Wolf True Blood ตอนที่ 15 ลอจี -1

ตอนที่ 15. ลอจี -1

ล่วงเข้าวันที่สามของการเดินเท้าแกะรอยจากริมลำธารซึ่งดูเหมือนพวกเขาทั้งสามคนจะหลงทางเพราะภูมิประเทศที่รกเรื้อและมีหมอกปกคลุมอยู่เกือบครึ่งค่อนวันทำให้การแกะรอยยากลำบากร่องรอยที่เริ่มต้นจากลำธารสายใหญ่มาสิ้นสุดที่ป่าหินซึ่งแห้งผากแผ่นดินที่แห้งลมพัดฝุ่นฟุ้งขึ้นไปในอากาศยากต่อการคาดเดาว่าจะต้องตั้งเข็มเดินทางไปในทิศทางใดจึงจะถูกต้องรอยเท้าของคนหายไปยังดินแดนแห้งแล้งแห่งนี้ หินซึ่งกระจัดกระจาย หินกรวดซึ่งพอจะคาดเดาจากการพลิกกลับด้านแต่ก็นั่นแหละทั้งสายลมที่พัดหมุนวน ทำให้ร่องรอยขาดๆหายๆป่าหินซึ่งแห้งแล้งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

พรานสองพี่น้องแห่งหมู่บ้านพิวรี่และชายชราพ่อบ้านของไคล์เดินตามกันมาในความแห้งแล้งของป่าหินสีแดงต้นไม้ที่ขึ้นประปรายกระจายอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินใบแม้จะเรียวเล็กเท่าหัวแม่มือแต่บางต้นก็เก่าแก่ใบดกหนาพอจะเป็นร่มเงาได้ในยามดวงอาทิตย์แผดจ้า..อากาศที่เย็นฉ่ำในป่าดิบไม่มีให้สัมผัสได้เลยในดินแดนแห้งแล้งนี้นอกจากความระอุร้อนจากพื้นดิน เสบียงอาหารที่ได้มาจากหมู่บ้านแมนซาพอจะกินไปได้อีกแค่สองวัน ทำให้ทั้งสามคนนั่งล้อมวงพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ในค่ำคืนซึ่งอากาศหนาวเย็นจับใจ

ผู้เฒ่าคนเดียวของคณะซึ่งทรหดอดทนไม่แพ้สองพรานพี่น้องที่ยังหนุ่มแน่นด้วยความรักในตัวนายน้อยไม่ยอมปริปากถึงอาการเหน็ดเหนื่อยร้องขอหยุดพักแม้สักครั้งและไม่นิ่งดูดายช่วยหาฟืนหุงหาอาหารง่ายๆจนสองพรานรู้สึกรักในน้ำใจของผู้เฒ่าทิมเป็นอย่างมากทั้งสองคนจึงช่วยกันดูแลผู้เฒ่าผู้ร่วมเดินทางประดุจบิดาของตนเอง

ผู้เฒ่าทิมหลับไปแล้วในถุงนอนอันแสนอบอุ่นจิมมี่แยกกองไฟไปก่ออยู่ด้านปลายเท้าของพ่อบ้านชราวัยซึ่งใกล้เคียงกันกับบิดาผู้สาปสูญทำให้สองหนุ่มคิดถึงบิดาอย่างยิ่ง ร๊อบหยิบแผนที่ซึ่งยึดมาจากทีด็อกกางออกดูในแสงไฟจากกองไฟจิมมี่เดินมานั่งข้างๆ ยื่นมือเย็นเฉียบอังไออุ่นมือกร้านรับถ้วยอลูมิเนียมซึ่งมีกาแฟร้อนๆควันกรุ่นอยู่ภายใน

“เราเดินมาไม่ผิดเส้นทางนะร็อบ..”

