images by free.in.th
"
Group Blog
 
All blogs
 

เพี้ยน ป่วน ชวนคิด กับ Ig Nobel : อ่านเอาเรื่อง อ่านเอาฮา กับแฝดคนละฝาของรางวัลโนเบล

กระตุกต่อมขำ กระตุ้นต่อมคิด หัวเราะคิกกับอิกโนเบล แฝดคนละฝาของรางวัลโนเบล




สวัสดีค่ะ
วันนี้มีหนังสือใหม่ที่น่าสนใจมาแนะนำกันอีกเช่นเคย เป็นหนังสือเกี่ยวกับรางวัลอิกโนเบลค่ะ






เพี้ยน ป่วน ชวนคิด กับ Ig Nobel
โดย Ranai Kuga
แปลโดย ผศ. ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์
หนา 200 หน้า

คิดว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ “รางวัลอิกโนเบล” ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อล้อเลียนรางวัลอันทรงเกียรติอย่างรางวัลโนเบลมาบ้างแล้ว

รางวัลอิกโนเบล (Ig Nobel Prize) ก่อตั้งโดย มาร์ก อับราฮัมส์ (Marc Abrahams) เริ่มมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคคลที่สร้างผลงาน เป็นคนต้นคิด หรือประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่ที่ทำให้ “โลกฉุกคิด พร้อมกับเสียงหัวเราะ”

แม้ว่าดูเบื้องหน้าแล้วจะออกแนวเพี้ยน ๆ ไปบ้างในสายตาของใครหลายคน (ทำนองว่าไม่มีใครเขาทำกัน) แต่ก็ใช่ว่ารางวัลนี้จะเป็นเพียงแค่รางวัลที่มอบกันขำ ๆ แบบอำกันเล่น ๆ เท่านั้นนะคะ หากได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังและที่มาที่ไปดังที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้แล้ว คงต้องเปลี่ยนความคิดกันเสียใหม่

เพราะนอกจากมันจะชวนขำ ชวนคิด ติดตลกอย่างมีสาระแล้ว ผลงานหลายชิ้นยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่าที่สามารถต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมหรือก่อประโยชน์แก่มวลมนุษย์ได้อีกมาก หรืออย่างน้อยก็เป็นการจุดประกายให้ผู้คนได้สนใจ ได้มองเห็นวิทยาศาสตร์ในอีกแง่มุมหนึ่งที่ทั้งน่าสนุก และพบว่ามันอยู่ใกล้ตัวเรา อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา หรือแม้แต่ส่งผลต่อจิตใจของเราอีกด้วยค่ะ

อย่างเช่น รางวัลอิกโนเบล สาขาสันติภาพ ประจำปี พ.ศ. 2547 ตกเป็นของผู้ที่ประดิษฐ์คิดค้นคาราโอเกะ ...
ฟังแล้วหลายคนคงสงสัยว่า คาราโอเกะมันไปเกี่ยวอะไรกับสันติภาพ ?

ประเด็นในการตัดสินของคณะกรรมการอยู่ที่ว่า ผลพวงจากการประดิษฐ์คาราโอเกะสามารถช่วยปลูกฝังให้ผู้คนมีความอดทนอดกลั้นต่อการที่ต้องทนฟังเสียงร้องห่วย ๆ ของบรรดาเพื่อนฝูง ส่งผลให้คนเรามีภูมิคุ้มกันต่อการมีปากเสียงทะเลาะวิวาทมากขึ้น และท้ายที่สุดย่อมส่งผลดีต่อสันติภาพของโลกมนุษย์ค่ะ
เอ่อ... อ่านแล้วทึ่งกับแนวคิดของคณะกรรมการจริง ๆ ค่ะ

นอกจาก “เพี้ยน ป่วน ชวนคิดกับ Ig Nobel” เล่มนี้จะเล่าถึงผลงานที่ได้รับรางวัลอิกโนเบล ในแง่มุมที่น่าสนใจและชวนหัวเราะแล้ว ผู้เขียนยังมีความตั้งใจที่จะชี้ให้เห็นถึงหนทางและแนวปฏิบัติในการศึกษาหรือสร้างผลงานซึ่งจะเป็นทางลัดไปสู่การคว้ารางวัลอันท้าทายนี้อีกด้วย

ไม่แน่ว่าคนที่ได้รับรางวัลอิกโนเบลคนต่อไปอาจจะเป็น “เรา” ก็ได้ค่ะ เพราะทางคณะกรรมการก็ไม่ได้กำหนดวุฒิว่าจะต้องเป็นดอกเตอร์ จบปริญญาโท หรือมีวุฒิการศึกษาใด ๆ ทั้งสิ้น จะเป็นเพศชาย เพศหญิง เป็นคนแก่หรือคนหนุ่มก็ไม่เกี่ยง อีกทั้งเรื่องเชื้อชาติก็ไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญที่สุดคือขอเพียงแค่ให้มีตัวตนที่แท้จริงก็พอ หากว่าใช้นามแฝงหรือสวมรอยเป็นสมมติบุคคลจะถูกตัดสิทธิ์ทันที

