Group Blog
 
All blogs
 
ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอน คุณค่าของความตั้งใจ

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++



ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอนพิเศษ คุณค่าของความตั้งใจ

ในเช้าวันศุกร์ของสัปดาห์หนึ่ง ในที่สุดบริษัทของณรงค์ก็เข้าสู่ช่วงปลายปีที่งานเริ่มงวดเข้ามาสำหรับหลายๆ แผนก ขณะที่บางคนก็วางแผนจะขอลาพักร้อนก่อนจะหมดสิทธิ์ ทำให้หลายคนต่างรีบเร่งทำงานที่คั่งค้างเพื่อจะได้ไปเที่ยวอย่างสบายใจ

ณรงค์หยิบแฟ้มสำหรับพรีเซนต์งานขึ้นมาหนีบไว้ใต้แขนหลังวางสายจากลูกค้า จากนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องของไรอันแล้วเคาะกรอบประตูที่เปิดอ้าอยู่เบาๆ ส่วนเลขาของไรอันก็ขยิบตาให้เขาแล้วถือโอกาสลุกไปที่อื่นอย่างรู้กาลเทศะ

จริงๆ แล้วณรงค์กับไรอันไม่เคยปริปากเรื่องที่คบกันกับคนในบริษัท แต่หลังจากทริปภูเก็ตเป็นต้นมา หลายคนเริ่มสังเกตเห็นว่าหนึ่งในผู้บริหารซึ่งเป็นลูกครึ่งกับซีเนียร์ดีไซเนอร์มือดีของบริษัทมีการพูดคุยและแสดงความคุ้นเคยกันในที่ทำงานจนผิดสังเกตจากเมื่อก่อน ดังนั้นจึงพอจะอนุมานกันได้เองโดยไม่ต้องถาม

“เดี๋ยวผมจะออกไปเจอลูกค้านะ วันนี้นัดรวดเดียวสองรายเลยยังไม่รู้ว่าจะกลับมาออฟฟิศหรือเปล่า ไว้เดี๋ยวผมจะโทรบอกอีกที”

“OK. See you.”

ไรอันตอบโดยไม่ละสายตาขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ คิ้วเข้มเหนือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนขมวดมุ่นขณะที่นิ้วชี้ข้างที่วางอยู่บนเมาส์ก็คลิกถี่อย่างขัดใจ ณรงค์เห็นดังนั้นก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงกำลังเจอปัญหากับงาน จึงเพียงยิ้มอ่อนๆ แล้วเดินออกมา เพราะทั้งคู่ตกลงกันแล้วว่าในระหว่างที่อยู่ออฟฟิศจะไม่ก้าวก่ายเรื่องงานกันเด็ดขาด

เวลาผ่านไปไม่นานก็ถึงช่วงพักกลางวัน ไรอันที่ทำงานติดพันจึงให้แม่บ้านไปซื้อกับข้าวและเอาใส่ถาดไปให้ในห้องทำงาน เพราะแค่มองออกไปจากหน้าต่างว่าด้านนอกแดดแรงแค่ไหนเขาก็ไม่อยากออกจากตึกแล้ว

ผู้บริหารหนุ่มนั่งกินข้าวมันไก่ในห้องประจำตำแหน่งที่เปิดโคมไฟบนโต๊ะเพื่อให้ความสว่าง เนื่องจากตอนเที่ยงนั้นทางบริษัทจะดับไฟเพื่อประหยัดพลังงานและบังคับเวลาพักกลางวันไปในตัว แต่เพราะความที่ไม่ค่อยหิวจึงทำให้กินได้เพียงครึ่งจานก็อิ่ม พอจะหันไปหยิบกระบอกใส่น้ำบนโต๊ะขึ้นมาเทใส่แก้วก็พบว่าไม่มีน้ำเหลือสักหยด เขาจึงตัดสินใจยกถาดกลับไปที่ครัวเองเพื่อจะได้เติมน้ำดื่มไปด้วย

ทางเดินจากในตัวออฟฟิศไปสู่ห้องครัวค่อนข้างสลัวเพราะไฟที่ปิดไว้ บวกกับผนังด้านนี้เป็นผนังทึบ กระนั้นไรอันก็พบว่ามีแสงไฟลอดออกมาจากช่องประตูห้องครัวที่ปิดไม่สนิท พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ

“นี่...อ๋องคิดว่าพี่รงค์จีบคุณไรอันติดได้ไงอะ?”

ไรอันแทบสะดุดฝีเท้าเมื่อได้ยินคำถาม หนึ่งเพราะจำได้ว่าเสียงคนถามคือยุพดีซึ่งเป็นรุ่นน้องในทีมของณรงค์ สองก็เพราะชื่อของเขากับณรงค์ถูกรวมอยู่ในคำถามด้วย

“เฮ่ย!! แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า ไม่เคยไปแอบดูตอนเขาจีบกันนี่!”

เสียงของอิสรามีกังวานกึ่งเอ็ดกึ่งระอา ไรอันจึงลองมองเข้าไปในครัวผ่านช่องประตูที่แง้มอยู่ และพบว่าทั้งสองกำลังนั่งทานข้าวกันที่โต๊ะโดยอิสราหันหลังให้ประตู ส่วนยุพดีนั่งหันข้าง และดูเหมือนจะต่างไม่รู้ตัวกันเลยว่ามีคนกำลังยืนแอบฟัง

ยุพดีทำปากยื่นและขมวดคิ้ว “อ้าว ก็นึกว่าพี่รงค์คงเล่าอะไรให้อ๋องฟังมั่งเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันนี่นา แต่ผึ้งว่าดูจากบุคลิกแล้วพี่ชายเราคงตามใจคุณไรอันอยู่ฝ่ายเดียวแน่เลยเนอะ? โอ๊ยนี่! อีตาอ๋อง!! มันเจ็บนะ!!!”

หญิงสาวร้องพลางยกมือขึ้นลูบจมูกเพราะโดนเพื่อนหนุ่มใช้นิ้วดีดแม้จะไม่แรงนัก ไรอันไม่เห็นว่าอิสราทำสีหน้าแบบไหนเพราะหันหลังให้ประตู แต่ก็อดนึกขอบคุณไม่ได้ เพราะถ้าเขาเป็นคนที่โดนถามก็คงทำอย่างเดียวกัน

“เธอนี่ชักจะเลื่อนเปื้อนใหญ่แล้ว ถ้าอยากรู้นักก็ไม่ลองสะกดรอยตามไปดูเวลาเขาอยู่ด้วยกันเลยล่ะ?”

