ธุดงค์ไพร

ฤดูกาล...ทรมานบันเทิงได้เริ่มขึ้น..

          ข้าวของประดามีเตรียมจัดหา สุดท้ายไอ้ที่เตรียม เก็บออกหมด หลังจากนัดหมายกับน้องเอ เรียบร้อย เราก็ออกเดินทางมาขึ้นรถตู้ที่อนุเสารีย์ ซึ่งก็เป็นไปด้วยความราบรื่น ขลุกขลักเล็กน้อยก็ตอนที่วิ่งหาท่ารถตู้ไปสายใต้นี่ล่ะ  ^_^

          มาถึงสายใต้ประมาณ ทุ่มเศษ (มั้ง) รอเพื่อนร่วมเดินทาง ในตอนนี้นไม่รู้ว่าใครไปมั่ง หลังจากรอสักพัก สมาชิกทั้งหมดก็ได้เดินทางมาถึง ออกเดินทางกันค่ะมุ่งสู่ จ.กาญจนบุรี

      ประมาณ 5 ทุ่มเศษ ๆ พวกเราก็เดินทางมาถึง จ.กาญจนบุรี ที่จุดพักก็พบกับคณะทั้งหมดที่จะร่วมเดินทาง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คุ้นหน้ากันอยู่แล้ว ^_^

ผู้ชายย้ายข้าวของขึ้นรถ ส่วนสาว ๆ นั่งกินระกำ..หืมม์ มันหว๊าานนนนนนนน หวานนนน (ขอบคุณคนหิ้วมาฝากนะคะ ถุงเบ้อเร้อ..กินไปหลายลูก แถมไปกินต่อในป่าจนเกลี้ยง  ไม่มีเสียของ)

          แล้วเราก็ออกเดินทางต่อ..มุ่งสู่ อ.ลาดหญ้า อาาา...ตรงนี้เมื่อทริปที่แล้ว เราแวะกิน "หมีปั่น" ครั้งนี้ก็อย่าได้พลาดเลยเหอะ...

          หิ้วกันคนละกระป๋อง นั่งซดกันบนรถเดินทางต่อค่ะมุ่งหน้าสู่ อ.ศรีสวัสดิ์ รถสองขันขับตามกันไป คณะส่วนใหญ่อยู่บนรถตู้  เส้นทางขับเลียบไหล่เขา ดูอันตรายเหมือนกัน ระยะทางประมาณ 82 กิโลเมตร เราเดินทางมาถึงหลังเขือน ภูมิพล ขณะนั้นเวลาประมาณ 00.43 แพขนานยนต์เห็นอยู่ลิบๆกลางลำน้ำ ลมดึกพัดกรูเกรียว หนาวเยือกกันทีเดียวล่ะ

สองหนุ่ม

สามสาวหน้าตาสดชื่น

         ก่อนจะถึงกลางลำน้ำ พรานวุฒิ หัวหน้าชุดของเรา ได้เอาพวงมาลัยเล็ก ๆ มาแจก พวกเราทั้งหมดได้ร่วมลอยอังคารคุณแม่ของพรานวุฒิกัน ที่กลางลำน้ำนั่นเอง..(ขอดวงวิญญาณของคุณแม่ไปสู่ภพภูมิที่งดงามค่ะ......)

          ขึ้นจากแพ เราก็นั่งรถต่อไปยัง บ้านปลายนาสวน ช่วงนี้ เราหลับ...(แหะๆ โอ้ มันดึกแล้วหนอ..)

          จากนั้นเราก็ย้ายสัมภาระจากรถตู้ขึ้นรถของพรานวุฒิ ส่วนพวกเราทั้งหมดเดินเท้ากันเข้าไป หนทางพัฒนาหน่อยนึง เป็นถนนปูน หมดถนนปูนก็เป็นถนน ลูกรัง ฮาา ข้ามลำธารไปสองหน เรารู้สึกเหมือนแบตฯ จะหมดลงทุกที เป๋ไปเป๋มา บร๊ะ..มืดก็มืด หนาวก็หนาว ได้อาศัยแสงไฟจากไฟฉายของหนุ่ม ๆ ในคณะที่ช่วยกันส่อง เดินหนาวสั่นมาสักพักพอให้รู้สึกอุ่นขึ้นนิดหน่อย เราก็ ถึง กระท่อมธุดงค์ไพร มองเห็นคบไฟ ปักเป็นระยะ มองจากมุมสูงดูวับแวมสวยงาม..

          คืนนี้เราพักกันที่นี่..ราตรีสวัสดิ์ ....

เช้าวันที่ 8 ธ.ค.55

.....นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงไก่ขัน..อืมม์ แล้วมันก็ดันมาโก่งคอขันอยู่ข้างเต้นฉันนี่แหละนะ ..น่าจับลงหม้อเป็นมื้อเช้าวุ้ย...คึ คึ

เต้นท์ 7-8 หลัง กางอยู่ใต้ต้นมะขามหน้ากระท่อม เมื่อคืน หนุ่ม ๆ ช่วยกันกางไว้ให้ ขณะสาว ๆ ไปอาบน้ำ หนุ่ม ๆ ตืนกันแล้ว ต่างก็ทะยอยกันไปอาบน้ำที่ลำธาร

กำลังทำเตรียมเสบียงและมื้อเช้า บนกระท่อม

พร้อมแล้วค่ะ อาหารมื้อแรกชายป่า..มีไก่ต้มโค้ก..ปลานิลทอดน้ำปลา แกงเม่น..หน้าตาดูดี ที่ขาดไม่ได้ ก็ น้ำพริกกระเหรี่ยง สูตรไหนมั่งก็ไม่รู้ อร่อยมากค่ะ ทุกอย่างที่ว่ามาเลย อิ่มค่ะ..ฮาาา

     กว่าจะเสร็จจากอาหารเช้า ก็ปาเข้าไปสายมากๆ แดดเริ่มแรง..พวกเราออกเราออกเดินกันเวลาประมาณ 11 นาฬิกาเศษ (ขอบคุณข้อมูลจากน้องปาจรีย์ ค่ะ)

เป็นธรรมเนียมก่อนออกเดินทาง..

