|
นกแต้วแล้วใหญ่หัวสีน้ำตาล
นกแต้วแล้วใหญ่หัวสีน้ำตาล Pitta oatesi (Rusty-naped Pitta) มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 21-25 เซ็นติเมตร นกตัวผู้มีขนคลุมหัวและลำตัวด้านล่างสีน้ำตาลแกมส้ม หลังตามีแถบสีดำจางๆ คอสีน้ำตาลแกมเหลือง ขนคลุมลำตัวด้านบนสีเขียวไม่สดใสนัก ตะโพกน้ำเงินแกมเขียว ตัวเมียคล้ายกันแต่ขนคลุมหัวและลำตัวซีดกว่า หลังตอนบนและปีกสีน้ำตาล
นกแต้วแล้วเป็นนกหากินกลางวันเพราะต้องอาศัยแสงสว่างในการหาอาหารที่ซ่อนตัวอยู่ตามใต้ใบไม้ใบหญ้า และในดิน อาหารหลักของนกชนิดนี้คือไส้เดือน หอยทาก แมลงเล็กๆแม้กระทั่งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นอย่างพวกกิ้งกือ ตะขาบ แมงมุม
นกแต้วแล้วหัวสีน้ำตาลมีการกระจายพันธุ์ในประเทศจีน ลาว เวียตนาม ไทย มาเลเซียและพม่าในป่าดิบชื้นในเขตร้อนและใกล้เขตร้อน ทั้งบนเขาและที่ราบ สำหรับในประเทศไทยเป็นนกประจำถิ่นพบไม่บ่อย โดยพบได้ในป่าดิบบนภูเขาที่ความสูง 380-2565 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ภาพในบล็อกถ่ายมาจากช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดกำแพงเพชร เมื่อเดือนมกราคม 2553
ข้อมูลจาก :
หนังสือคู่มือนกหมอบุญส่ง เลขะกุล นกเมืองไทย โดยคณะบุคคลนายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล พ.ศ.2550
//en.wikipedia.org/wiki
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2553 16:51:00 น. |
Counter : 12563 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกจับแมลงสร้อยคอขาว
นกจับแมลงสร้อยคอขาว Ficedula monileger หรือ Anthipes monileger (White-gorgeted Flycatcher) มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 12-13 เซ็นติเมตร เกือบจะเป็นนกจับแมลงหน้าตาไม่น่าสนใจเมื่อสีสันส่วนใหญ่บนตัวเป็นสีน้ำตาลๆเทาๆ แต่เมื่อได้มองข้างหน้า นกชนิดนี้ก็กลายเป็นนกหน้าตาน่ารักไปได้ เพราะมีคิ้วขาวชัดเจนตัดกับหน้าสีเทา มีแถบตาสีดำ มีแถบสามเหลี่ยมตั้งสีขาวขอบสีดำที่บริเวณคอและอกตอนบน เห็นได้ชัดเจน นกตัวผู้และตัวเมียสีสันหน้าตาคล้ายคลึงกัน
นกชนิดนี้เคยเป็นหนึ่งในนกจับแมลง Genus Ficedula (Family Muscicapinae , Subfamily Muscicapinae) ซึ่งมี30กว่าชนิด ต่อมาได้มีการศึกษาและพบว่านกจับแมลง Ficedula ไม่ได้มีพัฒนาการมาจากบรรพบุรุษแบบเดียว นกสองชนิดในGenusนี้คือ นกจับแมลงสร้อยคอขาวและนกจับแมลงคอขาวหน้าแดงถูกแยกออกมาเป็นนกจับแมลง Genus Anthipes เป็นครั้งแรกเพราะมีความใกล้ชิดกับพวก Niltava (Outlaw & Voelker 2006)
นกจับแมลงสร้อยคอขาวมีการกระจายพันธุ์ในประเทศบังคลาเทศ ภูฏาน จีน อินเดีย ลาว พม่า เนปาล ไทยและเวียตนาม
นกชนิดนี้เป็นนกจับแมลงที่หากินแมลงใกล้พื้นดิน โดยมักพบใกล้แหล่งน้ำในป่าดิบ ป่าไผ่ที่ความสูง 600-1900 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นนกประจำถิ่นของไทย พบบนภูเขาทางภาคเหนือของประเทศ
ข้อมูลจาก :
หนังสือคู่มือดูนกหมอบุญส่ง นกเมืองไทย โดยคณะบุคคลนายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล พศ.2550
//en.wikipedia.org/wiki/
//www.worldbirdnames.org/
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2553 11:24:41 น. |
Counter : 5745 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกกะรางแก้มแดง
