Wolf True Blood ตอนที่ 15 ลอจี -1

ตอนที่ 15. ลอจี -1

ล่วงเข้าวันที่สามของการเดินเท้าแกะรอยจากริมลำธารซึ่งดูเหมือนพวกเขาทั้งสามคนจะหลงทางเพราะภูมิประเทศที่รกเรื้อและมีหมอกปกคลุมอยู่เกือบครึ่งค่อนวันทำให้การแกะรอยยากลำบากร่องรอยที่เริ่มต้นจากลำธารสายใหญ่มาสิ้นสุดที่ป่าหินซึ่งแห้งผากแผ่นดินที่แห้งลมพัดฝุ่นฟุ้งขึ้นไปในอากาศยากต่อการคาดเดาว่าจะต้องตั้งเข็มเดินทางไปในทิศทางใดจึงจะถูกต้องรอยเท้าของคนหายไปยังดินแดนแห้งแล้งแห่งนี้ หินซึ่งกระจัดกระจาย หินกรวดซึ่งพอจะคาดเดาจากการพลิกกลับด้านแต่ก็นั่นแหละทั้งสายลมที่พัดหมุนวน ทำให้ร่องรอยขาดๆหายๆป่าหินซึ่งแห้งแล้งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

พรานสองพี่น้องแห่งหมู่บ้านพิวรี่และชายชราพ่อบ้านของไคล์เดินตามกันมาในความแห้งแล้งของป่าหินสีแดงต้นไม้ที่ขึ้นประปรายกระจายอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินใบแม้จะเรียวเล็กเท่าหัวแม่มือแต่บางต้นก็เก่าแก่ใบดกหนาพอจะเป็นร่มเงาได้ในยามดวงอาทิตย์แผดจ้า..อากาศที่เย็นฉ่ำในป่าดิบไม่มีให้สัมผัสได้เลยในดินแดนแห้งแล้งนี้นอกจากความระอุร้อนจากพื้นดิน เสบียงอาหารที่ได้มาจากหมู่บ้านแมนซาพอจะกินไปได้อีกแค่สองวัน ทำให้ทั้งสามคนนั่งล้อมวงพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ในค่ำคืนซึ่งอากาศหนาวเย็นจับใจ

ผู้เฒ่าคนเดียวของคณะซึ่งทรหดอดทนไม่แพ้สองพรานพี่น้องที่ยังหนุ่มแน่นด้วยความรักในตัวนายน้อยไม่ยอมปริปากถึงอาการเหน็ดเหนื่อยร้องขอหยุดพักแม้สักครั้งและไม่นิ่งดูดายช่วยหาฟืนหุงหาอาหารง่ายๆจนสองพรานรู้สึกรักในน้ำใจของผู้เฒ่าทิมเป็นอย่างมากทั้งสองคนจึงช่วยกันดูแลผู้เฒ่าผู้ร่วมเดินทางประดุจบิดาของตนเอง

ผู้เฒ่าทิมหลับไปแล้วในถุงนอนอันแสนอบอุ่นจิมมี่แยกกองไฟไปก่ออยู่ด้านปลายเท้าของพ่อบ้านชราวัยซึ่งใกล้เคียงกันกับบิดาผู้สาปสูญทำให้สองหนุ่มคิดถึงบิดาอย่างยิ่ง ร๊อบหยิบแผนที่ซึ่งยึดมาจากทีด็อกกางออกดูในแสงไฟจากกองไฟจิมมี่เดินมานั่งข้างๆ ยื่นมือเย็นเฉียบอังไออุ่นมือกร้านรับถ้วยอลูมิเนียมซึ่งมีกาแฟร้อนๆควันกรุ่นอยู่ภายใน

“เราเดินมาไม่ผิดเส้นทางนะร็อบ..”

“ไม่ผิดหรอกแค่อ้อมนิดหน่อยพรุ่งนี้ไม่เกินตะวันตกดินเราน่าจะเข้าเขตป่าโปร่งตรงนี้”ร๊อบชี้ไปที่เงามืดรางๆรูปร่างคล้ายหัวของหมีซึ่งตรงกับสัญญลักษณ์ในแผนที่

“เข้าเขตป่าก็ดีนะเราจะได้หาเสบียงเพิ่มเสบียงของเรากินได้อีกสองมื้อก็หมดแล้ว ดีเหมือนกันจะได้คล่องตัวขึ้นเราต้องทำเวลากันหน่อยล่าช้าเกินไปแล้ว” ร็อบพูดติดตลกฝืดๆเพื่อคลายความกังวลลึกๆในใจของตนเอง

“น้ำของเราล่ะพอหรือเปล่า”

“ถ้าประหยัดหน่อยก็น่าจะพอนะแต่ป่านั้นเราจะพบแหล่งน้ำหรือไม่ ”

“คงต้องเสี่ยงเอาข้างหน้าอย่าเพิ่งกังวลเลยนอนกันเถอะ”ร็อบพับแผนที่เก็บใส่ซองพลาสติกกันน้ำซุกเก็บไว้ในเป้สัมภาระส่วนตัวหยิบปืนมาตรวจดูความเรียบร้อยจิมมี่หยิบท่อนไม้ใหญ่ใส่กองไฟเพื่อจะได้เป็นเชื้อไฟตลอดคืนอันยาวนานทั้งสองคนดูดวงดาวบนท้องฟ้ามืดมิด ลมเย็นจัดพัดหวีดหวิวอยู่รอบกายเสียงสัตว์เล็กๆที่ออกหากินยามค่ำคืนได้ยินอย่างชัดเจนในความเงียบสงัดความหวังของวันพรุ่งนี้ที่ทั้งสองคนคาดหวังเอาไว้ก็คือร่องรอยที่ขาดหายไปและสิ่งสำคัญเขาทั้งสามคนจะไม่อดตายไปเสียก่อน

สิ่งที่จิมมี่คิดไปก่อนที่จะหลับใหลเริ่มมีเค้าความจริงมาให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อบ่ายคล้อยพวกเขาเดินเข้าสู่เขตป่าอีกครั้งแต่ทั้งป่าก็ไม่มีอะไรที่พอจะใช้กินได้เลย พืชส่วนใหญ่ไม่สามารถกินได้น้ำที่ประหยัดมาตลอดทั้งวันหมดไปร่วมชั่วโมงได้ ความหวังที่จะค้นหาแหล่งน้ำในแถบนี้ค่อนข้างรางเลือนธารน้ำเก่าแห้งขอดเหลือแต่โคลนตมซึ่งมีซากของสัตว์น้ำกำลังเน่าส่งกลิ่นเหม็นแต่กระนั้นทั้งสามคนก็ไม่ปริปากพูดอะไรให้เสียกำลังใจกันและกัน ป่าซึ่งหนาทึบมีเถาวัลย์ระโยงระยางอยู่สูงขึ้นไปแสงสว่างจากเบื้องบนส่องลอดลงมาได้เพียงน้อยนิด แม้จะมีร่มเงาแต่ทว่าเศษใบไม้ที่ถับถมกันส่งกลิ่นคลุ้งทำให้การหายใจค่อนข้างลำบากทั้งสองคนพยายามที่จะค้นหาพืชบางชนิดที่พอจะอาศัยดูดกินน้ำได้ไม่ว่าจะเป็นบอนหรือเถาวัลย์น้ำก็ไม่มีปรากฏให้เห็น ทั้งหมดพูดคุยกันน้อยมากเพื่อช่วยลดความกระหายน้ำอากาศอับๆชื้นๆทำให้ร่างกายเริ่มอ่อนล้าและหมดแรงแต่กระนั้นก็พยายามเดินตามรอยของสัตว์เผื่อว่ามันจะพาพวกเขาไปหาแหล่งน้ำ

อีกด้านหนึ่งของป่าซึ่งภูมิประเทศต่างกันลิบลับป่าซึ่งเขียวชอุ่มน้ำตกหลายสายใหลลงสู่หุบเขาเบื้องล่างซึ่งเป็นประกอบกันเป็นลำธารสายใหญ่ทอดไกลออกไปในป่าดงดิบสัตว์หลากหลายชนิดชุกชุมที่นั่นเป็นที่รวมกลุ่มของสัตว์เกือบทุกสายพันธุ์ดินแดนที่ไม่ค่อยมีมนุษย์ผ่านเข้ามานอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้ามนุษย์เพียงคนเดียวซึ่งเดินอยู่ท่ามกลางสัตว์ดุร้ายโดยที่พวกมันไม่ทำอันตรายใดๆ

รอยต่อของป่าผืนใหญ่ยากที่สายตาของมนุษย์ธรรมดาจะมองเห็นเส้นเขตอาคมโบราณที่กั้นเอาไว้นับร้อยปียังคงอานุภาพอยู่เต็มพลังภูเขาซึ่งซับซ้อนซ่อนดินแดนนี้เอาไว้

“ดีเจ็ด..เจ้ากับพวกไปนำพวกเขามาที่นี่”เสียงกระซิบเป็นภาษาแปลกๆได้ใจความว่าเช่นนั้น ผู้ที่รับคำสั่งคือ กวางหนุ่มพ่วงพีเขาบนหัวได้รูปทรงสวยงามดวงตาคมกริบกระพริบรับคำก่อนจะเยื้องย่างพาลูกฝูงซึ่งประกอบไปด้วยตัวเมียและลูกเล็กๆนับรวมได้เจ็ดตัวพอดีบ่ายหน้าเข้าไปในแนวป่า

ทุกแห่งที่คาดว่าจะมีน้ำพอให้ได้ดับกระหายล้วนสร้างความผิดหวังให้กับทั้งสามคนอย่างยิ่งคนที่แย่ที่สุดไม่ใช่ลุงทิมหากแต่เป็นร็อบซึ่งลื่นไถลลงไปยังธารน้ำแห้งแม้ไม่มีอะไรหักแต่ก็หัวแตก ตามร่างกายมีบาดแผลจากการกระแทกหินและนั่นมันสร้างความร้าวระบมจนจับไข้แน่นอนว่ามันได้ดึงเรี่ยวแรงที่มีอยู่ไปจนหมดสิ้นทั้งหมดไม่สามารถเดินทางต่อไปได้จิมมี่ครุ่นคิดอย่างหนัก เขาจะทำอย่างไรต่อไปดีหากทิ้งร็อบเอาไว้กับลุงทิมระหว่างที่เขาออกไปหาเสบียงและน้ำเกิดอะไรขึ้นทั้งสองคนจะดูแลตัวเองได้หรือไม่ร็อบจับไข้เจ็บปวดไปทั้งตัวไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือส่วนลุงทิมแม้จะปกติแต่ก็อ่อนแรงความคล่องแคล่วก็ลดลง แต่ถ้านั่งรอก็คงตายกันหมดจิมมี่มองขั้นไปเหนือยอดไม้ ภูเขาที่สลับซับซ้อนมีหิมะปกคลุมมีแมกไม้เขียวขจีมันควรจะมีแหล่งน้ำแต่ทำไมเขาเดินกันมาหลายชั่วโมงกลับไม่เห็นแหล่งน้ำที่ควรจะอุดมสมบูรณ์อย่างที่ตาเห็นนี้เลยดินแดนแห่งนี้ประหลาดล้ำดีแท้ ถึงอย่างไรจิมมี่ก็ต้องเสี่ยง

จิมมีเลือกสถานที่ริมธารน้ำแห้งช่วงหนึ่งซึ่งมีโขดหินเรียงซ้อนพอจะป้องกันอะไรก็ตามที่จะเข้ามาคุกคามตะลิ่งที่สูง มองเห็นพื้นลำธารที่แห้งขอด เป็นสิ่งที่ขวางกั้นทางด้านหน้าทั้งสามคนนั่งพักขาเหนื่อยล้าจากการเดินบุกป่ากันมาต่างนั่งพักกันเงียบๆลุงทิมซึ่งดูน่าเป็นห่วงกลับมีอาการปกติไม่มีทีท่าว่าจะเป็นภาระให้แก่ทั้งสองคนเลยป่าได้สอนให้คนอ่อนแอต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต้องแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอดและเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาทำให้เป็นเช่นนั้น

ตลิ่งจากฝั่งตรงข้ามเป็นแนวป่าโปร่งซึ่งมองลอดไปได้ไกลพอควรแล้วร็อบก็มองเห็นคนสองสามคน ชาวป่าครอบครัวหนึ่งซึ่งเดินก้มๆเงยๆคล้ายหาของป่าหรืออะไรสักอย่าง

“จิมมี่..นายเห็นเหมือนเราหรือเปล่านั่นชาวป่าใช่หรือไม่”ร็อบกระซิบบอกจิมมี่ซึ่งกระตือรือร้นมองตามนิ้วชี้ไปยังตลิ่งฝั่งตรงกันข้ามทิมซึ่งสายตายังดีก็พยายามช่วยมองด้วย

“ไม่มีอะไรนี่นายตาฝาดหรือเปล่าฉันเห็นแต่ใบไม้ พุ่มไม้”

“นายดูดีๆซิเมื่อกี้ยังยืนจับกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น”ร็อบยังยืนยันสีหน้าตื่นเต้นและมีความหวัง จิมมี่มองไปยังจุดที่ร็อบชี้ให้ดูอีกครั้งเขาก็ยังเห็นเพียงใบไม้พุ่มไม้ไม่มีส่วนไหนที่จะบ่งบอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ร็อบกำลังบอกเขาอยู่

“นายนอนพักสักหน่อยดีกว่าไหมฉันว่านายคงเหนื่อยมากเกินไปแล้วล่ะ” จิมมี่บอกน้องชายเสียงอ่อนร็อบไม่คล้อยตามในสิ่งที่จิมมี่พูดเขายังคงยืนยันว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือกลุ่มชาวป่าเผ่าใดเผ่าหนึ่งในป่าลี้ลับแห่งนี้

“จิมมี่เราควรไปที่นั่น..”ร็อบยังคงยืนยัน

“ป่านี้เราไม่คุ้นเลยนะร็อบนายจะเดินตามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้อย่าลืมซิว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร”

“เชื่อฉันสักครั้ง..ฉันมั่นใจว่าพวกนั้นคือชาวป่า..เราไปขอความช่วยเหลือเขาได้”ร็อบยืนยืนความคิดเดิม จิมมี่มองสายตามมั่นอกมั่นใจของน้องชายอยู่สักครู่จึงตัดสินใจยอมเชื่อน้องสักครั้งถึงอย่างไรหากผิดเส้นทางก็ยังยึดแนวลำธารนี้ไปสักพักจากแผนที่ลายแทงก็ยังจะกลับเข้าเส้นทางเดิมได้อยู่หากว่าจะออกเส้นทางไปบ้าง

ในฐานะที่ร็อบเองก็เป็นพรานมีฝีมือคนหนึ่งแม้จะด้อยกว่าจิมมี่อยู่มากแต่การแกะรอยแยกแยะรอยเท้าของสัตว์ร็อบเองก็มีความเชื่ยวชาญอยู่ไม่น้อยหน้าที่การแกรอยจึงให้ร็อบเป็นคนนำทาง

ทั้งหมดเดินข้ามลำธารแห้งมายังตลิ่งฝั่งตรงกันข้ามป่าด้านนี้ก็ไม่ได้ต่างจากที่ผ่านมาเพียงแต่มีโขดหินระเกะระกะ เดินค่อนข้างลำบากทั้งหมดป่ายปืนลัดเลาะสลับกับเดินบนที่ราบบ้างจนถึงเขตป่าโปร่งที่ร็อบมองเห็นชาวป่าแต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะชี้ชัดได้ว่าสิ่งที่ร็อบเห็นคืนคนรอยเท้ามนุษย์ไม่มีปรากฏให้เห็น แต่ที่น่าดีใจก็คือ ผลไม้ป่าซึ่งน่าจะเป็นสัตว์จำพวกค้างคาวกระรอกกินทิ้งเอาไว้ เมื่อมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นผลไม้สีสันสวยงามขึ้นดกเต็มต้นฝูงนกกำลังจิกกินอยู่อย่างสำราญ

ทั้งหมดไม่ต้องรอคำสั่งอะไรต่างเก็บผลไม้มากินแม้จะไม่ใช่ผลไม้ชั้นเลิศแต่ก็มีความชุ่มฉ่ำพอที่จะดับกระหายและประทังความหิวโหยได้ในเบื้องต้น..ระหว่างที่กินผลไม้จิมมี่ก็เดินออกสำรวจไปรอบๆ รอยของต้นหญ้าที่หักลู่เหมือนมีอะไรเดินผ่านทำให้เขาเดินตามรอยนั้นไปเรื่อยๆอย่างระมัดระวัง ทั้งบนต้นไม้และรอบๆตัว ไม่มีร่องรอยของมนุษย์แต่เขาพบรอยเท้าของกวางฝูงหนึ่งคาดว่าจะเป็นตัวผู้และตัวเมียกับลูกบ่ายหน้าไปทางเหนือ..ร็อบคงตาลายเพราะความหิวจึงเห็นกวางเป็นมนุษย์ไปได้แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีหากว่าพวกเขาจะตามรอยกวางฝูงนี้ไปเพราะถ้าเจอสัตว์ใหญ่แน่นอนว่า พวกมันจะต้องพาเขาไปยังแหล่งน้ำได้อย่างแน่นอน

จิมมี่ไม่ได้พูดถึงเรื่องรีอบตาฝาดเห็นกวางเป็นคนเพราะดูเหมือนร็อบเองก็ไม่พูดถึงอีกพอทุกคนกินอิ่มพอที่จะมีกำลังต่างก็เก็บผลไม้บางส่วนเท่าที่จะขนไปไหวใส่เป้ออกเดินทางต่อตามเส้นทางที่จิมมี่เป็นคนนำไป

สิ่งที่จิมมี่คาดการณ์ไว้ไม่ผิดอะไรนักเพราะหลังจากเดินข้ามทุ่งหญ้าขนกว้างใหญ่สุดลูกตาทั้งหมดก็ได้ยินเสียงน้ำต้นซัดซ่าอยู่ไกลๆต่างมองหน้ากันมีสีหน้าเต็มไปด้วยความหวังขาที่อ่อนล้าดูเหมือนจะมีกำลังวังชาเพิ่มขึ้น เมื่อความหวังรออยู่ข้างหน้าทั้งหมดก็คลายความกังวลไปได้เยอะ

“น้ำตก..มันไม่มีในแผนที่นี้เลยนะ”จิมมี่หารือกับทั้งสองคน

“เราหลงทางหรือ..”

