Group Blog
 
All blogs
 

หยุด สะอึก แบบไม่ต้องดื่มน้ำ

หยุด สะอึก แบบไม่ต้องดื่มน้ำ

    ‘สะอึก’ ทางการแพทย์อธิบายอาการไม่พึงประสงค์ไว้ว่า กล้ามเนื้อกะบังลมบริเวณรอยต่อระหว่างช่องปอดกับช่องท้องเกิดการหดเกร็งโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่อาจสันนิษฐานว่า มีสิ่งไปกระตุ้นเส้นประสาท 2 ตัว คือ Vagus nerve และ Phrenic nerve ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมระบบประสาทต่อกับระบบทางเดินอาหารส่วนต้น ส่วนเสียงสะอึกเกิดขึ้นจากการหายใจออกระหว่างที่กระบังลมกระตุกแบบปัจจุบันทันด่วนนั่นเอง

     สำหรับบางคนเวลาสะอึกถึงกับกลายเป็นจุดสนใจ เพราะเสียงสะอึกดังกึกก้อง แถมตัวก็กระตุก แม้พยายามเอามือปิดปาก และนั่งนิ่งๆ ก็ข่มอาการเอาไว้ไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่วิธียอดนิยมที่ใช้แก้อาการดังกล่าว คือ การดื่มน้ำ ทว่าในช่วงเวลานั้น ไม่สามารถหาน้ำดื่มได้ แนะนำให้ใช้วิธีกดจุด

การกดจุดแก้สะอึก เป็นเคล็ดลับทางแพทย์แผนจีน โดยให้กดจุดจ่านจู๋ ที่อยู่ในตำแหน่งหัวคิ้วทั้งสองข้าง ก่อนกดจุดให้นั่งหลังตรงหรือนอนหงาย จากนั้นใช้นิ้วโป้งกดลงที่หัวคิ้วพร้อมกันทั้งสองข้าง ขณะกดให้ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักเบาแล้วแรง นิ้วที่เหลือให้ศีรษะไว้ โดยกดแบบเบาสลับหนักค้างไว้จนกว่าจะหายสะอึก ที่มักหายภายใน 2-3 นาที

     อย่างไรก็ตาม หากสะอึกนานกว่านั้นเป็นชั่วโมง เป็นวัน หรือมีอาการติดๆ กันเป็นประจำ ประกอบกับพบอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจติดขัด เวียนศีรษะ เจ็บหน้าอก ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดความผิดปกติกับระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ หรือระบบสมองและเส้นประสาท

ที่มา www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2555 20:30:53 น.
Counter : 691 Pageviews.  

เตือน 10 เมนูอันตรายหน้าร้อน เน้นกินร้อน ช้อนกลาง

เตือน 10 เมนูอันตรายหน้าร้อน เน้นกินร้อน ช้อนกลาง

หน้าร้อนบ้านเราที่ดูจะร้อนขึ้นทุกปีๆ ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ เช่น เป็นลม อาหารเป็นพิษ ท้องร่วง ท้องเสีย เพราะอากาศที่ร้อนเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคอย่างมาก โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่มีโอกาสจะเกิดการระบาดของโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ จึงขอให้ระมัดระวังความสะอาดของอาหารและน้ำดื่มเป็นพิเศษ ขอให้ยึดหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวันง่ายๆ ได้แก่

     1. กินร้อน โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและปรุงเสร็จใหม่ๆ หากเป็นอาหารข้ามมื้อให้อุ่นให้ร้อนหรือเดือดก่อน
     2. ใช้ช้อนกลาง ตักอาหารขณะกินอาหารร่วมวงกับผู้อื่น
     3. ให้ฟอกสบู่ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและภายหลังจากใช้ห้องส้วม รวมถึงก่อนเตรียมนมให้เด็กทุกครั้ง

