Wolf True Blood ตอนที่ 12 ปะทะคารม




ตอนที่ 12 : ปะทะคารม

ยามค่ำคืนลานแข่งรถกลายเป็นลานแสดงดนตรีแสงสีเสียงตระการตาหนุ่มสาวต่างสนุกสนานไปกับการแสดงดนตรีที่ชื่นชอบ กลุ่มนักแข่งอยู่ในส่วนที่จัดไว้เฉพาะนอกจากจะเป็นการฉลองสำหรับชัยชนะในแต่ละรุ่นรางวัลที่เดิมพันก็จัดการส่งมอบกันที่นี่ ซึ่งก็มีทั้งเดิมพันด้วยผู้หญิง รถและทรัพย์สินอื่นๆ แล้วแต่จะตกลงซึ่งเป็นการยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายสมาชิกที่รวมกลุ่มมาแข่งขันรู้กันดี และถือเป็นเรื่องปกติ

บริเวณหน้าผาเหนืออ่าวท่าเรือเป็นที่รวมกลุ่มของคนหลากหลายดินแดนเสรีที่ทุกคนถ้าไม่แกร่งพอก็อย่าได้หาญกล้ามาที่นี่ ถิ่นที่ค่อนข้างเถื่อนๆไม่มีเจ้าหน้าที่เมืองไหนเข้ามายุ่ง ถ้ามีเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ วิสโก้ก็จะเป็นคนจัดการเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้ทำการตกลงกติกาแข่งขันตัดสินกันเองโดยให้สมาชิกทั้งหมดช่วยกันเป็นพยาน เมื่อตัดสินกันได้แล้วหากยังไม่พอใจก็มาแก้มือกันใหม่ในวันหน้าได้ถึงจะเป็นเมืองที่ดูไม่มีกฎอะไรเข้มแข็ง การแข่งขันก็ไม่เคยเอากันตายถึงชีวิตเรื่องแบบนี้สืบทอดกันมาเนิ่นนาน และทุกคนก็ถือปฏิบัติตามกฎนี้มาตลอดแต่ทว่าวิสโก้ก็ไม่ใช่เจ้าของท่าเรือนี้ทุกคนปกครองตนเองวิสโก้เองก็ต้องทำมาหากินเหมือนกับทุกคน มีแค่ความยำเกรงกันเท่านั้นเพราะทุกคนรู้ดีว่า เซย์คือเจ้าของท่าเรือการค้าขายส่วนใหญ่ส่งไปที่ผาทิวสนซึ่งรับซื้อด้วยราคาที่สูงกว่าที่อื่นการเป็นอยู่ของเขตท่าเรือจึงหรูหราและฟุ่มเฟือย

บาร์ชิคเก้น เป็นที่เดียวที่นั่งดื่มกิน เต้นรำมีครบหมดผู้คนเดินเข้าเดินออกผลัดกันออกมาสูดอากาศข้างนอก อากาศยามค่ำคืนค่อนข้างเย็นถังน้ำมันเก่าถูกนำมาใช้จุดไฟเพื่อให้ไออุ่น ลานข้างนอกมีรถยนต์ จอดอยู่เต็ม ที่พักก็ถูกจับจองเต็มจนหมดพวกที่ไม่มีที่พัก ก็จัดหาที่กางเต้นท์เป็นกลุ่ม ล้อมวงรอบกองไฟเหล้ายาก็มีพรักพร้อม ค่ำคืนที่สว่างไสวด้วยแสงสปอร์ตไลท์จากเวทีดนตรีแสงสีที่ประดับประดาตามร้านรวงซึ่งช่วยกันตกแต่งอย่างสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวเหล่านี้

กลุ่มของไคล์นั่งอยู่ด้านในสุดของบาร์ชิคเก้น เป็นจุดที่ค่อนข้างเด่นเจ้าถิ่นอย่างอลิเซียเป็นคนจัดการทั้งหมดหนุ่มสาวหลายคนกำลังเต้นรำกันอย่างสนุกตามจังหวะเสียงดนตรีจากวงดนตรีที่ขับร้องอย่างไพเราะนักดนตรีที่เอนเตอร์เทนนักเที่ยวได้อย่างเยี่ยมยอด ทำให้บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงตะโกนกระเซ้าเย้าแหย่ระหว่างนักดนตรีกับนักเที่ยวซึ่งเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันสลับกับเสียงเพลงที่แต่ละคนตะโกนขอกันขึ้นไป รวมทั้งการละเล่นที่ให้สาวๆแต่ละโต๊ะขึ้นมาแบทเทิ่ลเต้นรำกันเรียกเสียงเชียรกระหี่มไปทั้งห้อง

