สอนหลักคิด แก้โจทย์คณิตตั้งแต่ประถม
สวัสดีปีใหม่ 2557 ทุกท่านนะคะ... ปีใหม่อย่างนี้ ใคร ๆ ก็อยากเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อความสำเร็จก้าวหน้าในชีวิตใช่มั้ยคะ และเพื่อให้เข้ากับเทศกาลแห่งการเริ่มต้น จึงขอถือโอกาสนี้แนะนำหนังสือใหม่ที่น่าสนใจของเรา ซึ่งนำเสนอ วิธีการเรียน-การสอนเลข แบบไม่มุ่งเน้นเพียงผลสัมฤทธิ์ระยะสั้นอย่างเรื่องการสอบแข่งขัน แต่เป็นการค่อย ๆ ปลูกฝัง ทักษะการคิดเชิงตรรกะ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงในระยะยาว ...มาแนะนำให้รู้จักและได้ลองนำไปใช้กันนะคะ... ผู้ปกครองหลายคนคงมีปัญหาหนักใจกับการสอนเลขให้บุตรหลานหรือมีความคาดหวังอย่างมากที่จะให้เด็ก ๆ ของเราเก่งเลข แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่า เด็กที่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่จะฉายแววด้านนี้ออกมาตั้งแต่เล็ก ๆ คือสอนอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ พอเค้าจับหลักได้ บวกกับถ้าขยันทำแบบฝึกหัดหน่อย ก็จะกลายเป็นเด็กเก่งเลขโดยแทบไม่ต้องกระตุ้นหรือส่งเสริมมากนัก ถ้าลูกหลานของเราอยู่ในกลุ่มนี้ก็โชคดีไป แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นเช่นนั้น บางบ้านเคี่ยวเข็ญเท่าไรก็ดูเหมือนเด็กจะไม่รับและไม่ยอมเข้าใจเอาเสียเลย อย่างแรกก็ต้องยอมรับว่า การเรียนเลขเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ หลายคนก็คงไม่ชอบวิชานี้เท่าไร เพราะรู้สึกว่าไม่ถนัดบ้างล่ะ ไม่สนุกบ้างล่ะ แต่ที่เป็นอย่างนี้ อยากบอกว่าเป็นเพราะกระบวนการเรียนรู้เลขคณิตในตอนเริ่มต้นของเราไม่ได้ถูกสอนให้เข้าใจอย่างเป็นขั้นตอนที่เหมาะสม เรื่องของจำนวน ตัวเลข และการคำนวณต่าง ๆ สำหรับเด็กที่เกิดมาซึ่งไม่เคยรู้จักเรื่องพวกนี้มาก่อนย่อมเกิดความสับสน และรู้สึกว่ามีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจ ถ้าลองจินตนาการตามก็จะเข้าใจได้ไม่ยากว่าการเรียนวิชาอื่น ๆ เช่น ภาษาไทย สังคม และภาษาอังกฤษนั้น เด็กสามารถใช้ทักษะที่พวกเขาใช้อยู่ในชีวิตจริงมาเรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้ได้ คือสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาที่เรียนรู้กับชีวิตประจำวันได้ จึงทำความเข้าใจบทเรียนได้ไม่ยาก แต่สำหรับวิชาเลข ซึ่งมีทั้งตัวแปร สัญลักษณ์ เครื่องหมาย และการคำนวณต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดขึ้น ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า ถ้าเด็กไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้ากับประสบการณ์ที่พวกเขาเคยสัมผัสได้ ก็ไม่อาจเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้เลย (สำหรับเด็กบางคนที่อาจใช้วิธีท่องจำ และพอจะทำให้เอาตัวรอดและสอบผ่านไปได้...