การป้องกันโรคในฤดูร้อน

     1. ให้เฝ้าระวังโรคในพื้นที่ หากพบมีผู้ป่วยเกิดขึ้นให้รีบดำเนินการสอบสวนควบคุมป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาดทันที
     2. ให้ดูแลควบคุมมาตรฐานน้ำประปา โรงงานผลิตน้ำดื่มบรรจุขวด โรงงงานผลิตน้ำแข็ง ซึ่งในฤดูร้อนจะมีการบริโภคน้ำแข็งน้ำดื่มสูงขึ้นกว่าฤดูกาลอื่นๆ
     3. ดูแลกวดขันความสะอาดโรงอาหารโรงเรียน ร้านอาหาร แผงลอยจำหน่ายอาหาร และตลาดสด ขอความร่วมมือผู้ประกอบการดูแลความสะอาดสถานที่และส้วมสาธารณะต่างๆ
     4. ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนให้รู้จักอาการของโรค การปฏิบัติตัวที่จะไม่ให้ป่วย และขอความร่วมมือให้การดูแลความสะอาดห้องส้วม ห้องครัว

หลีกเลี่ยงจากโรคอาหารเป็นพิษ ท้องร่วง

     ระมัดระวังให้อาหารสะอาดปลอดภัยด้วยอยู่เสมอ ไม่ปรุงอาหารทิ้งไว้เป็นเวลานานก่อนนำไปให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะอาหารประเภทที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบจะเสียง่ายกว่าปกติ อาหารประเภทยำ ลาบ ต้องปรุงให้สุก เนื่องจากอากาศร้อนจะทำให้อาหารบูดเสียง่าย ผู้ปรุงอาหารต้องรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลให้ดี แต่งกายสะอาด รวบผม ล้างมือก่อนปรุงและหลังประกอบอาหารทุกครั้ง โดยเฉพาะต้องล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ ส่วนผู้เดินทางท่องเที่ยวหรือผู้บริโภคอาหารนั้น ถ้าจะแวะรับประทานอาหารขอให้เลือกร้านที่มั่นใจว่าสะอาด หรือมีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย สำหรับน้ำดื่มหรือน้ำแข็งควรมีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจาก อย. รวมทั้งล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ ทุกครั้ง

10 เมนูอันตรายทอปฮิตหน้าร้อน

     1. ลาบ/ก้อยดิบ เช่น ลาบหมู ก้อยปลาดิบ
     2. ยำกุ้งเต้น
     3. ยำหอยแครง
     4. ข้าวผัดโรยเนื้อปู โดยเฉพาะกรณีที่ทำในปริมาณมาก เช่น อาหารกล่องแจก
     5. อาหาร/ขนม ที่ราดด้วยกะทิสด
     6. ขนมจีน
     7. ข้าวมันไก่
     8. ส้มตำ
     9. สลัดผัก
     10. น้ำแข็ง
     ส่วนอาหารปิ้งย่างที่นิยมรับประทานกัน เช่น หมูกระทะ กุ้งกระทะ ช่วงหน้าร้อนนี้ขอให้ใจเย็นๆ เวลาปิ้ง ควรปิ้งให้สุกจะได้ปลอดภัยจากอาหารเป็นพิษ ระยะนี้เน้นรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ๆ เท่านั้น ส่วนอาหารถุงอาหารกล่อง อาหารห่อ ต้องรับประทานภายใน 4 ชั่วโมงหลังปรุงสุก อาหารกระป๋องแม้จะปลอดภัยก็ต้องดูวันหมดอายุ อาหารค้างคืน ต้องอุ่นทำให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง อย่าลืมฤดูร้อนผู้ปรุงอาหารต้องปรุงอาหารให้ “สุก ร้อน สะอาด” ส่วนผู้บริโภคต้อง “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ”
ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 04 เมษายน 2555    
Last Update : 4 เมษายน 2555 22:44:54 น.
Counter : 398 Pageviews.  

