|
นกกระทาดงคอสีแสด
นกกระทาดงคอสีแสด Arborophila rufogularis (rufous-throated partridge) เป็นนกที่หาดูได้ยากอีกชนิดหนึ่งในประเทศไทย เนื่องจากมีปริมาณน้อยเพราะถูกดักจับ และมีสีสันลวดลายที่สามารถพรางตัวเองจากสายตามนุษย์ได้เป็นอย่างดี
นกกระทาดงคอสีแสดมีขนาดตัววัดจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 26-29 เซ็นติเมตรตัว ผู้และตัวเมียมีสีสันคล้ายคลึงกัน ชนิดย่อยที่พบในเมืองไทยชื่อชนิดย่อยว่า Arborophila rufogularis tickelli (ชนิดย่อยนกกระทาดงคอสีแสดพันธุ์พม่า) มีลำตัวด้านบนสีน้ำตาลแกมเขียว คิ้วสีขาว หลังตอนท้าย ตะโพกและหางมีลายจุดสีดำ ช่วงไหล่และขนคลุมขนปีกบางส่วนมีสีดำสลับสีน้ำตาลแดง ใต้คอ สีน้ำตาลแดงแกมส้มและมีจุดสีดำ รอบคอด้านล่างมีจุดสีดำเรียงคล้ายสายสร้อย อก สีเทาเข้ม ท้องสีจางกว่าลำตัวด้านบนเล็กน้อย สีข้างและขนคลุมโคนขนหางด้านล่างสีน้ำตาลแกมเขียวมีลายแถบสีดำ ขาและเท้าสีแดง
นกกระทาดงคอสีแสดเป็นนกในวงศ์เดียวกับไก่ที่เราเลี้ยงเป็นอาหารอยู่ทุกวันนี้ นกชนิดนี้บินได้เร็วและแข็งแรง แต่บินได้เพียงระยะทางสั้นๆแล้วก็หล่นลงมาวิ่งต่อ ชอบอยู่เป็นฝูงราว 6-12 ตัว แต่ก็พบเห็นได้ยากเนื่องจากสีสันกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่เค้าชอบอยู่คือในดงพืชรกทึบ ในตอนเช้าเค้าจะเริ่มเดินออกหากินโดยใช้เท้าคุ้ยเขี่ยแล้วก้มลงจิกเหมือนไก่ พออิ่มก็จะนอนหมอบพักอยู่นิ่งๆ เมื่อหิวก็เริ่มออกเดินต่อ อาหารของพวกเค้าคือ หนอน แมลง ปลวก ยอดอ่อนของพืชบางชนิดและผลไม้สุกที่ร่วงอยู่ในป่า
ช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมเป็นช่วงที่นกกระทาดงคอสีแสดจับคู่ผสมพันธุ์ เมื่อผสมพันธุ์แล้วนกตัวผู้จะหายไประยะหนึ่ง นกตัวเมียหาที่เหมาะบนพื้นดินคุ้ยเขี่ยจนเป็นแอ่ง เอาใบไม้ใบหญ้ามารองรัง วางไข่และกกไข่ตามลำพัง โดยจะวางไข่ประมาณครั้งละ 3-6ฟอง ใช้เวลาฟักไข่ 21 วัน เมื่อลูกนกออกมา พอขนแห้งก็เดินได้เลย ระยะนี้พ่อนกจะกลับมาช่วยแม่นกเลี้ยงดูลูก โดยจะคุ้ยเขี่ยให้ลูกๆเห็นอาหารและเข้ามาจิกกินเอง ประมาณ1-2เดือนลูกนกก็จะโตพอที่จะแยกตัวออกไปหากินเอง โดยพวกเค้าจะตัวโตเท่าพ่อแม่แล้ว แต่คอเพิ่งจะมีสีแสดเล็กน้อย หน้าอก ท้องและสีข้างมีจุดสีขาวๆมากมาย หนังรอบตาและขาเป็นสีเหลืองหม่น
นกกระทาดงคอสีแสดนี้ถ่ายภาพมาจากดอยอินทนนท์บริเวณโรงครัวยอดดอย เมื่อวันที่ 3-5 ธันวาคม 2548
ข้อมูล :
//www.bird-home.com
Create Date : 09 ธันวาคม 2548 | | |
Last Update : 3 กันยายน 2551 16:20:40 น. |
