แต่ด้วยกิจวัตรประจำวันที่รัดตัวเสียจนไม่ค่อยจะมีเวลาสรรหาอาหารที่มี ประโยชน์กับผิวมารับประทาน จำต้องพึ่งพาอาหารจานด่วนที่เน้นแป้งกับเนื้อสัตว์ ทำให้ขาดสารอาหารทั้งที่สำคัญต่อร่างกายโดยรวมและเฉพาะที่ผิวต้องการ
เมื่อเป็นเช่นนั้น คนรักผิวจึงหันไปหาตัวช่วย อย่าง 'วิตามิน-อาหารเสริมเพื่อผิวสวย' ซึ่งมีคนอยู่ไม่น้อยที่ขาดความเข้าใจในเรื่องการรับประทานวิตามินและอาหาร เสริม โดยเฉพาะในแง่ของประโยชน์ ปริมาณ รับประทานแล้วให้ผลที่ดีกับผิวพรรณได้มากน้อยเพียงใด คุ้มค่ากับการลงทุนจริงหรือ?
เพื่อไขข้อสงสัย มาเริ่มรับรู้เรื่อง 'วิตามิน' กันก่อน วิตามิน คือ สารอินทรีย์ที่จำเป็นต่อร่างกายในด้านการเจริญเติบโต ช่วยให้สุขภาพดี โดยร่างกายต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อย่าให้ขาดหรือพร่องไป มิเช่นนั้นสุขภาพจะอ่อนแอ
วิตามิน มีด้วยกัน 2 ชนิด ประกอบด้วย วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ A D E K และวิตามินที่ละลายในน้ำ คือ B และ C ที่ มีความจำเป็นต่อความสวยความงาม ผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม คือ 'วิตามิน A' ช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บ 'วิตามิน B2' ให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น ไม่แตก หยาบกระด้าง 'วิตามิน B3' คอยบำรุงผิวพรรณ 'วิตามิน C' ต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างคอลาเจนใต้ชั้นผิว บำรุงผิว-กระดูก และ 'วิตามิน D' คือวิตามินที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน อีกทั้ง 'วิตามิน E' ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และซ่อมแซมผิวหนัง
ผู้ที่ร่างกายไม่ขาดสารอาหารที่ดีกับผิว โดยเฉพาะวิตามินที่กล่าวไปนั้น ผิวพรรณจะมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างดี ริ้วรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้นช้า หากมีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อหรือเป็นแผลก็จะหายเร็ว
ดังนั้น หากต้องการกินวิตามินเสริมเพื่อผิวสวยควรคำนึงถึงปริมาณ อย่าให้เกินไปกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ตามสัดส่วนต่อไปนี้...
วิตามิน A ร่างกายต้องการ 800 ไมโครมกรัม หรือ 3 มิลลิกรัม ต่อวัน
วิตามิน B2 ร่างกายต้องการ 1.7 มิลลิกรัม ต่อวัน
วิตามิน B3 ร่างกายต้องการ 14-16 มิลลิกรัม ต่อวัน
วิตามิน C ร่างกายต้องการ 30 มิลลิกรัม ต่อวัน
วิตามิน D ร่างกายต้องการ 5 ไมโครมกรัม ต่อวัน
วิตามิน E ร่างกายต้องการ 10 มิลลิกรัม ต่อวัน
นอกจากวิตามินแล้ว ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีส่วนให้ผิวสวยสมบูรณ์ โดยในกลุ่มของ 'แร่ธาตุ' หรือเกลือแร่ ก็เป็นอีกส่วนที่แม้ร่างกายจะต้องการในปริมาณน้อย แต่ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากแร่ธาตุบางชนิดเป็นส่วนประกอบของอวัยวะและกล้ามเนื้อบางอย่าง เช่น กระดูก ฟัน เลือด บางชนิดเป็นส่วนของสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน เอนไซม์ เป็นต้น รวมถึงช่วยในการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายให้ทำหน้าที่ปกติ เช่น ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท การแข็งตัวของเลือด ควบคุมสมดุลของน้ำในการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย
แร่ธาตุที่มีประโยชน์กับผิว ก็คือ 'ทองแดง' ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ร่างกายต้องการเพียงวันละ 2 มิลลลิกรัม 'สังกะสี' ที่ช่วยในการซ่อมแซมคอลลาเจนที่สึกหรอ พร้อมทั้งช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ และรักษาสิว ต่อวันควรได้รับสังกะสี 15 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังมี 'ซิลิเนียม' ต้องการ 70 ไมโครกรัมต่อวัน
เหตุที่ร่างกายไม่ควรขาดแร่ธาตุเพื่อการดูแลผิวนั้น ก็เพราะแร่ธาตุพวกนี้จะประสานพลังกับวิตามิน ช่วยกันต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ โดยแหล่งอาหารที่มีแร่ธาตุสำคัญๆ ต่อผิว หาได้จาก เนื้อไก่ ปลา ไข่ บร็อคโคลี เห็ด นม โยเกิร์ต จมูกข้าว เมล็ดธัญพืช ถั่ว และเต้าหู้
นอกจากนี้ยังมี 'Q 10' จัดเป็น Co-Enzyme ที่สำคัญตัวหนึ่งในการต้านอนุมูลอิสระจากรังสี UV สาเหตุแห่งความเสื่อมของผิว ถ้ามี Q10 ต่ำจะแก่เร็ว และเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความชรา อันที่จริงร่างกายของคนเราสร้าง Q10 ได้เอง แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือเครียด ร่างกายก็จะสร้าง Q10 น้อยลง อาหารที่อุดมไปด้วย Q10 หาได้จาก เนื้อวัว ตับ หัวใจ ปลาแซลม่อน จมูกข้าวสาลี ไข่ ถั่วลิสง และน้ำมันถั่วเหลือง ร่างกายต้องการ 30-60 มิลลิกรัมต่อวัน
ส่วน 'กรดอัลฟาไลโปอิก' เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกตัวที่ดีต่อผิว เพราะช่วยสร้างและซ่อมคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งรางกายสร้างได้เองตามธรรมชาติ แต่กรณีที่เป็นการเสริมอาหารเข้าไป ร่างกายต้องการไม่เกิน 50-100 มิลลิกรัมต่อวัน
ทราบแล้วว่า สารอาหารใดให้คุณประโยชน์กับผิว แล้วรู้หรือไม่ว่า หากได้รับสารอาหารเหล่านั้นมากเกินความต้องการของร่างกาย ใช่ว่าจะช่วยผิวยิ่งสวยสมบูรณ์ขึ้น แต่กลับนำผลเสียมาสู่ผิวและร่างกาย
โทษของการได้รับวิตามิน A เกินขนาน คือ ผิวหนังเป็นผื่นแดงร้อน ลอกเป็นแผ่น ร้ายไปกว่านั้น กรณีที่เกิดในแม่กำลังตั้งครรภ์จะทำให้ทารกมีความพิการตั้งแต่กำเนิด ในคนทั่วไปยังพบอาการปวดศีรษะ กล้ามเนื้อ และข้อต่อ ผมร่วง ตับเสื่อม เยื่อบุอักเสบ กระดูกเปราะหักง่าย
ส่วนของวิตามิน B2 ถ้าได้รับมากเกินต้องการกลับยังไม่พบว่าเป็นผลเสียต่อร่างกาย ไม่เหมือนกับ B3 ทำให้เกิดผื่นแดง ลมพิษ ระบบย่อยอาหารปั่นป่วน
ขณะที่โทษของวิตามิน C สามารถทำให้มีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ท้องอืด มีโอกาสเป็นนิ่วในไต