“ไม่ใช่หรอก..ถึงหลงทางเราก็กลับเข้าเส้นทางได้แต่ในแผนที่ไม่มีน้ำตกเส้นทางที่เราจะเดินไปคือภูเขารูปหมีข้ามป่าตรงนี้จะถึงจุดที่คณะของพ่อหายไป”จิมมี่อธิบาย

“พี่กำลังจะบอกอะไร..”

“ดินแดนแถวนี้มีอะไรแปลกๆเราต้องระวังตัวให้ดี..อย่างเมื่อกี้พี่ไม่ได้เล่าให้นายฟังตอนที่เราข้ามธารแห้ง นายบอกว่าเห็นคนสองสามคนใช่ไหม” ร็อบพยักหน้าเหมือนนึกได้

“ขณะที่พวกเราเก็บผลไม้อยู่พี่แกะรอยไปเรื่อยๆนึกว่าจะเป็นร่องรอยของคน แต่มันไม่ใช่”

“ไม่ใช่คนแล้วอะไร”

“กวางฝูงหนึ่ง..” ร็อบนิ่งอึ้งกวางกับคนลักษณะมันก็ต่างกันไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะมองผิดไปได้ขนาดนั้น

“ผมคงต้องไปตัดแว่นตาใส่แล้ว” ร็อบพูดติดตลกเขาไม่ได้นึกถึงภูตผีแต่ความน่ากลัวลึกๆในเดินแดนลี้ลับทำให้เขารู้สึกใจสั่นอยู่เหมือนกัน จิมมี่ไม่แสดงกิริยาหวั่นเกรงเขามีความกล้าหาญเต็มเปี่ยมที่ตัดสินใจบอกกล่าวเพราะเขาคงรับมือไม่ไหวหากเกิดอะไรขึ้นทุกคนต้องรับรู้สังเกตอาการของกันและกันจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที

“คุณจิมมี่คิดว่าเราจะเจออะไรหรือครับ”

“คงไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าสัตว์ร้ายหรอกครับลุงแต่ผมคิดว่ามันก็แปลกๆดีที่น้ำตกเสียงดังขนาดนี้คนทำแผนที่จะต้องเห็นเพราะมันห่างจากธารแห้งที่เราผ่านกันมาไม่ไกลเลย”

“มันอาจจะอยู่ไกลเกินกว่าที่คนทำแผนที่จะได้ยินนะพี่พวกเราก็เดินกันมาไกลนะกว่าจะได้ยินเสียงน้ำตก”

“หรือไม่ก็มันไม่เคยมีน้ำตกอยู่แถวนี้เลย..” ร็อบนิ่งมองหน้าพี่ชายซึ่งกำลังกวาดตาสำรวจภูมิประเทศไปรอบๆ

“แล้วเสียงที่เราได้ยินมันคืออะไรกัน”

“เราต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่เราได้ยินคือเสียงอะไร”จิมมี่ออกเดิน ร็อบหันมาพยักหน้ากับลุงทิมซึ่งยืนฟังเงียบๆเป็นผู้ตามที่ดี

ทั้งหมดเดินลึกเข้าสู่ป่าทึบอีกครั้งเสียงน้ำตกยังคงได้ยินอย่างชัดเจนร่อยรอยความชุ่มชื่นอันเป็นลักษณะของภูมิประเทศใกล้แหล่งน้ำปรากฏเด่นชัดพื้นดินที่ปกคลุมด้วยวัชพีชซึ่งมักจะขึ้นงอกงามใกล้แหล่งน้ำแทงยอดออกใบเขียวขจีธารน้ำเล็กๆปรากฏให้เห็นจิมมี่ไม่กล่าวอะไรเมื่อหันมามองลูกทีมซึ่งเดินตามกันมาและออกเดินทวนลำธารเล็กๆขึ้นไปเพื่อค้นหาต้นน้ำซึ่งน่าจะอยู่ไม่ไกล

ลำธารสายใหญ่ปรากฏให้เห็น น้ำตกที่ได้ยินเสียงดังนั้นก็เป็นแค่สายเล็กๆซึ่งไม่ได้สูงอะไรมากนัก เหนือขึ้นไปนั้นจะเป็นอะไรจิมมี่ไม่คิดจะดั้นด้นตามขึ้นไปหาเพราะไม่เห็นความจำเป็นอันใดเท่าที่มองเห็นนอกจากป่าที่อยู่เหนือน้ำตกนั้นก็คือหน้าผาใหญ่กั้นขวาง อนุมานได้ว่าน้ำตกอาจจะใหลมาจากซอกหินหรือมีตาน้ำผุดอยู่ข้างบนนั่น..ตอนนี้คณะของเขามีเสบียงซึ่งคือผลไม้น้ำก็มีเพียงพอแล้ว ส่วนอาหารเพิ่มเติมน่าจะพอมีปลาอยู่ในลำธารตอนใดตอนหนึ่ง มีพืชหัวบางชนิดที่พอจะกินได้คืนนี้จำเป็นต้องหาที่พักเอาแถวนี้ พรุ่งนี้ค่อยตัดเข้าเส้นทางเดิม

หลังจากที่ทุกคนดื่มน้ำจากลำธารแล้วก็บรรจุใส่ภาชนะของตนเองเรียบร้อยจิมมี่พาเดินลัดเลาะไปยังปลายลำธารซึ่งเป็นลานกว้างและเหมาะสำหรับตั้งค่ายพักแรมในคืนนี้

มนุษย์ผู้หลงเข้ามาในดินแดนลึกลับนับแต่ย่างกรายเข้ามาในเขตน้ำตกไม่สำเนียกถึงอันตรายที่จ้องมองอยู่อย่างหิวกระหาย..



---------------------------------

Smiley เรื่องนี้น่าจะมีมนุษย์อยู่นิดหน่อยว่ามะ นอกนั้นเป็นสัตว์ประหลาด คิคิ เขียนไปก็สนุกไปนะเนี่ย ดูมันฟุ้งๆดีจริงๆ 

Smiley ลอจี..ถ้าทุกท่านจำได้คือชื่อที่เอ่ยขึ้นลอยๆที่เผ่าแมนซา นางจะเกี่ยวโยงอย่างไรกับแก๊งค์หมาป่าวุ่นวายพวกนี้เดี๋ยวคงได้รู้กันในอีกไม่ช้า..

       สงสัยว่ากระผมต้องไปดูซีรีย์แนวหวานๆไว้บ้าง ฉากพระนางจีบกันรักกันนี่ นึกไม่ค่อยออก เดี๋ยวจะมาเฉลย แม่เฒ่าลอจีในตอนต่อไป


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันครับ






Create Date : 19 สิงหาคม 2558
Last Update : 19 สิงหาคม 2558 16:26:20 น.
Counter : 723 Pageviews.

0 comment
Wolf True Blood ตอนที่ 13 ผู้หญิง

ตอนที่ 13 ผู้หญิง

เหมือนว่าหญิงสาวขี้วีนจะรู้ตัวว่าออกฤทธิ์มากไปน้ำเสียงที่เอ่ยต่อมาจึงอ่อนอ่อย “คือฉันแค่จะล้างตัว คุณช่วยหันไปหน่อยเถอะนะ..”

ชายหนุ่มเม้มปากแต่เมื่อดูดวงหน้าที่อ่อนละมุนก็ใจอ่อนยอมหันหลังโดยดีความเงียบของป่าชวนให้จินตนาการต่อเพียงแค่ได้ยินเสียงเสื้อคลุมที่ปกปิดร่างบางซึ่งยืนต่อปากต่อคำกับเขาเมื่อกี้เสียงแวกว่ายในน้ำเบาๆเหมือนคนอ่อนแรง และเงียบไป

แค่ล้างทรายออกจากตัวทำไมถึงได้ช้าอย่างนั้น“นี่แม่คุณ ผมไม่ใช่ยามเฝ้าคุณอาบน้ำหรอกนะ เสร็จหรือยังหรือจะขัดสีฉวีวรรณอีกรอบผมจะได้กลับไปก่อน” เขาหยุดเงี่ยหูฟังได้ยินเพียงเสียงน้ำตกเสียงน้ำกระเพื่อมเบาๆอ่อนแรงเสียงพรายน้ำคล้ายวัตถุหนักจม ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันเงียบผิดปกติยัยนั่นเล่นเกมส์อะไรกับเขาอีก

“นี่..คุณหนูฟรีเซียเรียบร้อยหรือยัง”ไคล์ลองถามอีกรอบหูก็เงี่ยฟังดูความเคลื่อนไหวเบื้องหลังไม่ได้ยินเสียงขานรับกลับได้ยินเสียงน้ำผุดวงใหญ่มันต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นสักอย่าง ยัยเด็กนั่นจมน้ำตายไปหรือ ชายหนุ่มถอนหายใจตัดสินใจหันกลับไปมองยังแอ่งน้ำซึ่งมีก้อนหินใหญ่บังอยู่แต่ก็ทันมองเห็นร่างหนาของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกดร่างเล็กๆจมอยู่ในน้ำชายหนุ่มพุ่งตัวคว้าหัวไหล่เปลือยเปล่าเหวี่ยงกระเด็นตกน้ำไปไกลรีบคว้าร่างอ่อนปวกเปียกของฟรีเซียขึ้น หญิงสาวอ้าปากสูดอากาศเสียงดัง เขาปล่อยให้เธอเกาะก้อนหินสำลักน้ำกระอักกระไอเมื่อมองเห็นนางเสือดาวซึ่งเขายิงสลบไปเมื่อก่อนหน้ากระโจนเข้าใส่เขาชักปืนพกยิงสวนออกไป และวิ่งเลาะขอบอ่างยิงออกไปอีกหลายนัดและมันมีถึงสองตัวผัวเมีย นางเสือดาวซึ่งแปลงร่างไม่สมบูรณ์แม้จะมีร่างกายเป็นมนุษย์ หัวอันใหญ่โตยังเป็นเสือดาวผิวหนังที่ห่อหุ้มยังมีลายเสือดาวเต็มทั้งร่างเบื้องล่างมีผ้าพันปกปิดร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ริมฝีปากที่สะแหยะอ้าสีแดงจัด กรงเล็บกางขู่แฟ่นางเสือดาวกับคู่ถูกเขายิงบาดเจ็บวิ่งหลบลับหายไปในป่าลึกชายหนุ่มย้อนกลับมายังแอ่งน้ำ ก็พบร่างเปลือยเปล่านอนพาดอยู่บนก้อนหินอาการขยับเขยื้อนได้อย่างเชื่องช้า

“ฟรีเซีย..ไหวหรือเปล่า” ชายหนุ่มนั่งชันเข่าอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าขาวซีดของฟรีเซียริมฝีปากขยับเขยื้อนแทบจะไม่เป็นคำเธอเหมือนกำลังเป็นอัมพาต

“กรงเล็บ..มี..พิษ..”หญิงสาวบอก เธอขยับตัวไม่ได้เลยไหล่เปลือยข้างหนึ่งของฟรีเซียมีรอยครูดจากกรงเล็บของสัตว์เป็นรอยสีดำเลือดที่ซึมเป็นยางบอนมีสีดำเป็นมัน

ไคล์ไม่มีเวลาที่จะรักษามารยาทอ้อมแขนแข็งแรงช้อนร่างเปลือยเปล่าขึ้นจากแอ่งน้ำเขาวางเธอลงบนพื้นหญ้าหญิงสาวครางแผ่วเบา พิษจากกรงเล็บของเสือดาวกำลังแผ่ซ่านไปทั้งร่างไคล์ถอดเสื้อคลุมร่างเปลือยที่เห็นเต็มตาว่าสวยงามราวกับปั้นเขาก็เป็นผู้ชายธรรมดา แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาหื่น ฟรีเซียกำลังจะแข็งไปทั้งตัวเขาต้องช่วยเธอก่อน

ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาสมุนไพรที่ช่วยระงับพิษเบื้องต้นซึ่งมักจะขึ้นอยู่แถวๆริมน้ำ เขาต้องหาให้ถูกชนิดถ้าผิดไปนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังจะทำให้รักษายากขึ้นไปอีกการเรียนหลักสูตรระยะสั้นของเขาเป็นประโยชน์ก็ตอนนี้เองขายาวๆก้าวเข้าไปยังดงพืชพรรณซึ่งขึ้นหนาทึบ สมุนไพรตัวที่ว่าไม่ใช่ฤดูที่จะออกดอกมันทำให้เขาต้องระมัดระวังเด็ดใบนั้นใบนี้มาดม เคี้ยวเทียบเคียงใบเหมือนกันแต่สรรพคุณต่างกัน เขาใช้เวลาค้นหาอยู่พักใหญ่ก็มั่นใจว่า พืชใบเรียวเล็กสีเขียวลื่นเป็นมันชายหนุ่มเด็ดมากำมือหนึ่ง

ต่อมาต้องคั้นน้ำให้ผู้ป่วยกินกากใยที่เหลือพอกปิดเพื่อดูดพิษ ปัญหาคือไม่มีอุปกรณ์คั้นน้ำนอกจากใช้วิธีพื้นฐานชายหนุ่มยิ้มกริ่มถึงตาเขามั่งล่ะแม่นางฟ้าคนสวย

ขายหนุ่มกลับมานั่งชันเข่าข้างๆหญิงสาวซึ่งนอนตาปริบๆริมฝีปากสีชมพูซีดเผยอค้างขยับไม่ได้ ได้แต่ครางอือกับลูกตาที่กรอกไปมาเมื่อรู้ว่าไคล์กำลังช่วยเธอแบบไหน ชายหนุ่มยักคิ้วจ้องตางามซึ่งมีอาการแหยงๆเหมือนเด็กไม่อยากกินยาเขาค่อยๆเคี้ยวสมุนไพรทีละใบๆจนแก้มตุ่ยไปข้างหนึ่งรสชาติฝาดเฝื่อนแต่เมื่อปนกับน้ำลายในปากกลับมีรสหวานนิดๆและมีกลิ่นหอมคล้ายมิ้นต์

ชายหนุ่มช้อนหลังให้เธอพิงอกกว้างหญิงสาวอึกอักกรอกดวงตาไปมาเป็นกิริยาที่ขัดขืนริมฝีปากที่เผยอค้างตามอาการของคนถูกพิษไม่อาจจะหุบปาเพื่อขัดขวางการป้อนยาปากต่อปากที่ชายหนุ่มกำลังจะทำให้เธออยู่ตอนนี้ ดวงตางามจับจ้องที่ดวงตาวาวหวานของเจ้าชายรูปงามมือเรียวแข็งแรงประคองแก้ม รีมฝีปากสีสดปัดเบาๆที่ริมฝีปากของเธอก่อนจะประทับแน่นหญิงสาวอึกอักในลำคอเมื่อของเหลวใหลผ่านเข้าสู่ลำคอ รสชาตมันพิลึกอยู่แล้วแต่ความรู้สึกที่ถูกป้อนยาแบบนี้มันช่างดีอย่างเหลือเชื่อ ริมฝีปากอบอุ่นคลอเคลียปากของเธอพยายามให้เธอได้รับยามากที่สุดความจริงแล้วรู้สึกไม่นานเลยกับยาแค่ไม่กี่อึกแต่ทำไมเธอเหมือนรู้สึกเนิ่นนานเหลือเกิน จนอยากหยุดเวลาไม่อยากให้เขาผละจากไปในตอนนี้เลยหญิงสาวพยายามบังคับตัวเองอย่างยิ่งไม่ให้เผลอตัว ตามริมฝีปากที่เพิ่งผละออกห่าง

“เหลือพอกแผลเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”ไคล์ตวัดร่างน้อยแนบอก เพื่อจะได้คายเศษใบไม้ในปากพอกที่บาดแผลร่างนุ่มนิ่มแนบสนิทกับแผ่นอกที่มีเสื้อยืดบางๆสวมอยู่ ความรู้สึกวาบหวามกำซาบในจิตใจฟรีเซียไม่มีเรี่ยวแรงขยับตัวเองเธอเหมือนตุ๊กตาตัวนิ่มที่ไม่ว่าเขาจะจับให้อยู่ท่าไหนก็ตามแต่เขาต้องการเลย