Counter : 5558 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
คัคคูเหยี่ยวใหญ่ : คัคคูที่ดูเหมือนเหยี่ยว
คัคคูเหยี่ยวใหญ่ hierococcyx sparverioides ( large hawk-cuckoo )มีขนาดตัวประมาณ 38-41.5 เซ็นติเมตร และมีลักษณะคล้ายเหยี่ยวบางชนิดในตระกูล accipiter
ตอนที่เห็นแบบผ่านๆครั้งแรกคิดว่าเป็น เหยี่ยวนกเขาชิครา เพราะกำลังตามเก็บภาพของเค้าอยู่ แต่พอดูดีๆก็พบว่าต่างกันมากๆทีเดียว
คัคคูเหยี่ยวใหญ่มีขนาดใหญ่กว่าคัคคูเหยี่ยวอีก 3 ชนิดที่พบได้ในประเทศไทยอันได้แก่
1.คัคคูเหยี่ยวพันธุ์อินเดีย ( 33-37 ซม.) 2.คัคคูเหยี่ยวเล็ก ( 28-30 ซม.) 3.คัคคูเหยี่ยวอกแดง (27-31 ซม. )
มีขนคลุมลำตัว หัว ท้ายทอย และหน้าด้านข้าง สีเทาอ่อน ตัดกับสีน้ำตาลอมเทาที่ขนคลุมหัวปีกและปีก คางสีเข้มมีแถบที่อกสีน้ำตาลแดงเข้ม(แตกต่างกัน บ้าง ในนกแต่ละตัว ) บริเวณใต้คอและอกมีลายเป็นขีดสีเข้ม น้ำตาลหรือสีเทาเป็นแนวยาว ที่อกส่วนล่างจนถึงท้องมีลายขีดขวางสีเทาหรือสีน้ำตาลเข้มเช่นกัน ลายที่เป็นขีดตามแนวขวางมีต่อลงไปจนถึงท้องและสีข้าง ที่หางมีลายเป็นแถบสีดำแคบๆทั้งด้านบนและด้านล่าง ขนคลุมปีกด้านล่างมีลายขีดสีน้ำตาลสลับขาว (//www.bird-home.com)
นอกจากลักษณะทางภายนอกแล้ว ลักษณะการบินของคัคคูเหยี่ยวใหญ่ยังคล้ายกับเหยี่ยวคือ กระพือปีกสลับกับการร่อน แต่บินไม่แข็งแรงเท่าเหยี่ยว
เรามักพบเค้าอยู่ตัวเดียวในพุ่มไม้ค่อนข้างรก อาหารของคัคคูชนิดนี้คือพวกแมลงขนาดใหญ่ไม่ใช่สัตว์เล็กอย่างเหยี่ยว ท่าทางในการเกาะกิ่งไม้ของเค้าต่างจากเหยี่ยวอย่างชัดเจน คือเหยี่ยวจะไม่เกาะกิ่งแบบขนานไปกับกิ่งไม้แบบนี้
คัคคูเหยี่ยวใหญ่ที่พบในประเทศไทยมีทั้งที่เป็นนกประจำถิ่นที่จะพบได้ทางภาคเหนือและภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และที่เป็นนกที่อพยพนอกฤดูผสมพันธุ์ที่จะเข้ามาในฤดูหนาว โดยช่วงฤดูหนาวนี้เราจะพบเค้าได้มากขึ้นตามภาคกลาง ภาคตะวันตกตอนใต้ ภาคตะวันออก เฉียงใต้ และ ภาคใต้บางส่วน ทั้งตามป่าละเมาะ สวนสาธารณะ และป่าชายเลน
ช่วงที่พบและถ่ายภาพนกตัวนี้เป็นช่วงเดียวกับที่ตามถ่ายภาพเหยี่ยวนกเขาชิคราที่พุทธมณฑล จึงเป็นที่แน่นอนว่าเป็นนกอพยพ แต่ไม่ทราบว่าเป็นนกอพยพในประเทศ หรือเป็นนกที่อพยพมาจากทางเหนือขึ้นไป
ข้อมูล :
A Guide to the Birds of Thailand โดย นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล และ Philip D. Round
A Field Guide to the Birds of Thailand โดย Craig Robson