พอโดนตอกกลับเช่นนั้น คนอยากรู้ก็ยอมสงบปากคำลงได้แม้จะยังทำหน้ายู่เพราะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ไรอันถือโอกาสที่บทสนทนาขาดช่วงสูดหายใจลึกก่อนจะดันประตูเลื่อนเปิดแรงๆ จนคนในห้องสะดุ้ง ยุพดีนั้นพอหันมาเห็นเขาก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีทีเดียว

“ว้าย! อ่า...คุณไรอัน ง่า....จะมาทานข้าวเหรอคะ?”

หญิงสาวยิ้มแห้งๆ พลางลุกขึ้นถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก ขณะที่อิสราได้แต่ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองกับความเปิ่นเป๋อของเพื่อน ไรอันจึงตัดสินใจแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องที่ทั้งคู่เพิ่งคุยกันเสีย

“No. I already finished.”

เขาไม่ค่อยชอบพูดภาษาไทยกับคนไม่สนิท อีกอย่างก็เพราะมันช่วยป้องกันการสร้างความสนิทสนมแล้วชวนคุยชวนถามเรื่องส่วนตัวได้ดี ผู้บริหารหนุ่มเดินถือถาดเข้าไปวางในอ่างล้างจานก่อนจะหันไปกดน้ำจากคูลเลอร์ใส่กระบอกที่ถือติดมา ยุพดีกับอิสราจึงรีบขอตัวอย่างว่องไว

“ถ้างั้นตามสบายนะครับ / นะคะ”

หางเสียงของทั้งคู่ติดจะร้อนรนอย่างปิดไม่มิด ไรอันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นยุพดีกับอิสรารีบหนีออกจากห้องครัวและเลื่อนประตูปิดตามแทบไม่ทัน ชายหนุ่มยกกระบอกที่รองน้ำจนเกือบเต็มขึ้นดื่มพลางทอดสายตามองทิวทัศน์ซึ่งถูกอาบด้วยแดดจัดจ้านอกหน้าต่าง จากนั้นเรียวคิ้วดกหนาก็ค่อยมุ่นเข้าหากัน

ท่าทางเขาคงดูเป็นคนเอาแต่ใจมากกระทั่งกับคนที่ไม่สนิทกันเลยสินะ...


++------++



บ่ายวันนั้นณรงค์ไม่ได้กลับเข้าออฟฟิศ ชายหนุ่มจึงโทรนัดไรอันให้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่ห้อง เนื่องจากตอนเย็นนั้นทั้งคู่จะสลับกันไปทานข้าวที่คอนโดของแต่ละฝ่ายในวันที่เลิกงานไล่เลี่ยกันอยู่แล้ว ส่วนจะมีการค้างอ้างแรมตามมาหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ส่วนใหญ่ถ้าไรอันเป็นฝ่ายมาที่ห้องของณรงค์ เขาจะเลือกขับรถกลับไปนอนคอนโดของตัวเองมากกว่า

“ตกลงผมไม่ต้องซื้ออะไรเข้าไปนะ? ....ก็ได้ ถ้างั้นขอเคลียร์อีเมล์อีกนิดแล้วจะออกไป See you.”

ไรอันวางสายก่อนจะเปิดอีเมล์อ่านและตอบในส่วนที่ต้องรับผิดชอบจนหมด เขาไม่ชอบทิ้งงานให้ค้างคาไปถึงวันรุ่งขึ้นโดยไม่จำเป็น เพราะการต้องรับตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารก็ทำให้มีเรื่องต้องคิดต้องเครียดมากกว่าพนักงานธรรมดาอยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงหลังมานี้เขายอมอะลุ้มอล่วยกับตัวเองบ้างหลังจากกลับมาคบกับณรงค์ เพราะการใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นก็เป็นเสมือนการชดเชยช่วงเวลาที่เคยเสียไประหว่างที่เลิกกันด้วย

ถึงแม้ว่าณรงค์จะบอกเขาว่าไม่ต้องแวะซื้อของเพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่การจราจรอันติดขัดก็ไม่ได้ทำให้ไรอันไปถึงคอนโดที่อยู่ชานเมืองของอีกฝ่ายเร็วขึ้น เพราะขนาดเลี่ยงขึ้นทางด่วนแล้วก็ยังเจอรถราที่ติดกันยาวหลายกิโลเมตร อามณ์ที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วจึงยิ่งติดลบเข้าไปอีกกว่าเขาจะมาถึงที่หมาย

“ว่าไง ทำไมหน้ามุ่ยจัง?”

เจ้าของห้องถามยิ้มๆ หลังจากเห็นสีหน้าของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง ไรอันปิดประตูตามหลังพลางถามณรงค์ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง “บอกผมอีกทีซิว่าทำไมคุณถึงได้เลือกมาอยู่คอนโดไกลศูนย์กลางเมืองขนาดนี้? ไม่รำคาญเวลาต้องขับรถกลับมาบ้างหรือไง?”

คนถูกถามหัวเราะหลังรู้สาเหตุที่หนุ่มลูกครึ่งอารมณ์เสีย “เอ ผมว่าผมก็เคยบอกไปแล้วนะว่าชอบบรรยากาศชานเมืองเพราะมันไม่แออัดดี ถ้าจะติดที่ไม่สะดวกก็มีแค่เรื่องระยะทางนั่นแหละ เอาน่า คิดซะว่าคุณจะได้เปลี่ยนบรรยากาศจากที่เห็นแต่ตึกสูงๆ แถวคอนโดคุณไง”

ณรงค์ตอบพลางเดินกลับเข้าไปในครัว ไรอันจึงได้แต่แยกเขี้ยวตามหลังพลางถอดเน็คไทออกพาดบนโซฟาและม้วนแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น เมื่อตามอีกฝ่ายเข้าไปในครัวก็พบว่าอาหารมื้อเย็นถูกจัดใส่จานไว้หมดแล้ว

“จะกินกันในนี้เลยหรือออกไปนั่งดูทีวีตรงโซฟาดี?”