ไคล์นั่งพิงก้อนหินเหยียดขาตามสบายในอ้อมแขนมีร่างขาวผ่องนอนซบอกในท่าที่เขาจัดให้คิดว่าเธอจะสบายที่สุดทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงเสื้อแจ๊กเก็ตของเขาคลุมเอาไว้หญิงสาวขัดเขินแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นึกสาปแช่งนางเสือดาวที่อุตส่าห์ใจดี ต่อว่าไคล์ไม่ให้ทำร้ายใครจะนึกว่ามันเจ้าเล่ห์เกินกว่าจะคิด เล่นทีเผลอลอบทำร้ายกันได้ ดวงตางามเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมคายลมหายใจสม่ำเสมอ เขามองไปข้างหน้าคอยระแวดระวัง นอกจากตัวเขาที่อุทิศให้เธอนอนพักแล้วก็ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่แตะต้องตัวเธอเลยความอับอายขัดเขินที่ต่อว่าเมื่อนึกว่าเขาคงแอบมองเธออาบน้ำทำให้เธอพูดจาดูหมิ่นเขาออกไป แต่เมื่อเหตุการณ์ต่อๆมาเหมือนกับหักหน้าเธอดวงตางามสลดลง หัวใจเต้นแรงจนเขารู้สึก ดวงตาอ่อนโยนก้มลงมอง

“รู้สึกอย่างไรบ้างพอจะขยับตัวได้บ้างไหม” หญิงสาวกระพริบตาปริบๆมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้เสียงครางอือๆในคอเป็นคำตอบ

“มันมีอยู่อีกวิธี..”ไคล์จ้องหน้าเธอเชิงปรึกษา“ผมต้องนวดกล้ามเนื้อคุณจะได้ช่วยให้อาการตัวแข็งหายเร็วขึ้น..คุณจะว่าไง..ถ้านอนนิ่งๆแบบนี้ก็คงอีกหลายชั่วโมงนี่ก็จวนได้เวลานัดหมายเดินทางกลับกันแล้ว” ไคล์ยกข้อมือดูเวลา

หญิงสาวเม้มปากจริงอย่างเขาพูดทุกอย่างตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าเธอจะขยับริมฝีปากได้ไม่ต้องนึกถึงแขนขาเลย สมองสั่งงานไม่ได้สักนิด แค่จะกระดิกนิ้วยังลำบากแต่จะให้เขาแตะต้องอย่างที่เขาบอกแม้จะเป็นการช่วยเหลือมันก็ไม่ค่อยจะเหมาะจะควร เธอไม่ได้รีบอะไรแถบนี้เธอก็มาบ่อยคนในหมู่บ้านก็รู้จักเธอดี คุณหนูตระกูลเรเวนน้องสาวคนเดียวของจ่าฝูงจะมีใครหาญกล้ามาทำอันตรายอะไรเธอได้ อ้อไม่นับเสือดาวลอบกัดนั่นหรอกนะ

“คุณทิ้งฉันไว้ที่นี่เถอะอีกไม่กี่ชั่วโมงคงจะดีขึ้น” ใบหน้างามแหงนเงยในท่าที่เย้ายวนโดยไม่ตั้งใจไคล์หายใจสะดุด นี่เจ้าหล่อนคิดอะไรเยอะไปหรือเปล่าจะรู้ตัวไหมว่าไอ้ท่านี้น่ะจะโดนปล้ำไม่รู้ตัว

“อยากให้ผมไปจริงๆหรือแค่..งอนอะไรผมอยู่” หญิงสาวกัดริมฝีปากล่าง ดวงตาตัดพ้อยิ่งทำให้คนมองใจอ่อนยวบแทบอยากกอดปลอบขวัญแต่ก็ทำได้แค่เมินหน้าหนีเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกที่หวั่นไหว

นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวก้มหน้าหลับตารู้สึกอึดอัดเธอก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันทำไมจะต้องไปชอบคนที่ทำท่าเหมือนรำคาญเธออย่างนั้นด้วย

“ฉันไม่ได้หมายความตามที่คุณพูดถ้าจะกรุณาไปตามคนที่หมู่บ้านมาที่นี่มีเพียงเท่านี้ที่ฉันรบกวนคุณ..อย่าให้ฉันเป็นตัวถ่วงคุณให้ห่างจากแฟนของคุณเลย”

“อย่าอวดดีหน่อยเลยน่าจุดนี้มันไกลจากหมู่บ้านมากย้อนไปย้อนมาทำไมให้ลำบาก”ไคล์ทำเสียงดุใส่จนเธอหน้าม่อย เขาถอนใจหงุดหงิด ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับยัยนี่ล่ะขายาวเดินไปยังโขดหิน หญิงสาวเอียงตัวพิงก้อนหินในท่าเดิมถอนใจเหนื่อยอ่อนเธอขยับตัวไม่ได้เขาจัดให้นั่งอยู่ท่าไหนก็ท่านั้นเธอมองเขาลับหายไปคงจะรำคาญเธอจริงๆแล้วซินั่น ก็ดีไปๆซะหญิงสาวเชิดหน้าพยายามรวมรวมสมาธิเพื่อจะขยับตัวให้ได้เร็วขึ้นจนสามารถขยับไหล่ได้ตามด้วยแขนทั้งสองข้างที่เริ่มมีเรี่ยวแรงแม้จะยังดูอ่อนแรงแต่เธอก็สามารถใช้มือซึ่งยังแข็งทื่อกดเสื้อของไคล์ที่ยังคลุมตัวอยู่ไม่ให้หลุดจากอกเธอหอบหายใจแรงๆ ใช้พลังมากเหลือเกินเธอมองขาเรียวซึ่งเหยียดยาวเหมือนท่อนไม้แข็งๆ

“ขยับตัวได้บ้างแล้วนี่นา..เก่งจังแฮะ”เสียงทุ้มพูดเบาๆอยู่เบื้องหลังหญิงสาวถึงกับสะดุ้งตระครุบเสื้อซึ่งเลื่อนหลุดไว้หมิ่นแต่กระนั้นก็เผยรูปทรงที่งดงามเกือบครึ่งไคล์ยิ้มกว้างดวงตาของเขาไม่ได้มองต่ำไปกว่าดวงหน้าของเธอมือเรียวขยับเสื้อขึ้นและยกมือเธอกดแนบเอาไว้

“พอจะใส่เสื้อผ้าเองได้ไหมเราต้องกลับเข้าหมู่บ้านด้วยกัน”ไคล์วางเสื้อผ้าไว้ข้างๆหญิงสาวเพื่อที่เธอจะได้แต่งตัว ร่างสูงเดินห่างออกไปไม่รอคำตอบ เธอมองแผ่นหลังกว้างอยู่ครู่จึงค่อยๆหยิบเสื้อผ้าหน้าร้อนผ่าว เขาหยิบมาทุกชิ้นก็ต้องเห็นทุกชิ้นที่เธอต้องสวมหญิงสาวไม่มีเวลาจะเขินอายแต่ก็มาติดปัญหาตรงชิ้นบนซึ่งต้องติดตะขอด้านหลัง

เธอชั่งใจอยู่สักครู่จึงเอ่ยเรียกเขาเบาๆ

“ช่วยฉันได้ไหมคะ” ไคล์ค่อยๆหันมาสับมาช้าๆคิ้วเข้มเลิกขึ้นเชิงถาม “ฉันติดตะขอเสื้อไม่ได้คุณช่วยหน่อยได้ไหมคะ”เธอกัดริมฝีปากเมื่อพูดจบในใจก็หงุดหงิดกับสีหน้าเบื่อหน่ายรำคาญของเขาเหลือเกินชายหนุ่มลังเลอยู่นิดๆก่อนจะเดินอ้อมมาด้านหลังหญิงสาวเขาไม่เข้าใจทำไมผู้หญิงจะต้องใส่อะไรเยอะแยะรุงรังยุ่งยากอย่างไอ้ตะขอเสื้อผ้าลูกไม้บางๆนี้ด้วย

“เสร็จแล้ว..จะให้ช่วยอะไรอีกไหม”เสียงติดห้วนจากอารมณ์หงุดหงิดที่ไม่คิดจะปิด

“ช่วยหันหลังอีกครั้งเถอะฉันจะสวมเสื้อ..”เธอรีบบอกสีหน้าหงุดหงิดไม่แพ้เขาเช่นกัน

ครั้งนี้ไคล์หันหลังให้ก่อนที่เธอจะพูดจบฟรีเซียแลบลิ้นใส่แผ่นหลังชายหนุ่มด้วยความหมั่นใส้ ปัญหาต่อมาคือเธอจะกลับไปพร้อมเขายังไงอย่าบอกนะว่าเจ้าชายขี้โมโหคนนี้จะแบกเธอกลับเข้าหมู่บ้าน..

หญิงสาวหน้าเหวอเมื่อชายหนุ่มคว้าแขนอ้อมบ่าแข็งแรงแรงเหวี่ยงทำให้เธอซ้อนหลังเขาง่ายดายชายหนุ่มหันมามองใบหน้าเล็กๆซับสีจัดกว่าปกติ ยิ้มมุมปากเยาะๆขายาวๆก้าวเดินปีนป่ายไปตามก้อนหินสบายๆเหมือนไม่ได้แบกอะไรมาด้วยเลย

“นี่..คุณไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะ”หญิงสาวแย้ง

“ทำไมจะให้ทิ้งคุณไว้ตรงนี้นะหรือ”

“ใช่..ฉันไม่รีบ”

“อยู่เฉยๆจะดีกว่านะผมตัดสินใจเองว่าควรทำสิ่งใด ไม่ควรทำสิ่งใด”

“ออกคำสั่งจนเคยตัวซินะ”

“คุณนี่พูดจาไม่น่ารักเลยนะ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ” หญิงสาวเสียงขุ่น

“ไม่เกี่ยวกับผมหรอก..”ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ในใจนึกตำหนิแม่สาวน่ารักคนนี้ช่างพูดจาได้น่าหวดก้นดีแท้

“ปล่อยฉันไว้ที่นี่..คุณกลับไปได้เลยไม่ต้องช่วยแล้วถ้าจะล้ำเส้นกันอย่างนี้”สาวเอาแต่ใจดิ้นรนจะลงจากหลังเขาเธอขยับตัวได้มากขึ้นเหลือช่วงเอวลงไปที่ยังค้างแข็งขยับไม่ได้

“นี่แม่คุณ..ผมไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอกอย่าเข้าใจผิดนักเลย”ชายหนุ่มขึ้นเสียงดุใส่ซึ่งได้ผลพอควรทำให้เด็กเอาแต่ใจหยุดดิ้นไปได้ “อดทนอยู่บนหลังผมไปสักพักดีๆเถอะ” เขาตัดบทรำคาญๆ

“ก็ได้..ฉันติดหนี้คุณก็แล้วกัน”หญิงสาวสะบัดเสียงงอนๆ

“พูดเองนะ..แล้วผมจะเอาคืน”ชายหนุ่มหัวเราะ เขาไม่อยากทะเลาะกับผู้หญิงด้วยเรื่องไร้สาระยัยเด็กคนนี้คงถูกตามใจจนเคยตัว อยากทำอะไรก็บ้าระห่ำไม่ระวังตัวจนถูกลอบทำร้ายนี่ถ้าเขาไม่บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ไคล์ถอนใจมนุษย์แปลงที่เป็นหญิงจะเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าเขาขี้เกียจเดาไม่อยากเปรียบเทียบกับผู้หญิงอีกคนซึ่งเขาบอกกับตัวเองว่าต้องระวังตัวให้มากเหมือนกัน



-------------

Smileyขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ ...กราบ...



Create Date : 27 กรกฎาคม 2558
Last Update : 27 กรกฎาคม 2558 16:13:13 น.
Counter : 416 Pageviews.

0 comment
Wolf True Blood ตอนที่ 12 ปะทะคารม




ตอนที่ 12 : ปะทะคารม

ยามค่ำคืนลานแข่งรถกลายเป็นลานแสดงดนตรีแสงสีเสียงตระการตาหนุ่มสาวต่างสนุกสนานไปกับการแสดงดนตรีที่ชื่นชอบ กลุ่มนักแข่งอยู่ในส่วนที่จัดไว้เฉพาะนอกจากจะเป็นการฉลองสำหรับชัยชนะในแต่ละรุ่นรางวัลที่เดิมพันก็จัดการส่งมอบกันที่นี่ ซึ่งก็มีทั้งเดิมพันด้วยผู้หญิง รถและทรัพย์สินอื่นๆ แล้วแต่จะตกลงซึ่งเป็นการยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายสมาชิกที่รวมกลุ่มมาแข่งขันรู้กันดี และถือเป็นเรื่องปกติ

บริเวณหน้าผาเหนืออ่าวท่าเรือเป็นที่รวมกลุ่มของคนหลากหลายดินแดนเสรีที่ทุกคนถ้าไม่แกร่งพอก็อย่าได้หาญกล้ามาที่นี่ ถิ่นที่ค่อนข้างเถื่อนๆไม่มีเจ้าหน้าที่เมืองไหนเข้ามายุ่ง ถ้ามีเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ วิสโก้ก็จะเป็นคนจัดการเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้ทำการตกลงกติกาแข่งขันตัดสินกันเองโดยให้สมาชิกทั้งหมดช่วยกันเป็นพยาน เมื่อตัดสินกันได้แล้วหากยังไม่พอใจก็มาแก้มือกันใหม่ในวันหน้าได้ถึงจะเป็นเมืองที่ดูไม่มีกฎอะไรเข้มแข็ง การแข่งขันก็ไม่เคยเอากันตายถึงชีวิตเรื่องแบบนี้สืบทอดกันมาเนิ่นนาน และทุกคนก็ถือปฏิบัติตามกฎนี้มาตลอดแต่ทว่าวิสโก้ก็ไม่ใช่เจ้าของท่าเรือนี้ทุกคนปกครองตนเองวิสโก้เองก็ต้องทำมาหากินเหมือนกับทุกคน มีแค่ความยำเกรงกันเท่านั้นเพราะทุกคนรู้ดีว่า เซย์คือเจ้าของท่าเรือการค้าขายส่วนใหญ่ส่งไปที่ผาทิวสนซึ่งรับซื้อด้วยราคาที่สูงกว่าที่อื่นการเป็นอยู่ของเขตท่าเรือจึงหรูหราและฟุ่มเฟือย

บาร์ชิคเก้น เป็นที่เดียวที่นั่งดื่มกิน เต้นรำมีครบหมดผู้คนเดินเข้าเดินออกผลัดกันออกมาสูดอากาศข้างนอก อากาศยามค่ำคืนค่อนข้างเย็นถังน้ำมันเก่าถูกนำมาใช้จุดไฟเพื่อให้ไออุ่น ลานข้างนอกมีรถยนต์ จอดอยู่เต็ม ที่พักก็ถูกจับจองเต็มจนหมดพวกที่ไม่มีที่พัก ก็จัดหาที่กางเต้นท์เป็นกลุ่ม ล้อมวงรอบกองไฟเหล้ายาก็มีพรักพร้อม ค่ำคืนที่สว่างไสวด้วยแสงสปอร์ตไลท์จากเวทีดนตรีแสงสีที่ประดับประดาตามร้านรวงซึ่งช่วยกันตกแต่งอย่างสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวเหล่านี้

กลุ่มของไคล์นั่งอยู่ด้านในสุดของบาร์ชิคเก้น เป็นจุดที่ค่อนข้างเด่นเจ้าถิ่นอย่างอลิเซียเป็นคนจัดการทั้งหมดหนุ่มสาวหลายคนกำลังเต้นรำกันอย่างสนุกตามจังหวะเสียงดนตรีจากวงดนตรีที่ขับร้องอย่างไพเราะนักดนตรีที่เอนเตอร์เทนนักเที่ยวได้อย่างเยี่ยมยอด ทำให้บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงตะโกนกระเซ้าเย้าแหย่ระหว่างนักดนตรีกับนักเที่ยวซึ่งเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันสลับกับเสียงเพลงที่แต่ละคนตะโกนขอกันขึ้นไป รวมทั้งการละเล่นที่ให้สาวๆแต่ละโต๊ะขึ้นมาแบทเทิ่ลเต้นรำกันเรียกเสียงเชียรกระหี่มไปทั้งห้อง

“จบเพลงนี้รอบที่สองก็จะเริ่มขึ้นแล้ว..รางวัลในรอบนี้เป็นเหล้าอย่างดีที่ทางร้านเก็บงุบหงิบไว้ตั้งแต่ปีก่อน สาวโต๊ะไหนชนะรับขวดนี้ไปเลยครับ”เสียงประกาศจากนักร้องร่างกำยำสักลายเท่ๆเต็มตัว เอ่ยชักชวน สาวๆแต่ละโต๊ะ เรียกเสียงเฮอีกครั้ง เสียงเพลงได้บรรเลงขึ้น และหยุดลงเมื่อนักร้องหนุ่มให้สัญญาณ พร้อมกับพูดออกไมค์เสียงชัดเจนทักทายใครคนหนึ่งซึ่งคงเป็นจุดสนใจอย่างยิ่ง

ประตูทางเข้าปรากฏร่างของหญิงสาวซึ่งเป็นจุดเด่นเมื่อตอนกลางวัน สายตาของหนุ่มๆในร้านต่างพุ่งไปยังเธอคนนั้นแม้แต่ไคล์เองซึ่งกำลังฟังอลิเซียเล่าถึงเรื่องราวสนุกๆก็ต้องมองตามคนอื่นๆด้วย

“ยินดีต้อนรับคุณหนูทั้งสามเข้าสู่ความบันเทิงอภิมหามันส์..ว่าแต่ค่ำนี้คุณหนูทั้งสามจะให้เกรียรติร่วมสนุกกับพวกเราหรือไม่ จบเพลงนี้แล้วได้รู้กัน “นักร้องผู้เต็มไปด้วยเสน่ห์มัดใจสาวน้อยสาวใหญ่หันไปให้สัญญาณเริ่มเล่นดนตรี

สาวสวยทั้งสามซึ่งอยู่ในชุดเรียบง่ายแต่อวดสัดส่วนของวัยสาวสะพรั่งได้อย่างละลานตาสายตาชายหนุ่มกวาดมองด้วยความรู้สึกเต็มไปด้วยความรู้สึกปรารถนาส่วนหญิงสาวมองพวกเธอด้วยสายตาชื่นชมระคนอิจฉา

หญิงสาวทั้งสามขยับตัวกลมกลืนไปกับเหล่าหนุ่มสาวทั้งยังทักทายกลับอย่างมีไมตรีไม่ถือตัวแต่อย่างใด ดวงตางดงามของสาวน้อยแสนสวยที่ไคล์จดจำได้ติดตากวาดมาสบตากับเขาดวงตางามเปล่งประกายจนเขายิ้มมุมปากบางๆ แต่เธอก็แค่มองผ่านไปไม่มีอะไรพิเศษ

ฟรีเซียใจเต้นแทบจะโลดออกมานอกอกเมื่อสายตาแลสบกันเธอตั้งใจกวาดตามองหาเขาแรงดึงดูดส่งพลังให้เธอทำเช่นนั้นแม้ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ แต่เธอเห็นเขาโดยง่ายเจ้าชายผู้สง่างามเหมือนมีออร่ากระจายอยู่รอบๆตัว ความดีใจมีอยู่ชั่วครู่เมื่อสายตาอีกคู่จ้องกลับมาราวกับจะเผาให้มอดไหมเป็นจุณเดี๋ยวนั้น

เจ้าชายของเธอ..ไม่ซิเขายังไม่รู้จักเธอนี่นาเขาเป็นแฟนกับอลิเซียตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..

