวอีตั้งเยอะ ตึกแถวที่กรุงเทพฯนั่นก็ด้วย เฮียดูไม่ออกหรอ ว่าที่ลูกมันกลับมาพร้อมพวกเพื่อนๆน่ะ ก็เพราะจะมาพยายามเปลี่ยนใจเฮีย ให้เฮียยอมใจอ่อน ยกโทษให้มิวมันไงล่ะ แล้วก็อนุญาตให้มันได้เลือกเส้นทางที่มิวมันฝันไว้ด้วยตัวเอง และได้อยู่กับคนที่มันรัก แต่...... เฮียเชื่อชั้นนะ อย่าบังคับลูกอีกเลย ลื้ออย่าพยายามเปลี่ยนใจอั๊วะ ยังไงอั๊วะก็ไม่ยอมเด็ดขาด พูดจบ เถ้าแก่ใหญ่ก็ละจากภรรยาแล้วกลับเข้าห้องนอนทันที ทิ้งให้ภรรยาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ... ... ตกลงว่าที่พี่มิวกลับมานี่ก็ ตั้งใจจะมาง้อให้ป๊าใจอ่อนหรอ น้องมายเอ่ยถามพี่ชาย ขณะกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกันอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ใช่ครับน้องมาย พวกพี่ๆตั้งใจจะมาช่วยกันเปลี่ยนใจป๊าของน้องมายให้ใจอ่อนยอมรับตัวตนที่แท้จริงของลูกชายให้ได้ ปิงปองตอบแทนมิว พลางตักอาหารใส่จานน้องมาย แล้วพวกพี่ๆมีแผนกันรึยังล่ะคะ เด็กสาววัยม.ต้นเอ่ยถามต่อไป ก็ยังไม่มีแผนอะไรเลยครับ แต่พรุ่งนี้ก็ตั้งใจจะหาโอกาสเกลี้ยกล่อมป๊าของน้องมายให้ได้ ปิงปองยังคงเป็นฝ่ายตอบ ท่ามกลางสายตาหมันไส้ของรุ่นพี่ในวงออกัส และแววตาเลื่อนลอยของมิว นี่สรุปว่า มรึงจะเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนไอ้มิวมันทุกข้อเลยใช่มั้ยไอ้ปิง ต่อหน้าสาวล่ะทำเป็นเก่งเชียวนะมรึง ทำไมมรึงไม่ไปสมัครเป็นลูกเขยกับป๊าเค้าซะเลยล่ะ แวนได้ทีก็แขวะปิงปองวะเลย พูดอะไรอย่างงั้นพี่แวน พูดแบบนั้น น้องเค้าก็เขินแย่ล่ะสิ เดี๋ยวน้องมายก็เสียหายหมด เออ... เอากับมัน จากที่น้องเค้าไม่เขินที่ไอ้ห่าแวนพูด ก็จะมาเขินเอาตอนที่ไอ้ปิงมันทำแมนปกป้องน้องเค้านี่แหละ พอเลยมรึงไอ้ปิง พี่ชายเค้านั่งอยู่นี่ทั้งคน เลิกจีบน้องสาวเค้าได้แล้ว ต่อว่ารุ่นน้องบ้าง เกลี้ยกล่อมป๊า ท่าจะยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี น้องมายเอ่ย ยังไง ทั้งหญิงและสมาชิกที่เหลือต่างเอ่ยขึ้นพร้อมกัน มีเพียงมิวกับโต้งเท่านั้นที่หูผึ่งรอฟัง มายก็ยังไม่รู้หรอกนะ เรื่องพี่โต้งน่ะ มายไม่รู้ ว่าป๊าจะยอมรับได้มั้ย เพราะพี่มิวเป็นลูกชายคนเดียว คงจะเกลี้ยกล่อมได้ยาก คำพูดของมาย ทำเอามิวกับโต้งหน้าสลดลงไป ได้แต่มองพื้นโดยไม่เจริญอาหาร แล้วมายมีญาติพี่น้องตระกูลเดียวกันที่เป็นผู้ชายอยู่รึเปล่าล่ะ ที่มีสายเลือดเดียวกัน แซ่เดียวกันน่ะ หญิงเอ่ยถาม มีคนนึง ชื่อพี่ซัน เป็นลูกชายของอาแปะลูกพี่ลูกน้องของป๊า พี่เค้าฉลาดมากเลยนะ เรียนก็เก่ง เสียดายที่อาแปะดันตายไปซะก่อน เลยไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองเก่งแค่ไหน อายุก็.... แก่กว่าพี่มิวซักสองปีมั้ง ก็ถ้าอาแปะเค้าเสียไปแล้ว ทำไมมายไม่ลองบอกให้ป๊าเค้าขอมาเลี้ยงเป็นลูกป๊าอีกคนล่ะ หญิงถามต่อ ป๊าก็เคยอยากรับมาเลี้ยงเหมือนกัน แต่แม่ของพี่ซันเค้าไม่ยอม ทำไมถึงไม่ยอมล่ะ เอ๊กซ์สนใจเอ่ยถามบ้าง ก็แม่ของพี่ซันน่ะ เป็นแฟนเก่าของป๊าน่ะสิ แกก็เลยไม่ยอม กลัวถ่านไฟเก่ามันคุล่ะมั้ง ไอ้เราก็นึกว่า ถ้าป๊าของมรึงมีทายาทแล้ว ก็จะยอมปล่อยมรึงไปตามทางที่มรึงเลือกเองซะอีก ก็ไม่เชิงหรอกค่ะพี่เอ๊กซ์ ป๊าเค้าคงไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นอย่างเดียวหรอก ที่เค้าไม่ชอบและรับไม่ได้เรื่องของพี่โต้งก็เพราะว่า ป๊าเค้าคงคงจะกลัวว่าพี่โต้งจะมาแย่งความรักของพี่มิวไปวะมากกว่า ยังไงหรอมาย โต้งเอ่ยถามบ้าง ก็เท่าที่มายแอบฟังป๊าเค้าบ่นเพ้อเวลาที่แกเมาอะนะ ก็จะประมาณว่า พี่มิวน่ะ รักพี่โต้งมากกว่าคนในครอบครัว มากกว่าตัวป๊า มากกว่าคนอื่นๆ ขนาดยอมเสียสละตับ ซึ่งป๊าถือว่าเป็นของที่รับมาจากพ่อแม่บรรพบุรุษให้กับพ่อของพี่โต้งซึ่งเป็นคนนอกตระกูลได้ แต่กับป๊า กับครอบครัวของเรา พี่มิวกลับทำตัวเหินห่าง เหมือนไม่ใช่สายเลือดเดียวกันอะไรทำนองนี้แหละ ป๊าเค้าถึงได้โกรธพี่โต้งมาก แล้วอีกอย่างนึงนะ แกก็คงทำใจไม่ได้ ว่าแกทำให้วงศ์ตระกูลต้องเสื่อมเสียเพราะมีลุกชายที่วิปริตผิดเพศอะไรแบบนี้เนี่ยแหละ เมื่อมายพูดจบ นักร้องหนุ่มถึงกับน้ำตาซึมไหลอาบแก้มที่รู้สึกผิดและคิดว่าตนเป็นคนบาปของครอบครัวก็ไม่ปาน แต่เรื่องอย่างนี้ มันบังคับกันไม่ได้ น้องมายก็รู้ แล้ว..... หญิงพยายามจะพูดเข้าข้างมิว แต่ป๊าแกเป็นคนหัวแข็ง หัวโบราณนะสิพี่หญิง เรื่องจะให้ป๊าแกทำใจได้ง่ายๆน่ะ คงยาก ลองเป็นแบบนี้ ก็คงจะไม่มีวิธีแล้วน่ะสิ โธ่เว้ยยยย เอ๊กซ์ท่าทางหัวเสียกับความหวังที่ไกลออกไปทุกที อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ เรายังพอมีโอกาสอยู่ จู่ๆ หญิงก็มีความคิดดีๆออกมา ยังไงหรอหญิง นักกีตาร์คิ้วหน่เอ่ยถามสาวคนรัก ก็ถ้าเราทำให้ป๊าเค้าเห็น ว่ามิวเค้ารักป๊ามาก ไม่ได้น้อยไปกว่าความรักที่เค้ามีให้โต้ง และให้โต้งทำให้เค้าเห็นว่า โต้งเอง ก็รักมิว ไม่ได้น้อยไปกว่าที่ป๊าเค้ารนักมิวเลยแม้แต่น้อย เราก็จะมีโอกาสทำให้ป๊าเค้ายอมรับเรื่องของมิวกับโต้งได้ยังไงล่ะ หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น แล้วต้องทำยังไงบ้างล่ะหญิง ชายหนุ่มทุกคนเอ่ยถามพร้อมกัน ก็.... ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกัน หญิงยังคิดไม่ออกเลยอะ... โหหหหห...... ทุกคนทำน้ำเสียงเซ็งพร้อมๆกัน แต่หญิงเชื่อว่า ตราบใดมีรักก็ย่อมมีหวัง ในเมื่อตอนนี้ มิวอยู่ระยอง โต้งก็อยู่ระยอง ก็แปลว่า เราย่อมมีโอกาสทำให้ป๊าของมิวยอมรับและเข้าใจได้แน่ๆ อย่าเพิ่งหมดหวังนะ มิว โต้ง ใช่... เราจะไม่ยอมแพ้ เพื่อมิว เราจะต้องทำให้ป๊าของมิวเข้าใจ ยอมรับ และให้อภัยมิวให้ได้ โต้งบอก ไม่ใช่โต้ง ไม่ใช่เพื่อมิวคนเดียว เพื่อเราสองคนต่างหากล่ะ มิวพูดออกมาบ้าง มิว... เพื่อนๆเอ่ยขึ้นพร้อมกัน และชวนกันรับประทานอาหารต่อไป ... ... เช้าวันรุ่งขึ้น หมู่มวลสมาชิกวงออกัสต่างพร้อมใจกันตื่นแต่เช้าตรู่ เพราะไม่อยากให้ป๊าของมิวถือโอกาสว่า ว่าเป็นนักดนตรีแล้วชอบตื่นสาย ขี้เกียจสันหลังยาว จึงตื่นขึ้นมาช่วยงานบ้านกันแต่เช้า ถึงจะมีแม่บ้านกันอยู่แล้ว แต่แรงงานของหนุ่มสาวก็ช่วยได้มากทีเดียว วันนี้ ป๊าของมิวมีนัดประชุมครั้งสุดท้าย ก่อนจะจัดงานเปิดโรงงานแห่งใหม่ ขยายสาขาธุรกิจที่กำลังรุ่งเรือง เย็นวันนี้ จะมีนักธุรกิจต่างชาติหลายคนเข้ามาร่วมงานด้วย เผื่อจะได้มีโอกาสเจรจาทำการค้าร่วมกันกับป๊า เถ้าแก่ใหญ่พ่อลูกสองจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมสรรพ งานวันนี้จะผิดพลาดและล้มเหลวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ป๊า ทานอาหารเช้าครับ โต้งพยายามเอาใจด้วยงานยกอาหารเช้าไปเสิร์ฟถึงโต๊ะ ใครป๊าลื้อ อั๊วะไม่เคยอนุญาตให้ลื้อเรียกอั๊วะว่าป๊า เรียกอั๊วะ เถ้าแก่หลิว ครับ เถ้าแก่... เอ่อ... เถ้าแก่หลิวครับ อาหารเช้าครับ วางไว้ตรงนั้น แล้วลื้อจะไปไหนก็ไป ให้พ้นๆหน้าอั๊วะ น้ำเสียงป๊ายังคงตึงอยู่ โต้งก็ได้แต่ยิ้มอดกลั้นไว้ ท่าทางน่าทานดีเนอะ บะหมี่ทรงเครื่องทะเลชามโต๊โต จัดให้ม๊าซักชุดนึงสิโต้ง น้ำเสียงม๊ากลับไว้ไมตรีและอ่อนโยนกว่าของป๊ามาก โต้งยิ้งยินดี แล้วรีบกุลีกุจอยกอาหารเช้ามาบริการแม่ของคนรักด้วยความรวดเร็ว รสชาติก็งั้นๆ ไม่เห็นจะได้เรื่อง ป๊าบ่นรสชาติอาหารเพราะเข้าใจว่าโต้งเป็นคนทำ แต่ชั้นว่าอร่อยมากเลยนะเฮีย จำไม่ได้หรอ เมื่อก่อน อาม่าก็ทำแบบนี้ให้เฮียทานบ่อยๆไง ไปหัดมาจากไหนเหรอลูก ฝีมือไม่ใช่ย่อยนะเนี่ย ม๊าหันไปถามโต้ง ผมทำไม่เป็นหรอกครับม๊า บะหมี่ทรงเครื่องทะเลสองชามนี้ มิวเป็นคนทำครับ มิวบอกว่า เมื่อก่อนป๊าชอบให้อาม่าทำให้ทานบ่อยๆ ผมก็เลยขอให้มิวลงมือทำให้เถ้าแก่ทานน่ะครับ คำพูดของโต้งทำเอาเถ้าแก่หลิวถึงกับนั่งอึ้งไปเลย ไม่เพียงแต่คิดถึงแม่ผู้จากไปหลายปี แต่ยังแอบดีใจที่ลูกชายคนเดียวจำอาหารโปรดของตนได้ เสียงของตนที่เคยอ้อนมารดาต่อหน้าลูกชายวัยสิบขวบให้ทำอาหารโปรดดังเข้ามาในจิตใต้สำนึกทันที อั๊วะไปก่อนนะอาจู วันนี้มีประชุมแต่เช้า จะรีบไปไหนล่ะเฮีย ยังทานไม่หมดเลย รสชาติไม่ได้เรื่อง ทำให้อั๊วะเจี๊ยะไม่ลง พูดไปแบบนั้น ทั้งๆที่ในใจก็คิดว่าอร่อยมาก เหมือนตอนที่อาม่าทำให้ทานไม่มีผิด แต่เพราะใจแข็งและไม่อยากเสียฟอร์มต่อหน้าโต้ง เถ้าแก่จึงรีบลุกหนีไป เดินผ่านมิวที่แอบหน้าเจื่อนอยู่หลังประตูไปโดยไม่รู้ตัว มายรีบเข้ามาชิมในชามของป๊าทันทีว่าไม่อร่อยอย่างที่ป๊าบอกรึเปล่า ก็ออกจะอร่อยดีออก ของโปรดแท้ๆ กลับทานไม่ลง จะรีบอะไรนักหนานะป๊าเนี่ย ป๊าแกคงไม่อร่อยเพราะรู้ว่าพี่เป็นคนทำล่ะมั้งมาย ถึงได้รีบลุกออกไปอย่างนั้น ม๊าว่าไม่ใช่หรอกมิว ป๊ามิวเค้าอาจจะแค่รักษาฟอร์มก็ได้มั้ง ก็เค้าว่าโต้งไปก่อนหน้า แต่พอรู้ว่ามิวทำให้เพราะนึกถึงตอนที่อาม่าทำให้ป๊าทาน แถมรสชาติก็อร่อยมากด้วย แกก็คงกลัวว่าแกจะเริ่มใจอ่อนที่เห็นว่ามิวก็เอาใจใส่แกดีและยังจดจำความรู้สึกดีๆของตัวป๊าแกได้ ก็เลยทำเป็นเดินหนีไปไงลูก จริงเหรอม๊า ดีจังเลยพี่มิว งั้นก็ยังพอมีหวังหน่อย มายบอกพี่ชาย นั่งรถมาถึงออฟฟิศด้วยเสียงท้องร้องจ๊อกๆ แต่เพราะความหยิ่งของตนเองที่จะไม่ยอมให้มิวและโต้งเอาชนะใจได้ ถึงกับยอมทนหิว เมื่อเดินเข้าไปหน้าห้องประชุม เถ้าแก่ก็ได้กลิ่นหอมของอาหารรสเด็ดลอยเข้ามาแตะจมูก โจ๊กกุ้งกุลาของใครเนี่ย มาตั้งทิ้งไว้ทั้งหม้อเลย เสียงเลขานุการสาวดังขึ้น อ๋อ... นายน้อยให้ชั้นเอามาเมื่อเช้านี้น่ะ บอกว่าเอาไว้ให้ทานเผื่อใครหิว ยังไม่ได้ทานอาหารเช้ามาก็จะได้ทานได้เลย เสียงผู้ชายคนนึงตอบ เป็นชายหนุ่มคนเดียวกับที่เคยแอบตามถ่ายรูปของมิวกับโต้งเมื่อเดือนก่อน เมื่อเช้านี้ถูกมิวและเพื่อนๆไหว้วานให้เอาโจ๊กหม้อนี้มาที่ออฟฟิศของเถ้าแก่หลิว และก็ได้ผลอย่างที่มิวแอบหวังไว้ เพราะป๊าทนหิวไม่ไหว ต้องเดินออกมาสั่งพนักงานให้ตักเข้าไปให้ในห้องหนึ่งชาม สงสัยนายน้อยจะเอาใจเถ้าแก่ล่ะมั้ง เสียงผู้ชายคนเดิมพูด นายน้อยไหนเหรอพี่ ก็ลูกชายเถ้าแก่ที่เป็นนักร้องอยู่กรุงเทพฯไง แกถูกเถ้าแก่บังคับให้มาเรียนและทำการค้าที่นี่ แต่แกคงอยากเป็นนักร้องมากกว่า