มาลองดูแนวปฏิบัติข้อแรกเป็นตัวอย่างกันสักหน่อยนะคะ

“จะต้องรับรู้เรื่องประหลาดให้เป็นเรื่องประหลาด”

ลองนึกย้อนไปสมัยที่เรายังเป็นเด็ก หลายคนคงยังจำได้ว่าเคยทำให้ผู้ใหญ่ต้องปวดหัวมากแค่ไหนกับคำถามโลกแตกที่เต็มไปด้วยคำว่า “ทำไม ? ทำไม ?” ให้นำเอาความรู้สึกเก่า ๆ แบบนั้นกลับคืนมาให้ได้ค่ะ

ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เรารู้สึกว่ามันพิสดาร ก็ควรที่จะสนเท่ห์กับความอัศจรรย์ของมัน แล้วรีบค้นหาคำตอบทันที แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่คำถามที่มักจะพบเห็นอยู่เป็นประจำทุกวี่วัน หรือเป็นแค่ความสงสัยธรรมดาที่ไม่มีใครสนใจที่จะค้นหาคำตอบ ก็ต้องไม่เพิกเฉยต่อคำถามธรรมดาเหล่านี้และไม่ย่อท้อที่จะค้นหาคำตอบ เพราะไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นการค้นพบที่ทำให้โลกตะลึงก็เป็นได้ !

ตัวอย่างผลงานที่ได้รับรางวัลเนื่องจากเงื่อนไขนี้ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากค่ะ คิดว่าหลายคนก็คงแอบมีความเชื่อแบบนี้เหมือนกัน นั่นก็คือ การรีบเก็บอาหารที่ตกพื้นขึ้นมากิน เพราะเชื่อว่าเชื้อโรคยังไม่ทันเห็น !!

ความเชื่อแบบนี้ฝรั่งเค้าก็มีเหมือนกันนะคะ ซึ่งผู้ที่พิสูจน์ความเชื่อนี้ให้เป็นที่ประจักษ์และทำการทดลองอย่างมีแบบแผนเสียด้วย เป็นเพียงสาวน้อยซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย เท่านั้นเอง ! ส่งผลให้เธอคว้ารางวัลอิกโนเบล สาขาสาธารณสุข ประจำปี พ.ศ. 2547 ไปครอบครอง

อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าผลการทดลองของเธอเป็นอย่างไร…
ผลออกมาปรากฏว่า ความเชื่อนี้ทั้งเป็นจริงและไม่เป็นจริง นั่นคือปริมาณการปนเปื้อนของเชื้อโรคไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเก็บอาหารขึ้นมาเร็วหรือช้า แต่ขึ้นอยู่กับความสะอาดของพื้นมากกว่า...

หรือรางวัลอิกโนเบล สาขาเคมี ประจำปี พ.ศ. 2548 ซึ่งผู้ได้รับรางวัลก็คือ นักวิจัยที่พยายามพิสูจน์ว่า “คนเราจะว่ายน้ำในน้ำเชื่อมได้ช้ากว่าในน้ำธรรมดาจริงหรือ ?” ซึ่งคำถามนี้เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีนักวิทยาศาสตร์คนไหน "อุตริ" พอที่จะจำลองการทดลองแบบนี้ให้เป็นจริงขึ้นมาได้ จนกระทั่งนักวิจัยผู้นี้ทำสำเร็จ และพบว่ามันแทบไม่ต่างกันเลย

ก็อย่างที่ว่ากันว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” ของแบบนี้ถ้าไม่ทดลองดูก็ไม่มีวันรู้จริงไหมคะ แต่สำหรับการทดลองแบบนี้นั้นผู้เขียนมีคำเตือนไว้ว่า “หากจะเทน้ำเชื่อมลงในสระว่ายน้ำ อย่าลืมขอใบอนุญาตก่อน!” นะคะ

นี่เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้นนะคะ ยังมีอีกหลากหลายเรื่องราวที่แม้จะออกแนวพิลึกพิลั่น แต่ก็น่าอัศจรรย์ใจ เช่น ไอศกรีมวานิลลาจากอึวัว กางเกงในกำจัดกลิ่นตด การทำให้หยุดสะอึกด้วยการนวดช่องทวาร การวิจัยเกี่ยวกับขี้สะดือ การสำรวจพฤติกรรมการแคะขี้มูก ระเบิดที่ให้ศัตรูกลายเป็นตุ๊ด ฯลฯ

และอีกหลายเรื่องราวที่อัดแน่นอยู่ในเล่ม พร้อมจะทำให้ได้ขำ และได้ฉุกคิดไปกับเหตุผลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการพิจารณามอบรางวัล และขอย้ำอีกครั้งค่ะว่า “ไม่แน่ว่าคนที่ได้รับรางวัลคนต่อไปอาจเป็น ‘เรา’ ก็ได้”
(ท้ายเล่มมีวิธีการและที่อยู่สำหรับส่งผลงานเข้าประกวดด้วยนะคะ )




========================================


เชิญชมหนังสือใหม่ของสำนักพิมพ์ ส.ส.ท. ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ ส.ส.ท.