8 วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีงานหนักแบบ ซุปตาร์

8 วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีงานหนักแบบ ซุปตาร์




     พอพูดซูเปอร์สตาร์ เราก็รู้ว่าคนที่อยู่บนจุดนั้นต้องทำงานหนักแน่ๆ เราเองถึงจะไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์ เราอาจก็ต้องทำงานหนักบ้าง เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมาดูแลตัวเองให้เป็นพิเศษเสมอนะจ้ะ คราวนี้จะมาแนะนำวิธีดูแลตัวเองเมื่อมีงานหนักให้เรามีสุขภาพดี แถมยังดูดีเสมอจ้ะ






1. หาเวลาพักผ่อนมากๆ เท่าที่จะทำได้

     ในช่วงที่มีงานหนัก สิ่งที่สำคัญก็คือการพักผ่อนค่ะ เพราะงั้นต้องหาเวลาพักผ่อนให้มากที่สุด อย่างซูเปอร์สตาร์บางคน ถ้าว่างเมื่อไรก็จะนอนอย่างเดียว นอนพักผ่อนบนรถบ้าง การนอนหลับที่ดีที่สุดควรนอนต่อเนื่องกัน 8 ชม.นะคะ สำหรับการนอนที่ดีควรเป็นดังนี้

     - นอนบนเตียงที่ไม่นุ่มหรือเเข็งจนเกินไป
     - นอนต่อเนื่อง 8 ชม.
     - นอนในที่ที่มีอากาศถ่ายเท
     - นอนในที่ที่ปิดไฟมืดสนิท





2. กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

     ในช่วงที่เรามีงานหนักสิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือการใส่ใจเรื่องการกิน อาหาร คือกินอาหารดีๆ มีประโยชน์ อาหารดีๆที่ Filmmy ว่ามีดังนี้คะ

     - เน้นผัก ผลไม้
     - ลดคาร์โบไฮเดรต ถ้าเป็นไปได้ให้กินข้าวกล้อง หรือขนมปังโฮลวีต
     - เนื้อสัตว์ไม่ควรติดมันคะ หรือทอดจนน้ำมันเยิ้มมาก
     - น้ำมันที่ใช้ ควรเป็นน้ำมันใหม่คะ




3. ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

     เราควรออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายของเราแข็งแรง พร้อมสู้กับความยากลำบาก สำหรับคนที่พอมีเงินเข้าฟิตเนส แนะนำให้ออกกำลัง ดังนี้

     - วิ่งวอร์ม 15 นาทีบนลู่วิ่ง
     - เล่นเวท และเครื่องเล่นละ 12 ครั้ง 3 ชุด
     - วิ่งหรือเดินเร็ว 45 นาท่ี เพื่อเผาผลาญพลังงาน ลดไขมัน
     - ยืดกล้ามเนื้อ




4. ล้างหน้าให้สะอาดเพื่อดูแลหน้าให้ใส

     ซูเปอร์สตาร์หลาย 100 คน ต้องใส่ใจเรื่องการดูแลผิวหน้าแน่นอนคะ การทำความสะอาดผิวหน้า เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆ ใครที่ล้างหน้าส่งๆไปมักจะมีปัญหาสิวตามมาแน่นอน การล้างหน้าให้ถูกวิธี ดังนี้

     - ล้างหน้าด้วยครีมล้างหน้าเครื่องสำอางทุกเย็น




5. ไม่ขี้เกียจทาครีมบำรุง

     การทำงานหนัก นอนดึก จะทำให้หน้าเหี่ยว คล้ำ โทรม สิว รอยย่น เราควรทาครีมบำรุงนะคะ ถ้าไม่อยากมีปัญหาผิวดังกล่าว ครีมที่ว่าคือ ดังนี้