ก็เลยมาเอาใจเถ้าแก่ให้เถ้าแก่ใจอ่อน ชายหนุ่มอธิบายให้เพื่อนร่วมงานฟัง จากนั้นก็ตักจีกเอาเข้าไปให้เจ้านายของตนที่รอทานอยู่ในห้องทำงาน ความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมาในความรู้สึกของเถ้าแก่หลิว เด็กชายตัวน้อนๆคนหนึ่งที่ทะเลาะกับพ่อแล้วไม่ยอมทานข้าวมาโรงเรียน ปล่อยให้ท้องร้องจนเรียนไม่รู้เรื่อง สุดท้ายผู้เป็นพ่อ ต้องตามมาง้อลูกชายด้วยโจ๊กกุ้งกุลาเต็มหม้อ ขออนุญาตคุณครูให้ลูกได้ทานโจ๊กกุ้งพร้อมกับเพื่อนๆในชั่วโมงเรียน คุณครูที่เป็นแม่ชีในศาสนาคริสต์ก็ใจอ่อนเพราะสงสารเด็ก สุดท้ายลูกก็หายงอนพ่อ แล้วร้องเพลงขอโทษพ่อให้พ่อของตนและคุณครูตลอดจนเพื่อนๆได้ฟัง เป็นเพลงที่เพราะที่สุดเพลงนึงที่ผู้เป็นพ่อเคยได้ฟังมาเลยทีเดียว เถ้าแก่ปาดคราบน้ำที่คลออยู่ที่ตาสองข้างของตนแล้วลงมือทานโจ๊กกุ้งกุลาชามนั้นอย่างอร่อย แต่ในใจก็ยังคิดบางอย่างอยู่ อย่าคิดว่าแค่นี้แล้วอั๊วะจะยอมใจอ่อนให้ลื้อนะอามิว ยังไม่พอหรอก ... ... มันจะเวิร์กแน่หรอมาย นักร้องหนุ่มเอ่ยถามน้องสาว แน่สิคะพี่มิว แล้วพี่มิวมั่นใจรึเปล่าล่ะ ว่าป๊าจะจำเรื่องราวของโจ๊กกุ้งกุลาได้ ก็.... ถ้าป๊าเค้ายังเหลือความรักให้พี่บ้าง ก็คงจะจำได้แหละ แต่ม๊าว่าแค่นั้นคงไม่พอหรอก มิวก็รู้นี่ลูก ว่าป๊าเค้าโกรธมากเรื่องที่มิวเป็นในแบบที่เค้าไม่อยากให้มิวเป็น ถึงเค้าจะรัก และต้องการความรักจากลูกชายบ้างก็ตาม แต่จะให้ยอมรับง่ายๆน่ะ ไม่มีทาง แล้วมิวกับโต้งควรจะทำยังไงอีกล่ะม๊า ป๊าเค้าถึงจะ....... ม๊าก็ตอบไม่ได้เหมือนกันลูก คงต้องรอโอกาสล่ะมั้ง โอกาสอะไรเหรอครับ.... เถ้าแก่เนี้ย โต้งเอ่ยปากถามแม่ของมิว เรียกม๊าก็ได้ลูก โต้งเป็นคนรักของลูกชายม๊า ก็เหมือนกับเป็นลูกชายม๊านั่นแหละ เมื่อกี้นี้ ม๊าพูดถึงโอกาส หมายความว่ายังไงเหรอครับ มิวเอ่ยถามแม่ของตนบ้าง มิวรู้ใช่มั้ย ว่าป๊าเค้าต่อต้านความรักที่ผิดธรรมชาตินี้มาก ยิ่งโกรธมาก เมื่อรู้ว่าลูกชายคนเดียวของเค้ากลับเป็นซะเอง ยังไงป๊าเค้าก็รักมิวนะลูก รักมาก แต่ป๊าเค้าไม่เชื่อว่าความรักของผู้ชายสองคนจะจริงจังมั่นคง ถ้าเพียงแต่มีโอกาสให้ลูกทั้งสองคนได้พิสูจน์รักแท้ให้ป๊าเค้าเข้าใจ ยังไงล่ะม๊า มิวถามต่อ มิว ลูกน่ะ ได้พิสูจน์ไปแล้วว่ารักโต้งมากแค่ไหน ขนาดยอมเสียสละตับให้พ่อของโต้งได้ แต่โต้ง โต้งยังไม่มีโอกาสพิสูจน์ให้ป๊าเห็น ให้ทุกคนเห็น ว่าเรารักมิวมากแค่ไหน เราเสียสละเพื่อมิวได้แค่ไหน ถ้าโต้งสามารถพิสูจน์ให้ป๊าเค้าเชื่อได้ ป๊าเค้าก็จะยอมรับเรานะลูก แต่จะให้ทำยังไงล่ะครับ ก็เถ้าแก่เค้า.... ตราบใดมีรัก ก็ย่อมมีความหวัง เชื่อแม่นะลูก อย่าท้อ ม๊าไม่สามารถบังคับใจป๊าให้ยอมรับได้ แต่สำหรับม๊า ม๊าปล่อยให้มิวต้องใช้ชีวิตจมกับความเหงามาถึงห้าปีเต็ม ม๊าทำให้ลูกเสียใจ ต่อไปนี้ ม๊าจะไม่ทำให้ลูกมิวต้องเสียใจอีก ม๊าให้อยากให้มิวมีความสุขกับคนที่มิวรัก กับคนที่รักมิวนะลูก แม่ของมิวพูดจบ โต้งและมิวก็โผเข้ากอดม๊าพร้อมกัน แม้จะสูงใหญ่กว่าหญิงสูงวัยไม่น้อย แต่ทั้งสามคนก้โอบกอดกันอย่างอบอุ่น ... ... บ่ายวันนั้น ม๊าชวนมิวไปที่โรงงานเพื่อเตรียมงานปาร์ตี้ฉลองการเปิดโรงงานแห่งใหม่ โต้งขอติดตามไปด้วย ม๊าจึงอนุญาตให้ชายหนุ่มคนรักของลูกชาย พร้อมด้วยเพื่อนอีกสองคน หญิงกับเอ๊กซ์ ตามไปดูงานด้วยกัน ในขณะที่น้องมาย กลับชวนปิงปองไปด้วย ผู้เป็นแม่ไม่ได้ขัดใจแต่อย่างใด ส่วนต่อ แวน และเอ็ม อยู่คอยสมาชิกออกัสคนอื่นๆที่โทรมาบอกว่าจะมาถึงตอนเย็น ส่วนพี่จูนและพ่อแม่ของโต้งก็จะตามมาในวันรุ่งขึ้น งานเปิดโรงงานแห่งใหม่ แปลว่ากิจการของป๊าก็ไปได้ดีล่ะสิม๊า นักร้องหนุ่มถามารดาของตนขณะนั่งรถเดินทางไปที่งาน ก็ดีมากเชียวแหละ โรงงานของเราเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐาน และยังไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมด้วย กิจการก็ขยายใหญ่โตเรื่อยมา นี่ก็เป็นโรงงานแห่งที่สี่แล้วนะ ป๊าดูแลคนเดียวก็คงเหนื่อยแย่ ป๊าเค้าถึงอยากให้มิวมาช่วยดูแทนเค้าไงลูก ป๊าเค้ารักกิจการของเค้ามาก เค้าก็เลยอยากให้มิวน่ะ สืบทอดสิ่งที่เค้าอุตส่าห์ทุ่มเทมาหลายปี แต่ว่ามิว... ม๊าเข้าใจ ว่ามิวไม่ได้รักงานของป๊า แต่มิวก็ต้องเข้าใจป๊าเค้าด้วยนะลูก ว่ามิวก็คือความหวังของป๊าเค้าเช่นกัน แล้วงานเย็นนี้ เป็นยังไงบ้างเหรอครับ โต้งเอ่ยถาม ก็เชิญผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดมาหลายท่านทีเดียว แล้วก็มีงานเลี้ยง มีการแสดงบนเวทีอะไรพวกนี้แหละ แล้วทำไมม๊าไม่บอกป๊าให้วงออกัสเล่นที่งานเลยล่ะคะ น้องมายลองหยั่งเชิงถาม แล้วมายคิดว่าป๊าเค้าจะยอมมั้ยล่ะลูก คงไม่แน่ๆเลย ป๊ายิ่งไม่อยากให้พี่มิวเป็นนักร้องอยู่ด้วย มายบ่นเล็กๆก็พอดีกับที่รถเข้ามาจอดที่สถานที่จัดงานพอดี ทุกๆคนลงจากรถโดยมีป๊าออกมารอรับภรรยาของตน สวัสดีครับ/ค่ะ โต้ง เอ๊กซ์ หญิง และปิงปอง ไหว้เถ้าแก่พร้อมกัน ซึ่งเถ้าแก่เองก็รับไหว้ไปแบบขอไปทีชนิดเสียไม่ได้ เพราะมีลูกน้องหันมามองพอดี แต่ก็มีบ่นบ้างเหมือนกัน จะเอาคนนอกมาร่วมงานเราทำไมก็ไม่รู้ เมื่อกี้นี้เฮียว่าอะไรนะ ม๊าของมิวที่ได้ยินไม่ชัดเอ่ยถามสามี ไม่มีอะไรหรอกน่า ลื้อเข้าไปเตรียมตัวด้านในเหอะไป พวกผู้หญิงแต่งตัวช้า เดี๋ยวอั๊วะจะพาอามิว เดินชมโรงงานก่อน เพราะอีกไม่กี่ปี อีก็ต้องมาเป็นเถ้าแก่แทนอั๊วะแล้ว .... อามิว ตามป๊ามา คนอื่นไม่ต้อง จะไปเดินเล่นที่ไหนก็ไป อั๊วะจะไปกับลูกชายแค่สองคน เถ้าแก่หลิวพูดจบก็จูงมือมิวเดินไปทันที นักร้องนำวงออกัสเหลียวหันมามองคนรักที่มองตามอย่างเป็นห่วง และเพื่อนๆที่พยายามจะแอบเดินตามไปในทิศเดียวกัน จะตามไปเหรอหญิง มือกีตาร์คิ้วหนา เอ่ยถามสาวคนรักที่พยายามจะเดินตามมิวไป ก็ใช่สิเอ๊กซ์ ก็ป๊ามิวเค้าบอกว่า จะไปเดินเล่นที่ไหนก็ไปใช่ปะ เราก็ไปเดินเล่นทางเดียวกับที่เค้าพามิวไปไง แต่ว่า..... ทั้งเอ๊กซ์ ปิงปอง และโต้ง เอ่ยพร้อมกัน จะมาแต่ทำไมเล่า... เป็นผู้ชายอย่าทำปอดแหกสิ แค่ป๊ามิวตวาดหน่อยเดียว ก็ฝ่อกันแล้วหรอ เปล่า... ชายหนุ่มทั้งสามปฏิเสธพร้อมกัน งั้น ถ้าไม่ได้ป๊อด ก็ตามไปได้แล้ว หรือว่ากลัว... ใคร ... ใครกลัวป๊าไอ้มิวมัน ไปก็ไปดิ ใช่มั้ยไอ้ปิง เอ๊กซ์หาพวกทันที ใช่ๆ ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะตามไม่ทัน ปิงปองช่วยเสริม แล้วชายหนุ่มทั้งสามก็เดินตามหญิงไปทันที ... ... ระหว่างที่ป๊าพามิวเดินสำรวจโรงงานอยู่นั้น ผู้เป็นพ่อพยายามชวนเชื่อให้ลูกชายเห็นข้อดีของโรงงานและกิจการของตน ด้วยความตั้งใจจะโน้มน้าวให้มิวหันมาสนใจอาชีพของตนและเลิกรักใคร่ในเส้นทางอาชีพนักดนตรีเสียที แต่นักร้องหนุ่มก็เดินตามไปอย่างงั้นๆ ไม่ได้มีความกระตือรือร้นสนใจในสิ่งที่พ่อของตนทุ่มเทมาเพื่อให้ตนสานต่อแม้แต่น้อย เถ้าแก่เองก็เป็นคนฉลาด เมื่อพยายามโน้มน้าวใจลูกแล้ว แต่ไม่เป็นผล ก็เริ่มจะท้อและพยายามทำความเข้าใจว่าลูกชายคนเดียวของตนคงไม่สามารถเป็นอย่างที่ตนปรารถนาจะให้เป็นได้ แต่ก็อยากจะทำให้ถึงที่สุด เพราะทั้งพ่อและลูกคู่นี้ ก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อที่เข้มแข็งกว่าลูกเยอะ ย่อมจะต้องทำทุกวิธีเพื่อให้มิวหันมาสืบทอดกิจการของตนอย่างเต็มใจให้ได้ ทางด้านชายคนรักและเพื่อนๆนักดนตรีวงออกัส รวมทั้งหญิงสาวเพื่อนสนิท ก็แอบเดินตามมาดูโดยทิ้งระยะพอสมควร ไม่ให้ถูกเถ้าแก่พบเห็น ขณะที่พ่อลูกเดินมาจนถึงลานด้านหลังที่อยู่ใกล้ถนน จู่ๆ รถตู้สีดำคันหนึ่งก็เข้ามาเทียบใกล้ๆกับมิวและป๊า ชายฉกรรจ์สี่คนพุ่งตัวลงมาจากรถตู้สีดำที่เพิ่งเข้ามาจอด อย่างรีบเร่ง ชายทั้งสี่คว้าตัวเถ้าแก่สูงวัยและลูกชายนักร้องหนุ่มขึ้นไปบนรถทันที แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายนัก เพราะนักร้องนำวงออกัสก็รู้จักสู้และไม่ยอมให้ถูกลากขึ้นรถไปได้ง่ายๆ มิวใช้กระเป๋าสะพายไล่ตีคนที่พยายามทำร้ายผู้เป็นบิดา แต่ร่างโปร่งบอบบางอย่างมิว มีหรือจะเอาชนะเหนือร่างำยำของคนทั้งสั่ไปได้ ภาพการฉุกกระชากลากถูมิวกับป๊าปรากฏแก่สายตาของโต้ง ด้วยความเป็นห่วงคนรัก โต้งจึงรีบวิ่งไปตะลุมบอนอย่างไม่รอช้าทันที หมัดขวาของโต้งพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของคนที่กำลังดึงแขนมิวขึ้นรถ ถึงแม้หมัดของร่างสูงผมเกรียนจะไม่พลาด แต่ชายหนุ่มก็ถูกสวนกลับด้วยหมัดซ้ายของอีกคนที่เข้ามาช่วยเพื่อน ทางด้านนักกีตาร์จอมทะเล้นก็ไม่รอช้า เข้าไปถีบชายคนที่ซัดหมัดซ้ายใส่หน้าแฟนของเพื่อนสนิททันที แต่ก็ถูกถีบจากด้านหลัง จากคนที่ถูกโต้งซัดเข้าที่หน้าเช่นกัน กลายเป็นการตะลุมบอนระหว่างชายหนุ่มวัยละอ่อนที่เพิ่งผ่านชีวิตมัธยมปลายมาหมาดๆกับชายฉกรรจืที่รู้เชิงมวยถึงสี่คน ขณะที่เถ้าแก่หลิว พ่อของมิวนั้นสลบและถูกดึงขึ้นรถไปก่อนแล้ว หญิงสาววิ่งไปตามคนมาช่วย ขณะเดียวกัน ปิงปองก็เข้ามาแจมกับเขาอีกคน ในบรรดาชายหนุ่มสี่คน มิวเสียท่าเป็นคนแรก ถูกสันมือตีเข้าท้ายทอยจนมึนและถูกลากขึ้นรถไปก่อน ขณะที่แฟนหนุ่มร่างสูงของมิวก็ถูกชกเข้าที่คาง ล้มไปบนร่างโปร่งของมิวที่อยู่ที่เบาะหลังคนขับ ปิงปองโดนถีบกระเด็นมาไกลจากจุดชุลมุนประมาณสามเมตรและรู้สึกจุกจนลุกไม่ขึ้น ขณะที่นายคิ้วหน้าก็ถูกอัดเข้าที่ท้องจนหมดแรงและถูกดึงขึ้นรถไปอีกคน กลายเป็นว่า แทนที่จะถูกจับแค่สองคนพ่อลูก แต่ดันเพิ่มเป็นสี่คนโดยมีชายหนุ่มอีกสองคนถูกจับไปด้วยพร้อมกัน จากนั้น รถตู้ก็วิ่งจากไป ทิ้งร่างของปิงปองที่นอนเจ็บพยายามจะลุกขึ้นไว้เบื้องหลัง กว่าหยิงจะตามคนมาทัน รถตู้ก็วิ่งหายไปพ้นสายตาแล้ว ... ... ปิงปอง เป็นไงบ้าง แล้วพวกมิวอะ หายไปไหนแล้ว หญิงเอ่ยถามหลังจากไปตามคนมาช่วย โดยวิ่งมาดูใกล้ๆแล้วช่วยพยุงนักเป่าหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน หายไปแล้วพี่หญิง รถตู้มันวิ่งออกไปทางโน้นน่ะครับ มันจับพี่เอ๊กซ์กับพี่โต้งไปด้วย ปิงปองตอบ จากนั้นก็พยายามลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลหน่อยโดยมีแฟนสาวของนักดนตรีรุ่นพี่ช่วย แต่ก็ไม่บาดเจ็บมากนัก แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย เอางี้ เราไปบอกม๊าของมิวกันก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงกันดี เอางั้นก็ได้พี่หญิง เดี๋ยวผมจะโทรบอกพวกพี่แวนก่อนนะครับ อือ... หญิงตอบรับ จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปหาที่นั่ง แล้วหญิงก็วิ่งเข้าไปยังห้องแต่งตัวด้านในเพื่อบอกม๊ากับน้องมายให้รู้เรื่อง ... ... บนรถตู้ ชายหนุ่มคิ้วหนายังไม่สลบอย่างที่กลุ่มชายฉกรรจ์คิดเอาไว้ นักกีตาร์หนุ่ม แกล้งทำเป็นไม่ได้สติ แต่ก็พยายามจดจำเส้นทางที่รถตู้วิ่งผ่าน บางโอกาสก็เหลียวมองไปยังเพื่อนรักนักร้องนำกับแฟนหนุ่ม ว่าเป็นยังไงบ้าง มิวยังคงไม่ได้สติ ส่วนโต้งเอง เริ่มจะพอขยับตัวได้บ้างแล้ว ที่มุมปากมีรอยเลือดซิบๆ แสดงว่าโดนชกมา หนุ่มผมเกรียนพยายามเปิดเปลือกตาขึ้น ทันทีที่เปิดตาออกมาได้ โต้งก็สังเกตเห็นอากัปกิริยาของเอ๊กซ์ที่บอกให้แกล้งทำเป็นยังไม่ได้สติและก็ทำตามนั้น แต่ก็ยังขยับริมฝีปากถามออกไปโดยไม่ให้มีเสียงว่า แล้วมิวล่ะ ซึ่งเอ๊กซ์ก็ตอบกลับไปโดยไร้เสียงเช่นกัน ยังสลบอยู่เลย เถ้าแก่เป็นอีกคนที่ได้สติก่อนมิว เมื่อฟื้นขึ้นมาเห็นชายหนุ่มเพื่อนนักดนตรีของลูกชายกับชายหนุ่มอีกคนที่เป็นคนรักของลูกชายคนเดียวของตนฟื้นแล้วก็ใจชื้นเล็กน้อย แต่ที่ห่วงมากกว่า ก็คือลูกชายของตนที่ยังไม่ได้สติ ชายสูงวัยลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความตกใจของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่จับพวกตนมา แล้วแกล้งโวยวาย พวกลื้อจะพาอั๊วะไปที่ไหน ไอ้แก่ อย่าถามมากนักเลยน่า เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองนั่นแหละ หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเอ่ยตอบ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ทุกคนก็รู้สึกได้ว่า รถเลี้ยวเข้าไปยังสถานที่แห่งนึงแล้วก็จอด จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ก็พาทุกๆคนลงจากรถโดยลากร่างโปร่งของมิวที่ยังไม่ได้สติลงมาด้วย อ้าวเฮ้ย.... ลงมาได้แล้ว คนที่เป็นหัวหน้าตะโกนบอกลูกน้อง เอาไงดีลูกพี่ ไอ้นักร้องนี่มันยังไม่ยอมตื่นเลย ชายคนที่ฟาดสันมือใส่ท้ายทอยมิวพูด ก็มรึงเสรือกเล่นแรงนี่หว่า เดี๋ยวแมร่งเป็นห่าอะไรไป ราคาตกหมด รีบทำให้มันฟื้นเร็วๆเข้า คนที่เป็นหัวหน้าสั่ง จากนั้น นายคนที่ทำมิวสลบก็ใช้น้ำราดใส่ตัวมิวจนเริ่มรู้สึกตัว แล้วลากมิวไปรวมกับพวกป๊า โต้ง และเอ๊กซ์ ค่อยๆเปิดตาขึ้นช้าๆ นักร้องนำวงออกัสมองเห็นร่างของบิดาถูกจับมัดนั่งรวมกับร่างสูงของชายคนรัก ขณะที่มือของตนนั้น ก็ถูกจับมัดรวมกับร่างล่ำสันของเพื่อนสนิทนักกีตาร์คิ้วหนา ดูจากอาคารที่มองเห็น คล้ายๆกับโกดังร้างที่คงไม่ได้ใช้งานมาพักใหญ่แล้ว ทันใดก้ได้ยินเสียงใครคนนึงกำลังพูดผ่านโทรศัพท์มือถือ ครับเฮีย ได้มาทั้งสองพ่อลูกเลยครับ แต่ว่า เรามีปัญหาเล็กน้อยครับ เราจับเพื่อนของไอ้ลูกชายมันมาด้วยสองคนครับเฮีย ก็มันพยายามช่วยเพื่อนมัน เราก็เลยจำเป็นต้อง.... ได้ครับเฮีย จับมัดรวมกันไว้แล้วครับ .... ครับ ป๊า ป๊าเป็นยังไงบ้าง ทันทีที่ได้สติ นักร้องหนุ่มก็ถามหาผู้เป็นบิดาก่อนคนอื่น ทำให้เถ้าแก่หลิวแอบยิ้มในใจว่า อย่างน้อย ลูกชายของตนก็ไม่ได้สนใจหรือแคร์หรือห่วงใยคนรักเพศเพียวกันมากไปกว่าคนเป็นพ่อ อยากหันหน้าไปมองลูก แต่ก็ติดที่ถูกมัดรวมกับโต้งและกลายเป็นฝ่ายที่หันหน้าออก ทำให้มองไม่เห็นลูกชายของตน อั๊วะปลอดภัยดี แล้วลื้อล่ะ เจ็บมากมั้ย ผู้เป็นพ่อเอง ก็ถามลูกชายอย่างห่วงใย พยายามจะหันและขยับไปดูมิวใกล้ๆ แต่ก็ติดที่ตนเองถูกมัดรวมกับชายคนรักของลูกที่ตนไม่ชอบใจเอาเสียเลย มิวไม่เป็นไรครับเถ้าแก่ สบายใจได้ครับ โต้งตอบแทนมิว ใครอยากให้ลื้อตอบกัน อั๊วะถามลูกชายอั๊วะ ยุ่งไม่เข้าท่า เถ้าแก่ว่าโต้ง ทำเอาโต้งหน้าเสีย หันมามองทางมิวและเอ๊กซ์ที่หันข้างให้ตน มิวไม่เป็นไรป๊า นักร้องหนุ่มร้องตอบพร้อมส่งยิ้มให้กำลังใจคนรักที่ถูกมัดรวมกับบิดา โต้งหันมายิ้มตอบ ก่อนจะเหลือบไปเห็นชายหนุ่มสองในสี่คนเดินมาทางพวกตน พวกนายเป็นใคร จับพวกเรามาทำไม โต้งตะโกนถามชายสองคนนั้น ใครอยากจะจับมรึงมากันล่ะ พวกกรู อยากได้แค่ไอ้เสี่ยนั่นกับลูกชายนักร้องของมันแค่นั้น ไม่ได้อยากได้ตัวพวกมรึงสองคนมาซะหน่อย แล้วจับมาแล้วจะทำยังไง โต้งแกล้งชวนคุยถ่วงเวลา เมื่อสังเกตเห็นมือกีตาร์คิ้วหนาส่งของบางอย่างให้กับนักร้องนำวงออกัสที่ถูกมัดติดกัน ไอ้หัวเกรียนนี่ ถามมากน่ารำคาญ แต่หน้าตาก็หล่อใช้ได้นี่หว่า ถ้าเอาไอ้นี่ไปขายให้เจ๊ดาบาร์กุหลาบบนเกาะ มรึงว่าจะได้ราคาดีรึเปล่าวะ คนที่ชกโต้งเข้าที่คางกำลังคุยกับคนที่ฟันสันมือใส่ท้ายทอยมิวอย่างออกรส กรูว่าขายแมร่งไปให้หมดทั้งสามคนนี่แหละ ไอ้นักร้องลูกเสี่ยนั่นหน้าหวานชะมัด คงจะถูกใจพวกฝั่งโน้นแน่ ท่าทางมรึงจะชอบใจ อยากลองก่อนมั้ยล่ะวะ จะดีเหรอวะ ถ้ามันไม่ใช่ลูกไอ้เสี่ยนั่นนะ ข้าเอามันแน่ แล้วถ้าเป็นไอ้หัวเกรียนนั่นล่ะ ไอ้หน้าหล่อนั่นมันออกฝรั่งนิดๆ ข้าว่าถูกสเป๊กเจ๊ดาซะมากกว่า ยายนั่นน่ะ ชอบกินเด็กอยู่แล้ว นี่พวกนายหมายความว่ายังไงกันเนี่ย โต้งแกล้งชวนคุย ก็หมายความว่า พวกข้า อาจจะเอาพวกเอ็งไปขายที่บาร์กุหลาบไงวะ บาร์กุหลาบ..... เออ.... บาร์กุหลาบ บาร์ผู้ชายบนเกาะโน่น เลยเสม็ดออกไปอีกไกลเชียว ระหว่างที่โต้งชวนสองคนนั้นคุยอยู่ เอ๊กซ์ก็ให้มิวแอบหยิบมีดพกที่นักกีตาร์หนุ่มซื้อมาพกติดตัวตั้งแต่เจอเหตุการณ์อันธพาลที่สยามฯออกมาช่วยตัดเชือก แต่เพราะความอ่อนแรงของนักร้องหนุ่ม การตัดเชือกจึงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนัก ไอ้มิว เสร็จรึยังวะ เอีกซ์กระซิบถาม เกือบแล้ว รออีกแป๊บนึง นักร้องนำวงออกัสค่อยๆเชือดเชือกเส้นสุดท้ายที่พันธนาการตนเองกับเพื่อนรักจนเกือบขาด ในขณะเดียวกัน หนึ่งในชายฉกรรจ์สองคนนั้นก็ลุกขึ้นมา แล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ มือของคนที่ทำมิวสลบ ค่อยๆลูบแก้มอ่อนนุ่มของมิว ก่อนจะหยิกเบาๆทำเอามิวตกใจไม่น้อย แต่ที่ตกใจยิ่งกว่านั้น ก็คือชายคนรักที่ถูกมัดอยู่ไม่ห่างนัก ไอ้สาดดดด ทำอะไรวะ โต้งแสดงความห่วงใยมิวจนออกนอกหน้า และเสียงดังจนเถ้าแก่หลิวได้ยิน นี่แกหวงไอ้นักร้องนี่ด้วยเหรอวะ ไอ้หนุ่มหน้าฝรั่ง .... ฮึ ชายคนนั้นผละจากร่างของมิว แล้วมากระทืบใส่หน้าท้องของโต้งจนจุก อั่กกกก.... เสียงครางแสดงความเจ็บของชายหนุ่มคนรัก ทำเอานักร้องนำวงออกัสใจสั่นและมือสั่นไม่น้อย เลยทำให้มีดพกที่กำลังตัดเชือกอยู่จนเกือบขาดอยู่แล้วหล่นลงพื้น เฮ้ยยย ทำอะไรวะ ชายคนที่กระทืบโต้งสังเกตเห็นมีดที่หล่นลงพื้น จึงรีบวิ่งเข้าไปดูมิวกับเอีกซ์ที่ลุกขึ้นยืนได้สำเร็จและกำลังใช้แรงกระชากเชือกให้ขาด ชายคนนั้นโผเข้าไปเตรียมล็อกตัวมิว ขณะที่โต้งที่ถึงแม้ว่าจะยังเจ็บอยู่ แต่ก็ฝืนกำลังลุกขึ้น แล้วพลอยดึงร่างเถ้าแก่หลิวให้ยืนขึ้นด้วย จากนั้นชายหนุ่มผมเกรียนก็พุ่งตัวเอาไหล่กระแทกหมอนั่นจนล้มลง ทำให้ร่างสูงของตนล้มลงไปที่พื้นด้วย ฉุดร่างเถ้าแก่หลิวพ่อมิวให้ล้มด้วยเช่นกัน แต่โต้งก็ใช้ร่างสูงของตนรองรับร่างชราของเถ้าแก่ไว้ไม่ให้เจ็บ โต้งงงงง ป๊า.... มิวออกแรงกระชากจนเชือกขาด ทำให้ทั้งตนและเอ๊ซ์เป็นอิสระ แล้วจึงรีบวิ่งเข้ามาประคองป๊าของตนกับโต้งให้นั่ง และพยายามแก้เชือกให้ ขณะเดียวกัน เอ๊กซ์ก็คว้ามีดพกของตนขึ้นมาขู่ชายอีกคนที่จะเข้ามาเล่นงานมิว อย่าเข้ามานะเว้ย เอ๊กซ์ขู่ แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะชายที่ถูกโต้งใช้ไหล่กระแทกล้มก็ลุกขึ้นยืนแล้ว และเข้ามาสมทบพร้อมกับมีดอีกเล่ม และไม้หน้าสาม บวกกับเสียงที่ดังเมื่อครู่ ทำให้ชายอีกสองคนที่รออยู่ด้านนอกเข้ามาสมทบด้วย ลายเป็นสี่ต่อหนึ่ง ทำเอานักกีตาร์คิ้วหนาใจฝ่อไปไม่น้อย ตายซะเถอะมรึง คนที่ถูกโต้งเล่นงาน กระชับมีดในมือพร้อมเล่นงานโต้งที่ลุกขึ้นยืนมาช่วยเอ๊กซ์ ส่วนมิวก็เข้ามาช่วยประคองป๊าที่อิดโรยไปไม่น้อยแล้ว โต้งถูกบีบให้สู้ตัวต่อตัวกับชายคนนั้น ส่วนเอีกซืถูกต้อนให้ไปยืนอยู่ข้างๆมิวกับป๊า และถูกยึดมีดพกไปให้โต้งใช้ ร่างสูงผมเกรียนต่อสั้บชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างไม่ยอมแพ้ และได้รับบาดเจ็บจากการโดนชกและถีบหลายครั้ง แต่ก็โชคดีที่หลบคมมีดได้ตลอด จนกระทั่ง จังหวะที่โต้งชกชายคนนั้นได้หนึ่งหมัดและหันมาส่งยิ้มให้มิว หมอนั่นก้พุ่งตัวมาพร้อมกับคมมีด ร่างสูงที่ไม่ทันระวังตัวกำลังจะถูกมีดเสียบเข้าที่พุ่งอยู่แล้ว เถ้าแก่หลิวที่เริ่มฟื้นตัวจากการบาดเจ็บจึงใช้เชือกที่มัดตนไว้เมื่อครู่นี้ฟาดไปที่แขนของชายคนนั้น ทำให้เสียจังหวะมีดตกลงพื้น แทงไม่ถูกโต้ง ชายคนนั้นจึงเปลี่ยนเป้าหมายหันมาจะเล่นงานป๊าของมิวแทน คว้าไม้หน้าสามจากดพื่อนและตรงเข้าเล่นงานชายสูงวัย นักร้องหนุ่มที่เข้ามาขวางถูกจับเหวี่ยงออกไป จากนั้นหมอนั่นก็เงื้อไม้ขึ้นฝูงตั้งใจจะฟาดศีรษะของป๊ามิว หนุ่มผมเกรียนเห็นท่าไม่ดีรีบผลักเถ้าแก่หลิวออก ทำให้ตนโดนไม้ฟาดเข้าที่ไหล่ซ้ายอย่างจัง หยุดก่อนเว้ย... ไอ้ห่า ถ้าเสี่ยมันเป็นอะไรไป แล้วจะไปบอกเฮียเค้ายังไงวะ ชายอีกสามคนเข้ามาห้ามพรรคพวกที่กำลังบ้าคลั่ง มิวรีบเข้ามาประคองโต้งอย่างห่วงใย ขณะที่โต้งก็ฝืนเจ็บ แล้วส่งยิ้มให้กับมิว เป็นไงบ้าง เจ็บมากมั้ยโต้ง มิวเอ่ยถามอย่างห่วงใย เราไม่เป็นไรมิว เจ็บนิดหน่อยเอง .... โอ๊ยยยย... โต้งร้องเจ็บเมื่อมิวสัมผัสถูกไหล่ซ้ายเบาๆ ไหนว่าไม่เจ็บไง อาจจะหักก็ได้นะ อามิว... มานี่ เถ้าแก่หลิวเรียกลูกชายเข้ามาหาเพราะรู้สึกไม่พอใจที่มิวห่วงใยโต้งเกินเหตุ เอ๊กซ์จึงเข้ามาประคองโต้งแทนมิว แล้วจะเอาไงต่อดีวะ ชายฉกรรจ์เริ่มคุยกันเอง พอดีกับที่รถตู้ของเฮียหัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาจอดพอดี ฟิล์มสีเข้มจนไม่สามารถมองเห็นข้างในได้ว่า คนที่ถูกเรียกว่าเฮียนั้นคือใครกันแน่ ในบรรดาชายสี่คนที่จับมิวมา คนที่ดูเป็นลูกพี่ เข้าไปคุยกับเฮียเจ้านายตน ก่อนจะเดินกลับออกมา เฮียสั่งว่า อย่าทำร้ายพวกมัน ให้จับมัดไว้เฉยๆ แต่ถ้ามันขัดขืนก็ให้ยื่นข้อเสนอ พวกนายมีข้อเสนออะไร มิวเอ่ยถามชายสี่คนนั้น เฮียเค้าต้องการให้เสี่ยยกลูกชายให้เค้า แล้วจะปล่อยทุกคนกลับไป ไอ้สาดดดดด โต้งที่ไหล่เจ็บอยู่เข้าไปชกนายคนนั้นเต็มแรง แต่พลาด ถูกล็อกตัวไว้ได้ และถูกตีซ้ำที่ไหล่ข้างเดิม ขณะเดียวกัน ร่างโปร่งของมิวก็ถูกลากตัวเข้าไปในรถของเฮียคนดังกล่าว ทิ้งให้ร่างสูงที่ล้มเจ็บอยู่กับพื้น พยายามร้องเรียกแต่ก็ดูจะไม่เป็นผล มิว.. มิว.. โต้งพยายามลุกขึ้นจะบุกเข้าไปในรถตู้ แต่ก็ถูกขวางอยู่ตลอดเวลา ทั้งโดนเตะ โดนต่อย โดนซ้อม ใบหน้าก็มีรอยฟกช้ำอยู่หลายหมัด แต่ชายหนุ่มก็ยังพยายามจะบุกเข้าไปให้ได้ ขนาดเลือดกลบปากก็ยังไม่ยอมแพ้ จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ นักร้องนำวงออกัสก็เดินกลับออกมาจากรถตู้และเข้ามาประคองร่างสูงของโต้งที่นอนอยู่ใต้วงแขนอบอุ่นของร่างโปร่ง โต้ง ... ไม่เป็นไรแล้วนะ เราไม่เป็นไรแล้ว... มิวบอกโต้ง ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของหนุ่มผมเกรียนที่ยังคงงงอยู่ รวมทั้งนักกีตาร์คิ้วหนาที่งงด้วยเช่นเดียวกัน ซักพัก เสียงที่โต้งและเอ๊กซ์คุ้นหู ก็ดังออกมาจากในรถตู้ที่มิวเพิ่งเดินกลับออกมา ผมบอกเถ้าแก่แล้วนะครับ ว่าโต้งน่ะ รักมิวจริง และก็ยอมเสียสละเพื่อมิวได้จริงๆ ขนาดยอมเจ็บตัวเพื่อคุณก็ยังได้เลย ร่างระหงคมคายสไตล์เมโทรเซ้กช่วลเดินออกมา แล้วเข้าไปทักทายนักธุรกิจระยองเจ้าของพื้นที่ ที่นั่งคอยอยู่ ... ... ตอนที่ 30 +++ รอยทางแห่งความฝัน เส้นทางแห่งความหวัง +++