 

Create Date : 30 มีนาคม 2554    
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:05:47 น.
Counter : 1452 Pageviews.  

คณิตศาสตร์โอลิมปิกญี่ปุ่น ระดับจูเนียร์ ปี 2003-2009 : บันไดขั้นแรกสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ

6 วันผ่านไปแล้วสำหรับงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 15
คิดว่าหลาย ๆ คนคงได้ไปเดินเล่นที่งานกันมาบ้างแล้ว (บางคนก็อาจจะหลายครั้งแล้วด้วย )

สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไป ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 5 วันเท่านั้นนะคะ เคลียร์คิวให้ว่าง นัดคนไปด้วยให้พร้อม แล้วลุยเลยค่ะ อย่ารีรอ
友達、ブックフェアへ行きましょう。(เพื่อน ๆ ไปงานหนังสือกันเถอะ เย้ !)

และสำหรับสัปดาห์สุดท้ายของงานมหกรรมหนังสือระดับชาตินี้ ส.ส.ท. ของเราก็ยังมีของฝากมาส่งท้ายกันอีกชิ้นหนึ่ง นั่นคือ...

บันไดขั้นแรกสำหรับเยาวชนที่ต้องการชิงชัยในการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ ผลงานเล่มใหม่ล่าสุดที่ออกมาเพื่อเอาใจบรรดาน้อง ๆ ที่คลั่งไคล้คณิตศาสตร์โดยแท้

นั่นก็คือ คณิตศาสตร์โอลิมปิกญี่ปุ่น ระดับจูเนียร์ ปี 2003-2009 เล่มนี้นี่เองง !!!







คณิตศาสตร์โอลิมปิกญี่ปุ่น ระดับ Junior ปี 2003-2009
ผู้เรียบเรียง: The Mathematical Olympiad Foundation of Japan
ผู้แปล: ดร.บัณฑิต โรจน์อารยานนท์
ขนาด: 145 x 210 mm.
จำนวนหน้า: 344 หน้า
ISBN: 9789744434265


ได้ยินแล้วบางคนอาจสงสัยว่า คณิตศาสตร์โอลิมปิกญี่ปุ่น ระดับจูเนียร์ คืออะไร ?

ก็ขออธิบายที่มาให้ทราบว่า ที่ญี่ปุ่น (รวมถึงประเทศอื่น ๆ และประเทศไทยด้วย) จะมีการจัดสอบแข่งขันคณิตศาสตร์ภายในประเทศ เพื่อคัดตัวแทนเยาวชนไปแข่งขันคณิตศาสตร์ในเวทีระดับโลก หรือที่รู้จักในชื่อ IMO ซึ่งย่อมาจาก The International Mathematical Olympiad หรือ "คณิตศาสตร์โอลิมปิก" ที่พวกเราคนไทยคุ้นหูกันดีนั่นเอง

แต่การสอบแข่งขันภายในประเทศญี่ปุ่นจะเรียกในชื่อ JMO (ของไทยเราก็มีนะคะ เดิมจัดการสอบในชื่อ TMO หรือ Thai Mathematical Olympiad แต่ปัจจุบันเรียกในชื่อ “คณิตศาสตร์โอลิมปิก สอวน.” ที่จัดโดยมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ)

ดังนั้นเพื่อเป็นการลองสนามหรือจะเรียกว่าเป็นการเตรียมตัวเด็ก ๆ ของเค้าก็ได้ ที่ญี่ปุ่นจึงมีการจัดสอบแข่งขันในระดับ ม.ต้น ด้วย ซึ่งลักษณะข้อสอบจะเป็นแนวเดียวกับคณิตศาสตร์โอลิมปิก แต่ระดับความซับซ้อนรวมถึงเวลาที่ใช้จะต่างกับของพี่ ม.ปลาย และการสอบในระดับนี้จะเรียกว่า JJMO (Japan Junior Mathematic Olympiad) ซึ่งก็เป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้นั่นเอง....