     - เซรั่ม ไว้บำรุงหน้า อาจผสมวิตามิน ช่วยให้หน้าขาวใสได้
     - มอยส์เจอร์ไรเซอร์ สำหรับคนผิวแห้งและมัน
     - ครีมทาใต้ดวงตา เอาไว้บำรุงรอบดวงตาคะ ควรใช้นิ้วนางทานะคะ
     - ลิปบาล์ม เพื่อบำรุงผิวปากไม่ให้แห้งคะ
     - ครีมทาผิวกาย ทาเพื่อผิวกายเนียนนุ่ม ชุ่มชื่นคะ




6. กินอาหารเสริม

     อาหารเสริมที่ว่าอาจจะเป็นพวกวิตามินเม็ด เครื่องดื่มต่างๆอย่างเช่น น้ำผัก น้ำผลไม้ วิตามิน c,e,a,b1,b2,b12




7. ดื่มน้ำเปล่าสะอาดมากๆ

     การดื่มน้ำวันละ 8 แก้วมีประโยชน์มากๆ มีประโยชน์แค่ไหนดูเอาเอง

     - ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว
     - ช่วยบำรุงสมอง
     - ช่วยระบายของเสียออกจากร่างกาย
     - ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย
     - ช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้เต็มที่
     - ช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้ดี




8. ขับถ่ายให้เป็นเวลา

     สุดท้ายไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน การขับถ่ายก็สำคัญมาก เพราะถ้าเราอั้นไว้ มันจะทำให้ของเสียสะสมในร่างกาย และทำให้ป่วยง่าย แถมเกิดผลเสียอีกเพียบ เพราะงั้นเราควรขับถ่ายทุกเช้า เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงคะ.




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 24 มกราคม 2555    
Last Update : 24 มกราคม 2555 10:32:11 น.
Counter : 434 Pageviews.  

อาหาร 8 ชนิดที่เราอาจไม่ได้กินอีกต่อไป

อาหาร 8 ชนิดที่เราอาจไม่ได้กินอีกต่อไป




     ใครคิดว่าสภาพอากาศของโลกเราเปลี่ยนไปแล้ว บ้าง? หากใครต้องการข้อพิสูจน์ "อาหารและเครื่องดื่ม" จานโปรดของใครหลายคนอาจเป็นหลักฐานได้อย่างดี เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ฝนที่ตกแบบไม่มีฤดูกาล และภาวะแห้งแล้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำผึ้ง กาแฟ ช็อกโกแลต และเบอร์เบิ้น ฯลฯ ... แค่นี้ก็อาจทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงปัญหาสภาพดินฟ้าอากาศกันแล้วก็เป็น ได้






ขนมปัง

     ภาวะขาดแคลนขนมปังเริ่มกลายเป็นความจริงที่น่าตกใจ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ราคาของธัญพืชทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว เนื่องจากความร้อน ความแห้งแล้ง และไฟป่าในรัสเซีย รวมทั้งอุทกภัยที่ออสเตรเลียด้วย ผลผลิตข้าวสาลีที่เสียหายเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นปัจจัยสำคัญของการปฏิวัติ "อาหรับสปริง" (ประชาชนประท้วงรัฐบาลที่ปล่อยให้ข้าวยากหมากแพง และขนมปังก็เป็นอาหารหลักของชาวอาหรับ) ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผลกระทบของสภาวะอากาศต่อผลผลิตทั่วโลกถือว่าเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น อีก 20 ปีข้างหน้า ราคาขนมปังจะเพิ่มขึ้นถึง 90% และเพื่อเตรียมการต่อภาวะข้าวสาลีขาดตลาด บริษัทใหญ่อย่าง Glencore และ Cargrill จึงได้ตั้งเป้าผูกขาดตลาด เพื่อทำกำไรสูงสุดหากปริมาณข้าวสาลีทั่วโลกยังลดลงต่อเนื่อง