เดินเท้าเข้าป่า...

ทริปนี้เราใช้เวลาเดินเข้าไปในป่าไม่นาน อาจจะเป็นเพราะว่า คณะใหญ่ พวกเสบียงกรังที่เตรียมไป จึงต้องเยอะสำหรับคณะของเราและรวมเป็นถึงพรานอีกหลายคนด้วย

เสียงน้าพร ทะเลาะกับถุงมันเทศทุกจุดที่หยุดพัก เหตุเพราะมันกลิ้งออกจากถุงบ่อย ได้ขำได้ฮากันไป แกบอกว่าแกแกล้งทิ้ง คนที่เห็นกลิ้งออกจากถุงก็ดันไปทัก น้าพร ขูกลับขำ ๆ ว่า "กินให้หมดนะ" ฮา..กันไป

เรามาถึงจุดที่พักเวลา 13.45 หนุ่ม ๆ และพรานผู้ชายต่างก็แยกย้ายกันไปตัดต้นไผ่ ทำร้าน บ้างก็ไปหาฟืนแห้ง ๆ เพื่อใช้ในการหุงหาอาหาร..

สาวๆ นั่งกินขนม..พักเหนื่อย แหะๆ ก็นะ แบบ อยากช่วยแต่ จะเกะกะซะเปล่าไง..คึคึ

 อันดับแรกคือ..ห้างสรรพสินค้าของเรา..เปิดสาขาหมาด ๆ

 เต้นท์ของ สาวๆ

 แคมป์เรียบร้อยแล้วสำหรับคืนนี้

 น้องเล็ก กับ หนูเติ้ง เด็กสุดในทริป ^_^

 ที่พักแรม อีกมุม

 ช่วยกันทำกับข้าวมื้อเย็น..

 ข้าวสวยหุงใส่กระบอกไม้ไผ่..น่ากินป่ะ ^_^

ตำอะไรอยู่จ๊ะ...คนสวย

ยายกะลาของเรา..กำลังจะแกงปลีใส่ปลา..ใส่ทุกอย่างที่หาได้ในป่ารึเปล่าหว่า ^_^

 พี่นก กับบัว แม่ครัวมือ 1 ของเรา

สภาพภูมิอากาศโดยรวม เราอยู่ระหว่างซอกเขา สองฝั่งของลำธารเป็นเขาสูงมีต้นไผ่ รวมทั้งไม้ใหญ่ๆขึ้นหนาทึบ หากไม่ตรวจสอบเวลา เราก็คงไม่รู้ว่านี่มันเพิ่งจะสี่โมงเย็น มืดครึ้มเหมือนประมาณ 5-6 โมงเย็นกันเลย อากาศในหุบก็เย็นเหมือนนั่งอยู่ในห้องแอร์เย็นสบายดีมาก ๆ แต่ทว่าน้ำในลำธารเย็นเฉียบ 

จากุชชี่ ของเรา ไม่มีระบบน้ำวน มีแต่ระบบน้ำใหล..ฮาาาา

     หลังอาหารเย็น ระหว่างที่นั่งพักผ่อนพูดคุยถึงกิจกรรมยามค่ำคืน ต่างก็นัดแนะกันว่า ประมาณ3ทุ่มจะไปแทงกุ้งลำธารกัน นัดแนะกันเสร็จ ขณะนั้นก็ เพิ่งจะทุ่มเศษ ๆ ได้เวลาแล้วให้เรียกด้วย นัดกันเสร็จ ก็มุดเต้นท์ กะจะนอนเล่น ๆ ฟังเสียงพูดคุยสลับกับเสียงธารน้ำใหลซัดซ่า เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้...

เช้าวันที่ 9

          เราลืมตาตื่นขึ้นในเต้นท์ น้ำค้างหล่นกระทบหลังคาเต้นท์ดังเปาะแปะ ขยับตัวชนผนังเต้น น้ำหยดใส่หน้าเย็นเฉียบ ดีที่สวมหมวกเอาไว้ ไม่งั้นหัวเปียกแน่เลย เสียงน้าพรานตะโกนเป็นภาษากระเหรี่ยงโหวกเวก ข้างนอกยังมืดสนิท แสงจากไฟฉายวอบแว่บไปมา ทาบผนังเต้นท์เป็นเงาแปลกๆ ข้างนอกถุงนอนของเราชืน ๆ ข้างในยังแห้งและอุ่นดีอยู่ เรามุดกลับเข้าไปในถุงขอหลับอีกสักงีบ (ก็ไม่รู้จะรีบลุกออกมาทำไม..^_^)

         แสงแดดส่องสว่างเหนือยอดไม้ เรามุดเต้นท์ออกมา จัดการกับธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็มาเดิน ๆ ดูพรานทำกับข้าว ซึ่งก็คือ ปลา กุ้ง ปู และ กบ ฟังได้ความว่าคนที่ตะโกนบอกให้เรียก ไม่ได้ไปหากุ้งเมื่อคืน..หลับเหมือนเราเช่นกัน..^_^

         เช้านี้ พี่นก บอกเราว่า จะแกงเผ็ดกบคงได้สักหม้อย่อมๆ ผัดเผ็ดกบ พอทำออกมาแล้วหน้าตาดีมาก สีสันงดงามน่ากินเป็นที่สุด คึคึ

ท่าให้มะ..แค่ช่วยคั่วพริกแกงอ่ะ ฮิ้ว ที่เหลือพี่นก แกทำของแกต่อ ถ้าให้เราทำสงสัยไม่ได้กินแหง็มๆ แม่นางที่นั่งข้างๆน่ะ นางกำลังเผามันเทศอยู่ล่ะท่านผู้โซ้ม..รอดตายเพราะนางนี่แหละ..ฮา..