เอาละ...ได้รู้จักที่มาที่ไปกันไปแล้ว

งั้นเรามาเข้าเรื่องเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เลยแล้วกันนะคะ

เนื้อหาหลัก ๆ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็น ภาคข้อสอบ ซึ่งเป็นข้อสอบเด่น ๆ และน่าสนใจที่รวบรวมมาจากการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับ ม.ต้น ของหลายประเทศ ทั้งจากญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป (แต่บางข้อก็อาจเป็นของระดับพี่ ม.ปลาย พ่วงมาเป็นของแถมให้ด้วยนะคะ)

ส่วนนี้มีไว้เพื่อให้น้อง ๆ ได้ลองฝึกแก้โจทย์และทำความคุ้นเคยกับการทำข้อสอบในแนวคณิตศาสตร์โอลิมปิก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าโจทย์คณิตศาสตร์โอลิมปิกนั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่โจทย์ที่ให้หาคำตอบอย่างตรงไปตรงมาเหมือนที่ใช้สอบกันในโรงเรียน แต่เป็นโจทย์ที่ต้องมีการคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และต้องใช้ทฤษฎีหรือหลักการต่าง ๆ ของคณิตศาสตร์มาช่วยแก้ปัญหา

แต่รู้อย่างนี้ก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ...บอกแล้วว่าเป็นส่วนที่ใช้ฝึกปรือ จึงมีทั้งโจทย์ที่ง่ายและยากคละเคล้ากันไป ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ระดับ โดยระดับความยาก-ง่ายนี้จะแทนด้วยสัญลักษณ์รูปดาว ถ้าเป็นข้อที่ง่ายหน่อยก็จะมี 1 ดาว ส่วนข้อที่ยากที่สุดจะเป็น 5 ดาวนะคะ


คำแนะนำสำหรับการใช้หนังสือเล่มนี้คือ ในการแก้โจทย์แต่ละข้อให้ลองใช้ความพยายามจนถึงที่สุดก่อน จากนั้นถ้ายังแก้โจทย์ไม่ได้ หรือยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะไปทางไหนดี เราก็ยังมีตัวช่วย นั่นคือจะมีข้อแนะนำให้พลิกไปดูที่หลักการหรือทฤษฎีซึ่งอยู่ในส่วนที่ 2 คือ ภาคความรู้พื้นฐาน ให้น้อง ๆ ได้ฟื้นความจำว่าถ้าใช้สูตรนี้หรือหลักการนี้น่าจะหาทางแก้โจทย์ได้แน่ ๆ

...แต่สุดท้าย ถ้ายังคิดไม่ออกจริง ๆ จะดูเฉลยเลยแล้วทำความเข้าใจตาม ก็ไม่ว่ากันนะคะ เพราะบ่อยครั้งเราก็เรียนรู้ได้จากประสบการณ์ของคนอื่นเหมือนกัน จริงไหมคะ...

ด้านล่างเป็นตัวอย่างโจทย์จากส่วนแรก ให้เห็นเป็นน้ำจิ้มว่าโจทย์ที่บอกว่าให้ลองฝึกฝีมือนั้นเป็นยังไง




ผ่านไป 2 ส่วนแล้วนะคะ สุดท้ายก็มาถึงการลงสนามแข่งจริงจนได้ นั่นคือ ภาครวมข้อสอบคณิตศาสตร์โอลิมปิกของ JJMO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003-2009 โดยข้อสอบในแต่ละปีมีประมาณ 12 ข้อ ให้เวลาทำ 2-3 ชม. (จำนวนข้อและจำนวน ชม. อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับข้อสอบในแต่ละปี) ขอกระซิบว่าของจริงไม่ง่ายเลยค่ะ เชื่อว่าพี่ ม.ปลายหลายคนที่ไม่ชำนาญข้อสอบแนวนี้ เห็นแล้วคงอึ้งไปเหมือนกัน ...

มาดูตัวอย่างจากข้อสอบของ JJMO ปี 2005 กันค่ะ



วิธีทำคือ



เหตุผลที่ยกข้อนี้มาเป็นตัวอย่าง เพราะ บ.ก. รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษกับการเฉลยหรือวิธีพิสูจน์ของเค้าที่เรียบง่าย ชัดเจน และกระชับจริง ๆ ค่ะ คือถ้าไม่พิสูจน์ด้วยวิธีนี้ ก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าการพิสูจน์จะออกมาในแนวทางไหนหรือว่าจะยืดยาวไปได้สักแค่ไหน ถ้าใครดูแล้วเห็นว่าน่าจะมีวิธีพิสูจน์ที่ง่ายกว่านี้ก็ลองมาแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ


หวังว่าผลงานเล่มใหม่ล่าสุดนี้จะเป็นที่ถูกอกถูกใจแฟน ๆ คณิตศาสตร์ของ สำนักพิมพ์ ส.ส.ท นะคะ

หรืออาจไม่ใช่แค่ถูกใจ เพราะผู้แปลท่านบอกมาว่า “รับรองว่าถึงใจแน่ ๆ” ได้ยินอย่างนี้แล้วก็อย่าพลาดนะคะ

ลองไปหยิบไปจับกันดูว่าจะ “ถูกใจ” หรือ “ถึงใจ” ซักแค่ไหน...