“จบเพลงนี้รอบที่สองก็จะเริ่มขึ้นแล้ว..รางวัลในรอบนี้เป็นเหล้าอย่างดีที่ทางร้านเก็บงุบหงิบไว้ตั้งแต่ปีก่อน สาวโต๊ะไหนชนะรับขวดนี้ไปเลยครับ”เสียงประกาศจากนักร้องร่างกำยำสักลายเท่ๆเต็มตัว เอ่ยชักชวน สาวๆแต่ละโต๊ะ เรียกเสียงเฮอีกครั้ง เสียงเพลงได้บรรเลงขึ้น และหยุดลงเมื่อนักร้องหนุ่มให้สัญญาณ พร้อมกับพูดออกไมค์เสียงชัดเจนทักทายใครคนหนึ่งซึ่งคงเป็นจุดสนใจอย่างยิ่ง

ประตูทางเข้าปรากฏร่างของหญิงสาวซึ่งเป็นจุดเด่นเมื่อตอนกลางวัน สายตาของหนุ่มๆในร้านต่างพุ่งไปยังเธอคนนั้นแม้แต่ไคล์เองซึ่งกำลังฟังอลิเซียเล่าถึงเรื่องราวสนุกๆก็ต้องมองตามคนอื่นๆด้วย

“ยินดีต้อนรับคุณหนูทั้งสามเข้าสู่ความบันเทิงอภิมหามันส์..ว่าแต่ค่ำนี้คุณหนูทั้งสามจะให้เกรียรติร่วมสนุกกับพวกเราหรือไม่ จบเพลงนี้แล้วได้รู้กัน “นักร้องผู้เต็มไปด้วยเสน่ห์มัดใจสาวน้อยสาวใหญ่หันไปให้สัญญาณเริ่มเล่นดนตรี

สาวสวยทั้งสามซึ่งอยู่ในชุดเรียบง่ายแต่อวดสัดส่วนของวัยสาวสะพรั่งได้อย่างละลานตาสายตาชายหนุ่มกวาดมองด้วยความรู้สึกเต็มไปด้วยความรู้สึกปรารถนาส่วนหญิงสาวมองพวกเธอด้วยสายตาชื่นชมระคนอิจฉา

หญิงสาวทั้งสามขยับตัวกลมกลืนไปกับเหล่าหนุ่มสาวทั้งยังทักทายกลับอย่างมีไมตรีไม่ถือตัวแต่อย่างใด ดวงตางดงามของสาวน้อยแสนสวยที่ไคล์จดจำได้ติดตากวาดมาสบตากับเขาดวงตางามเปล่งประกายจนเขายิ้มมุมปากบางๆ แต่เธอก็แค่มองผ่านไปไม่มีอะไรพิเศษ

ฟรีเซียใจเต้นแทบจะโลดออกมานอกอกเมื่อสายตาแลสบกันเธอตั้งใจกวาดตามองหาเขาแรงดึงดูดส่งพลังให้เธอทำเช่นนั้นแม้ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ แต่เธอเห็นเขาโดยง่ายเจ้าชายผู้สง่างามเหมือนมีออร่ากระจายอยู่รอบๆตัว ความดีใจมีอยู่ชั่วครู่เมื่อสายตาอีกคู่จ้องกลับมาราวกับจะเผาให้มอดไหมเป็นจุณเดี๋ยวนั้น

เจ้าชายของเธอ..ไม่ซิเขายังไม่รู้จักเธอนี่นาเขาเป็นแฟนกับอลิเซียตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..

สามสาวเดินมานั่งที่โต๊ะ รอย และ ไซรัส แฟนหนุ่มของไอโกะและซอนย่าร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เครื่องดื่มดีกรีแรงพอประมาณสำหรับหญิงสาวความผ่าวร้อนลวกผ่านลำคอลงไปสู่กระเพาะอันว่างเปล่าฟรีเซียตาโตเมื่อรับรู้ถึงความผ่าวร้อนนั้นแล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะคิกกับความรีบร้อนของตัวเอง

“แหม..เริ่มร้อนแรงแต่เริ่มต้นกันทีเดียว”หญิงสาวตอบเก้อๆ เมื่อทั้งโต๊ะหัวเราะกับกิริยาของเธอ

หางตาชำเลืองแลไปที่โต๊ะเยื้องกันชายหนุ่มรูปงามข้างกายมีสาวโสภานั่งอิงแอบแนบชิดท่าทางสนิดสนม หัวใจรู้สึกแปลกๆ

และไคล์ก็มองมาที่เธอพอดีสายตาของทั้งสองคนสบกันราวกับนัดกันไว้หนุ่มผู้งดงามยิ้มมุมปากให้เธอราวกับหยั่งเชิง ฟรีเซียยิ้มกลับในแบบเดียวกันตางามตวัดหางตาหวานโปรยเสน่ห์เส้นผมยาวหยักเป็นคลื่นสวยสะบัดพลิ้วกิริยาที่ไม่กี่คนที่ทำได้งดงามและทรงเสน่ห์

