|
นกเดินดงพันธุ์ญี่ปุ่น
นกเดินดงพันธุ์ญี่ปุ่น Turdus cardis (Japanese Thrush)เป็นนกที่ถูกพบและจำแนกชนิดครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น และเป็นนกอพยพที่มีรายงานการพบไม่บ่อยนักในประเทศไทย นกตัวผู้และนกตัวเมียมีสีสันของขนคลุมลำตัวแตกต่างกันอย่างชัดเจน
นกตัวผู้มีหัว ไหล่ หลัง ปีก หาง อก สีดำ ท้องสีขาวมีจุดสีดำเรียงเป็นแนวลงไปตามแนวยาวของลำตัว จุดที่อยู่ใกล้ขอบสีอ่อนกว่าบริเวณอื่น มีวงรอบตาเป็นเนื้อสีเหลือง ปากช่วงปลายฤดูร้อนถึงต้นฤดูฝนเป็นสีเหลือง ช่วงฤดูหนาวถึงฤดูร้อนเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลอ่อน จงอยปากบนสีเข้มกว่าจงอยปากล่าง ขาและนิ้วเท้าสีเหลืองอ่อน ส่วนนกตัวเมียมีสีเขียวมะกออกอมน้ำตาลแทนที่ส่วนที่เป็นสีดำในนกตัวผู้ วงรอบตาสีเหลืองอ่อนหรือสีเนื้อ ความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 21-23 เซ็นติเมตร
อาหารของนกชนิดนี้ได้แก่แมลง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กและลูกไม้ป่าสุกขนาดเล็กๆ โดยจะหากินตามพื้นดินที่มีน้ำขังแฉะซึ่งมีเหยื่อชุกชุม ใกล้แหล่งน้ำ และพุ่มไม้ต่ำใกล้พื้นดิน นกอาศัยตามป่าดิบเขาจากที่ราบจนถึงความสูง 1800 เมตรจากระดับน้ำทะเล
นกชนิดนี้สามารถพบได้ทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น ภาคกลางและตะวันออกของจีน ในฤดูหนาวนกในจีนและบางส่วนในญี่ปุ่นจะอพยพหนีหนาวลงมาหากินทางใต้ของจีน ภาคเหนือและกลางของเวียตนาม บางตัวลงมาถึงภาคเหนือและภาคกลางของลาว จำนวนน้อยมากเดินทางมาประเทศไทยในปีที่มีอากาศหนาวมากและยาวนาน
สถานที่ที่มีรายงานการพบในประเทศไทยได้แก่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย และสะแกราช ส่วนภาพนกในบล็อกถ่ายมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เมื่อปี 2548
ข้อมูลจาก :
//www.bird-home.com หนังสือคู่มือดูนกหมอบุญส่ง เลขะกุล นกเมืองไทย
Create Date : 12 กรกฎาคม 2548 | | |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2552 15:56:09 น. |
Counter : 2198 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกโกโรโกโส
นกโกโรโกโส Carpococcyx renauldi (Coral-billed Ground-Cuckoo) มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางราว 68.5-69 เซนติเมตร มีหางยาว เฉพาะหางอย่างเดียวก็ยาว 35 เซ็นติเมตรแล้ว สีสันทั่วไปเป็นสีเทาๆทั้งตัว หัว คอและหางสีดำ มีจุดเด่นอยู่ที่บริเวณหนังรอบตาซึ่งมีสีแดงและม่วงคล้ายทาอายแชโดว์ และปากสีแดงสดใส ขาและเท้าสีแดง เป็นนกหากินตามพื้น กลางคืนบินขึ้นนอนบนกิ่งไม้ที่สูงจากพื้นดินไม่เกิน 10 เมตร นกตัวผู้และตัวเมียสีสันคล้ายคลึงกัน
นกชนิดนี้กินอาหารจำพวกแมลง หนอน ปลวก ลูกไม้ป่าบางชนิดที่หล่นตามพื้น มักหลบซ่อนตัวในที่รกทึบ เมื่อตกใจจะวิ่งหนีไปซ่อนในดงไม้รก อาศัยตามป่าดงดิบแล้ง ป่าชั้นรองตั้งแต่พื้นราบจนถึง 900 เมตรจากระดับน้ำทะเล