“ไม่ผิดหรอกแค่อ้อมนิดหน่อยพรุ่งนี้ไม่เกินตะวันตกดินเราน่าจะเข้าเขตป่าโปร่งตรงนี้”ร๊อบชี้ไปที่เงามืดรางๆรูปร่างคล้ายหัวของหมีซึ่งตรงกับสัญญลักษณ์ในแผนที่

“เข้าเขตป่าก็ดีนะเราจะได้หาเสบียงเพิ่มเสบียงของเรากินได้อีกสองมื้อก็หมดแล้ว ดีเหมือนกันจะได้คล่องตัวขึ้นเราต้องทำเวลากันหน่อยล่าช้าเกินไปแล้ว” ร็อบพูดติดตลกฝืดๆเพื่อคลายความกังวลลึกๆในใจของตนเอง

“น้ำของเราล่ะพอหรือเปล่า”

“ถ้าประหยัดหน่อยก็น่าจะพอนะแต่ป่านั้นเราจะพบแหล่งน้ำหรือไม่ ”

“คงต้องเสี่ยงเอาข้างหน้าอย่าเพิ่งกังวลเลยนอนกันเถอะ”ร็อบพับแผนที่เก็บใส่ซองพลาสติกกันน้ำซุกเก็บไว้ในเป้สัมภาระส่วนตัวหยิบปืนมาตรวจดูความเรียบร้อยจิมมี่หยิบท่อนไม้ใหญ่ใส่กองไฟเพื่อจะได้เป็นเชื้อไฟตลอดคืนอันยาวนานทั้งสองคนดูดวงดาวบนท้องฟ้ามืดมิด ลมเย็นจัดพัดหวีดหวิวอยู่รอบกายเสียงสัตว์เล็กๆที่ออกหากินยามค่ำคืนได้ยินอย่างชัดเจนในความเงียบสงัดความหวังของวันพรุ่งนี้ที่ทั้งสองคนคาดหวังเอาไว้ก็คือร่องรอยที่ขาดหายไปและสิ่งสำคัญเขาทั้งสามคนจะไม่อดตายไปเสียก่อน

สิ่งที่จิมมี่คิดไปก่อนที่จะหลับใหลเริ่มมีเค้าความจริงมาให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อบ่ายคล้อยพวกเขาเดินเข้าสู่เขตป่าอีกครั้งแต่ทั้งป่าก็ไม่มีอะไรที่พอจะใช้กินได้เลย พืชส่วนใหญ่ไม่สามารถกินได้น้ำที่ประหยัดมาตลอดทั้งวันหมดไปร่วมชั่วโมงได้ ความหวังที่จะค้นหาแหล่งน้ำในแถบนี้ค่อนข้างรางเลือนธารน้ำเก่าแห้งขอดเหลือแต่โคลนตมซึ่งมีซากของสัตว์น้ำกำลังเน่าส่งกลิ่นเหม็นแต่กระนั้นทั้งสามคนก็ไม่ปริปากพูดอะไรให้เสียกำลังใจกันและกัน ป่าซึ่งหนาทึบมีเถาวัลย์ระโยงระยางอยู่สูงขึ้นไปแสงสว่างจากเบื้องบนส่องลอดลงมาได้เพียงน้อยนิด แม้จะมีร่มเงาแต่ทว่าเศษใบไม้ที่ถับถมกันส่งกลิ่นคลุ้งทำให้การหายใจค่อนข้างลำบากทั้งสองคนพยายามที่จะค้นหาพืชบางชนิดที่พอจะอาศัยดูดกินน้ำได้ไม่ว่าจะเป็นบอนหรือเถาวัลย์น้ำก็ไม่มีปรากฏให้เห็น ทั้งหมดพูดคุยกันน้อยมากเพื่อช่วยลดความกระหายน้ำอากาศอับๆชื้นๆทำให้ร่างกายเริ่มอ่อนล้าและหมดแรงแต่กระนั้นก็พยายามเดินตามรอยของสัตว์เผื่อว่ามันจะพาพวกเขาไปหาแหล่งน้ำ

อีกด้านหนึ่งของป่าซึ่งภูมิประเทศต่างกันลิบลับป่าซึ่งเขียวชอุ่มน้ำตกหลายสายใหลลงสู่หุบเขาเบื้องล่างซึ่งเป็นประกอบกันเป็นลำธารสายใหญ่ทอดไกลออกไปในป่าดงดิบสัตว์หลากหลายชนิดชุกชุมที่นั่นเป็นที่รวมกลุ่มของสัตว์เกือบทุกสายพันธุ์ดินแดนที่ไม่ค่อยมีมนุษย์ผ่านเข้ามานอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้ามนุษย์เพียงคนเดียวซึ่งเดินอยู่ท่ามกลางสัตว์ดุร้ายโดยที่พวกมันไม่ทำอันตรายใดๆ