=======================================

แวะเยี่ยมบูท ส.ส.ท. ในงานมหกรรหนังสือระดับชาติครั้งที่ 15 21-31 ต.ค. 53
ได้ที่ R56 โซน C2

แวะชมหนังสือใหม่เล่มอื่น ๆ ของ สำนักพิมพ์ ส.ส.ท.




 

Create Date : 27 ตุลาคม 2553    
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:05:54 น.
Counter : 3266 Pageviews.  

คิดเลขไว ใครก็ทำได้ : ถึงจะไม่ถนัดเลขก็จัดการกับตัวเลขได้อยู่หมัด

นับถอยหลังอีกเพียงแค่ 15 วันเท่านั้น งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 15 ที่บรรดาคนรักหนังสือรอคอยก็กำลังจะมาถึง

นับเป็นโอกาสพิเศษที่เราจะได้เจอกันอีกครั้งส่งท้ายปีนี้ ดังนั้น ส.ส.ท. ก็จะต้องมีอะไรพิเศษ ๆ มาฝากผู้อ่านที่รักยิ่งของเราอย่างแน่นอนค่ะ

ซึ่งของฝากพิเศษส่งท้ายปีนี้จะมีอะไรบ้างนั้น อันนี้ขออุบไว้ก่อน แต่จะมีการรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ ต่อไปค่ะ

แต่หนึ่งในบรรดาของฝากพิเศษที่จะหยิบมาฝากให้หายคิดถึงกันก่อนเลยแบบไม่มีอุบ ก็คือ หนังสือใหม่ที่จะได้ออกงานครั้งแรกในงานมหกรรมครั้งที่จะถึงนี้ค่ะ
เล่มแรกที่คลอดออกมาเรียบร้อยแล้ว ก็คือ "จำเก่ง จำแม่น จำนาน" ซึ่งหยิบมาแนะนำไปแล้วในบล็อกก่อน

และเล่มที่สองที่ บ.ก. ภูมิใจที่จะนำเสนออย่างยิ่งก็คือหนังสือคณิตศาสตร์เล่มล่าสุดเล่มนี้ค่ะ




คิดเลขไว ใครก็ทำได้

ผู้เรียบเรียง: Gisaku NAKAMURA
ผู้เขียน: Keiichi ABE
ผู้แปล: ดร.บัณฑิต โรจน์อารยานนท์
ขนาด: 145 x 210 mm.
จำนวนหน้า: 272 หน้า
ISBN: 9789744434227

คิดเลขไว ใครก็ทำได้ เล่มนี้แนะนำเทคนิคการคิดเลขเร็วที่สะดวกสุด ๆ แม้จะไม่เก่งเลขก็ทำความเข้าใจและนำไปใช้ประโยชน์ได้ค่ะ

โดยอธิบายไว้ครบถ้วนทั้งเทคนิคการบวก ลบ คูณ หรือหาร ที่รวดเร็วและนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น การท่องสูตรคูณด้วยนิ้วมือ การคิดอัตราดอกเบี้ยทบต้นตอนที่คิดจะลงทุนหรือซื้อประกัน การคำนวณกำไร-ขาดทุนก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือหุ้นที่มีราคาขึ้น ๆ ลง ๆ (อันนี้หลาย ๆ คนคงแอบสนใจอยู่แน่ ๆ เลย รวมทั้ง บ.ก. ด้วยค่ะ )

และนอกจากนี้ยังนำเสนอเรื่องอื่น ๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับตัวเลขและการคำนวณ เช่น การนับจำนวนสิ่งที่อยู่ไกลตัวและมีจำนวนมาก ๆ การประมาณค่า การหาค่าเฉลี่ย การตรวจสอบผลลัพธ์คร่าว ๆ ฯลฯ
เป็นหนังสือที่คนไม่ถนัดคิดเลขในใจ และต้องอาศัยเครื่องคิดเลขอยู่ร่ำไปจำเป็นต้องอ่าน!!

เล่าให้ฟังแค่นี้อาจจะยังไม่เห็นภาพ ก็เลยหยิบตัวอย่างจากในหนังสือมาฝากกันด้วยค่ะ


1. ตัวเลขที่เหมาะสมสำหรับการเป็นตัวตั้งของการลบ คือ 99...
ตัวอย่างนี้เป็นสถานการณ์ที่เราเจอกันบ่อยมากค่ะ สมมติว่าเราไปซื้อของที่ร้าน ราคา 693 บาท แล้วจ่ายด้วยธนบัตรใบละ 1,000 บาท แล้วเราจะได้เงินทอนเท่าไร ?

1,000 - 693 = ?