สามสาวเดินมานั่งที่โต๊ะ รอย และ ไซรัส แฟนหนุ่มของไอโกะและซอนย่าร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เครื่องดื่มดีกรีแรงพอประมาณสำหรับหญิงสาวความผ่าวร้อนลวกผ่านลำคอลงไปสู่กระเพาะอันว่างเปล่าฟรีเซียตาโตเมื่อรับรู้ถึงความผ่าวร้อนนั้นแล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะคิกกับความรีบร้อนของตัวเอง

“แหม..เริ่มร้อนแรงแต่เริ่มต้นกันทีเดียว”หญิงสาวตอบเก้อๆ เมื่อทั้งโต๊ะหัวเราะกับกิริยาของเธอ

หางตาชำเลืองแลไปที่โต๊ะเยื้องกันชายหนุ่มรูปงามข้างกายมีสาวโสภานั่งอิงแอบแนบชิดท่าทางสนิดสนม หัวใจรู้สึกแปลกๆ

และไคล์ก็มองมาที่เธอพอดีสายตาของทั้งสองคนสบกันราวกับนัดกันไว้หนุ่มผู้งดงามยิ้มมุมปากให้เธอราวกับหยั่งเชิง ฟรีเซียยิ้มกลับในแบบเดียวกันตางามตวัดหางตาหวานโปรยเสน่ห์เส้นผมยาวหยักเป็นคลื่นสวยสะบัดพลิ้วกิริยาที่ไม่กี่คนที่ทำได้งดงามและทรงเสน่ห์

อยากรู้จักนางฟ้าที่เคี้ยวดอกอะไรสักอย่างช่วยเหลือเขาในการแปลงร่างที่หมดท่าน่าอับอายที่สุดครั้งหนึ่งกลิ่นสมุนไพรยังหอมอวลริมฝีปากอิ่มสีสดขยับไปมาขณะพูดคุยกับเพื่อนของหล่อนน่ามองไปเสียหมด

สาวๆออกไปเต้นรำแข่งขันเอารางวัลที่ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรเหล้าถูกๆ หรือไม่ก็น้ำมันเครื่องสักกระป๋อง บุหรี่กล่องหนึ่งแล้วแต่ความบ้าของนักร้องคนนั้นจะตั้งขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานของแขกที่มาเที่ยว มันก็สนุกจริงๆนั่นแหละ

ด้านข้างของบาร์ชิคเก้นเป็นสวนเล็กๆมีต้นไม้ปลูกกระจายห่างๆมันไม่มีที่ไหนที่จะหลบซ่อนทำอะไรได้แสงไฟจากต้นเสาซึ่งส่องแสงนวลในยามค่ำคืนก็ไม่ได้สว่างเจิดจ้าอะไรเส้นทางนี้เป็นทางผ่านไปยังโรงแรมเล็กๆซึ่งปลูกอยู่บนเนินเขาลดหลั่นกันลงมาบ้านซึ่งปลูกกลืนไปกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะมองกลางคืนหรือกลางวันก็ล้วนงดงาม

ทั้งห้าคนหยุดฝีเท้าเกือบจะพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักออดอ้อนซึ่งเป็นเสียงที่เหมือนกับว่ากำลังจะเริ่มกิจกรรมอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะเปิดเผยแก่สาธารณะชนที่มาของเสียงอยู่ใต้เงาไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่น แสงสว่างเพียงน้อยนิดพอจะทำให้มองเห็นว่าหญิงและชายคู่นั้นคือใคร

ความมืดมันไม่ได้ปกปิดอะไรสำหรับสายตาของสัตว์แปลงทั้งห้าคน กิริยาของฝ่ายหญิงที่ดูท่าจะเมามากกำลังปล้ำกอดชายหนุ่มซึ่งพยายามประคองตัวและปัดป้องและคงเมาทั้งคู่เสียงห้ามปรามแผ่วเบาจากฝ่ายชาย เสียงเอาแต่ใจของหญิงสาวเว้าวอนเรียกร้อง

“อลิศเดินไม่ไหวเจ้าชายอุ้มหน่อยซิคะ”

“ไม่ดีหรอกอลิศเดี๋ยวผมไปตามไลลาให้คุณรอที่นี่ก่อนได้ไหม” ชายหนุ่มปรามเบาๆ

“ไม่อาว..ที่พักอยู่แค่นี้เองอลิศไม่รอแล้ว”เจ้าหล่อนเอนตัวพิงซบอกหนาของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องประคองเธอเอาไว้อีกครังในใจก็นึกว่าทำไมเขาต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรอย่างนี้

คนหนึ่งพยายามปัดป้องกับอีกคนที่พยายามเบียดกายแนบชิดทั้งพยายามหลบเมื่อหญิงสาวพยายามปล้ำจูบเขาให้ได้

“ไปกันเถอะ..”เสียงพูดแสนเบาของซอนย่าทำให้ทั้สี่คนเดินด้วยฝีเท้าเบาออกไปจากตรงนั้นหางตาของฟรีเซียทันได้เห็นอลิเซียใช้สองมือประคองหน้าหนุ่มในเงามืดของไม้ใหญ่ประทับจูบ

อลิเซียไม่ได้เมามายอะไรนักอะไรมันจะบังเอิญให้ฟรีเซียและเพื่อนของเธอเดินผ่านมาในเวลานี้ถึงแม้จะไม่มีพิธีประกาศอย่างเป็นทางการให้ฝูงรับรู้ถึงการหมั่นหมายของฟรีเซียและเจ้าชายไคล์เธอก็มีสิทธิ์ที่จะยื้อแย่งเจ้าชายมาเป็นของเธอ

ไคล์ดันร่างอวบอิ่มของอลิเซียออกไปทันทีที่ถูกจูบสายตาได้ทันมองเห็นกลุ่มชายหญิงเดินจากไปเงียบๆคนที่โดดเด่นปลายผมสลวยที่สบัดเดินตรงสง่านั้น คือคนที่เขาสนใจแต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดเพราะต้องแกะปลิงสาวที่เข้ามาเกาะแกะเขาเหมือนครั้งนี้จะมีระฆังช่วยเมื่อไลลา เพื่อนของอลิเซียตะโกนเรียกไคล์รีบขานรับแทนอย่างรวดเร็ว

“อยู่ตรงนี้ครับไลลา”

หญิงสาวผิวคล้ำเดินมาพร้อมกับเพื่อนหญิงอีกคนก้าวมาตามเสียงไคล์ออกแรงประคองร่างบางขัดขืนทำเสียงฮึดฮัดขัดใจเขารีบส่งอลิเซียให้กับเพื่อนของเธอดูแลต่อทันที

“เธอเมาครับช่วยดูแลเธอด้วยว่าแต่คุณสองคนเห็นเพื่อนของผมหรือเปล่า”ไคล์ถอยห่างออกให้พ้นมือที่ยังพยายามไขว่คว้า

“ยังอยู่ที่โต๊ะค่ะกำลังแข่งดื่มกันอยู่” ไลล่าตอบ

“ผมไปก่อนนะครับยินดีที่ได้รู้จักคุณสองคนหวังว่าคงได้มีโอกาสเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อในเวลาอันใกล้นี้”

“ยินดีค่ะ..หวังว่าจะได้รับเชิญเร็วๆนี้นะคะ”แมกม่ายิ้มหวาน เธอประคองแขนอลิเซียซึ่งตอนนี้คอพับไปแล้ว เจ้าหล่อนจิกตามองเพือนอย่างรู้ทันกัน

อลิเซียขุ่นใจอย่างยิ่งเธอกำลังจะมัดเจ้าชายไคล์ได้อยู่แล้วยัยสองคนนี่ช่างไม่รู้งานเสียจริงตามออกมาทำไมก็ไม่รู้ เจ้าหล่อนแกล้งเดินปัดเป๋ให้สมกับอาการเมามายตามที่เริ่มแสดงตั้งแต่ต้นดีเหมือนกันมีคนช่วยประคองเธอเองก็เมาหัวหมุนอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้มากมายขนาดขาดสติลืมตัวแต่ทว่าเธอรู้สึกหลงเสน่ห์เจ้าชายรูปหล่อผู้นี้เข้าแล้วซิทุกอย่างจึงเป็นการตั้งใจยั่วยวน แม้จะดูรุกไล่ไปบ้าง เธอมั่นใจเจ้าชายคงมีใจให้เธอบ้างไม่อย่างนั้นจะยอมหลงกลง่ายๆอย่างนี้หรือ

เช้าวันต่อมานักแข่งที่มาจากหลายที่ก็ทยอยเดินทางกลับลานที่จัดการแสดงเมื่อคืนถูกรื้อถอนเก็บกวาดผับ บาร์ ซึ่งผู้คนซึ่งไม่มีที่พัก ยังคงมีพวกเมาค้างหลับกันอยู่แม้แต่ใต้ร่มไม้ก็มีเต้นท์หลากสี กางอยู่ยังไม่ได้ถูกรื้อถอนเพราะยังเช้ามากกลิ่นอาหารมื้อเช้าซึ่งหลายกลุ่มทำกันง่ายๆ พวกที่พักตามโรงแรมริมผาไม่มีใครรีบร้อนออกจากที่พักกัน

เต้นท์ใหญ่ขยับไหวเบาๆซิปด้านหน้าถูดรูดเปิดจากด้านในพร้อมกับศีรษะได้รูปมุดโผล่ออกมาร่างสูงบิดไล่ความเมื่อยขบพร้อมกับอ้าปากหาวยาวยืดอีกครั้ง ภายในเต้นท์มีถูงนอนอีกสองใบพองกลมห่อหุ้มร่างของสองหนุ่มร่างใหญ่ซึ่งประสานเสียงกรนอย่างสามัคคี

เต้นท์ข้างๆหน้าเต้นท์มีสองหนุ่มนั่งจิบกาฟอยู่แล้วเมื่อเห็นว่าเพื่อนข้างๆออกมาก็ส่งเสียงทักทายทันที

“อรุณสวัสดิ์ครับเจ้าชาย..”ไซรัสยิ้มกว้างด้วยไมตรี

“สวัสดีครับ..คุณสองคนตื่นเช้ากันจัง”ไคล์ยิ้ม รับมือหยิบขวดน้ำเทใส่ฝ่ามือล้างหน้าบ้วนปากง่ายๆกิริยาเถื่อนๆห่างไกลกับคำกล่าวขานที่ถูกเรียกว่าเจ้าชายลิบลับ

“กาแฟซักแก้วไหมครับรอยกำลังทอดเบคอน เจ้าชายรับไข่ดาวด้วยไหมครับ” ไซรัสเอ่ยชวนเจ้าชายไม่รอช้าเดินตรงมานั่งที่ขอนไม้หน้าเต้นท์สองหนุ่มมือเรียวรับแก้วกาแฟซึ่งไซรัสเทจากหม้อสนามไออุ่นจากแก้วกาแฟกลิ่นหอมอวลของกาแฟพันธุ์เลิศ แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกสดชื่นบนเตาถ่านรอยกำลังทอดเบคอนหลายชิ้นขนมปังสำเร็จรูปและเครื่องกระป๋องอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเปิดรอไว้สำหรับนำมาประกอบเป็นอาหารง่ายๆสำหรับมื้อเช้า

“หลับสบายไหมครับ..”ไซรัสเอ่ยถาม ดวงตามีร่องรอยขบขันเจืออยู่บางๆ

ไคล์หัวเราะแห้งๆยกแกแฟขึ้นจิบ จะให้ตอบยังไงดีล่ะกว่าจะได้นอนก็ค่อนข้างจะดึกล่วงเข้าเกือบเช้าวันใหม่ทีเดียวเริ่มจากห้องพักซึ่งเขาต้องสละให้กับสาวๆเพื่อนๆของอลิเซีย มันไม่ใช่เรื่องสุภาพบุรุษอะไรให้ดูดีเพอร์เฟคแต่มันเป็นเรื่องของความหวงตัวของเขาล้วนๆ

ผู้ชายคนไหนอยู่กับสาวสวยในขณะที่สติไม่ค่อยเต็มร้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ดีกรีแรงซึ่งดื่มกันไม่บันยะบันยังราวกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มีเหล้าให้ดื่มละก็คงจะต้องทำแบบเขาทุกคนละ ยิ่งเป็นผู้หญิงกล้าได้กล้าเสียอย่างอลิเซียละก็ ขอไปตั้งหลักกันสักหน่อย เขาไม่ได้รังเกียจอลิเซียออกจะชอบๆเธออยู่บ้างแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นคบหามากไปกว่าเพื่อนคนหนึ่งลึกๆในใจเขารู้ว่ามีใครสักคนรอคอยเขาอยู่ เขาเองก็ไม่เข้าใจใครคนนั้นเป็นใคร ความรู้สึกคลั่งไคล้หวงแหนอยากครอบครองยังไม่รู้สึกกับผู้หญิงคนไหนหรือว่าเขายังไม่รู้จักพวกหล่อนอย่างจริงจังมากพอ

สองหนุ่มคนสนิทของจ่าฝูงเลี้ยงอาหารเช้าเขาอย่างอิ่มหนำแถมยังเผื่อให้กับองครักษ์ของเขาเมื่อทั้งสองมุดเต้นท์ออกมาตามกลิ่นเบคอนซึ่งลอยไปยั่วยวนถึงในเต้นท์

รถมอเตอร์ไซด์คันโตหลายคันแล่นตามกันมาในถนนเล็กๆลัดเลาะไหล่เขามาอย่างไม่เร่งรีบคณะที่กลับผาทิวสนมีกันมาหลายคันหนุ่มสาวซ้อนท้ายกันมาขับเลียบไหล่เขามาเรื่อยๆไม่รีบร้อนอะไรนักทั้งหมดนัดหมายแวะพักกันที่หมู่บ้านอิงหมอกเป็นหมู่บ้านเล็กๆห่างจากค่ายใหญ่พอควรหากใช้ฝีเท้าหมาป่าก็น่าจะประมาณเกือบค่อนวันกว่าจะถึง เส้นทางที่มายังหมู่บ้านอิงหมอกไม่ค่อยสะดวกนักก่อนฤดูหนาวอันยาวนานค่ายใหญ่จะต้องส่งเสบียงอาหารมาแจกจ่ายแต่ละเขตแต่ละหมู่บ้านซึ่งกระจัดกระจายตามหุบเขาอาณาเขตของผาทิวสน

บุตรชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านอายุครบสิบปสองปีแล้วปีหน้าจะต้องถูกส่งเข้าไปฝึกที่ค่ายใหญ่เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติกันทุกบ้านและตัวเด็กเองก็มีความกระตือรือร้นที่จะเข้าไปฝึกเป็นผู้พิทักษ์ของฝูง

สภาพโดยรอบๆหมู่บ้านค่อนข้างโบราณอย่างยิ่งบ้านทุกหลังปลูกด้วยดินผสมฟางและหิน หลังคามุงด้วยหญ้าแห้งรูปทรงเกลี้ยงๆโล้นๆดูกลืนไปกับธรรมชาติ ลานด้านหน้าบ้านของผู้ใหญ่บ้านดูแคบไปถนัดเมื่อรถมอเตอร์ไซด์คันโตจอดเรียงรายกินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง

ไคล์ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในคณะได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษสัญลักษณ์ของตระกูลซึ่งเขาห้อยติดคอไม่จำเป็นต้องปกปิดแสดงฐานะเขาได้เป็นอย่างดีไม่จำเป็นต้องมีใครแนะนำ

“นับเป็นเกียรติที่เจ้าชายมาเยี่ยมหมู่บ้านเล็กๆของผมเชิญด้านในครับภรรยาผมเตรียมอาหารไว้มากมายทีเดียว” เอ็ดก้าผู้ใหญ่บ้านอิงหมอกเชื้อเชิญ

ทุกคนซึ่งนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซด์มานานจึงไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปภายในบ้านซึ่งดูธรรมดาแต่เมื่อเช้าไปภายในก็ต้องประหลาดใจ

เครื่องเรือนภายในบ้านของเอ็ดก้าแม้ไม่หรูหรามากนักแต่ก็อยู่ในระดับดีสมฐานะทั้งห้องปูลาดด้วยพรม โต๊ะไม้ขัดมันพอจะนั่งได้สิบสองคนหากมากกว่านั้นก็ไม่เป็นปัญหาเพราะมีโต๊ะตัวใหญ่ขนาดเดียวกันแต่มีที่นั่งหกคนก็สามารถนำเอามาต่อเติมได้ห้องที่กว้างขวางบนโต๊ะมีอาหารทั้งคาวหวานวางอยู่เต็มจนเกินจะกินได้หมด

หลังมื้ออาหารมีโปรแกรมของแต่ละคนที่ต้องเดินสำรวจตรวจสอบภายในหมู่บ้านโดยแยกกลุ่มกันไปชุดของไซรัสตามภรรยาผู้ใหญ่บ้านไปสำรวจแปลงเพาะปลูกและปศุสัตว์ทีมของรอยไปตรวจแหล่งน้ำและสถานพยาบาลของหมู่บ้าน ส่วนไคล์ไม่มีคำสั่งให้ทำงานอะไรแต่ก็ได้รับคำเชิญของผู้ใหญ่บ้านไปดูการทำงานของผู้คนในหมู่บ้านพวกที่เหลือซึ่งไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่ก็สมัครใจที่จะไปกับคณะของรอยและไซรัสตามอัธยาศัย มีเพียงไคล์ซึ่งเดินตามเอ็ดก้าผู้ใหญ่บ้านเพื่อเยี่ยมชมหมู่บ้านตามลำพังเขาตั้งใจที่จะปลีกตัวจากอลิเซียสักพัก ครั้นจะห้ามปรามไม่ให้หล่อนตามก็ดูจะหักหน้ากันเกินไปแต่จะให้หล่อนแสดงความเป็นเจ้าของเขาเกินไปก็ดูจะไม่เหมาะ

ไคล์รู้สึกหงุดหงิดสายตาเย็นชาของฟรีเซียซึ่งไซรัสแนะนำให้เขารู้จักก่อนออกเดินทางกลับผาทิวสนพร้อมทั้งสุภาพสตรีอีกสองคนเพื่อนสาวคนสนิทของฟรีเซียเจ้าหญิงไอโกะ และเลดี้ซอนย่า ฟรีเซียเป็นน้องสาวของจ่าฝูงเซย์เธอยังคงจับตาจับใจเขามากยิ่งขึ้น แต่เพราะเขาก็ต้องดูแลอลิเซียอยู่จึงไม่มีเวลาทำความรู้จักกับเธอให้มากยิ่งขึ้น

หมู่บ้านอิงหมอกไม่ได้มีสมาชิกลูกบ้านมากมากมายเลยสถานที่ตั้งอยู่บนไหล่เขาเตี้ยๆมีอยู่เพียงยี่สิบหลังคาเรือนลูกบ้านของเอ็ดก้ามีอยู่เพียงแค่แปดสิบเก้าสิบคนเท่านั้นนับรวมทั้งเด็กเล็กเด็กโต.. เมื่อไคล์เดินไปยังชุมชนที่เหล่าลูกบ้านจับกลุ่มกันทำกิจกรรมสันทนาการทุกคนต่างก็หันมาให้ความสนใจผู้มาเยือน พวกเขากำลังแปรรูปอาหารเพื่อเก็บไว้กินในฤดูหนาว

เอ็ดก้ามีงานที่ต้องดูแลจึงปล่อยให้เขาเดินชมนกชมไม้ย่อยอาหารที่เขาสนใจก็เห็นจะเป็นลานที่ชุมชนมักจะใช้ในการเล่นกีฬาเล็กๆน้อยๆจำพวกเครื่องบินบังคับ ฝึกยิงธนูและอะไรอีกก็ตามที่มันเป็นเกมส์สนุกซึ่งนิยมกันในแต่ละช่วงนั้นๆ ที่ลานนั้นมีคนกำลังเล่นเครื่องร่อนบินฉวัดเฉวียนกันอยู่บนท้องฟ้า แสงแดดตอนบ่ายค่อนข้างร้อนพอควรสายลมเย็นพัดอยู่ตลอดไม่ทำให้การละเล่นมีอุปสรรค

ไคล์หยุดดูอยู่สักครู่ก็เดินต่อไปยังสถานที่หย่อนใจอีกที่หนึ่งซึ่งเอ็ดก้าบอกว่าสวยงามนั่นก็คือฝายชะลอน้ำ รอยยิ้มแตะริมฝีปากสีสดเขาก็อยากดูเหมือนกันฝายชะลอน้ำของพวกหมาป่าจะมีหน้าตาเช่นไรป่าไม้รอบๆหมู่บ้านมีอายุมากเกินกว่าจะประเมินอายุจริงได้ถูกต้องเล็กสุดก็ประมาณสามคนโอบอีกทั้งพืชพรรณกาฝากซึ่งเกาะเกี่ยวตามคบไม้ก็กำลังออกดอกอวดสีสันและกลิ่นหอมระรื่นยามลมพัดโชยช่างเป็นสถานที่งามเหมือนดินแดนในเทพนิยาย

ก็ไม่ผิดหรอกถ้าจะเรียกดินแดนแห่งนี้ว่าเทพนิยายเพราะความบริสุทธิ์ของธรรมชาติมันเป็นเช่นนั้น พืชพรรณแปลกๆที่เขาไม่เคยเห็น ล้วนงดงามและแล้วเขาก็มาถึงฝายชะลอน้ำตามที่เอ็ดก้าแนะนำ ธารน้ำสายเล็กใสจนเห็นก้นลำธารซึ่งมีหินหลากๆสีคล้ายหินมีค่าเต็มไปทั้งสาย ฝายชะลอน้ำที่เอ็ดก้าพูดคือน้ำตกเล็กๆมีก้อนหินวางกั้นเป็นชั้นๆป่าโดยรอบพอจะเดินลัดเลาะไปยังต้นน้ำได้ วิญญาณนักสำรวจเข้าสิงเขาอยู่กระมังทำให้เขาเดินทวนสายน้ำขึ้นไปดูยังต้นน้ำซึ่งเป็นแอ่งน้ำใหญ่มีโขดหินระเกะระกะรองรับแอ่ง น้ำใสแจ่วน่าลงไปแหวกว่าย ความคิดนั้นยังไม่ใช่ในตอนนี่ ขายาวก้าวขี้นไปยังก้อนหินใหญ่มองไปยังแอ่งน้ำซึ่งมีน้ำใหล่ลงมาเป็นม่านสวย และเขาเห็นร่างขาวโพลนของผู้หญิงกำลังดำผุดดำว่าย

ความเป็นสุภาพบุรุษทำให้เขารีบเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นว่าร่างเปลือยเปล่าของสตรีนางหนึ่งเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะดูเขาไม่รู้ว่าจะมีใครมาว่ายน้ำตอนนี้ เขาควรกลับไปแต่แล้วเสียงตูมอยู่เบื้องหลังพร้อมกับน้ำแตกกระจายราวกับว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้เขาต้องรีบหันกลับไปมองแอ่งน้ำที่ไหวกระเพื่อมจากการแวกว่ายบัดนี้กำลังแตกกระจายอย่างน่ากลัวร่างสองร่างซึ่งกำลังฟัดฟาดต่อสู้กันอยู่ในน้ำนั้นน่าตกใจไม่น้อย

ร่างของหมาป่าสาวขนสีขาวกำลังฟัดกับเสือดาวอยู่ในน้ำเสียงคำรามข่มขู่ดุดัน ไคล์ชักปืนพกสั้นขี้นมาถือร่างปราดเปรียวกระโดดข้ามโขดหินตรงไปยังจุดเกิดเหตุก็ทันได้เห็นร่างของเสือดาวถูกงับเข้าที่หลังคอลากขึ้นมาบนลานดินนุ่มๆริมฝั่งหมาป่าและเสือดาวกำลังฟัดกันต่ออย่างดุเดือด เขาเล็งปืนไปยังทั้งคู่ แต่ก็ยังหาจังหวะช่วยเหลือหมาป่าตัวนั้นยังไม่ได้

ทั้งสองตัวไม่รู้มีความแค้นอะไรกันมาแต่หนไหนทั้งสองร่างพอฟัดพอเหวี่ยงกันการต่อสู้บนบกดำเนินไปไม่นานผู้พ่ายแพ้เริ่มปรากฏว่าเป็นฝ่ายไหนนั่นทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรยุติการต่อสู้ครั้งนี้ได้แล้วปืนที่อยู่ในมือจึงเล็งไปยังลายเหลืองดำอย่างไม่ลังเลสิ้นเสียงปืนร่างของเสือดาวก็กระเด็นหลุดไปกระแทกกับหินหมาป่าแสนสวยขยับตัวลุกขึ้นยืนแม้จะไม่มั่นคงนักอาการหางตกขาหลังสั่นสะท้านเสือดาวถูกยิงกลางอกมันขยับตัวดิ้นรนเมื่อเห็นร่างสูงเดินลงมายืนอยู่ข้างๆนางหมาป่าเสียงคำรามเกรี้ยวโกรธดวงตาหวั่นหวาด ไคล์มองเสือดาวซึ่งสำลักเลือดคร่อกๆก่อนจะแน่นิ่ง

“คุณไม่น่ายิงมันเลย”เสียงพูดแผ่วเบาน้ำเสียงยังเหนื่อยหอบเขาหันกลับมาดูก็พบร่างซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยทรายจากการเล่นมวยปล้ำเมื่อสักครู่ดวงหน้าหวานละมุนสบตาเขาแว่บหนึ่งก่อนจะเดินตรงไปยังคู่กรณีซึ่งนอนนิ่งอยู่บนพื้นทราย

“คุณกำลังเสียท่าเขานี่ผมก็ต้องช่วยสิจะให้กระโดดลงมาฟัดด้วยเห็นจะไม่เข้าท่า” ไคล์เก็บปืน ในใจรู้สึกขุ่นเล็กน้อย

“มันคนละเรื่องกันนะฉันไม่ได้มาขอให้คุณช่วยเสียหน่อย” หญิงสาวท้าวสะเอวกิ่วตางามวาววับ

“แล้วไง..คุณเป็นคนที่ผมรู้จักกำลังเสียท่าผมก็ช่วยทำไมถึงมาตำหนิผมล่ะ”

“ฉันหมายถึงคุณมาทำอะไรที่นี่“

ไคล์กระพริบตาปริบๆยัยนี่พิลึกจริง “นี่มันลำธารของหมู่บ้าน “

“ใช่ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”

“มีกฎข้อไหนที่ห้ามช่วยบอกหน่อย”

“ไม่มี..”หญิงสาวลอยหน้า “คุณดูฉันอาบน้ำที่นี่ซึ่งไม่ควร” หญิงสาวตำหนิ

“ผมไม่ได้แอบดู..บังเอิญผ่านมาเท่านั้น”เขาอธิบายรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง

“บังเอิญยิงเสือดาวบังเอิญเดินผ่านมาทุกอย่างลงตัวเป๊ะ”

“ก็ได้ๆผมยอมแพ้ ขอโทษที่บังเอิญเดินมา บังเอิญเห็นคุณเล่นน้ำบังเอิญยิงเสีอดาวคู่ฟัดคุณตาย..พอใจหรือยัง” ไคล์จ้องกลับดวงตาดุดันโมโหสุดๆ

“ก็ดี..ที่ยังรู้จักขอโทษฉันให้อภัยตอนนี้ช่วยหันหลังไปได้ไหม”หญิงสาวยักไหล่หน้าตาแดงก่ำหน้างามเชิดขึ้นหากไคล์สังเกตุสักนิดจะเห็นร่อยรอยความอับอายฉายวูบในดวงตางาม

ชายหนุ่มทำเสียงฮึดฮัดทำไมเขาต้องมาทำตามคำสั่งยัยนี่ด้วยปากร้ายขี้หาเรื่องทั้งที่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นสักนิด ดูหมิ่นกันมากไปแล้วคนสวย


--------------------

Smiley สาวสวยทำไมไปกล่าวหาเจ้าชายอย่างนั้นหนอ..จะโดนอะไรไหมล่ะนั่น ตอนต่อไปก็จะเป็นเรื่องพ่อแง่แม่งอน ของสองหนุ่มสาวตัวหลักของเรื่อง..เจ้าชายกับคุณหนูฟรีเซียล้วนๆ ความรักของทั้งสองคนจะลงเอยดีๆ หรือมีตบตี เอ๊ยตบจูบ จับกดอะไรกันไหมก็ติดตามกันนะขอรับ..


Smileyกราบขออภัยที่ลงให้ช้ามากกกกก ขอน้อมรับคำบ่น(ในใจ)ของเหล่าท่านนะขอรับ ตอนหน้าจะพยายามไม่ทิ้งช่วงห่างมาก(เหรอ) ไม่ได้เขียนสต๊อกเอาไว้เลย ว่างจากการทำงานก็ค่อยเขียนอะไรแบบนี้น่ะขอรับ บางทีก็นึกไม่ออกบ้างไรบ้าง พิมพ์แล้วก็ลบ หากเขียนไม่สนุกเกรงว่าเหล่าท่านทั้งหลายอ่านแล้วจะ เบื่อหน่าย


     "ขอบคุณที่ยังคอยติดตามเข้ามาอ่านกันครับ ...กราบ"






Create Date : 21 กรกฎาคม 2558
Last Update : 21 กรกฎาคม 2558 15:49:19 น.
Counter : 299 Pageviews.

0 comment
Wolf True Blood ตอนที่ 11 สาวทรงเสน่ห์

ตอนที่ 11. สาวทรงเสน่ห์

เขตท่าเรือในวันต่อมาซึ่งวิสโก้ได้รายงานตรงต่อเซย์นั้นเสียหายค่อนข้างหนัก เพราะนอกจากแวมไพร์จะจู่โจมในคืนนั้นแล้วพวกที่สวมรอยก็ได้เข้าจู่โจมปล้นสินค้าไปได้เกินครึ่งที่เหลืออยู่ก็เสียหายเกือบทั้งหมดจากไฟไหม้ พวกสวมรอยนั้นไม่ใช่พวกไหนไกลฝูงเสือดาวจอมขโมย เจ้าพวกนี้แตกแยกออกไปหลายกลุ่ม ไอ้ที่ดีค้าขายแลกเปลี่ยนกันปกติก็มีแต่พวกที่นอกเหนือจากการปกครองของหัวหน้าของพวกมันนั้นก็มากเจ้าพวกนี้ตั้งตนเป็นกองโจรคอยลักขโมยสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านอยู่บ่อยๆบางชุมชนที่อยู่ไกลจากเขตการปกครองโดนหนัก เซย์มักจะส่งคนไปปราบเป็นคราวๆไปแต่ก็ใช่ว่ามันจะเข็ดหลาบ ละจากหมู่บ้านนี้มันก็ไปปล้น ไปลักอีกหมู่บ้านหนึ่ง สร้างสถาณการณ์ก่อความวุ่นวายอยู่บ่อยๆ

วิสโก้ควบคุมคนงานช่วยกันเก็บกวาดซากความเสียหายซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเสร็จเรียบร้อยอาณาจักรที่เข้มแข็งของวิสโก้ถูกลูบคมอย่างไม่น่าให้อภัย เลือดนักล่าอย่างวิสโก้คงไม่ปล่อยไว้เนิ่นนาน

“พวกมันหยามกันเกินไป..เสียแรงที่ให้ความช่วยเหลือไม่นึกว่าจะตลบหลังกันอย่างนี้ “วิสโก้บ่นอย่างหัวเสียในตอนหนึ่งของการสนทนา..เขาหมายถึงพวกหมีและเสือดาวที่เข้าปล้นคลังเก็บสินค้า และเผาทำลายคลังสินค้าที่เหลือ

นายใหญ่ประมุขทั้งสองผารับทราบสภาพความเสียหายด้วยอาการสงบผาทิวสนนั้นไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ด้วยว่าคลังเก็บอาหารพอจะยังมีแจกจ่ายให้กับสมาชิกในการปกครองได้หากแต่ต้องประหยัดกันสักนิดผาหมอกนั้นลำบากหน่อยเพราะคลังเก็บอาหารมีไม่เพียงพอสืบเนื่องจากผลผลิตบางอย่างไม่สามารถปลูกได้ต้องอาศัยขอปันส่วนจากผาทิวสนตลอดหนาวต้องพึ่งเสบียงจากทางผาทิวสน และเขตท่าเรือ เมื่อเขตท่าเรีอโดนปล้น เขาก็จำต้องหาทางใหม่จะหวังทางผาทิวสนเห็นจะรบกวนเกินไป เหตุผลก็รู้ๆกันอยู่

