images by free.in.th
"
Group Blog
 
All blogs
 

สอนหลักคิด แก้โจทย์คณิตตั้งแต่ประถม

สวัสดีปีใหม่ 2557 ทุกท่านนะคะ...SmileySmiley

ปีใหม่อย่างนี้ ใคร ๆ ก็อยากเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อความสำเร็จก้าวหน้าในชีวิตใช่มั้ยคะ และเพื่อให้เข้ากับเทศกาลแห่งการเริ่มต้น จึงขอถือโอกาสนี้แนะนำหนังสือใหม่ที่น่าสนใจของเรา ซึ่งนำเสนอ “วิธีการเรียน-การสอนเลข” แบบไม่มุ่งเน้นเพียงผลสัมฤทธิ์ระยะสั้นอย่างเรื่องการสอบแข่งขัน แต่เป็นการค่อย ๆ ปลูกฝัง “ทักษะการคิดเชิงตรรกะ” ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงในระยะยาว  ...มาแนะนำให้รู้จักและได้ลองนำไปใช้กันนะคะ...Smiley

ผู้ปกครองหลายคนคงมีปัญหาหนักใจกับการสอนเลขให้บุตรหลานหรือมีความคาดหวังอย่างมากที่จะให้เด็ก ๆ ของเราเก่งเลข แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่า เด็กที่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่จะฉายแววด้านนี้ออกมาตั้งแต่เล็ก ๆ คือสอนอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ พอเค้าจับหลักได้ บวกกับถ้าขยันทำแบบฝึกหัดหน่อย ก็จะกลายเป็นเด็กเก่งเลขโดยแทบไม่ต้องกระตุ้นหรือส่งเสริมมากนัก  Smiley

ถ้าลูกหลานของเราอยู่ในกลุ่มนี้ก็โชคดีไป แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นเช่นนั้น บางบ้านเคี่ยวเข็ญเท่าไรก็ดูเหมือนเด็กจะไม่รับและไม่ยอมเข้าใจเอาเสียเลย อย่างแรกก็ต้องยอมรับว่า การเรียนเลขเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ หลายคนก็คงไม่ชอบวิชานี้เท่าไร เพราะรู้สึกว่าไม่ถนัดบ้างล่ะ ไม่สนุกบ้างล่ะ  Smiley

แต่ที่เป็นอย่างนี้ อยากบอกว่าเป็นเพราะกระบวนการเรียนรู้เลขคณิตในตอนเริ่มต้นของเราไม่ได้ถูกสอนให้เข้าใจอย่างเป็นขั้นตอนที่เหมาะสม 

เรื่องของจำนวน ตัวเลข และการคำนวณต่าง ๆ สำหรับเด็กที่เกิดมาซึ่งไม่เคยรู้จักเรื่องพวกนี้มาก่อนย่อมเกิดความสับสน และรู้สึกว่ามีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจ Smiley ถ้าลองจินตนาการตามก็จะเข้าใจได้ไม่ยากว่าการเรียนวิชาอื่น ๆ เช่น ภาษาไทย สังคม และภาษาอังกฤษนั้น เด็กสามารถใช้ทักษะที่พวกเขาใช้อยู่ในชีวิตจริงมาเรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้ได้ คือสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาที่เรียนรู้กับชีวิตประจำวันได้ จึงทำความเข้าใจบทเรียนได้ไม่ยาก

แต่สำหรับวิชาเลข ซึ่งมีทั้งตัวแปร สัญลักษณ์ เครื่องหมาย และการคำนวณต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดขึ้น ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า ถ้าเด็กไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้ากับประสบการณ์ที่พวกเขาเคยสัมผัสได้ ก็ไม่อาจเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้เลย (สำหรับเด็กบางคนที่อาจใช้วิธีท่องจำ และพอจะทำให้เอาตัวรอดและสอบผ่านไปได้...แต่สุดท้ายแล้วเด็กกลุ่มนี้จะมีปัญหาตอนที่เรียนขั้นสูงเพราะขาดความเข้าใจที่แท้จริง ทั้งยังไม่สามารถนำทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริงได้อีกด้วย เหมือนที่เคยได้ยินใครหลายคนมักบ่นว่า...ไม่รู้จะให้เรียนเรื่องพวกนี้ไปทำไม ไม่เห็นจะเอาไปใช้อะไรได้เลย ?!! Smiley )  

ดังนั้น การเริ่มต้นสอนเลขและปลูกฝังทักษะด้านนี้นับเป็นเรื่องสำคัญ แต่บอกอย่างนี้ก็อาจจะนึกไม่ออกว่าต้องสอนอย่างไร หรือแบบไหนถึงจะเรียกว่าการสอนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนที่ถูกวิธี

ยกตัวอย่างเช่น การสอนเรื่องจำนวนและหน่วย เราต้องทำให้เด็กคุ้นเคยตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก อย่างการเล่นขายของ หรือการบวก-ลบจำนวนสิ่งของใกล้ตัว ก็จะช่วยในเรื่องพวกนี้ได้ดี ทั้งยังสามารถสอนการคำนวณง่าย ๆ โดยยังไม่ต้องสอนประโยคสัญลักษณ์และเครื่องหมาย 

