Wolf True Blood ตอนที่ 3.1 เผ่าแมนซา


*******แม่น้ำไรน์ที่ร็อบบอกนั้นไม่กว้างมากนักแต่สายน้ำที่ใหลเชี่ยวนั่นทำให้ทุกคนต้องหารือกันอีกครั้งหนึ่งในการข้ามแม่น้ำ ที่นอนยางถูกนำออกมาสูบลมเข้าไปเพื่อใช้เป็นแพข้ามมันใหญ่พอจะรับน้ำหนักผู้ชายตัวโตๆได้ แต่กระนั้นก็ปริ่มน้ำน่าหวั่นว่าจะคว่ำก่อนที่จะถึงฝั่งไม้ยาวถูกตัดหยาบๆทำเป็นถ่อ ที่นอนเป่าลมทั้งสองหลังนำมาผูกติดกัน สายน้ำที่ใหลเชื่ยวพัดพาทั้งหกคนล่องไปตามลำน้ำทั้งสี่คนต่างก็ออกแรงจ้วงพายแข่งกับกระแสน้ำที่เย็นเฉียบหลายครั้งที่แรงน้ำเกือบจะทำให้แพจำเป็นคว่ำแต่ก็รอดพ้นมาได้

ตามที่จิมมี่บอกหลังจากพักกันหายเหนื่อยแล้วทุกคนก็เดินเท้ากันต่อ เพียงไม่นานก็พบกับชาวป่ากลุ่มหนึ่งที่ชายไร่ใกล้กับหมู่บ้าน ชนเผ่าแมนซา คือหมู่บ้านที่จิมมี่บอกบ้านแต่ละหลังปลูกกระจัดกระจายอยู่ภายในหุบเขาล้อมรอบด้วยไร่นาซึ่งกำลังให้ผลผลิตรอการเก็บเกี่ยว.. ทั้งหมดถูกนำมายังลานของหมู่บ้านหัวหน้าเผ่าแมนซาเป็นชายวัยราวหกสิบปีพ่อเฒ่าลิบ้านั่งอยู่บนบัลลังก์ไม้หยาบๆซึ่งเป็นรูปทรงเหมือนนำเศษไม้มามัดรวมกับเถาวัลย์ตกแต่งด้วยเขาสัตว์และหนังหมีรอบๆตัวของพ่อเฒ่าลิบ้ามี ผู้หญิงหน้าตาหมดจดหลายคนรวมทั้งเด็กหญิงและชายนั่งอยู่สองข้างซ้ายขวารอบนอกนั้นนอกจากลูกบ้านของพ่อเฒ่าแล้ว ก็ยังมีชายร่างกำยำ ยืนถือหอกปลายแหลมยืนรวมกลุ่มอยู่ในบริเวณนั้นด้วย..

“พวกเจ้ามาจากที่ใดกัน..”ชายคนหนึ่งซึ่งเหมือนจะเป็นผู้อภิบาลพ่อเฒ่ากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดันสีหน้าถมึงทึง

“เรามาจากหมู่บ้านพิวรี่..มาตามหาคนหายเมื่อสองสัปดาห์ก่อน..”ร็อบเป็นตัวแทนในการตอบคำถาม “เราต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่าน..”

“ต้องการให้ข้าช่วยอย่างนั้นหรือคนเมือง..แมนซาไม่เคยติดต่อกับคนเมืองเนิ่นนานมาแล้ว..”ผู้เฒ่าลิบ้าตอบสีหน้านิ่งเฉยดุดันตามลักษณะเผ่าพันธุ์ซึ่งกลมกลืนกับธรรมชาติที่แวดล้อมไปด้วยสัตว์ป่า

“หามิได้..ท่านหัวหน้าข้าเพียงแต่อยากจะรบกวนให้คนของท่านนำคนเจ็บของเราไปส่งยังหมู่บ้านพิวรี่เพียงเท่านั้นเราไม่รบกวนพวกท่านมากไปกว่านี้”

