รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แจ้งว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 ส.ค. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 2 บช.น. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร พร้อมด้วย พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานจราจร เรียกรอง ผบก.น. 1-9 ที่รับผิดชอบงานจราจร และ บก.จร. มาประชุมชี้แจงสั่งการข้อปฏิบัติของตำรวจจราจร โดยให้ตำรวจจราจรในกรุงเทพฯ ทั้งหมด ถือปฏิบัติดังนี้ ห้ามตั้งด่านตรวจค้น กวดขันวินัยจราจรในช่วงเวลากลางวัน โดยให้ไปเพิ่มความเข้มในการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์เพื่อตรวจจับคนเมาแล้วขับ รวมทั้งการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในช่วงเวลากลางคืนแทน เพื่อลดปัญหาการจราจร โดยหลักการทำงานของตำรวจจราจรคือการอำนวยการจราจรให้ประชาชนในสังคมเดินทางได้ด้วยความสะดวกรวดเร็วเป็นหลัก แต่หากพบการกระทำความผิดใน 12 ข้อหาหลัก ซึ่งเป็นข้อหาที่ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุให้ตำรวจจับกุมได้ทันที
นอกจากนี้ ในส่วนข้อหาอื่น ๆ นอกจาก 12 ข้อหาหลัก ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรใช้ใบเตือน ว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำผิด แทนใบสั่ง ที่สำคัญต่อไปนี้ ให้ตำรวจจราจรในกรุงเทพฯ ติดกล้องกระดุม กล้องปากกาไว้กับเครื่องแบบ เพื่อใช้บันทึกภาพในการปฏิบัติงาน รวมทั้งใช้กล้องถ่ายภาพและกล้องวิดีโอในการทำงานด้วย และด่านทุกด่านในช่วงกลางคืน ต้องมีกล้องวิดีโอบันทึกการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ทุกด่าน เวลาจับกุมคนทำผิดแล้วพูดจาไม่ดีกับเจ้าหน้าที่ให้ถ่ายเก็บไว้ ในทางกลับกันประชาชนก็สามารถถ่ายการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ได้เช่นกัน ถ้าเป็นการเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบให้ส่งภาพมา จะลงโทษอย่างเด็ดขาด โดยให้แต่ละ บก.น. ไปจัดการหาอุปกรณ์มาดำเนินการโดยเร็ว ทั้งนี้จะมีบันทึกสั่งการไปยังตำรวจจราจรทุกสถานีในกรุงเทพมหานครให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดโดยเร็ว
สำหรับความผิด 12 ข้อหาหลัก ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด และทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงปัญหาอาชญากรรมอื่น ๆ ที่ยังเน้นการจับกุม ได้แก่ 1. ข้อหาแข่งรถในทาง 2. ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 3. แซงในที่คับขัน 4. เมาแล้วขับ 5. ขับรถย้อนศร 6. ไม่สวมหมวกนิรภัย 7. จอดรถซ้อนคัน 8. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 9. มลพิษควันดำ 10. จอดรถในที่ห้ามจอด 11. การจอดรถบนทางเท้า และ 12. การขับรถบนทางเท้า.