“นายใหญ่ผมเห็นจะต้องฝากลูกสาวพักชั่วคราวที่ค่ายใหญ่กว่าที่นี่จะสร้างเสร็จเห็นจะกินเวลานานโขอยู่”

“ได้สิ..จะเป็นไรไป ที่ค่ายยังมีห้องพักห้องชุดว่างอยู่” เซย์ยิ้มใจดีให้กับสาวน้อยทรงเสน่ห์ที่ดูไม่ตื่นเต้นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาที่ตกแต่งคมเข้มจ้องตานายใหญ่ผาทิวสนแว่บหนึ่งก็ผ่านไปหยุดอยู่ที่เจ้าชายแห่งผาทิวสนอย่างเปิดเผย

“อลิศช่วยงานนายใหญ่ได้นะคะระหว่างที่พักอยู่ที่ค่ายใหญ่”อลิเซียแย้มริมฝีปากสีสนเย้ายวนเสนอตัวกับจ่าฝูงเซย์เพื่อปูทางเข้าไปใกล้ชิดหนุ่มๆระดับสูงของผาทิวสนพรรคพวกเพื่อนพ้องของนายใหญ่เซย์

ไคล์เองก็พอจะรู้ว่ามีสาวทรงเสน่ห์มาสนใจเหตุการณ์ที่ชุลมุนวุนวายเมื่อคืน อลิเซียเป็นคนหนึ่งที่ยิงต่อสู้กับพวกแวมไพร์และสัตว์แปลงเผ่าพันธุ์อื่นที่บุกรุก เธอเดินนำลูกน้องสองสามคนตรวจดูสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงทำให้รู้ว่าเมื่อคืนมีพวกไหนบ้างที่โจมตีเขตท่าเรือ

สาวทรงเสน่ห์ที่ทอดสะพานให้เขาตั้งแต่เริ่มต้นถ้าไม่ใส่ใจกับกิริยาแบ่งชนชั้นของเธอเมื่อแรกพบกันอลิเซียก็เป็นผู้หญิงที่เป็นงานเป็นการ ทำงานช่วยผู้เป็นพ่อได้อย่างคล่องแคล่วสมกับเป็นทายาทผู้นำรุ่นต่อไป หากพ่อของเธอจะยกให้ความชื่นชมที่มีในตัวอลิเซียบวกกับรูปร่างหน้าตาที่สวยถูกใจเขาแม้จะไม่ทั้งหมดทำให้ไคล์รับเธอเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้นโดยไม่รู้ว่าในกาลข้างหน้าเธอจะทำให้เขาเจ็บปวดแทบปางตาย

การประชุมที่ไม่เป็นทางการมีไม่บ่อยนักหัวหน้าหน่วยผู้ควบคุมเหล่าผู้พิทักษ์ผาทิวสนแต่ละเขตถูกเรียกประชุมด่วนหัวหน้าหมู่บ้าน หัวหน้าเขตในการปกครองของเซย์ ก็เข้าร่วมประชุมด้วย หัวข้อสำคัญที่ทุกคนรับรู้อยู่แล้วเหตุการณ์มันไม่ปกติ เขตท่าเรือซึ่งเป็นดินแดนเสรีปกครองด้วยตนเองแต่ก็เป็นพันธมิตรกับผาหมอก และผาทิวสนเพราะเป็นด่านแรกที่จะป้องกันภัยอันตรายอันจะนำมาซึ่งความไม่สงบในเผ่าพันธุ์การโจมตีของเหล่าแวมไพร์เมื่อคืนก่อนทำให้ทุกคนตระหนักว่า ด่านท่าเรือเริ่มไม่แข็งแกร่งพอเสียแล้วที่จะเพิกเฉยที่จะปล่อยให้วิสโก้ดูแลแต่เพียงลำพังทั้งสองเผ่าต้องเสริมกำลังเข้าลาดตระเวณบ่อยขึ้นเพื่อป้องกันการเล็ดลอดของแวมไพร์ผู้ต้องการจับหมาป่าไปเพื่อปรุงเป็นยาขนานเอกในการเสรืมสร้างพวกมันแข็งแกร่งขึ้น..สิ่งนี้เป็นที่รู้กันมาเนิ่นนานแล้วว่าเลือดของหมาป่าเป็นยาชั้นเลิศยิ่งเป็นสายพันธุ์ที่บริสุทธิ์แล้วละก็เป็นที่ต้องการอย่างมากแน่นอนว่าพวกนั้นมุ่งเป้าไปที่เจ้าชายตระกูลราเมเซ็ทผู้ปรากฏตัวที่ผาทิวสนได้ไม่นาน แน่นอนสมบัติอันล้ำค่าของเผ่าพันธุ์ย่อมเป็นที่หมายปองพวกเขาก็ต้องระดมผู้คนเพื่อปกป้อง

ผาทิวสนมีกองกำลังที่แข็งแกร่งลาดตระเวนแถบแนวเขตท่าเรือโดยการนำของโอทิสเชื่อได้ว่ากองกำลังนี้ไม่ค่อยมีใครอยากจะต่อกรด้วยนัก ขึ้นชื่อว่าดุร้ายและไม่ปราณีอ่อนข้อต่อผู้กระทำผิดแม้แต่ทหารในสังกัดหากทำผิดกฎโทษสูงสุดคือตายเบาสุดถูกขับให้ไปสู่หุบเหวลึกกับพวกสัตว์แปลงที่ไม่สมบูรณ์โอทิสผู้ยะโสไม่มีใครหน้าไหนกล้าหือกับมันนักแม้แต่กับเซย์เองผู้เป็นจ่าฝูงก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าควบคุมมันได้

โอทิสเป็นบุตรชายขององค์รักษ์เจ้าชายเฟรดเดอริคบิดาของไคล์และฝังหัวกับเจ้านายเพียงคนเดียวคือตระกูลราเมเซ็ท มันไม่เคยเห็นหน้าเจ้าชายไคล์มาก่อนเมื่อเกิดเรื่องโอทิสยังเด็กอยู่มากแต่ก็พอที่จะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในตระกูลที่มันจงรักภัคดี ผู้พิทักษ์ตระกูลราเมเซ็ททุกรุ่นจะพลีชีพเพื่อปกป้องเจ้านายของตนด้วยชีวิตนั่นคือคำปฏิญาณนับแต่เข้าเป็นผู้พิทักษ์และสืบสายเลือดต่อๆกันมา

“เอาละเงียบๆกันก่อน..แต่ละเขตจัดเวรยามผลัดเปลี่ยนทั้งวันทั้งคืนดูแลเขตรับผิดชอบของตัวเองให้ดีเขตท่าเรือตอนนี้เป็นช่องโหว่ให้คนแปลกหน้าเล็ดลอดเข้ามายังค่ายใหญ่ของเราได้ ทะเบียนรับคนแปลกหน้าต้องเข้มงวดมากยิ่งกว่าเดิมในการสอบประวัติเข้าและออก”

เซย์ปรายตามองไปรอบโต๊ะที่ประชุมยาวขนานไปกับห้องโถงทุกคนจ้องมองมาที่เขาเพื่อรอคำสั่งต่อไปเหล่าผู้พิทักษ์จะต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อจัดวางเวรยามรวมทั้งพวกที่ลาดตระเวนตามหมูบ้านเล็กๆนอกเขตการปกครอง

“มีอีกเรื่องที่อยากให้หัวหน้าเขตเฝ้าระวังเสบียงอาหารสำหรับฤดูหนาวจัดเตรียมเอาไว้ให้ดีอย่าลืมว่านอกจากพวกแวมไพร์ศัตรูตัวเอ้ของเราแล้ว ยังมีพวกเสือ สิงห์ กระทิง แรดที่จ้องจะปล้นเสบียงของเราอยู่ด้วย”

“ไม่ต้องห่วงครับนายใหญ่พวกเราจะรักษาไว้เท่าชีวิต” หัวหน้าหมู่บ้านเขตตะวันตกรับคำแข็งขันรวมทั้งหัวหน้าหมู่บ้านละแวกเดียวกันด้วย

“มาวันนี้ก็อย่าได้เสียเที่ยวเปล่าทุกท่านไปเบิกเสบียงที่คลังใหญ่ขนกลับไปด้วย..ขาดอะไรก็เบิกไปเตรียมพร้อมทุกด้านหน่วยพิทักษ์ในหมู่บ้านของพวกท่านก็เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังไว้ให้ดีต้านไม่ไหวก็พยายามหลบเอาตัวรอดพวกผู้หญิง เด็กเล็กที่อ่อนแอหาที่ซ่อนตัวไว้ให้ดี อย่าให้พวกแวมไพร์จับตัวไปได้พวกมันโจมตีครั้งนี้เห็นท่าจะไม่แค่ฆ่าพวกเรามันคงกวาดฝูงของเราไปด้วย..ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นผมและหน่วยพิทักษ์ทั้งสี่หน่วยจะคอยปกป้องพวกท่านแต่พวกท่านก็ต้องปกป้องตนเองด้วย อาวุธที่ถนัดมือของตนฝึกฝนให้ดี”เซย์ย้ำคำสั่ง หัวหน้าหมู่บ้านแต่ละเขตปกครองรับคำโดยดี

เขาเชื่อมือนักรบของเขาทุกนายว่ามีศักยภาพเป็นเลิศสามารถปกป้องเขตของตัวเองได้เป็นอย่างดี หัวหน้าแต่ละเขตมาจากสถานที่ฝึกเดียวกัน การฝึกที่เคี่ยวหนักต้องผ่านมารตรฐานของครูซึ่งมาจากหลายดินแดนเด็กแต่ละรุ่นจะถูกทดสอบจากผู้อาวุโสเหล่านั้นหากสอบผ่านเกณฑ์ก็จะนำไปสู่การแข่งขันเพื่อเป็นหัวหน้าตามแต่เขตนั้นๆจะเสาะหาผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำ เด็กจะถูกคัดเลือกจากเขตปกครองเพื่อมาฝึกทายาทของแต่ละเขตไม่จำเป็นต้องสืบเชื้อสายจากทางบิดาเด็กทุกบ้านมีสิทธิ์ที่จะยกระดับเขื้อสายของตนขึ้นมาเป็นผู้นำได้ตลอด คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะได้ขึ้นเป็นผู้นำ

ยกเว้นตำแหน่งจ่าฝูงซึ่งมีเพียงสองตระกูลที่แข่งกันเองมาตลอด ผลัดกันดำรงตำแหน่งจ่าฝูงปกครองฝูงมาเนิ่นนานและไม่มีตระกูลไหนคิดหาญเข้ามาแข่ง ไม่แน่ว่ารุ่นที่สามของตระกูลเรเวน อาจจะเปลี่ยนมือไปสู่ตระกูลราเมเซ็ท ก็ได้ ใครจะรู้

อลิเซีย ธิดาคนงามของวิสโก้แห่งตระกูลไพรอนก้าวเข้ามายังค่ายใหญ่หรือปราสาทบัญชาการซึ่งแบ่งโซนกันอย่างลงตัวส่วนของพวกที่ยังโสดซึ่งหมายรวมถึงพวกระดับสูงทำงานให้กับจ่าฝูงหนุ่มๆหน่วยพิทักษ์ทั้งสี่ทิศเหนือ ใต้ ออก ตก แต่ละหน่วยเหล่านั้นมีลูกน้องในบังคับบัญชาหนุ่มๆหัวหน้าหน่วยนั้นเป็นที่หมายปองของสาวๆในฝูงเพราะนอกจากรูปร่างหน้าตาจะหล่อเหลาคมสัน ราวกับดารา นายแบบแสนจะเท่แล้วความสามารถยังรอบด้านเหมาะที่จะเป็นพ่อพันธุ์ที่ดีเพื่อลูกที่ออกมาจะมีความเฉลียวฉลาดและสืบเชื้อสายผู้นำไม่แน่ว่าลูกๆของพวกเธอจะได้ก้าวขึ้นตำแหน่งใหญ่โตกว่านั้น

อลิเซียไม่ได้หวังแค่ระดับหัวหน้าหน่วยเธอหวังตำแหน่งราชินีของฝูง จะว่าเธอหมายสูงก็ไม่ผิดผู้หญิงทุกคนย่อมมีความทะเยอทะยานอยู่ในตัวอยู่แล้วเพียงแต่ว่าใครจะมีโอกาสมากกว่ากันเท่านั้น ตระกูลราเมเซ็ท ผู้สืบสายเลือดบริสุทธิ์ไม่มีเชื้อสายอื่นปนเลย ผิดกับตระกูลเรเวนแม้จะแข็งแกร่งแต่ก็มีเลือดของพวกแวร์วูลฟ์อยู่เสี้ยวหนึ่ง ปู่ทวดของเซย์สมรสกับลูกครึ่งไลแคนทำให้รุ่นต่อมามีสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ แต่กลับทำให้ตระกูลเรเวนมีความแข็งแกร่งมากกว่าตระกูลอื่นนับกันจริงๆ ตระกูลเรเวนได้อยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงมากกว่าตระกูลราเมเซ็ทแต่ทั้งสองตระกูลก็ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกลับรักใคร่ราวกับว่าเป็นคนในตระกูลเดียวกัน ผู้หญิงของตระกูลเรเวนผู้ซึ่งไพรอนได้กำหนดผูกดวงชะตาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องเตรียมพร้อมเพื่อดำรงตำแหน่งราชินีของตระกูลราเมเซ็ท คนในฝูงต่างก็รู้กันดีแต่ ใครละจะสน คุณหนูฟรีเซียผู้เย่อหยิ่งเจ้าหญิงจากญี่ปุ่น และน้องสาวของราชินีจ่าฝูงผาหมอก ซอนย่าทั้งสามคนไม่ค่อยถูกชะตากับเธอสักเท่าไหร่ นอกจากแข่งกันทำคะแนนแล้วพวกเธอมักจะเป็นจุดเด่นให้หนุ่มๆเข้าไปรุมล้อมหมายปองแทบจะบอกว่ากวาดผู้ชายดีๆไปเสียหมดก็ว่าได้

เรื่องนี้เห็นจะยอมกันได้ยากข่าววงในว่ากันว่าฟรีเซียต่อต้านการจับคู่ของเธอมากถึงกับยื่นข้อเสนอต่อสภาสูงเพื่อยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้น่าเสียดายที่สภาสูงไม่อนุมัติข้อเสนอของฟรีเซีย ไม่รู้ยัยนั่นโง่หรือบ้าอลิเซียยิ้มเยาะเมื่อนึกถึงตรงนี้ คงเป็นเพราะความหยิ่งจองหองคุณลักษณะของตระกูลหล่อนนั่นกระมัง ผู้ชายในตระกูลไม่เท่าไหร่นักหรอกเริ่องความหยิ่งจ่าฝูงเซย์ผู้เป็นพี่ชายของเธอนั่นไงออกจะทรงเสน่ห์ ผู้หญิงตอมกันครืดหัวกระไดไม่แห้งกันเลย จ่าฝูงใจดีกับสาวๆเสมอทั้งยังสุภาพอ่อนโยนแต่เจ้าชายไคล์ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กันหรอกนะ เพียงแค่ได้ร่วมสนทนาด้วยในคืนนั้นเจ้าชายก็ดูน่ารักเสียเหลือเกิน สุขุมนุ่มนวล พูดน้อยยิ้มแย้มทีไรทำเอาเธอใจเต้นระรัวน่าขอบใจฝูงแวมไพร์กระจอกนั่น กับพวกเหลือเดนที่เข้ามาก่อกวนในคืนนั้นที่ทำให้เธอมีข้ออ้างเข้ามาหลบภัยชั่วคราวที่ค่ายใหญ่ระหว่างที่พ่อของเธอคุมคนซ่อมแซมท่าเรือที่เสียหายบางส่วนเห็นทีว่าพ่อเธอคงทำอีกนาน สาวทรงเสน่ห์ยิ้มอย่างมีเสศนัย

สาวทรงเสน่ห์ เหลือบมองกระจกเงาบานใหญ่สำรวจตัวเองอีกนิดเธออยู่ในชุดทันสมัยน้อยชิ้น กางเกงขาสั้นกุดอวดเรียวขาเรียวขาวรองเท้าบู้ทส้นสูงส่งเสริมให้เธอดูปราดเปรียวเสื้อกล้ามคอคว้านลึกอวดความงามสะพรั่งเธอมีเรือนร่างที่เย้ายวนไม่แพ้สาวคนไหนในแถบนี้และเธอมีนัดไปขี่มอเตอร์ไซด์เล่นกับเจ้าชายไคล์

รอยยิ้มใจดีของเจ้าชายส่งมายังเธอทันทีที่เปิดประตูเข้าไปยังห้องพักส่วนตัวของเจ้าชายซึ่งตกแต่งหรูหราห้องพักซึ่งอยู่ปีกด้านซ้ายชิดกับภูเขาซึ่งทอดยาวสูงเป็นชั้นขึ้นไปปราสาททางด้านนี้จะมีเฉพาะหัวหน้าระดับสูงของฝูงซึ่งได้รับการแต่งตั้งแล้วเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้ามาพำนักได้และแน่นอนสาวๆคนพิเศษเท่านั้นที่มีใบผ่าน สามารถเดินเข้าออกห้องของหนุ่มๆได้ปราสาทหลังนี้เจาะลึกเข้าไปในภูเขา เป็นเส้นทางที่ผ่านไปยังปราสาทของสองตระกูลใหญ่เรเวน และ ราเมเซ็ท ซึ่งมองเห็นอยู่ในเงาไม้ลิบๆใต้สายหมอกซึ่งลอยตัวอ้อยอิ่ง

ร่างงามถลาเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแกร่งของเจ้าชายรูปงามริมฝีปากจิ้มลิ้มแตะเบาๆที่ริมฝีปากหยักได้รูปสีสดแผ่วเบา

“อลิศคงไม่ได้มาช้าหรอกนะคะ..”