โบซาผู้ตั้งคำถามแต่แรกกวาดสายตามองยังพวกเขาซึ่งยืนอยู่กลางลาน มีเพียงทีด็อกคนเดียวที่นั่งเหยียดขาสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักโบซาเข้าไปกระซิบหารือกับพ่อเฒ่าลิบ้าอยู่ครู่หนึ่ง

“คนหายในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ..คนที่รอดชีวิตย่อมได้รับพรจากเทพเจ้า..คนไม่ดีเท่านั้นจึงจะได้รับอันตรายเจ้าสองคน ได้รับบาดเจ็บ..ลิบ้าจะรักษาให้ส่วนพวกเจ้า”เฒ่าลิบ้าชี้นิ้วมายังพวกที่ยืนอยู่ “เราจะให้ที่พัก อาหาร และพาไปส่งยังที่เจ้าจากมา”

โบซาถ่ายทอดสิ่งที่ เฒ่าลิบ้าได้บอกซึ่งมันผิดความคาดหมายมากนัก..ชนเผ่าแมนซาแม้จะไม่เจริญอะไรนักแต่กลับให้ความช่วยเหลือโดยไม่คิดว่า คนเหล่านี้เป็นคนแปลกหน้าแต่อย่างใดทั้งยังไม่พูดถึงค่าตอบแทนที่รับงานมาทำอีกด้วย

แต่ทว่าพวกเขาไม่คิดจะกลับไปยังหมู่บ้านพิวรี่พวกเขาต้องการเดินทางต่อตามความมุ่งหมายเดิมทำไมเฒ่าลิบ้าจึงจะพาพวกเขาไปส่งสามพี่น้องต่างสายเลือดมองหน้ากัน แต่ทว่าการพูดคุยได้จบลงแค่นั้นเมื่อเหล่าทหารของลิบ้าตั้งขบวนเล็กๆ เดินนำหัวหน้าเผ่าเดินลับหายเข้าไปยังส่วนชั้นในของกระท่อมเสียแล้ว ทุกอย่างจึงต้องเป็นไปตามที่เฒ่าลิบ้าหัวหน้าเผ่าแมนซาได้สั่งการทุกประการ

ทีด็อกและแฟรงค์ถูกนำไปยังกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งมีชายชราหน้าตาเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลอันเกิดจากรงเล็บของสัตว์พาดผ่านโหนกแก้มจนถึงลำคอกลิ่นสมุนไพรภายในกระท่อมตลบอบอวล ภายในนั้นมีคนเจ็บนอนอยู่ สองสามคน ทีด็อกและแฟรงค์มีสีหน้าหวาดกลัวจนลนลาน

“พวกเจ้าออกไปก่อน..ทิ้งคนเจ็บไว้ที่นี่” พ่อมดประจำเผ่าซึ่งร็อบแอบเรียกโบกไม้โบกมือเป็นเชิงไล่ไม่ให้เกะกะผู้ช่วยร่างกำยำของพ่อมดเฒ่าต้อนทั้งสี่คนออกไปนอกกระท่อม และปิดประตู

ทั้งสี่คนมองหน้ากันด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนจะว่าห่วงใยหรือก็ไม่อาจจะพูดได้เต็มคำ แต่เพราะเป็นเพื่อนร่วมทางจึงต้องช่วยแต่การที่จะให้คนเจ็บได้รับการรักษาจากหมอผีสำหรับคนศิวไลซ์แล้วมันค่อนข้างจะไว้ใจได้ยาก แม้หมู่บ้านพิวรี่จะมีแม่เฒ่าทิซต์ เป็นหมอสมุนไพรประจำหมู่บ้านแต่หากหนักหนาสาหัสแล้วละก็คนเจ็บในหมู่บ้านจะได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลทันสมัยในตัวเมืองเสมอจากอาการของคนเจ็บทั้งสองนั้น ต้องได้รับการผ่าตัดเท่านั้น สมุนไพรที่ไหนจะช่วยได้ ร็อบแอบเบ้ปากอย่างสยองขวัญเขาไม่ศรัทธาเอาเสียเลยแต่จะพูดกระไรได้

