Group Blog
 
All blogs
 

บริโภคหลากหลายอาหาร ช่วยผิวสวยไม่พึ่งพาหมอ

บริโภคหลากหลายอาหาร ช่วยผิวสวยไม่พึ่งพาหมอ




     ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อผิวสวย แม้กระทั่งธุรกิจศัลยกรรมต่างๆ เติบโตอย่างเห็นได้ชัดในปัจจุบัน ทั้งๆ ที่สาวๆ ที่รักอยากมีผิวพรรณที่งดงาม สามารถเพิ่มความสดใสให้กับตัวเองได้ด้วยการรู้จักกิน และการใช้ชีวิตอย่างถูกวิธีเท่านั้น





     นพ.วรชัย ชื่นชมพูนุท ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจากนิรันดา คลินิก กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการเสื่อมสภาพของผิวหนัง เช่น แสงแดด การสูบบุหรี่ มลภาวะและสารเคมีต่างๆ และสิ่งสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพราะเมื่ออายุมากขึ้นจะทำให้ระบบฮอร์โมนเพศในร่างกาย ซึ่งช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิวหนังลดลง แม้ปัจจุบันจะมีการทามอยซ์เจอไรเซอร์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ครีม โลชั่น ขี้ผึ้ง เป็นต้น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังได้ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่ทำให้ผิวดี ผิวพรรณจะสวยงามดูสุขภาพดีได้ ก็ต่อเมื่อเจ้าของผิวรู้จักดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง มีการดูแลผิวแบบองค์รวม ที่สำคัญรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว



     "หลายคนอาจยังไม่ทราบว่ามีอาหารหลายชนิด ที่ทานแล้วทำให้ผิวที่เคยแห้งกลับรู้สึกชุ่มชื้นขึ้น อีกทั้งยังช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งอาหารที่มีคุณค่าประหนึ่งการเติมมอยซ์เจอไรเซอร์ให้ผิว ที่ผมอยากแนะนำให้รับประทานเป็นประจำนั้น อย่างแรกคือ "น้ำมันมะกอก" เพราะมีผลดีต่อสุขภาพผิวและหัวใจ อุดมด้วยไขมันแบบ Monounsaturated ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวมากถึง 25% เลยทีเดียว และไขมันชนิดนี้ยังกระตุ้นการอุ้มน้ำของเซลล์ได้อย่างดี ทำให้ผิวเรียบเนียนน่าสัมผัส โดยวิตามินอีในน้ำมันมะกอก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการทำลายเซลล์ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งง่ายครับ" คุณหมอกล่าว



     นอกจากนั้นยังมี "น้ำมันมะพร้าว" ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยรักษาปัญหาผิวแห้งได้ แถมยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนนุ่มน่าสัมผัส ผลพิสูจน์ได้แก่การใช้น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคสะเก็ดเงิน โดยช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนังส่วนที่ติดเชื้อ ช่วยรักษาอาการติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะใช้ทานหรือทา ส่วนใครที่ไม่ชอบทาน "อะโวคาโด" เพราะกลัวอ้วน จริงๆ แล้วอะโวคาโดช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นได้จากไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีผลดีกับสุขภาพผิวของสาวๆ ทั้งไขมันประเภท Polyunsaturated และ Monounsaturated ที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ไม่หยาบกร้าน และไม่มีริ้วรอย อีกทั้งอะโวคาโดยังมีวิตามินบีจำนวนมาก ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยการทำงานของระบบเผาผลาญพลังงาน ในร่างกายได้อีกด้ว



     คุณหมอยังกล่าวต่อว่า เครื่องดื่มอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้ นั่นคือ "ชา" โดย 3 ใน 4 ส่วนของชามีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในระดับดีเอ็นเอ ถ้าความชุ่มชื้นถูกทำลาย ผลที่จะตามมาคือ ผิวแห้ง และไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ สารต้านอนุมูลอิสระในชาเรียกว่า Phenols เป็นตัวเดียวกับที่พบได้ในผลเบอรี่และองุ่น ทำให้ผิวสุขภาพดีและชุ่มชื้น