กรณีรับวิตามิน D เกินจะรู้สึกเบื่ออาหาร ทางเดินอาหารปั่นป่วน ปวดศีรษะ ปวดข้อ ปัสสาวะมาก แคลเซียมในเลือดสูง แคลเซียมเกาะตามอวัยวะต่างๆ ทำให้อวัยวะทำงานผิดปกติ
สำหรับผลของการได้รับวิตามิน E เกินความต้องการ จะทำให้ปวดศีรษะ เมื่อยล้า คลื่นไส้ เห็นภาพซ้อน กล้ามเนื้ออ่อนแรง ระบบย่อยอาหารปั่นป่วน เลือดแข็งตัวช้า
ในหมวดของแร่ธาตุนั้น หากได้รับ 'ซิลิเนียม' มากไปอาจก่อมะเร็งร้าย ส่วนธาตุ 'สังกะสี' ถ้ารับปริมาณมากเกินเหมาะจะเป็นตัวการขัดขวางการดูดซึมทองแดง และ 'ทองแดง' หากได้รับมากอาจไปกระตุ้นไมเกรน อาเจียน ท้องเสีย กระดูพรุน
อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมเพื่อผิวส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของ 'อีฟนิ่งพริมโรส' เป็นน้ำมันซึ่งสกัดจากดอกไม้ชนิดหนึ่งชื่อ Oenathera biennis เป็นพันธุ์ไม้พุ่มเล็กๆ มีดอกสีเหลือง ขึ้นอยู่ในแถบอบอุ่นและหนาวของทวีปอเมริกาเหนือตอนบน ให้กรดไขมันที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย ในส่วนของผิว มีประสิทธิภาพแก้โรคผิวหนังอักเสบ และบำรุงผิวพรรณให้สวยงาม
อีกตัวที่นิยมนำมารวมอยู่ในอาหารเสริมเพื่อผิว คือ น้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดของต้นปอป่าน หรือ Flaxseed oil ซึ่งมีสรรพคุณลดคอเลสเตอรอล ควบคุมความดันโลหิต ป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจ ลดอาการปวดอักเสบตามข้อ ลดความผิดปกติวัยหมดประจำเดือน ในส่วนของผิว ช่วยลดการอักเสบ และบำรุงผมกับเล็บ
ข้อควรรู้ ก่อนการกินอาหารเสริมที่มีอีฟนิ่งพริมโรส และ Flaxseed oil คือ สารอาหารทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะคล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิง จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนกิน โดยเฉพาะเด็กและสตรีมีครรภ์ รวมถึงผู้ที่มีเป็นโรคมะเร็ง ลดชัก ผู้ที่ต้องเข้าผ่าตัดหรือเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาเพียง 2 วัน
ส่วนหลักการเลือกอาหารเสริมเพื่อผิว ทั้งที่เป็นวิตามินและสารอาหารอื่นๆ อาจเป็นชนิดรวมหรือแยกตัวเดี่ยว ไม่จำเป็นต้องเลือกเฉพาะที่มีราคาสูงเป็นปัจจัยหลัก แม้บางครั้งจะเป็นการการันตีให้มั่นใจถึงการผลิตและความปลอดภัย ทว่าสิ่งที่ต้องคำนึงยิ่งกว่า คือ การรู้ตัวเองว่า กำลังขาดสารอาหารอะไร โดยทราบได้จากการปรึกษาแพทย์และตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์สารอาหารที่ขาด หนำซ้ำสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารตามธรรมชาติ ยังมีประสิทธิภาพและปลอดภัยกว่าสารอาหารสังเคราะห์เสียอีก ฉะนั้น จึงควรเลือกอาหารเสริมที่ระบุว่า สกัดจากธรรมชาติมากินมากกว่าแบบสังเคราะห์นั่นเอง
แม้จะมีอาหารเสริมเติมสวยให้ผิวขายกันเกลื่อน สนนราคาก็มีหลายระดับ แต่ก็ใช่ว่าคนกินจะฝากความหวังไว้ที่สารอาหารในกระปุกพวกนั้นอย่างเดียว โดยต้องไม่ละเลยการกินอาหารให้ครบทุกหมู่ รวมทั้งการออกกำลังกาย การพักผ่อนที่เพียงพอ หลีกเลี่ยงมลภาวะและแสงแดดแรงๆ ตัวทำลายผิว.
Original content