“เปล่าเลย ผมยังเตรียมตัวไม่เสร็จอลิศรอผมสักครู่นะครับ”

สาวสวยย่นจมูกดวงตาแพรวพราวร่างเปรียวผละไปนั่งบนเก้าอี้นวมบุผ้าไหมสีแดงขลิบทองอย่างว่าง่ายไคล์หันหลังไปนั่งจมอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตรวจดูเอกสารสลับกับเช็ครายการที่จอคอมพิวเตอร์

อลิศหยิบหนังสือบนโต๊ะข้างหน้ามาพลิกๆดูหนังสือที่ส่งมาจากเมืองใหญ่นิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจทั้งนั้นอ้อ..จะมีอีกอย่างก็เป็นหนังสือเกี่ยวกับการตกปลา เล่นเรือใบ และรถแข่ง..

กีฬาแต่ละอย่างเธอไม่สนใจสักอย่างเดียว เธอสนใจแฟชั่นสวยๆมากกว่าเมื่อไม่มีสิ่งที่เธอพอจะฆ่าเวลาได้สาวสวยก็แอบถอนใจ

“ผมมีหนังสืออ่านเล่นอยู่สองสามเล่มอลิศเผื่ออลิศจะสนใจ”สาวสวยยิ้มเก้อเมื่อมือขาวยื่นหนังสือเล่มเล็กจำพวกนิยายวิทยาศาสตร์และหนังสือนิยายไซไฟอีกสองสามเล่ม

“เอ่อ..แหมอลิศไม่ถึงกับเบื่ออะไรนี่คะเจ้าชายทำงานต่อเถอะคะพวกเพื่อนๆของอลิศน่าจะยังไม่ไปถึงที่นั่นกันหรอกยังพอมีเวลาค่ะ”หญิงสาวยิ้มหวานกิริยาที่ไม่ว่าหนุ่มคนไหนเจอเข้ามีหรือจะไม่ใจอ่อนให้กับเธอและมันก็ยังใช้ได้ดีไม่เว้นแม้แต่เจ้าชายไคล์

ไคล์ยกนิ้วเรียวลูบสั้นจมูกเบาๆเหมือนกับกำลังชั่งใจ ความจริงงานพวกนี้เดี๋ยวค่อยมาดูต่อก็ได้ยังพอมีเวลาจะให้สุภาพสตรีที่น่ารักรอได้อย่างไรกัน

“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะเพื่อนของอลิศจะได้ไม่รอ..”ชายหนุ่มส่งมือให้ซึ่งหญิงสาวก็วางมือเรียวบนมืออย่างว่าง่ายสองหนุ่มสาวคลอเคลียกระหนุงกระหนิงไปยังลานจอดรถซึ่งมีรถจอดอยู่หลายคันไคล์กดรีโมทในมือประตูโรงเก็บรถก็เลื่อนเปิดขึ้นภายในนั้นมีรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่สีดำสนิทจอดอยู่สองหนุ่มสาวใช้เป็นพาหนะในการออกไปขับรถเล่นกันที่สนามแข่งซึ่งวันนี้อลิศได้ชวนพวกเพื่อนๆของเธอมาประลองความเร็วกัน เดิมพันก็ไม่มีอะไรมาก แค่ของเล็กๆน้อยๆ

สนามแข่งของผาทิวสนใครจะนึกว่ามันจะมีอยู่ในป่าปิดดูเหมือนจะเป็นเมืองโบราณแต่ไม่เลย สนามแข่งที่ว่าอยู่บนหน้าผาสูงจากทะเลประมาณสิบเมตรเท่านั้นลานโล่งมีอาคารอัฒจันทร์เปิดโล่งอยู่ด้านหนึ่ง ชิดติดภูเขาเป็นอาคารปลูกยาวขนานไปกับเขาเป็นอาคารขายสินค้าหลายหลายประเภทเหมาะทั้งผู้หญิงและผู้ชายรวมทั้งโรงแรมเล็กๆสำหรับพวกขี้เมาที่กลับบ้านไม่ไหวลานแข่งรถนี้เป็นส่วนหนึ่งของเขตท่าเรือ เพราะขับลงจากเนินนี้ไปไม่เท่าไหร่ก็ถึงท่าเรืออีกทั้งเมื่อยืนอยู่ริมหน้าผาก็มองเห็นเวิ้งอ่าวท่าเรือได้ชัดเจนทุกมุม ชุมชนท่าเรือได้ชื่อว่าเสรียากแก่การคัดกรองผู้คนโดยเฉพาะมนุษย์แปลงที่เล็ดลอดเข้าไปยังรังของหมาป่าได้แต่สำหรับมนุษย์แล้วเมืองนี้ก็แค่ท่าเรือธรรมดาที่พวกเขาผ่านเข้ามาแวะพักและจากไปเมื่อวันรุ่งขึ้น

ไม่มีมนุษย์คนใดระแคะระคายว่าแถบนี้ปกครองโดยหมาป่ากฏของวิสโก้ที่ลูกสมุนปฏิบัติอย่างเคร่งครัดก็คือไม่ทำร้ายมนุษย์โดยไม่จำเป็นหมาป่าย่อมมีวิธีจัดการกับเหยื่อที่บังเอิญหลุดเข้ามาเจอสิ่งที่ไม่ควรนำออกไปแพร่งพราย ฉะนั้นเพื่อนของอลิศซึ่งมีทั้งพวกมนุษย์และสัตว์แปลงจึงมีปะปนกัน

วันนี้มีทั้งการแข่งรถยนต์และมอเตอร์ไซด์สาวๆนุ่งน้อยห่มน้อยสีสันของสถานที่จัดทำให้ลานกว้างแคบไปถนัดด้วยรถยนต์หลายคันและผู้คนเดินกันขวักไขว่ร้านขายสินค้าแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าซึ่งมาจับจ่ายซื้อหาของสวยงามที่ต้องการร้านเหล้า ร้านเบียรซึ่งมีอยู่หลายร้านก็เต็มไปด้วยนักแข่งที่แข่งขันก็นเสร็จแล้วและมานั่งดื่มเล่นเกมส์ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆอากาศในวันนี้ท้องฟ้าโปร่ง ลมทะเลพัดอยู่ตลอดเวลา

ไคล์ไม่ได้ลงแข่งแต่ส่งเจสันลงไปร่วมสนุกกับนักแข่งในนามทีมอิสระรถยนต์ยี่ห้อดังตกแต่งเพื่อประลองความเร็วผู้คนในสนามกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับทีมของตัวเองสาวๆซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่แสนจะเซ็กซี่เย้ายวนเดินกรีดกรายทักทายกับชายหนุ่มนักแข่งบางกลุ่มก็ดื่มเหล้า เต้นรำเป็นที่สนุกสนานสร้างสีสันและความคึกคักให้ผู้คนที่มาสนุกสนานไปด้วย

อลิศแนะนำให้เขารู้จักกับเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งหญิงทั้งชาย เพื่อนคนหนึ่งของอลิศเป็นนักแข่งซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับเจสันที่ไคล์ส่งลงไปแข่ง เสียงเรียกประกาศจากสนามถึงรอบที่จะแข่งด้วยลีลาการพูดที่สนุกสนานกระเซ้าเย้าแหย่นักแข่งขณะลงไปประลองความเร็ว รถสองขันเหยียบคันเร่งดังกระหึ่มทุกคนจึงมารวมตัวกันส่งเสียงเชียรทีมของตัว แม่สาวร่างโปร่งอวบอิ่มเดินนวยนาดไปด้านหน้าระหว่างรถทั้งสองคันผ้าเช็ดหน้าในมือชูสูงเป็นการให้สัญญาณ ทันที่ที่เธอวาดแขนลง รถทั้งสองคันก็ทะยานพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกธนูเสียงกระหึ่มก้องไปทั้งสนาม

ไคล์กวาดตามองไปที่สนามแข่งซึ่งทุกคนกำลังสนใจการแข่งรถ แต่หนุ่มสาวกลุ่มใหญ่กำลังให้ความสนใจหญิงสาวร่างอ้อนแอ้นอรชรทั้งสามคน ราวกับว่าเธอทั้งสามเป็นศิลปินชื่อก้องโลก สาวสวยยิ้มแย้มทักทายเป็นกันเองทั้งสามสาวเดินเข้ามาใกล้ในจุดที่เขายืนอยู่โดยมีเหล่าแฟนคลับเดินห้อมล้อมตามมาเป็นโขยง สายตาของไคล์หยุดอยู่ที่สาวสวยใบหน้าที่เขาจดจำไม่เคยลืม ขณะที่เดินผ่านดวงตาทั้งสองคู่สบกันราวกับมีประกายไฟวิ่งประสานกัน ทั้งสองชะงักต่างสงสัยกันไปคนละทาง

“เจ้าชายไคล์มาทำอะไรที่นี่แล้วไปรู้จักยัยอลิเซียตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“นางฟ้า..มีตัวตนจริงๆไม่ได้ฝันไปแฮะว่าแต่เธอเป็นใครกัน”

รอยยิ้มค้างที่ริมฝีปาก ดวงตางามตวัดผ่านไปเฉกเช่นเขาเป็นหนึ่งในแฟนคลับที่คลั่งไคล้คนหนึ่ง..

“ชักอยากรู้จักแล้วแฮะ..เจ้าหญิงเมืองไหนกันล่ะหว่า?”


Smiley วุ้ยๆ ศึกชิงนายกำลังจะเริ่ม..มีตบกันไหมหนอ คริ คริ


Smiley ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ..(กราบ)




Create Date : 02 กรกฎาคม 2558
Last Update : 2 กรกฎาคม 2558 15:25:58 น.
Counter : 394 Pageviews.

0 comment
Wolf True Blood ตอนที่ 10 จ่าฝูง

ตอนที่ 10 จ่าฝูง

สายลมเย็นเฉียบอย่างกับน้ำแข็งบาดผิวหน้าแม้จะสวมหมวกเอาไว้ด้วยความเร็วความแรงของรถสองล้อซึ่งตะบึงลัดเลาะไปตามเส้นทางวิบากพอควรทักษะการบังคับรถของเจสันถ้าไปเอาดีทางด้านแข่งรถ รับรองต้องดังทะลุฟ้าบริษัทชั้นนำย่อมอยากแย่งตัวไปเป็นนักแข่งประจำทีมอย่างแน่นอนที่ตามติดมาด้านหลังก็คือรถของการิม หมอนั่นคอยกันให้เจสัน ล่วงหน้าไปถัดจากรถของเจสัน ไกลออกไปมีฝูงค้างคาวหลายสิบตัวทั้งยังพวกขับรถจี๊ฟซึ่งแต่งเสียดุดัน ทั้งหมุดแหลม กันชนซึ่งมีหอกติดยาวกำลังขับไล่ตามอย่างบ้าคลั่งในความมืดมิดของราวป่า

สิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วราวกับกระพริบตาชณะที่เขากำลังจ้องมองใครสักคนที่เดินตรงมายังเขาแสงสว่างจากไฟส่องจากด้านหลังชายร่างใหญ่เป็นเงามืดจึงไม่อาจเห็นใบหน้าได้ ภาพนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วแต่คนที่เร็วกว่าเห็นจะเป็นองครักษ์ทั้งสองของเขาซึ่งพุ่งตัวพาเขากลิ้งหลบใต้โซฟาอันใหญ่ซึ่งเขานั่งอยู่ก่อนหน้าความชุลมุนวุ่นวายได้บังเกิด เสียงขวดแตกโต๊ะล้มดังอยู่รอบตัวทั้งกระสุนปืนที่ปลิวว่อนข้ามหัว

เจ้ายักษ์ที่เดินตรงมาหาเขากำลังฟัดกับหนุ่มร่างสูงลูกสมุนของวิสโก้และอีกหลายคนซึ่งช่วยกันต่อสู้กับพวกที่บุกรุกโดยไม่ได้รับเชิญพวกแวมไพร์แฝงตัวเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เพราะทุกคนมัวแต่ดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน จนขาดความระมัดระวังเขาเพิ่งได้เห็นการต่อสู้ระหว่างหมาป่าและผีดูดเลือดเสียงคำรามดุร้ายของหมาป่าไม่อาจข่มขวัญเจ้าพวกนี้ได้เลยต่างฝ่ายต่างสูญเสียคนของตนเกือบจะพอๆกันหมาป่าที่พลาดท่าพวกผีดูดเลือดมักจะเป็นพวกที่ตั้งตัวไม่ทันเสียมากนอกนั้นพอฟัดพอเหวี่ยงกันทั้งนั้น

“เจ้าชายเราต้องไปกันเดี๋ยวนี้แล้ว”การิมเข้ามาช่วยฉุดเจสันและเจ้าชายซึ่งมึนงงกับเหตุการณ์ปืนสั้นในมือของการิมยิงเบิกทางเจ้าพวกดูดเลือดที่ดาหน้าเข้ามาร่วงลงไปไม่ต่ำกว่าห้าคน

ทุกตนล้วงพุ่งตรงมาที่ไคล์กันทั้งนั้น..เสียงตะโกนบอกจุดที่เขาซ่อนตัวอยู่ ทั้งการิมและเจสันต่างช่วยกันฆ่าเจ้าพวกดูดเลือดเพื่อพาเขาออกมาพวกมันหวังที่จะจับตัวเขาไป เพื่อการใดนั้นคงไม่ต้องคาดเดา

เสียงปืนดังไล่หลังมาติดๆแต่มอเตอร์ไซด์ทั้งสองคันก็ยังขับหลบหลีกไปได้อย่างรวดเร็วรถยนต์ของเจ้าพวกนั้นถูกปืนของการิมปัดเป๋เสียหลักหมุนฝุ่นตลบอยู่เบื้องหลังแต่พวกที่บินอยู่บนฟ้าก็ยังไล่หลังมาทั้งพวกพื้นดินอีกไม่ต่ำกว่าห้าคันก็ยังไล่ตามติดมาเรื่อยๆ

“เจ้าชายอีกนิดจะถึงเขตผาหมอก..เราจำเป็นต้องฝ่าเขตแดนของผาหมอกเข้าไปเจ้าชายระวังตัวด้วย” เสียงของเจสันตะโกนแข่งกับสายลมให้เขาได้ยินอย่างนั้น รถสองล้อสมรรถนะเยี่ยมยอดก็ลอยข้ามเนินไปอย่างงดงามน่าหวาดเสียวเจสันมีรูปร่างใหญ่โตกว่าเขามากนัก แทบจะบังเขามิดบนฟ้าที่มีเจ้าพวกดูดเลือดมีปีกซึ่งโฉบมาใกล้ ถูกเขาสอยร่วงไปได้ สองสามตัวแต่พวกที่เหลือก็ยังไล่ล่ามาไม่หยุด

กระสุนปืนพุ่งลงพื้นดินไล่หลังเฉียดล้อไปอย่างหวาดเสียวเสียงร้องของการิมซึ่งโดนกระสุนจากเจ้าพวกไล่ล่าล้มคว่ำไป เจสันมองกระจกหลังเห็นดังนั้นก็เบรก เลี้ยวกลับมาช่วยเพื่อนตามคำสั่งของไคล์ที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งที่อีกนิดเดียวจะถึงเขตผาหมอกก็ไม่มีทางเลือกแล้ว เจสันปลดหมวกนิรภัยอย่างรวดเร็วรวบรวมพลังจากท้องน้อยมาสู่ลำคออวบใหญ่ เปล่งเสียงกังวานก้องไปทั้งหุบสัญญาณเรียกฝูงผาทิวสน เสียงนั้นกังวานสะท้อนไปไกล ไคล์กระโดดม้วนตัวลงจากรถสู่พื้นนิ่มนวลอาวุธประจำตัวถูกชักจากสองข้างเอวมันคือมีดสั้นยาวหนึ่งฟุตเป็นอาวุธที่เขาใช้ถนัดมือและแคล่วคล่องที่สุดชายหนุ่มตะลุยบุกเข้าไปเพื่อช่วยการิมซึ่งถูกเหล่าผีดูดเลือดห้อมล้อม