อยากรู้จักนางฟ้าที่เคี้ยวดอกอะไรสักอย่างช่วยเหลือเขาในการแปลงร่างที่หมดท่าน่าอับอายที่สุดครั้งหนึ่งกลิ่นสมุนไพรยังหอมอวลริมฝีปากอิ่มสีสดขยับไปมาขณะพูดคุยกับเพื่อนของหล่อนน่ามองไปเสียหมด

สาวๆออกไปเต้นรำแข่งขันเอารางวัลที่ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรเหล้าถูกๆ หรือไม่ก็น้ำมันเครื่องสักกระป๋อง บุหรี่กล่องหนึ่งแล้วแต่ความบ้าของนักร้องคนนั้นจะตั้งขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานของแขกที่มาเที่ยว มันก็สนุกจริงๆนั่นแหละ

ด้านข้างของบาร์ชิคเก้นเป็นสวนเล็กๆมีต้นไม้ปลูกกระจายห่างๆมันไม่มีที่ไหนที่จะหลบซ่อนทำอะไรได้แสงไฟจากต้นเสาซึ่งส่องแสงนวลในยามค่ำคืนก็ไม่ได้สว่างเจิดจ้าอะไรเส้นทางนี้เป็นทางผ่านไปยังโรงแรมเล็กๆซึ่งปลูกอยู่บนเนินเขาลดหลั่นกันลงมาบ้านซึ่งปลูกกลืนไปกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะมองกลางคืนหรือกลางวันก็ล้วนงดงาม

ทั้งห้าคนหยุดฝีเท้าเกือบจะพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักออดอ้อนซึ่งเป็นเสียงที่เหมือนกับว่ากำลังจะเริ่มกิจกรรมอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะเปิดเผยแก่สาธารณะชนที่มาของเสียงอยู่ใต้เงาไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่น แสงสว่างเพียงน้อยนิดพอจะทำให้มองเห็นว่าหญิงและชายคู่นั้นคือใคร

ความมืดมันไม่ได้ปกปิดอะไรสำหรับสายตาของสัตว์แปลงทั้งห้าคน กิริยาของฝ่ายหญิงที่ดูท่าจะเมามากกำลังปล้ำกอดชายหนุ่มซึ่งพยายามประคองตัวและปัดป้องและคงเมาทั้งคู่เสียงห้ามปรามแผ่วเบาจากฝ่ายชาย เสียงเอาแต่ใจของหญิงสาวเว้าวอนเรียกร้อง

“อลิศเดินไม่ไหวเจ้าชายอุ้มหน่อยซิคะ”

“ไม่ดีหรอกอลิศเดี๋ยวผมไปตามไลลาให้คุณรอที่นี่ก่อนได้ไหม” ชายหนุ่มปรามเบาๆ

“ไม่อาว..ที่พักอยู่แค่นี้เองอลิศไม่รอแล้ว”เจ้าหล่อนเอนตัวพิงซบอกหนาของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องประคองเธอเอาไว้อีกครังในใจก็นึกว่าทำไมเขาต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรอย่างนี้

คนหนึ่งพยายามปัดป้องกับอีกคนที่พยายามเบียดกายแนบชิดทั้งพยายามหลบเมื่อหญิงสาวพยายามปล้ำจูบเขาให้ได้

“ไปกันเถอะ..”เสียงพูดแสนเบาของซอนย่าทำให้ทั้สี่คนเดินด้วยฝีเท้าเบาออกไปจากตรงนั้นหางตาของฟรีเซียทันได้เห็นอลิเซียใช้สองมือประคองหน้าหนุ่มในเงามืดของไม้ใหญ่ประทับจูบ

อลิเซียไม่ได้เมามายอะไรนักอะไรมันจะบังเอิญให้ฟรีเซียและเพื่อนของเธอเดินผ่านมาในเวลานี้ถึงแม้จะไม่มีพิธีประกาศอย่างเป็นทางการให้ฝูงรับรู้ถึงการหมั่นหมายของฟรีเซียและเจ้าชายไคล์เธอก็มีสิทธิ์ที่จะยื้อแย่งเจ้าชายมาเป็นของเธอ

ไคล์ดันร่างอวบอิ่มของอลิเซียออกไปทันทีที่ถูกจูบสายตาได้ทันมองเห็นกลุ่มชายหญิงเดินจากไปเงียบๆคนที่โดดเด่นปลายผมสลวยที่สบัดเดินตรงสง่านั้น คือคนที่เขาสนใจแต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดเพราะต้องแกะปลิงสาวที่เข้ามาเกาะแกะเขาเหมือนครั้งนี้จะมีระฆังช่วยเมื่อไลลา เพื่อนของอลิเซียตะโกนเรียกไคล์รีบขานรับแทนอย่างรวดเร็ว