แต่ที่สำคัญคือ ต้องสอนโดยสร้างเรื่องราวที่เขาสามารถเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันได้ด้วยการหมั่นตั้งคำถาม พูดคุยให้เด็กได้ลองคิดจะช่วยฝึกฝนให้เด็กมีเซนส์ทางเลขคณิตที่ดี และเมื่อโตขึ้นจนสอนเรื่องเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ได้แล้ว ทีนี้เด็กก็จะเชื่อมโยงเครื่องหมาย/สัญลักษณ์เหล่านี้เข้ากับสิ่งที่ตัวเองเคยเล่นหรือเคยสัมผัสมาได้

แต่ความหมายของเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ก็ควรสอนให้เข้าใจอย่างถูกต้องและครบถ้วนตั้งแต่แรก อย่างเช่น เครื่องหมาย “+” อาจจะเข้าใจว่าก็แค่หมายถึง “การรวมเข้าด้วยกัน” แต่ความจริงทางคณิตศาสตร์ยังหมายรวมถึง 

1. การเพิ่มขึ้นของลำดับตัวเลข

2. การนำจำนวนที่มีหน่วยเดียวกันเพิ่มเข้าไป 

3. การนำจำนวนที่มีหน่วยเดียวกันรวมเข้าด้วยกัน (กรณีที่กล่าวไปแล้วข้างต้น)

4. ผลรวมของอัตราส่วน (การบวกกันของจำนวนที่ไม่มีหน่วย

5. แสดงตำแหน่งที่มากกว่า 0

อ่านทีแรกอาจจะงง ๆ เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องเดียวกัน จะแยกออกเป็นหลายข้อให้มากความทำไม ... Smiley   ที่รู้สึกอย่างนี้เป็นเพราะเราเข้าใจเรื่องพวกนี้ในภาพรวมอยู่แล้ว แต่นี่เป็นการแยกย่อยลงไปถึงความแตกต่างของกระบวนการคิด

อย่างเช่น ข้อแรก “การเพิ่มขึ้นของลำดับตัวเลข” การหาคำตอบอาจได้จาก “การนับเลขไปทีละตัว” หรือ “จากการบวกเลข (ใช้ระบบการคำนวณ)” สำหรับเด็กที่เอาแต่ใช้วิธีนับเลขจะมีปัญหาในการคำนวณเมื่อโตขึ้น แต่บางทีเราไม่รู้ เพราะตอนสอน เด็กก็ตอบได้ถูกต้อง (เรื่องนี้สำคัญ และต้องสอนให้เข้าใจตั้งแต่ในวัยที่พอจะเข้าใจได้แล้ว)

ส่วนข้อ 2 กับข้อ 3 จะทำให้เด็กเห็นความสำคัญของหน่วย คิดว่าคงเคยเห็นเด็กที่ไม่เข้าใจ แล้วเวลาเจอโจทย์ก็ได้แต่จับตัวเลขมาคำนวณโดยไม่รู้ที่มาที่ไป พอถามเข้าก็อธิบายไม่ได้ ?!?…หรือถ้าซักหนัก ๆ เข้าก็พาลอารมณ์เสียกันทั้งคนเรียนและคนสอน  Smiley

ส่วนข้อ 4 จะเกี่ยวข้องกับสัดส่วนและการเปรียบเทียบ และข้อ 5 เกี่ยวกับระบบจำนวนและกราฟ

การสอนให้ครบถ้วนเมื่อเริ่มต้นเรียนรู้จะทำให้เด็กไม่สับสน เมื่อต้องเรียนรู้ในขั้นต่อไป บางเรื่องอาจจะยังเข้าใจได้ไม่หมด แต่อย่างน้อยก็จะรู้ว่ามีกรณีอย่างนี้ที่ต้องเจอเมื่อเรียนขั้นต่อไป 

นอกจากนี้ การสอนเรื่องอัตราส่วนและสัดส่วน ไม่ว่าตำราไหนก็มักจะสอนนิยามคร่าว ๆ ของคำว่า “อัตราส่วน” “สัดส่วน” จากนั้นก็สอนให้แก้สมการหรือแทนค่าเพื่อหาคำตอบเลย  อย่างการแก้โจทย์ข้อนี้...

“ถ้าผ้ายาว 5 เมตร ราคา 1,200 เยน แล้วผ้ายาว 8 เมตร จะมีราคาเท่าไร ?” 

โดยมากก็จะสอนให้เขียนออกมาในรูปอัตราส่วนหรือเศษส่วน แล้วหาคำตอบโดยการคูณไขว้และแก้สมการออกมา นั่นคือ ถ้าสมมุติให้ตัวแปรที่ต้องการหาเป็น