รอยต่อของป่าผืนใหญ่ยากที่สายตาของมนุษย์ธรรมดาจะมองเห็นเส้นเขตอาคมโบราณที่กั้นเอาไว้นับร้อยปียังคงอานุภาพอยู่เต็มพลังภูเขาซึ่งซับซ้อนซ่อนดินแดนนี้เอาไว้

“ดีเจ็ด..เจ้ากับพวกไปนำพวกเขามาที่นี่”เสียงกระซิบเป็นภาษาแปลกๆได้ใจความว่าเช่นนั้น ผู้ที่รับคำสั่งคือ กวางหนุ่มพ่วงพีเขาบนหัวได้รูปทรงสวยงามดวงตาคมกริบกระพริบรับคำก่อนจะเยื้องย่างพาลูกฝูงซึ่งประกอบไปด้วยตัวเมียและลูกเล็กๆนับรวมได้เจ็ดตัวพอดีบ่ายหน้าเข้าไปในแนวป่า

ทุกแห่งที่คาดว่าจะมีน้ำพอให้ได้ดับกระหายล้วนสร้างความผิดหวังให้กับทั้งสามคนอย่างยิ่งคนที่แย่ที่สุดไม่ใช่ลุงทิมหากแต่เป็นร็อบซึ่งลื่นไถลลงไปยังธารน้ำแห้งแม้ไม่มีอะไรหักแต่ก็หัวแตก ตามร่างกายมีบาดแผลจากการกระแทกหินและนั่นมันสร้างความร้าวระบมจนจับไข้แน่นอนว่ามันได้ดึงเรี่ยวแรงที่มีอยู่ไปจนหมดสิ้นทั้งหมดไม่สามารถเดินทางต่อไปได้จิมมี่ครุ่นคิดอย่างหนัก เขาจะทำอย่างไรต่อไปดีหากทิ้งร็อบเอาไว้กับลุงทิมระหว่างที่เขาออกไปหาเสบียงและน้ำเกิดอะไรขึ้นทั้งสองคนจะดูแลตัวเองได้หรือไม่ร็อบจับไข้เจ็บปวดไปทั้งตัวไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือส่วนลุงทิมแม้จะปกติแต่ก็อ่อนแรงความคล่องแคล่วก็ลดลง แต่ถ้านั่งรอก็คงตายกันหมดจิมมี่มองขั้นไปเหนือยอดไม้ ภูเขาที่สลับซับซ้อนมีหิมะปกคลุมมีแมกไม้เขียวขจีมันควรจะมีแหล่งน้ำแต่ทำไมเขาเดินกันมาหลายชั่วโมงกลับไม่เห็นแหล่งน้ำที่ควรจะอุดมสมบูรณ์อย่างที่ตาเห็นนี้เลยดินแดนแห่งนี้ประหลาดล้ำดีแท้ ถึงอย่างไรจิมมี่ก็ต้องเสี่ยง

จิมมีเลือกสถานที่ริมธารน้ำแห้งช่วงหนึ่งซึ่งมีโขดหินเรียงซ้อนพอจะป้องกันอะไรก็ตามที่จะเข้ามาคุกคามตะลิ่งที่สูง มองเห็นพื้นลำธารที่แห้งขอด เป็นสิ่งที่ขวางกั้นทางด้านหน้าทั้งสามคนนั่งพักขาเหนื่อยล้าจากการเดินบุกป่ากันมาต่างนั่งพักกันเงียบๆลุงทิมซึ่งดูน่าเป็นห่วงกลับมีอาการปกติไม่มีทีท่าว่าจะเป็นภาระให้แก่ทั้งสองคนเลยป่าได้สอนให้คนอ่อนแอต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต้องแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอดและเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาทำให้เป็นเช่นนั้น

ตลิ่งจากฝั่งตรงข้ามเป็นแนวป่าโปร่งซึ่งมองลอดไปได้ไกลพอควรแล้วร็อบก็มองเห็นคนสองสามคน ชาวป่าครอบครัวหนึ่งซึ่งเดินก้มๆเงยๆคล้ายหาของป่าหรืออะไรสักอย่าง