ณรงค์ถามพลางเปิดตู้ด้านบนเพื่อหยิบจานชามกับช้อนส้อมออกมา ไรอันเหลือบมองบนโต๊ะและเห็นว่าอาหารเย็นประกอบไปด้วยผัดเปรี้ยวหวาน แกงจืดหมูสับใบตำลึงและผัดพริกแกงไก่ จากนั้นก็ปรายตากลับไปมองอีกฝ่ายเพราะสองในสามอย่างนั้นเป็นอาหารที่เขาเคยบอกว่าชอบตอนไปเที่ยวบ้านที่กาญจนบุรี

“อาจไม่อร่อยเท่าที่น้าหนิงทำนะ แต่อย่างน้อยผมก็เคยช่วยเป็นลูกมือตอนเด็กๆ เลยพอจะจำรสมือได้ ถ้าหากจืดหรือเค็มไปก็บอกก็แล้วกัน”

ณรงค์หันกลับมาบอกเมื่อเห็นแววตาของไรอัน หนุ่มลูกครึ่งเม้มปากนิดหนึ่งด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำได้ อารมณ์ที่ขุ่นมัวเพราะการเดินทางเมื่อครู่ค่อยลดเลือนลงไปบ้าง ทว่าใบหน้าหล่อเหลายังคงไม่ยิ้ม

“กินที่ห้องนี้เลยก็ได้ ผมไม่ชอบกินไปดูทีวีไป อีกอย่างเปิดทีวีตอนนี้ก็คงมีแต่ข่าว ผมนั่งฟังข่าวมาในรถจนเอียนจะแย่แล้ว”

ไรอันตอบพลางเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำกับน้ำแข็งออกมา เรื่องที่ช่วงหลังนี้เขาพูดภาษาไทยกับณรงค์มากขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งการแสดงออกถึงความสนิทสนมที่มากขึ้นเหมือนกัน ถึงแม้ณรงค์จะไม่เคยเอ่ยขอเลยก็ตาม และเขาก็ไม่เคยบอกด้วยว่านอกจากแม่กับยายแล้ว เขาก็แทบจะไม่พูดภาษาไทยกับใครตอนอยู่ที่เมลเบิร์นเลยด้วยซ้ำ

เจ้าของห้องหัวเราะแต่ไม่ได้คัดค้าน หลังจากจัดจานชามกับน้ำดื่มแล้วทั้งสองก็นั่งลงทานมื้อเย็นด้วยกัน ไรอันลองตักผัดพริกแกงไก่มากินได้คำหนึ่งแล้วก็ต้องรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ณรงค์เห็นเลยเลิกคิ้ว

“ขอโทษ ผัดพริกแกงเผ็ดไปเหรอ? คราวหลังผมจะได้ทำให้เผ็ดน้อยลงกว่านี้”

ไรอันส่ายหน้าพลางวางแก้วน้ำลง ความรู้สึกชานิดๆ ยังคงติดอยู่บนปลายลิ้น “ไม่ต้องหรอก ผมรู้ว่าคุณชอบกินเผ็ด ถ้าคุณอยากกินอะไรรสแบบไหนก็ทำอย่างที่ชอบนั่นแหละ อย่างน้อยมีของจืดๆ พอให้ผมกินได้ก็โอเคแล้ว”

หนุ่มลูกครึ่งตอบพลางตักข้าวทานต่อ แต่แล้วก็เหลือบตาขึ้นเมื่อเห็นณรงค์ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางแล้วมองเขายิ้มๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างขวางๆ “What?”

“…เปล่า ไม่มีอะไร”

ณรงค์ตอบพลางจัดการอาหารตรงหน้าต่อ ทว่ารอยยิ้มและนัยน์ตาเป็นประกายเมื่อครู่ทำให้ไรอันรู้สึกแปลกๆ เพราะว่ามันทั้งให้ความรู้สึกอบอุ่น ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรแกว่งในใจจนจั๊กจี้

และตลอดชีวิตยี่สิบหกปี ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้เลยสักคน...

หลังจากทั้งคู่ทานมื้อเย็นจนหมดเกลี้ยง ไรอันก็ช่วยหยิบจานชามไปวางในอ่างล้าง ห้องครัวของณรงค์ไม่มีเครื่องล้างจานเหมือนที่ห้องของเขาแถมยังขนาดเล็กกว่า แต่โดยรวมแล้วก็นับว่าสะอาดใช้ได้สำหรับห้องที่มีผู้ชายอยู่คนเดียวและไม่ได้จ้างแม่บ้านให้คอยดูแล

“เย็นนี้คุณจะกลับห้องหรือเปล่า?”

ณรงค์ถามขณะรับจานที่ไรอันล้างสะอาดแล้วมาวางเรียงในตะแกรงข้างอ่าง หนุ่มลูกครึ่งเหลือบมองคนถามแวบหนึ่งโดยไม่หันหน้าไปหา ก่อนจะส่งจานที่ล้างสะอาดแล้วให้อีกใบ

“ยังไม่รู้เหมือนกัน คุณอยากให้ค้างไหมล่ะ?”

ไรอันแกล้งถามรวนไปอย่างนั้น เพราะความจริงแล้ววันนี้เขาค่อนข้างเพลียจากงานที่ทำเอาเครียดมาตลอดทั้งวัน แล้วไม่นับความเหน็ดเหนื่อยจากการจราจรหลังเลิกงานที่กินเวลากว่าชั่วโมงครึ่งอีก ดังนั้นต่อให้อีกฝ่ายไม่ถามเขาก็ตั้งใจจะค้างอยู่แล้ว อีกอย่างเขาก็เคยทิ้งเสื้อผ้าลำลองไว้ที่นี่สองสามชุดจากการมาค้างครั้งก่อนๆ อยู่แล้วด้วย

“ถ้างั้นค้างนะ”

ณรงค์เอ่ยพลางขยับเข้ามาและฉวยกระทะที่ไรอันกำลังขัดไปถือไว้เอง จากนั้นก็พยักเพยิดหน้าไปทางห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องนอน

“คุณไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ตรงนี้เดี๋ยวผมล้างต่อเอง จะได้ออกมานั่งดูทีวีด้วยกัน”

ไรอันเหลือบตามองกระทะและอุปกรณ์ทำครัวที่เหลืออยู่ในอ่างอีกไม่กี่ชิ้น ก่อนจะคิดว่าก็ดีเหมือนกันเพราะเขาก็ชักจะเพลียๆ แล้ว จึงพยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องนอน ทำให้ไม่ทันได้เห็นว่าณรงค์มองตามหลังเขายิ้มๆ ด้วยนัยน์ตาเป็นประกายระยับ

ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าชุดทำงานโยนลงตะกร้าแล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ เขาตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อน้ำเย็นจากฝักบัวหลั่งลงกระทบร่างกายเนื่องจากเครื่องทำน้ำร้อนยังไม่ทำงาน ก่อนจะค่อยถอนหายใจอย่างสบายตัวขึ้นเมื่อสายน้ำค่อยๆ อุ่นขึ้นจนได้ที่หลังจากผ่านไปสักครู่

ไรอันหันไปปั๊มแชมพูจากขวดที่วางอยู่บนตะแกรงใกล้ฝักบัวขึ้นมาขยี้ผมก่อนจะล้างออก ขณะที่กำลังจะหันไปปั๊มขวดสบู่เพื่อฟอกตัวหลังล้างผมเสร็จแล้ว ร่างสูงสมส่วนก็สะดุ้งเมื่อประตูกระจกฝ้าในส่วนของห้องอาบน้ำถูกเลื่อนเปิดออกอย่างกะทันหัน ก่อนที่เรือนร่างเปลือยเปล่าของเจ้าของห้องจะก้าวตามเข้ามาและเลื่อนประตูปิดยิ้มๆ

“ไหนๆ ก็เปิดน้ำแล้ว งั้นอาบพร้อมกันไปเลยก็แล้วกันนะ?”