กว่าจะถึงจุดที่การิมเสียหลังล้มคว่ำไปนั้นเขาก็ฆ่าผีดูดเลือดไปได้หลายตัวดาบสั้นหลอมจากไม้กางเขนและน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นอาวุธที่หมาป่าทุกตัวมีไว้ป้องกันตัว นอกจากจะคมกริบแล้วเพียงแค่ปักเข้าส่วนใดของพวกผีพวกมันก็เกิดอาการชักดิ้นชักงอ ไฟสีส้มเผาผลาญตัวมันเองให้เป็นเถ้าถ่านโดยง่ายแต่ก็เฉพาะพวกลิ่วล้อที่ยังไม่มีอาคมแข็งแกร่งเท่านั้นพวกที่แก่กล้าแล้วต้องตัดหัวเพียงอย่างเดียว

การิมตกอยู่ในวงล้อมของพวกผีดูดเลือดซึ่งกำลังรุมทำร้ายอย่างน่าสยองเลือดจากบาดแผลที่โดนคมมีดจากฝ่ายผีดูดเลือดอาบไปทั้งร่าง ไคล์จัดการเจ้าพวกที่ล้อมการิมแต่กระนั้นเจ้าพวกที่เหลือก็ดาหน้าเข้ามาพวกมันชะงักเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเจสันพวกมันมีไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน ต่างห้อมล้อมทั้งสามคน หมายจะเอาตัวไคล์ไปให้ได้

เสียงเปรี้ยงดังสนั่นเจ้าพวกผีดูดเลือดชะงัก เมื่อสิ้นเสียงก็ปรากฏร่างชายฉกรรจ์ราวสิบคนกระจายตัวในอาวุธที่ครบมือ ความช่วยเหลือจากการส่งสัญญาณของเจสันมาได้ทันท่วงที

“พวกแก..รนหาที่ตายกันสินะ” ชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวสะอาดเหยียดยิ้มเย้ยหยันกวาดตามองพวกผีดิบซึ่งยืนรายถอยร่นจากการห้อมล้อมทั้งสามคนออกไป

สีหน้าที่เฉยชาไร้ความรู้สึกของพวกผีดิบยากที่จะเดาว่าพวกมันกริ่งเกรงจะสู้ต่อหรือจะถอยนอกการอาการถอยออกไปรวมตัวกันนั้นทำให้พวกที่เหลือปักหลักตั้งรับการจู่โจมของผู้บุกรุกโดยทันที

“คนของผาหมอกหรือ..ทำไมยื่นมือเข้ามายุ่ง”เจ้าตัวหัวหน้าผู้ไร้ซึ่งเส้นผมตวาดเสียงดังด้วยโทสะหงุดหงิด

กำลังจะได้ตัวเหยื่อที่มีค่าอยู่แล้วทีเดียวทำไมพวกผาหมอกถึงได้ยื่นมือเข้ามา

ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหวานราวกับสตรีก้มลงมองปลายเท้าของเจ้าโล้นในเชิงว่าก้มดูทีส้นตีนที่ยืนอยู่ ถิ่นใคร..เจ้าโล้นมองตามสายตาหนุ่มหน้าสวยจากสีหน้าไร้ความรู้สึกกลับมีสีหน้าตระหนก มันขยับเท้าตั้งมั่นสบตากับหนุ่มหน้าสวยริมฝีปากสะแหยะยิ้มหมิ่นแคลน

“ที่ไหน กูยังอยู่ในเขตของท่าเรือดินแดนเสรีมึงอย่ามาใส่ความกู”มันเถียง หนุ่มหน้าสวยสบถพรืด มือแข็งแรงยกขี้นชี้หน้าทั้งฉุนทั้งขำกับความแถของมัน

“เมื่อกี้มึงยังยืนอยู่ถิ่นของกูไอ้เวร..ยังจะมาเถียงข้างๆคูๆ”

“แล้วมึงจะเอาไง..ไอ้คนนั้นกูจะเอา..มึงจะมายุ่งทำไมไอ้หน้าสวย” เจ้าโล้นบุ้ยใบ้ไปยังไคล์ซึ่งยืนนิ่งอยู่พอถูกพาดพิงเขาก็ถอนหายใจพรืด

“มึงจะเอากู..ถามกูสักคำไหมกูจะเอามึงละเปล่า”

“กูไม่สน..มึงสามคนเป็นเหยื่อของกูเด็กๆกูชอบ”

ทั้งสามคนหันไปมองหน้ากันด้วยความรู้สึกอยากกระทืบไอ้โล้นเสียจริงๆ เจ้าโล้นมองทั้งสามคนอย่างกระหายมันละสายตาเหยื่อมาเจรจากับหนุ่มหน้าสวยอีกครั้ง

“พวกข้าไม่ต้องการต่อสู้กับพวกแก..ส่งสามคนนั้นมาแล้วเราจะไป”

“สงสัยจะไม่ได้วะมึง..เด็กเขาอยู่ในถิ่นกู..บังเอิญกูก็อยากได้เหมือนมึงมั่ง”หนุ่มหล่อยิ้มยียวนไม่มีทีท่าเกรงกลัวไอ้โล้นกับพรรคพวกที่มีมากกว่าด้วยสักนิด

ไคล์มองหนุ่มหน้าสวยซึ่งมองเขายิ้มกวนส่งมาให้ส่วนเจสันกับการิมยิ้มนิดๆทีมุมปากอย่างพอใจกับคำพูดของหนุ่มนั่นไคล์ไม่รู้จักว่าคนนี้คือใคร ลักษณะการแต่งตัวต่างจากคนของผาทิวสนตัวใหญ่หนากว่าหนุ่มๆผาทิวสนที่ดูอ้อนแอ้นเป็นส่วนมาก ลักษณะการเจรจาโผงผางผิดกับหน้าตาที่สะสวยน่าจะเดาได้ไม่ยาก เขาคือลีโอจ่าฝูงผาหมอก..ถ้าเขาเดาไม่ผิด

“มึงอย่าทึกทักไอ้หล่อ..”เจ้าโล้นชี้หน้า

“ขอบใจโว้ยที่ชมกูหล่อ..สาวๆหลงกูทั้งนั้นล่ะ”เจ้าตัวคุยโอ่ “ผู้ชายกูก็ไหวนะถึงจะถึกๆก็เหอะ” เจ้าตัวพูดแล้วก็แอบไปทำหน้ากระอักกระอ่วนก่อนจะหลุดขำพรืดๆพลอยให้ลูกสมุนที่ติดตามมาหัวเราะกันลั่น

“กูไม่ขำ..ถึงไม่หล่อเท่าแต่กูก็ไม่อยากได้มึงหรอกไอ้ขี้คุย”

“เอาเหอะกูจะหลับหูหลับตาละกัน..”เสียงหัวเราะขบขันจากหมาป่าผาหมอกยิ่งทำให้เจ้าโล้นยิ่งหงุดหงิด พระจันทร์คล้อยต่ำลงไปมากแล้วหากยังโอเอ้อยู่เห็นจะไม่ทันการณ์ ถึงจะแก่กล้าเพียงใดก็ไม่อาจสู้แสงอาทิตย์ได้ เลือดพวกหมาป่าไลแคนเป็นสิ่งที่พวกมันตัองการอย่างยิ่งมันทำให้พวกมันสามารถที่จะทนอยู่ในแสงสว่างได้แต่มันยังไม่ก้าวหน้าถึงเพียงนั้นได้มากสุดก็แสงร่ำไรยามเช้า แต่ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นตรงเมื่อใดพวกมันก็ไม่สามารถทนได้ซึ่งลีโอรู้ดี เขาจึงล้อเล่นถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ ไม่ได้หวาดกลัวว่าแวมไพร์มีคนมากกว่า

“น่าเสียดายที่เผ่าพันธุ์ของมึงมีแต่พวกวิปริตมิน่าถึงได้แพร่พันธุ์ได้น้อย” เจ้าโล้นเป็นฝ่ายหัวเราะบ้างลีโอยิ้มกริ่มไม่สะท้านกับคำปรามาสของแวมไพร์ทว่าเขากลับส่งสัญญาณให้สมุนกระจายตัวออกไปพร้อมที่จะจัดการกับพวกบุกรุก

“กูให้โอกาสมึงแล้วนะไม่ต้องรอพระอาทิตย์ขึ้นหรอกมึงจะดับด้วยพวกกูนี่แหละ” หนุ่มหน้าสวยกระโดดไปเบื้องหน้าพร้อมกับร่างที่เปลี่ยนเป็นหมาป่าตัวใหญ่พร้อมกับลูกสมุนทั้งหมด แม้แต่เจสันและการิมก็แปลงร่างเข้าร่วมต่อสู้ด้วยเหลือเพียงไคล์ซึ่งยังคงร่างมนุษย์ แต่ก็เข้าไปช่วยสู้กับพวกแวมไพร์อย่างห้าวหาญไม่แพ้กัน..

ฝากหนึ่งของป่าซึ่งมีหิมะปกคลุมร่างของหมาป่าอีกหลายสิบตัวก็โผล่ออกมา แต่ละตัวพ่วงพี ฟันแหลมคมกระโจนเข้าฟัดเหล่าแวมไพร์จนกระเจืดกระเจิงเป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลยแขนขาของทั้งแวมไพร์และหมาป่าขาดเกลื่อนพื้นหิมะที่เย็นเฉียบ

เมื่อมีผู้มาสมทบฝ่ายแวมไพร์จำต้องล้าถอยจากยี่สิบกว่าคนเหลือไม่ถึงครึ่งทั้งยังสะบักสบอมพวกมันพุ่งตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าคล้ายกับผ้าผืนใหญ่สีดำแต่ก็บินไปแบบกระปลกกระเปลี้ยจากคมเขี้ยวของหมาป่าซึ่งไม่แน่ใจว่าจะบินหนีไปได้ทันก่อนที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือไม่หมาป่าจำนวนหนึ่งวิ่งตามไล่ล่าเหล่าแวมไพร์ไปเพื่อจัดการให้สิ้นซากตามคำบัญชาของจ่าฝูง

“มาช้าตามเคยนะเซย์..”ลีโอตบไหล่ชายหนุ่มหน้าหวานซึ่งกลายร่างจากหมาป่ามาเป็นมนุษย์ปกติริมฝีปากฉ่ำไปด้วยเลือดสดๆเจ้าตัวใช้หลังมือเช็ดดวงตาแข็งกร้าวค่อยๆปรับสู่ภาวะปกติ

“นี่ก็ไวที่สุดแล้วนะ..ยังทันได้เล่นสนุกอยู่นี่” เซย์หัวเราะไปกับคำพูดเย้าแหย่ของเพื่อน

เซย์หันมารับการคำนับจากเจสันและการิม และหันมาก้มศีรษะให้กับไคล์ด้วยศักดิ์เสมอกัน

“ขออภัยเจ้าชายผมกำลังจะให้คนมาอารักขาก็พอดีเจ้าพวกตัวซีดบุกมาเสียก่อน อ้อ..ผมเซบาสเตียนอเล็กซานเดอร์ เรเวน นั่นลีโอนายใหญ่แห่งผาหมอกมิตรที่ดีของผาทิวสน“

“ยินดีที่ได้พบครับจ่าฝูงทั้งสอง”ไคล์สัมผัสมือกับนายใหญ่แห่งฝูงหมาป่าทั้งสองซึ่งยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับสมาชิกเผ่าพันธุ์เดียวกัน

“ นายใหญ่เซย์ผมควรจะได้พบกับคุณตั้งนานแล้วขออภัยที่ไม่ได้ไปหาที่กองบัญชาการเสียที”

“ไม่เป็นไรหรอกครับท่านไพรอนรายงานเรื่องของเจ้าชายมาที่ผมเสมอ อีกอย่างผมไม่ค่อยอยู่ที่นั่นหรอกครับ..ถ้าคุณจะพบคงต้องนัดเจอตามยอดผาไม่ก็ตามแนวชายแดน “ เซย์ยิ้มกริ่มสีหน้าพอใจที่ได้พบ หนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันเจ้าชายพลัดถิ่นผู้เป็นเสมือนน้องชายของเขาคนหนึ่ง หากว่าราชินนีเนเฟอราจะไม่ตายโศกนาฎกรรมที่กลายเป็นประวัติศาสตร์จารึกในบันทึกของเผ่าพันธุ์ เขากับไคล์ก็คงเป็นเพื่อนกันแม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกว่าไคล์คือเพื่อนโดยไม่ลังเลเลย

ไคล์เข้าใจในสิ่งที่เซย์พูดจ่าฝูงผู้ที่ใครๆก็รู้วันๆออกลาดตระเวนร่วมกับเหล่าทหารคู่ใจไม่เคยพำนักอยู่แต่ในกองบัญชาการนานเกินสองวัน

“ไหนๆก็มากันแล้วไปกินข้าวบ้านข้าเหอะจะได้คุยกันให้สำราญบันเทิงใจเชิญครับเจ้าชาย” ลีโอผายมือให้เกียรติแก่ไคล์ในการเดินนำหน้าส่วนตัวเขาและเซย์ ขนาบซ้ายและขวา

และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นมิตรภาพที่อบอุ่นแน่นแฟ้นเจ้าชายผู้ไม่มีเพื่อนศักดิ์โดยสายเลือดเสมอกันก็ได้พบกับพี่น้อง ไล่เรียงกันแล้วทั้งสามตระกูลนั้นเกี่ยวโยงเป็นญาติกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษหากจะทำชาร์ทของต้นตระกูลขึ้นมาคงปวดหัวพิลึกจ่าฝูงลีโอผู้มีเส้นผมยาวสลวยตัดเล็มอย่างประณีตร่างกายกำยำมัดกล้ามสวยงามสมส่วนเป็นคนที่มีอารมณ์สนุกสนานเมื่ออยู่กับเพื่อนฝูงแต่เมื่อรับหน้าที่จ่าฝูงกับลูกน้อง ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดรวดเร็ว ว่ากันตามจริง ลีโอเป็นพวกบ้าพลังเอามากๆผิดกับจ่าฝูงผาทิวสนซึ่งสุขุมนิ่งเงียบจนเดาไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ผาหมอกเป็นชุมชนขนาดพอๆกับผาทิวสนหน้าผาสูงสีน้ำตาลอมส้มสูงลิบลิ่วทางเข้าของผาหมอกคือถ้ำขนาดใหญ่เมื่อก้าวเข้าไปข้างในก็ดูคล้ายกับรังผึ้งแต่ละชั้นรอบๆปล่องหน้าผาคือที่พำนักของเหล่าบริวารภายใต้การปกครองของลีโอ เพดานถ้ำสูงลิบลิ่วแสงสว่างจากปากปล่องมองเห็นแสงรำไรเท่านั้นปากถ้ำใหญ่ ลานหินเรียบสีดำเป็นมันแสดงให้เห็นว่า สถานที่นี้เป็นที่เรียกประชุมมันใหญ่พอๆกับสนามฟุตบอลเลยทีเดียว

ชุมชนประชากรของลีโอเท่าที่ประเมินด้วยสายตามีไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตัวไม่นับรวมเด็กเล็กและสตรี เด็กๆวิ่งกรูเข้ามาห้อมล้อมลีโอเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาหมอนั่นอุ้มเด็กหญิงผมหยิกตากลมใสราวกับตุ๊กตาขึ้นมามือลูบหัวเด็กๆชายหญิงที่ล้อมหน้าล้อมหลังมุมอ่อนโยนของลีโอดูละมุนละไมผิดกับท่าทางวางโตลิบลับ

“เด็กรุ่นใหม่ของเราไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่หรอกเจ้าชายเจ้าพวกนี้ได้สายพันธุ์จากแวร์วูลฟ์พวกนี้มียีนส์ที่แข็งแกร่งทนทานต่อสภาพที่เปลี่ยนไป” ลีโอส่งยัยหนูผมฟูให้บิดามารดาที่แท้จริงพลางอธิบายให้เขาทราบ

เท่าที่สังเกตชุมชนของผาหมอกจะไม่ค่อยออกไปกลางแจ้งเท่าใดนักภูมิประเทศที่นี่อยู่ในที่สูง ลีโอเดินนำขึ้นบันไดวนขึ้นมาถึงชั้นบนสุด แต่ละชั้นที่เดินผ่านไปแต่ละชั้นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราผิดกับสภาพที่เป็นอยู่มากนัก บันไดหินอ่อนสีดำปูลาดตลอดทุกชั้น ชั้นที่พำนักของลีโอเมื่อก้าวเข้าไปก็สัมผัสเข้ากับความหอมระรื่นของกลิ่นสดชื่นของดอกไม้ประดับประดราวกับเดินเข้าไปในสวนซึ่งตกแต่งอย่างประณีตงดงาม วัสดุเครื่องใช้ไม่ว่าจะเป็นลานอ่างน้ำพุรูปปั้นหินอ่อนละอองน้ำสีเขียวอมฟ้ากระจายกลิ่นหอมซึ่งปรุงอย่างดีเลิศรสนิยมหรูหราไม่เบาเลย จ่าฝูงลีโอ

“ยินดีต้อนรับสู่วังผาหมอกครับเจ้าชาย..”



Smiley รอกันนานไหมเหล่าท่าน.. ถ้างานเยอะก็เขียนได้น้อย บางทีจดใส่สมุดไว้ทำหายก็ต้องมาคิดใหม่อีก..ข้อแก้ตัวเยอะน่อ..เอาว่ากระพ้มจะเขียนไปเรื่อยๆละกันเนาะ


Smiley ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ..




Create Date : 23 มิถุนายน 2558
Last Update : 2 กรกฎาคม 2558 14:45:14 น.
Counter : 489 Pageviews.

2 comment
1  2  3  

wynter289
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]