ถ้าจะหาคำตอบแบบวิธีทั่วไป เราก็จะต้องยืมค่าจากหลักซ้ายมือลงมาหลายหนซึ่งยุ่งยาก ดังนั้นจึงแนะนำวิธีปรับให้การคำนวณนี้ง่ายขึ้น โดยการเขียน 1,000 ให้เป็น 999 + 1 แล้วจึงนำ 693 มาลบออกจาก 999 ค่ะ

วิธีนี้จะทำให้ไม่ต้องมีการยืมจากหลักทางซ้ายลงมา และสามารถลบได้ในหลักของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บวก 1 กลับเข้าไปในผลลบที่ได้ ดังรูปด้านล่างนี้ค่ะ





ง่ายขึ้นมากเลยจริงไหมคะ เรียกได้ว่าไม่ต้องพึ่งกระดาษทด เครื่องคิดเลข รวมทั้งไม่ต้องควานหาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปลี่ยนโหมดเป็นเครื่องคิดเลขให้วุ่นวายอีกต่อไป



2. การนำวิธีคิดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วมาประยุกต์ใช้
การขึ้นราคาสินค้าก็เป็นอีกเรื่องที่เราพบเจอเป็นประจำ ถ้าเราดูลักษณะของการขึ้นราคาสินค้าที่พบทั่วไป ก็จะเห็นว่ามีทั้งแบบที่ขึ้นทีละนิด ๆ ทุกปี กับแบบที่ผ่านไปหลายปีแล้วค่อยขึ้นราคาทีละมาก ๆ

แล้วทั้งสองแบบนี้จะเหมือนกันไหม แบบไหนที่จะทำให้ราคาสินค้าขึ้นสูงไปมากกว่ากัน ลองมาคิดกันดูค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น ราคาสินค้าเดิมเป็น 10,000 เยน ถ้าขึ้นราคาแบบทุกปี ปีละ 2% กับแบบขึ้นราคา 5 ปีครั้ง แต่ขึ้นราคาครั้งละ 10% เมื่อทำอย่างนี้ไป 10 ปี และ 30 ปี ถามว่าสุดท้ายแล้วสินค้าจะมีราคาแตกต่างกันอย่างไรระหว่างสองแบบนี้

การหาคำตอบในตัวอย่างนี้ จะใช้สูตรเดียวกับการคิดคำนวณดอกเบี้ยทบต้น ก็คือ





จะได้ผลดังรูปด้านล่างค่ะ





กรณีที่ขึ้นราคาทุกปี ปีละ 2% เมื่อผ่านเวลาผ่านไป 30 ปี พบว่าขึ้นราคาไปถึง 18,114 เยน





กรณีที่ขึ้นราคา 5 ปีครั้ง ครั้งละ 10% เมื่อเวลาผ่านไป 30 ปี ราคาสินค้ากลับขึ้นไปเพียง 17,716 เยนเท่านั้น

ดูเผิน ๆ เรามักคิดว่า การขึ้นราคาปีละ 2% เป็นเวลา 10 ปี เท่ากับขึ้นราคาไป 20% ในขณะที่การขึ้นราคา 5 ปีครั้ง ครั้งละ 10% ผ่านไป 10 ปี ก็ขึ้นราคาไป 20% เหมือนกัน

แต่ที่จริงแล้วเนื่องจากการขึ้นราคาตั้งแต่ในครั้งที่สองเป็นต้นไป ตัวที่เป็นฐานราคาต้องรวมเอาส่วนที่ได้ปรับขึ้นมาแล้วในครั้งก่อนไว้ด้วย เพราะฉะนั้นการคำนวณราคาสุดท้าย จะต้องคำนวณแบบเดียวกับการคิดดอกเบี้ยทบต้นดังสูตรข้างบน

ผลการคำนวณก็เป็นดังที่แสดงไว้ในรูป คือ การขึ้นราคาสินค้าแบบที่มีการขึ้นราคาทุกปี ถึงแม้จะขึ้นทีละน้อย แต่ก็มีการขึ้นราคาหลายครั้ง จึงได้ผลออกมาเป็นว่าขึ้นราคาไปมากกว่าแบบที่ขึ้น 5 ปีครั้ง ครั้งละ 10%

สรุปก็คือ เรื่องของการขึ้นราคาสินค้าหรือการปรับฐานเงินเดือนนั้น ถึงแม้การเพิ่มขึ้นทั้งสองแบบดูเหมือนจะมีอัตราการขึ้นเท่ากัน แต่ในความเป็นจริง แบบที่แบ่งการขึ้นออกเป็นหลาย ๆ ครั้ง จะเป็นการปรับขึ้นที่มีการเพิ่มขึ้นของยอดเงินสูงกว่า


แล้วต่อไปนี้ เราก็จะไม่ต้องง้อแต่เครื่องคิดเลขอยู่ตลอดเวลาอีกต่อไป
หรือแม้แต่เวลาที่แบตมือถือหมด ก็เอาตัวรอดได้ค่ะ



==========================================

งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 15
21-31 ต.ค.นี้ พบกับ ส.ส.ท. ที่บูท R56 โซน C2

แวะชมหนังสือใหม่เล่มอื่น ๆ ของ สำนักพิมพ์ ส.ส.ท.