น้ำพริกจากหลายตำรับ จัดวางไว้ให้กินกันจนเหลือเฟือ (มันอร่อยมากกกก)

เสร็จจากแกงเผ็ดกบ เราก็นึกอยากลองทำไข่ตุ่น คริ คริ มันก็ออกมาดูดีแต่ว่ามันแข็ง..แหะๆ..ให้คะแนนตัวเอง (ไม่ผ่านจ้า) ฮ่าๆๆๆๆๆ

หลังมือเช้า ซึ่งก็ปาเข้าไป ใกล้จะเที่ยงแล้วล่ะ มีโปรแกรมจะเดินไปเที่ยวน้ำตกกัน

ไกด์นำทางของเราก็คือ หนูน้อยหน้าตาน่ารัก กับน้าพร เป็นไกด์นำทาง..

น้องเติ้ง

น้าพรกับแก้วกาแฟไฮโซของแกล่ะ..

สาวๆเตรียมตัวกันพร้อมแล้ว ก็ออกเดินตามลำธาร ไม่ได้เดินเที่ยวธรรมดา หาเสบียงมื้อเย็นด้วยนะเออ..เป็นประโยชน์ใช่มะ..^_^

ป่ะ..ไปดูน้ำตกกัน..

          เดินชมธรรมชาติ จับปู ได้จนเต็มหม้อสนาม ได้ปลามา 1 ตัว ระหว่างทางเดินที่ลุยลำธาร ก้อนหินหลากหลายขนาด รูปร่างและลวดลายแปลก ๆ สวยงาม  แต่ละคนก็เก็บมาแบ่งกันดู จินตนารการไปตามอารมณ์สนุก เฮฮากัน ตะโกนแข่งกับเสียงน้ำตกที่ซัดซ่า..

          หนึ่งในคณะของเราอยากจะเก็บก้อนหินเอาไว้เป็นที่ทับกระดาษ สุดท้ายนาง โยนทิ้งตอนไหนก็ไม่รู้ คิคิ

           ปีนน้ำตกขึ้นมาตรงที่ราบตอนหนึ่ง เราก็พบกับรอยเท้าเสือ ต่างหยุดชงัก มองขึ้นไปบนตลิ่งรวมทั้งบนต้นไม้สูง โชคดีที่ไม่เจอตัว มีเรื่องให้ตื่นเต้นกันเบา ๆ (ไม่รู้สึกกลัวจริง ๆ นะ ท่าจะเพี้ยน)

            เดิน ไต่ ปีนกันพอเปียก ๆ ชื้น ๆ น้าพรก็ตัดขึ้นริมตลิ่งตอนหนึ่ง เดินขึ้นเนินชันไปสู่ไหล่เขา เดินเลียบริมผาเพื่อกลับสู่แคมป์  ทางเดินแคบ ๆ มีร่องรอยเท้าสัตว์ สอบถามได้ความว่า เป็นควายปลัก (มันคือควายของชาวกระเหรี่ยงที่ปล่อยให้หากินในป่า เวลาจะใช้ทำไร่ก็ ไปตามกลับมา ว่างั้นนะ ^_^)

           ทางเดินแคบๆ มีก้อนหินระเกะระกะ เบื้องล่างคือหุบเหวมีต้นไผ่ขึ้นหนาทึบสลับกับไม้สูง เราลองเขี่ยก้อนหินให้กลิ้งลงเนินลงไป เสียงก้อนหินหล่นกระทบลดหลั่นลงไปเบื้องล่างฟังดูน่าหวาดเสียว หากเป็นสัตว์ หรือคนหล่นลงไป อืมม์..จินตนาการไม่ถูกกันเลย

           ระหว่างทางที่เดิน น้าพรเก็บใบมะม่วงป่า ที่กำลังแทงยอดอ่อน พร้อมกับเก็บพืชตระกูล ขิงข่า (อันนี้อนุมานเอาเอง) รสชาตมันละม้ายอ่ะนะ ^_^  เผ็ดๆ ซ่าๆ พอรู้สึก หอมดี จิ้มกับน้ำพริกกระเหรี่ยง หลายสูตรคนตำ (อร่อยทุกถ้วย ^_^ )

          กลับมาถึงแคมป์ มีผัดมาม่าสองกะละมัง เราก็สนองฝีมือคนทำซะหน่อย ผิดมาม่ากินกับน้ำพริกกระเหรี่ยงอร่อยมาก (เผ็ดว่ะ) ระหว่างที่เรากิน ก็เห็นไม้ไผ่เป็นรูปเป็นร่าง หลังจากที่เมื่อตอนเช้า พรานวุฒิ ไปตัดต้นไผ่ริมลำธารอยู่เหย็ง ๆ อ้อ..เอามาทำ ธนู ทำหน้าไม้..เสร็จเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ก็ แปลงร่างเป็น แงซาย..ลองธนูกันใหญ่ 

น้องอูดก็ขอลองด้วยครับ.. ^_^

เช้าวันที่ 10

ถ่ายตั้งแต่มื้อแรกยันมื้อสุดท้าย ฮาาา

          วันนี้เราต้องเดินทางออกจากป่าแล้ว หลังจากจัดการกับมื้อเช้าเป็นที่อิ่มหนำ ต่างก็ รีบเก็บข้าวของสัมภาระที่รื้อกระจัดกระจาย จัดการรื้อถอนที่พัก

ห้างสรรพสินค้าของเรา ร้างเสียแล้ว ร้านที่เคยได้อาศัยเดินวน หาของกิน ฮ่าๆๆ.. (ว่าง่ายเนาะ บอกมายืน ก็มา..คริ คริ )

น้องเอี่ยวกับลูกสาว..^_^

รวมหมู่ก่อนเดินออกจากป่า..^_^

พวกเราเดินออกจากป่าถึงกระท่อม ธุดงค์ไพร ต่างก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำเก็บสัมภาระ ระหว่างที่รอ น้าพรก็ เอามะม่วงดองมาให้ชิมกัน บร๊ะ อร่อยจนต้องขอซื้อกลับไปทีเดียว ^_^

ผู้ชายกับน้องแมวสวยๆ

พี่นก ..^_^

บัว มือ 1 ในการหุงข้าวเช็ดน้ำ ^_^

อากาศในป่า กับชายป่า มันช่างแตกต่างเสียเหลือเกิน ร้อนอ่ะท่านผู้ชม

ระหว่างทางที่เรา ลุยลำธารออกมาที่ถนนใหญ่

เล่น เสริฟบกกัน..อ๊ากกก คิดแล้วยังหวาดเสียวไม่เลิก..