“จิมมี่..นายเห็นเหมือนเราหรือเปล่านั่นชาวป่าใช่หรือไม่”ร็อบกระซิบบอกจิมมี่ซึ่งกระตือรือร้นมองตามนิ้วชี้ไปยังตลิ่งฝั่งตรงกันข้ามทิมซึ่งสายตายังดีก็พยายามช่วยมองด้วย

“ไม่มีอะไรนี่นายตาฝาดหรือเปล่าฉันเห็นแต่ใบไม้ พุ่มไม้”

“นายดูดีๆซิเมื่อกี้ยังยืนจับกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น”ร็อบยังยืนยันสีหน้าตื่นเต้นและมีความหวัง จิมมี่มองไปยังจุดที่ร็อบชี้ให้ดูอีกครั้งเขาก็ยังเห็นเพียงใบไม้พุ่มไม้ไม่มีส่วนไหนที่จะบ่งบอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ร็อบกำลังบอกเขาอยู่

“นายนอนพักสักหน่อยดีกว่าไหมฉันว่านายคงเหนื่อยมากเกินไปแล้วล่ะ” จิมมี่บอกน้องชายเสียงอ่อนร็อบไม่คล้อยตามในสิ่งที่จิมมี่พูดเขายังคงยืนยันว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือกลุ่มชาวป่าเผ่าใดเผ่าหนึ่งในป่าลี้ลับแห่งนี้

“จิมมี่เราควรไปที่นั่น..”ร็อบยังคงยืนยัน

“ป่านี้เราไม่คุ้นเลยนะร็อบนายจะเดินตามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้อย่าลืมซิว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร”

“เชื่อฉันสักครั้ง..ฉันมั่นใจว่าพวกนั้นคือชาวป่า..เราไปขอความช่วยเหลือเขาได้”ร็อบยืนยืนความคิดเดิม จิมมี่มองสายตามมั่นอกมั่นใจของน้องชายอยู่สักครู่จึงตัดสินใจยอมเชื่อน้องสักครั้งถึงอย่างไรหากผิดเส้นทางก็ยังยึดแนวลำธารนี้ไปสักพักจากแผนที่ลายแทงก็ยังจะกลับเข้าเส้นทางเดิมได้อยู่หากว่าจะออกเส้นทางไปบ้าง

ในฐานะที่ร็อบเองก็เป็นพรานมีฝีมือคนหนึ่งแม้จะด้อยกว่าจิมมี่อยู่มากแต่การแกะรอยแยกแยะรอยเท้าของสัตว์ร็อบเองก็มีความเชื่ยวชาญอยู่ไม่น้อยหน้าที่การแกรอยจึงให้ร็อบเป็นคนนำทาง

ทั้งหมดเดินข้ามลำธารแห้งมายังตลิ่งฝั่งตรงกันข้ามป่าด้านนี้ก็ไม่ได้ต่างจากที่ผ่านมาเพียงแต่มีโขดหินระเกะระกะ เดินค่อนข้างลำบากทั้งหมดป่ายปืนลัดเลาะสลับกับเดินบนที่ราบบ้างจนถึงเขตป่าโปร่งที่ร็อบมองเห็นชาวป่าแต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะชี้ชัดได้ว่าสิ่งที่ร็อบเห็นคืนคนรอยเท้ามนุษย์ไม่มีปรากฏให้เห็น แต่ที่น่าดีใจก็คือ ผลไม้ป่าซึ่งน่าจะเป็นสัตว์จำพวกค้างคาวกระรอกกินทิ้งเอาไว้ เมื่อมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นผลไม้สีสันสวยงามขึ้นดกเต็มต้นฝูงนกกำลังจิกกินอยู่อย่างสำราญ

ทั้งหมดไม่ต้องรอคำสั่งอะไรต่างเก็บผลไม้มากินแม้จะไม่ใช่ผลไม้ชั้นเลิศแต่ก็มีความชุ่มฉ่ำพอที่จะดับกระหายและประทังความหิวโหยได้ในเบื้องต้น..ระหว่างที่กินผลไม้จิมมี่ก็เดินออกสำรวจไปรอบๆ รอยของต้นหญ้าที่หักลู่เหมือนมีอะไรเดินผ่านทำให้เขาเดินตามรอยนั้นไปเรื่อยๆอย่างระมัดระวัง ทั้งบนต้นไม้และรอบๆตัว ไม่มีร่องรอยของมนุษย์แต่เขาพบรอยเท้าของกวางฝูงหนึ่งคาดว่าจะเป็นตัวผู้และตัวเมียกับลูกบ่ายหน้าไปทางเหนือ..ร็อบคงตาลายเพราะความหิวจึงเห็นกวางเป็นมนุษย์ไปได้แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีหากว่าพวกเขาจะตามรอยกวางฝูงนี้ไปเพราะถ้าเจอสัตว์ใหญ่แน่นอนว่า พวกมันจะต้องพาเขาไปยังแหล่งน้ำได้อย่างแน่นอน