     "การทานไขมันดีสำหรับผิวพรรณทำให้ผิวชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวดูมีน้ำมีนวลได้ แหล่งสารอาหารไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ ไขมันชนิดไม่อิ่มตัว มักพบได้ในปลา ถั่ว เมล็ดธัญพืช และน้ำมันจากพืชนั่นเอง ใครที่อยากผิวสวยต้องหัดทานไขมันบ้าง ไม่ใช่ว่ากลัวอ้วนจนไม่ทานไขมันเสียเลย ไม่เช่นนั้นผิวก็อาจจะแห้ง หยาบกร้านได้ครับ นอกจากนั้น อย่าดื่มหรือทานอาหารที่มีส่วนทำให้น้ำระเหยจากผิวได้ง่าย อาทิ พวกแอลกอฮอล์ หรือกาเฟอีน เป็นต้น ที่สำคัญต้องดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว หรือดื่มชาสมุนไพรควบคู่กันไปกับน้ำเปล่าก็ช่วยได้ครับ"





ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 27 กันยายน 2554    
Last Update : 27 กันยายน 2554 11:54:38 น.
Counter : 494 Pageviews.  

มะพร้าว ยาวิเศษ เพื่อรูปร่างและผิวพรรณ

มะพร้าว ยาวิเศษ เพื่อรูปร่างและผิวพรรณ




     ดาราดังทั้งมาดอนนา และเดมี มัวร์ ต่างซดน้ำมะพร้าวแทนน้ำเปล่าวันละเป็นแกลลอน นางแบบสาวมิแรนดา เคอร์ ยกย่องสารอาหารสูงในน้ำมันมะพร้าวว่า ช่วยให้เธอลดน้ำหนักหลังคลอดลูกได้ รวมถึงบรรดาบริษัทเครื่องสำอางต่างพากันโฆษณาสรรพคุณของน้ำมะพร้าว เมื่อนำมาใช้ทาบำรุงผิว





     เลนา คอร์เรส ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาแบรนด์ของบริษัทเครื่องสำอางเคอร์เรสชี้ว่า ทั้งน้ำมะพร้าว น้ำมันมะพร้าว และน้ำกะทิมีคุณค่าทางอาหารสูง และมีสรรพคุณให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ "นอกจากน้ำกะทิจะมีคุณค่าทาง อาหารสูง ซึ่งช่วยบำรุงและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมบนผิวหนัง เนื่องจากมีสารต้านจุลชีพโดยธรรมชาติ" เธออธิบาย




     ด้าน ดร.นิโคลาส เพอร์ริโคน แพทย์ผิวหนังของดาราดัง (ผู้ให้คำแนะนำแก่เจนนิเฟอร์ โลเปซ และเอวา เมนเดส) กล่าวว่า เขานำมะพร้าวมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ชิ้นล่าสุดของเขา




     อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวได้ แม้คนส่วนใหญ่ จะสามารถปรับตัวเข้ากับสารต่อต้านอาการอักเสบตามธรรมชาติในมะพร้าว บางส่วนอาจเกิดอาการแพ้ตามผิวหนังได้ในทันทีที่ใช้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากไม่แน่ใจ ผู้ที่มีอาการแพ้ของอย่างอื่นง่ายๆ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูง




     ดร.ซาแมนทา บันติง แพทย์ด้านผิวหนังแนะนำว่า "แม้มะพร้าวจะมี สรรพคุณในการบำรุงผิวหนังสูง แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากน้ำมันมะพร้าวสูงเกินไป จะทำให้เกิดอาการอุดตันตามรูขุมขน และนำไปสู่การเกิดสิวได้"




     ส่วนด้านสารอาหาร แม้มะพร้าวถือเป็นส่วนประกอบหลักของอาหารไทย และอินเดียหลายอย่างมานานนับศตวรรษ แต่ชาวตะวันตกมักไม่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบอาหาร เพราะน้ำมันมะพร้าวและน้ำกะทิมีไขมันอิ่มตัวสูง