นกกะรางแก้มแดง Liocichla phoenicea (Red-faced Liocichla) มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ20.5-23.5เซ็นติเมตร มีจุดเด่นที่ขนคลุมหน้า แก้มและคอสีแดงสด ขนคลุมลำตัวด้านบนสีน้ำตาลแกมเทา ขนคลุมลำตัวด้านล่างสีออกเขียว ขนปีกบินสีดำแกมแดงและเหลือง หางดำปลายหางสีน้ำตาลแกมเหลือง นกตัวผู้และตัวเมียคล้ายคลึงกัน
นกกะรางกลุ่ม Liocichlaนี้มีอยู่ทั้งหมด 4 ชนิด คือ Grey-faced Liocichla (เฉพาะถิ่นมณฑลเสฉวนตอนใต้), Steeres Liocichla(เฉพาะถิ่นไต้หวัน) , Red-faced Liocichla และ Bugun Liocichla(พบในประเทศอินเดีย) ในทั้ง 4 ชนิดนี้มีสองชนิดที่อยู่ในข่ายถูกคุกคามเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์(Vunerable) คือ ชนิดแรกและชนิดสุดท้าย
อาหารของนกชนิดนี้และนกกะรางอื่นๆคือแมลงและลูกไม้ในป่า
นกกะรางแก้มแดงมีการกระจายพันธุ์ในประเทศบังคลาเทศ ภูฏาน อินเดีย จีน พม่า ไทย ลาวและเวียตนาม โดยพบตามป่าเขตร้อนและใกล้เขตร้อนบนเขา สำหรับประเทศไทยเป็นนกประจำถิ่นที่พบไม่บ่อยตามป่าดิบ ชายป่าที่ความสูง 1800เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป
ภาพในบล็อกถ่ายจากจุดสกัดดอยฟ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ เดือนมกราคม 2553
ข้อมูลจาก :
//en.wikipedia.org
หนังสือคู่มือนกหมอบุญส่ง เลขะกุล นกเมืองไทย โดยคณะบุคคลนายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล พ.ศ.2550
Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2553 19:53:54 น. |
Counter : 6719 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เขนน้อยข้างสีส้ม
นกเขนน้อยข้างสีส้ม Tarsiger cyanurus (Orange-flanked Bush-robin) มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 13-15 เซ็นติเมตร ความกว้างจากปลายปีกจรดปลายปีก 22-23 เซ็นติเมตร น้ำหนักประมาณ 11 กรัม นกตัวผู้มีขนคลุมลำตัวด้านบนสีน้ำเงิน ขนคลุมลำตัวด้านล่างตั้งแต่คอถึงก้นเป็นสีขาว ขนที่สีข้างทั้งสองข้างเป็นสีส้ม
นกตัวเมียมีขนคลุมลำตัวด้านบนสีน้ำตาลแทนที่สีน้ำเงินของตัวผู้ มีขนหางสีฟ้า ขนคลุมลำตัวด้านล่างสีอ่อน บริเวณคอมีแถบเล็กๆเป็นแนวตั้งสีขาวมีสีข้างสีส้มเช่นเดียวกับนกตัวผู้
นกเขนน้อยข้างสีส้ม ( Orange-flanked Bush-Robin ) ถูกแบ่งออกเป็น2ชนิดย่อยคือ ชนิดย่อย cyanurus และชนิดย่อย rufilatus นกทั้งสองชนิดย่อยมีข้อแตกต่างกันในเรื่องของชุดขน ขนาดและเสียงร้องจนอาจถูกแยกออกเป็นสองชนิด ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนเช่น
1.ชนิดย่อย rufilatus มีขนคลุมตัวด้านบนสีสดใสกว่า มีคิ้วสีฟ้าอ่อนโดยไม่มีสีขาวเลย และมีแถบคอสีขาวที่แคบกว่า
2.ชนิดย่อย rufilatus มีหางและฝ่าเท้ายาวกว่า และมีปลายปีกกลมกว่า
3.ตัวเมียและตัวผู้วัยอ่อนของชนิดย่อย rufilatus โดยเฉลี่ยมีคอและท้องสีขาวกว่า
จึงได้มีการเสนอให้แบ่งนกชนิดนี้ออกเป็นสองชนิด กล่าวคือ ชนิดย่อย cyanurusให้ชื่อว่า Red-flanked Bluetail และชนิดย่อย rufilatus ให้ชื่อว่า Himalayan Bluetail
อาหารของนกเขนน้อยข้างสีส้มคือแมลงต่างๆ และผลไม้ป่า โดยหากินบนพื้นและบนต้นไม้
นกชนิดนี้ทำรังวางไข่ในป่าสนผสมซึ่งมีไม้พุ่มในยูเรเชีย เอเชียเหนือจนถึงเทือกเขาหิมาลัยและตะวันตกของประเทศจีน โดยจะทำรังจากหญ้า รากไม้และมอส รองพื้นด้วยหญ้านุ่มๆ ใบสน ขนสัตว์ บนตอไม้หรือขอนไม้หรือบนพื้น วางไข่ครอกละ 3-5ฟอง ใช้เวลากกไข่ประมาณ 12-15 วันโดยนกตัวเมียรับหน้าที่นี้
ในฤดูหนาวนกชนิดนี้จะอพยพลงมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นกเขนน้อยข้างสีส้มจากไซบีเรียค่อยๆเปิดเส้นทางบินสู่ตะวันตกไปยุโรปจนถึงประเทศอังกฤษซึ่งมีรายงานการพบแทบทุกปี โดยนกที่พบเป็นชนิดย่อย cyanurus นอกจากนี้ยังมีรายงานการพบอีกเล็กน้อยทางตะวันตกสุดของทวีปอเมริกาเหนือ