ก็จะเขียนเป็นสมการหรือสูตรอัตราส่วนได้เป็น  5 : 8 = 1,200 : x 


วิธีนี้สอนง่าย ได้คำตอบเร็วและถูกต้อง ...แต่นี่เป็นการคำนวณ ไม่ใช่กระบวนการคิด !!... เรื่องของอัตราส่วนนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ หากไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องนี้ เด็ก ๆ ก็จะไม่เข้าใจเรื่องของฟังก์ชันเชิงเส้น และเป็นการสะดุดตั้งแต่ก้าวแรกของการเรียนคณิตศาสตร์ บางครั้งอาจทำให้เด็กบางคนถึงกับเกลียดวิชาคณิตศาสตร์ไปเลย และที่แย่ไปกว่านั้นคือ บางคนคิดว่าที่ตัวเองทำไม่ได้เป็นเพราะตัวเองไม่เก่ง ไร้ความสามารถ แล้วก็กลายเป็นคนท้อแท้หมดกำลังใจ Smiley ทั้งที่ความจริงหากวิเคราะห์ให้ลึกลงไปแล้ว เป็นเพราะเราไม่ได้สอนให้เด็กเข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริงมากกว่า

สำหรับข้อนี้ ถ้าเราใช้เวลาเพิ่มอีกนิดเดียว ในตอนเริ่มต้นก็ค่อย ๆ อธิบายเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการคำนวณในลักษณะนี้จะดีกว่า  


นั่นคือ แสดงให้เห็นการคำนวณเปรียบเทียบจริง ๆ ว่า ราคาต่อ 1 เมตรเป็นเท่าไร แล้วราคาสำหรับ 8 เมตรเป็นเท่าไร อีกทั้งไม่ละเลยที่จะแสดงให้เห็นด้วยว่า “หน่วย (m)” ถูกตัดทิ้งไปในขั้นตอนไหน ทำไมจึงได้คำตอบเป็นหน่วยเยนออกมา ...เรื่องนี้ก็สำคัญ Smiley เด็กบางคนสามารถเข้าใจได้ แต่เด็กบางคนก็ไม่เคยเข้าใจเลย ...รู้เพียงแต่ว่า ถ้าโจทย์ถามหาอะไร คำตอบก็ต้องเป็นหน่วยนั้น Smiley (?? เห็นแล้วใช่มั้ยว่าเราสอนตรรกะแบบไหนให้เด็กของเราตั้งแต่เริ่มต้น!!)

นี่แค่เรื่องพื้นฐานยังไม่เข้าสู่ขั้นตอนการแก้โจทย์ที่ซับซ้อน ยังมีรายละเอียดที่ควรใส่ใจมากขนาดนี้... ถ้าใครสนใจแนวทางการเรียนการสอนเลขแบบมุ่งเน้นพัฒนาความคิดเชิงตรรกะ และฝึกฝนทักษะการแก้โจทย์ปัญหาอย่างเป็นกระบวนการ ก็ขอแนะนำให้ลองไปหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือเล่มนี้ หรือสามารถแวะชมตัวอย่างหนังสือได้ที่นี่

เขียนโดย  Yasunari Tanaka / แปลโดย ดร.บัณฑิต โรจน์อารยานนท์

หนา 224 หน้า / ราคา 200 บาท 

ในเล่มจะอธิบายถึงทักษะที่จำเป็นในการแก้โจทย์ ซึ่งเป็นทักษะเดียวกับที่นำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริงเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงแนะนำวิธีฝึกฝนเพื่อส่งเสริมทักษะในแต่ละด้าน แล้วยังมีโจทย์ให้ได้ลองท้าทายโดยใช้ทักษะต่าง ๆ ที่กล่าวถึงอีกด้วย 

หวังว่าข้อมูลบางส่วนที่นำมาเล่านี้ คงพอจะทำให้ผู้ปกครองทั้งหลายได้ตระหนักถึงความสำคัญและมองเห็นแนวทางในการสอนเลขแบบไม่เร่งรัดและยัดเยียด ที่รังแต่จะสร้างผลเสียให้แก่ลูกหลานของเราในอนาคตนะคะ  Smiley


ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจหนังสือคณิคศาสตร์-วิทยาศาสตร์ของสำนักพิมพ์ ส.ส.ท. กันได้ที่นี่นะคะ //www.facebook.com/mathtpa




 

Create Date : 03 มกราคม 2557    
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:05:13 น.
Counter : 3144 Pageviews.  

ฟิตทักษะคณิต พิชิตทุกโจทย์สอบเข้า

ฮ้า… ในที่สุดก็คลอดออกมาจนได้ สำหรับหนังสือคณิตศาสตร์เล่มใหม่ล่าสุดของสำนักพิมพ์ ส.ส.ท. Smiley ต้องขออภัยที่ทำให้แฟน ๆ ต้องติดตามรอคอยกันนานไปนิด โดยเฉพาะในช่วงงานมหกรรมหนังสือฯ ครั้งที่ผ่านมา ไม่มีผลงานหนังสือคณิตศาสตร์เล่มใหม่ซิง ๆ ออกมาให้ลูกค้าได้สอยกันไปเลย Smiley แต่ถึงแม้จะออกล่ามาเป็นเดือน ก็ขอรับรองว่าเล่มใหม่นี้จะไม่ทำให้แฟน ๆ ที่คอยสนับสนุนต้องผิดหวังอย่างแน่นอนจ้า Smiley

by Naoki  Kawata  /  แปลโดย ดร.บัณฑิต โรจน์อารยานนท์
หนา 288 หน้า  /  ราคา 240 บาท

