|
นกกะรางสร้อยคอเล็ก
นกกะรางสร้อยคอเล็ก Garrulax monileger (Lesser Necklaced Laughingthrush)มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 28.5-30.5เซ็นติเมตร มีแถบสีขาวลากยาวจากโคนปากไปจนถึงข้างคอดูเหมือนคิ้ว แถบคาดตาสีดำลากขนานชิดไปกับคิ้วจนถึงข้างคอและต่อเนื่องเป็นเส้นพาดอก หัว ลำตัวด้านบนและหางสีน้ำตาล ท้ายทอยและสีข้างสีน้ำตาลแดง ลำตัวด้านล่างสีขาว หางยาว ตัวผู้และตัวเมียคล้ายคลึงกัน และนกชนิดนี้คล้ายคลึงกับนกกะรางสร้อยคอใหญ่มาก
อาหารของนกกะรางได้แก่กลีบดอกไม้ ผลไม้ หนอนและแมลงต่างๆ โดยมีการรวมฝูงหากินระหว่างนกกะรางชนิดเดียวกัน และต่างชนิด นอกจากนี้ยังอาจรวมกันกับนกอื่นด้วยเช่นนกหัวขวานต่างๆ นกจะร่วมกันหากินและช่วยกันระวังภัย
รายงานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปี2530 เรื่องชีววิทยาและพฤติกรรมของนกกะรางที่ศึกษาพฤติกรรมของนกกะรางในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งโดยนางตวงรัตน์ มณีกรณ์ ระบุว่า นกกะรางจะจับคู่ผสมพันธุ์ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายน โดยสร้างรังตามต้นไม้ ซุ้มไม้ และเถาวัลย์ วัสดุที่ใช้เป็นพวกกิ่งไม้ ต้นหญ้า เถาวัลย์ สานเป็นรูปถ้วยภายในใช้ก้านใบประกอบเล็กๆหรือมือจับของเถามาสานอย่างละเอียด ปากรังภายนอกกว้างเฉลี่ย 17.72 เซ็นติเมตร ความลึกเฉลี่ย 7.62 เซ็นติเมตร ไข่ของนกกะรางสร้อยคอเล็กมีสีฟ้า ไม่มีลาย รูปร่างกลมรีขนาดเฉลี่ย 28.5*21.29 มิลลิเมตรหนัก 6.85 กรัม โดยนกจะวางไข่รังละ2-5ฟอง ส่วนใหญ่ 3-4ฟอง ระยะฟักไข่ 11-14 วัน จากนั้นอีก12วันลูกนกจึงออกจากรัง ทั้งพ่อและแม่นกช่วยกันฟักไข่และเลี้ยงลูก
นกชนิดนี้มีการกระจายพันธุ์ในทวีปเอเชีย ประเทศบังคลาเทศ อินเดีย เนปาล ภูฐาน พม่า จีน กัมพูชา ลาว เวียตนามและประเทศไทย สำหรับประเทศไทยเป็นนกประจำถิ่นที่พบได้บ่อยทางภาคเหนือ ตะวันตก ตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือในบางพื้นที่ โดยพบได้ตามป่าดิบ ป่าโปร่ง ป่าไผ่ จากที่ราบจนถึงความสูง 1675 เมตรจากระดับน้ำทะเล
นกในบล็อกถ่ายจากบ้านมะค่าบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นกกะรางสร้อยคอใหญ่และกะรางสร้อยคอเล็กรวมกลุ่มกันลงมากินกล้วยนับสิบตัว
ข้อมูลจาก :
//en.wikipedia.org/wiki/Laughingthrush //www.dnp.go.th/wildlifenew/researchPublishDetails.aspx?prjId=24
คู่มือดูนกหมอบุญส่ง เลขะกุล นกเมืองไทย โดยคณะบุคคลนายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล พ.ศ.2550
Create Date : 19 ตุลาคม 2552 | | |
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 17:37:26 น. |
Counter : 5746 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Fairy Pitta
Fairy Pitta Pitta nympha (รอชื่อภาษาไทย) เป็นนกชนิดใหม่ที่พบในประเทศไทย ที่พุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 16-19.5 เซ็นติเมตร มีสีสันคล้ายกับนกแต้วแล้วธรรมดา (Blue-winged Pitta)แต่ตัวเล็กกว่า นกทั้งสองเพศคล้ายคลึงกัน
ความแตกต่างระหว่างนกสองชนิดคือ