เดินทางมาถึงจุดลงแพขนานยนต์ ทานข้าวเที่ยงกันก่อน..ไม่รีบๆ ใครรีบ ว่ายน้ำล่วงหน้าไปก่อนเลย ^_^

ทริปนี้สนุกมาก..ขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยดูแลกันตลอด..^_^ ประทับใจจริง ๆ ค่ะ ครึ้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ได้ร่วมทริปไปกับเพื่อนทั้งหน้าเก่าและใหม่..

หากว่า เรางอแงบ้าง ก็ขออภัยเนาะ..คิคิ..(กินไม่ได้เหมือนคนอื่นเขา) ^_^ ลำบากทุกคนจริงๆ

ขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งค่ะ รวมทั้งน้าพรานทุกคนด้วยค่ะ..มีโอกาส คงได้ไปเยี่ยมอีก..^_^

สุดท้าย...

ขอบคุณ ภาพจาก

คุณหนุ่ม ธุดงค์ไพร

คุณลุงหนวด

คุณpajarre papa

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ...

....ชมดาว...

[เริ่มเขียน 12-12-2012 ถึง 14-12-2012]

Create Date : 12 ธันวาคม 2555 Last Update : 9 มกราคม 2556 17:01:32 น. Counter : 3695 Pageviews.		3 comment
Share Tweet

สีชัง...ในวันแดดอุ่น

....เช้าวันเสาร์ 11 มิ.ย 54 นาฬิกาปลุกดังขึ้นเบา ๆ เป็นเสียงพ่อหนุ่มน้อยแจจิน ที่ปลุกเราทุกเช้า...แค่ โอ๊ะ โอ..ก็ตื่นแล้วขืนระทวยนอนต่อมีหวังสาย..แต่ก็มีบางเช้าที่กดเลื่อนไปอีก 10 นาที ฮ่า...

คิดถึงการพูดคุยผ่าน msn กับน้องสาวที่น่ารัก

"ถ้าฝนตกก็นอนต่อนะพี่"

เออ มันก็ง่ายๆ ดี ชอบวุ้ยแบบนี้ แต่ว่าเช้านี้ฝนไม่ตก อากาศอุ่น ๆ ลมเย็น ๆ

ทริปนี้ทีแรกแล้วนัดสมาชิกได้ 4 คนเหอะ..เหอะ

คนเปิดประเด็นอยากจะเที่ยวในทริปนี้ ดันติดธุระ..ก๊ากกกก มาบอกตูเอานาทีสุดท้ายนี่แหละ...เจริญล่ะแม่คุณ



ข้อมูลในการจะไปเกาะสีชัง อยู่ที่คนเปิดประเด็นทั้งหมด เราก็เลยต้องมั่วกะน้องนัท 2 คนเริ่มต้นจาก ท่ารถอนุเสารีย์ชัยสมรภูมิ

อืมม์...ของแท้ต้องหลงทาง ฮ่า...มันเป็นประจำล่ะค่ะ กระเหรี่ยง..หลงเมือง

แต่สุดท้ายเราก็เดินทางตามกำหนด ขึ้นรถข้างห้างฯเซนจูรี่

จ่ายค่าเสียหายไป 100 บาท รถออกเวลา 7 กว่าเกือบจะ 8 โมง รถก็วิ่งขึ้นทางด่วนใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เราก็มาลงรถที่ หน้าห้างฯโรบินสันชลบุรี

เจ๊อ้วน ๆ ท่าทางใจดี กวักมือเรียกให้ไปขึ้นรถ ท่าเรือเกาะลอย เราสองคนไม่ได้เสียเวลาโดดขึ้นรถสามล้อเครื่อง ใช้เวลาไม่นานก็ถึงท่าเรือ จ่ายค่าเสียหาย รถสามล้อ สองคน 50 บาท ที่จริงมันน่าจะ 40 บาทนะ แต่ก็ช่างเหอะ ออกมาเที่ยวเมืองไทยเพื่อกระจายรายได้อยู่แล้ว เล็ก ๆ น้อย ๆ

แล้วเราก็จ่ายค่าลงเรือไปอีก คนละ 40 บาท ไปนั่งหายใจยาว ๆ รอเวลาเรือออกไปสู่เกาะสีชัง..จะชังกันมั้ย...เดี๋ยวรู้กัน

หน้าดำ ๆ หัวหูฟูกระเซิง..ฮ่า




นั่งรอผู้โดยสารท่านอื่นประมาณ 20 นาที เรือก็เริ่มออกวิ่งไปในทะเลสู่เกาะสีชังงงง




ใช้เวลานั่งเรือข้ามเกาะประมาณ 45-50 นาที ทะเลเมื่อออกจากฝั่งมา ก็เห็นสภาพที่ไม่ชวนมองเท่าไหร่ ขยะลอยเกลื่อน..เห็นแล้วสะท้อนใจจัง

นั่งมองทะเลเห็นเรือพาณิชย์ คุยกะน้องนัทแล้วมันน่าจะเป็นอย่างนั้น..ใช่ปะนัท คิคิ




แล้วเราก็มาถึง เกาะสีชัง...เสียงประชาสัมพันธ์ประกาศเวลาเรือออก มีทุกต้นชั่วโมง สองสาวเดินไปอ่านป้ายราคาเช่ารถเที่ยวรอบเกาะ รถกระบะเหมาะสำหรับ 6 คนขึ้นทั้งวันคิด 500 ส่วนรถสกายแล็บ 250