“อยู่ตรงนี้ครับไลลา”

หญิงสาวผิวคล้ำเดินมาพร้อมกับเพื่อนหญิงอีกคนก้าวมาตามเสียงไคล์ออกแรงประคองร่างบางขัดขืนทำเสียงฮึดฮัดขัดใจเขารีบส่งอลิเซียให้กับเพื่อนของเธอดูแลต่อทันที

“เธอเมาครับช่วยดูแลเธอด้วยว่าแต่คุณสองคนเห็นเพื่อนของผมหรือเปล่า”ไคล์ถอยห่างออกให้พ้นมือที่ยังพยายามไขว่คว้า

“ยังอยู่ที่โต๊ะค่ะกำลังแข่งดื่มกันอยู่” ไลล่าตอบ

“ผมไปก่อนนะครับยินดีที่ได้รู้จักคุณสองคนหวังว่าคงได้มีโอกาสเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อในเวลาอันใกล้นี้”

“ยินดีค่ะ..หวังว่าจะได้รับเชิญเร็วๆนี้นะคะ”แมกม่ายิ้มหวาน เธอประคองแขนอลิเซียซึ่งตอนนี้คอพับไปแล้ว เจ้าหล่อนจิกตามองเพือนอย่างรู้ทันกัน

อลิเซียขุ่นใจอย่างยิ่งเธอกำลังจะมัดเจ้าชายไคล์ได้อยู่แล้วยัยสองคนนี่ช่างไม่รู้งานเสียจริงตามออกมาทำไมก็ไม่รู้ เจ้าหล่อนแกล้งเดินปัดเป๋ให้สมกับอาการเมามายตามที่เริ่มแสดงตั้งแต่ต้นดีเหมือนกันมีคนช่วยประคองเธอเองก็เมาหัวหมุนอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้มากมายขนาดขาดสติลืมตัวแต่ทว่าเธอรู้สึกหลงเสน่ห์เจ้าชายรูปหล่อผู้นี้เข้าแล้วซิทุกอย่างจึงเป็นการตั้งใจยั่วยวน แม้จะดูรุกไล่ไปบ้าง เธอมั่นใจเจ้าชายคงมีใจให้เธอบ้างไม่อย่างนั้นจะยอมหลงกลง่ายๆอย่างนี้หรือ

เช้าวันต่อมานักแข่งที่มาจากหลายที่ก็ทยอยเดินทางกลับลานที่จัดการแสดงเมื่อคืนถูกรื้อถอนเก็บกวาดผับ บาร์ ซึ่งผู้คนซึ่งไม่มีที่พัก ยังคงมีพวกเมาค้างหลับกันอยู่แม้แต่ใต้ร่มไม้ก็มีเต้นท์หลากสี กางอยู่ยังไม่ได้ถูกรื้อถอนเพราะยังเช้ามากกลิ่นอาหารมื้อเช้าซึ่งหลายกลุ่มทำกันง่ายๆ พวกที่พักตามโรงแรมริมผาไม่มีใครรีบร้อนออกจากที่พักกัน

เต้นท์ใหญ่ขยับไหวเบาๆซิปด้านหน้าถูดรูดเปิดจากด้านในพร้อมกับศีรษะได้รูปมุดโผล่ออกมาร่างสูงบิดไล่ความเมื่อยขบพร้อมกับอ้าปากหาวยาวยืดอีกครั้ง ภายในเต้นท์มีถูงนอนอีกสองใบพองกลมห่อหุ้มร่างของสองหนุ่มร่างใหญ่ซึ่งประสานเสียงกรนอย่างสามัคคี

เต้นท์ข้างๆหน้าเต้นท์มีสองหนุ่มนั่งจิบกาฟอยู่แล้วเมื่อเห็นว่าเพื่อนข้างๆออกมาก็ส่งเสียงทักทายทันที

“อรุณสวัสดิ์ครับเจ้าชาย..”ไซรัสยิ้มกว้างด้วยไมตรี

“สวัสดีครับ..คุณสองคนตื่นเช้ากันจัง”ไคล์ยิ้ม รับมือหยิบขวดน้ำเทใส่ฝ่ามือล้างหน้าบ้วนปากง่ายๆกิริยาเถื่อนๆห่างไกลกับคำกล่าวขานที่ถูกเรียกว่าเจ้าชายลิบลับ

“กาแฟซักแก้วไหมครับรอยกำลังทอดเบคอน เจ้าชายรับไข่ดาวด้วยไหมครับ” ไซรัสเอ่ยชวนเจ้าชายไม่รอช้าเดินตรงมานั่งที่ขอนไม้หน้าเต้นท์สองหนุ่มมือเรียวรับแก้วกาแฟซึ่งไซรัสเทจากหม้อสนามไออุ่นจากแก้วกาแฟกลิ่นหอมอวลของกาแฟพันธุ์เลิศ แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกสดชื่นบนเตาถ่านรอยกำลังทอดเบคอนหลายชิ้นขนมปังสำเร็จรูปและเครื่องกระป๋องอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเปิดรอไว้สำหรับนำมาประกอบเป็นอาหารง่ายๆสำหรับมื้อเช้า

