|
นกกาฝากก้นเหลือง
นกกาฝากก้นเหลือง Dicaeum chrysorrheum (Yellow-vented Flowerpecker) เป็นนกในวงศ์นกกินปลีซึ่งกินน้ำหวานจากดอกไม้ ผลไม้ และแมลงเล็กๆต่างๆเป็นอาหาร นกชนิดนี้จัดอยู่ในวงศ์ย่อยนกกินปลีซึ่งแบ่งออกเป็น2เหล่า คือเหล่านกกาฝาก และเหล่านกกินปลี เหล่านกกาฝากเองก็แบ่งออกเป็นสกุลนกกาฝากปากยาว และนกกาฝากปากสั้น นกกาฝากก้นเหลืองอยู่ในสกุลนกกาฝากปากยาว เป็น 1 ใน 7 ชนิดที่พบในประเทศไทย และ 1 ใน 38 ชนิดทั่วโลก
นกกาฝากก้นเหลืองมีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางราว 10 เซนติเมตร ลำตัวด้านล่างสีขาวมีลายขีดสีดำปนเทากระจายทั่วไป มีลำตัวด้านบนสีเขียวตัดกับลำตัวด้านล่าง ขนคลุมโคนหางด้านล่างสีเหลืองสด หรือเหลืองอมส้ม เป็นที่มาของชื่อสามัญ ตัวไม่เต็มวัยจะมีขนบริเวณนี้สีอ่อนกว่าตัวเต็มวัย ปากสีเทาเข้มถึงดำ ม่านตาสีแดง ขาและเท้าสีเทาเข้ม นกชนิดนี้แบ่งเป็น 2 ชนิดย่อยโดยจะมีลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อย และพบได้คนละถิ่นที่อยู่
ช่วงเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคม เป็นช่วงที่นกกาฝากก้นเหลืองทำรังวางไข่ โดยลักษณะของรังคล้ายกับนกกาฝากอื่นๆคือทำรังเป็นรูปกระเปาะเล็กๆ แขวนอยู่ตามกิ่งไม้สูงจากพื้นดินไม่เกิน 8 เมตร สร้างจากเส้นใยของก้านใบไม้ หญ้ายาวๆแห้งๆสานเป็นรูปคล้ายถุงกลมๆเชื่อมติดกันด้วยใยแมงมุม มีทางเข้าออกด้านข้าง มีกันสาดเล็กๆเหนือทางเข้าออก บุภายในด้วยปุยจากฝักแก่ต้นนุ่น หรือปุยอย่างอื่นที่หาได้ได้พื้นที่ วางไข่ครอกละ 2 ฟอง เปลือกไข่สีขาวขนาดราว 11x15.3 มม.พ่อและแม่นกช่วยกันทำรัง ฟักไข่ เลี้ยงลูกอ่อน
เราสามารถพบนกชนิดนี้ได้ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดงดิบเขา ชายป่า ป่าชั้นรอง จากพื้นราบถึงความสูง1100เมตรจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่เชิงเทือกเขาหิมาลัยในเนปาล อินเดีย จนถึงพม่า ไทย เหนือถึงทางใต้ของยูนนาน และใต้ถึงคาบสมุทรมลายู สิงคโปร์ สุมาตรา บอร์เนียว ชวา บาหลี แต่มีสถานะเป็นนกหายาก-หาง่ายต่างกันในแต่ละพื้นที่
สำหรับประเทศไทย เป็นนกประจำถิ่นที่พบได้ทั่วประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือ กลาง ตะวันตก ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือในบางท้องที่และภาคใต้ โดยพบได้ทั้ง 2 ชนิดย่อยดังนี้
1.ชนิดย่อย D.c. chrysochlore พบได้ทุกภาค เหนือคอคอดกระขึ้นมา มีจุดสังเกตคือ ขนคลุมตัวด้านบนมีสีเขียวเข้มปนเขียวอ่านสดใส ขนคลุมหางด้านล่างสีเหลืองสดหรือเหลืองทอง และลายที่ท้องสีดำปนเทา 2.ชนิดย่อย D.c. chrysorrheum พบตั้งแต่คอคอดกระลงมา ขนคลุมลำตัวด้านบนสีเขียวเข้ม ขนคลุมหางด้านล่างสีเหลือง หรือเหลืองอมส้ม ลายที่ท้องมีสีดำเข้ม