     อย่างไรก็ตาม โซ ฮาร์คอมบ์ นักโภชณาการชี้ว่า น้ำมันมะพร้าวและกะทิ นับ ว่าเป็นอาหารที่มีระดับไขมันอิ่มตัวสูงที่สุดในโลก และเป็นไขมันที่เสถียรมากที่สุดในโลก จึงมีความเหมาะสมกับการนำไปประกอบอาหารมากกว่า เพราะไขมันอิ่มตัวไม่ก่อให้เกิดอ็อกซิไดซ์ (สารก่อมะเร็ง) เมื่อโดนความร้อน แม้ว่าน้ำมันมะพร้าวและกะทิจะมีไขมันสูง แต่ผลการวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า น้ำมันจากมะพร้าวช่วยลดอาการอยากอาหาร และช่วยเผาผลาญแคลอรีในร่างกาย




          นางแบบมิแรนดา เคอร์ กล่าวว่า การบริโภควันละแค่ 4 ช้อนชาต่อวัน ไม่ว่าจะผ่านการใช้ประกอบอาหาร หรือราดลงบนสลัด หรือใช้เพิ่มรสชาติให้น้ำชา ช่วยให้เธอลดน้ำหนักได้




     ดร.เพอร์ริโคนชี้แจงว่า "น้ำมันจากมะพร้าวมีไขมันอิ่มตัว ที่ไม่จำเป็นต้องย่อยสลายโดยตับและถุงน้ำดีเมื่อเราบริโภค ดังนั้นไขมันตัวนี้สามารถให้พลังงานแก่เราได้ในทันที และเพิ่มกระบวนการเมตาบอลิสม์ของร่างกาย ซึ่งช่วยลดระดับไขมันที่สะสมในร่างกายลง อีกทั้งยังช่วยรักษาโรคไทรอยด์ได้ด้วย"




     อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การบริโภคน้ำมันมะพร้าว ที่มีปริมาณไขมันอิ่มตัวสูงมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้เช่นกัน ดร.เอลิซาเบท ไวชเซลบวม นักโภชณาการประจำสถาบันโภชณาการแห่งอังกฤษเตือนว่า การรับประทานไขมันอิ่มตัวมากเกินไป จะทำให้มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง




     ส่วนสรรพคุณของน้ำมะพร้าวที่ อ้างกันว่า เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ชดเชยการสูญเสียน้ำชั้นเยี่ยมนั้น โซ ฮาร์คอมบ์ ชี้ว่า แม้บริษัทเครื่องดื่มจะอ้างว่าน้ำมะพร้าวประกอบไปด้วยโปแตสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียมตามธรรมชาติ แต่น้ำเปล่าจากก็อกก็สามารถใช้เป็นเครื่องดื่มชดเชยเกลือแร่ได้ เพราะมีสารข้างต้นครบเหมือนกัน แถมยังมีราคาถูกกว่า




     ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากต้องการดื่มน้ำมะพร้าวเพราะรสชาติก็ไม่เป็นไร แต่อย่าดื่มหรือทานมะพร้าวเพื่อหวังปาฏิหาริย์





ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 22 กันยายน 2554    
Last Update : 22 กันยายน 2554 12:02:04 น.
Counter : 476 Pageviews.  

ดูดไขมัน ดีหรือไม่ดีกับคุณอย่างไร

ดูดไขมัน ดีหรือไม่ดีกับคุณอย่างไร




นานมาแล้วที่คนเราใช้วิธีการต่างๆ ในการรักษารูปร่างให้ดูดี เช่น การความคุมอาหาร การออกกำลังกาย หรือ การเลือกเสื้อผ้าใส่ให้เหมาะสม แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมีไขมันบางบริเวณที่ดื้อต่อวิธีการเหล่านี้ ร่างกายของผู้หญิงมีการสะสมไขมันส่วนใหญ่อยู่ช่วงเอวลงมา บนสะโพก และต้นขาด้านนอก ผู้ชายมักอยู่เหนือเอวและบริเวณหน้าท้อง