“หลับสบายไหมครับ..”ไซรัสเอ่ยถาม ดวงตามีร่องรอยขบขันเจืออยู่บางๆ

ไคล์หัวเราะแห้งๆยกแกแฟขึ้นจิบ จะให้ตอบยังไงดีล่ะกว่าจะได้นอนก็ค่อนข้างจะดึกล่วงเข้าเกือบเช้าวันใหม่ทีเดียวเริ่มจากห้องพักซึ่งเขาต้องสละให้กับสาวๆเพื่อนๆของอลิเซีย มันไม่ใช่เรื่องสุภาพบุรุษอะไรให้ดูดีเพอร์เฟคแต่มันเป็นเรื่องของความหวงตัวของเขาล้วนๆ

ผู้ชายคนไหนอยู่กับสาวสวยในขณะที่สติไม่ค่อยเต็มร้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ดีกรีแรงซึ่งดื่มกันไม่บันยะบันยังราวกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มีเหล้าให้ดื่มละก็คงจะต้องทำแบบเขาทุกคนละ ยิ่งเป็นผู้หญิงกล้าได้กล้าเสียอย่างอลิเซียละก็ ขอไปตั้งหลักกันสักหน่อย เขาไม่ได้รังเกียจอลิเซียออกจะชอบๆเธออยู่บ้างแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นคบหามากไปกว่าเพื่อนคนหนึ่งลึกๆในใจเขารู้ว่ามีใครสักคนรอคอยเขาอยู่ เขาเองก็ไม่เข้าใจใครคนนั้นเป็นใคร ความรู้สึกคลั่งไคล้หวงแหนอยากครอบครองยังไม่รู้สึกกับผู้หญิงคนไหนหรือว่าเขายังไม่รู้จักพวกหล่อนอย่างจริงจังมากพอ

สองหนุ่มคนสนิทของจ่าฝูงเลี้ยงอาหารเช้าเขาอย่างอิ่มหนำแถมยังเผื่อให้กับองครักษ์ของเขาเมื่อทั้งสองมุดเต้นท์ออกมาตามกลิ่นเบคอนซึ่งลอยไปยั่วยวนถึงในเต้นท์

รถมอเตอร์ไซด์คันโตหลายคันแล่นตามกันมาในถนนเล็กๆลัดเลาะไหล่เขามาอย่างไม่เร่งรีบคณะที่กลับผาทิวสนมีกันมาหลายคันหนุ่มสาวซ้อนท้ายกันมาขับเลียบไหล่เขามาเรื่อยๆไม่รีบร้อนอะไรนักทั้งหมดนัดหมายแวะพักกันที่หมู่บ้านอิงหมอกเป็นหมู่บ้านเล็กๆห่างจากค่ายใหญ่พอควรหากใช้ฝีเท้าหมาป่าก็น่าจะประมาณเกือบค่อนวันกว่าจะถึง เส้นทางที่มายังหมู่บ้านอิงหมอกไม่ค่อยสะดวกนักก่อนฤดูหนาวอันยาวนานค่ายใหญ่จะต้องส่งเสบียงอาหารมาแจกจ่ายแต่ละเขตแต่ละหมู่บ้านซึ่งกระจัดกระจายตามหุบเขาอาณาเขตของผาทิวสน

บุตรชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านอายุครบสิบปสองปีแล้วปีหน้าจะต้องถูกส่งเข้าไปฝึกที่ค่ายใหญ่เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติกันทุกบ้านและตัวเด็กเองก็มีความกระตือรือร้นที่จะเข้าไปฝึกเป็นผู้พิทักษ์ของฝูง

สภาพโดยรอบๆหมู่บ้านค่อนข้างโบราณอย่างยิ่งบ้านทุกหลังปลูกด้วยดินผสมฟางและหิน หลังคามุงด้วยหญ้าแห้งรูปทรงเกลี้ยงๆโล้นๆดูกลืนไปกับธรรมชาติ ลานด้านหน้าบ้านของผู้ใหญ่บ้านดูแคบไปถนัดเมื่อรถมอเตอร์ไซด์คันโตจอดเรียงรายกินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง

ไคล์ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในคณะได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษสัญลักษณ์ของตระกูลซึ่งเขาห้อยติดคอไม่จำเป็นต้องปกปิดแสดงฐานะเขาได้เป็นอย่างดีไม่จำเป็นต้องมีใครแนะนำ