นั่งรออยู่บนโซฟาตัวเดิมตัวเก่าที่อาม่าเคยนั่งเป็นประจำ รอบริมฝีปากบนและใต้คางของมิวมีครีมละเลงไปทั่ว ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้พร้อมใบมีดคมกริบในมือ มีดโกนยี่ห้อดังกระชับแน่นในมือขวาพร้อมภารกิจสำคัญ อย่างช้าๆ โต้งค่อยๆปาดมีดลงบนคอของมิว ลากคมมีดไปตามสันคอโปร่งบาง ทุกจังหวะที่ค่อนข้างราบรื่นของการปาดมีดลงไป มิวกลับกระตุกและขนลุกชันด้วยความเสียว จนต้องพยายามเกร็งตัวอย่างเต็มที่ บางครั้งก็ครางกระเส่าออกมาเบาๆ นิ่งๆดิมิว โต้งบอกคนรักที่นั่งหลุกหลิกไปมา ก็เราเสียวอะโต้ง นักร้องหนุ่มบอกกับคนที่กำลังโกนเคราให้ตน แค่นี้ทำเป็นเสียว เดี๋ยวอีกหน่อยจะเจอเสียวยิ่งกว่านี้อีก ร่างโปร่งสั่นน้อยๆ นิ่งไม่ตอบ ชูคอให้โต้งโกนเคราให้ต่อไป เม้มปากนิดนึง ทำปากจู๋ๆก็ได้ เดี๋ยวเราจะโกนหนวดแล้ว หนวดมิวขึ้นมาแหลมแปลกตาเชียว แถมเคราของมิวก็ขึ้นแล้วด้วย แต่มันบางซะจนมองแทบไม่เห็น มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้วล่ะ เคราของเราอะขึ้นมาบางๆ โกนแค่เดือนละครั้งเอง เจ้าของบ้านที่กำลังจะถูกโกนหนวดเอ่ยบอกกับช่างกัลบกจำเป็นร่างสูงผมเกรียนคนรักของตน อ้าปากพูดอย่างงี้ แล้วจะโกนหนวดได้มั้ยเนี่ย เราบอกให้ทำปากจู๋ไงมิว โต้งบอกคนรักที่กำลังจะถูกโกนหนวด มิวได้ยินก็ทำตาม ริมฝีปากเข้ามาชิดกันเป็นวงเล็กๆอย่างที่มักเรียกกันว่าปากจู๋ แก้มป่องออกมาตามจังหวะการดึงของกล้ามเนื้อบนใบหน้ารอบริมฝีปาก ร่างสูงค่อยๆปาดมีดโกนไปรอบริมฝีปากของมิว หนวดที่เริ่มยาวอยู่ตรงใต้จมูกและมุมปากทั้งสองข้างถูกกำจัดออกไป คนโกนใช้กระดาษเช็ดหน้า เช็ดคราบครีมออกจากบริเวณรอบปากและใต้คางของมิวจนสะอาด เสร็จรึยังอะโต้ง คนถูกโกนหนวดเอ่ยถาม ยัง เหลืออีกนิดนึง มิว... ช่วยเม้มปากแบบเมื่อกี้อีกทีนะ นักร้องหนุ่มได้ยินก็เชื่อตามนั้น เม้มปากจู๋แก้มป่องอีกรอบนึงตามที่ชายคนรักบอกและปิดเปลือกตาลง ร่างสูงมองปากที่เม้มจู๋และแก้มป่องของร่างโปร่งแล้วก็ยิ้มออกมา หยิบโทรศัพท์มือถือมาแอบถ่ายรูปเอาไว้โดยไม่ให้มิวรู้ จากนั้นก็ค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปหาริมฝีปากนั้นช้าๆ.... ช้าๆ.... ริมฝีปากของผู้มาค้างคืน สัมผัสกับริมฝีปากของเจ้าของบ้านในช่วงระยะเวลาสั้นๆแค่กระพริบตา ชายหนุ่มผู้ตกเป็นฝ่ายรับสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่โกรธอะไร กลับอมยิ้มแทน เอาเปรียบเราอีกแล้วนะโต้ง... มิวตัดพ้อโต้งแบบทีเล่นทีจริง แล้วมิวไม่ชอบหรอ โต้งส่งรอยยิ้มกวนๆแบบหวานๆมาแถวหน้านักร้องหนุ่ม ทำเอาสีหน้าของมิวแดงเรื่อ ก็........ บ้า.......... ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว หัวหน้าวงออกัสเขินหน้าแดงจนโต้งต้องกระเซ้าสีข้างเบาๆ ทีนี้ ถึงตามิวโกนเคราให้เราบ้างแล้วนะ โต้งเปลี่ยนใบมีดโกนเป็นใบใหม่ หยิบครีมโกนหนวดมาฉีดใส่คางตัวเอง แล้วเข้าไปนอนรอตรงปลายอีกด้านของโซฟา ปิดเปลือกตาลงรอมิวมาโกนเคราให้ นักร้องหนุ่มยิ้มเล็กๆ แล้วคว้ามีดโกนมุ่งสู่เป้าหมายที่ใต้คางของคนรัก ... ... เป็นเกย์....... เจ๊แน่ใจนะ ว่าข่าวชัวร์ไม่มั่วนิ่ม มดแดงเอ่ยถามเจ๊หก จริงสิยะนังมดแดง เจ๊ฟันธงเลย นักร้องคนโปรดของหล่อนน่ะ เกย์ชัวร์ น้องมิวเนี่ยนะเจ๊ กิ๊กกั๊กกับน้องโต้งน่ะ ทำไมน้องมดแดงถึงดูไม่ออกล่ะคะเจ๊ ชั้นแอบถามเพื่อนรุ่นน้องมาแล้ว แกลองคิดดูสิ ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกัน จะยอมให้หมอควักตับไปให้คนอื่นเค้าทำไม คอนเฟิร์มได้เลย สองคนนี้ คู่เกย์กันแหงๆ น้องสองคนเค้าอาจจะรักกันในฐานะเพื่อนสนิทก็ได้ ถ้าเรื่องที่เจ๊บิกเป็นจริง นี่มัน... ข่าวใหญ่เลยนะ แต่เท่าที่ชั้นรู้มา น้องโต้งชอบไปนอนค้างบ้านน้องมิวบ่อยๆ แล้วน้องมิวก็เคยไปนอนค้างบ้านน้องโต้งด้วย ก็แล้วไงล่ะเจ๊ เมื่อก่อนเจ๊ก็เคยมานอนเล่นที่คอนโดน้องมดแดงบ่อยๆนี่คะ มันไม่เหมือนกัน ชั้นแอบสืบรู้มาว่า เพลงกันและกันน่ะ น้องมิวเค้าแต่งให้น้องโต้งล่ะนังมดแดง เจ๊ไปได้ยินมาจากไหนคะ ชั้นรู้แล้วกันน่า ตอนที่แต่งเพลงกันและกันเนี่ย น้องมิวกับน้องโต้งเพิ่งจะกลับมาเจอกันหลังจากพลัดพรากกันไปหกปีเชียวนะ แล้วยังงี้ ก็แปลว่า น้องมิวอาจจะแต่งเพลงนี้ให้น้องโต้งก็ได้ แน่หรอ... บางที.... มดแดงชักไม่มั่นใจกับข่าวที่เพิ่งได้ฟังจากเจ๊หก หล่อนเคยบอกชั้นไม่ใช่หรือยะ ว่ามีรูปถ่ายน้องสองคนนี้ที่หน้าโรงแรมน่ะ ก็จริง.. แต่ว่า.. เฮ้ออออ... แล้วเจ๊จะเล่นข่าวนี้จริงๆเหรอ จริงสิยะ ชั้นมั่นใจว่านักร้องนำวงออกัสคนโปรดของหล่อนน่ะ เกย์....... ตามใจเจ๊แล้วกัน แต่น้องเค้าเพิ่งจะเปิดอัลบั้มไม่นาน ถ้าเจ๊เล่นข่าวนี้ แล้วน้องเค้าจะไม่... ดีซะอีก คนจะได้รู้จักเยอะๆ แล้วก็จะได้ดังกว่าเก่าอีกไงยะ ก็แล้วแต่เจ๊เถอะค่ะ น้องไม่ว่าอะไรหรอก แค่นี้ใช่มั้ยคะ งั้น.. สวัสดีค่ะ มดแดงวางสายโทรศัพท์อย่างครุ่นคิดและแอบกลุ้มเล็กน้อย เพราะในใจแอบนึกเอ็นดูนักร้องหนุ่มผู้นำวงออกัสขึ้นมาหลังจากจบคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มเมื่อตอนวาเลนไทน์กว่าครึ่งเดือนก่อนที่ผ่านมา ขณะที่ปลายสายอย่างเจ๊หกกลับมุ่งมั่นที่จะขยายข่าวนี้ให้ดังครึกโครมตามความพอใจของตนเอง โดยไม่เคยห่วงใยความรู้สึกผู้อื่นอยู่แล้ว ... ... รถตู้เคลื่อนเข้ามาในซอยบ้านของนักร้องหนุ่มเร็วกว่าที่กำหนดเอาไว้ประมาณสิบห้านาที หญิงสาวผู้เป็นเพื่อนรักนักร้องนำและเป็นแฟนสาวของมือกีตาร์คิ้วหนากำลังหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางมาคอยขึ้นรถอยู่แล้ว ตามปกติ หญิงอาจจะเข้าไปเรียกมิวทันทีที่เห็นรถตู้แล่นเข้ามาจอดใกล้บ้าน แต่เพราะรู้ว่าโต้งอยู่ข้างใน หญิงจึงลองชวนเพื่อนๆออกัสเข้าไปแอบดูว่ามิวกับโต้งทำอะไรกันอยู่ นักร้องหนุ่มโกนเคราให้คนรักเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆบรรจงเช็ดใต้คางของโต้งด้วยผ้าขนหนูสีเขียวอ่อนสลับลายสีฟ้าที่เพิ่งไปซื้อมาได้ไม่นาน ชายหนุ่มผมเกรียนครางกระเส่าเบาๆไปตามจังหวะการขยับมือของนักร้องนำวงออกัส ร่างสูงที่นอนอยู่หลับตาพริ้มและอมยิ้มเขินไปกับการปรนนิบัติของคนรักร่างโปร่งที่นั่งอยู่ข้างบนโซฟา ยิ้มอะไรเหรอโต้ง มิวเอ่ยถามคนรักที่นอนยิ้มอยู่ เปล่า... แค่เสียวนิดหน่อยน่ะ แล้วทีแรกทำเป็นว่าคนอื่น เฮ้อออ... มิวเขยิบแขนออกจากบริเวณใบหน้าของโต้ง แต่ยังไม่ทันไร มือของร่างสูงที่นอนอยู่ก็คว้าหมับเข้าให้ที่ข้อมือนักร้องหนุ่ม โต้งงง... ทำอะไรน่ะ มิวพูดไปอย่างนั้น แต่ที่จริงก็แอบเขินที่โดนจับข้อมือ ขณะที่โต้งก็คว้ามือของมิวมาดมเล่น แล้วก็หอมเอาหอมเอาอยู่เรื่อยๆ ยิ่งทำให้มิวหน้าแดงไปด้วย มือมิวหอมดีจัง ดมกี่ทีก็ไม่เคยเบื่อเลย ขอหอมมือมิวอีกนะ โต้งดึงมือของมิวมาหอมแล้วหอมอีก พอได้แล้วโต้ง เดี๋ยวรถตู้ก็จะมารับแล้ว เลิกเล่นเหอะ มิวแกล้งว่าโต้งแล้วดึงมือตัวเองกลับมา แต่โต้งก็ฉุดรั้งมือของมิวเอาไว้อีก ทำเอาร่างโปร่งที่ลุกขึ้นยืนไปแล้ว ถูกดึงให้ล้มลงไปทับร่างสูงที่นอนอยู่บนโซฟา แววตาสองคู่ต่างสะท้อนมองกันและกัน นักร้องหนุ่มเจ้าของบ้านแอบตกใจ แต่ก็ดีใจเช่นเดียวกัน สองคนนั้นน่ะ ทำอะไรกันอยู่ อ่า........ เสียงคุ้นหูดังมาจากหน้าประตูบ้าน มือกีตาร์คิ้วหนายืนยิ้มแป้นส่งเสียงแซวอยู่นั่นเอง ข้างๆของผู้มาใหม่ยังประกอบไปด้วยหญิงสาวเพื่อนสนิทที่มิวรู้จักดี ชายหนุ่มหน้าตี๋เกาหลีปนจีนหนึ่งคน หนุ่มตี๋ร่างบางตัวเล็กๆอีกคนนึง และด้านหลังยังมีชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนยิ้มอยู่ด้วย เอ๊กซ์ หญิง ต่อ ปิงปอง แวน เอ็ม นี่มากันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ มิวเอ่ยถามด้วยความตกใจ รีบลุกจากโซฟาแล้วมาทำยืนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ตั้งแต่ที่มรึงโกนเคราให้โต้งเสร็จนั่นแหละ จะพาลูกเขยไปพบพ่อตาทั้งที กลัวไม่หล่อรึไงวะ เอ๊กซ์แซวมิวจนหน้าแดงยิ่งกว่าเก่า ขณะเดียวกัน ต่อก็ไปดึงมือปิงปองขึ้นมาแล้วแกล้งดมเล่นๆ มือมิวหอมดีจัง ดมกี่ทีก็ไม่เคยเบื่อเลย ขอหอมมือมิวอีกนะ ต่อแกล้งหอมมือปิงปองแล้วสมมติให้เป็นตนเองเป็นโต้งกำลังหอมมือมิว แกล้งให้มิวเขินยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม พอได้แล้วน่า รีบไปเถอะมิว เดี๋ยวจะสาย หญิงตัดบทเร่งให้มิวกับโต้งไปเอากระเป๋าขึ้นรถ เชี่ยมิว ... เร็วดิวะ เดี๋ยวหญิงรอนานนะเว้ย เอ๊กซ์แกล้งชี้นิ้วสั่งเพื่อน ทำเอาหญิงหมันไส้ ใช้มือขวาดึงหูเอ๊กซ์ไปที่รถทันควัน ว่าแต่คนอื่นเค้า ไปเลย เข้าไปนั่งด้านในโน่น คนอื่นๆเค้าขึ้นไปหมดแล้ว เดี๋ยวเบาะหลังคนขับเนี่ย ให้มิวกับโต้งนั่ง ทำเป็นสั่งคนอื่นเค้าอยู่ได้ คร้าบบบบบ มือกีตาร์คิ้วหนากลับเชื่องโดยเร็วพลัน เพื่อนคนอื่นๆพากันหัวเราะชอบใจ มิวกับโต้งเก็บกระเป๋าไว้หลังรถตู้แล้ว ก็มานั่งที่เบาะหลังคนขับโดยที่มิวนั่งด้านในติดหน้าต่าง ขณะที่โต้งนั่งติดด้านประตู และคอยทำหน้าที่เปิดปิดประตู ถัดลงมาหนึ่งแถว ด้านหลังของมิวเป็นหญิง ที่นั่งติดกับเอ๊กซ์ โดยมีต่อนั่งถัดไปทางซ้ายของเอ๊กซ์อีกที แถวหลังสุด เป็นที่นั่งของมือคีย์บอร์ด มือกลอง และมือเป่าแซกโซโฟน ประธานชมรมดนตรีคนใหม่ของโรงเรียนเซ้นต์นิโคลัสนั่นเอง ให้มิวกับโต้งสองคน นั่งสามเบาะนั่นแหละดีแล้ว จะได้นั่งสบายๆหน่อย เผื่อสองคนจะ....... มือกีตาร์คิ้วหนาแกล้งเย้าเพื่อนทั้งสอง หลังจากรถตู้ออกสู่ถนนใหญ่ได้ไม่นาน จะอะไรหรือวะไอ้เอ๊กซ์ ต่อแกล้งสะกิดถาม ก็...... อย่างนี้ไง เอ๊ซืแกล้งเอานิ้วชี้สองข้างของตนมาชนกันแล้วยิ้มหน้าทะเล้น เรียกเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆ ทำเอาหญิงอดขำไปด้วยไม่ได้ ไอ้เอ๊กซ์ มรึงไม่ต้องมาทำเป็นแซวกรูกับโต้งเลย กรูรู้ว่ามรึงให้กรูนั่งหน้า กรูจะได้คอยจ่ายค่าน้ำมันใช่ปะ เออ... เสรือกรู้ทันอีก ก็ไปบ้านมรึงนี่หว่า มรึงก็ต้องจ่ายสิวะ ใช่มั้ย เอ๊กซ์พูด ช่าย ช่าย... ต่อ แวน เอ็ม และปิงปองประสานเสียงสนับสนุนโดยพร้อมเพรียงกัน นักร้องนำวงออกัสได้แต่พยักหน้าอย่างไม่ขัดขืน ทั้งเต็มใจและดีใจมากกว่า ที่เพื่อนๆยอมไประยองครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือตน ..... ..... รถตู้แล่นไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบเร่งนัก ถนนมอเตอร์เวย์ไม่คึกคักเท่าไหร่ เพราะเป็นวันธรรมดา แต่รถก็มาถึงเขตจังหวัดระยองก่อนเที่ยง นักร้องนำวงออกัสขอให้คนขับรถขับเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ เหล่าชายหนุ่มเห็นทะเลแล้วก็พากันลั้ลลาเป็นการใหญ่ เพราะไม่ได้มาเที่ยวกันเป็นกลุ่มตามลำพังแบบนี้นานมากแล้ว บ้านป๊ามิวไปทางนี้หรอ หญิงเอ่ยถาม แต่นักร้องหนุ่มอมยิ้ม และยังไม่ตอบ บ้านป๊ามรึงติดทะเลด้วยเหรอวะไอ้มิว เอ๊กซ์เอ่ยถามด้วยอีกคนเพราะความสงสัย แต่มิวก็ยังไม่ตอบ มิว... โต้งที่สังเกตเห็นมิวเอาแต่ยิ้มเหม่อลอย จึงลองเรียกบ้างและสะกิดดู เปล่า... บ้านป๊ากรูไม่ได้อยู่ติดทะเลหรอกไอ้เอ๊กซ์ แล้วก็ไม่ได้มาทางนี้หรอกหญิง แต่เราให้พี่เค้าขับมาทางนี้เพราะเรานึกถึงที่แห่งนึงน่ะ ที่ไหนหรอ...(วะ) เสียงหลายๆคนเอ่ยถามพร้อมกัน กรูจำชื่อไม่ได้ แต่จำได้ว่า ที่นั่นมีรูปปูนปั้นปลาโลมาสองตัวหยอกล้อกันอยู่ด้านหน้า ตัวนึงสีเขียว อีกตัวสีฟ้า มิว... โต้งเข้าใจทันทีว่าทำไมมิวถึงอยากมาอีก สีเขียวของมิว สีฟ้าของตนเอง ที่นั่นมีความทรงจำดีๆของมิวอยู่ ร้านอาหารหรือรีสอร์ตวะ ต่อเอ่ยถาม เป็นร้านเล็กๆที่มีห้องพักให้เช่าอยู่ได้ด้วย อาม่าเคยพากรูมาเที่ยวครั้งนึง งั้นดีเลย จะได้ทานมื้อกลางวันกัน ที่นั่นเลย อาหารทะเลเป็นไงวะพวกเรา เอ๊กซ์ถามเพื่อนๆ ก็ดีนะ มิวว่าไงล่ะ หญิงเอ่ยถามมิวที่กำลังจ้องถนนเบื้องหน้าอยู่ ที่นั่นเค้ามีเปียโนให้เล่นด้วย กรูกับอาม่าเคยนั่งเล่นอยู่ตั้งนาน จนสนิทกับเจ้าของล่ะ มิว.... โต้งเข้ามาปลอบใจคนรักที่กำลังคิดถึงอาม่าผู้จากไป เพื่อนๆก็ต่างพากันห่วงใยกับพฤติกรรมของมิวที่เปลี่ยนไปแบบนี้ ได้แต่นั่งเงียบและรอฟัง อาหารทะเลก็ดีนะ กรูไม่ได้กินกุ้งทะเลสดๆริมชายหาดนานแล้ว... คำพูดของมิวทำให้เพื่อนหายใจคล่องขึ้น ใช่ที่นั่นรึเปล่าวะไอ้มิว มือเบสหนุ่มชี้นิ้วให้นักร้องนำดูร้านอาหารเล็กๆข้างหน้า ที่มีรูปปั้นโลมาสองตัวอยู่หน้าร้าน ตัวหนึ่งสีเขียว กำลังพันเกลียวอยู่กับอีกตัวที่มีสีฟ้า แต่สีเริ่มจะซีดไปไม่น้อยแล้ว ที่นั่นแหละ เดี๋ยวพี่ดำเลี้ยวเข้าไปจอดที่ร้านนั้นเลยนะครับ มิวบอกกับคนขับรถตู้ของบริษัทที่ใช้บริการกันมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่ออกัสต้องตระเวนพบสื่อมวลชนและเล่นมินิคอนเสิร์ตบ่อยๆ ร้านนั้นค่อนข้างเก่าไม่น้อย แต่สภาพยังดูดีอยู่ และภายในก็สะอาดสะอ้านดี การตกแต่งก็เรียบง่าย นอกจากโลมาสองตัวก้ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย นอกจากเปียโนตัวเก่าตัวนึงที่เจ้าของร้านชายหนุ่มอายุราวเบญจเพสกำลังนั่งบรรเลงอยู่ เสียงเปียโนบทเพลงที่คุ้นหูจนผู้มาเยือนทุกคนต่างให้ความสนใจและตั้งใจฟัง เพลงนี้มัน... เพลงที่มิวเคยขอให้เราหาให้ฟังแล้วขอเนื้อเพลงไปดูใช่ปะ หญิงเอ่ยถามอดีตหนุ่มในฝัน เพลงที่มรึงเคยเล่นบ่อยๆในห้องซ้อมไม่ใช่หรือวะ มือคีย์บอร์ดวงออกัสเอ่ยกับนักร้องนำ เพลงที่อาม่ามักจะเล่นให้มิวฟังเสมอ แล้วมิวก็เล่นเพลงนี้มาตลอดทุกครั้งที่มิวคิดถึงใครซักคน โต้งพูดขึ้นมาบ้าง พลางหันไปมองทางด้านมิว ที่หลับตาแล้วจดจ่ออยู่กับเพลงโดยลืมสนใจเสียงรอบข้าง โคตรเพราะเลยว่ะ เพราะเหมือนครั้งแรกที่กรูฟังไอ้เชี่ยมิวเล่นเพลงนี้เลย เอ๊กซ์เอ่ยขึ้นมาบ้าง แล้วทำไมพี่คนนั้นเค้าถึงรู้จักเพลงนี้ด้วยล่ะวะไอ้มิว ต่อถามมิว อายุพี่เค้าก็พอๆกับพี่จูนเองมั้ง แต่ไหนเล่นเพลงเก่าขนาดนี้ได้วะเนี่ย แถมเป็นเพลงจีน ก็หน้าพี่เค้าออกจะ.... เอ็มแปลกใจที่นอกจากเพื่อนร่วมชั้นของตนแล้ว ยังมีคนที่เล่นเพลงนี้ได้อีก แล้วก็ดันมาเจอในที่ไกลแบบนี้ด้วย ฝีมือดีเนาะ พี่เค้าเล่นเก่งจัง ขนาดเปียโนเก่าปานนั้น ปิงปองเป็นอีกคนที่ไม่ได้เงียบเสียง กรูกับอาม่าสอนพี่เค้าเองแหละ ห้าปีเต็มแล้ว ที่กรูไม่ได้มาที่นี่ โชคดี ที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มิวบอกกับเพื่อนๆ ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มที่บรรเลงเพลงนี้จบพอดี พี่ชายครับ... มิวเอ่ยเรียกชายหนุ่มเจ้าของร้าน ที่วางมือจากการบรรเลงเปียโนแล้วหันมามองที่นักร้องหนุ่ม ถึงจะจำไม่ได้ว่าเคยเห็นหน้าชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าที่ไหน แต่ฟังจาการสนทนาเมื่อครู่ที่ตนได้ยินมา ก็นึกออกทันที่ว่าร่างโปร่งตรงหน้าตน คือเกชายที่เมื่อห้าปีก่อนเคยมาที่นี่กับอาม่าแล้วสอนเพลงนี้ให้ตน มิว..ใช่มั้ย เจ้าของร้านเอ่ยถาม ครับพี่.. มิวรับ แล้วยกมือไหว้ จากนั้นก็สวมกอดกันประสาคนคุ้นเคยคุ้นใจที่ไม่เจอกันนาน ... ... พี่ชายเจ้าของร้านพาทุกคนไปที่โต๊ะริมชายหาด มิวเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารโดยได้ลดราคาเป็นพิเศษ เหล่าหนุ่มๆสรรกินกันอย่างไม่ปราณีเจ้าภาพ นักร้องหนุ่มได้แต่ยิ้มให้กับตลกรับประทานของเพื่อนๆ เจ้าของร้านหนุ่มเข้าไปด้านในร้านเพื่อต้อนรับลูกค้าที่เริ่มทยอยเข้ามารับประทานอาหารเที่ยง ขณะที่นักร้องนำวงออกัสกำลังนั่งฟังเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่ง เคล้าไปกับเสียงแห่งความเอร็ดอร่อยของเพื่อนๆให้พอเพลิน ทำไมมิวถึงชอบที่นี่ล่ะ หนุ่มผมเกรียนในชุดสีฟ้าเอ่ยถามร่างโปร่งในชุดสีเขียว ก็.... ไม่รู้สิโต้ง คงเป็นเพราะที่นี่มีความทรงจำของเรากับอาม่าอยู่มั้ง มิวพูดเบาๆ มิว... โต้งขานชื่อคนรัก เราแค่คิดว่า... ถ้าอาม่ายังอยู่ แกจะว่ายังไงเรื่องของเรา ทั้งกับโต้ง กับออกัส กับการร้องเพลง อาม่าก็คงให้มิวได้เลือกในสิ่งที่มิวคิดว่าดีที่สุดล่ะมั้ง โต้งบอก ใช่โต้ง.. อาม่าคงให้อิสระเราในการเลือกเอง ตัดสินใจเอง เลือกในสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด บนความฝันของเรา แล้วความฝันของมิวคืออะไรล่ะ หญิงเอ่ยถาม ก็อย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ ตอนเด็กๆ เราก็ไม่รู้หรอก ว่าเราฝันอะไร อยากเป็นอะไร เรียนเปียโน ก็เพราะอาม่าอยากให้เรียน อาม่าบอกว่า ให้เราบอกความรู้สึกของเราต่อคนที่เรารักด้วยเสียงเพลง จนเมื่อวันที่เราเริ่มจะรู้จริงๆนั่นแหละ ว่าความฝันของเราคืออะไร ยังไงเหรอวะไอ้มิว เอ๊กซ์เอ่ยถามเพื่อนรักบ้าง ตอนที่เรามาที่นี่กับอาม่า เรามีโอกาสเล่นเปียโนโชว์คนอื่นๆที่ไม่รู้จักเป็นครั้งแรก ได้ร้องเพลงโชว์ให้คนอื่นๆฟัง เราถึงได้รู้ไง ว่าเรามีความสุขแค่ไหนที่ได้ร้องเพลง ได้เล่นดนตรี ได้ส่งต่อความรัก ถ่ายทอดความรู้สึกให้คนอื่นๆฟังผ่านบทเพลง ที่นี่จึงถือเป็นที่แรกที่ความฝันของเราเริ่มขึ้น ที่แรก ที่ทำให้เรารู้ว่าเราฝันอะไร ความฝันของเราคืออะไร ถ้าไม่ได้มาที่นี่กับอาม่าตอนนั้น เราอาจจะไม่ได้คิดจะเป็นนักร้องจริงจังก็ได้ มิวกำลังกลัวว่า... ความฝันทั้งหมดของมิวอาจจะไม่ได้....... โต้งไม่กล้าพูดต่อ ใช่โต้ง... เรากลัว... เราถึงได้มาที่นี่ไง มาหาจุดเริ่มต้นแห่งความฝันของเราอีกครั้ง พวกโต้งทานกันไปก่อนนะ เดี๋ยวเรามา นักร้องหนุ่มพูดจบ ก็เดินเข้าไปในร้าน ที่เริ่มมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยแล้ว โต้งทำทีท่าว่าจะลุกตามไป แต่เอ๊กซ์ดึงแขนเอาไว้ก่อน เสียงเปียโนเพลงที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากเปียโนตัวเก่าของพี่ชายเจ้าของร้าน ผ่านลำโพงที่ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆในบริเวณร้านด้วย สักพัก เสียงนุ่มๆของนักร้องหนุ่มก็ดังขึ้นมาด้วย อยากจะขอบคุณ ที่รู้ใจเข้าใจ สิ่งดีดีที่ให้มา อยากจะขอบคุณ ที่สัญญาว่าใจ ไม่มีวันห่างเหิน กับคนหนึ่งคน ที่ไร้วันเวลา หมดกำลังจะก้าวเดิน จากคนที่เคย เจ็บเหลือเกินที่ใจ กลับกลายเป็นเบิกบาน ผ่านคืนวันโหดร้าย นานเหมือนชั่วกาล กลับมีคนห่วงใยกัน สุขใจทุกวัน มีเธออยู่ข้างกาย เริ่มรู้จักความหวานกับรักลึกซึ้งหมดใจ เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน แค่คนหนึ่งคนกับหัวใจ ให้เธอ หมดไปเลยที่ฉันมี จะเป็นจะตายจะร้ายดี ไม่แคร์ ไม่เคยจะหวั่นไหว จะมีแต่เธอที่แสนดี ร่วมทาง ตราบจนวันที่สิ้นใจ หนึ่งวันจะนาน สักเท่าไร ถ้าไกล ห่างเธอไปสักวัน ผ่านคืนวันโหดร้าย นานเหมือนชั่วกาล กลับมีคนห่วงใยกัน สุขใจทุกวัน มีเธออยู่ข้างกาย เริ่มรู้จักความหวานกับรักลึกซึ้งหมดใจ เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน ให้เธอได้ยิน เสียงจากใจฉัน ที่จะคอยบอกทุกคืนวัน ว่ารักเธอ ผ่านคืนวันโหดร้าย นานเหมือนชั่วกาล กลับมีคนห่วงใยกัน สุขใจทุกวัน มีเธออยู่ข้างกาย เริ่มรู้จักความหวานกับรักลึกซึ้งหมดใจ เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน เสียงใจฉันเอง ร้องเพลงให้เธอ ฟังอยู่คือเสียง ดังจากใจ ร้องเพลงที่ใคร ไม่อาจฟังเสียง ใจฉันเอง ร้องเพลงให้เธอ ฟังอยู่คือเสียง ดังจากใจ ร้องเพลงที่ฟัง เข้าใจเพียงเรา.............................