จิมมี่ไม่ได้พูดถึงเรื่องรีอบตาฝาดเห็นกวางเป็นคนเพราะดูเหมือนร็อบเองก็ไม่พูดถึงอีกพอทุกคนกินอิ่มพอที่จะมีกำลังต่างก็เก็บผลไม้บางส่วนเท่าที่จะขนไปไหวใส่เป้ออกเดินทางต่อตามเส้นทางที่จิมมี่เป็นคนนำไป

สิ่งที่จิมมี่คาดการณ์ไว้ไม่ผิดอะไรนักเพราะหลังจากเดินข้ามทุ่งหญ้าขนกว้างใหญ่สุดลูกตาทั้งหมดก็ได้ยินเสียงน้ำต้นซัดซ่าอยู่ไกลๆต่างมองหน้ากันมีสีหน้าเต็มไปด้วยความหวังขาที่อ่อนล้าดูเหมือนจะมีกำลังวังชาเพิ่มขึ้น เมื่อความหวังรออยู่ข้างหน้าทั้งหมดก็คลายความกังวลไปได้เยอะ

“น้ำตก..มันไม่มีในแผนที่นี้เลยนะ”จิมมี่หารือกับทั้งสองคน

“เราหลงทางหรือ..”

“ไม่ใช่หรอก..ถึงหลงทางเราก็กลับเข้าเส้นทางได้แต่ในแผนที่ไม่มีน้ำตกเส้นทางที่เราจะเดินไปคือภูเขารูปหมีข้ามป่าตรงนี้จะถึงจุดที่คณะของพ่อหายไป”จิมมี่อธิบาย

“พี่กำลังจะบอกอะไร..”

“ดินแดนแถวนี้มีอะไรแปลกๆเราต้องระวังตัวให้ดี..อย่างเมื่อกี้พี่ไม่ได้เล่าให้นายฟังตอนที่เราข้ามธารแห้ง นายบอกว่าเห็นคนสองสามคนใช่ไหม” ร็อบพยักหน้าเหมือนนึกได้

“ขณะที่พวกเราเก็บผลไม้อยู่พี่แกะรอยไปเรื่อยๆนึกว่าจะเป็นร่องรอยของคน แต่มันไม่ใช่”

“ไม่ใช่คนแล้วอะไร”

“กวางฝูงหนึ่ง..” ร็อบนิ่งอึ้งกวางกับคนลักษณะมันก็ต่างกันไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะมองผิดไปได้ขนาดนั้น

“ผมคงต้องไปตัดแว่นตาใส่แล้ว” ร็อบพูดติดตลกเขาไม่ได้นึกถึงภูตผีแต่ความน่ากลัวลึกๆในเดินแดนลี้ลับทำให้เขารู้สึกใจสั่นอยู่เหมือนกัน จิมมี่ไม่แสดงกิริยาหวั่นเกรงเขามีความกล้าหาญเต็มเปี่ยมที่ตัดสินใจบอกกล่าวเพราะเขาคงรับมือไม่ไหวหากเกิดอะไรขึ้นทุกคนต้องรับรู้สังเกตอาการของกันและกันจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที

“คุณจิมมี่คิดว่าเราจะเจออะไรหรือครับ”

“คงไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าสัตว์ร้ายหรอกครับลุงแต่ผมคิดว่ามันก็แปลกๆดีที่น้ำตกเสียงดังขนาดนี้คนทำแผนที่จะต้องเห็นเพราะมันห่างจากธารแห้งที่เราผ่านกันมาไม่ไกลเลย”

“มันอาจจะอยู่ไกลเกินกว่าที่คนทำแผนที่จะได้ยินนะพี่พวกเราก็เดินกันมาไกลนะกว่าจะได้ยินเสียงน้ำตก”