//www.bird-home.com
Create Date : 01 ตุลาคม 2548 | | |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2552 16:02:05 น. |
Counter : 3793 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกกินปลีคอสีม่วง
นกกินปลีคอสีม่วง Nectarinia sperata (purple-throated sunbird) มีขนาดตัวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 10 เซ็นติเมตร ตัวผู้และตัวเมียมีสีสันแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับนกกินปลีอีก13 ชนิดจากจำนวน 15 ชนิด ที่มีในประเทศไทย มีเพียงนกกินปลีสีเรียบ(plain sunbird)เท่านั้นที่ตัวผู้กับตัวเมียแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย คือตัวผู้มีเหลือบสีฟ้าอมเขียวเหนือโคนปากบน
นกกินปลีคอสีม่วงตัวผู้มีปากปลายแหลมยาวโค้งสีดำ หัวมีสีเขียวเหลือบ หน้า หลังส่วนบน ปีก ก้น และหางมีสีเข้ม คอสีม่วง ท้องและอกสีแดงเข้ม ขนคลุมหลังและสะโพกเป็นสีน้ำเงิน ขาและเท้าสีดำ ดูในที่ที่มีแสงน้อยจะเป็นนกที่มีสีทึมๆมืดๆ แต่ถ้ามีแสงแล้วเป็นนกที่มีสีสันสดใสตัดกันอย่างน่าดูมากทีเดียว
ส่วนตัวเมียมีขนาดตัวใกล้เคียงกัน ลำตัวด้านล่างสีเหลืองอ่อนออกขาว คอค่อนข้างขาวกว่าตัวเมียของนกกินปลีอกเหลือง หรือนกกินปลีม่วง ด้านบนเป็นสีเขียวมะกอกทึมๆ สีตัดค่อนข้างชัดระว่างตัวด้านบนและด้านล่างหัวสีเรียบๆคล้ายคลึงกับตัวเมียของนกกินปลีอื่นๆ
นกกินปลีคอสีม่วงเป็นนกประจำถิ่น เราสามารถพบนกกินปลีคอสีม่วงได้ที่ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ บริเวณป่าชายเลน ป่าพรุ ชายป่า สวนผลไม้ พื้นที่เกษตรกรรม
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบ้านปากคลองน้ำเชี่ยว จังหวัดตราดเป็นที่ที่คนนิยมไปดูนกชนิดนี้ เนื่องจากใกล้กรุงเทพฯและเป็นที่ที่มีอาหารที่นกชนิดนี้ชอบ โดยมักพบมากินน้ำหวานจากต้นพังกาทีละเป็นฝูง
นอกจากกินปลีคอสีม่วงแล้ว เรายังพบกินปลีคอสีทองแดงที่นี่ได้ด้วยเช่นกัน
อ่านเสร็จแล้วมาทำแบบทดสอบเล่นๆกันดีกว่าคลิกที่นี่ค่ะ
อยากรู้เกี่ยวกับนกกินปลีเพิ่มเติม คลิกที่นี่ค่ะ
ข้อมูลจาก :
A Guide to the Birds of Thailand ของ นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล และ Philip D. Round
A Field Guide to the birds of Thailand ของ Craig Robson
Create Date : 26 กันยายน 2548 | | |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2552 22:37:28 น. |
Counter : 4094 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|