ฮือฮื้อ...... .... .... เสียงปรบมือดังสนั่นร้านอาหาร แขกในร้านต่างชื่นชมเสียงร้องและเสียงเปียโนของมิว นักร้องหนุ่มยิ้มให้กำลังใจตนเองและขอบคุณผู้ฟังทุกคนและลุกจากที่ เพื่อจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของพวกตน น้องมิวใช่มั้ยครับ.... พี่มิวจริงๆด้วย... นั่นพี่มิววงออกัสไง... ที่ร้องเพลงกันและกันน่ะ.... หลายคนจำได้ว่ามิวคือนักร้องนำวงออกัส ต่างเข้ามาขอถ่ายรูปและลายเซ็นเป็นจำนวนมาก นักร้องหนุ่มก็ยิ้มรับ และให้ความร่วมมือด้วยดี ทั้งถ่ายรูปและเซ็นลายเซ็นให้อย่างเต็มใจ พี่มิวมาเที่ยวระยองเหรอคะ แฟนเพลงคนนึงเอ่ยถาม บ้านคุณพ่อพี่อยู่ระยองนี่แหละครับ มิวตอบ แล้วมาคนเดียวเหรอครับ พี่ๆออกัสคนอื่นๆล่ะครับ เสียงแฟนเพลงอีกคนเอ่ยถาม พี่มากับเพื่อนๆครับ นั่งทานข้าวอยู่โต๊ะโน้น นักร้องหนุ่มชี้มือไปที่โต๊ะริมชายหาดที่พวกออกัสคนอื่นๆนั่งอยู่ แฟนเพลงบางคนที่ถ่ายรูปกับมิวเสร็จแล้ว จึงขอตัวไปถ่ายรูปกับสมาชิกออกัสคนอื่นๆบ้าง กลายเป็นว่ามิวต้องถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนๆและแฟนเพลงอีกหลายรอบ ทุกคนต่างชื่นชอบบทเพลงของออกัส ทั้งเสียงร้องและฝีมือดนตรีที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว แม้แต่พระเอกเอ็มวีอย่างโต้ง ก็มีคนจำได้ และขอถ่ายรูปด้วยไม่น้อย บ่ายโมงเศษ มิวจ่ายค่าอาหารและบอกลาพี่ชายเจ้าของร้าน การกลับมาที่นี่ครั้งนี้สร้างกำลังใจให้มิวได้ไม่น้อย ทั้งพลังใจจากความทรงจำและพลังใจที่แฟนเพลงที่รักและชื่นชอบเพลงของมิวและออกัสมอบให้ นักร้องหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุขตลอดการเดินทางที่เหลือ เหล่าสมาชิกออกัสก็อดดีใจไม่ได้ ที่มีแฟนเพลงมากปานนี้ ขนาดมาไกลถึงระยอง ก็ยังมีคนฟังที่จดจำพวกเค้าได้ แชะ.... โต้งถ่ายรูปมิวที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ ทำอะไรอะโต้ง... คนถูกถ่ายเอ่ยถาม ก็ถ่ายรูปมิวไง โต้งยิ้มตอบ แล้ว..... เห็นมิวยิ้มอย่างมีความสุขแล้ว เรารู้สึกดีจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้น่ะสิ โต้งตอบ มรึงรู้สึกดีและมีกำลังใจขึ้นแล้วใช่มั้ยล่ะ เอ๊กซ์เอ่ยถาม พร้อมจะเผชิญหน้ากับป๊าของมิวแล้วใช่ปะ หญิงถามด้วยคน ก็ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกัน ว่ากล้าสู้กับป๊ารึเปล่า แต่เรามั่นใจแล้ว ว่าเราฝันอะไร แล้วเราจะสู้เพื่ออะไร มิว... โต้งกระชับมือมิวเสียแน่น ยิ้มให้คนรัก ชายหนุ่มทั้งสองต่างกุมมือกันไปจนถึงที่หมาย รถตู้เลี้ยวเข้าไปในบริเวณรั้วบ้านใหญ่หลังหนึ่ง ถัดไปไม่ไกลมีโรงงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย เด็กผู้หญิงชั้นม.ต้นคนหนึ่งยืนรออยู่ที่ประตูหน้าบ้าน หน้าตาละม้ายคล้ายนักร้องนำวงออกัส ทำให้ใครๆเดาได้ทันทีที่แรกเห็นว่า นั่นคือน้องมาย น้องสาวของมิวนั่นเอง ทันทีที่รถจอด โต้งเปิดประตูรถและเดินลงไปเป็นคนแรก ตามด้วยมิวที่ตามลงไปติดๆ เหล่าสมาชิกออกัสและหญิงก็เดินตามลงไปจนครบทุกคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน เด็กหญิงโผเข้ามากอดพี่ชายด้วยความคิดถึง พี่มิวววว... มาย... ม๊ากับป๊าล่ะ นักร้องหนุ่มเอ่ยถามเสียงหวาดๆเล็กน้อย รออยู่ในห้องรับแขกแน่ะพี่มิว ดีจังเลย พี่มิวไม่ได้มาระยองตั้งนาน เที่ยวนี้อยู่กับมายนานๆนะ ป๊าบอกว่าพี่มิวจะย้ายมาอยู่ที่นี่เลยใช่ปะ ก็........ ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้ที่หลังแล้วกันนะมาย นี่เพื่อนๆของพี่ วงออกัส สวัสดีค่ะ... มายเป็นฝ่ายทักก่อน หวัดดีคร้าบบบบบ ออกัสตอบรับ หนุ่มๆดูจะกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษที่ได้เจอน้องสาววัยแรกแย้มของมิว โดยเฉพาะปิงปอง น้องมายอายุน้อยกว่ามิวห้าปี ตอนนี้อายุเพิ่งจะสิบสามและกำลังจะขึ้นม.สอง แต่ก็เริ่มจะเป็นสาวแล้ว นักร้องหนุ่มแอบชำเลืองตาปรามไปยังรุ่นน้องนักเป่าแซ็กของตน นี่พี่โต้งใช่ปะ ที่เล่นเอ็มวีให้เพลงพี่มิวอะ มายจำได้ เพื่อนๆมายนะ กรี๊ดพี่โต้งกันตั้งหลายคนแน่ะ หวัดดีครับน้องมาย โต้งทักน้องสาวคนรัก แล้วนี่ก็พี่หญิงรึเปล่าคะ ที่เคยเล่นเป็นเพื่อนมายตอนเด็กๆ ตอนที่อาม่ากำลังป่วย หวัดดีค่ะน้องมาย ความจำดีจังเลยนะคะ ก็พี่หญิงอยู่บ้านติดกับบ้านอาม่านี่คะ มายเลยจำได้ ว่าแต่ เพื่อนๆของน้องมายกรี๊ดใครมากกว่ากันล่ะคะ ระหว่างพี่ชายนักร้องของน้องมายกับเพื่อนพี่ชายที่เป็นพระเอกเอ็มวีอะค่ะ หญิงลองเอ่ยถามดู ก็พูดยากค่ะ บางคนก็ชอบพี่มิวมากกว่า แต่บางคนก็กรี๊ดกร๊าดพี่โต้งมากกว่า เลือกไม่ถูก น้องมายมีทีท่าลังเล นึกคิด จินตนาการใบหน้าเพื่อนๆตน และวางแผนจะโทรศัพท์ไปตามเพื่อนๆมาขอลายเซ็นพี่มิวกับพี่โต้ง แล้วโรงเรียนมายปิดเทอมรึยังล่ะ พี่ชายเอ่ยถามน้องสาว ปิดตั้งแต่เมื่อวานแล้วพี่มิว นี่ตั้งใจว่าจะพาพวกพี่ๆเที่ยวร่อนให้ทั่วระยองเลย พี่ว่าเราเข้าไปในบ้านกันก่อนดีกว่านะ มิวลากกระเป๋าเดินทางสีเขียวเข้มนำเพื่อนๆของตนเข้าไปด้านใน มีโต้งเดินลากระเป๋าเดินทางสีน้ำเงินตามไปติดๆ ตามด้วยออกัส หญิง โดยมีปิงปองรั้งท้ายเพื่ออยู่เดินคู่กับมาย ป๊า... ม๊า.... สวัสดีครับ... นักร้องหนุ่มสวัสดีพ่อกับแม่ของตน มาได้ซักทีนะ สรุปว่าเราจะ.... ป๊ากำลังจะทวงสัญญา พอดีว่าเห็นโต้งเดินเข้ามาเสียก่อน จึงรู้สึกโกรธขึ้นมาตะหงิดๆ พอจะเอ่ยปากว่าอะไร กลุ่มออกัสก็เข้ามาเสียก่อน ทุกคนรวมทั้งโต้ง ยกมือไหว้และสวัสดีพร้อมกัน ม๊าของมิวยิ้มรับอย่างยินดี แต่ป๊ากลับรับไหว้แบบขอไปที แล้วขอตัวเดินขึ้นไปชั้นบน ทำเอามิวใจเสียทันที ป๊า.... มิวพยายามจะเรียก แต่ผู้เป็นพ่อเดินหนีไปแล้วจนเสียงของมิวดังไปไม่ถึงหู นักร้องหนุ่มเดินกลับมาที่โซฟา แล้วนั่งลงข้างๆมารดาที่ดึงมือของมิวให้นั่งข้างๆตน ใจเย็นๆนะลูก มีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน อย่าเพิ่งท้อ แม่ให้กำลังใจลูกชาย ม๊า... นี่ม๊าไม่.... ดวงตานักร้องหนุ่มแดงก่ำ ขอบตารื้นด้วยหยดน้ำเล็กๆ ม๊าไม่รู้นะ.. ว่าม๊าจะ... มัน... ม๊าไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่เข้ามาลูบหัวลูกชายปลอบใจ ม๊าไม่โกรธมิวหรอ ที่มิวเป็น.... แบบนี้ ม๊ารู้ว่ามิวเป็นอะไร ถามว่าม๊าโกรธมิวมั้ย โกรธสิ ม๊าโกรธมิวมาก ว่าทำไมมิวถึงได้..... สีหน้าของผู้ป็นแม่อึดอัด แต่ก็แฝงความสงสารลูกชายจับใจ มิว.... มิว..... มิวอยากเอ่ยขอโทษแม่ แต่ในใจลึกๆก็บอกว่าตนเองไม่ผิด แต่อย่างไรเสีย ตนก็ทำให้แม่เสียใจ ที่เป็นอย่างใจแม่หวังไม่ได้ นักร้องนำวงออกัส จึงยกมือไหว้แม่ของตน ม๊า... มิวขอโทษ นักร้องหนุ่มเสื้อเขียวเอ่ยกับแม่ตน มิวไม่ต้องขอโทษม๊าหรอกลูก แม่ลูบเส้นผมลูกชาย ทีแรกม๊าก็รับไม่ได้ แต่คิดไปคิดมา ยังไงก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าป๊าเราจะหายโกรธ ที่สำคัญ ป๊าเค้ายอมรับไม่ได้ มิวคงต้องอดทนหน่อยนะลูก แล้วทำไม ม๊าถึงไม่โกรธมิวล่ะ มิวเอ่ยถามแม่ เพื่อนๆที่ยืนฟังอยู่ไม่ไกลนักต่างก็รอคำตอบอยู่เช่นกัน ตั้งแต่เล็กจนโต อาม่าเป็นคนเลี้ยงมิว ม๊ากับป๊าได้แต่ทำงาน เมื่อไม่ได้เลี้ยงมิวมาได้ตนเอง ม๊าก็ไม่อยากฝืนใจให้มิวทำในสิ่งที่มิวไม่รัก ชีวิตของมิวเป็นของมิว มิวต้องเลือกและตัดสินใจเองนะลูก ม๊า.... มิวโผกอดแม่ของตน ท่ามกลางสายตายินดี ที่มองเห็นความหวังของเพื่อนๆออกัส โต้งเองก็ยิ้มรับความสุขความหวังของมิว ยิ้มดีใจที่แม่มิวเข้าใจ อดคิดถึงสุนีย์แม่ของตนไม่ได้ เพราะกว่าแม่ของตนจะยอมรับตนกับมิวได้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทีนี้ก็เหลือแต่ป๊าของมิวเท่านั้น ที่เป็นปัญหาสุดท้าย แต่ท่ามกลางรอยยิ้มของใครหลายคนนั้น ชายเจ้าของบ้านที่แอบมองมาจากชั้นบน กำลังมองมายังมิวสลับกับโต้งด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวและไม่ปรารถนาดี โดยเฉพาะแววตาที่มองโต้งนั้น เหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อก็มิปาน ..... ..... ตอนที่ 29 +++ การต่อสู้และภาพวาดแห่งความทรงจำของมิว +++
ไปห้องน้ำกันมั้ยโต้ง... มิวแกล้งเอ่ยถาม ไม่รู้ป่านนี้ เด็กกลุ่มนั้นที่เคยมีเรื่องกับมิว เป็นไงบ้างไม่รู้เนอะ ก็ ไม่รู้ดิ คงยังเรียนอยู่ที่นี่ล่ะมั้ง ไม่เจอหน้ามาหลายปีแล้ว มิวพูดจบก็ชวนโต้งไปห้องน้ำเพื่อล้างไม้ล้างมือ ระหว่างที่ชายหนุ่มทั้งสองคนอยู่ในห้องน้ำอยู่นั้น จู่ๆก็มีชายหนุ่มนักเรียนเซ้นต์นิโคลัส อายุราวๆเดียวกับมิวและโต้งสามคน เดินเข้ามาพอดี นี่มัน ... มิว... นักร้องดังนี่หว่า ว่าไงจ๊ะ พาแฟนมาเที่ยวเหรอ เสียงของนักเรียนชายคนนึงเอ่ยขึ้น มิวและโต้งหันไปมองด้วยสีหน้าสงสัยและตกใจ อ้าว... จำเราไม่ได้หรอ รู้จักกันมาตั้งแต่ประถม ดันลืมกันซะแล้ว มิวพยายามจ้องหน้า และคุ้นๆพอจะจำได้ว่า เป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กเกเรที่เคยรังแกตนเมื่อก่อนนั่นเอง พวกนายต้องการอะไร โต้งเอ่ยถาม นายนี่มัน.... คุ้นหน้านะเนี่ย ไอ้เด็กที่มาช่วยมิวเมื่อตอนป.