“หรือไม่ก็มันไม่เคยมีน้ำตกอยู่แถวนี้เลย..” ร็อบนิ่งมองหน้าพี่ชายซึ่งกำลังกวาดตาสำรวจภูมิประเทศไปรอบๆ

“แล้วเสียงที่เราได้ยินมันคืออะไรกัน”

“เราต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่เราได้ยินคือเสียงอะไร”จิมมี่ออกเดิน ร็อบหันมาพยักหน้ากับลุงทิมซึ่งยืนฟังเงียบๆเป็นผู้ตามที่ดี

ทั้งหมดเดินลึกเข้าสู่ป่าทึบอีกครั้งเสียงน้ำตกยังคงได้ยินอย่างชัดเจนร่อยรอยความชุ่มชื่นอันเป็นลักษณะของภูมิประเทศใกล้แหล่งน้ำปรากฏเด่นชัดพื้นดินที่ปกคลุมด้วยวัชพีชซึ่งมักจะขึ้นงอกงามใกล้แหล่งน้ำแทงยอดออกใบเขียวขจีธารน้ำเล็กๆปรากฏให้เห็นจิมมี่ไม่กล่าวอะไรเมื่อหันมามองลูกทีมซึ่งเดินตามกันมาและออกเดินทวนลำธารเล็กๆขึ้นไปเพื่อค้นหาต้นน้ำซึ่งน่าจะอยู่ไม่ไกล

ลำธารสายใหญ่ปรากฏให้เห็น น้ำตกที่ได้ยินเสียงดังนั้นก็เป็นแค่สายเล็กๆซึ่งไม่ได้สูงอะไรมากนัก เหนือขึ้นไปนั้นจะเป็นอะไรจิมมี่ไม่คิดจะดั้นด้นตามขึ้นไปหาเพราะไม่เห็นความจำเป็นอันใดเท่าที่มองเห็นนอกจากป่าที่อยู่เหนือน้ำตกนั้นก็คือหน้าผาใหญ่กั้นขวาง อนุมานได้ว่าน้ำตกอาจจะใหลมาจากซอกหินหรือมีตาน้ำผุดอยู่ข้างบนนั่น..ตอนนี้คณะของเขามีเสบียงซึ่งคือผลไม้น้ำก็มีเพียงพอแล้ว ส่วนอาหารเพิ่มเติมน่าจะพอมีปลาอยู่ในลำธารตอนใดตอนหนึ่ง มีพืชหัวบางชนิดที่พอจะกินได้คืนนี้จำเป็นต้องหาที่พักเอาแถวนี้ พรุ่งนี้ค่อยตัดเข้าเส้นทางเดิม

หลังจากที่ทุกคนดื่มน้ำจากลำธารแล้วก็บรรจุใส่ภาชนะของตนเองเรียบร้อยจิมมี่พาเดินลัดเลาะไปยังปลายลำธารซึ่งเป็นลานกว้างและเหมาะสำหรับตั้งค่ายพักแรมในคืนนี้

มนุษย์ผู้หลงเข้ามาในดินแดนลึกลับนับแต่ย่างกรายเข้ามาในเขตน้ำตกไม่สำเนียกถึงอันตรายที่จ้องมองอยู่อย่างหิวกระหาย..



---------------------------------

Smiley เรื่องนี้น่าจะมีมนุษย์อยู่นิดหน่อยว่ามะ นอกนั้นเป็นสัตว์ประหลาด คิคิ เขียนไปก็สนุกไปนะเนี่ย ดูมันฟุ้งๆดีจริงๆ 

Smiley ลอจี..ถ้าทุกท่านจำได้คือชื่อที่เอ่ยขึ้นลอยๆที่เผ่าแมนซา นางจะเกี่ยวโยงอย่างไรกับแก๊งค์หมาป่าวุ่นวายพวกนี้เดี๋ยวคงได้รู้กันในอีกไม่ช้า..

       สงสัยว่ากระผมต้องไปดูซีรีย์แนวหวานๆไว้บ้าง ฉากพระนางจีบกันรักกันนี่ นึกไม่ค่อยออก เดี๋ยวจะมาเฉลย แม่เฒ่าลอจีในตอนต่อไป


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันครับ






Create Date : 19 สิงหาคม 2558
Last Update : 19 สิงหาคม 2558 16:26:20 น.
Counter : 724 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wynter289
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]