|
ครีมบำรุงมีมากมาย แตกต่างกันอย่างไรนะ
เดี๋ยวนี้มีครีมบำรุงต่างๆ ให้เราเลือกใช้ได้มากมาย อ้างคุณสมบัติต่างๆ อย่างชะลอริ้วรอย ลบเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวขาวขึ้น ฯลฯ แต่ในบรรดาครีมต่างๆ มากมายหลายยี่ห้อนี้เราจะดูอย่างไรว่าแบบไหนที่มีคุณภาพ และมีสารประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อผิวเราจริงๆ มาดูคุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้ดูดีกว่าค่ะ อย่างน้อยน่าจะช่วยให้คุณสาวๆ เลือกใช้ครีมได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
คุณสมบัติเริ่มแรกที่ทำให้คุณถูกตา ต้องใจครีมสักกระปุกหนึ่ง คงเป็นคุณสมบัติที่สังเกตได้ง่ายๆ อย่าง กลิ่น ความเข้มข้นของเนื้อครีม ความเร็วในการซึมซาบเข้าสู่ผิว และสิ่งต่อมาที่คุณต้องเอาใจใส่อย่างยิ่งยวด ก็คือส่วนประกอบของครีมนั้น ว่ามีสารที่ทำให้คุณเกิดอาการระคายเคืองหรือไม่ หมดอายุเมื่อไหร่ และที่สำคัญต้องดูสารประกอบต่างๆ ในครีมด้วย เช่น ครีมที่มีสารประกอบที่สกัดจากพืช, คอลลาเจน, อีลาสติน, สารที่ช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิว และสารที่ช่วยในการต่อต้านการเกิดริ้วรอย ซึ่งช่วยในการปรนนิบัติผิว ให้ผิวคุณมีความยืดหยุ่น ช่วยลบเลือนรอยเหี่ยวย่น และบำรุงจากอาการไหม้เพราะแสงแดด นอกจากนี้ยังมีสารประกอบในครีมอีกมากมาย ที่มีผลทำให้ครีมนั้นมีคุณสมบัติต่างๆ กันไป อย่าลืมสำรวจดูสภาพผิวของตนเอง และทำการศึกษาเรื่องสารประกอบแต่ละชนิดในครีมบำรุงด้วยนะคะ
ผู้หญิงกับความสวยงามนั้นเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร แม้ในสมัยโบราณ ก็มีการคิดค้นครีมบำรุงขึ้นใช้เพื่อคุณสมบัติด้านความงามกันแล้วค่ะ
ประวัติความเป็นมาของครีมบำรุง
ส่วนประกอบสำคัญในการทำครีมบำรุงผิวในสมัยโบราณนั้น ประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆ 2 อย่าง คือน้ำมันหอม และไขที่สกัดมาจากพืช หรือไขมันสัตว์ อีกทั้งยังมีการผสมสารที่เชื่อว่า มีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาอีกด้วย
ผู้คนที่อาศัยอยู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มักใช้น้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบหลักในการทำครีมบำรุง ส่วนชนเผ่าทางอัฟฟริกามักใช้น้ำมันที่สกัดมาจากปาล์มแรฟเฟีย เป็นส่วนประกอบสำคัญเพื่อครีมสำหรับความงาม ส่วนชาวโอเชียเนียผลิตครีมที่สกัดจากน้ำมันมะพร้าว และยังผสมน้ำมันสกัดจากเมล็ดละหุ่งและไขมันจากสัตว์ รวมถึงบางครั้งยังมีการใส่เนยที่มีส่วนผสมของ ขิง รากไม้และสมุนไพรต่างๆ แม้แต่ผงเหล็กลงไปด้วย
กระทั่งในสมัยปัจจุบัน ครีมหรือสกินแคร์ต่างๆ ก็ยังคงส่วนประกอบหลักเช่นเดียวกับเมื่อสมัยก่อนอย่างพวกน้ำมันสกัด มีการเติมน้ำ และตัวทำละลายเพื่อให้น้ำมันและน้ำเข้าผสมเป็นเนื้อเดียวกัน รวมถึงเติมสารต่างๆ ที่เป็นอาหารบำรุงผิว หรือมีคุณสมบัติปกป้องผิวลงไปด้วย ซึ่งทำให้ครีมในปัจจุบันแบ่งออกเป็นอีกหลายประเภท ตามคุณสมบัติของมัน
ครีมประเภทต่างๆ
1. ครีมที่ให้ความชุ่มชื้น หรือมอยซ์เจอร์ไรเซอร์
2. ครีมที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว หรือนูริชชิ่ง