สำหรับหนังสือ ฟิตทักษะคณิต พิชิตทุกโจทย์สอบเข้า เล่มใหม่นี้

ที่จั่วหัวว่า พิชิตทุกโจทย์สอบเข้า ก็เพราะเป็นการจับคู่ระหว่าง โจทย์สอบเข้าวิชาคณิตศาสตร์ ระดับมัธยมต้น กับ ระดับมหาวิทยาลัย ที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน แต่อาศัยความรู้ในระดับลึกต่างกันมาใช้แก้โจทย์ เพื่อนำเสนอเปรียบเทียบให้เห็น และให้ผู้อ่านได้ฝึกใช้ทักษะการคิดเชิงคณิตศาสตร์อย่างเป็นลำดับ จึงเหมาะทั้งกับนักเรียนชั้นประถมที่เตรียมตัวสอบเข้า ม.ต้น และนักเรียนชั้น ม.ปลาย ที่เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะได้ฝึกทำโจทย์และเห็นแนวทางการคิดพลิกแพลงเพื่อหาคำตอบหลาย ๆ วิธี

เนื่องจากผู้เขียนซึ่งโชกโชนอยู่ในแวดวงกวดวิชาพบว่า ข้อสอบเข้าระดับ ม.ต้น กับข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นมีความต่อเนื่องและคล้ายกันมาก จึงคิดว่าน่าจะจับมาแมทช์กันให้เด็ก ๆ ได้ลองฝึกทำไปพร้อมกันในคราวเดียวซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย Smiley ซึ่งสำหรับเด็กประถมก็อย่าเพิ่งตกใจไป...ว่าตัวเองยังไม่มีความรู้ระดับพี่ ม.ปลายเลย แล้วหนูจะอ่านรู้เรื่องไหมเนี่ย ? Smiley จุดนี้ผู้เขียนเค้าก็คิดไว้แล้ว จึงมีส่วนเสริมเพื่ออธิบายเพิ่มเติมไว้ให้เด็ก ๆ พอคลำทางหรือมองเห็นภาพคร่าว ๆ ได้ แต่ถ้ายังไม่เข้าใจอยู่ดีก็ไม่เป็นไร ไว้รอตอนอยู่ ม.ปลายแล้วค่อยมาอ่านทบทวนอีกครั้งก็ยังไม่สายจ้า... Smiley

 

เพราะอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่า ในอนาคตเราจะได้เรียนเนื้อหาอะไรต่อไป หรือสำหรับโจทย์บางข้อก็จะเห็นว่า บางครั้งแค่ใช้ความรู้ระดับประถมก็สามารถนำมาใช้แก้โจทย์สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยน้า... ถึงกรณีอย่างนี้จะมีไม่มาก แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าทักษะพื้นฐานของคณิตศาสตร์นั้นสำคัญแค่ไหน ขอเพียงให้แม่นและรู้จักดัดแปลงแล้ว อะไร ๆ ก็ไม่ยากเกินความสามารถไปได้หรอกน่า สำหรับหนา 288 หน้า  /  ราคา 240 บาทและสำหรับพี่ ม.ปลาย...หนังสือเล่มนี้ก็เหมาะที่จะใช้จัดระเบียบความเข้าใจและทบทวนเนื้อหาทั้งหมดที่เรียนมา ซึ่งมีครบทุกหัวข้อหลักของวิชาคณิตศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง จำนวนและตัวเลข สูตร-สมการ เรขาคณิต Smiley  วิธีเรียงสับเปลี่ยน-การจัดหมู่ ตรรกะ

 

และอัลกอริทึม  เป็นการฝึกอุ่นเครื่องก่อนเข้าสู่สนามสอบจริง เพราะการเรียนคณิตศาสตร์ไม่ใช่การท่องจำ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝน จะได้รู้จักนำความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์มาประยุกต์ในการแก้โจทย์หลากหลายรูปแบบ เพราะแม้จะเป็นโจทย์ที่คล้าย ๆ กัน แต่พอเปลี่ยนไปนิดหน่อยบางคนก็ทำไม่ได้ เพราะยังไม่เข้าใจหรือขาดความชำนาญ ดังนั้นขอเพียงหมั่นฝึกฝน จนเมื่อเราเข้าใจหลักการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโจทย์แบบไหนก็ทำได้อย่างมั่นใจ Smiley

 

ตอนนี้เรามาดูตัวอย่างเนื้อหาข้างในกันหน่อยดีกว่า...ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก่อนอื่นขอแนะนำโครงสร้างของแต่ละหัวเรื่องในหนังสือ ซึ่งมีลำดับเป็นดังนี้

 ส่วนอันนี้ก็เป็นแซมเปิลเบาะ ๆ ให้ลองพิจารณากันพอหอมปากหอมคอ Smiley

เป็นยังไงบ้าง ก็ไม่ได้ยากแล้วก็ไม่ง่ายเกินไปใช่มั้ย แต่เห็นตัวอย่างแค่นี้คงไม่จุใจสำหรับผู้ที่คลั่งไคล้คณิตศาสตร์ ยังไงก็ขอเชิญไปหาชมเล่มจริงกันได้ตามร้านหนังสือทั่วไป โดยเฉพาะที่ร้านซีเอ็ดซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายของเราเลยนะจ๊ะ...เผื่อสนใจจะได้เอาไปฝึกฝนวิทยายุทธ์อย่างสนุกสนานกันต่อที่บ้านได้เลยจ้า Smiley




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2555    
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:05:21 น.
Counter : 1646 Pageviews.  