ณรงค์เดินเข้ามายืนซ้อนหลังคนที่ยืนอยู่ก่อน จากนั้นก็โอบแขนสองข้างรอบเอวสอบแล้วก้มลงจูบเบาๆ บนซอกคอที่ฉ่ำเพราะน้ำจากฝักบัวที่ยังหลั่งลงมา ก่อนจะกระซิบเสียงนุ่มอีกประโยค

“วันนี้คิดถึงคุณทั้งวันเลย”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เอ่ยก่อนจะไล้ริมฝีปากขึ้นไปบนแก้มและขมับของไรอัน ขณะเดียวกันก็ลูบฝ่ามือข้างหนึ่งบนหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยไปมา สัมผัสนั้นชวนหวามจนทำให้คนในอ้อมแขนแขม่วท้องโดยอัตโนมัติ

I should have known when he asked me to stay over tonight…

ไรอันหัวเราะเบาๆ ออกมาในที่สุดพลางหดคอด้วยความจั๊กจี้เมื่อถูกขบใบหูเบาๆ ณรงค์จับตัวเขาให้หันไปหาก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาอย่างหยอกเย้า ขนาดของห้องอาบน้ำที่ไม่ได้กว้างขวางนักทำให้ไรอันทำอะไรไม่ได้มากนอกจากยกสองแขนขึ้นคล้องคอณรงค์เอาไว้

“อารมณ์ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

ณรงค์ถามหลังจากถอนริมฝีปากออก ไรอันจึงยิ้มอ่อนๆ พลางพยักหน้าเบาๆ ถึงแม้จะหมั่นไส้ แต่เขาก็คงทนกระฟัดกระเฟียดต่อไม่ได้ยามที่ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันขนาดนี้ “...I guess so.”

“ถ้างั้นผมถูสบู่ต่อให้นะ”

คนตัวสูงกว่าหันไปปั๊มสบู่จากขวดก่อนจะชโลมไปทั่วผิวกายที่เนียนลื่นแต่มีกล้ามเนื้อกำลังดี ไรอันหันหลังเมื่อณรงค์ดันไหล่เขาเพื่อจะได้ถูสบู่ด้านหลังให้ หนุ่มลูกครึ่งระบายลมหายใจยาวและหลับตาลงเมื่อฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปมาด้วยแรงพอที่จะทำให้ร่างกายของเขาคลายความเครียดเขม็งลงได้เป็นอย่างดี

หากจะมีอะไรที่ทำให้เขาพึงใจณรงค์นอกจากความพยายามในการตามง้อเขาจนถึงที่สุดทั้งที่เคยโดนแสดงความเย็นชาใส่ ก็เห็นจะเป็นความช่างดูแลและรู้ว่าจะสลายอารมณ์ที่ขุ่นมัวของเขาอย่างไรโดยไม่ต้องทำให้รู้สึกว่ากำลังพยายามมากจนน่ารำคาญกระมัง...

ไรอันลืมตาขึ้นพลางหันไปปั๊มสบู่ใส่ฝ่ามือแล้วหันกลับมาไล้ฟองครีมไปตามลาดไหล่ของณรงค์บ้าง ทั้งสองสบตากันยิ้มๆ ก่อนที่ณรงค์จะปล่อยให้ไรอันฟอกสบู่ให้ด้วยความยินดี พลันหนุ่มลูกครึ่งก็เลิกคิ้วข้างหนึ่งเมื่อลูบมือต่ำลงบนหน้าท้องแกร่งและพบอะไรบางอย่างที่กำลังตื่นตัวผิดปกติอยู่บนหน้าขาของอีกฝ่าย

“ขอโทษที ก็บอกแล้วนี่นาว่าผมคิดถึงคุณ”

ถึงปากจะบอกขอโทษ ทว่านัยน์ตาและรอยยิ้มของณรงค์กลับไม่สะท้อนสิ่งเดียวกับที่ปากพูดสักนิด ไรอันแกล้งทำหน้าระอาใจนิดหนึ่งขณะลูบฟองครีมออกจากแผ่นอกให้ และทำให้ณรงค์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเขาค่อยๆ คุกเข่าลงบนพื้นห้องน้ำ

“รัก...คุณจะทำ...อุ๊บ!”

ณรงค์สะดุ้งและรีบยันแขนสองข้างบนผนังด้านหน้าเพื่อกันไม่ให้ลื่นล้ม ไรอันจึงค่อยผละริมปากที่เพิ่งจุมพิตลงบนแก่นเนื้ออุ่นโดยไม่ปล่อยนิ้วมือที่โอบกุมรอบความรุ่มร้อนนั้น

“Or should I stop?”

ไรอันเงยหน้าขึ้นถามยิ้มๆ เหมือนจะถอนตัว แต่กลับแกล้งณรงค์ด้วยการใช้วงนิ้วรูดรั้งสิ่งที่อยู่ในมือเบาๆ เพื่อเร้าอารมณ์อีกฝ่ายจนคนถูกแกล้งหอบหายใจหนักหน่วง นัยน์ตาสีดำสนิทที่ก้มลงมองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคล้ายมีละอองไอของความปรารถนาจับจนขุ่นมัว

“...ไม่หรอก ทำต่อสิ”

ณรงค์เลื่อนมือหนึ่งลงจากผนังแล้วแทรกปลายนิ้วเข้าในกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน แรงนวดคลึงจากปลายนิ้วแข็งแรงบนท้ายทอยรวมทั้งสายตาที่จ้องมาทำให้ไหล่ของหนุ่มลูกครึ่งสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อมือข้างนั้นออกแรงดันเบาๆ ให้เขาเลื่อนศีรษะเข้าหา ไรอันก็ลังเลเพียงครู่เดียวก่อนจะค่อยๆ แลบลิ้นออกตวัดไล้ความแข็งแกร่งที่ชูชันอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