 

Create Date : 07 ตุลาคม 2553    
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:06:00 น.
Counter : 3087 Pageviews.  

คณิต ม.ต้น ทบทวนได้ง่าย ๆ ใน 8 วัน : ติวเลขกับติวเตอร์ส่วนตัว

หนังสือคณิตศาสตร์ที่ไม่ซ้ำใคร !! อ่านง่ายเหมือนการ์ตูน เหมือนมีติวเตอร์ส่วนตัวมาสอนที่บ้าน


สวัสดีค่ะ วันนี้ บ.ก. หยิบหนังสือคณิตศาสตร์เล่มใหม่ล่าสุดมาฝากค่ะ สำหรับใครที่ไปงานสัปดาห์หนังสือฯ ครั้งที่ผ่านมานี้ อาจจะเคยเห็นหน้าค่าตามาบ้างแล้วนะคะ




คณิต ม.ต้น ทบทวนได้ง่าย ๆ ใน 8 วัน
โดย : Todai Katei Kyoshi Tomo no Kai (ชมรมเพื่อนติวเตอร์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว)
แปลโดย : ประวัติ เพียรเจริญ
จำนวนหน้า: 288 หน้า
ISBN: 978-974-443-411-1
รายละเอียดเพิ่มเติม สำนักพิมพ์ ส.ส.ท.



คณิต ม.ต้น ทบทวนได้ง่าย ๆ ใน 8 วัน เล่มนี้ บ.ก. รับประกันว่าไม่เหมือนหนังสือคณิตศาสตร์เล่มไหน ๆ แน่นอนค่ะ
เพราะเป็นการทบทวนคณิตศาสตร์ผ่านบทสนทนาสนุก ๆ ระหว่าง
"ทากาชิคุง" เด็ก ม. ต้น ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับวิชาคณิตศาสตร์
กับ "ติวเตอร์" รุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยโตเกียวที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจสอนเด็ก ๆ ให้เข้าใจและรักคณิตศาสตร์มานักต่อนัก รุ่นพี่ติวเตอร์คนนี้มีวิธีการสอน สรุปประเด็น พร้อมแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ที่ทำให้เข้าใจเนื้อหาอย่างทะลุปรุโปร่ง จนสามารถแก้โจทย์ได้อย่างมั่นใจ


ที่มาของหนังสือเล่มนี้มาจากประสบการณ์ของผู้เขียนซึ่งในระหว่างที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว (หรือที่คอการ์ตูนญี่ปุ่นคงจะรู้จักกันดีในชื่อ “โทได” นั่นเอง) ได้เข้าร่วม “ชมรมเพื่อนติวเตอร์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว” ทำให้มีโอกาสเป็นติวเตอร์ที่บ้านให้กับน้อง ๆ หลายคนซึ่งส่วนใหญ่กำลังเรียน ม.ต้น เมื่อเรียบจบจึงได้รวบรวมเนื้อหาที่เคยสอนน้อง ๆ โดย "จำลองสถานการณ์สอนแบบตัวต่อตัวที่บ้าน" นั่นเอง


ในเล่มแบ่งเนื้อหาหลัก ๆ ออกเป็น 8 วัน โดยในแต่ละวันใช้เวลาทบทวน 4 ชม. และใน ชม. สุดท้าย (ชั่วโมงที่ 4 ของแต่ละวัน) มีแบบฝึกหัดเพื่อทดสอบความเข้าใจด้วย


เนื้อหาในแต่ละวันประกอบด้วย
- นิพจน์พีชคณิต
- รากที่สอง
- สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวและอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
- สมการเชิงเส้นสองตัวแปรและสมการกำลังสอง
- ฟังก์ชันกำลังสอง
- สมบัติของเส้นขนานและวงกลม
- ทฤษฎีบทพีทาโกรัส
- จำนวนผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความน่าจะเป็น และข้อมูลสถิติ



เหมาะสำหรับ
- น้อง ๆ ที่กำลังเรียนระดับมัธยมต้น และรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าใจวิชาคณิตศาสตร์เท่าไรนัก
- คุณพ่อคุณแม่ ที่อยากรื้อฟื้นความรู้ทางคณิตศาสตร์ เอาไว้สอนน้อง ๆ เองที่บ้าน
- คุณครูคณิตศาสตร์ ที่อยากได้เคล็ดลับและวิธีการสอนที่จะทำให้เด็ก ๆ ไม่เบื่อ
- ทุกคนที่สนใจหรือชื่นชอบคณิตศาสตร์ และอยากจะรื้อฟื้นความรู้คณิตสมัย ม.ต้น ซึ่งถือเป็นรากฐานความรู้ทางคณิตศาสตร์ค่ะ


แต่ละหัวข้อมีแบบฝึกหัด และสรุปหัวใจสำคัญที่ควรจำให้ด้วยนะ !!