ภูมิคุ้มกัน บอดี้การ์ดส่วนตัว : ปกป้องร่างกายจากโรคภัยไข้เจ็บ

ช่วงนี้ “ปลายฝนต้นหนาว” อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (แดดเปรี้ยงแบบหน้าหนาว แต่ลมสงบและอากาศร้อน Smiley ) จนหลายคนป่วยตาม ๆ กัน

ใครที่ยังไม่ป่วยก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ส่วนใครที่กำลังป่วยอยู่ก็ยิ่งต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น ขอเอาใจช่วยให้หายไว ๆ ค่ะ

วันนี้มีหนังสือที่เหมาะกับช่วงนี้อย่างยิ่งมาแนะนำค่ะ 

เพราะเป็นเรื่องของ“ภูมิคุ้มกัน” ที่ปกป้องคุณจากการเจ็บป่วยต่าง ๆ เปรียบเหมือนบอดี้การ์ดส่วนตัวของคุณนั่นเอง

ภูมิคุ้มกัน บอดี้การ์ดส่วนตัว

โดย Koichiro Fujita

แปลและเรียบเรียงโดย รศ. ดร.ศักดา ดาดวง

หนา 224 หน้า (พิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม)

ใคร ๆ ก็รู้ว่าภูมิคุ้มกันช่วยปกป้องร่างกายเราจากการเจ็บป่วย ถ้าไม่อยากป่วยก็ต้องมีภูมิคุ้มกัน 

แต่รู้ไหมว่าภูมิคุ้มกันทำงานอย่างไร ? และถ้าอยากเพิ่มภูมิคุ้มกันต้องทำอย่างไร ?

ผลงานโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเล่มนี้จะช่วยให้คุณรู้จักและเข้าใจ "ภูมิคุ้มกัน" โดยอธิบายกลไกปกป้องร่างกายจากการเจ็บป่วยของภูมิคุ้มกันอย่างละเอียดและเข้าใจง่ายด้วยภาพประกอบ 4 สีทั้งเล่ม และยังแนะนำวิธีเพิ่มพลังภูมิคุ้มกันที่ทำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันอีกด้วย เนื้อหาในเล่มประกอบด้วย

บทที่ 1 ความสัมพันธ์ระหว่างพลังภูมิคุ้มกันกับสุขภาพและการเจ็บป่วย

กลไกการทำงานของภูมิคุ้มกัน หน้าที่ของเซลล์ชนิดต่าง ๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน วิธีดำเนินชีวิตประจำวันเพื่อเพิ่มพลังภูมิคุ้มกัน

บทที่ 2 แบคทีเรียในลำไส้ไขกุญแจแห่งพลังภูมิคุ้มกัน

แบคทีเรียในลำไส้ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร สังเคราะห์วิตามิน สร้างสารต้นตอของโดปามีนและเซโรโทนิน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น“สารแห่งความสุข” เพื่อส่งไปยังสมอง นอกจากนี้บทบาทที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างพลังภูมิคุ้มกันถึงเกือบ 70%

บทที่ 3 แบคทีเรียในลำไส้มีอิทธิพลต่อสมอง

แบคทีเรียในลำไส้เกี่ยวข้องกับการสร้างและการหลั่งสารสื่อประสาท เช่น โดปามีน เซโรโทนิน ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ ความสุข และช่วยป้องกันโรคซึมเศร้า และยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ที่น่าสนใจของสมองกับลำไส้ เช่น ลำไส้ตัดสินได้ว่าอาหารที่ไปถึงลำไส้เป็นอันตรายหรือไม่ แต่สมองไม่อาจตัดสินได้

บทที่ 4 การส่งสัญญาณและเครือข่ายของสมองกับระบบภูมิคุ้มกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างความคิดและจิตใจกับการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน  ความเครียดทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง แต่การคิดเชิงบวกและเสียงหัวเราะช่วยเพิ่มพลังภูมิคุ้มกันได้

บทที่ 5 มะเร็งกับภูมิคุ้มกัน

บทบาทของภูมิคุ้มกันในการยับยั้งมะเร็ง ในร่างกายเราเกิดเซลล์มะเร็งขึ้นวันละ 3,000-5,000 เซลล์ แต่ระบบภูมิคุ้มกันจะช่วยดูแลร่างกาย โดยกำจัดเซลล์มะเร็งเหล่านี้ไม่ให้ลุกลาม เราเสริมพลังยับยั้งมะเร็งของภูมิคุ้มกันได้ด้วยการกินอาหารต้านมะเร็งชนิดต่าง ๆ

บทที่ 6 ภูมิคุ้มกันกับภูมิแพ้

กล่าวถึงอาการภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ เช่น หอบหืด ผื่นที่ผิวหนัง อาการแพ้อาหาร  อาการแพ้ละอองเกสร และแนะนำอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้

บทที่ 7 โรคภูมิคุ้มกันต้านตนเองกับภูมิคุ้มกัน

กล่าวถึงโรคภูมิคุ้มกันต้านตนเอง (autoimmunity) ชนิดต่าง ๆ ที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำงานผิดพลาด แทนที่จะโจมตีสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก กลับโจมตีเซลล์ของร่างกาย