     หลายปีที่ผ่านมา แพทย์ชาวฝรั่งเศสได้พัฒนาเทคนิคทางการแพทย์ที่เรียกว่า การดูดไขมัน เพื่อช่วยขจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย ซึ่งเหมาะสำหรับบุคคลที่มีไขมันสะสมอยู่เฉพาะที่และไม่สามารถขจัดให้หมดโดย อาหาร การออกกำลังกายและการควบคุมน้ำหนัก



     วิธีนี้ไม่ใช่การลดน้ำหนักสำหรับคนอ้วนโดยทั่วไป แต่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในบริเวณคาง คอ แก้ม ต้นแขน ขา ท้อง สะโพก หน้าท้อง และเข่า ซึ่งทำได้ทุกเพศทุกวัย แต่ต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อน



     หากท่านใดมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง หรือป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน หรือมีปัญหาเลือดไม่แข็งแรง ไม่เหมาะที่ทำเพราะอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้




การปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมัน

     1. เจาะเลือดตรวจร่างกายก่อนทำการดูดไขมัน 1 สัปดาห์ เพื่อดูการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น
     2. งดรับประทานยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ยาแก้ปวดข้อ แก้ปวดกล้ามเนื้ออย่างน้อย 1 สัปดาห์
     3. งดการดื่มสุรา 1 สัปดาห์ก่อนทำการรักษา
     4. วันที่มารับการดูดไขมัน ให้รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย และควรนำญาติมาด้วย 1 คน




วิธีการการดูดไขมัน

     สามารถทำได้ในคลินิกแพทย์ที่มีห้องผ่าตัดเล็กหรือตามโรงพยาบาล การทำจะดมยาสลบหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย ในขั้นต้น ผู้ป่วยจะได้รับการฉีดยาชาเฉพาะที่ แพทย์จะเปิดผิวหนังเป็นช่องเล็กๆ เพื่อสอดท่อสำหรับดูดไขมันไปมาใต้ผิวหนัง เพื่อให้ไขมันแตกออกและถูกดูดออกมาตามท่อ ขณะทำ ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหมือนถูกหยิก เมื่อดูดไขมันได้ปริมาณที่พอเหมาะแพทย์จะเย็บปิดแผล เทคนิคนี้ใช้เวลาตั้งแต่ 30 นาที ไปถึง 2-3 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนไขมันที่ต้องการดูด หลังทำผู้ป่วยต้องใส่ยางรัดตัวชนิดพิเศษนาน 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล สามารถลุกเดินได้ตามปกติ บริเวณที่ทำอาจบวม ฟกซ้ำแต่มักหายไปภายใน 3-4 สัปดาห์ แพทย์จะนัดตัดไหมหลังทำ 1 สัปดาห์ ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันได้ภายใน 1 สัปดาห์หลังทำ




การปฏิบัติตัวหลังรับการดูดไขมัน

     1. รับประทานยาปฏิชีวนะที่แพทย์จัดให้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หากปวดแผลให้รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล
     2. ภายใน 48 ชั่วโมง หลังทำห้ามขับรถเด็ดขาด
     3. งดการออกกำลังกายอย่างหักโหม อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์
     4. ผ้าพันแผลสามารถถอดได้หลังการดูดไขมัน 72 ชั่วโมง จากนั้นจะต้องพันผ้าบางรัดชนิดพิเศษต่ออีก 2-4 สัปดาห์
     5. ถ้ามีอาการปวดบวมแดง หรือมีเลือดออกมากผิดปกติบริเวณแผล ให้ติดต่อแพทย์ทันที การ ดูดไขมันก็เช่นเดียวกับการผ่าตัดชนิดอื่น เช่น การติดเชื้อ เลือดออก อาการชาบริเวณที่ทำ ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้จะเกิดน้อยมาก หากปฏิบัติตัวถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์



วิธีนี้เป็นเทคนิคทางการ แพทย์ที่ใช้ขจัดไขมันเฉพาะที่ ที่ได้ผลมากที่สุดและไม่เป็นอันตราย แต่วิธีนี้ไม่เหมาะสมสำหรับคนอ้วนทั่วไป ซึ่งควรได้รับการรักษาด้วยวิธีการอื่นแทน





ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 16 กันยายน 2554    
Last Update : 16 กันยายน 2554 11:23:39 น.
Counter : 476 Pageviews.  