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังโหยหวนก้องไปทั้งหมู่บ้าน..เสียงพึมพำด้วยภาษาประหลาดเหมือนดูหนังแนวสยองขวัญดังลอดออกมาจากภายในกระท่อมสลับกับเสียงก่นด่าหยาบๆคายๆของทีด็อก..เสียงกรีดร้องของแฟรงค์สองคนนั่นโดนกระทำสิ่งใด คนที่อยู่ข้างนอกไม่อาจคาดเดา

“เพื่อนของพวกเจ้าจะไม่ตายหรอกหมอประจำเผ่าจะดูแลเป็นอย่างดี..”ทาลิมชาวเผ่าที่นำพวกเขามายังหมู่บ้านเอ่ยขึ้น เมื่อทุกคนหันกลับมาก็เห็นรอยยิ้มเป็นมิตรฉาบฉายอยู่บนใบหน้า

“ตามข้ามาทางนี้เถอะผู้เฒ่าลิบ้าอยากจะพูดคุยกับพวกท่านสักหน่อย โปรดตามข้ามาทางนี้”ทาลิมเดินนำไปพร้อมกับชายฉกรรจ์ แต่ละคนตัวใหญ่ราวกับเป็นนักมวยปล้ำผิวสีทองแดงเป็นมันปลาบยามต้องแสงแดดยามบ่ายคล้อย

ทั้งหมดเข้ามายังกระท่อมของลิบ้าอีกครั้งไม่ใช่ลานด้านหน้ากระท่อมแต่เป็นส่วนชั้นในซึ่งมีเฒ่าลิบ้านั่งอยู่บนเบาะหนังเสือโคร่ง..ภายในห้องรับรอง เรียกอย่างนั้นเถอะ มีผู้เฒ่าหลายคนนั่งอยู่ด้วยทาลิมพาทั้งสี่คนไปนั่งอยู่บนเบาะที่ว่างสตรีวัยกลางคนนำถาดอาหารมาวางต่อหน้าแต่ละคน ในทันทีที่ทุกคนนั่งกันเรียบร้อย

ลิบ้าเชื้อเชิญให้ทั้งหมดรับประทานอาหารซึ่งมีเนื้อสัตว์ปรุงกับเครื่องเทศง่ายๆกินกับขนมปังย่างแม้จะหยาบไปบ้างแต่ก็พอกินไหว น้ำในถ้วยดินเผามีกลิ่นของดินปนอยู่ด้วย แต่ก็จืดสนิทดี ทั้งหมดรับประทานอย่างหิวโหยระหว่างที่กินไปไคล์ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันระหว่างเฒ่าลิบ้าและสมาชิกของเผ่า..แม้ว่าจะเป็นการพูดกันแผ่วเบาอีกทั้งอยู่ห่างออกไปพอควรแต่ทว่าเขากลับได้ยินอย่างชัดเจนราวกับว่าเขานั่งร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย..มันเป็นสิ่งที่ไคล์แปลกใจนับแต่ย่างก้าวเข้ามายังป่าต้องห้ามแห่งนี้ และยิ่งใกล้ภูเขาสีเทามากเท่าไหร่เขาก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย ราวกับว่าธรรมชาติรอบๆตัวเขาในดินแดนแถบนี้ ตอบสนองกับประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขากระนั้น

สิ่งที่เขาได้ยินนั้น..มันคือปัญหาอะไรบางอย่างที่กำลังคุกคามหมู่บ้านนี้อยู่นั่นเอง..เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ เฒ่าลิบ้าพูดถึง “เวซิก้า” นั่นคืออะไร..