ที่ผ่านมาไรอันไม่เคยปรนนิบัติณรงค์อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เพราะว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่คอยทำให้เขารู้สึกดีอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เคยบังคับให้ต้องทำอย่างเดียวกันตอบ และเขาเองก็ไม่เคยมานั่งคิดเล็กคิดน้อยเหมือนกันว่าณรงค์จะน้อยใจหรือไม่ในเมื่อเจ้าตัวก็ดูจะเต็มใจทำให้เขามีความสุขเอง แต่ดูเหมือนบทสนทนาที่ไปแอบได้ยินเข้าเมื่อกลางวันจะทำให้เขาเริ่มคิดทบทวนความสัมพันธ์ของทั้งคู่อีกครั้ง

ณรงค์สูดหายใจลึกพลางแขม่วท้องเมื่อริมฝีปากของไรอันค่อยๆ ดูดกลืนความปรารถนาของเขามากขึ้น ชายหนุ่มมองคนที่กำลังหลับตาขณะพยายามจะรับความแข็งแกร่งของเขาเข้าไปให้ลึกที่สุดทั้งที่ไม่ชินแล้วก็ยิ้มบางๆ ก่อนจะกลั้นลมหายใจและแหงนเงยหน้าขึ้นเมื่อโพรงปากอันชุ่มฉ่ำได้รองรับความตื่นตัวของเขาเข้าไปจนมิด มือแข็งแรงที่กระชับบนท้ายทอยของหนุ่มลูกครึ่งออกแรงบีบมากขึ้นโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

ไรอันหรี่ตาขึ้นมองณรงค์ขณะที่เลื่อนริมฝีปากเข้าออกรอบท่อนเนื้อแกร่งอย่างช้าๆ เรือนร่างแข็งแรงที่กล้ามเนื้อทั่วร่างเกร็งเพราะสัมผัสของเขาทำให้ชายหนุ่มภูมิใจว่าการพยายามจะเอาใจอีกฝ่ายครั้งแรกคงไม่ได้แย่จนเกินไป ภาพของแผ่นอกหนาและไหล่กว้างที่มองเห็นจากมุมต่ำ รวมทั้งรสสัมผัสของสิ่งที่กำลังปรนเปรอให้ด้วยริมฝีปากเป็นดั่งเชื้อไฟที่จุดเพลิงปรารถนาให้ลามเลียไปตามร่างกาย ทำให้หนุ่มลูกครึ่งเริ่มขยับศีรษะด้วยจังหวะที่เร่งเร้าขึ้นเพื่อตอบสนองสะโพกเพรียวของร่างสูงใหญ่ที่เคลื่อนไหวเข้าหา ขณะเดียวกันก็เลื่อนมือข้างหนึ่งลงฟอนเฟ้นความต้องการด้านล่างที่เริ่มมีสภาพไม่ต่างจากของอีกฝ่ายไปด้วย

เสียงหายใจหอบแรงผสานกับเสียงน้ำฝักบัวดังก้องภายในห้องอาบน้ำแคบๆ ที่กรุรอบด้านด้วยกระจกฝ้า ไรอันรู้สึกได้ถึงริ้วของคลื่นอารมณ์ที่กำลังม้วนตัวอย่างบ้าคลั่งในท้องน้อยและพร้อมจะปะทุออกมาได้ทุกขณะ แต่แล้วชายหนุ่มก็ปรือตาขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหมุนปิดก๊อกน้ำและสะโพกแกร่งที่หยุดขยับเข้าหาริมฝีปากของเขา

ใบหน้าของณรงค์เป็นสีแดงเข้มด้วยโลหิตที่สูบฉีด นัยน์ตาสีดำสนิทหรี่ลงสบตากับไรอันก่อนจะเลื่อนต่ำลงมองมือของเขาที่กำลังปรนเปรอส่วนอ่อนไหวของตัวเองที่ด้านล่าง ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ สอดนิ้วโป้งข้างหนึ่งเข้าตรงมุมปากที่ยังคงดูดดุนลำเนื้อร้อนของเขาอย่างเผลอไผล ไรอันจึงค่อยรู้สึกตัวและยอมปล่อยให้ความแกร่งลื่นเลื่อนออกช้าๆ ตามด้วยการระบายลมหายใจยาวเมื่อสิ่งนั้นเป็นอิสระจากริมฝีปากของเขาในที่สุด

“...อื้ม อื๊อ”

หนุ่มลูกครึ่งทำได้เพียงส่งเสียงครางในคอเมื่อณรงค์รั้งไหล่เขาให้ยืนขึ้นพิงผนังและประทับจูบลงมาอย่างรุนแรงจนเจ็บ สัมผัสนั้นอัดแน่นไปด้วยความปรารถนาที่กำลังทลายลงจากเขื่อนที่กักเก็บไว้ยามทั้งสองอยู่ต่อหน้าคนอื่น และเขาก็ได้แต่ปล่อยให้ณรงค์สัมผัสร่างกายเขาไปทั่วทุกส่วนตามพายุอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านโดยไร้เรี่ยวแรงจะหยุดยั้ง แม้เมื่อกระทั่งอีกฝ่ายสอดแทรกนิ้วที่ชุ่มด้วยสบู่เหลวเข้ามาในช่องทางเล็กแคบด้านหลังถึงสองนิ้วแล้วก็ตาม

“ไรอัน วันนี้...ผมไม่ใช้ถุงยางได้มั้ย?”

ณรงค์กระซิบเสียงต่ำเมื่อละริมฝีปากออกเพื่อเลาะเล็มบนผิวแก้มเนียน ไรอันซึ่งยังคงเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสไม่อาจให้คำตอบได้ในทันทีและทำได้เพียงมองคนถามอย่างงุนงง

“...เอ๊ะ?”

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองกลับดูเหมือนคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะณรงค์ไม่ยอมปล่อยร่างกายเขาให้เป็นอิสระนานพอจะคิดอะไรได้เลย กระทั่งเมื่อใจความของคำถามนั้นกระจ่างแจ้งในที่สุด ไรอันจึงกะพริบตาถี่เหมือนไม่แน่ใจว่าได้ยินถูก

“...เมื่อตอนบ่ายผมไปตรวจร่างกายมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอกนะ จากนี้ผมก็จะมีแต่คุณคนเดียว”

ณรงค์ขยายความต่อพลางขบกลีบปากที่บวมช้ำของไรอันเบาๆ เมื่อหนุ่มลูกครึ่งตระหนักได้ว่าสาเหตุที่อีกฝ่ายไม่กลับเข้าออฟฟิศช่วงเย็นเป็นเพราะอะไร ไรอันก็รู้สึกราวกับเลือดในกายพร้อมใจกันสูบฉีดไปรวมอยู่บนหน้าจนร้อนผ่าว

“รัก?”