แม้จะเป็นนกในวงศ์นกคัคคูเช่นเดียวกับแม่นกกาเหว่าซึ่งไม่ทำรังเลี้ยงลูกของตัวเอง แต่นกโกโรโกโสไม่เป็นแบบนั้น นกชนิดนี้จะทำรังและเลี้ยงลูกเอง โดยจะวางไข่ครั้งละ2-4ฟอง ทำรังบนต้นไม้
นกโกโรโกโสเป็นนกประจำถิ่นของประเทศไทย ลาว เวียตนาม กัมพูชา หาดูได้ค่อนข้างยาก อาจพบได้บ่อยในบางพื้นที่ สำหรับประเทศไทยมักพบที่ อช. เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำยม จ.แพร่ เป็นต้น แต่จะมีโอกาสพบได้บ่อยที่ชายป่าหลังร้านค้าที่ผากล้วยไม้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
นกในภาพนี้ถ่ายมาเมื่อเดือนมีนาคม 2548 จากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ที่นักดูนกที่ต้องการจะดูนกชนิดนี้ต้องไปเยือนสักครั้งนั่นเอง
ข้อมูลจาก :
//www.bird-home.com
Create Date : 02 กรกฎาคม 2548 | | |
Last Update : 3 กันยายน 2550 15:53:01 น. |
Counter : 3891 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกกะเต็นสร้อยคอสีน้ำตาล
นกกะเต็นสร้อยคอสีน้ำตาล Actenoides concretus (Rufous-collared Kingfisher)เป็นนกกะเต็นป่า มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางราว 24 เซ็นติเมตร นกตัวผู้มีหลังสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ และนกตัวเมียมีหลังสีเขียวมีจุดกลมเล็กๆสีอ่อนกระจายทั่วปีก นกทั้งสองเพศมีหัวสีเขียว หน้าสีเหลืองอมน้ำตาล มีแถบสีดำพาดผ่านตาและลากยาวไปถึงท้ายทอยมีแถบสีฟ้าลากจากโคนปากผ่านข้างแก้มไปจนถึงข้างคอ ท้องและอกตอนบนสีเหลืองอมน้ำตาลหางสีฟ้า ปากสีงาช้างหรือเหลืองนวล
นกชนิดนี้เป็นนกประจำถิ่นของสุมาตรา บอร์เนียว เป็นนกหายากและเคลื่อนย้ายแหล่งหากินไม่อยู่ประจำที่ พบทางตอนใต้ของแทนเนอซาลิม ภาคใต้ของไทย คาบสมุทรมลายู มีรายงานพบที่สิงคโปร์ด้วย โดยสถานที่ที่พบมักเป็นป่าดิบชื้นตั้งแต่พื้นราบไปจนถึงความสูง 750 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีบ่อยครั้งที่พบไกลจากแหล่งน้ำมาก อาหารของนกชนิดนี้คาดว่าจะเป็นแมลงขนาดใหญ่ สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กตามพื้นดิน กิ้งก่า จักจั่น ปลวก เป็นต้น
นกกะเต็นสร้อยคอสีน้ำตาลทำรังในโพรง อาจเป็นโพรงไม้ผุๆหรือขุดโพรงที่ผนังดินริมลำธาร รังหนึ่งที่พบมีปากโพรงกว้าง 10 เซ็นติเมตร ลึก 60 เซ็นติเมตร ปลายโพรงเป็นแอ่งกว้างราว 20 เซ็นติเมตร วางไข่ครอกละ 2 ฟอง ระยะเวลาฟักไข่ 22 วัน เมื่อลูกนกออกจากไข่แล้วพ่อและแม่นกช่วยกันออกหาอาหารมาป้อนลูก
สำหรับประเทศไทยมักพบนกชนิดนี้ทางภาคใต้ แต่ในช่วงทำรังมีรายงานการพบที่แก่งกระจานบ่อยครั้ง
ภาพนกในบล็อกถ่ายมาจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี นกอยู่ในระยะป้อนลูกและหาอาหารหลากหลายประเภทมาป้อน ทั้งแมลง หนอน จิ้งเหลนและงู
ข้อมูลจาก :
//www.bird-home.com
Create Date : 23 มิถุนายน 2548 | | |
Last Update : 20 มีนาคม 2551 12:13:07 น. |
Counter : 3203 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกจาบคาเคราน้ำเงิน