3. ครีมบำรุงล้ำลึก หรือทรีตเม้นต์ครีม มีความเข้มข้นมากกว่ามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ และนูริชชิ่งครีม
4. ครีมประเภทลดริ้วรอย หรือรีจูเวเนตติ้งครีม
5. ครีมลดเซลลูไลท์ แม้ไม่สามารถลดเซลลูไลท์ หรือไขมันใต้ผิวหนังได้โดยตรง แต่จะให้ผลควบคู่กับการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร
6. ครีมประเภทสครับ เป็นครีมที่ผสมเม็ดบีดส์เล็กๆ สำหรับใช้นวดขัดผิวหน้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าออก
7. ครีมกันแดด ซึ่งมักมีส่วนประกอบของอโลเวร่า กรด p-amino-benzoicม, สารไฮโดรควินอน, สารประกอบซิงค์ และไทเทเนียม ซึ่งช่วยเรื่องการปกป้องผิวจากแสงแดด
8. ครีมที่ใช้เฉพาะฤดู เช่น ครีมสำหรับฤดูหนาว ซึ่งจะมีส่วนประกอบที่เป็นไขมากกว่าครีมทั่วไป รวมถึงสารประกอบที่เคลือบบางๆ บนผิวหนัง เพื่อปกป้องผิวจากสภาพอากาศหนาวเย็น คาวมชื้นต่ำ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ จากอากาศที่จะมีผลกระทบต่อผิวของเราด้วย
9. ครีมสร้างผิวสีแทน สำหรับสาวที่อยากมีผิวสีแทนดูสุขภาพดี ในเนื้อครีมชนิดนี้ประกอบด้วยสารที่เร่งการทำงานของเม็ดสี หรือเมลานินในผิวหนัง ซึ่งจะให้ผลที่ระยะเวลาราว 3-7 วัน อย่างไรก็ตามควรใช้อย่างระมัดระวัง และอ่านวิธีการใช้อย่างละเอียดทุกครั้ง
10. ครีมรองพื้นต่างๆ
11. ครีมสำหรับป้องกันความอับชื้น มักใช้ในเด็กทารกเพื่อป้องกันการเกิดผื่นผ้าอ้อม ซึ่งเกิดจากความอับชื้น และกรดยูริค
12. ครีมชนิดพิเศษ ครีมที่อยู่ในพวกครีมพิเศษเหล่านี้ ประกอบด้วยสารที่บำรุงเฉพาะส่วน เช่น ตา, มือ, เท้า หรือครีมโลชั่นสำหรับบำรุงผิวหลังการโกนหนวด ฯลฯ
ครีมหรือโลชั่นเพียงตัวเดียว อาจมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาหลายข้อผสมกัน หรือครีมโลชั่นบางอย่าง เช่นโลชั่นกันแดด หรือครีมทรีตเม้นต์ก็อาจมาในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่เนื้อครีม เช่น สเปรย์ ก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมสำหรับสาวๆ ที่ต้องการบำรุงผิวอย่างเร่งด่น ซึ่งไม่อาจเห็นผลได้รวดเร็วทันใจหากใช้เพียงครีมหรือโลชั่น จึงได้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "มาส์ก" ขึ้นมา เพื่อการปรนนิบัติบำรุงผิวแบบเร่งด่วนสำหรับคนที่มีเวลาน้อย คุณสมบัติระหว่างมาส์กกับครีมก็แตกต่างกันไป ลองดูข้อแตกต่างนี้แล้วเลือกแบบที่ใช่ในการดูแลผิวคุณดูค่ะ
ข้อแตกต่างระหว่าครีมกับมาส์ก
1. ความเข้มข้นของเนื้อครีม โดยทั่วไปในมาร์สหนึ่งแผ่น มักมีความเข้มข้นมากกว่าปริมาณครีมที่เราใช้ในหนึ่งครั้ง
2. ด้านประสิทธิภาพ ครีมมักเป็นผลหลังการใช้ราวหนึ่งเดือน แต่มาส์กเห็นผลทันทีหลังการใช้ อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพจากมาส์กมีอายุสั้นกว่าครีม คืออยู่ได้ราว 1-2 วันเท่านั้น
3. ความถี่ในการใช้ การใช้ครีมให้เห็นผลดีควรใช้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ส่วนมาส์กอยู่ที่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
4. ความเร็วในการซึมซาบลงสู่ผิว มาส์กใช้เวลาราว 15-20 นาทีในการซึมซาบเข้าสู่ผิวหนัง ส่วนครีมนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของเนื้อครีม