ณรงค์ถามซ้ำเมื่อไรอันก้มหน้าลงซุกไหล่เขา ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังคนในอ้อมแขนไปมาและพยายามจะดันตัวออกเพื่อมองหน้า แต่หนุ่มลูกครึ่งกลับยิ่งส่ายหน้าแล้วกอดไหล่กว้างแน่นขึ้นอีก

บ้าจริง...ถึงกับต้องแอบไปขอคำยืนยันจากหมอเพื่อให้เขาสบายใจที่จะมีอะไรด้วยขนาดนั้นเลยหรือไง...

ไรอันไม่แน่ใจว่าจะฉุน จะขำ หรือจะหมั่นไส้คนที่กำลังกอดตัวเองดี แต่เมื่อณรงค์ประสบความสำเร็จในการแงะแขนเขาออกและเชยคางขึ้นเพื่อสบตาด้วยในที่สุด เขาก็รู้ว่าไม่จำเป็นจะต้องคิดมากเรื่องใดๆ อีกแล้ว

เมื่อนัยน์ตาคู่นั้นสะท้อนความปรารถนาในตัวเขาอย่างเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนั้น...

“ไรอัน?”

ณรงค์ถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานมากขึ้น และไม่ยอมให้หนุ่มลูกครึ่งหันหน้าหนีด้วยการยึดคางเรียวไว้แน่นเพื่อให้สบตากับตัวเอง ไรอันที่ไม่รู้จะมองที่ไหนจึงได้แต่หลุบตาลงด้วยไม่กล้าสบนัยน์ตาคมเข้มอันร้อนแรงคู่นั้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ตั้งแต่เริ่มคบกับณรงค์มาที่เขารู้สึกเขินอย่างจริงจัง

เขินเอามากๆ จนถ้าหากเป็นคนอื่นเขาคงต่อยแล้วเดินหนีไปแล้วโทษฐานที่มาเซ้าซี้เอาคำตอบจนน่าโมโหอย่างนี้...

“...จะทำอะไรก็ทำ”

เสียงนั้นแผ่วและงึมงำเพราะคนพูดก้มหน้า กระนั้นณรงค์ที่ตั้งใจฟังก็ได้ยินทุกพยางค์ไม่ตกหล่น ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะรั้งตัวหนุ่มลูกครึ่งเข้าไปกอดแล้วจูบแรงๆ จนไรอันส่งเสียงอู้อี้ในคอ

“ผมรักคุณ”

ร่างสูงใหญ่เอ่ยคำรักชิดริมหูอีกครั้งจนไรอันใจเต้นรัว ชายหนุ่มสบตาอีกฝ่ายก่อนจะยอมหันหลังเมื่อถูกจับดันไหล่เข้าหาผนัง ร่างสมส่วนราวนายแบบกระตุกเกร็งเมื่อณรงค์อ้อมมือมาปลุกเร้าความตื่นตัวของเขาให้พร้อมกับใช้อีกมือสอดนิ้วเข้าด้านหลังเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้อีกครั้ง

“That’s enough…”

ไรอันเอี้ยวหน้าไปบอกเสียงเบาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มใช้แขนสองข้างยันผนังไว้ด้วยหากไม่ทำเช่นนั้นอาจยืนไม่อยู่ นาทีนี้ความต้องการในตัวณรงค์มีมากเกินกว่าที่เขาจะมัวแต่ไว้ท่าและรอให้อีกฝ่ายขออนุญาตก่อนดั่งเช่นทุกครั้งแล้ว

ณรงค์ยิ้มพลางก้มลงจูบขมับเขาเบาๆ ไรอันหันกลับเข้าหาผนังและพยายามระบายลมหายใจช้าๆ เมื่อรู้สึกถึงความแกร่งร้อนที่กำลังแทรกเข้ามาในช่องทางที่ถูกนิ้วมือและสบู่เหลวเบิกทางไว้ก่อนจนไม่เสียดสีมากนัก ถึงกระนั้นการที่ได้ตระหนักว่านี่เป็น ‘ครั้งแรก’ ที่ทั้งสองสัมผัสกันแบบแนบเนื้อโดยไร้สิ่งขวางกั้นก็ทำให้ไหล่กว้างของหนุ่มลูกครึ่งสั่นอย่างยากจะระงับ

“Good boy.”

นานครั้งเช่นกันที่ณรงค์จะพูดกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ ไรอันห่อไหล่เมื่ออีกฝ่ายก้มลงจูบบนต้นคอและลาดไหล่พลางใช้ฟันขบไปทั่วจนเขามั่นใจว่าต้องเป็นรอยแน่ สัมผัสสากหยาบที่แนบบนบั้นท้ายรวมทั้งท่อนขาแข็งแรงที่ซ้อนอยู่ด้านหลังบอกให้ไรอันรู้ว่าได้รับณรงค์เข้ามาในตัวหมดแล้ว และเมื่อร่างกายของเขาบีบรัดสิ่งแปลกปลอมนั้นเองโดยไม่ตั้งใจ ณรงค์ก็สูดหายใจลึกราวจะพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ล่วงหน้าไปก่อนเสียตรงนั้น

“แบบนี้รู้สึกดีกว่าตั้งเยอะ”

คนด้านหลังรำพึงเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แหบและเข้มหนัก ไรอันไม่แน่ใจว่าณรงค์พูดกับตัวเองหรือตั้งใจพูดกับเขา แต่ยังไม่ทันจะหันหน้ากลับไปก็ต้องจิกเล็บลงบนผนังกระเบื้องพร้อมกับปล่อยให้เสียงครางหลุดลอดออกมาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับกายเข้าออกอย่างช้าๆ แต่หนักหน่วง

“ฮึก อะ อ๊ะ”