แล้วเราก็เจอนักท่องเที่ยว ที่เขามากันสองคนเหมือนกะเรา ก็เลยตกลงว่าเราไปด้วยกันดีกว่าจะได้ หารค่ารถกันด้วย

ปะงั้นก็ขึ้นรถกันเหอะจะเสียเวลาไปใย พี่ผู้หญิงคนขับเธอมาจากเกาหลี ฮ่า...(มีหลักฐาน คิคิ)



สภาพอำเภอสีชัง..จุดแรก พี่คนขับเธอจะพาพวกเราไป "ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ"




ถึงล่ะ..ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่..สองสาวตะกายขึ้นเขา โดนเจ้านัทแซว ขึ้นบันไดแค่นี้หอบ..ก๊ากก..เออจริง สงสัยต้องไปซ้อมขาที่ ภูกระดึง จะได้ไม่หอบให้น้องมันแซว ฮุฮุ







ป้ายที่หน้าถ้ำเจ้าพ่อเห้งเจีย.มีกระดาษแดงแปะติดเยอะมาก เห็นเขาก็บอกต่อ ๆ กันมาว่า เป็นสถานที่หนึ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มา เดินไปอ่านป้ายหน้าถ้ำเจ้าพ่อ พี่คนที่ยืนขายธูปเทียนก็บอกว่า ถ้าปีชง ก็เขียนใบสีชมพู

สายตาของเราก็กวาดไปตามป้าย อ้าวกรรม..ชงนี่หว่า...ติดโผกะเค้าด้วยวุ้ย ก็เอาซะหน่อย..ไหน ๆ ก็มาแล้วเผื่อครึ่งปีที่เหลือจะ "เฮง"










ลงจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เราก็ ไปกินข้าวกันก่อน..ไม่ไหวแล้วหิวมาก แล้วตอนนี้มันก็เป็นเวลา ใกล้จะเที่ยงแล้วด้วย..


ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวหน้าศาลฯ เราเลิอกร้านนี้ แถมกาแฟเย็นกันอีกคนละแก้ว..มีแรงแล้วไปเที่ยวจุดต่อไปกัน



จุดชมวิว..จำชื่อไม่ได้.. แต่ว่าอากาศดีมาก จนอยากจะนอนซักตื่น









ลงจากจุดชมวิว..เราก็ไปต่อที่..เรือนของรัชกาลที่ 5 ถ่ายรูปกันสนุกสนานดูกันเลยค่ะ









จากเรือน ร.5 เพื่อนร่วมเดินทางก็ต้องขอแยกทางไปก่อน พี่คนขับก็เลยต้องขับพาไปส่งที่ท่าเรือ จากนั้นจึงพา สองเรามาที่จุดสุดท้ายก็คือ..อ่าวอัษฏางค์นั่นเอง ...ไปกันต่อเลย

จุดนี้พี่แกขับลงเขาทางโค้กหักศอก เรานึกในใจว่าดีแล้วที่จ้างรถ ทางค่อนข้างจะอันตราย

สองเราก็เดินไปนั่งริมหาด เก้าอี้ผ้าใบวางเรียงรายเต็มหาด ละม้ายบางแสน พัทยา แต่ว่า ไม่ได้เก็บค่าเก้าอี้ผ้าใบ และเราก็นั่งพักจริง ๆ กินกันอีกรอบค่ะ





กินกันเสร็จก็ไม่ได้ทำอะไรต่อล่ะ บ่าย4โมงเย็น พี่เขาก็พาเรามาส่งที่ท่าเรือเพื่อจะกลับไปยังแผ่นดินใหญ่

เป็นทริปที่สนุก แบบมึน ๆ ขากลับเกิดคิดถึงน้องสาว..เราปิดทริปนี้ด้วยการโทรตามน้อง ๆ ออกมากินเนื้อย่าง..ฮ่า

สาวนัทเธออยากจิกินขึ้นมา...

"ร้านฝุ่นตลบ" ที่เราไปคลุกกัน 3 สาว...

ก็เป็นอะไรที่อิ่มอร่อย...อยากบอกว่า ตำไทยใส่ปู มันอร่อยกว่า ที่เกาะสีชัง สงสัยคนขายจะว่าเราไม่เปรี้ยวพอ ..ล่อมะนาวมาซะเปรี้ยว คิคิ

ทริปฉบับกระเป๋า ทริปหน้าไปที่ไหนลองคิดกันดูมั้ย ทริป 1 วันเนี่ย..สนุกนะคะ




ปล: ขอบคุณภาพสวย ๆ จากน้องนัทค่ะ..เครดิต ตามภาพเลยจ้า

Create Date : 13 มิถุนายน 2554 Last Update : 13 มิถุนายน 2554 13:40:26 น. Counter : 1053 Pageviews.		3 comment
Share Tweet

ท่องไพร (บ้านปลายนาสวน)

...ทริปนี้ ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก ของส่วนมากก็มีอยู่แล้ว ขาดเหลืออะไร ก็พึ่งเพื่อนอย่างเดียว อิอิ

...พวกเรามาถึงที่พักริมชายป่าเอาเมือเวลา ดึกมากแล้วจริง ๆ กะเวลาน่าจะประมาณ 2AM สมาชิกร่วมเดินทางท่องไพรในครั้งนี้ ต่างก็ทักทายกัน สาว ๆ จัดการรื้อกระเป๋าเดินไปอาบน้ำที่ลำธาร..พอกลับมาหนุ่ม ๆ ก็ช่วยกันกางเต้นท์ บนกระท่อมเรียบร้อย แหม ทีมเวิร์คดี น่ารักจริง ๆ

...เสียงไก่ขันปลุกเราตื่นขึ้นมา ข้างนอกยังสลัวราง พรานพื้นเมืองตื่นหุงหาอาหาร 7 โมงเช้า พวกเราก็ ทะยอยกันลุกไปล้างหน้าแปรงฟันที่ริมธารเมื่อคืน



จัดการกับธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็ช่วยกันเก็บเต็นท์ แยกสัมภาระบางส่วน ที่จะนำเข้าป่าและ บางส่วนที่ฝากไว้ทีบ้านพราน



มื้อเช้าแสนอร่อย เราบ่นอยากกินต้มไก่ เอิ๊กส์ ได้กินสมใจ อร่อยด้วย



เริ่มเตรียมตัว ออกเดินกันค่ะ เข้าป่า...