แต่สุดท้ายแล้วเด็กกลุ่มนี้จะมีปัญหาตอนที่เรียนขั้นสูงเพราะขาดความเข้าใจที่แท้จริง ทั้งยังไม่สามารถนำทักษะทางคณิตศาสตร์ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริงได้อีกด้วย เหมือนที่เคยได้ยินใครหลายคนมักบ่นว่า...ไม่รู้จะให้เรียนเรื่องพวกนี้ไปทำไม ไม่เห็นจะเอาไปใช้อะไรได้เลย ?!!? ) ดังนั้น การเริ่มต้นสอนเลขและปลูกฝังทักษะด้านนี้นับเป็นเรื่องสำคัญ แต่บอกอย่างนี้ก็อาจจะนึกไม่ออกว่าต้องสอนอย่างไร หรือแบบไหนถึงจะเรียกว่าการสอนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนที่ถูกวิธี ยกตัวอย่างเช่น การสอนเรื่องจำนวนและหน่วย เราต้องทำให้เด็กคุ้นเคยตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก อย่างการเล่นขายของ หรือการบวก-ลบจำนวนสิ่งของใกล้ตัว ก็จะช่วยในเรื่องพวกนี้ได้ดี ทั้งยังสามารถสอนการคำนวณง่าย ๆ โดยยังไม่ต้องสอนประโยคสัญลักษณ์และเครื่องหมาย แต่ที่สำคัญคือ ต้องสอนโดยสร้างเรื่องราวที่เขาสามารถเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันได้ด้วยการหมั่นตั้งคำถาม พูดคุยให้เด็กได้ลองคิดจะช่วยฝึกฝนให้เด็กมีเซนส์ทางเลขคณิตที่ดี และเมื่อโตขึ้นจนสอนเรื่องเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ได้แล้ว ทีนี้เด็กก็จะเชื่อมโยงเครื่องหมาย/สัญลักษณ์เหล่านี้เข้ากับสิ่งที่ตัวเองเคยเล่นหรือเคยสัมผัสมาได้ แต่ความหมายของเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ก็ควรสอนให้เข้าใจอย่างถูกต้องและครบถ้วนตั้งแต่แรก อย่างเช่น เครื่องหมาย + อาจจะเข้าใจว่าก็แค่หมายถึง การรวมเข้าด้วยกัน แต่ความจริงทางคณิตศาสตร์ยังหมายรวมถึง 1. การเพิ่มขึ้นของลำดับตัวเลข 2. การนำจำนวนที่มีหน่วยเดียวกันเพิ่มเข้าไป 3. การนำจำนวนที่มีหน่วยเดียวกันรวมเข้าด้วยกัน (กรณีที่กล่าวไปแล้วข้างต้น) 4. ผลรวมของอัตราส่วน (การบวกกันของจำนวนที่ไม่มีหน่วย) 5. แสดงตำแหน่งที่มากกว่า 0 อ่านทีแรกอาจจะงง ๆ เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องเดียวกัน จะแยกออกเป็นหลายข้อให้มากความทำไม ... ที่รู้สึกอย่างนี้เป็นเพราะเราเข้าใจเรื่องพวกนี้ในภาพรวมอยู่แล้ว แต่นี่เป็นการแยกย่อยลงไปถึงความแตกต่างของกระบวนการคิด อย่างเช่น ข้อแรก การเพิ่มขึ้นของลำดับตัวเลข การหาคำตอบอาจได้จาก การนับเลขไปทีละตัว หรือ จากการบวกเลข (ใช้ระบบการคำนวณ) สำหรับเด็กที่เอาแต่ใช้วิธีนับเลขจะมีปัญหาในการคำนวณเมื่อโตขึ้น แต่บางทีเราไม่รู้ เพราะตอนสอน เด็กก็ตอบได้ถูกต้อง (เรื่องนี้สำคัญ และต้องสอนให้เข้าใจตั้งแต่ในวัยที่พอจะเข้าใจได้แล้ว) ส่วนข้อ 2 กับข้อ 3 จะทำให้เด็กเห็นความสำคัญของหน่วย คิดว่าคงเคยเห็นเด็กที่ไม่เข้าใจ แล้วเวลาเจอโจทย์ก็ได้แต่จับตัวเลขมาคำนวณโดยไม่รู้ที่มาที่ไป พอถามเข้าก็อธิบายไม่ได้ ?!?