ปัจจุบันนี้ ด้วยความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ทำให้หลายแบรนด์ต่างแข่งขันกันผลิตครีมชนิดต่างๆ ออกมาเพื่อสนองตอบความต้องการดังกล่าว แต่ก่อนที่สาวๆ จะเลือกครีมสักกระปุกมาใช้ อย่าลืมศึกษาส่วนประกอบในเนื้อครีม รวมถึงไม่ละเลยคำแนะนำจากผู้ผลิต เพื่อผลที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองนะคะสาวๆ
ที่มา : www.doctorskinhouse.com
Create Date : 25 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2554 12:09:31 น. |
Counter : 465 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ได้ผิวสีแทนได้รวดเร็วด้วย 5 วิธีที่ทันใจ
1. เข้าร้านเสริมสวยเพื่อทำผิวสีแทน
พวกเขามีวิธีการอันเยี่ยมยอดที่จะทำให้คุณได้ผิวสีแทนปานน้ำผึ้ง พร้อมยังติดแน่นทนนานค่ะ ซึ่งทางร้านจะมีวิธีการทำอย่างมืออาชีพโดยใช้แปรงพ่นสี แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่แพงที่สุดนะคะ แต่สามารถติดแน่นนานถึง 2 สัปดาห์ขึ้นไป สีแทนจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นหลังจากค่อยๆ พ่นสีไป และคุณจะมีผิวสีแทนทั้งตัวภายใน 12 ชั่วโมงค่ะ
2. ใช้โลชั่นชโลมผิว
คุณสามารถหาซื้อโลชั่นเพื่อทำให้ผิวสีแทนได้ตามร้านขายยา หรือ ตามร้านค้าต่างๆ ซึ่งมีหลากหลายเฉดสีที่เข้ากับโทนสีผิวของคุณค่ะ หลังจากคุณอาบน้ำเสร็จ ให้คุณชโลมโลชั่นให้ทั่วผิวกายคุณ โดยเฉพาะตรงหัวเข่าและข้อศอกนะคะ เพื่อป้องกันการเป็นริ้ว ไม่สม่ำเสมอนั่นเองค่ะ
3. ใช้สเปรย์พ่นผิว
ถ้าหากคุณไม่ชอบแบบโลชั่น ผลิตภัณฑ์อีกแบบหนึ่งที่คุณสามารถใช้ได้ที่บ้านนั่นก็คือ สเปรย์ ซึ่งมาในรูปแบบกระป๋องที่เนื้อผิวเป็นละอองเมื่อฉีดออกมา คุณสามารถฉีดสเปรย์เพียงแค่ส่วนที่มองเห็น หรือ อาจจะให้เพื่อนของคุณช่วยฉีดสเปรย์ให้ทั้งตัวก็ได้นะคะ
4. ทาแป้งเนื้อสีแทน
หากคุณต้องการผิวสีแทนเป็นบางโอกาส หรือ บางส่วน เช่น เพียงแค่ใบหน้าหรือไหล่ แป้งเนื้อสีแทนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีนะคะ มันก็คล้ายกับแป้งที่ใช้แต่งหน้า แต่มันจะวิบวับเมื่อถูกไฟส่อง แป้งเนื้อแทนก็มีหลายเฉดสีให้คุณได้เลือกสรร ขึ้นอยู่กับสีผิวของคุณในตอนนี้นั่นเองค่ะ
5. แปรงปัดแก้มเนื้อทอง
ผลิตภัณฑ์ ตัวนี้ก็คล้ายๆ กับแป้งเนื้อสีแทนแต่มาในขนาดที่เล็กกว่าค่ะ คุณอาจจะลองเปลี่ยนมาใช้แปรงปัดแก้มที่ทำให้ผิวเป็นสีแทน แทนแปรงปัดแก้มที่คุณใช้เป็นประจำ เมื่อคุณต้องการให้ผิวมีประกายแวววาวได้นะคะ
วิธีเหล่านี้จะทำให้คุณหายห่วงเรื่องอันตรายที่จะเกิดขึ้น เมื่อคุณคิดที่จะทำผิวสีแทนได้ คุณไม่จำเป็นต้องไปนอนอาบแดดที่อาจแผดเผาผิวคุณให้ไหม้เกรียม แทนที่จะมีผิวสีแทนเนียนสวย หันมาเลือก 5 วิธีที่เรานำเสนอให้คุณ แล้วคุณจะมีผิวสีแทนอันเฉิดฉายไปอวดเพื่อนๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็วและง่ายกว่าที่คิดนะคะ
ที่มา : www.doctorskinhouse.com
Create Date : 24 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2554 14:36:09 น. |
Counter : 647 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|