เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ถนนเทียมร่วมมิตร นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก. แถลงข่าวเรื่อง ขสมก.เปลี่ยนเลขหมายคอลเซ็นเตอร์จาก 184 เป็น 1348 เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.นี้ ว่า หมายเลข 184 ขสมก.ให้บริการรับเรื่องร้องเรียนและสอบถามเส้นทางรถเมล์มาตั้งแต่ปี 2531 ขณะนั้นมีอยู่เพียง 5 คู่สาย และใช้มาโดยตลอดจนถึงปี 2554 พัฒนาขึ้นจนมี 50 คู่สาย แต่เมื่อปี 2551 กสทช.ได้ประกาศใช้หมายเลขโทรคมนาคมพิเศษ 3 หลัก เพื่อการแจ้งข่าวอาชญากรรมเหตุด่วนเหตุร้ายเท่านั้น โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมเดือนละ 107,000 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนการให้บริการสอบถามข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ให้ใช้หมายเลข 4 หลัก มีอัตราค่าธรรมเนียมเดือนละ 10,000 บาท จึงต้องเปลี่ยนหมายเลข 184 เป็น 1348 เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศของ กสทช. เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ได้มีการประชาสัมพันธ์บอกกับประชาชนทั้งผู้ที่โทรฯ เข้ามาใช้บริการ 184 ในปัจจุบัน รวมถึงจะลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ตามป้ายรถเมล์ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ด้วย
นายโอภาส กล่าวว่า ปัจจุบันหมายเลข 184 มีประชาชนโทรฯ มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 3,400 สาย สูงสุดมีมากถึงเดือน 4,000 สาย คิดเป็นเดือนละ 100,000 สาย ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนการให้บริการ โดยใช้ในการสอบถามเส้นทางประมาณ 0.5% โดยเรื่องที่ประชาชนที่โทรฯ เข้ามาร้องเรียนมากที่สุด ยังคงเป็นเรื่องรถร่วมพนักงานขับรถประมาทหวาดเสียว และพนักงานเก็บค่าโดยสารมีมารยาทไม่ดีในการให้บริการ ส่วนของ ขสมก.ที่มีร้องเรียนมาก คือ ไม่จอดป้าย และรถขาดระยะนาน ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจาก ขสมก.มีรถที่อยู่ในสภาพใช้งานได้น้อย ประกอบกับต้องเปิดเส้นทางใหม่ย่านชานเมือง ตามที่ประชาชนร้องขอ ทำให้ต้องมีการหมุนเวียนรถมาให้บริการไม่เพียงพอ ขณะที่ความคืบหน้าในการจัดหารถใหม่ อยู่ระหว่างรอนำเข้าให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเป็นเมื่อใด ซึ่งตนก็อยากจัดหารถใหม่ให้ได้โดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นผู้ที่ต้องลำบาก และรับสภาพกับรถเมล์เก่าและขาดระยะ คือ ผู้โดยสารรถเมล์ที่ไม่มีทางเลือกจึงต้องอดทน จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ยังมีผู้โดยสารอยู่จำนวนหนึ่งยังใช้บริการอยู่ตลอดแม้ ขสมก.จะมีรถให้บริการน้อยลง เนื่องจากรายได้ ขสมก.ไม่ได้ลดลงตามไปด้วย.