ป่ารกทึบบางส่วนเห็นร่องรอยไฟป่า แต่ก็มีต้นวัชพีชเขียว ๆ แทงยอดขึ้นมา คงเพราะช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน ภาวนาเหมือนกัน ทริปนี้ อย่าได้เจอฝนเลย



สาว ๆ ในทริปนี้



..เส้นทางที่เดินไป เป็นธารน้ำแห้ง บางแห่งต้องปีนเขาขึ้นไป เส้นทางที่เดิน กว้างแค่ 1 ฟุต เดินไม่ระวังมีสิทธ์ร่วงเหมือนกัน



....เดินกันมาซักพัก เจอผลไม้ในป่า หน้าตามันก็ นะ เหมือนอ่ะ เนื้อในมันสีเหลือง แต่ว่า เปลือกข้างนอกมันคือ เงาะ รสชาดมันก็ หวานอมเปรี้ยว มันก็คือ เงาะป๋า ของจริง พี่น้อง




...ใช้เวลาเดินบ้างพักบ้าง ประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ อากาศร้อนอบอ้าวจริง ๆ ก็มาถึงจุดที่พัก ซึ่งอยู่ริมธาร เล็ก ๆ น้ำไม่มากนัก ทุกคนในคณะ ต่างแยกย้ายกัน นั่งพัก สาว ๆ แต่ละคน แทบหมดแรง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหนุ่ม ๆ ที่ไปตัดใบกล้วย ทำงานกันไป แฮ่



..ผู้ชายน่ารัก จริง ๆ เค้าก็ ทำ จากุชชี่ ให้ด้วยล่ะ





ตาคนนี้ นายมีปัญหาอะไรกะเราป่ะ เจอะกันทีไร ยิงกันทุกที อิอิ



สาว ๆ ช่วยกันกวาดใบไม้ สำหรับกางเต้นท์ที่พักกันค่ะ



เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง





เสบียงของเราค่ะ



...คืนแรกในป่า เราอาสานอนเฝ้าแคมป์ มีไข้นิดหน่อย ชาวคณะ ไปจับกุ้ง ไปหาปลา เรานอนฟัง น้าพราน คุยกัน ล้งเล้ง ไม่รู้เรื่อง ไม่มีล่ามอ่ะ เอิ๊กส์

...เช้านี้รู้สึกสดชื่นดี ถือถ้วยกาแฟ ไปเดิน ๆ ดู เค้าทำกับข้าวกัน มีกบอ้วน ๆ เรียงเป็นตับ ฮ่า ๆ ๆ (ไม่กินวุ้ย) มีปลา (อ๊ะ พอได้) มีหมกกุ้ง โอโห ไฮโซ นะเนี่ย น่ากินปะ เอิ๊ก ๆ





สาว ๆ หน้าตาสดใส





ถ่ายกะยาย จับปลาให้กินทุกวัน ขอบคุณค่ะ ต้มปลายายอร่อยมากกกก





...เช้าวันนี้ มีโปรแกรม จะไปเล่นน้ำตกกัน หาปลาไปด้วย พรานวัยรุ่น ผู้ซึ่ง เปิดเพลง "ห่างกันซักพัก" เอิ๊ก ๆ กรอกหู พี่ทุกเช้าเลยนะเฟ้ย จนจะร้องได้อยุ่แล้ว เค้าไปตัดไม้ไผ่มาค่ะ เพื่อทำลูกทอย คืนนี้ เราจะไปดูเค้าตีฝึ้งกัน

หน้าตาลูกทอย จะต้องเอามารมไฟ เรียกงี้ปะ เพื่อให้แข็งแรงอ่ะนะ



..ไปหาปลากันค่ะ หาเสบียงของเย็นนี้ ไม่งั้น คงได้กิน ปลากระป๋อง เอิ๊ก ๆ



ดอกไม้สวย ๆ บานอยู่บนดินริมธารน้ำ ที่เราเดินหาปลากัน





รังตังช้าง โดนเข้าแล้ว สุดยอดดดดดด (เจ็บปวดมากกก)



จะได้กินปลารึเปล่า ขึ้นอยู่กะกลุ่มนี้เลยค่ะ





เดินมาเหนื่อยพอสมควรล่ะ ฝนก็ ตกซู่ลงมา เอาล่ะซิ ต่างก็มองหน้ากัน เอาไงดี สุดท้าย ก็ กลับกันค่ะ เดินตากฝนกลับมาที่แคมป์ พอมาถึง สภาพแคมป์ ฝนลงแฉะไปหมด เต้นท์เรามีน้ำ เจิ่งนอง เอิ๊กส์ ถุงนอนเปียกนิดหน่อย มันก็ชื้น ๆ อ่ะนะ รองเท้าเราตากอยู่บนก้อนหิน เปียกไปเรียบร้อย เรายืนอึ้ง ๆ ไม่รู้จะพูดว่าไร ทุกคนเปียกอ่ะ เต้นท์ ทุกเต้นท์ โดนฝนชื้นกันทั้งนั้น น้ำในลำธาร เป็นสีน้ำตาล เราชวนสาว ๆ ไปเปลียนเสื้อผ้า วุฒิบอกว่า มันยังอาบไม่ได้ น้ำขุ่นมาก เราก็เลย ชวนสาว ๆ มาต้มมาม่า สามัคคีกินกันดีกว่า แก้หนาว เปียกต่ออีกหน่อยเนาะ อิอิ

