|
นกแว่นตาขาวสีทอง
นกแว่นตาขาวสีทอง Zosterops palpebrosus (oriental white-eye) เป็นนกที่มีขนาดเล็กมากเพียง 11 ซม.เท่านั้น จุดเด่นของเค้าคือ มีวงรอบตาสีขาว ปากสีดำ สั้น และแหลม หัวและหลังมีสีเหลืองอมเขียว คอสีเหลือง และแนวสีเหลืองจากคอจะพาดผ่านท้องลงไปจนถึงบริเวณขนคลุมใต้หาง ท้องมีสีเทาอ่อนๆ
โดยปกตินกแว่นตาขาวจะหากินเป็นฝูงใหญ่ประมาณ10-20 ตัวโดยอาจร่วมหากินไปกับนกที่กินแมลงอื่นๆ นกแว่นตาขาวจะมุดหาแมลงหรือ หนอน ตามเปลือกไม้ใบไม้ ไม่ค่อยพบบินโฉบจับแมลงอย่างนกจับแมลง
นอกจากแมลงแล้ว น้ำหวานจากดอกไม้ และน้ำหวานจากผลไม้สุกก็เป็นอาหารที่โปรดปราน โดยปลายลิ้นของนกแว่นตาขาวมีลักษณะคล้ายแปรง เมื่อใช้ปากยื่นเข้าไปในดอกไม้ที่มีน้ำหวาน หรือใช้ปากเจาะที่โคนดอกก็ตาม แล้วเค้าจะใช้ลิ้นที่มีปลายพิเศษนี้ดูดซับน้ำหวานจากดอกไม้ เช่นดอกของต้นพญาเสือโคร่งที่ดอยอินทนนท์ มีผู้พบเห็นว่าไปแวะเวียนกินน้ำหวานทุกๆปี เช่นเดียวกับผลไม้สุกต่างๆที่เค้าจะใช้ลิ้นพิเศษนี้ทำอย่างเดียวกัน
ช่วงเวลาบ่ายๆของวันที่ร้อน นกแว่นตาขาวมักออกมาเล่นน้ำ หรือดื่มน้ำที่แอ่งน้ำตื้นๆ นกแว่นตาขาวตัวนี้มาเกาะอยู่ที่ขอบแอ่งสักพักก็ก้มลงดื่มน้ำ
นกตัวเดียวกันเกาะพักที่กิ่งไม้แห้งๆข้างแอ่งน้ำ
นกแว่นตาขาวมีแหล่งกระจายพันธุ์บริเวณป่าโกงกางริมอ่าวไทย (ที่ศูนย์อนุรักษ์ฯที่มหาชัยมีเยอะทีเดียว ถ้าไปเป็นต้องเจอเป็นฝูงใหญ่ บินเจี๊ยวจ๊าวไปหมด) ตามชายฝั่งทะเลทั้ง 2 ฝั่งทางภาคใต้ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในแต่ละที่อาจเป็นสายพันธุ์ย่อยแตกต่างกันไปเล็กน้อย สำหรับภาพที่ถ่ายมา มาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมื่อร้อน (แล้ง)ที่ผ่านมา
ข้อมูล : บ้านนก( มีข้อมูลเพิ่มเติมอีกมาก) A Guide to the Birds of Thailand
Create Date : 22 กรกฎาคม 2548 | | |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2548 7:21:12 น. |
Counter : 1981 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกกาฮัง
นกกาฮัง หรือนกกก Buceros bicornis (great hornbill) เป็นนกเงือกที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาที่สุดในบรรดานกเงือกทั้งหลาย
ตัวของเค้ามีขนาดประมาณ130ซม. (จากปลายปีกจรดปลายหาง)นับเป็นนกที่ตัวใหญ่มาก เวลาที่เค้าบินผ่าน เราจะรู้สึกวูบบบบ วูบบบบบ ตามจังหวะที่เค้าขยับปีกได้เลย