1.นอกเหนือจากบริเวณข้างกระหม่อมที่เป็นสีส้มอมน้ำตาลแล้ว นกชนิดนี้ยังมีคิ้วสีนวลลากจากโคนปากไปถึงเกือบท้ายทอย ขณะที่ของแต้วแล้วธรรมดาเป็นสีส้มอมน้ำตาลทั้งหมด 2.สีลำตัวด้านล่างอ่อนกว่านกแต้วแล้วธรรมดา
3.เวลาบิน จะเห็นว่าปีกของนกแต้วแล้วธรรมดามีวงสีขาวใหญ่กว่ามาก
นกชนิดนี้ทำรังวางไข่ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวันและช่วงฤดูหนาวบินอพยพลงไปหากินที่เกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย ประเทศบรูไน และที่กาลิมันตันประเทศอินโดนีเซีย เคยพบว่าเป็นนกอพยพผ่านในไต้หวัน เกาหลีเหนือ เวียตนามและฮ่องกง
Fairy Pitta ทำรังในป่าใกล้เขตร้อนในป่าดิบใกล้ชายฝั่งเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็พบว่ามีการทำรังในบริเวณพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ป่าที่ถูกปรับแต่งด้วย ในประเทศเกาหลีใต้ นกชนิดนี้ทำรังในป่าที่มีความชื้นสูงและป่าใกล้ชายฝั่งสูงถึง 1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล หากินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเช่นหนอน ไส้เดือนตามใบไม้ที่หล่นทับถม
จำนวนประชากรของนกชนิดนี้คาดว่ามีไม่เกินหลักพันและมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากการบุกรุกพื้นที่ป่าในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ไฟป่า แม้ว่าพื้นที่ป่าของประเทศญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นป่าชั้นสองหรือไม่ก็เป็นพื้นที่ปลูกไม้อายุสั้นเพื่อการตัดใช้ ในอดีตการล่าและจับเป็นนกกรงก็มีมากในประเทศจีนและไต้หวัน การรบกวนของมนุษย์เป็นปัญหาในไต้หวัน เกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่นักถ่ายภาพบุกรุกสถานที่ทำรังวางไข่ สถานทีทำรังวางไข่หลักในไต้หวันก็ถูกคุกคามด้วยโครงการสร้างเขื่อนHushanซึ่งจะทำให้น้ำท่วมพื้นที่อยู่อาศัยของนก
นกชนิดนี้ถูกพบเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นที่ที่พบนกแต้วแล้วอกเขียวและแต้วแล้วธรรมดาเป็นประจำทุกเดือนเมษายน โดยในตอนแรกไม่มีใครคิดว่าเป็นนกชนิดใหม่เพราะนกชนิดนี้คล้ายคลึงกับนกแต้วแล้วอกเขียววัยอ่อนผสมกับนกแต้วแล้วธรรมดา
ข้อมูลจาก :
//www.birdlife.org
Create Date : 18 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2552 19:19:45 น. |
Counter : 4018 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกจาบคาเคราแดง
นกจาบคาเคราแดง Nyctyornis amictus (Red-bearded Bee-eater) มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 32-35 เซ็นติเมตร หัวโต ปากโค้งดำ คอถึงอกตอนบนมีขนยาวสีแดงเหมือนมีเคราแดง ท้องเขียวแกมเหลืองมีขีดเขียวเข้ม หน้าผากและกระหม่อมสีม่วงแกมชมพูในนกตัวผู้
ส่วนนกตัวเมียจะมีหน้าผากสีแดงเช่นเดียวกับที่คอ ขนคลุมลำตัวส่วนที่เหลือเป็นสีเขียว นกชนิดนี้มีญาติคือ นกจาบคาเคราน้ำเงิน
เหมือนนกจาบคาอื่นๆ นกจาบคาเคราแดงกินแมลงเป็นอาหาร โดยเฉพาะ ผึ้ง ต่อ และแตน โดยนกจะเกาะคอนซ่อนตัวระหว่างใบไม้ และบินออกไปจับเหยื่อกลางอากาศ โดยนกชนิดนี้มักหากินตัวเดียวหรือเป็นคู่มากกว่าเป็นฝูง
นกจาบคาเคราแดงทำรังในโพรงที่ขุดเข้าไปในตลิ่งข้างลำธารในป่าเช่นเดียวกับนกจาบคาเคราน้ำเงิน โดยจะไม่ทำรังใกล้ๆกันหลายๆรังแบบพวกนกจาบคาเล็กๆอื่นๆ