เดินมาถึง เห็นหนุ่ม ๆ ยืนรอบ ๆ กองไฟที่พยายามจะเป่าให้ติด อิอิ ก็ฟืนมันเปียกอ่ะนะ สุดท้าย ยายเดินมาเป่า ไฟให้ ถึงได้ ติด หนุ่ม ๆ คนละไม้ละมือหิ้วกะทะ เอาน้ำมาเติม เรากะ น้องเมย์ เทมาม่า ลงไป ต่างช่วยกันท่าทางมาม่าหม้อนี้จะอร่อย วุฒินำเสนอ ใส่ไข่มั้ยพี่ "จัดมาเลยน้อง" สักพัก ถามอีก เอาหอยลายมั้ยพี่ "จัดมาเลยวุฒิ" ฮ่า ๆ ๆ

หม้อแรกอร่อย นะ หม้อสอง น้องเอ๊ะ หนุ่มเกาหลี คงหิวจัด คว่ำหม้อซ้า อร่อยมั้ยอ่ะ กร๊ากกกก

...ค่ำนั้น เราดินเนอร์ กัน หน้าเต้นท์ ลานเพลิน มีพระเอก นางเอก อย่างที่เห็น รอกินข้าว รอเวลา พรานเรียกไปดู ตีผึ้งล่ะ





...เมื่อคืนกว่าจะกลับจากไปดู ตีผึ้ง ก็ ดึกมาก เช้านี้ตื่นกันสายโด่ง ต่างแยกย้ายกันเก็บสัมภาระ ไม่มีอะไรรีบร้อน สบาย ๆ ในป่าดงพงไพรจริง ๆ

วิมานในป่าของเรา



สภาพแคมป์ก่อนทำการรื้อถอน







...เราออกจากแคมป์ ประมาณ 11 โมงเศษ ๆ แวะผ่านดู ต้นกร่าง ที่ไปดู การตอกทอยตีฝึ้งเมื่อคืน ต้นใหญ่มาก ประมาณ 10 คนโอบ สูงตระหง่านอยู่ไหล่เขา ร่องรอยการปีนป่ายเมื่อคืน ชันมากๆปีนขึ้นไปได้ไง แถมนั่งดูยังกะเชียรบอล เอิ๊กส์

ออกจากป่ากันค่ะ



กลับถึงกระท่อมธุดงค์ไพร ก็บ่ายแก่แล้ว แต่ไม่ค่อยมีแดด เสื้อผ้าที่เปียก สาว ๆ ก็ เอามาผึ่งที่สนามหญ้าบ้าง บนราวบ้างพอให้หมาด ยังพอมีแดด ค่ำนั้น มีวงดนตรีเพื่อชีวิตมาขับกล่อมด้วยล่ะ



เค้าเล่นจิ๊กซอว์ กันค่ะ



..อาหารมื่อสุดท้ายของทริปนี้ มีแพนเค้กด้วยนะ แล้วก็ ต้องขอบคุณ วุฒิ ที่เจียวไข่ให้เรากิน ฮ่า ๆ หน้ามันโหด แต่ก็ เจียวไข่อร่อยนะ ขอบอก ขอบคุณนะคะ





ภาพหมู่ก่อนปิดทริป ร่ำลากัน ก่อนแยกย้าย หากมีโอกาสคงได้ร่วมเดิน ท่องไพร กันอีกนะคะ ทุกคน ขอบคุณทุกคนที่ดูแลกันตลอดเส้นทาง...

Create Date : 07 พฤษภาคม 2553 Last Update : 17 มิถุนายน 2557 11:40:26 น. Counter : 4087 Pageviews.		16 comment
Share Tweet

ไหว้พระ 9 วัดที่อยุธยา..เมืองเก่า

....น้องสาวคนสวย ชวนไปไหว้พระเก้าวัด ทีอยุธยา เมืองเก่า โอ้ มันเป็นความฝันอยากไปจังเลย ได้โอกาส น่าหอมแก้มจริง ๆ เลย น้องเรา น่ารักมาก มาชวนได้จังหวะ กำลังอยากทำบุญ อิอิ

...นัดกัน เช้าตรู่วันอาทิตย์ ที่ 8 พฤศจิกายน เวลาพอเหมาะ 7 โมงเช้า เค้าก็ให้ไปกรอกแบบสอบถาม ยาวมากๆ ทำไปบ่นไป ขับรถก็ไม่เป็น แล้วจะให้กรอกอะหยังหว่า เอิ๊ก ๆ

...แล้ว เจ้าหน้าที่ Honda เค้าก็ต้อน ๆ ไปขึ้นรถ โค้ช คันโต เอ้า ออกเดินทาง แดดกำลังดีทีเดียว ระหว่างทางจวนจะถึง เขตจังหวัด อยุธยา ไกด์หนุ่ม ก็เล่าประวัติ เมืองหลวงเก่าของเรา พอสังเขป 4 วัดแรกในครึ่งเช้า ผ่านไปด้วยดี เริ่มต้นจาก

...วัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งเคยมาแล้วหนหนึ่ง กับห้อง นเรศวร เอิ๊ก ๆ

..อีก 8 วัด ขออภัย จำไม่ได้ซักวัด ถ้าให้เขียน คงสลับวัดกันเละเทะ

...เอาเป็นว่า ดูรูปละกัน เป็นวัดประมาณ 7-9 ถ้าจำไม่ผิดอ่ะนะ สวยงาม และิ อิ่มบุญ เป็นอย่างยิ่ง

...ถึงแม้ว่าจะทำอะไร ไม่ครบถ้วนขาด ๆ ไปบ้าง แต่ด้วยความตั้งใจ ที่อยากจะทำบุญ ขออุทิศ บุญกุศลให้กับกัลยาณมิตร ทุกท่าน...สาธุ โดยเฉพาะ คนพาไปขอให้ร่ำรวยเน้อ...