สำหรับประเทศไทย นกเขนน้อยข้างสีส้มเป็นนกอพยพในฤดูหนาวที่พบทางตอนเหนือของประเทศตามป่าดิบรกทึบที่มีความสูง 800 เมตร จากระดับน้ำทะเลขึ้นไป โดยพบได้ทั้งสองชนิดที่กล่าวมา
ภาพนกในบล็อกถ่ายมาจากจุดสกัดดอยฟ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ เดือนมกราคม 2553
ข้อมูลจาก :
หนังสือคู่มือดูนกหมอบุญส่ง เลขะกุล โดยคณะบุคคลนายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล กรุงเทพ 2550
//en.wikipedia.org/wiki
//identify.whatbird.com
//www.rarebirdbooks.co.uk
Create Date : 23 มกราคม 2553 | | |
Last Update : 26 มกราคม 2553 9:06:09 น. |
Counter : 7777 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกจุนจู๋หัวสีตาล
นกจุนจู๋หัวสีตาล Tesia castaneocoronata (Chestnut-headed Tesia)เป็นนกตัวเล็กหางสั้นจุนจู๋สมชื่อ มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 8.5-9.5เซ็นติเมตร หัวและหน้าสีน้ำตาลแดงมีวงรอบตาสีขาวไม่เต็มวงและกว้างเป็นพิเศษด้านหลังตาทำให้ดูเป็นแถบสีขาว คอสีเหลืองสดใส ท้องลายสีเหลืองสลับเขียวอ่อน ลำตัวด้านบนและสีข้างสีเขียวแกมเหลือง ตัวผู้และตัวเมียรูปร่างและสีสันเหมือนกัน
นกจุนจู๋ (Tesia) มีอยู่ทั้งหมด 5 ชนิด จัดเป็นชนิดที่พบทางเหนือ(พบได้ในประเทศจีนทางตอนใต้ พม่า ตอนเหนือของไทย ลาวและอินเดีย เนปาลตอนใต้และเวียตนาม) 3 ชนิด และชนิดที่พบทางใต้(พบได้ในเกาะชวา หมู่เกาะซุนดาน้อยทางตอนใต้ของอินโดนีเซีย) 2 ชนิด เป็นนกที่อาศัยตามพื้นป่า มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 7-10 เซ็นติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 6-12 กรัม ขายาว(เมื่อเทียบกับตัว) ชอบยืนตัวตรง และมีหางสั้นจนดูเหมือนไม่มีหาง ปากของนกจุนจู๋ทุกชนิดจะยาวและมีสองสี คือจะงอยปากบนสีเข้ม จะงอยปากล่างสีเนื้อ
นกจุนจู๋อาศัยตามป่าชั้นล่างของป่าดิบเขา โดยมักจะอยู่ในป่าที่ชุ่มชื้น มักพบใกล้น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนกจุนจู๋หัวสีตาลและนกจุนจู๋หัวเหลือง นกจุนจู๋ที่พบทางเหนือเป็นนกอพยพตามระดับความสูง กล่าวคือทำรังวางไข่ในที่สูงได้ถึง 4000 เมตรจากระดับน้ำทะเล และอพยพลงมาในฤดูหนาวได้จนถึงที่ความสูงเพียง 150 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนอีกสองชนิดที่พบทางใต้เป็นนกที่อยู่ประจำถิ่น
อาหารของนกจุนจู๋คือพวกแมลงเล็กๆโดยนกจะหากินใกล้พื้นดินใต้พุ่มไม้ใบบังและกองใบไม้ นกจุนจู๋หัวสีตาลทำรังวางไข่ตามฤดูกาล โดยจะวางไข่ครั้งละ 2 ฟอง นกทั้งสองเพศช่วยกันกกไข่ บางครั้งนกชนิดนี้ก็ถูกนกคัคคูเล็ก (Lesser Cuckoo) แอบมาวางไข่ในรังฝากเลี้ยงลูกด้วย
นกชนิดนี้มีการกระจายพันธุ์ในทวีปเอเชียในประเทศบังคลาเทศ อินเดีย ภูฏาน เนปาล พม่า จีน ไทย ลาว และเวียตนาม ในประเทศไทยเป็นนกประจำถิ่นทางเหนือของประเทศตามพื้นป่าดิบ ที่ความสูง 950-2565เมตรจากระดับน้ำทะเล
นกในบล็อกถ่ายมาจากบริเวณใกล้จุดสกัดดอยฟ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ เดือนมกราคม 2553
ข้อมูลจาก :
หนังสือคู่มือนกหมอบุญส่ง เลขะกุล นกเมืองไทย โดยคณะบุคคลนายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล,2550
//en.wikipedia.org
Create Date : 21 มกราคม 2553 | | |
Last Update : 21 มกราคม 2553 19:01:09 น. |
Counter : 7054 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|