“นับเป็นเกียรติที่เจ้าชายมาเยี่ยมหมู่บ้านเล็กๆของผมเชิญด้านในครับภรรยาผมเตรียมอาหารไว้มากมายทีเดียว” เอ็ดก้าผู้ใหญ่บ้านอิงหมอกเชื้อเชิญ

ทุกคนซึ่งนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซด์มานานจึงไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปภายในบ้านซึ่งดูธรรมดาแต่เมื่อเช้าไปภายในก็ต้องประหลาดใจ

เครื่องเรือนภายในบ้านของเอ็ดก้าแม้ไม่หรูหรามากนักแต่ก็อยู่ในระดับดีสมฐานะทั้งห้องปูลาดด้วยพรม โต๊ะไม้ขัดมันพอจะนั่งได้สิบสองคนหากมากกว่านั้นก็ไม่เป็นปัญหาเพราะมีโต๊ะตัวใหญ่ขนาดเดียวกันแต่มีที่นั่งหกคนก็สามารถนำเอามาต่อเติมได้ห้องที่กว้างขวางบนโต๊ะมีอาหารทั้งคาวหวานวางอยู่เต็มจนเกินจะกินได้หมด

หลังมื้ออาหารมีโปรแกรมของแต่ละคนที่ต้องเดินสำรวจตรวจสอบภายในหมู่บ้านโดยแยกกลุ่มกันไปชุดของไซรัสตามภรรยาผู้ใหญ่บ้านไปสำรวจแปลงเพาะปลูกและปศุสัตว์ทีมของรอยไปตรวจแหล่งน้ำและสถานพยาบาลของหมู่บ้าน ส่วนไคล์ไม่มีคำสั่งให้ทำงานอะไรแต่ก็ได้รับคำเชิญของผู้ใหญ่บ้านไปดูการทำงานของผู้คนในหมู่บ้านพวกที่เหลือซึ่งไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่ก็สมัครใจที่จะไปกับคณะของรอยและไซรัสตามอัธยาศัย มีเพียงไคล์ซึ่งเดินตามเอ็ดก้าผู้ใหญ่บ้านเพื่อเยี่ยมชมหมู่บ้านตามลำพังเขาตั้งใจที่จะปลีกตัวจากอลิเซียสักพัก ครั้นจะห้ามปรามไม่ให้หล่อนตามก็ดูจะหักหน้ากันเกินไปแต่จะให้หล่อนแสดงความเป็นเจ้าของเขาเกินไปก็ดูจะไม่เหมาะ

ไคล์รู้สึกหงุดหงิดสายตาเย็นชาของฟรีเซียซึ่งไซรัสแนะนำให้เขารู้จักก่อนออกเดินทางกลับผาทิวสนพร้อมทั้งสุภาพสตรีอีกสองคนเพื่อนสาวคนสนิทของฟรีเซียเจ้าหญิงไอโกะ และเลดี้ซอนย่า ฟรีเซียเป็นน้องสาวของจ่าฝูงเซย์เธอยังคงจับตาจับใจเขามากยิ่งขึ้น แต่เพราะเขาก็ต้องดูแลอลิเซียอยู่จึงไม่มีเวลาทำความรู้จักกับเธอให้มากยิ่งขึ้น

หมู่บ้านอิงหมอกไม่ได้มีสมาชิกลูกบ้านมากมากมายเลยสถานที่ตั้งอยู่บนไหล่เขาเตี้ยๆมีอยู่เพียงยี่สิบหลังคาเรือนลูกบ้านของเอ็ดก้ามีอยู่เพียงแค่แปดสิบเก้าสิบคนเท่านั้นนับรวมทั้งเด็กเล็กเด็กโต.. เมื่อไคล์เดินไปยังชุมชนที่เหล่าลูกบ้านจับกลุ่มกันทำกิจกรรมสันทนาการทุกคนต่างก็หันมาให้ความสนใจผู้มาเยือน พวกเขากำลังแปรรูปอาหารเพื่อเก็บไว้กินในฤดูหนาว

เอ็ดก้ามีงานที่ต้องดูแลจึงปล่อยให้เขาเดินชมนกชมไม้ย่อยอาหารที่เขาสนใจก็เห็นจะเป็นลานที่ชุมชนมักจะใช้ในการเล่นกีฬาเล็กๆน้อยๆจำพวกเครื่องบินบังคับ ฝึกยิงธนูและอะไรอีกก็ตามที่มันเป็นเกมส์สนุกซึ่งนิยมกันในแต่ละช่วงนั้นๆ ที่ลานนั้นมีคนกำลังเล่นเครื่องร่อนบินฉวัดเฉวียนกันอยู่บนท้องฟ้า แสงแดดตอนบ่ายค่อนข้างร้อนพอควรสายลมเย็นพัดอยู่ตลอดไม่ทำให้การละเล่นมีอุปสรรค