ช็อกโกแลต

     สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไม่เพียงแต่ทำให้น้ำแข็งเท่านั้นที่ละลาย ช็อกโกแลตที่รักของหลายๆ คนก็เช่นกัน อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 3 องศาก็ส่งผลให้เมล็ดโกโก้ในกานาและไอเวอรี่โคสต์ลดลงอย่างฮวบฮาบ ปรากฏการณ์นี้ส่งผลอย่างมากต่อประเทศแถบแอฟริกาซึ่งทำรายได้จากการขายโกโก้ (ขายดีขนาดเปรียบเปรยกันว่า ชาวบ้านสามารถเก็บเมล็ดโกโก้จากต้นแล้วไปแลกเป็นเงินสดได้ทันที) แต่โชคยังดีที่แม้วัตถุดิบช็อกโกแลตจะลดลง แต่มันก็ยังไม่หายไปเสียทีเดียว กลุ่มประเทศที่ปลูกต้นโกโก้อาจต้องย้ายพื้นที่เพาะปลูกไปยังที่เหมาะสมกว่า สภาพอากาศเย็นกว่า ประมาณ 200 ไมล์จากชายฝั่ง และหากมองในแง่ดี ผลผลิตโกโก้ที่ลดลงอาจทำให้คุณภาพช็อกโกแลตดีขึ้นก็ได้




กาแฟ

     ถือเป็นอาหารที่หายากไปเรียบร้อยแล้วสำหรับกาแฟ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศ วงจรฝนที่เปลี่ยนไป ส่งผลกระทบกับทุกภูมิภาคที่ปลูกกาแฟ เช่น บราซิล เวียดนาม แอฟริกา สิ่งยืนยันว่าผลผลิตกาแฟลดลงเห็นได้จากราคากาแฟที่สูงขึ้นอย่างมาก ระหว่างปี 2010 ถึง 2011 ผู้ผลิตกาแฟในสหรัฐอเมริกาอย่าง Maxwell House และ Folgers ขึ้นราคากาแฟถึง 25%




เบอร์เบิ้น

     การผลิตเบอร์เบิ้นในมลรัฐเคนตักกี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศตามฤดูกาล สภาพอากาศและอุณหภูมิของโลกเปลี่ยนไป ส่งผลต่อรสชาติและสีสันของเบอร์เบิ้น เป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้จากรูปแบบฤดูกาล และตามที่คาดการณ์ไว้ว่าใน 100 ปีข้างหน้า อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้น 3 องศา ก็อาจทำให้มลรัฐเคนตักกี้ไม่สามารถผลิตเบอร์เบิ้นได้อีกเลย




น้ำผึ้ง

     หนึ่งในตัวบ่งชี้ผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก็คือการ ตายของ ผึ้งเป็นจำนวนมาก และแน่นอนจำนวนผึ้งที่ลดลงย่อมทำให้สิ่งที่ผึ้งเท่านั้นผลิตได้อย่าง "น้ำผึ้ง" ลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม ของหวานชนิดนี้ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว เพราะผึ้งถือเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ที่ปรับตัวกับโรคภัยไข้เจ็บได้ดี เพราะฉะนั้น มันอาจจะปรับตัวกับอุณหภูมิโลกที่เปลี่ยนไปได้




ถั่วลิสง

     ดูเหมือนว่าการผลิตถั่วลิสงจะได้ประโยชน์จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยน แปลง เพราะถั่วลิสงออกผลผลิตดีขึ้นเมื่อมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น แต่ทว่าในฤดูร้อนที่แห้งแล้งก็ทำให้ผลผลิตถั่วลดลงไปมาก การขาดแคลนถั่วลิสงยังหมายถึงเนยถั่วที่ลดลงด้วย ราคาเนยถั่วได้พุ่งสูงขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างที่บอกว่าถั่วลิสงออกผลผลิตได้ดีในที่มีคาร์บอนไดออกไซด์สูง จึงคาดการณ์กันว่าจะกลับมาเพาะปลูกได้อีกในปีหน้าที่อากาศเริ่มเย็นลง