นกจาบคาเคราน้ำเงิน Nyctyornis athertoni (Blue-bearded Bee-eater) เป็นนกจาบคาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 33-37 เซ็นติเมตร มีลำตัวเพรียว คอสั้น หัวโต ปากยาวโค้งงอ ขาและนิ้วเท้าเล็กไม่เหมาะสำหรับเดินหรือกระโดด สีสันโดยรวมเป็นสีเขียว ขนบริเวณอก คอ คาง สีฟ้าค่อนข้างยาวเป็นพิเศษจึงดูคล้ายมีเคราสีฟ้าเป็นที่มาของชื่อ บริเวณท้องมีลายขีดสีเขียวจางๆขนคลุมลำตัวด้านล่างส่วนใหญ่เป็นสีเหลือง นกตัวผู้และตัวเมียคล้ายคลึงกัน
นกจาบคาเคราน้ำเงินชอบเกาะกิ่งนิ่งๆนานๆหลายๆชั่วโมง ไม่ค่อยเกาะตามยอดไม้แบบนกจาบคาอื่นๆแต่จะเกาะที่ระดับกลางของต้นไม้ อาหารของนกจาบคาเคราน้ำเงินได้แก่ ผึ้ง แมลงปอ ด้วง เป็นต้น ในการกินอาหารนกจะบินออกไปโฉบอาหารกลับมากินที่กิ่งโดยขยับแมลงให้หันหัวเข้าก่อนเช่นเดียวกับนกจาบคาอื่นๆ แต่นกชนิดนี้มีวิธีการกินอาหารแบบอื่นๆด้วย เช่นบินเข้าไปในโพรงไม้ผุๆเพื่อจิกกินไรไม้และด้วงที่ขุดเจาะเนื้อไม้ เป็นต้น
ในฤดูร้อน นกจาบคาเคราน้ำเงินจะเกี้ยวพาราสีโดยเกาะชิดๆกัน แผ่ขนหางเป็นรูปพัดแล้วก้มหัวลงติดๆกันเป็นเวลา 1 นาที พร้อมทั้งส่งเสียงร้อง ในบางโอกาสก็คาบเหยื่อไว้ในปากด้วย นกชนิดนี้ทำรังโดยการเจาะโพรงดินเช่นเดียวกับนกจาบคาอื่นๆ โดยเริ่มขุดโพรงก่อนวางไข่ประมาณ 1 เดือนหรือมากกว่า ในการเจาะโพรงบางครั้งนกอาจเปลี่ยนใจย้ายที่ขุดได้ บางโพรงก็ขุดสูงถึง 6-8 เมตรจากระดับพื้น บางโพรงก็เกือบจะติดดิน นกทั้งสองตัวจะสลับกันขุดโพรงรัง ในการขุดนกจะใช้ปากขุดและใช้เท้าเขี่ยดินออกมาทางด้านหลัง โพรงรังอาจมีปากโพรงกว้าง 7.5-9.5 เซ็นติเมตร และลึกได้ถึง 1.3-3 เมตร ขนานกับพื้นด้านล่าง หรือเอียงลง ปลายโพรงเป็นห้องกว้างราว 20*13เซ็นติเมตรสำหรับวางไข่และเลี้ยงลูก นกจะไม่หาวัสดุมารองรังแต่ในโพรงรังจะมีชิ้นส่วนของแมลงที่ย่อยไม่ได้ที่นกสำรอกออกมาเต็มไปหมด เพราะในระหว่างที่ยังไม่ได้วางไข่ นกจะอาศัยนอนในโพรงรังนี้ด้วย
นกจะวางไข่ครั้งละประมาณ 6 ฟองหรือน้อยกว่า เมื่อวางไข่ใหม่ๆไข่จะขาวสะอาดเป็นมัน แต่นานๆไปก็จะเลอะเทอะขึ้นและด้าน ไข่ค่อนข้างกลมมีขนาด 28.2*25.4มม. พ่อแม่นกช่วยกันกกไข่จนฟักเป็นตัว ลูกนกที่ยังไม่เต็มวัยรูปร่างหน้าตาคล้ายตัวเต็มวัย
นกจาบคาเคราน้ำเงินถูกพบครั้งแรกในอินเดีย และพบที่เชิงเขาหิมาลัย เนปาล สิกขิม ภูฐาน บังคลาเทศ พม่า จีน ไทย ลาว เขมร เวียตนาม สำหรับประเทศไทย นกชนิดนี้อาศัยในป่าผสมผลัดใบและป่าดิบแล้งบนที่ราบต่ำจนถึงป่าดิบเขาที่ความสูง 2200 เมตรจากระดับน้ำทะเล รวมทั้งป่าเต็งรัง ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ตะวันตกเฉียงเหนือของภาคอีสาน และภาคตะวันออก
ภาพนกในบล็อกถ่ายจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมาช่วงกลางเดือนเมษายน นกกำลังป้อนอาหารลูกที่คลานออกมากินอาหารจากปากพ่อแม่นกที่ปากโพรงรัง
ข้อมูลจาก :
//www.bird-home.com
Create Date : 22 มิถุนายน 2548 | | |
Last Update : 30 สิงหาคม 2551 12:05:55 น. |
Counter : 5045 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|