ไคล์หยุดดูอยู่สักครู่ก็เดินต่อไปยังสถานที่หย่อนใจอีกที่หนึ่งซึ่งเอ็ดก้าบอกว่าสวยงามนั่นก็คือฝายชะลอน้ำ รอยยิ้มแตะริมฝีปากสีสดเขาก็อยากดูเหมือนกันฝายชะลอน้ำของพวกหมาป่าจะมีหน้าตาเช่นไรป่าไม้รอบๆหมู่บ้านมีอายุมากเกินกว่าจะประเมินอายุจริงได้ถูกต้องเล็กสุดก็ประมาณสามคนโอบอีกทั้งพืชพรรณกาฝากซึ่งเกาะเกี่ยวตามคบไม้ก็กำลังออกดอกอวดสีสันและกลิ่นหอมระรื่นยามลมพัดโชยช่างเป็นสถานที่งามเหมือนดินแดนในเทพนิยาย

ก็ไม่ผิดหรอกถ้าจะเรียกดินแดนแห่งนี้ว่าเทพนิยายเพราะความบริสุทธิ์ของธรรมชาติมันเป็นเช่นนั้น พืชพรรณแปลกๆที่เขาไม่เคยเห็น ล้วนงดงามและแล้วเขาก็มาถึงฝายชะลอน้ำตามที่เอ็ดก้าแนะนำ ธารน้ำสายเล็กใสจนเห็นก้นลำธารซึ่งมีหินหลากๆสีคล้ายหินมีค่าเต็มไปทั้งสาย ฝายชะลอน้ำที่เอ็ดก้าพูดคือน้ำตกเล็กๆมีก้อนหินวางกั้นเป็นชั้นๆป่าโดยรอบพอจะเดินลัดเลาะไปยังต้นน้ำได้ วิญญาณนักสำรวจเข้าสิงเขาอยู่กระมังทำให้เขาเดินทวนสายน้ำขึ้นไปดูยังต้นน้ำซึ่งเป็นแอ่งน้ำใหญ่มีโขดหินระเกะระกะรองรับแอ่ง น้ำใสแจ่วน่าลงไปแหวกว่าย ความคิดนั้นยังไม่ใช่ในตอนนี่ ขายาวก้าวขี้นไปยังก้อนหินใหญ่มองไปยังแอ่งน้ำซึ่งมีน้ำใหล่ลงมาเป็นม่านสวย และเขาเห็นร่างขาวโพลนของผู้หญิงกำลังดำผุดดำว่าย

ความเป็นสุภาพบุรุษทำให้เขารีบเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นว่าร่างเปลือยเปล่าของสตรีนางหนึ่งเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะดูเขาไม่รู้ว่าจะมีใครมาว่ายน้ำตอนนี้ เขาควรกลับไปแต่แล้วเสียงตูมอยู่เบื้องหลังพร้อมกับน้ำแตกกระจายราวกับว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้เขาต้องรีบหันกลับไปมองแอ่งน้ำที่ไหวกระเพื่อมจากการแวกว่ายบัดนี้กำลังแตกกระจายอย่างน่ากลัวร่างสองร่างซึ่งกำลังฟัดฟาดต่อสู้กันอยู่ในน้ำนั้นน่าตกใจไม่น้อย

ร่างของหมาป่าสาวขนสีขาวกำลังฟัดกับเสือดาวอยู่ในน้ำเสียงคำรามข่มขู่ดุดัน ไคล์ชักปืนพกสั้นขี้นมาถือร่างปราดเปรียวกระโดดข้ามโขดหินตรงไปยังจุดเกิดเหตุก็ทันได้เห็นร่างของเสือดาวถูกงับเข้าที่หลังคอลากขึ้นมาบนลานดินนุ่มๆริมฝั่งหมาป่าและเสือดาวกำลังฟัดกันต่ออย่างดุเดือด เขาเล็งปืนไปยังทั้งคู่ แต่ก็ยังหาจังหวะช่วยเหลือหมาป่าตัวนั้นยังไม่ได้

ทั้งสองตัวไม่รู้มีความแค้นอะไรกันมาแต่หนไหนทั้งสองร่างพอฟัดพอเหวี่ยงกันการต่อสู้บนบกดำเนินไปไม่นานผู้พ่ายแพ้เริ่มปรากฏว่าเป็นฝ่ายไหนนั่นทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรยุติการต่อสู้ครั้งนี้ได้แล้วปืนที่อยู่ในมือจึงเล็งไปยังลายเหลืองดำอย่างไม่ลังเลสิ้นเสียงปืนร่างของเสือดาวก็กระเด็นหลุดไปกระแทกกับหินหมาป่าแสนสวยขยับตัวลุกขึ้นยืนแม้จะไม่มั่นคงนักอาการหางตกขาหลังสั่นสะท้านเสือดาวถูกยิงกลางอกมันขยับตัวดิ้นรนเมื่อเห็นร่างสูงเดินลงมายืนอยู่ข้างๆนางหมาป่าเสียงคำรามเกรี้ยวโกรธดวงตาหวั่นหวาด ไคล์มองเสือดาวซึ่งสำลักเลือดคร่อกๆก่อนจะแน่นิ่ง