7 สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ แอนตี้ออกซิแดนต์

7 สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ แอนตี้ออกซิแดนต์




มันช่วยแก้ไขและปกป้องผิวของคุณจาก ความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ที่นำมาสู่ความร่วงโรยของวัย และนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ...แอนตี้ออกซิแดนต์

สำหรับผิวสวย เราต้องการทั้งการแก้ไขและปกป้อง และเพื่อให้คุณได้ทำทั้งสองอย่างในกิจวัตรการดูแลผิวประจำวันของคุณคุณต้อง หาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม ซึ่งแก้ไขความเสียหายที่มีอยู่ และปกป้องความเสียหายในอนาคตไม่ให้เกิดขึ้นซึ่งแอนตี้ออกซิแดนต์คือสารสุด วิเศษสำหรับผิว ซึ่งคุณได้เห็นมันมากมายอยู่บนเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง แต่มันมีหลายอย่างที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับมัน ซึ่งเราได้รวบรวมมาให้คุณแล้ว






1. แอนตี้ออกซิแดนต์ต่อสู้กับความเสียหายจากอนุมูลอิสระ

     หากจะอธิบายอย่างสั้นๆ อนุมูลอิสระเกิดขึ้นจากที่โมเลกุลต้องสูญเสียหนึ่งในอิเล็กตรอน (ที่ต้องมีเป็นคู่เสมอ) ทำให้มันต้องไปดึงเอาอิเล็กตรอนมาจากโมเลกุลตัวอื่น และเมื่ออีกตัวหนึ่งเสียอิเล็กตรอนไป มันก็จะทำแบบเดียวกันเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกันไป ความพยายามในการซ่อมแซมตัวเองเช่นนี้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าอนุมูลอิสระ ขึ้นมา ออกซิเจนหรือสารประกอบอื่นที่มีโมเลกุลของออกซิเจน อย่างเช่น คาร์บอนมอนอกไซด์หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ รวมทั้งแสงแดดและมลพิษเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกายเราตลอด เวลาและอนุมูลอิสระรับผิดชอบต่อความร่วงโรยของผิว เนื่องจากมันทำร้ายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว โดยแอนตี้ออกซิแดนต์ทั้งปกป้องและต่อสู้กับความเสียหายนี้ด้วยการทำให้ อนุภาคนี้กลายเป็นกลาง




2. แอนตี้ออกซิแดนต์...ไม่ใช่ส่วนผสมใดๆ ทั้งสิ้น

     แอนตี้ออกซิแดนต์ไม่ใช่วิตามินหรือส่วนผสมพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่มันเป็นการทำงานของส่วนผสมบางอย่างที่ป้องกันการที่โมเลกุลจะดึง อิเล็กตรอนจากอะตอมตัวอื่น และเริ่มต้นปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระ โชคดีที่แอนตี้ออกซิแดนต์จำนวนมากสามารถพบได้ในร่างกายมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตาม มีโอกาสอย่างมากว่าเราจะไม่ได้รับแอนตี้ออกซิแดนต์มากพอที่จะจัดการกับ อนุมูลอิสระและความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ที่เกิดการสลายตัวหรือไม่อาจทำหน้าที่ได้ตามปกติ ส่วนผสมที่มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระมีทั้งวิตามินเอ ซี อี เบต้าแคโรทีน ซีลีเนียม คิเนติน และสังกะสี