บทที่ 8 การทำงานและพัฒนาการของระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

แบคทีเรียในลำไส้และพลังต้านอนุมูลอิสระปกป้องร่างกายจากกัมมันตภาพรังสี สารต่าง ๆ จากธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มพลังภูมิคุ้มกัน อาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านมะเร็ง

ลองมาดูตัวอย่างเนื้อหากันสักนิดค่ะ

ภูมิคุ้มกันมี 2 ระบบ คือ ระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติหรือภูมิคุ้มกันเบื้องต้น เป็นระบบที่มีมาแต่กำเนิด (innate/natural/nativeimmunity) และระบบภูมิคุ้มกันจำเพาะหรือระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นเองภายหลัง (acquire/adaptive/specific immunity)

พบว่าระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติจะทำงานอยู่แล้วเป็นปกติ แต่ถ้าเหลือบ่ากว่าแรง ระบบภูมิคุ้มกันจำเพาะก็จะเข้ามาร่วมทำงานเสริม ระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติเป็นเหมือนกองทหารในแนวหน้าที่ประจำการถาวร ส่วนระบบภูมิคุ้มกันจำเพาะก็เปรียบเหมือนกองหนุนที่ระดมพลในยามฉุกเฉินเท่านั้น

สารต่าง ๆ ที่เปรียบเสมือนอาวุธของระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติเป็นสารที่ละลายน้ำ ได้แก่ คอมพลีเมนต์ (complement) ไลโซไซม์ (lysozyme) อินเตอร์เฟียรอน (interferon) เป็นต้น สำหรับพวกเซลล์ก็ได้แก่ แมคโครฟาจ นิวโทรฟิล เซลล์เอ็นเค เป็นต้น พบว่าเซลล์เอ็นเคมีบทบาทมากที่สุด



นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ใน "ภูมิคุ้มกัน บอดี้การ์ดส่วนตัว" มีเรื่องของภูมิคุ้มกันที่น่าสนใจอีกมากถึง 90 หัวข้อ ถ้าอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรบ้างนั้น เชิญแวะชมสารบัญและตัวอย่างเนื้อหาในเล่มค่ะ Smiley






 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:05:28 น.
Counter : 2446 Pageviews.  

คู่มือวิทย์ฉบับการ์ตูน เคมีอินทรีย์ : บรรเทาอาการขมวดคิ้ว พักความหมุนติ้วของสมอง


จาก “แคลคูลัสฉบับการ์ตูน” คณิตสไตล์การ์ตูน 4 สี ย่อยง่าย ซึมไว แถมช่วยบรรเทาอาการมึนงงจากแคลคูลัส

มาถึงผลงานลำดับต่อไป ตัวช่วยสำหรับวิชาเคมีอินทรีย์ที่เราภูมิใจเสนอไม่แพ้กัน
ถ้าใครเริ่มเจอ “ไฮโดรคาร์บอน แอลกอฮอล์ อีเทอร์ คีโตน แอลดีไฮด์ กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์ เอมีน สารประกอบอะโรเมติก” ในห้องเรียนเคมี ก็หยิบเล่มนี้ได้เลย !!



คู่มือวิทย์ฉบับการ์ตูน เคมีอินทรีย์
by Katsuhiro Saito
แปลโดย บงกช บางยี่ขัน
หมวดวิทยาศาสตร์ จำนวนหน้า 232 หน้า (พิมพ์ 4 สี ทั้งเล่ม)

เรียนรู้เคมีอินทรีย์ (Organic Chemistry) ไปพร้อม ๆ กับ ฮิเมะ คุณหนูจอมป่วนที่กำลังเตรียมตัวสอบเคมีระดับประเทศ ผ่านการติวแบบเฮฮาของอาจารย์เคมี ผู้ทุ่มสุดตัวกับการติว (แม้สมาธิของนักเรียนดูจะอยู่กับไอศกรีมมากกว่า ) โดยมีโทะมิซะวะ พ่อบ้านของคฤหาสน์ รับบทผู้ช่วยสอนจำเป็น (แต่ก็ร่วมขบวนป่วนไปกับนักเรียนด้วยบ่อย ๆ)

คู่มือวิทย์ 4 สี สไตล์การ์ตูนเล่มนี้ อัดแน่นด้วยความรู้พื้นฐานของวิชาเคมีอินทรีย์แบบครบถ้วน เริ่มกันตั้งแต่ในบทที่ 1 ศึกษาโครงสร้างอะตอมและพันธะเคมี เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องพันธะและโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์

จากนั้นเริ่มเข้าสู่เรื่องของเคมีอินทรีย์กันจริง ๆ จัง ๆ ในบทที่ 2 และ 3 จะพาเราไปรู้จักกับประเภทและคุณสมบัติของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ ได้แก่ ไฮโดรคาร์บอน แอลกอฮอล์ อีเทอร์ คีโตน แอลดีไฮด์ กรดคาร์บอกซิลิก เอมีน และสารประกอบอะโรมาติก ซึ่งแต่ละชนิดต่างก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน

เมื่อรู้จักหน้าตาของสารประกอบอินทรีย์ต่าง ๆ กันแล้ว ต่อไปก็ต้องรู้ว่าสารอินทรีย์เกิดปฏิกิริยาอะไรได้บ้าง ในบทที่ 4 จะอธิบายกลไกของปฏิกิริยาต่าง ๆ ของโมเลกุลอินทรีย์ เช่น ปฏิกิริยาการแทนที่ การกำจัด การเติม การออกซิเดชันรีดักชัน และบทที่ 5 อธิบายปฏิกิริยาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งก็ประกอบด้วยปฏิกิริยาพื้นฐานต่าง ๆ ที่รู้จักกันมาแล้วในบทที่ 4

จากความรู้พื้นฐานของเคมีอินทรีย์ใน 5 บทแรก ไปดูกันต่อค่ะว่าสารอินทรีย์ประยุกต์ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างในชีวิตประจำวันและการพัฒนาเทคโนโลยี  ในบทที่ 6 กล่าวถึงคุณสมบัติที่น่าทึ่งของสารประกอบอินทรีย์ในปัจจุบัน จนพัฒนาไปสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมาย เช่น เซลล์แสงอาทิตย์ จอแสดงผล และไปรู้จักกับพอลิเมอร์หลากหลายชนิดซึ่งมีการใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางในปัจจุบันในบทที่ 7

ยังไม่หมดค่าา... ฮิเมะกับอาจารย์ยังพาเราไปเรียนรู้พื้นฐานของวิชาชีวเคมี คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีนชนิดต่าง ๆ และชีวโมเลกุลในร่างกายเรา เช่น ฮอร์โมน สารสื่อประสาท สารพันธุกรรม ในบทที่ 8 และแถมด้วยการทดลองทางเคมีอินทรีย์ในห้องปฏิบัติการในบทที่ 9 อีกด้วย

เอิ้กก... คนเล่ายังรู้สึกว่าเยอะเลยค่ะ เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มกันจริง ๆ สำหรับ “คู่มือวิทย์ฉบับการ์ตูน เคมีอินทรีย์” เล่มนี้ (มันเยอะมากก...)

เล่าจนคอแห้ง (ที่จริงคงต้องใช้คำว่าเมื่อยมือ) มาพักสายตาด้วยตัวอย่างความเฮฮาของจริงจากในเล่มกันสักนิดนะคะ











เพิ่มพูนความรู้แบบสนุกสนาน ผสมผสานความเฮฮากับตัวอย่างกันพอหอมปากหอมคอแล้ว หวังว่า “คู่มือวิทย์ฉบับการ์ตูน เคมีอินทรีย์” เล่มนี้จะถูกใจหรือได้เป็นเพื่อนคู่ใจคนเรียนวิชาเคมีหลายคนบ้างนะค้าา..





อีกเล่มในสไตล์เดียวกัน



คู่มือวิทย์ฉบับการ์ตูน : อุณหพลศาสตร์เคมี

สองสาวน้อย อิโอะจังและเนะรุจัง จะพาเราไปเรียนรู้อุณหพลศาสตร์เคมี (Chemical thermodynamics) ศึกษาความสัมพันธ์ของความร้อน พลังงาน และปฏิกิริยาเคมี

โดยเริ่มจากรู้จักกับงานและพลังงานหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่พลังงานระดับอะตอม โมเลกุล พันธะเคมี ปฏิกิริยาเคมี และการเปลี่ยนแปลงสถานะ ศึกษาแนวโน้มและทิศทางการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในธรรมชาติตามกฎของอุณหพลศาสตร์ และหาคำตอบว่าทำไมบางปฏิกิริยาเกิดเองได้ แต่บางปฏิกิริยาเกิดเองไม่ได้ ด้วยเอนทัลปี เอนโทรปี และพลังงานอิสระ

=========================================

แวะชมรายละเอียดหนังสือใหม่เล่มอื่น ๆ ของ สำนักพิมพ์ ส.ส.ท. ได้ที่นี่





 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:05:35 น.
Counter : 10613 Pageviews.  

แคลคูลัส ฉบับการ์ตูน : ย่อยง่าย ซึมไว อ่านทีไรก็ไม่เบื่อ

ไหนใครเป็นเด็ก ม.ปลายสายวิทย์-คณิตบ้าง ขอดูมือหน่อย....

หรือใครที่เรียนมหา'ลัยแล้วและต้องเรียนแคลคูลัสเป็นวิชาพื้นฐาน ก็ชูแขนได้ไม่ว่ากันน้า... Smiley

ทีนี้ทุกคนที่ชูมืออยู่คงคุ้นเคยกับวิชา "แคลคูลัส" เป็นอย่างดีใช่มั้ย

(หลายคนคงแอบเอามือลงแทบไม่ทัน Smiley ) 

สำหรับเด็กมหา'ลัยอาจจะคิดว่า "อ๊ย แคลคูลัสน่ะเรื่องหมู ๆ จะให้แก้โจทย์ทั้งดิฟทั้งอินทิเกรตกี่ชั้นล่ะ แค่ท่องสูตรได้ก็แก้สมการได้แล้ว"