“คุณไม่น่ายิงมันเลย”เสียงพูดแผ่วเบาน้ำเสียงยังเหนื่อยหอบเขาหันกลับมาดูก็พบร่างซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยทรายจากการเล่นมวยปล้ำเมื่อสักครู่ดวงหน้าหวานละมุนสบตาเขาแว่บหนึ่งก่อนจะเดินตรงไปยังคู่กรณีซึ่งนอนนิ่งอยู่บนพื้นทราย

“คุณกำลังเสียท่าเขานี่ผมก็ต้องช่วยสิจะให้กระโดดลงมาฟัดด้วยเห็นจะไม่เข้าท่า” ไคล์เก็บปืน ในใจรู้สึกขุ่นเล็กน้อย

“มันคนละเรื่องกันนะฉันไม่ได้มาขอให้คุณช่วยเสียหน่อย” หญิงสาวท้าวสะเอวกิ่วตางามวาววับ

“แล้วไง..คุณเป็นคนที่ผมรู้จักกำลังเสียท่าผมก็ช่วยทำไมถึงมาตำหนิผมล่ะ”

“ฉันหมายถึงคุณมาทำอะไรที่นี่“

ไคล์กระพริบตาปริบๆยัยนี่พิลึกจริง “นี่มันลำธารของหมู่บ้าน “

“ใช่ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”

“มีกฎข้อไหนที่ห้ามช่วยบอกหน่อย”

“ไม่มี..”หญิงสาวลอยหน้า “คุณดูฉันอาบน้ำที่นี่ซึ่งไม่ควร” หญิงสาวตำหนิ

“ผมไม่ได้แอบดู..บังเอิญผ่านมาเท่านั้น”เขาอธิบายรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง

“บังเอิญยิงเสือดาวบังเอิญเดินผ่านมาทุกอย่างลงตัวเป๊ะ”

“ก็ได้ๆผมยอมแพ้ ขอโทษที่บังเอิญเดินมา บังเอิญเห็นคุณเล่นน้ำบังเอิญยิงเสีอดาวคู่ฟัดคุณตาย..พอใจหรือยัง” ไคล์จ้องกลับดวงตาดุดันโมโหสุดๆ

“ก็ดี..ที่ยังรู้จักขอโทษฉันให้อภัยตอนนี้ช่วยหันหลังไปได้ไหม”หญิงสาวยักไหล่หน้าตาแดงก่ำหน้างามเชิดขึ้นหากไคล์สังเกตุสักนิดจะเห็นร่อยรอยความอับอายฉายวูบในดวงตางาม

ชายหนุ่มทำเสียงฮึดฮัดทำไมเขาต้องมาทำตามคำสั่งยัยนี่ด้วยปากร้ายขี้หาเรื่องทั้งที่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นสักนิด ดูหมิ่นกันมากไปแล้วคนสวย


--------------------

Smiley สาวสวยทำไมไปกล่าวหาเจ้าชายอย่างนั้นหนอ..จะโดนอะไรไหมล่ะนั่น ตอนต่อไปก็จะเป็นเรื่องพ่อแง่แม่งอน ของสองหนุ่มสาวตัวหลักของเรื่อง..เจ้าชายกับคุณหนูฟรีเซียล้วนๆ ความรักของทั้งสองคนจะลงเอยดีๆ หรือมีตบตี เอ๊ยตบจูบ จับกดอะไรกันไหมก็ติดตามกันนะขอรับ..


Smileyกราบขออภัยที่ลงให้ช้ามากกกกก ขอน้อมรับคำบ่น(ในใจ)ของเหล่าท่านนะขอรับ ตอนหน้าจะพยายามไม่ทิ้งช่วงห่างมาก(เหรอ) ไม่ได้เขียนสต๊อกเอาไว้เลย ว่างจากการทำงานก็ค่อยเขียนอะไรแบบนี้น่ะขอรับ บางทีก็นึกไม่ออกบ้างไรบ้าง พิมพ์แล้วก็ลบ หากเขียนไม่สนุกเกรงว่าเหล่าท่านทั้งหลายอ่านแล้วจะ เบื่อหน่าย


     "ขอบคุณที่ยังคอยติดตามเข้ามาอ่านกันครับ ...กราบ"






Create Date : 21 กรกฎาคม 2558
Last Update : 21 กรกฎาคม 2558 15:49:19 น.
Counter : 300 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wynter289
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]