3. แอนตี้ออกซิแดนต์ปกป้องผิวจากมะเร็งผิวหนัง

     เมื่อแอนตี้ออกซิแดนต์ทำให้อนุภาคของอนุมูลอิสระกลายเป็นกลาง มันก็ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ในผิวของคุณ ความเสียหายที่เกิดกับโครงสร้างของเซลล์และองค์ประกอบเซลล์นี้ สามารถสะสมตัวมากขึ้นเรื่องๆ ตามเวลาที่ผ่านไป และในที่สุดก็สามารถนำไปสู่โรคร้ายอย่างเช่นมะเร็งผิวหนังได้




4. แอนตี้ออกซิแดนต์รักษาริ้วรอยและสัญญาณแห่งวัย

     เนื่องจากริ้วรอยและสัญญาณต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความร่วงโรยของผิว เช่น สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ จุดด่างดำ และความหยาบกร้านของผิว ล้วนเกิดจากอนุมูลอิสระทั้งสิ้น การใช้แอนตี้ออกซิแดนต์ในรูปของการทาลงบนผิว จึงอาจมีบทบาทในการชะลอความเสียหายจากอนุมูลอิสระให้ช้าลงได้ อย่างไรก็ตาม ผลของมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน ความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกายมนุษย์อาจเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน ความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกายมนุษย์อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนานเป็น ปีๆ ก่อนที่จะสังเกตเห็นความเสื่อมถอยใดๆ คุณจึงไม่อาจชโลมแอนตี้ออกซิแดนต์ลงบนผิว และหวังว่าริ้วรอยของคุณจะลดลงอย่างทันที




5. แอนตี้ออกซิแดนต์สามารถปกป้องผิวจากแสงแดด

     นอกเหนือจากการต่อสู้กับอนุมูลอิสระแอนตี้ออกซิแดนต์ยังบช่วยปกป้อง ผิวจากรังสีที่เป็นอันตรายของแสงแดด แต่อย่าได้เลิกใช้ครีมกันแดดไปเลย เนื่องจากการปกป้องของแอนตี้ออกซิแดนต์ต่อรังสียูวีมีค่อนข้างน้อยมาก จึงควรจับคู่สกินแคร์ที่มีแอนตี้ออกซิแดนต์กับครีมกันแดดหรือมองหาผลิตภัณฑ์ ที่มีทั้งสองอย่าง




6. แอนตี้ออกซิแดนต์สามารถเข้ากันได้กับผลิตภัณฑ์สกินแคร์อย่างอื่น

     แอนตี้ออกซิแดนต์เป็นมิตรต่อการดูแลผิวทุกประเภท และสามารถนำมาใช้ผสมผสานกับครีมอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัยรวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อต่อต้านสิวและปกป้องแสงแดดด้วย




7. มันดีที่สุดที่จะให้แอนตี้ออกซิแดนต์แก่ผิวด้วยการทา

     ร่างกายของคุณจะส่งผ่านวิตามินและสารอาหารต่างๆ ที่คุณบริโภคเข้าไปให้แก่ผิวในปริมาณค่อนข้างน้อย ฉะนั้น คุณจะเห็นประโยชน์มากกว่าเมื่อคุณทาแอนตี้ออกซิแดนต์ลงบนผิวโดยตรง และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็สนับสนุนเรื่องการปกป้องของแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ ทาลงบนผิว ตัวอย่างเช่น วิตามินซี อี และซีลีเนียม ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากแสงแดดต่อผิว และแสดงให้เห็นด้วยว่าสามารถปกป้องความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อไป นอกจากนี้การทาแอนตี้ออกซิแดนต์ยังเพิ่มระดับการปกป้องความเสียหายจากสภาพ แวดล้อมแก่ผิว และการช่วยชะลอกระบวนการแก่ก่อนวัยได้




Famous Antioxidant

     มีส่วนผสมหลายอย่างที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์ และนี่คือบางส่วนที่นิยมใช้กันในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่คุณสามารถหาได้ตาม เคาน์เตอร์เครื่องสำอาง