หกนี่หว่า ไงมรึง กลับมาเที่ยวโรงเรียนเก่ารึไง หนึ่งในกลุ่มเด็กนักเรียนเกเรที่ติดกระดุมคอเม็ดบนเอ่ย เรื่องของเรา ไม่เกี่ยวกับพวกนาย โต้งว่ากลับทันที สงสัยมารำลึกความหลังล่ะมั้งไอ้เต้ คงจะมาหาที่พลอดรักกันเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆว่ะ ไงวะ จะมาเที่ยวสวีตกันที่ห้องน้ำนี่รึไงวะ เด็กนักเรียนเกเรอีกคนที่กำลังคีบบุหรี่อยู่ เอ่ยกับคนที่ติดกระดุมคอเม็ดบนที่ชื่อเต้ ไปกันเถอะโต้ง แถวนี้ไม่น่าเดินเที่ยวแล้ว มิวเอ่ย แล้วจูงมือโต้งเดินออกไปจากห้องน้ำ แต่ถูกกลุ่มนักเรียนอันธพาลขวางทางเอาไว้ เดี๋ยวก่อนสิมิว คราวก่อนยังไม่ได้ดูเลย ว่าน้องชายใหญ่แค่ไหน ผ่านมาหกปี ใหญ่ขึ้นรึเปล่าวะ คนที่ชื่อเต้เอ่ยขึ้น ทำให้เพื่อนในกลุ่มอีกสองคนหัวเราะร่วน ไอ้สัดดดดด.... โต้งที่เกิดมีน้ำโหอยู่แล้ว เงื้อหมัดเข้าใส่คนที่ชื่อเต้ หมัดของโต้งกระทบเข้าที่ริมฝีปากแบบเต็มแรง จนคนถูกชกเซล้มลงไปชนกับคนที่คีบบุหรี่อยู่ที่นิ้ว ทำให้บุหรี่หล่นลงพื้นห้องน้ำ โต้งงงงง.... ระวังนะ มิวอุทานเสียงดัง พร้อมกับพยายามกดหมายเลขโทรศัพท์เรียกเพื่อนๆมาช่วย พวกเรา เอาคืนมันเว้ยยยย คนที่ทำบุหรี่ตก เข้าไปชกโต้ง แต่โต้งหลบได้ และใช้มือของตนจับข้อแขนของหมอนั่นเอาไว้ หนึ่งในเด็กเกเรอีกคนที่เหลือ เข้ามาล็อกแขนโต้งจากด้านหลัง ทำให้โต้งไม่สามารถขยับแขนได้ คนที่จะเข้ามาชกโต้งเมื่อครู่ได้โอกาสที่มือของตนหลุดจากการถูกโต้งจับ เห็นว่าได้โอกาส ก็เข้ามาชกโต้งอีกครั้ง หมัดขวาเข้าเต็มๆที่กลางลำตัว จนชายหนุ่มผมเกรียนที่เคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนี้รู้สึกจุกท้องไปหมด โต้งงงงงงงง มิวร้องตกใจด้วยความเป็นห่วง คนที่ชื่อเต้ ที่ถูกโต้งชกปากล้มลงไปเมื่อครู่ ลุกขึ้นยืน และพุ่งหมัดของตนเข้าใส่โต้งบ้าง แต่ครั้งนี้ โต้งเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว จึงใช้สองขาที่ว่างอยู่ กระโดดยกตัวขึ้นแล้วถีบใส่หน้าอกของหมอนั่นเต็มแรง เซไปกระแทกพื้นที่เดิมอีกครั้ง ก่อนจะใช้ศอกแทงข้างหลังใส่คนที่ล็อกแขนตนจากด้านหลัง มิวกำลังโทรศัพท์หาปิงปองอยู่ คนเดียวที่มิวนึกออก เพราะเอ๊กซ์พาหญิงไปได้พักใหญ่แล้ว พวกเพื่อนๆร่วมสายชั้น ก็ไปกันก่อนแล้ว จึงเหลือแต่พวกปิงปองที่เก็บของอยู่ในห้องดนตรีและลงมาที่หลัง เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังก็จริง แต่ไม่มีคนรับสาย เพราะปิงปองกำลังล็อกประตูอยู่ ส่วนโทรศัพท์ก็ยังดังอยู่ในกระเป๋า ใครโทรมาเนี่ย ... รอก่อนนะ ล็อกประตูก่อน ปิงปองพูดกับเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังอยู่ในกระเป๋า ทำไมไม่รับสายวะไอ้ปิง มิวบ่นอยู่ด้านในของห้องน้ำ ใกล้ๆกับอ่างล้างหน้า ทำให้คนที่ถูกโต้งฟันศอกใส่เมื่อครู่ หันไปมอง และเริ่มคิดจะเปลี่ยนเป้าหมายจากชายหนุ่มร่างสูง มาที่ร่างโปร่งบอบบางของนักร้องหนุ่มแทน เฮ้ยย... จับไอ้นักร้องตุ๊ดนี่ก่อนเว้ย แล้วค่อยเล่นงานคู่ขามันที่หลัง หนึ่งในกลุ่มเด็กเกเร เข้ามาที่มิว พยายามจับมิวไว้ นักร้องหนุ่มดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากการจับกุมของนายคนนั้น แต่ก็สู้แรงไม่ได้ โต้งเองก็ต้องรับมือนักเรียนเกเรถึงสองต่อหนึ่ง อยากเข้าไปช่วยมิวใจจะขาด แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี มิว.... มิว.... โต้งสู้ไป ก็ร้องเรียกมิวไปด้วย ขณะกำลังเผลอๆอยู่นั้น หมัดของใครคนใดคนหนึ่งก็ชกเข้าใส่ใบหน้าใกล้ๆตาข้างซ้ายของโต้ง จนชายหนุ่มล้มหงายไปทับกับแท่งไม้ยาวๆ ที่มีปลายข้างหนึ่งเป็นพลาสติกทรงปากแตร ไม้ดูดสุญญากาศสำหรับดูดสิ่งปฏิกูลนั่นเอง โต้ง ...... มิวตะโกนเรียกเสียงดัง ด้วยความห่วงใยแฟนหนุ่ม และโกรธที่โดนรังแก นักร้องนำวงออกัส คว้ากระเป๋าของตนฟาดเข้าใส่เด็กเกเรคนที่จับตนอย่างเต็มแรง กระเป๋าหนักๆฟาดเข้าโดนศีรษะหมอนั่นอย่างจังจนทำให้มันล้มลงไปสลบอยู่กับพื้น ทางด้านโต้งก็ไม่ยอมแพ้ เมื่อได้อาวุธที่คุ้นมือแล้ว ชายหนุ่มก็ใช้ไม้ดูดฟาดเข้าใส่เด็กเกเรทั้งสอง จนพวกนั้นเสียจังหวะและหกล้มลงไปกับพื้นห้องน้ำ เมื่อได้โอกาส ชายหนุ่มก็รีบไปคว้าข้อมือแฟนหนุ่มนักร้องทันที มิว..... วิ่ง..... โต้งจูงมือมิว แล้ววิ่งหนีออกจากห้องน้ำห้องนั้นไปด้วยกัน ชายหนุ่มร่างสูงพาคนรักร่างโปร่งเลี้ยวเข้าไปในตัวตึก และแอบหลบอยู่ตรงจุดพักที่ขั้นบันไดระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นสอง เป็นไงบ้าง...โต้ง.. นักร้องหนุ่มเอ่ยถามแฟนอย่างเป็นห่วง ก็...นิดหน่อยอะ แล้วมิวล่ะ เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า.. เราไม่เป็นไร โต้งต่างหากล่ะ โดนไปตั้งหลายหมัด ยิ่งที่หน้าด้วย มิวพูดจบก็จ้องมองรอยช้ำบนใบหน้าของโต้ง ตำแหน่งที่โดนชกนั้น ใกล้เคียงกับที่เดิมที่เคยโดนเมื่อหกปีก่อน มิวนี่เก่งเนอะ ฟาดกระเป๋าทีเดียว หมอนั่นสลบเลย ก็...กระเป๋าหนักนิดหน่อยน่ะ มิวพูดจบก็เปิดกระเป๋าให้โต้งดู กล่องเหล็กใบหนึ่งอยู่ข้างในท่าทางหนักเอาเรื่อง โต้งหันมามองด้วยสีหน้าสงสัยว่ามันคืออะไร กล่องใส่ออร์แกนขนาดพกพาน่ะโต้ง ไม่ใหญ่มาก แต่มันเป็นเหล็ก ก็เลยหนักเอาเรื่องอยู่ อือ.... โต้งรับรู้ พลางรู้สึกเจ็บที่แผลถูกชก เลยล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋า ผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้า ปักอักษรสีเขียวเป็นภาษาจีนที่แปลเป็นไทยว่า รักมิว ที่อาม่าปักให้มิว และมิวยกผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ให้โต้งขึ้นมา เดี๋ยวเราซับเลือดให้โต้งนะ มิวหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาจากมือโต้ง ผืนเดียวกับที่มิวเคยซับแผลให้โต้งเมื่อกว่าหกปีก่อน แผลที่เกิดจากเหตุการณ์ที่โต้งช่วยมิวจากกลุ่มเด็กเกเรกลุ่มเดิม ตำแหน่งของแผลก็ที่เดิม แถมยังที่ที่มิวซับแผลให้โต้งก็ยังเป็นจุดเดิมอีก โต้งมองบรรยากาศรอบๆตัวแล้วก็ยิ้มออกมา อะไรเหรอโต้ง มิวถาม เหมือนเมื่อก่อนเลยเนอะ...มิวคิดว่าไง อือ.... นักร้องหนุ่มตอบคนรักแล้ว ก็ได้ยินเสียงครืนๆดังขึ้นเบาๆจากท้องของโต้ง ไปหาอะไรทานกันก่อนดีมั้ย ดูท่าโต้งจะหิวมากแล้วนะเนี่ย มิวยิ้มให้โต้ง แล้วชวนกันลุกเดินไปทางหน้าโรงเรียน ไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์ของมิวก็ดังขึ้น ว่าไง...ปิง ทำไมเมื่อกี๊ไม่รับสายวะ ล็อกห้องอยู่น่ะพี่มิว รับสายไม่ทัน พี่มิวมีอะไรรึเปล่าครับ ไม่มีอะไรแล้ว ปิงกลับบ้านเถอะ แค่นี้นะ นักร้องนำวางสาย หยุดการโทรศัพท์กับนักเป่าแซกฯหนุ่ม แล้วก็เดินควงคนข้างๆไปเรียกแท็กซี่ด้วยกัน ... ... เกือบจะห้าทุ่มแล้ว ชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในซอยบ้านละแวกบางกอกน้อยพร้อมกัน ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าสลับขาว เดินจูงมือชายหนุ่มชุดนักเรียนร่างโปร่ง พร้อมกับสะพายกระเป๋าให้ด้วย ไม่หนักเหรอโต้ง ให้เราสะพายกระเป๋าเองก็ได้ ไม่เป็นไรมิว ไม่หนักหรอก มิวถือถุงลูกชิ้นกับขวดน้ำน่ะดีแล้ว แล้วโต้งก็คอยให้เราป้อนให้เนี่ยนะ ก็ใช่น่ะสิ เราสะพายกระเป๋าให้มิว แล้วมิวก็ค่อยป้อนลูกชิ้นกับน้ำให้เราไง พวกเพื่อนๆเรามันก็ทำกันแบบนี้แหละ เวลาที่มันจีบผู้หญิงอะ จ้า..... งั้นก็ทนหนักหน่อยแล้วกัน มิวพูดจบก็สอยลูกชิ้นเข้าปากตัวเองหนึ่งลูก พร้อมกับดูดน้ำตาม มิวป้อนเราอีกลูกดิ อ้า..... โต้งอ้าปากรอให้มิวป้อนลูกชิ้นให้ ซึ่งนักร้องหนุ่มก็ป้อนให้โดยดี ตามด้วยน้ำขวดให้โต้งได้ดูด ก่อนจะดูดตามอีกอึกนึง หนังเมื่อกี้นี้ สนุกดีนะ ไม่ได้ดูหนังตลกมานานแล้ว มิวบอกโต้ง ก็ใช่น่ะสิ ขืนเลือกดูหนังดราม่าล่ะก็ มิวได้ร้องไห้อีกแน่ๆ ช่วงหลังนี่ยิ่งร้องไห้เก่งอยู่ด้วย ก็........ เร็วเถอะโต้ง ป้าอรรอเปิดประตูบ้านให้เราอยู่ มิวบ่ายเบี่ยงแล้วรีบเดินนำหน้าโต้งออกไป ร่างสูงจึงต้องเร่งฝีเท้าตามร่างโปร่งที่นำลิ่วไปแล้วให้ทัน เดี๋ยวมิว.... รอเราด้วย โต้งตะโกนเรียก พร้อมกับยกกระเป๋าทั้งของตนและของมิวมากระชับที่ไหล่เพื่อกันไม่ให้หลุด จากนั้นก็เดินเร็วขึ้น เร่งจ้ำเท้าตามนักร้องหนุ่มไป .... .... กลางดึกคืนนั้น โต้งเข้าไปห้องน้ำหลังจากที่มิวเสร็จธุระแล้ว แต่พอออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินเข้าไปในห้อง ปรากฏว่า ร่างโปร่งเจ้าของห้องไม่ได้อยู่ในนั้น ชายหนุ่มรีบออกเดินหาตามห้องต่างๆ จนไปหยุดอยู่ที่ ห้องๆหนึ่งซึ่งโต้งไม่เคยเข้าไปมาก่อน ห้องนั้นเปิดประตูแง้มไว้ และไฟในห้องก็ส่องสว่างด้วย โต้งคุ้นๆว่า ตอนเด็กๆ เวลาที่ตนมาค้างบ้านนี้ โต้งเคยเห็นอาม่าพักอยู่ในห้องนั้นมาก่อน หาอะไรอยู่เหรอมิว โต้งเอ่ยถาม เมื่อเห็นคนที่ตนรักหยิบอะไรบางอย่างมาจากผนังข้างฝา รูปเก่าๆน่ะโต้ง เราเคยวาดไว้นานแล้ว และเอาให้อาม่าติดฝาผนัง มิวโชว์รูปนั้นให้โต้งดู เป็นรูปท้องทะเลสีเขียวกว้างใหญ่ ที่ไปบรรจบกับท้องฟ้าสดใสที่เส้นขอบฟ้าสีทองยามอาทิตย์ย่ำอรุณ โต้งเห็นแล้วก็รู้สึกประทับใจและชอบรูปใบนี้เป็นพิเศษ มิววาดรูปนี้เองหรอ สวยจัง อือ... ตอนไประยองกับอาม่าก่อนที่แกจะล้มป่วยน่ะ ตอนนั้นเรากับอาม่าไปบ้านป๊าที่ระยอง แล้วเพราะอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆอาม่าก็พาเราออกจากบ้านป๊า แล้วก็หนีไปที่เกาะเสม็ด เราติดพายุอยู่ที่โน่นกับอาม่าหลายวัน จะว่าไป ก็เป็นเดือนนี้เมื่อห้าปีก่อนพอดี ตอนที่เราจบม.