นกกาฝากก้นเหลืองที่เห็นภาพอยู่นี้ ถ่ายมาจากน้ำตกกระทิง อช.คิชฌกูฎ นกกำลังร่วมวงศ์ไพบูลย์รับประทานลูกตะขบอยู่กับนกกาฝากอกเพลิง ในการกิน นกจะจิกเอาลูกตะขบออกจากต้น ใช้ปากบีบให้น้ำหวานๆจากลูกตะขบไหลเข้าปาก จนหมดแล้วทิ้งเปลือกลงพื้น แล้วจิกกินลูกใหม่ต่อไป
ข้อมูลจาก //www.bird-home.com
Create Date : 11 กันยายน 2549 | | |
Last Update : 11 กันยายน 2549 20:11:42 น. |
Counter : 4415 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกโพระดกหน้าผากดำ
นกโพระดกหน้าผากดำ Megalaima australis (Blue-eared Barbet) เป็นนกในวงศ์นกโพระดกซึ่งพบทั่วโลก 27 ชนิด พบในเมืองไทย 13 ชนิด เพื่อนร่วมวงศ์ได้แก่นกตีทอง นกโพระดกคอสีฟ้า นกโพระดกคอสีฟ้าเคราดำ เป็นต้น นกในวงศ์นี้ทุกชนิดที่พบในประเทศไทย เป็นนกประจำถิ่น ลักษณะเฉพาะของนกชนิดนี้คือ มีลำตัวส่วนใหญ่เป็นสีเขียว และมีสีสันบริเวณหัว คอ และใบหน้าแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิด หัวโต ปากใหญ่หนา นกทั้งสองเพศมักคล้ายคลึงกัน ต่างกันที่สีสดและสีคล้ำ เว้นแต่นกโพระดกคางแดงที่ตัวผู้และตัวเมียแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทำรังในโพรงไม้โดยใช้ปากเจาะจนเป็นโพรง หรืออาศัยโพรงรังเก่าของนกอื่น พ่อและแม่นกช่วยกันเลี้ยงลูก
นกโพระดกหน้าผากดำ มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหาง 17 เซ็นติเมตร มีจุดเด่นที่ใช้แยกจากโพระดกชนิดอื่นได้ทันทีคือมีหน้าผากสีดำ แถบมีใต้ตาซึ่งถูกล้อมด้วยเส้นสีดำเป็นสีเหลือง บริเวณกระหม่อมถัดจากหน้าผากเป็นสีฟ้า มีขนคลุมหูสีฟ้าอยู่ระหว่างสีแดง2แถบ และสีฟ้าที่บริเวณคอทั้งหมด ทำให้เมื่อดูด้านข้างเห็นเป็นสีฟ้า สลับแดง ฟ้า แดง ฟ้า ขนหางด้านในสีฟ้า ตัวผู้และตัวเมียเหมือนกัน ต่างกันที่ตัวเมียมีสีทึมกว่าตัวผู้
นกชนิดนี้กินอาหารจำพวกลูกไม้จึงมักพบหากินอยู่บนต้นไม้ที่ผลกำลังสุกเต็มต้นพร้อมกับนกชนิดอื่น และสามารถพบได้ในป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ จากที่ราบถึงความสูงระดับ 1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในประเทศไทยพบกระจายทุกภาคยกเว้นภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบในบางพื้นที่
เจ้าของบล็อกถ่ายภาพนกชนิดนี้ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นกมากินลูกไม้สุกพร้อมกับนกอื่นเช่นนกโพระดกคอสีฟ้าเคราดำ นกเขียวก้านตองปีกสีฟ้า นกกาฝากก้นเหลืองเป็นต้น
ข้อมูลจาก : หนังสือ A Guide to the Birds of Thailand โดย นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล และ Philip D.Round
Create Date : 30 สิงหาคม 2549 | | |
Last Update : 30 สิงหาคม 2549 20:45:15 น. |
Counter : 4941 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|