ไคล์หันไปมองพี่น้องของเขาซึ่งกินอาหารกันไปเงียบๆแต่ก็ระมัดระวังตัวตามสัญชาตญาณของพราน ซึ่งมักจะจับสังเกตุสิ่งรอบข้างอยู่ตลอดเวลา..เขาไม่เอ่ยถามพี่น้องแต่พยายามตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้เฒ่ากลุ่มนั้นพูด..คงไม่เอาพวกเขาไปเป็นเครื่องสังเวยเหมือนในหนังเกรดบีบางเรื่องที่เคยดูหรอกนะ เขาคิดขำๆ แต่มันก็ไม่แน่นะไม่ใช่ก็น่าจะใกล้เคียง นัยว่า เวซิก้า ซึ่งเป็นตัวอะไรเขาก็ไม่รู้ จะเป็นสัตว์สปีชี่ไหนสุดที่เขาจะกำหนดได้ตายตัวด้วยภาษาของชาวแมนซานั้นใช้คำแทนสิ่งของมากมายเกินกว่าจะจดจำได้หมด..เขาคงอยู่ในเมืองนานจึงลืมภาษาชาวป่าแถบนี้ไปแล้ว..

คืนนั้น..ที่พักของพวกเขาอยู่ถัดจากห้องที่รวมที่ประชุมของผู้เฒ่าเมื่อตอนบ่าย..ร็อบและทิมเดินไปยังกระท่อมของหมอผีประจำเผ่าแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป..แม้แต่จะตะโกนถามข่าวก็ยังไม่อาจทำได้เหตุเพราะด้านหน้ากระท่อมมีชายฉกรรจ์หน้าตาไม่เป็นมิตรยืนเฝ้าอยู่ ขืนทะเล่อทะล่าอาจจะโดนจับหักกระดูกได้..ร็อบและทิมจึงจำต้องถอยทัพ..

“แย่จริงๆปกติพวกเราไม่เคยเข้ามาหมู่บ้านของพวกเขา..พี่ว่ามันแปลกประหลาดและดูไม่น่าไว้วางใจเสียเลย”

“ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดี..คุณจิมมี่พอจะมีทางเจรจากับพวกนี้หรือไม่เราหวังจะพึ่งพาให้เขาพาคนเจ็บเข้าไปที่หมู่บ้านเราจะได้รีบเดินทางกันต่อ..ยิ่งล่าช้าไปเกรงว่าจะยิ่งค้นหาลำบากกันนะ

“ทาลิมบอกว่าพวกเขาจะช่วยพูดกับ สภาของเผ่าให้ แต่ว่าการที่เขาพาพวกเราเข้ามาเฒ่าลิบ้าบอกว่ามันผิดกฎ”

“อะไรมันจะขนาดนั้นกันล่ะก็แค่ผ่านเข้ามาไม่ได้เอาโรคภัยมาด้วยเสียหน่อย” ร็อบแย้งขึ้น

“ปกติคนพวกนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับคนเมืองอย่างเราๆเพียงแต่ครั้งนี้ทาลิมอยากให้พวกเราช่วย ก็เลยให้เหตุผลกับเฒ่าลิบ้าไปอีกทั้ง..เขาเห็นสร้อยคอของไคล์เข้าก็เลย ยอมให้เราพักค้างที่หมู่บ้าน”

ทุกคนมองไคล์สายตาจับจ้องไปยังคอเสื้อซึ่งมีเหรียญซุกอยู่ภายใน ไคล์แยกเขี้ยว

“จะจับผมแก้ผ้ารึเปล่า..ผมสู้นะ”ไคล์พูดขึ้น สีหน้าทะเล้นทำให้ทุกคนที่จ้องมองหัวเราะออกมาเบาๆเป็นการคลายความเครียดได้เพียงนิดหน่อยก็ยังดี