หนึ่งใหม่ๆน่ะ จำได้ว่าอาม่าเช่าบ้านหลังเล็กๆอยู่ด้วยกัน เรานอนฟังอาม่าเล่านิทานให้ฟัง อาม่าชอบเล่าเรื่องอากงอยู่บ่อยๆด้วย บ่อยเป็นพิเศษเลยล่ะ เราก็เลยวาดรูปนี้ให้อาม่า เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความรักของอาม่ากับอากง นักร้องหนุ่มเล่าเรื่องไปพร้อมกับน้ำตาที่รื้นอยู่บนดวงตาสีน้ำเงิน โต้งเข้ามานั่งใกล้ๆ พร้อมกับมองรูปนั้นอย่างสนใจ และหันไปมองตาของมิวที่กำลังจ้องรูปใบนั้นไม่วางตา มองอะไรอะโต้ง.... ก็มองหน้ามิวอยู่ไง... จ้องอยู่ได้ ทำยังกับไม่เคยเห็น.. มิวยิ้ม พลางปาดรอยน้ำตาที่รื้นอยู่บนดวงตาสีน้ำเงินของตน รูปนี้น่ะ.... สวยดีเนอะ วาดได้ไงอะ โต้งถามเจ้าของรูป ด้วยลักษณะคำถามที่คุ้นเคย ก็... ไม่รู้ดิ.. ดูแล้ว.. โต้งว่าไงล่ะ ก็.... ไม่รู้เหมือนกัน... โต้งงงงง...................... ก็ได้... คือ... ก็สวยดี แต่มิวจะไม่บอกเราหน่อยหรอ ว่ามีอยากจะบอกอะไรผ่านรูปใบนี้ แล้วโต้งคิดว่าเราอยากบอกอะไรผ่านรูปใบนี้ล่ะ นักร้องหนุ่มหันไปถามชายคนรัก ก็.... มิวบอกว่า นี่คือรูปที่สื่อถึงอากงกับอาม่าใช่ปะ อือ.... งั้นก็คง.... ความรักของท่านทั้งสองเป็นสิ่งที่งดงามล่ะมั้ง เป็นความสุข อะไรทำนองนี้ปะ ก็ใช่นะโต้ง.... แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอก มันละเอียดอ่อนกว่านั้นอีก แล้วมันเป็นยังไงล่ะ ที่มิวว่าละเอียดอ่อนกว่าน่ะ โต้งเห็นทะเลในรูปมั้ย... เห็นดิ สวยมาก ท้องทะเลสีเขียว เหมือนสีโปรดของมิวเลย แล้วท้องฟ้าล่ะ เป็นไงบ้าง สีฟ้าคราม ดูสดใส แต่พอมองไปเรื่อยๆก็ดู... หม่นๆยังไงก็ไม่รู้ ทะเลกับท้องฟ้าไงโต้ง สองสิ่งที่ไม่อาจอยู่คู่กัน มิว..... โต้งเอ่ยชื่อคนรักพร้อมกับมองตาสวยคู่นั้น อากงน่ะ จากอาม่าไปหลายปีแล้ว ก็หมายความว่า อากงกับอาม่า ไม่สามารถอยู่เคียงคู่กันได้ ก็เหมือนกับทะเลกับท้องฟ้า ที่ไม่อาจอยู่เคียงคู่กัน นอกเสียจาก.... มิวทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ ทั้งคู่จะมาบรรจบกันบนเส้นขอบฟ้า ถึงแม้ว่าทะเลกับท้องฟ้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ที่จริงแล้ว เรายังคงเห็นมันอยู่คู่กันได้ เห็นทุกวัน โดยไม่พรากจากกัน โต้งต่อประโยคสุดท้ายที่มิวทิ้งไว้ ท้องฟ้าและท้องทะเลยามที่พระอาทิตย์ขึ้นนี่ สวยดีนะโต้ง รุ่งอรุณแห่งความหวัง ที่ส่องแสงสว่างให้ทะเลกับผืนฟ้าบรรจบกัน และอยู่เคียงคู่กันอย่างสวยงาม ตราบใดมีรัก ก็ย่อมมีความหวัง มิวเอ่ยขึ้นลอยๆ แววตาก็เหม่อลอยเหมือนคิดอะไรอยู่ มิว... โต้งเอ่ยเรียกเบาๆ แต่เหมือนนักร้องนำวงออกัสกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ชายหนุ่มจึงปล่อยให้คนรักอยู่กับความคิดของตนเองสักพัก ร่างสูงค่อยๆมองรูปภาพฝีมือของเจ้าของบ้านอีกครั้ง แล้วพิจารณาอย่างละเอียดอ่อน ปล่อยความรู้สึกให้ไหลไปตามกระแสคลื่นที่กระทบฝั่งตามอารมณ์ของรูปภาพ โต้งเข้าใจความหมายที่มิวต้องการบอกเล่าจากรูปวาดของมิวเอง รูปนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนความรักของอากงและอาม่า แต่ยังสะท้อนภาพความรักของตัวผู้วาดกับคนรักด้วย โต้งมองน้ำทะเลสีเขียวในรูปนั้นสลับกับภาพนักร้องหนุ่มที่กำลังยืนเหม่อ สีเขียว สัญลักษณ์แทนมิว สีของมิว ทะเลที่มีคลื่นกระเพื่อมตลอดเวลา ยากจะสงบนิ่ง แต่ก็นิ่งสงบได้ ในบ้างในบางเวลา จากนั้นก็มองท้องฟ้าสีฟ้าครามที่เห็นเด่นอยู่มนรูปนั้น สีฟ้า สีที่ตนชอบ สัญลักษณ์แทนตนเอง กับสีฟ้าหม่นและหมู่เมฆที่สะท้อนความอ่อนไหวและหวั่นไหวในใจของตนตอนนี้ ทะเลกับท้องฟ้าที่อยู่ไกลกัน แต่ก็มาบรรจบกันบนเส้นขอบฟ้าในยามรุ่งอรุณแห่งความหวัง เหมือนความรักของมิวกับโต้งไม่ผิดเพี้ยน มิวคงต้องไปอยู่ระยองตามสัญญาที่ให้ไว้กับป๊า ขณะที่โต้งเอง ก็อยู่กรุงเทพฯ โอกาสที่จะได้เจอกันและคบกันคงแทบจะไม่มีอีกแล้ว นอกจากต้องรอความหวัง ความหวังหนึ่งเดียวที่เป็นแรงยึดเหนี่ยวให้ทั้งคู่เข้มแข็ง ตราบใดมีรัก.... ก็ย่อมมีความหวัง.... แล้วเรายังควรจะหวังอยู่รึเปล่าโต้ง จู่ๆมิวก็โพล่งคำถามขึ้นมา ชายหนุ่มผู้ถูกถาม เข้าใจทันทีว่าคนรักหมายถึงอะไร โดยยังไม่ทันได้ตอบ โต้งจับมือของมิวขึ้นมาระดับอก มือของมิวที่เริ่มสั่นเทาไปตามความรู้สึกที่หวั่นกลัว อ่อนไหว และหวาดเกรงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในวันมะรืน วันที่มิว ออกัส หญิง และโต้ง จะไประยองด้วยกันทุกคน มือของโต้งกระชับพื้นที่มือของมิวให้แน่นขึ้น นักร้องหนุ่มหันหน้ามาจ้องมองแววตาของคนรัก แววตาสีน้ำตาลและสีน้ำเงินของทั้งสองคนต่างสะท้อนความรู้สึกของกันและกันอย่างอบอุ่น ในที่สุดมือของมิวก็เลิกสั่น นักร้องหนุ่มยังคงจ้องตาคนรักเพื่อรอคำตอบ มิวเป็นคนรักคนเดียวของโต้งนะ... โต้งงงง ถึงแม้ว่ามันจะเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็อยู่คู่กันเสมอไม่ใช่เหรอมิว ทะเลกับท้องฟ้าไม่เคยพรากจากกัน ถึงจะไกลกัน แต่หัวใจย่อมอยู่กับกันและกันเสมอ และเมื่อรุ่งอรุณขึ้นมาใหม่พร้อมความหวัง เมื่อนั้น ทะเลและท้องฟ้าก็จะสร้างความงดงามให้ได้เห็นอีกครั้ง อีกครั้ง ทุกๆครั้ง... โต้งงงงงง อย่ายอมแพ้นะมิว มิวเคยชนะใจพ่อกับแม่ของเราได้ เราก็จะต้องชนะใจป๊าของมิวให้ได้ มิวเชื่อใจเรารึเปล่า โต้งใช้น้ำเสียงมุ่งมั่นเอ่ยถามมิว อือ.... มิวพยักหน้าตอบ จากนั้นก็ให้โต้งช่วยยกภาพไปแขวนในห้องนอนของตน นักร้องหนุ่มนอนมองคนรักนั่งสวดมนต์สรรเสริญพระแม่มารีก่อนนอนอย่างที่เคยเป็น โต้งล้มตัวลงนอนข้างๆเจ้าของห้อง สองตาสีน้ำตาลและสองตาสีน้ำเงินต่างจ้องมองภาพวาดของนักร้องนำวงออกัสด้วยกัน ไม่มีคำพูดให้ได้ยินอีก ร่างสูงยกแขนกางให้คนรักเข้ามานอนอิงข้างๆอย่างที่เคยทำเมื่อก่อนนี้ ... ... เช้าวันรุ่งขึ้น นักร้องหนุ่มตื่นขึ้นมาตามลำพัง หันไปมองที่ด้านขวากลับพบแต่ความว่างเปล่า ด้วยความเคยชิน มิวจึงเหลือบไปดูกระดาษโพสต์อิตที่แปะไว้ตุ๊กตาบนหัวเตียง กระดาษสีฟ้า เขียนด้วยปากกาเมจิกสีเขียวลายมือของคนคุ้นเคย เห็นนอนอยู่...ก็เลยไม่ปลุกนะ เจ้าของเตียงหยิบขึ้นมาอ่าน แล้วคว้าหมอนหนุนที่โต้งใช้เมื่อคืนมานอนกอดแทนหมอนข้าง ไปพรุ่งนี้เลยเหรอโต้ง... สุนีย์เอ่ยถามลูกชาย หลังจากชายหนุ่มเล่าเรื่องให้ฟัง ครับ... โต้งจะไปกับมิว และก็พวกออกัสที่อยู่รุ่นเดียวกับมิวก่อน แล้วก็ปิงปองอีกคนด้วย รุ่นน้องที่เคยมาบ้านเราน่ะแม่ คนที่เป่าแซ็กแล้วลุงหมอบอกว่าชอบมากน่ะ จำได้ปะ ตอนปาร์ตี้ฉลองสอบติดของโต้งก็มา อือ.. นึกออกแล้ว แล้วคนอื่นๆล่ะ ไหนว่ามีสมาชิกในวงตุ้งสิบเอ็ดคนไม่ใช่เหรอ สุนีย์ยังถามต่อ คนอื่นๆจะตามไปวันมะรืนนี้ พวกโต้งจะไปหยั่งเชิงดูสถานการณ์ก่อน เผื่อว่า...... แม่เข้าใจ เอาเหอะ ไหนๆก็สอบเสร็จแล้ว โต้งไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้างก็ดีเหมือนกัน แล้วไม่ชวนเพื่อนที่โรงเรียนไปด้วยเหรอโต้ง ชวนแล้วแม่... พวกนั้นบอกว่าจะไปเที่ยวเกาะเสม็ด โต้งก็เลยกะจะไปเจอกันที่เกาะเลย นี่จะขึ้นเกาะด้วยหรอ เผื่อไว้ก่อนน่ะแม่ ถ้าป๊ามิวเค้า..... ตามใจเราแล้วกัน โต้งโตแล้ว ตัดสินใจเองได้ แล้วนี่มีเงินแล้วหรอ มีแล้วแม่ เพิ่งได้ค่าตัวเล่นเอ็มวีเพลงของมิวมาเมื่ออาทิตย์ก่อน มีพอเที่ยวเหลือเฟือเลย ดูแลตัวเองด้วยล่ะ แล้วคืนนี้จะไปนอนค้างบ้านมิวอีกรึเปล่า ไปครับ แต่โต้งจะชวนมิวกับเพื่อนบางคนมาทานข้าวเย็นที่นี่ก่อน ว่าจะชวนพี่จูนมาด้วยนะ จริงหรอ ดีเหมือนกัน พ่อเราก็แอบบ่นถึงเหมือนกัน ให้พี่จูนเค้ามาคุยกับพ่อบ้าง จะได้หายเหงา แล้วถ้าโต้งไม่อยู่.. ใครจะช่วยแม่ดูแลพ่อล่ะ ไม่ต้องห่วงน่า พ่อเค้าหายดีแล้ว แต่ยังคงมีอาการซึมเศร้าอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละ ครับ... งั้นโต้งไปอาบน้ำก่อนนะแม่ แล้วจะลงมาทานข้าวเช้าด้วย ชายหนุ่มพูดจบก็วิ่งขึ้นบนบ้าน ทิ้งให้ผู้เป็นแม่เตรียมอาหารเช้าต่อไป หญิงสูงวัยดูมีความสุขมากขึ้นและมีเวลามากขึ้นด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อน สุนีย์ต้องรีบเตรียมอาหารเช้าให้ลูกชายและเร่งขับรถไปส่งโต้งที่โรงเรียน ก่อนจะกลับมาเตรียมอาหารเช้าให้สามีแล้วค่อยไปมหาวิทยาลัย ตอนพักเที่ยงก็ต้องกลับมาเตรียมอาหารกลางวันให้กรอีก เป็นแบบนี้มาหลายปี จนกระทั่งคนรักของลูกชายมาให้ชีวิตใหม่กับครอบครัว มิวมาเติมความหวังให้กับครอบครัวนี้ สุนีย์จึงไม่ต้องลำบากเหมือนเมื่อก่อน แต่สามารถอยู่รับประทานอาหารเช้าพร้อมหน้าได้ก่อนไปทำงาน ความสุขแบบที่สุนีย์ไม่ได้สัมผัสมาหกปี เหลียวมองที่บันไดขึ้นชั้นบนแล้วแอบคิดในใจ นี่ถ้าโต้งต้องผิดหวังจากมิวจริงๆ แล้วจะเป็นแบบ....... สุนีย์แอบกลัวว่าลูกชายจะเอาอย่างพ่อ เด็กสองคนนี่.......เค้ารักกันาก และโต้งก็คงจะเสียใจมาก ถ้าต้องพรากจากมิวไปอีก สุนีย์คิดอย่างเชื่อมั่นว่าลูกของตนและมิวจริงใจต่อกันและกัน และตนจะต้องช่วยเด็กทั้งสองให้ได้ จึงแอบเดินไปคุยกับสามีที่นั่งอ่านหนังสืออยู่และปรึกษากันเล็กน้อย ... ... เช้าวันศุกร์ ชายหนุ่มสองคนนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกันที่โต๊ะกลมตัวประจำ เจ้าของบ้านสวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อน สวมทับด้วยแจ๊กเก็ตสีเดียวกันแต่เข้มกว่า ขณะที่หนุ่มร่างสูงผมเกรียน สวมเชิ้ตสีน้ำเงิน สวมทับด้วยแจ๊กเก็ตสีฟ้า ทั้งคู่สวมกางเกงยีนส์สีเบสิคสีเดียวกันและทรงเดียวกัน หญิงชรายังคงทำงานง่วนอยู่ในครัว นักร้องนำวงออกัสนั่งกินโจ๊กหมูชามเดียวกันกับชายหนุ่มผมเกรียน ช้อนสองคันที่ต่างคนต่างถือแต่ไม่ได้ป้อนเข้าปากตนเอง หากแต่ผลัดกันป้อนให้แก่กันและกัน ป้าอรไม่ไปกับมิวเหรอ โต้งถาม อือ.... ป้าอรบอกว่าจะตามไปทีหลังตอนเช็งเม้งต้นเดือนหน้าน่ะ มิวตอบพลางมองหน้าโต้งไม่วางตา มองหน้าเราทำไมเหรอมิว โต้งถามอย่างสงสัย ก็.... โต้งมีเคราขึ้นแล้วนะ เท่ดี แต่ไม่รู้ว่าป๊าจะชอบรึเปล่า คงไม่มั้ง... ไม่งั้นคง.... แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่ชอบ อีกหน่อยก็ต้องชอบ ว่าแต่.. มิวเองก็มีหนวดขึ้นเหมือนกันนะ ให้เราช่วยโกนให้มั้ย จะดีเหรอโต้ง.... มิวถาม พลางมองนาฬิกาข้อมือสีเขียวของตน น่านะ ให้เราโกนหนวดให้มิว แล้วเดี๋ยวมิวโกนเคราให้เราบ้าง โต้งมองมิวยิ้มๆ ในใจก็รู้ว่าเวลาที่รถจะมารับยังห่างออกไปเพียงพอที่จะทำธุระเรื่องหนวดเคราได้ ขณะเดียวกันที่ออฟฟิศของบริษัทจัดรายการวิทยุชื่อดัง ดีเจกระเทยนายหนึ่งกำลังนั่งรอจัดรายการ แต่โทรศัพท์มือถือพลันดังขึ้นพอดี จึงต้องคว้ามาคุยเสียก่อน มดแดงเหรอยะ นี่พี่เอง เจ๊หกไง เสียงปลายสายดังขึ้น ค่ะเจ๊... ว่าไงคะ มดแดงถาม แกเคยสัมภาษณ์นักร้องนำวงออกัสใช่มั้ยยะ เมื่อตอนงานเปิดอัลบั้มน่ะ ค่ะเจ๊... ทำไมเหรอคะ แล้วนักร้องนำล่ะ ที่ชื่อมิวน่ะ เค้าเป็นไงบ้าง เจ๊โทรมาถามเรื่องน้องมิว ไปได้ข่าวอะไรมาเหรอคะเจ๊ ก็ไม่มีอะไร พอดีเจ๊ไปได้ยินเรื่องบางอย่างมา อยากจะเม้าท์ให้ฟัง มีอะไรงั้นหรือเจ๊ มดแดงเริ่มสนใจ ก็รุ่นน้องเจ๊น่ะสิ เป็นเพื่อนกับญาติของพระเอกเอ็มวีของวงออกัสน่ะ แกรู้จักปะล่ะ อ๋อ...น้องโต้ง เค้าเป็นเพื่อสนิทน้องมิวตั้งแต่เด็กไงคะ แล้วแกรู้รึเปล่า ว่าพ่อน้องโต้งน่ะ ตับเสื่อมเพราะกินเหล้ามาก เพิ่งจะปลูกถ่ายไปไม่นานนี้เอง ก็แล้วมันเกี่ยวอะไรกับน้องมิวด้วยล่ะเจ๊ เอียงหูตั้งใจฟังให้ดีเลยนะยะ ชั้นมีข่าวเด็ดจะเล่าให้ฟัง ข่าววงในคอนเฟิร์มได้... และการสนทนาก็ดำเนินต่อไป ... ... |
Niramitr
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] สาวก"รักแห่งสยาม"
|