ชมสถาปัตยกรรมล้ำค่า คู่เมือง น่าเสียดายมาก ๆ



พระประธาน ที่ใส่มงกุฏสวยมาก ๆ (1 ใน 9 วัด ที่จำชื่อไม่ได้ แฮ่)







น้องสาวปีนขึ้นไป ความจริง ล่วงหน้าไปก่อน ขาสั่น ลืมไปว่ากลัวความสูง หน้าซีด กว่าจะตะกายลงมาได้ แทบร้องไห้ ที่จับก็ไม่มี (หัวใจจะวาย)















..มีหลักฐานว่า น้องสาว เธอหมดแรงแล้ว อิอิ











ขากลับเดินออกมา เจอน้องหนูเธอ กำลังสีซอให้ควาย เอ๊ย สีซอหาสตางค์ เรียนหนังสือ หึ หึ



อำลา ด้วยภาพ อาทิตย์ ลับฟ้า ระหว่างการเดินทาง กลัยสู่ กรุงเทพมหานคร



ป.ล.ตั้งแต่ถ่ายรูปมา มีรูปชุดนี้ล่ะ ที่ชอบสุด ถ่ายได้สวยในความรู้สึกของเราเอง อิอิ จากกล้องมือถือ NOKIA 6322

***ขอบคุณอีกครั้งที่ นึกถึง และชวนไปทำบุญ ถึงแม้เราจะะไม่ใช่พุทธศาสนิกชน...ขอบคุณนะคะ**

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2552 Last Update : 27 สิงหาคม 2553 15:16:36 น. Counter : 941 Pageviews.		6 comment
Share Tweet

ไปปั่นจักรยานชมเมืองโบราณกัน...เถอะ

...อากาศ ในเช้าวันเสาร์ที่ 3 เดือนตุลาคม เวลา 10 นาฬิกา แดดกำลังดีทีเดียว เดินย่ำออกจากหมู่บ้าน ไปกะ เพื่อนสาว (จุ๊ ๆ มันกำลังบ้าถ่ายรูป อย่าเอ็ดไป) เบื้องหน้าเืพื่อนไม่ถ่าย เน้นเบื้องหลังอย่างเดียว ...เพี่อตอกย้ำว่า เพื่อน บึกบึน จริง ๆ



....นั่งรถเมล์จากหน้าซอย เดินทางไปปากน้ำ ถามคนโน้นคนนี้ แม๊ อารมณ์ เหมือนนักท่องเที่ยวจริง ๆ แดด ก็ร้อนแรงดีแท้ สองคนกะเืพื่อนสาวมีหมวกคนละใบ ลุยกันเลยทีเดียว...

... ถึงแล้ว เมืองโบราณ ป้ายอันงดงาม เพื่อนสาว จัดแจงให้เป็นนางแบบเสี่ยงตาย ไปยืนอยู่กลางถนน แล้วก็ตาเหลือกวิ่งหลบข้างทาง เอิ๊ก ๆ





....มาถึงภายในบริเวณสถานที่ เจ้าหน้าที่ก็อัญเชิญ ขึ้นรถ จะขับไปส่งที่ส่วนบริการนักท่องเที่ยวเพื่อซื้อตั๋วเข้าชม..



ถึงแล้วค่ะ ส่วนบริการนักท่องเที่ยว



...จ่ายค่าบัตร คนละ 150 สำหรับผู้ใหญ่ ค่าจักรยาน อีก คนละ 50 บาท เบ็ดเสร็จ 200 เราก็ ถือตั๋ว ไปเลือกจักรยานกัน..ตามมาเดี๋ยวพาไปชมเมืองโบราณ..

อากาศร้อน รักจะเที่ยวไม่กลัวแดดกันล่ะ ปั่นไป พี่น้อง ฮึบ ๆ ๆ



มาแวะกันที่ตลาดโบราณ ที่จำลองร้านกาแฟ มีโรงงิ้ว สำนักโคมเขียวก็มีนะเออ คริ คริ เดินไปเจอเค้าขายของ เยอะแยะ เพื่อนสาวเดินไปชักภาพ แถว ๆ นั้น ซื้อพัดสองอัน แบ่งกัน ชอบสีเขียว เหมือนกันซะด้วย อิอิ



สำนักโคมเขียว..อิอิ พยายามจะเป็นน้องหนูในสำนัก..เหมือนปะ



ไม่เหมือนเหรอ ไปดีกว่า..



ร้านขายของสารพัด...หมวก...



ปั่นต่อ...



เยี่ยมชมเรือน คหบดี สมัยทวาราวดี ชอบจังเลย บ้านไม้







เพื่อนสาวกะบ้านไม้ เรือนไทยโบราณ



ยอมเป็นสะพาน ให้คนข้ามไป Bridge over troubled water..



เบื้องหลัง เพื่อนเน้น เป็นอย่างมาก เอิ๊ก ๆ



เพื่อนถ่ายรูปได้ดีนะ แม้แต่โอ่ง.. อืมม์...
















เหนื่อยแล้ว แวะตลาดน้ำ หาน้ำดื่มแก้กระหายกันหน่อย



ปั่นต่อไป เจอบ้านหลังนี้ งามจริง ๆ













...จากบ้านหลังงาม เราก็ไป ปีนเขาพระวิหาร เป็นการส่งท้าย....จวนพลบค่ำแล้ว นกกาเริ่มบินกลับรัง...











...แล้วเราก็อำลา สถานที่เมืองโบราณ ด้วยความสุขใจ เพื่อนสาวบ่นงึมงำ (ต้องมาอีกแน่ ๆ ) เอ่ิอ..พูดกะฉันหรือเปล่าล่ะเธอ...



**ปัจฉิมลิขิต***รูปอันงดงามทั้งหลาย จากฝีมือ "ปิ่นพระศิวะ" ล้วน ๆ ขอบคุณนะคะ..

Create Date : 08 ตุลาคม 2552 Last Update : 15 ตุลาคม 2552 14:21:41 น. Counter : 1249 Pageviews.		13 comment
Share Tweet