“ไปเห็นสร้อยของไคล์ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเราเดินทางกับเขามาตั้งนานยังไม่เคยเห็น” ร็อบบ่นพึมพำไคล์ยังสงบนิ่งไม่คิดจะดึงสายสร้อยออกมาอวดสายตาแต่อย่างใด มันไม่จำเป็นสักนิด..เขาก็ไม่รู้ตัวว่าพวกชาวเผ่าแมนซาเห็นสร้อยเขาเมื่อใดกันในเมื่อมันอยู่ในอกเสื้อตลอดเวลาไม่มีหลุดรอดออกมานอกเสื้ออย่างแน่นอนเขามั่นใจ

“เป็นเรื่องของเวซิก้า หรือเปล่า” ทุกคนมองยังไคล์อีกครั้ง

“นายรู้จักเวซิก้าด้วยหรือ..”จิมมี่มีสีหน้าเครียด เมื่อเอ่ยทวนชื่อซึ่งเขาเอ่ยออกมาเมื่อสักครู่ไคล์สบตาพี่ชายทั้งสองคนรวมทั้งทิมซึ่งทำหน้าสงสัยใคร่อยากจะรู้เรื่องด้วยเหมือนกัน

“ไม่รู้ซิ...ได้ยินผู้เฒ่าลิบ้าคุณกับอาวุโสของเผ่าเมื่อกลางวัน”ไคล์ตอบอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไรนัก

“คนที่หมู่บ้านพิวรี่รู้เรื่องเวซิก้าดี เป็นคำเรียกสัตว์แปลงที่เป็นตำนาน เป็นภาษาของชนเผ่าคนป่าแถบนี้”จิมมี่หยุดนิดหนึ่งเมื่อทุกคนตั้งใจฟังอยู่เขาจึงเล่าต่อ “ชนเผ่าเก่าแก่ที่สุดในแถบนี้ที่ยังบูชาเทพหมาป่าเวซิก้า เป็นคำที่ชาวป่าเรียก ไลเคน มนุษย์ที่ถูกคำสาปให้เป็นมนุษย์หมาป่าและถูกขับไล่ไปยังดินแดนที่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใดบนโลกเพราะไม่เคยมีใครเคยค้นพบ มันก็ไม่ซับซ้อนอะไรแค่เรียกต่างกันเท่านั้น” จิมมี่จุดไม่ขีดที่ปลายบุหรี่ซึ่งถือไว้นานแล้วก่อนจะพ่นเป็นทางยาวสายตาที่มองผ่านม่านควันสีเทามีร่องรอยความกังวลใจอย่างปิดไม่มิดเรื่องที่จะฝากให้ชนเผ่าแมนซานำคนเจ็บทั้งสองไปยังในเมืองมันไม่น่ามีปัญหาเพียงแต่ว่า การที่จะขอความช่วยเหลือในการค้นหาผู้รอดชีวิตนั้น แทบจะหมดหวัง..

“ประเด็นก็คือเหมือนกับว่า ถึงฤดูกาลที่พวกเขาจะต้องทำพิธีบูชาไลเคน หรือเวซิก้าที่พวกเขาเรียกขานกัน” ร็อบเสริมคำพูดของจิมมี่

“นัยว่าผลผลิตไม่ค่อยดี อีกทั้งเด็กๆรวมทั้งผู้หญิงในหมู่บ้านเจ็บป่วยกัน บ้างก็หายสาบสูญมีเรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นก่อนหน้าที่เราจะเข้ามายังหมู่บ้านของพวกเขาเฒ่าลิบ้าบอกว่าเพราะมีคนพยายามที่จะบุกรุกเข้าไปยังภูเขาแห่งเทพเจ้า..ทำให้เทพเจ้าโกรธเคือง..”ไคล์เล่าสิ่งที่เขาได้ยิน