นกตัวผู้ มีขนาดใหญ่ กว่าตัวเมีย ปากขนาดใหญ่ ปากล่างสีเหลืองอ่อน ปากบนสีเหลืองสด ปลายปากสีเหลืองอมส้ม ด้านบนมีโหนกซึ่งข้างใน เป็น โพรง ไม่แข็งตันอย่างนกชนหิน โหนกของนกกก สีเหลือง นกกกตัวผู้ตาสีแดง รอบตาสีดำ ด้านหน้าของโหนกมีสีดำ หางสี ขาว มีแถบ กว้างสีดำพาดตอนกลางค่อนไปทางด้านล่างของหาง ขนคลุมลำตัวส่วนใหญ่สีดำ ขนคลุมคอและท้ายทอย สีเหลืองอ่อน ส่วนใต้คอ สีจะอ่อนกว่า จนเกือบขาว ในฤดูผสมพันธุ์นกตัวผู้จะมีขนที่คอสีเหลืองสด ใบหน้ามีแถบสีดำ พาดผ่านตาลงมาถึง โคนปาก แถบสีดำนี้ นกตัวผู้จะมีแถบกว้างกว่านกตัวเมีย โหนกแข็งขนาดใหญ่แต่กลวง ด้านบนแบน หรือนูนเล็กน้อย โหนกส่วนบนของ นกตัวผู้ ด้านหน้าจะแหลมกว่าโหนกบนของนกตัวเมีย มีสีดำที่ด้านหน้าและด้านหลัง ของโหนก ปีกสีดำ มีแถบสีขาวพาดบนขนปีกบินชั้นนอก และ มีสีขาวที่ปลายขนปีก บินชั้นที่สอง ทำให้เมื่อนกคลี่ปีกบิน เราจะสังเกตเห็นแถบกว้าง สีขาวขอบ เหลือง ที่ขนคลุมปีกชั้นรอง และ ปลายปีกมีสีขาว หางสีขาวมีแถบสีดำอยู่เกือบถึงปลายหาง ปลายหางขาว ( จาก //www.bird-home.com )
นกตัวเมีย สีสันคล้ายนกตัวผู้ แต่ขนาดลำตัวเล็กกว่า ไม่มีสีดำที่ด้านหน้าของโหนกบนหัว ด้านหน้าของโหนก จะทู่กว่าของตัวผู้ และ ไม่มีสีดำที่ด้านหน้าและด้านท้ายของโหนก เหมือนนกตัวผู้ , ตาสีขาว รอบตาสีแดง มีแถบสีดำขนาดเล็กกว่า ของตัวผู้ พาดผ่านตั้งแต่ด้านท้ายของโหนก ลงไปถึงโคนปากล่าง ( จาก //www.bird-home.com เหมือนกัน )
นกกกผสมพันธุ์ในช่วงเดือนมกราคม ถึง พฤษภาคม โดยในช่วงเวลาดังกล่าวจะพบนกอยู่เป็นคู่ นกตัวผู้จะหาโพรงไม้บนต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อทำรัง โดยถ้ารังนั้นยังไม่เสียหายในฤดูกาลทำรังต่อมา เค้าก้จะใช้รังเดิมนั้นไปเรื่อยๆ การเลือกโพรงเพื่อทำรังเป็นหน้าที่ของตัวผู้ และก็เป็นหน้าที่ของเค้าเช่นกันที่จะชักชวนให้ตัวเมียชื่นชอบโพรง ที่เค้าเลือกด้วย เพราะตัวเมียเป็นผู้ที่ต้องเข้าไปอยู่ในนั้นเป็นเวลา1-2เดือนเพื่อวางไข่ กกไข่ และเลี้ยงลูกอ่อน โดยต้องสลัดขนปีกและหางออก และปิดปากโพรงจนแคบมีเพียงปากที่ยื่นออกมารับอาหารจากตัวผู้เท่านั้น หากตัวเมียไม่ถูกใจก็สามารถที่จะไม่ยอมใช้โพรงนั้นเป็นรังได้
ในช่วงเวลาที่นกตัวเมียอยู่ในรังนั้น หากตัวผู้เกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถนำอาหารมาป้อนตัวเมียและลูกน้อยได้ ไม่ว่าจะเกิดจากไปหลงสาวอื่น หรือถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหรือตาย ตัวเมียที่สลัดขนปีกและหางออกจนบินไม่ได้ และลูกน้อย ก็จะต้องอดตายไปอย่างแน่นอน นับว่าเป็นช่วงเวลาที่วิกฤตในชีวิตของเค้าทีเดียว
แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เมื่อลูกน้อยอายุประมาณ4-5สัปดาห์ แม่นกจะออกจากรัง และช่วยพ่อนกหาอาหารป้อนลูกน้อยต่อ จนเค้าสามารถออกมานอกรัง พ่อแม่จะเลี้ยงลูกนกใกล้รังจนเค้าบินแข็งพอก็จะพากลับไปเข้าฝูงเดิมซึ่งมีนกประมาณ3-4ครอบครัวอยู่ด้วยกัน