อ่านเพลิ้นนน...อย่างกับนั่งเรียนอยู่ข้าง ๆ ทากาชิคุง ทุกคนไม่ว่าจะชื่นชอบหรือเบื่อเซ็งคณิตศาสตร์ คงต้องหาซื้อไว้ติดตู้หนังสือแล้วละค่ะ 555+



แล้วเจอกันใหม่นะคะ ^o^





 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 16 มีนาคม 2558 11:40:43 น.
Counter : 3944 Pageviews.  

Biotechnology เทคโนโลยีมหัศจรรย์เพื่อชีวิต



Biotechnology เทคโนโลยีมหัศจรรย์เพื่อชีวิต
โดย : Isao Karube
แปลและเรียบเรียงโดย : รศ.ดร.ศักดา ดาดวง
จำนวนหน้า 256 หน้า

เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ... เทคโนโลยีที่มีประโยชน์มากมายอย่างน่ามหัศจรรย์ สามารถจัดการได้ตั้งแต่กลไกในร่างกายของเรา การดูแลสุขภาพและความงาม และนำมาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เรื่องที่ใกล้ตัวมากอย่างที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ไปจนถึงปัญหาระดับโลกที่เราทุกคนต้องเผชิญ

ข้อจำกัดในการปลูกถ่ายอวัยวะ โรคจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ความเสื่อมของร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยชรา

น้ำมันดิบและถ่านหินกำลังจะหมดไป ขยะย่อยสลายยากเพิ่มปริมาณจนล้นโลก มลพิษสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ วิกฤติการณ์ขาดแคลนอาหารเพราะประชากรโลกเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว

คุณรู้หรือไม่ว่า ทางออกของปัญหาเหล่านี้ คือ...เทคโนโลยีชีวภาพ


เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ก็คือการนำสิ่งมีชีวิตหรือกระบวนการ หน้าที่ และกลไกการทำงานที่เกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิต มาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ด้วยเทคนิคต่างๆ ในปัจจุบัน

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีชีวภาพทำให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้มากมาย เช่น การรักษาโรคทางพันธุกรรมด้วยยีนบำบัด การปลูกถ่ายอวัยวะ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพหรือเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติพิเศษ การบำบัดมลพิษสิ่งแวดล้อมโดยใช้จุลินทรีย์ เป็นต้น

เล่มนี้ก็เป็นหนังสือแปลจากภาษาญี่ปุ่นสไตล์เดียวกับเรื่อง รู้จักและเข้าใจ เลือด สิ่งมหัศจรรย์ในร่างกายเรา ค่ะ จะว่าเป็นพี่น้องกันก็ได้ค่ะ (ขอสารภาพว่า จขบ. ปลื้มผู้วาดภาพประกอบเล่มนี้มากๆ เพราะว่าถ่ายทอดเนื้อหาออกมาเป็นภาพได้น่ารักมากๆ ค่ะ)

เนื้อหาเล่มนี้เริ่มอธิบายตั้งแต่หลักการของเทคโนโลยีชีวภาพเบื้องต้น พาไปศึกษาตั้งแต่ระดับเซลล์จนถึงดีเอ็นเอ เพื่อให้เราได้เห็นถึงกลไกภายในที่น่ามหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิตซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง

ตัวอย่างประโยชน์ของเทคโนโลยีชีวภาพจากหนังสือเล่มนี้ เช่น การรักษาผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะด้วยสเต็มเซลล์ การรักษาโรคที่เกิดจากความผิดปกติของยีน การคิดค้นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อช่วยชะลอความชรา (อันนี้น่าสนใจมากกก) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่พัฒนาขึ้นโดยใช้ความรู้ด้านยีนและดีเอ็นเอ ตัวจับสัญญาณชีวภาพหรือไบโอเซ็นเซอร์ แหล่งพลังงานใหม่จากเทคโนโลยีชีวภาพ การแก้ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมโดยการใช้สิ่งมีชีวิต เช่น จุลินทรีย์ เป็นต้นค่ะ




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:06:26 น.
Counter : 1957 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

textbook
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




สำนักพิมพ์ ส.ส.ท. สรรค์สร้างสาระสู่สังคม
มุ่งมั่นผลิตตำราวิชาการและหนังสือเทคโนโลยีสาขาต่าง ๆ การบริหารจัดการ ด้านส่งเสริมการศึกษา เพื่อการพัฒนาตนเองและองค์กร สำหรับภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม
Friends' blogs
[Add textbook's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.