เอ้า...ถ้างั้นขอถามหน่อยว่า  "จริง ๆ แล้วอนุพันธ์คืออะไร อินทิเกรตคืออะไร

หรือเอาไว้ใช้ทำอะไรกันแน่ ??"  ...อึ้งกันล่ะสิ ! Smiley

หรือบางคนที่พยายามอ่านหนังสือมาหลายเล่มแล้ว แต่ก็ยังงง ยังสับสนกับศัพท์แสงทางวิชาการทั้งหลายที่เข้าใจยากเหลือเกิน ทั้งลิมิต ฟังก์ชัน อนุพันธ์ และอินทิเกรต ก็แต่ละเรื่องซ่อนนิยาม ความหมาย และสัญลักษณ์มากมายไว้เบื้องหลังให้ต้องมานั่งทำความเข้าใจ

ใครตกอยู่ในสภาวะที่ว่านี้ ก็อย่าเพิ่งทิ้งตัว ทิ้งหัวใจยอมแพ้ซะล่ะ ...เพราะตัวช่วยของคุณมาแล้ว !! Smiley

จัดเต็มมาเอาใจคนที่กำลังจะเรียนแคลคูลัส หรือเรียนไปแล้วไม่ยักเข้าใจโดยเฉพาะ  กับหนังสือเล่มใหม่ "แคลคูลัส ฉบับการ์ตูน"

ทั้งอ่านสนุก เข้าใจง่าย แหวกแนวเดิม ๆ ด้วยการนำเสนอในรูปแบบการ์ตูนประกอบ ซึ่งจะเน้นย้ำและอธิบายเรื่องสำคัญอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้เข้าใจคอนเซปต์ของแต่ละเรื่องก่อนอธิบายเนื้อหาถัดไป ใช้ทั้งมุกตลกพร้อมการ์ตูนขำ ๆ ที่จะทำให้ได้ฮากันพอหอมปากหอมคอ อ่านแล้วไม่เบื่อ แถมภาพประกอบยังช่วยให้จำฝังใจเก็บเอาไปคิดต่อได้อีก

แคลคูลัส ฉบับการ์ตูน

โดย  Taira  Ishiyama, Takehiko  Ogami 

แปลโดย  ดร.อรรณพ  เรืองวิเศษ

จำนวนหน้า  208 หน้า

ดังนั้นใครที่คิดว่าแคลคูลัสเป็นเรื่องยาก หรือคิดว่าไม่ได้เกิดมาจีเนียสด้านคณิตศาสตร์คงไม่มีทางเข้าใจ

"แคลคูลัส ฉบับการ์ตูน" เล่มนี้เกิดมาเพื่อคุณเลย Smiley

เพราะเนื้อหามีแต่เรื่องพื้นฐานของพื้นฐาน เรียกว่าเป็นการปูพื้นให้แน่นปึ้กชนิดตอกเสาเสริมเหล็ก เพื่อรองรับการเรียนในห้องหรือระดับสูงต่อไป เช่น บางคนอาจจะรู้ว่า อนุพันธ์คืออัตราการเปลี่ยนแปลง หรืออนุพันธ์ก็คือการหาความชัน

แล้วสงสัยไหมว่าสองเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไรจึงกลายมาเป็นเรื่องเดียวกันได้ หรือเราจะหาความชันไปเพื่ออะไร รู้แล้วเอาไปใช้อะไรได้บ้าง  พูดง่าย ๆ คือจะเรียนกันไปทำไมนั่นแหละ...

นอกจากนี้บางคนอาจจะรู้ว่า อินทิเกรตคือผลตรงข้ามหรือเป็นการดำเนินการย้อนกลับของอนุพันธ์ และรู้ด้วยว่าอินทิเกรตคือการหาพื้นที่ ว่าแต่... แล้ว "พื้นที่" กับ "ความชัน" ไหงมาเป็นผลตรงข้ามกันได้ ?? Smiley

ยิ่งเรียนก็ยิ่งมึน... คนที่มีอาการเช่นนี้ไม่ต้องลังเลใจ รีบไปหามาอ่าน ณ บัดนาว   

ที่คุยมาตั้งมาก แค่อยากบอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่หาทางออกไม่ได้กับการเรียนแคลคูลัส จะได้ค้นพบความสนุกสนานและน่าสนใจจากเรื่องที่ใคร ๆ ก็ว่ายากจนเกิดอาการขยาดนี้

งั้นลองมาดูตัวอย่างเนื้อหาจริงกันเลยดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าโม้ Smiley

ใครที่อ่านแล้ว ชอบ...ไม่ชอบ...ยังไง เม้นต์กันมาหน่อย

หรืออยากให้มีหนังสือแบบนี้เรื่องอะไรอีก ก็บอกกันได้

เป็นกำลังใจให้ทุกคนสอบผ่านตลอด ๆ ทุกวิชาเลยนะ  Smiley


สนใจอ่านเล่มนี้ คลิ๊กเลย





 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:05:41 น.
Counter : 9414 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

textbook
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




สำนักพิมพ์ ส.ส.ท. สรรค์สร้างสาระสู่สังคม
มุ่งมั่นผลิตตำราวิชาการและหนังสือเทคโนโลยีสาขาต่าง ๆ การบริหารจัดการ ด้านส่งเสริมการศึกษา เพื่อการพัฒนาตนเองและองค์กร สำหรับภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม
Friends' blogs
[Add textbook's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.