หรือถ้าซักหนัก ๆ เข้าก็พาลอารมณ์เสียกันทั้งคนเรียนและคนสอน ส่วนข้อ 4 จะเกี่ยวข้องกับสัดส่วนและการเปรียบเทียบ และข้อ 5 เกี่ยวกับระบบจำนวนและกราฟ การสอนให้ครบถ้วนเมื่อเริ่มต้นเรียนรู้จะทำให้เด็กไม่สับสน เมื่อต้องเรียนรู้ในขั้นต่อไป บางเรื่องอาจจะยังเข้าใจได้ไม่หมด แต่อย่างน้อยก็จะรู้ว่ามีกรณีอย่างนี้ที่ต้องเจอเมื่อเรียนขั้นต่อไป นอกจากนี้ การสอนเรื่องอัตราส่วนและสัดส่วน ไม่ว่าตำราไหนก็มักจะสอนนิยามคร่าว ๆ ของคำว่า อัตราส่วน สัดส่วน จากนั้นก็สอนให้แก้สมการหรือแทนค่าเพื่อหาคำตอบเลย อย่างการแก้โจทย์ข้อนี้... ถ้าผ้ายาว 5 เมตร ราคา 1,200 เยน แล้วผ้ายาว 8 เมตร จะมีราคาเท่าไร ? โดยมากก็จะสอนให้เขียนออกมาในรูปอัตราส่วนหรือเศษส่วน แล้วหาคำตอบโดยการคูณไขว้และแก้สมการออกมา นั่นคือ ถ้าสมมุติให้ตัวแปรที่ต้องการหาเป็น x ก็จะเขียนเป็นสมการหรือสูตรอัตราส่วนได้เป็น 5 : 8 = 1,200 : x
วิธีนี้สอนง่าย ได้คำตอบเร็วและถูกต้อง ...แต่นี่เป็นการคำนวณ ไม่ใช่กระบวนการคิด !!... เรื่องของอัตราส่วนนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ หากไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องนี้ เด็ก ๆ ก็จะไม่เข้าใจเรื่องของฟังก์ชันเชิงเส้น และเป็นการสะดุดตั้งแต่ก้าวแรกของการเรียนคณิตศาสตร์ บางครั้งอาจทำให้เด็กบางคนถึงกับเกลียดวิชาคณิตศาสตร์ไปเลย และที่แย่ไปกว่านั้นคือ บางคนคิดว่าที่ตัวเองทำไม่ได้เป็นเพราะตัวเองไม่เก่ง ไร้ความสามารถ แล้วก็กลายเป็นคนท้อแท้หมดกำลังใจ ทั้งที่ความจริงหากวิเคราะห์ให้ลึกลงไปแล้ว เป็นเพราะเราไม่ได้สอนให้เด็กเข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริงมากกว่า สำหรับข้อนี้ ถ้าเราใช้เวลาเพิ่มอีกนิดเดียว ในตอนเริ่มต้นก็ค่อย ๆ อธิบายเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการคำนวณในลักษณะนี้จะดีกว่า
นั่นคือ แสดงให้เห็นการคำนวณเปรียบเทียบจริง ๆ ว่า ราคาต่อ 1 เมตรเป็นเท่าไร แล้วราคาสำหรับ 8 เมตรเป็นเท่าไร อีกทั้งไม่ละเลยที่จะแสดงให้เห็นด้วยว่า หน่วย (m) ถูกตัดทิ้งไปในขั้นตอนไหน ทำไมจึงได้คำตอบเป็นหน่วยเยนออกมา ...เรื่องนี้ก็สำคัญ เด็กบางคนสามารถเข้าใจได้ แต่เด็กบางคนก็ไม่เคยเข้าใจเลย ...รู้เพียงแต่ว่า ถ้าโจทย์ถามหาอะไร คำตอบก็ต้องเป็นหน่วยนั้น (?? เห็นแล้วใช่มั้ยว่าเราสอนตรรกะแบบไหนให้เด็กของเราตั้งแต่เริ่มต้น!!) นี่แค่เรื่องพื้นฐานยังไม่เข้าสู่ขั้นตอนการแก้โจทย์ที่ซับซ้อน ยังมีรายละเอียดที่ควรใส่ใจมากขนาดนี้... ถ้าใครสนใจแนวทางการเรียนการสอนเลขแบบมุ่งเน้นพัฒนาความคิดเชิงตรรกะ และฝึกฝนทักษะการแก้โจทย์ปัญหาอย่างเป็นกระบวนการ ก็ขอแนะนำให้ลองไปหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือเล่มนี้ หรือสามารถแวะชมตัวอย่างหนังสือได้ที่นี่ เขียนโดย Yasunari Tanaka / แปลโดย ดร.บัณฑิต โรจน์อารยานนท์ หนา 224 หน้า / ราคา 200 บาท ในเล่มจะอธิบายถึงทักษะที่จำเป็นในการแก้โจทย์ ซึ่งเป็นทักษะเดียวกับที่นำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริงเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงแนะนำวิธีฝึกฝนเพื่อส่งเสริมทักษะในแต่ละด้าน แล้วยังมีโจทย์ให้ได้ลองท้าทายโดยใช้ทักษะต่าง ๆ ที่กล่าวถึงอีกด้วย หวังว่าข้อมูลบางส่วนที่นำมาเล่านี้ คงพอจะทำให้ผู้ปกครองทั้งหลายได้ตระหนักถึงความสำคัญและมองเห็นแนวทางในการสอนเลขแบบไม่เร่งรัดและยัดเยียด ที่รังแต่จะสร้างผลเสียให้แก่ลูกหลานของเราในอนาคตนะคะ
ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจหนังสือคณิคศาสตร์-วิทยาศาสตร์ของสำนักพิมพ์ ส.ส.ท. กันได้ที่นี่นะคะ //www.facebook.com/mathtpa
Create Date : 03 มกราคม 2557 | | |
Last Update : 10 กันยายน 2557 9:05:13 น. |
Counter : 3144 Pageviews. |
| |
|
|
|