ไรอันห้ามเสียงร้องที่เริ่มดังขึ้นแข่งกับเสียงผิวกายที่กำลังกระทบกันไม่ได้เนื่องจากณรงค์เพิ่มจังหวะการเคลื่อนกายเร็วขึ้น ความรุมร้อนจากแรงเสียดสีในช่องทางเล็กแน่นและอุณหภูมิที่ถ่ายทอดมาจากด้านหลังทำให้หนุ่มลูกครึ่งอุ่นวาบไปทั้งตัว ร่างสูงสมส่วนสะดุ้งอีกครั้งเมื่อฝ่ามือใหญ่ที่รั้งสะโพกอยู่เลื่อนมาด้านหน้าและช่วยปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้โหมทะยานไปพร้อมกัน

“รัก...ผมออกข้างในนะ”

ไรอันได้ยินคำถามผ่านเสียงลอดไรฟันจากคนข้างหลังแว่วๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าตนเองตอบไปว่าอย่างไร สิ่งเดียวที่จำได้ก่อนที่จะเห็นหมอกขาวโพลนในหัวและเสียงหัวใจเต้นจนหูอื้อก็คือร่างกายที่สั่นสะท้านจากความหวามซ่านที่แตกปะทุ และความอบอุ่นจากวงแขนแข็งแรงที่กอดและพยุงเขาไว้หลังจากผ่านห้วงแห่งความสุขสมอันเร่าร้อนมาพร้อมกัน



++------++



นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนปรือขึ้นอีกครั้งและเห็นภาพเพดานห้องนอนแทนที่จะเป็นฝาผนังห้องน้ำ เมื่อเขาขยับตัวและมองไปข้างๆ ก็ไม่เห็นใครภายในห้องนอนที่สลัวเพราะเปิดแค่โคมไฟไว้ดวงเดียว ไรอันขมวดคิ้วก่อนจะยันตัวขึ้นนั่ง และเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องนอนเปิดออกพอดี

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ เมื่อกี้คุณสลบไปแป๊บนึงผมเลยพาออกมาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น่ะ หิวหรือเปล่า? ผมจะได้ไปทำอะไรมาให้”

ไรอันส่ายหน้าพลางรับแก้วน้ำมาดื่ม จากนั้นจึงถามด้วยความสงสัย

“ผมหมดสติไปนานแค่ไหน?”

ณรงค์เหลือบมองนาฬิกาพลางกลอกตาอย่างคาดคะเน “ประมาณสิบนาทีได้มั้ง ไม่นานเท่าไหร่หรอก สงสัยคุณคงเหนื่อยมาก่อนอยู่แล้วน่ะ ขอโทษทีที่ผมรุนแรงไปหน่อย”

ถึงแม้จะขอโทษ แต่หน้าตาคนพูดกลับยิ้มแย้มเสียจนน่าโดนสอยเข้าให้สักหมัดในสายตาของไรอัน และหนุ่มลูกครึ่งก็ได้แต่เม้มปากแน่นเมื่อนึกย้อนไปถึงวินาทีที่ทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง เขายังจำได้ถึงความรู้สึกยามที่ณรงค์ถอนกายออกและมีหยาดหยดอุ่นข้นไหลซึมตามออกมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะดึงเขาให้หันกลับไปจูบอย่างร้อนแรงจนแทบหายใจไม่ออก

ดูเหมือนเขาคงจะหมดสติไปตอนนั้นนั่นแหละ...

“รู้ตัวก็ดี”

ไรอันว่าแล้วก็ทรุดตัวลงนอนตะแคงหนีณรงค์และดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงแทบมิดหัว จริงอยู่ว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหาใช่ครั้งแรกของทั้งคู่ กระนั้นก็ยังนับได้ว่าเป็น ‘ครั้งแรก’ ในหลายๆ ความหมาย ไม่ว่าจะในสิ่งที่เขาเสนอตัวทำให้ หรือเรื่องที่เลิกใช้อุปกรณ์ป้องกันอย่างที่เขาเคยขอด้วย

หนุ่มลูกครึ่งได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำจากคนด้านหลัง ดูเหมือนพอคบกันนานขึ้น อีกฝ่ายก็จะเริ่มเดาความคิดเขาออกได้มากขึ้นตามไปด้วยจนน่าหวั่นใจ ถ้าหากในอนาคตณรงค์รู้ว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไรได้ทุกครั้งจะทำอย่างไรดี

“เดี๋ยวคุณนอนก่อนเลยก็ได้นะ พอดีผมเอางานกลับมาทำด้วย คงอีกสักพักถึงจะเข้ามานอน ถ้าหากอยากได้อะไรก็ตะโกนเรียกผมก็แล้วกัน”

“I’m not that helpless…”

ไรอันยังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนคนที่นั่งอยู่ข้างหลังก้มลงมาผนึกริมฝีปากเอาไว้ เรียวลิ้นอุ่นแลบออกเลียริมฝีปากเขาเบาๆ ก่อนณรงค์จะยืดตัวขึ้นแล้วใช้ข้อนิ้วไล้ไปบนผิวแก้ม

“I know…คุณนอนพักเถอะ ผมไม่กวนละ”

ณรงค์เอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปแล้วงับประตูตามหลัง ส่วนไรอันยังคงนอนลืมตาโพลงอยู่ในความสลัว ชายหนุ่มใช้หลังมือข้างหนึ่งไล้บนผิวแก้มที่โดนสัมผัสเมื่อครู่ ก่อนจะค่อยๆ เลิกผ้าห่มขึ้นและลุกไปแง้มเปิดประตูเบาๆ พลางมองออกไปยังห้องนั่งเล่น

ณรงค์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ติดบานเลื่อนกระจกข้างระเบียง แผ่นหลังกว้างหันหลังให้กับประตูห้องนอน บางครั้งเจ้าตัวก็จะหันมองออกไปนอกหน้าต่างเวลาคิดงานไม่ออก จากนั้นถึงค่อยหันกลับไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เสียงคลิกเมาส์สลับกับเสียงปากกาที่ขูดขีดบนกระดาษเป็นระยะบอกให้รู้ว่ากำลังขะมักเขม้นกับการทำงานอย่างที่บอกไว้

ไรอันมองภาพนั้นอยู่สักครู่ก่อนจะงับประตูปิด จากนั้นก็เลื่อนตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นกอดพลางพิงผนังข้างประตู บางครั้งเขาก็อิจฉาณรงค์ที่แม้จะอายุมากกว่าเพียงสามปี แต่อีกฝ่ายกลับมีวุฒิภาวะสูงแถมยังรับมือกับความใจร้อนของเขาได้ดีกว่าคนที่บ้านเสียอีก