อากาเว่

     อากาเว่เป็นอาหารให้คาร์โบไฮเดรตตัวหลักของชาวเม็กซิกัน และเป็นวัตถุดิบผลิตเตกีล่าด้วย แต่ด้วยความแห้งแล้งในภาคเหนือของเม็กซิโกทำให้การทำเกษตรทุกประเภทได้รับผล กระทบ และรัฐบาลก็ถูกกดดันจากอเมริกาและยุโรปให้ปลูกข้าวโพดเพื่อผลิตเอทานอลแทน นั่นอาจหมายถึงเราจะมีเอทานอลเพิ่มขึ้นขณะที่เตกีล่าน้อยลง




ไวน์

     อากาศที่ร้อนขึ้นในพื้นที่ปลูกองุ่นของแคลิฟอร์เนียอาจทำให้ปริมาณ องุ่นลดลง ถึง 50% จากที่เคยผลิตได้ในปี 2004 และพื้นที่อื่นๆ ของประเทศก็กำลังพบเจอกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเช่นกัน การผลิตไวน์อาจจะต้องย้ายที่ เมืองฟิงเกอร์เลคที่ชานเมืองนิวยอร์กและพูเก็ตซาวนด์ในรัฐวอชิงตันอาจจะกลาย เป็นพื้นที่เพาะปลูกไวน์แห่งใหม่ก็เป็นได้




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 21 มกราคม 2555    
Last Update : 21 มกราคม 2555 10:07:55 น.
Counter : 367 Pageviews.  

ริมฝีปาก...กระจกสะท้อนสุขภาพ

ริมฝีปาก...กระจกสะท้อนสุขภาพ




     ถ้านึกถึงริมฝีปาก สาวๆ คงนึกถึงแต่เรื่องความสวยความงาม แต่นอกจากนั้นริมฝีปากยังสามารถบอกผลกระทบกับสุขภาพได้อีกด้วย ลองมาสังเกตุริมฝีปากของคุณดูนะคะ เพราะมันอาจจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้






ริมฝีปากบวม

     ไม่ใช่ไปคิดว่าจะเซ็กซี่แบบสาวแองเจลีนา โจลี แน่นอน เพราะริมฝีปากบวมบางครั้งมีสาเหตุมาจากโรคลำไส้อักเสบที่ชื่อว่า "โครห์น" ปกติจะทำให้เกิดการบวมในลำไส้ ซึ่งอาการสามารถปะทุรุนแรงขึ้นที่บริเวณท่อน้ำเหลืองหรือจุดใดจุดหนึ่งของ ร่างกาย นอกจากนี้ริมฝีปากบวมยังสามารถบ่งบอกถึงความไวต่ออาหารบางชนิดได้เช่นกัน เช่น อาหารเผ็ด




ริมฝีปากเป็นแผล

     รอยแตกที่ด้านข้างของปาก (โรคแผลที่มุมปาก) บางครั้งเกิดจากโรคโลหิตจาง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีการขาดแคลนธาตุเหล็กในร่างกาย และรอยแตกยังสามารถเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน เพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูง ขณะเดียวกันยังมาพร้อมกับ โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่มยีสต์ ที่มีชื่อว่า Candida ซึ่งมักจะทำปฏิกิริยาขึ้นบริเวณผิวหนังที่บาง เช่น มุมปากเป็นต้น




รอยไหม้บนริมฝีปาก

     แบบนี้อาจจะเป็นสัญญาณของภาวะซึมเศร้า เนื่องจากในสมองมีประสาทสัมผัสจำนวนมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สร้างความละเอียดอ่อนที่มากเกินไป จึงทำให้เกิดความไม่สมดุลขึ้นในจิตใจ และส่งผลให้ริมฝีปากมีรอยไหม้นั่นเอง