ทุกคนนิ่งคิด..สิ่งที่ทุกคนคิดตรงกันแต่ไม่พูดออกมาไม่น่าจะผิดคนป่าแถบนี้ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับภูเขาซึ่งร่ำลือว่า เป็นขุมทรัพย์อันล้ำค่าลือกันถึงสายแร่ทองคำ รวมทั้งขุมเพชรมหึมา ซึ่งก็มาจากคำบอกเล่าชองผู้ที่รอดกลับออกมาแต่ไม่นานคนเหล่านั้นก็เสียสติและมักจะฆ่าตัวตายโดยวิธีต่างๆ หรือไม่ก็ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ

ค่ำคืนที่เหน็บหนาวอีกคืนทั้งหมดนอนรวมกันยังที่พักซึ่งทาลิมได้พาพวกเขามาพักพี่ชายทั้งสองรวมทั้งพ่อบ้านทิมผู้ภัคดีหลับไปภายใต้ผ้าห่มเสียงครางด้วยความเหน็บหนาวจากหนึ่งในสองคน เสียงขยับตัวภายในความมืดคืนนี้เขานอนไม่หลับสิ่งที่เขาไม่ได้บอกกับทุกคนในสิ่งที่เขาได้ยินมานั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องยินดีสำหรับพี่ชายทั้งสองนัก..ไคล์มีความรู้สึกว่าผู้เฒ่าดอน พ่อบุญธรรมของเขายังมีชีวิตอยู่ และเขากำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะช่วยเหลือคนทั้งหมู่บ้าน.ให้หลุดพ้นจากปัญหาที่เผชิญอยู่หากกระทำสำเร็จเชื่อแน่ว่าการเดินทางค้นหาพ่อบุญธรรมของเขาจะง่ายขึ้น

ชายหนุ่มออกมานอกกระท่อมลมเย็นพัดกรูเกรียวทักทายบาดแทรกเข้าไปตามรอยแยกของเสื้อ มันน่าแปลกที่คืนนี้เงียบสงบเวรยามไม่มี จะมีก็เสียงสัตว์ที่เลี้ยงเอาไว้ส่งเสียงสอดแทรกมาในความเงียบเขาได้ยินเสียงลั่นกรอบเบาๆ ดังมาจากแนวป่า มือเรียวแตะที่ซองปืน เลือดในกายของชายหนุ่มใหลพล่านจนเขาสะดุ้ง..ขนทั่วทั้งตัวลุกชันความร้อนกระจายไปทั่วทุกขุมขน หัวใจของเขาเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บไปทั้งช่องอก..สายตามองฝ่าไปในความมืดของแนวป่าเงาวูบวาบรวดเร็ว ทันใดชาวป่าแมนซาก็โผล่ออกมาให้เห็น..พวกเขาส่งสัญญาแอบซุ่มตามจุดต่างๆทาลิมมองมายังเขาซึ่งยืนอยู่

“หมาป่า..กำลังมุ่งมาทางหมู่บ้าน..”ทาลิมบอกเขาเบาๆ“ท่านเข้าไปในกระท่อมเถิด ไม่มีอะไรหรอกนอกจากมาลักขโมยสัตว์เลี้ยงของเราเท่านั้น..”

“พวกมันมากันบ่อยๆหรือทาลิม”ไคล์ก้าวลงจากกระท่อมมือแตะอยู่ที่ซองปืนข้างเอวในลักษณะเตรียมพร้อม

“สองสามเดือนมาแล้วที่หมาป่าข้ามเขตมายังหมู่บ้านของเรา..”