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่านกเงือกเป็นนกที่จับคู่กันตลอดชีวิต ไม่เหมือนนก ชนิดอื่นอีกหลายชนิดที่จะจับคู่เพียงฤดูกาลเดียว หรือแม้กระทั่งผสมพันธุ์แล้วก็จากกันไป ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลี้ยงลูกไปตามลำพัง แต่ตามความเป็นจริงแล้ว เราสามารถระบุได้เพียงว่าเค้าเป็นนกที่จับคู่เดิมหลายฤดูกาลเท่านั้น เพราะนกบางตัวก็ไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่เราคาดหมายเสมอไป
ข้อมูลอ่านสนุก ละเอียด และภาพพ่อแม่ลูกของนกกกมีให้อ่านและดูอย่างจุใจเชิญที่==บ้านนก==ค่ะ
Create Date : 21 กรกฎาคม 2548 | | |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2552 13:40:59 น. |
Counter : 4093 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกเอี้ยงถ้ำ
นกเอี้ยงถ้ำ Myiophoneus caeruleus ( blue whistling thrush) มีขนาดตัวประมาณ 33 ซม.
เป็นนกที่มีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ หางกว้างและมน ทั้งสองเพศมีลักษณะเหมือนกัน ปากสีเหลือง ขนสีดำ เหลือบน้ำเงินเข้ม ไปจนถึงม่วง มีจุดและขีดสีขาวบริเวณกระหม่อม คอ อก ไปถึงปีกด้านบน
ปกติชอบหากินในป่าที่มีความชื้นสูง และมีร่มเงามาก น้ำตก ลำห้วย โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นหินปูน หรือปากถ้ำ กินอาหารพวกสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง หอยทาก มีนิสัยขี้อาย
นอกจากน้ำตกแล้ว พื้นดินแฉะๆก็เป็นที่ที่เอี้ยงถ้ำใช้เป็นแห่งทำมาหากิน ภาพนี้ถ่ายมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขณะที่กำลังถ่ายภาพนกเดินดงพันธุ์ญี่ปุ่นอยู่ เจ้านี่ก็โผล่เข้ามาแจม เลยได้ภาพมาด้วย นับเป็นโอกาสอันดี
นกเอี้ยงถ้ำชนิดปากเหลืองนี้เป็นนกประจำถิ่น พบได้ง่าย จากที่ราบไปจนถึงที่สูงอย่างดอยอินทนนท์ โดยมีผู้พบอยู่ที่น้ำตกวชิรธารเสมอๆ เราสามารถพบเค้าได้ทั่วประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือ ตะวันตก ใต้ ตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือตามแนวเทือกเขา
ข้อมูล : A Guide to the Birds of Thailand โดย นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล และ Philip D. Round
Create Date : 20 กรกฎาคม 2548 | | |
Last Update : 30 เมษายน 2555 15:39:16 น. |
Counter : 5224 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|