     วิตามินเอหรือเบต้าแคโรทีน เบต้าแคโรทีนคือสิ่งที่ช่วยปก ป้องผลไม้และผักที่มีสีเขียวเข้ม เหลือง และส้มจากความเสียหายจากรังสีของพระอาทิตย์ และเชื่อกันว่ามันทำหน้าที่แบบเดียวกันในร่างกายมนุษย์



     วิตามินซี ช่วยซ่อมแซมผิวจากความเสียหายของแสงแดดและปกป้อง ผิวจากความร่วงโรย แต่เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์ที่สลายตัวได้เร็วมากเมื่อสัมผัสกับออกซิเจน



     วิตามินอี เป็นวิตามินหลักในร่างกายที่ทำหน้าที่แอนตี้ออกซิแดนต์ปกป้องเซลล์เมมเบรนและโครงสร้างอื่นที่มีส่วนประกอบของไขมัน



     ฟลาโวนอยด์ ฟลาโวนอยด์เป็นเม็ดสีในพืชที่รับผิดชอบในการ สร้างสีสันของผลไม้ ผัก และดอกไม้ ซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ทรงอานุภาพ แล้วยังมีคุณสมบัติในการต้านอาการอักเสบและต้านไวรัสได้ด้วย ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ต่อผิวพรรณ ฟลาโวนอยด์ที่มีผลประโยชน์เป็นพิเศษได้แก่ Proanthocyanins ซึ่งพบในองุ่นและต้นไพน์ และPolyphenols ซึ่งพบในชาเขียวและขาขาว



     โคเอนไซม์คิว 10 (Coenzyme Q10) นี่เป็นสารที่ปกติร่างกาย จะสร้างขึ้นได้เอง แต่ปัจจัยหลายอย่างอาจทำให้ระดับของ CoQ10 ในร่างกายลดลง ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจนอิลาสติน และโมเลกุลที่สำคัญอื่นๆ ของผิวน้อยลงนอกจากนี้ ผิวที่ขาด CoQ10 ยังอาจเสียหายได้ง่ายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งมีอยู่มากมายบนผิว ดังนั้น CoQ10 อาจเพิ่มการซ่อมแซมตัวเองของผิว และการสร้างเซลล์ผิวใหม่และลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระได้



     สังกะสี (Zinc) ช่วยปกป้องรังสียูวี ช่วยให้แผลสมานตัวได้เร็ว ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและการทำงานของระบบประสาท เนื้อเยื่อทั่วร่างกายต่างมีสังกะสีเป็นส่วนประกอบและมีในชั้นหนังแท้ มากกว่าหนังกำพร้า การทาสังกะสีลงบนผิวในรูปของซิงก์ไอออน (Zinc lons) มีรายงานว่าสามารถปกป้องผิวจากแสงได้ ซีลีเนียม เป็นแร่ธาตุที่พบในซีเรียล ถั่ว และไข่ งานวิจัยบางชิ้นแสดงว่าการกินซีลีเนียมป้องกันมะเร็งในสัตว์ทดลองในแล็บ มันยังแสดงให้เห็นถึงการชะลอการแก่วัย และบรรเทาอาการผิวไหม้จากรังสีได้ด้วย




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 15 กันยายน 2554    
Last Update : 15 กันยายน 2554 12:21:57 น.
Counter : 432 Pageviews.  

บอกลาเซลลูไลต์หลังคลอดในชั่วพริบตา

บอกลาเซลลูไลต์หลังคลอดในชั่วพริบตา




   บอกลาเซลลูไลต์หลังคลอดในชั่วพริบตา ถึงจะเป็นคุณแม่ แต่ก็เป็นผู้หญิงที่อยากมีรูปร่างกระซับดังเดิมเหมือนกันนะ และถ้าคุณทั้งเลี้ยงลูกทั้งทำงานจนไม่มีเวลาออกกำลังกาย คงจะต้องหาวิธีในการจักดารเรื่องเหล่านี้ในหลากหลายวิธี งั้นเราไปใช้วิธีจัดการที่ไม่ต้องผ่านมีดหมอดูมั้ย?






เกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณตั้งครรภ์

     ถ้าไม่คิดถึงไขมันหรือน้ำหนักตัวที่สะสมอยู่แม้หลังคลอดบุตร ปกติน้ำหนักของคุณควรจะเพิ่มโดยรวม 11-15 กิโลกรัม หากแม่มีน้ำหนักตัวปกติ 6-11 กิโลกรัม สำหรับแม่ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือ 12-18 กิโลกรัม เมื่อแม่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐานโดยแบ่งออกเป็นน้ำหนักตัวทารกประมาณ 3.5 กิโลกรัม รก 0/9-1.3 กิโลกรัม น้ำคร่ำ 0.9-1.3 กิโลกรัม เนื้อเยื่อเต้านม 0.9-1.3 กิโลกรัม เลือด 1.8 กิโลกรัม



     ไขมันที่สะสมไว้เพื่อคลอดและให้นมบุตร 2.2-4 กิโลกรัม ขนาดมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น 0.9-2.2 กิโลกรัม



     ในกรณีที่แม่มีน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์ปกติอยู่แล้วก็เป็นไปได้ที่ น้ำหนักจะลด (ภายใต้การดูแลของแพทย์) แต่ส่วนใหญ่อาจเป็นกรณีตรงกันข้าม คุณอาจจะเตรียมใจรับกับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้น เท้าที่บวม และฮอร์โมนที่ขึ้นลงก็จริง แต่อาจไม่มีใครเตือนคุณถึงสิ่งที่เรียกว่า "เซลลูไลต์" ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่คุณตั้งครรภ์จากการที่เซลล์ไขมันขยายใหญ่ รู้ตัวอีกทีผิวหนังที่เคยเนียนเรียบก็กลายเป็นเปลือกส้มซะแล้ว




How to Fix?

     Cool Sculpting

           มีชื่อทางการค้าว่า Zeltiq โดยเป็นการส่งคลื่นความเย็นในระดับติดลบ 5 องศาเซลเซียส เพื่อแช่แข็งไขมันให้ทำลายตัวเอง จากนั้น ร่างกายจะขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไปตามกระบวนการธรรมชาติ ข้อดีก็คือไม่ต้องใช้ยาชา ไม่ต้องใช้เข้ม แต่หลังทรีตเมนต์อาจจะชาเล็กน้อย เหมาะกับบริเวณสะโพก ต้นขา และหน้าท้องของคุณแม่หลังคลอด แต่ไม่เหมาะสำหรับคนที่น้ำหนักตัวเยอะอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท/คอร์ส



     Cool Laser

           มีชื่อทางการค้าว่า Zerona เป็นไดโอดเลเซอร์ที่ฉายลงไปถึงชั้นไขมันจนทำให้เมมเบรนของเซลล์แตก ใช้เวลารวม 40 นาทีในแต่ละทรีตเมนต์ แต่ต้องทำต่อเนื่องกัน 6 ครั้งภายใน 2 สัปดาห์ เหมาะสำหรับคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการกำจัดไขมันในบริเวณกว้าง ค่าใช้จ่ายประมาณ 120,000 บาท/คอร์ส



     Accu Sculpt

           เป็นการดูดไขมันซึ่งแพทย์จะใช้เลเซอร์ไฟเบอร์ขนาดเล็กสอดเข้าไป ในชั้นไขมัน ใต้ผิวหนัง เพื่อสลายเซลล์ไขมันให้ละลายแล้วจึงค่อยดูดไขมันที่เหลวออกมา สามารถใช้ได้กับหน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา น่อง ต้นแขน และหลัง แม้จะเห็นผลได้ทันที แต่อาจมีอาการบวม และมีรอยช้ำเป็นผลข้างเคียง และต้องพักฟื้นหนึ่งวัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 50,000-180,000 บาท





ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 14 กันยายน 2554    
Last Update : 14 กันยายน 2554 13:20:00 น.
Counter : 777 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

YangJing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







Friends' blogs
[Add YangJing's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.