นกชนิดนี้อาศัยในป่าดิบจากที่ราบถึงความสูง 1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นนกประจำถิ่นภาคตะวันตกและภาคใต้ของไทย คาบสมุทรมลายู สุมาตรา และบอร์เนียว สำหรับประเทศไทยเป็นนกประจำถิ่นที่พบได้ค่อนข้างบ่อย
นกในบล็อกถ่ายมาจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเมื่อปลายเดือนเมษายน 2552 นกกำลังเลี้ยงลูกด้วยแมลงต่างๆที่เป็นอาหาร
ข้อมูลจาก :
//en.wikipedia.org/wiki/Red-bearded_Bee-eater
หนังสือคู่มือดูนกหมอบุญส่ง เลขะกุล โดยคณะบุคคลนายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล ปี 2550
Create Date : 02 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2552 16:22:08 น. |
Counter : 5551 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกจับแมลงสีฟ้าท้องขาว
นกจับแมลงสีฟ้าท้องขาว Cyanoptila cyanomelana (Blue and White Flycatcher) มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางราว 18 เซ็นติเมตร ตัวผู้และตัวเมียมีสีสันแตกต่างกัน นกตัวผู้ของชนิดย่อยหลักมีขนคลุมลำตัวด้านบนฟ้าจนถึงสีน้ำเงินเข้ม ด้านข้างของหน้า อก และคอมีสีน้ำเงินเข้มมากๆเกือบดำ ท้องและขนคลุมโคนหางด้านล่างสีขาวตัดกับสีน้ำเงินเข้มอย่างชัดเจน ส่วนนกตัวเมียมีสีสันโดยรวมเป็นสีน้ำตาล ขนคลุมลำตัวด้านล่างสีอ่อนกว่าด้านบน คอสีขาวอมเหลืองหรือสีเนื้อ บริเวณท้องไปถึงขนคลุมโคนหางด้านล่างเป็นสีขาว หางสีน้ำตาลแดงจางๆ
นกชนิดนี้มักอาศัยหากินโดดเดี่ยว เกาะยอดไม้หรือกิ่งไม้แห้งโล่งที่มีพุ่มใบหนาทึบบังอีกที นกจะจับแมลงตามกิ่ง ใบ และลำต้น ไม่ลงมาหากินบนพื้นดิน
ตามปรกติแล้วนกจับแมลงสีฟ้าท้องขาวอาศัยตามที่โล่งของป่าดิบ ป่าตามเกาะต่างๆ แหล่งเกษตรกรรม สวนสาธารณะ สวนป่า ตั้งแต่พื้นราบจนถึงที่สูง 1830 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำรังวางไข่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของเขตสัตวศาสตร์พาเลียอาร์กติก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ภาคเหนือและใต้ของเกาหลี และญี่ปุ่น ในฤดูหนาวจะอพยพลงใต้ไปหากินที่หมู่เกาะซุนดาใหญ่ หมู่เกาะฟิลิปปินส์ โดยมีประเทศไทย คาบสมุทรมลายู สิงคโปร์ ลาว ภาคตะวันตกของตังเกี๋ย ภาคกลางและภาคใต้ของอันนัม และทุกประเทศในแถบอินโดจีนอยู่ในเส้นทางอพยพผ่าน
นกชนิดนี้มีสถานะเป็นนกอพยพผ่านในประเทศไทย โดยสามารถพบได้ตอนต้นฤดูอพยพมาและฤดูอพยพกลับ สามารถพบได้ทั่วทุกภาคเว้นตะวันออกเฉียงเหนือ และสามารถพบได้ในแทบทุกที่เช่น สวนผลไม้ ชายป่า สวนสาธารณะในเมือง ตามแต่นกจะแวะพัก แต่ที่มีรายงานการพบบ่อยคือที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นต้น นกจะแวะพักแต่ละจุดไม่นานนักจึงค่อนข้างยากต่อการพบเห็น
ภาพนกในบล็อกถ่ายมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมา
ข้อมูลจาก :
//www.bird-home.com
Create Date : 17 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 11:47:08 น. |
Counter : 6102 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|