ริมฝีปากแตก

     คุณจะรู้สึกเจ็บทุกครั้งเมื่อริมฝีปากมีรอยแตก ซึ่งมันสามารถบอกได้ว่าคุณเป็นโรคภูมิแพ้ และรอยแตกนี้ทำให้ริมฝีปากบวมได้เช่นกัน โดยมีสาเหตุมาจากผิวหนังที่แห้งแตกและลอก หรือการระคายเคืองที่อาจจะมาจากถุงมือแพทย์ ลิปสติก หรือเปลือกถั่วลิสงที่เรารับประทานเข้าไป ดังนั้นคุณควรใส่ใจกับเครื่องสำอาง และพิจารณาการทดสอบภูมิแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง น่าจะช่วยป้องกันริมฝีปากแตกได้




ผื่นแดง

     เป็นอาการโรคภูมิแพ้ชนิดอื่น ที่เกิดขึ้นโดยการบริโภคน้ำอัดลมในปริมาณที่สูง แพทย์รายงานว่า พบคนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น เนื่องมาจากการรับประทานกรดเบนโซอิค ที่ทำให้เกิดฟองในน้ำอัดลม หรือยาสีฟัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขาบริโภคสารเหล่านี้ในปริมาณที่มากขึ้นจึงทำให้ เกิดโรคภูมิแพ้ชนิดนี้




รอยตกสะเก็ด, ริมฝีปากเกรอะกรัง

     บ่อยครั้งเราจะเรียกอาการเหล่านี้ว่า "โรคกลาก" ผิวหนังบนริมฝีปากที่มีต่อมไขมันสะสมน้อยกว่าบริเวณส่วนอื่นของผิว มีแนวโน้มที่จะแห้งเร็วกว่าพื้นที่อื่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กๆ หรือผู้ใหญ่เลียริมฝีปากของพวกเขามากเกินไป ปากของเขาก็จะแห้งเพราะไม่มีน้ำมันจากเนื้อเยื่อริมฝีปากมาหล่อเลี้ยง จึงทำให้รอบบริเวณปากแห้งและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แนะนำว่าให้ลองใช้วาสลินทารอบๆ บริเวณริมฝีปากให้ติดเป็นนิสัย น่าจะช่วยลดรอยตกสะเก็ดบนฝีปากได้




แผลพุพอง

     แผลพุพอง จะเกิดขึ้นจากไวรัสเริม เมื่อร่างกายคุณได้ทำสัญญากับไวรัส ที่มันไม่เคยออกจากร่างกายของคุณ และแผลผุพองที่เกิดขึ้นนั้น จะเป็นสัญลักษณ์ที่บอกให้รู้ว่าระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคุณนั้นค่อนข้าง ต่ำลง นอกจากนี้แผลผุพองมันสามารถชี้ให้เห็นถึงการรับประทานอาหารที่ไม่ถูก สุขลักษณะ อย่างไรก็ตาม การเป็นแผลที่มีระยะเวลานานกว่า 15 วัน ควรจะไปพบแพทย์จะดีที่สุด




ริมฝีปากซีด

     สภาพหัวใจและปัญหาที่ปอดทั้งสอง จะส่งผลกระทบต่อปริมาณของออกซิเจนในการไปหล่อเลี้ยงหลอดเลือด และเมื่อออกซิเจนเริ่มลดลงก็จะทำให้ริมฝีปากมีสีเขียวปนคล้ำหรือออกโทนสี น้ำเงิน แทนสีชมพูที่เป็นตัวบ่งบอกว่าคุณมีสุขภาพปากที่ดีนั่นเอง ขณะเดียวกัน ริมฝีปากสีชมพูอ่อน เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยของโรคโลหิตจางด้วยเช่นกัน




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 16 มกราคม 2555    
Last Update : 16 มกราคม 2555 9:44:13 น.
Counter : 398 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

YangJing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







Friends' blogs
[Add YangJing's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.