“นี่เป็นสาเหตุที่พ่อเฒ่าลิบ้าไม่ยินดีที่จะให้พวกเราเข้าพักอย่างนั้นหรือไม่”

“ก็มีส่วนปกติแล้วพวกเราไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ แม้เราจะอยู่ในป่าเสียเป็นส่วนมากแต่หมู่บ้านพิวรี่เคยได้ช่วยชีวิตคนของเผ่าเราเมื่อนานมาแล้วก่อนที่ข้าจะเกิดเสียอีก”ทาลิมหน้านิ่งมีเพียงสายตาที่บ่งบอกถึงความจริงใจตามคำพูด

“เพียงแต่ว่าตอนนี้เรามีงานยุ่งกันตลอดสัตว์เลี้ยงของเราล้มตาย เด็กของเราก็เจ็บป่วย ทั้งยังต้องคอยระวังหมาป่าอยู่ทุกค่ำคืน..หากว่าพวกท่านคิดว่าพวกเราไม่ช่วยก็เห็นจะต้องขออภัย”

“เปล่าเลยทาลิม..ข้าเข้าใจก็อย่างที่บอก พวกเราแค่ต้องการฝากคนเจ็บให้พวกท่านนำไปส่งยังหมู่บ้านพิวรี่พรุ่งนี้พวกเราก็จะออกเดินทางตามแผนเดิม..” ไคล์อธิบาย

“เห็นจะยากหน่อยนะ..พ่อเฒ่าลิบ้าไม่ต้องการให้ใครล่วงผ่านเข้าไปยังเขตของภูเขาเทพเจ้า..พวกเรามีหน้าที่ปกป้องพวกท่านล้มเลิกความคิดเสียเถิด แล้วกลับไปซะ..อย่าเข้ามายังเขตหวงห้ามเลย..”ทาลิมสีหน้าเครียด พร้อมกับเบือนหน้าหนีไม่คิดที่จะสนทนากับเขาต่ออีก

ไคล์มองตามแผ่นหลังหนาซึ่งเดินในลักษณะย่องไปสมทบกับนักรบของเผ่าซึ่งซุ่มรออยู่ ไม่ช้า ทั้งหมู่บ้านก็ตกอยู่ในความเงียบขนที่หลังคอเขาลุกชัน รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องเขาอยู่ตลอดตั้งแต่เขาก้าวออกมายังลานหน้ากระท่อมแม้ขณะพูดคุยกับทาลิม เขาก็รู้สึก เสียงหมาป่ายังคงหอนรับกันเป็นทอดๆไกลออกไปจากหมู่บ้าน..เสียงฝีเท้าที่เขาได้ยินสับสนปนกันไประหว่างสองเท้าของมนุษย์ และ สี่เท้าของสัตว์ มันน่าแปลกทำไมเขาแยกออก..

ในท่ามกลางสายลมเย็นจัด..เขาได้กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าหอมหวานเจือจางลอยตามลมมา..พลันขนตามร่างกายก็ลุกชัน หัวใจเต้นแรงอีกครั้ง..กลิ่นหอมชัดเจนยิ่งขึ้นเหมือนกับว่าอยู่ใกล้ๆ..อะไรบางอย่างบังคับให้เขาก้าวออกไปจากบริเวณหมู่บ้านคนละด้านกับชนเผ่าแมนซาซึ่งออกไปขับไล่ฝูงหมาป่า..

กลิ่นนั้นหอมระรื่นชวนให้รู้สึกหลงใหลอีกทั้งยังทำให้เขารู้สึกสดชื่น..ไคล์ก้าวเดินผ่านพุ่มไม้ในป่ารกทึบมาไกลแค่ไหนไม่อาจจะรู้เขาตามกลิ่นนั้นมาตลอด จนที่สุดกลิ่นก็หายไป ชายหนุ่มกระพริบตา แสงจันทร์ที่ส่องลอดยอดไม้ลงมาพอให้เห็นได้รางๆ..เขายืนอยู่บนลานหินเหนือแม่น้ำและเมื่อหันหลังกลับไปเขาก็ต้องใจหายวาบ..เมื่อมองเห็น หมาป่าสีขาวรูปร่างเพรียว ขนาบข้างด้วยหมาป่าขนสีดำสลับกับสีเทาสองตัว..ชายหนุ่มถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก..หินกรวดร่วงกราวลงสู่แม่น้ำเบื้องล่าง..ไคล์หันกลับ..เขายืนอยู่บนขอบหน้าผาเบื้องล่างคือแม่น้ำใหลเชี่ยวดำสนิท หมาป่าสีขาวก้าวย่างเชื่องช้าตรงมายังเขาต่างก็จ้องตากันราวกับหยั่งเชิง ไคล์ตัวแข็งค้างเขาขยับตัวไปไหนไม่ได้ข้างหน้าคือหมาป่าตัวใหญ่ ข้างหลังคือแม่น้ำ ทั้งสองทางมีค่าเท่าๆกันหากโดดลงน้ำก็แข็งตาย ยืนอยู่ตรงนี้โดนหมาขย้ำตายเหมือนกัน..

ไคล์กลืนน้ำลายเฮือกหมาป่าสีขาวยืนอยู่เบื้องหน้าเขาแค่ยืนมือออกไปแตะเท่านั้นดวงตางดงามของหมาป่าราวกับสะกดเขาไว้..น่าแปลกที่หมาป่าอีกสองตัวยืนนิ่งอยู่กับที่มีเพียงหมาป่าตัวนี้เท่านั้นที่ก้าวเข้ามาหาเขา..ไคล์กลั้นหายใจ ยื่นมือเรียวออกไปการผูกมิตรกับสัตว์เขาให้ใช้หลังมือยื่นให้ก่อน ลองดูหน่อยเป็นไร..

มือเรียวปราศจากถุงมือของเขายื่นไปยังเบื้องหน้าหมาป่าหรี่เปลือกตาลงพร้อมกับก้าวเขามาอีกจมูกเย็นๆดุนหลังมือของเขานุ่มนวลทั้งยังเอียงหน้าถูไถกับมือของเขาอีกด้วย..ชายหนุ่มลอบถอนใจกลิ่นหอมหวานลอยอบอวลอยู่รอบตัวหมาป่าสีขาวมันน่าแปลกที่ไม่ได้กลิ่นสาปสักนิด..เหมือนหมาที่ถูกอาบน้ำอยู่เป็นประจำก็ไม่ปาน

“เจ้าช่างสวยเหลือเกิน ขอข้าจับหน่อยนะ”มือเรียวค่อยๆลูบยังข้างแก้มของหมาป่าลูบเบาๆที่ปลายคาง หมาป่าตัวนั้นพริ้มตาเอียงหัวถูกับมือยอมให้เขาลูบหัวเล่นเหมือนกับว่าเขาเป็นนายที่เคยเลี้ยงมันมากระนั้น

เขามัวแต่เพลินกับการผูกมิตรกับหมาป่าแสนสวยทันใดนั้น หมาป่าสีขาวก็ส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ลูกดอกจากการยิงของชนเผ่าแมนซา พุ่งเฉียดที่ขาหน้าของหมาป่าพร้อมกับเสียงตะโกนลั่นของหลายเสียงโผล่พ้นแนวไม้ออกมากำลังตรงมายังลานที่เขายืนอยู่..เขาไม่ทันได้ตั้งตัวอาการกระโจนของหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บพุ่งชนร่างของเขาลอยละลิ่วลงสู่แม่น้ำเบื้องล่างชายหนุ่มจมลึกลงสู่ก้นแม่น้ำดำมืดตะเกียกตะกายพยายามพาร่างกายอันหนักอึ้งด้วยเสื้อผ้าที่อมน้ำถ่วงให้เขาจมลงสู่ความมืดมิดดำดิ่งลึกลงไปทุกที..



* มัวแต่เล่นกับน้องหมา ตกน้ำตูมเรยย

* ลงครบละหนอ..

* ตอนต่อไปอัพวันจันทร์นะฮ้าฟฟฟ

*ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านจ้าบบบบ




Create Date : 15 พฤษภาคม 2558
Last Update : 22 พฤษภาคม 2558 14:21:34 น.
Counter : 383 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wynter289
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]