เวลาอยู่ที่บริษัท เขาอาจถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้บริหารวัยหนุ่มที่เข้มงวด ขี้โมโห เอาแต่ใจ แต่เวลาที่อยู่คนเดียวหรือต่อหน้าณรงค์ เขาก็เป็นแค่ผู้ชายอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่งที่มีอารมณ์หวั่นไหว ไม่แน่ใจกับการตัดสินใจหรืออนาคตของตัวเองเหมือนคนอื่นๆ เพียงแต่เขาปิดบังด้านนี้ไว้ได้ค่อนข้างมิดชิดสำหรับคนที่ไม่รู้จักเขาดีก็เท่านั้นเอง ทว่ากับณรงค์ เขากลับเปิดเผยด้านนี้ได้อย่างหมดเปลือกโดยที่ไม่ต้องหวั่นเกรงว่าอีกฝ่ายจะทำให้เสียใจหรือรับด้านนี้ของเขาไม่ได้เลยสักนิด

จริงอยู่ว่านิสัยเอาแต่ใจนั้นเป็นบุคลิกของเขาที่ฝังรากมาแต่เด็กและก็คงจะแก้ยากไปแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ไรอันรู้สึกว่าอยากลองเปลี่ยนนิสัยเพื่อใครสักคนดู ถึงแม้จะไม่อาจทำได้เต็มร้อย แต่เขาก็เริ่มจะเรียนรู้แล้วว่าการได้เห็นณรงค์ยิ้มเวลาเขาทำอะไรดีๆ ให้นั้นนทำให้หัวใจเขาเองพองโตได้แค่ไหน

บางที...พรุ่งนี้เขาจะชวนณรงค์ไปเดินเล่นที่ร้านขายเครื่องแต่งบ้านแล้วหาซื้ออะไรมาให้ประดับห้องเพิ่มอีกสักอย่างดีกว่า...

ไรอันคิดวางแผนสำหรับวันรุ่งขึ้นในหัว พร้อมกับความง่วงงุนและอ่อนเพลียที่คืบคลานขึ้นเกาะตามกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้า ในที่สุดหนุ่มลูกครึ่งก็ฟุบหลับไปในท่าที่กำลังนั่งกอดเข่าพิงผนังข้างประตูนั่นเอง เขาจึงไม่ได้เห็นว่าในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดจากนั้นมีคนมาเห็นเขานั่งหลับและช่วยอุ้มขึ้นไปนอนบนเตียง และคนคนนั้นยิ้มกว้างแค่ไหนเมื่อเขาเบียดซุกตัวเข้าหายามที่เจ้าตัวทอดกายลงนอนเคียงข้างกันใต้ผ้านวม

หนุ่มลูกครึ่งไม่ได้รู้ตัวเลย...ว่าหากเพียงอีกฝ่ายได้รู้ถึงความคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขา นั่นก็อาจเพียงพอที่จะทำให้ใครคนนั้นมีความสุขที่สุดในโลกแล้วก็เป็นได้...



++---End คุณค่าของความตั้งใจ---++



A/N: จริงๆ แล้วเนื้อเรื่องตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไร แต่พยายามจะเขียนเหมือนให้มีอะไร (งงไหม?) สารภาพว่าตอนแรกตั้งใจจะเขียนให้ออกมาขำ แต่ไปๆ มาๆ ไหงกลายเป็นโหมดนี้ก็ไม่รู้ เนื้อหาในตอนนี้จะตามหลังเหตุการณ์ที่เกิดในตอน Square One ภาคบทสรุปประมาณหนึ่งถึงสองเดือน ไรอันก็ยังคงเป็นไรอัน ถึงจะคืนดีกับณรงค์แล้วก็ยังมีเรื่องให้ต้องปรับตัวเข้าหากันอยู่ดี ความจริงตอนแรกตั้งใจว่าจะเขียนตอนพิเศษส่งท้ายปีใหม่เพราะมีไอเดียแล้ว ไปๆ มาๆ ไอเดียของตอนนี้ก็ดันแล่นเข้ามาจนต้องแทรกคิวก่อน ส่วนของตอนปีใหม่อาจได้เขียนตามมาให้หลังผ่านปีใหม่ไปแล้วนะคะ (คงกลายเป็นควันหลงยาว) ก็ขอถือโอกาสนี้ Happy Holiday แก่ทุกคนอีกครั้งหลังแปะการ์ดไปในกระทู้ก่อน ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่สุขสดชื่น สมหวังในสิ่งที่พยายามและมุ่งมั่น และเจอแต่เรื่องดีๆ กันถ้วนหน้าค่ะ

ปล. ไม่ได้แปะเตือนไว้ว่าตอนนี้เนื้อหาเรทร้อนแรงอีกแล้ว อ่านแล้วคงไม่ตกใจกันเนอะ เอิ้กๆๆ


Create Date : 28 ธันวาคม 2554
Last Update : 28 ธันวาคม 2554 22:48:20 น. 22 comments
Counter : 1121 Pageviews.

 
โอ๊ยตาย ตอนหน้า ขอที่คอนโดคุณรักบ้างนะคะ เปลี่ยนบรรยากาศศศศ อิอิ


โดย: NannY IP: 101.109.16.200 วันที่: 28 ธันวาคม 2554 เวลา:22:48:16 น.  

 
น้องแนน กร๊ากกก สถานที่เปลี่ยน ฟีลก็เปลี่ยนชิมิ 555


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 28 ธันวาคม 2554 เวลา:22:53:22 น.  

 
บัดสีอ่ะ หญิงรับม่ายล่าย... ( หันซ้ายหันขวา... มีใครอยู่ข้างหลังป่าวว่ะ เหอๆๆๆ )


นิยายตอนนี้สอนให้รู้ว่า

1. " ทุกคนย่อมมีครั้งแรก และ... " ครั้งแรก " มีได้หลายท่า... "

เอร๊ย... ม่ายช่ายแระ " ทุกคนย่อมมีครั้งแรก และ... " ครั้งแรก " มีได้หลายความหมาย " เนอะ เหอๆๆๆ

2. ห้ามกินไอติมในระหว่างอาบน้ำนะเด็กๆ เดี่ยวลื่น... กร๊ากกก

3. " ออกข้างใน " มิใช่ออกข้างนอก ก่อนจะบอก ช่วยให้เวลาเตรียมใจหน่อยได้มั้ยเธอ ฮ่าๆๆๆ บ้าไปแระตู


โดย: aew IP: 125.27.97.63 วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:14:10:04 น.  

 
พี่แอ๋ว นิยายตอนนี้มันช่างเต็มไปด้วยคติสอนใจจริงๆ นิ ขนาดพี่แอ๋วยังลิสต์ออกมาได้ตั้งสามข้อแน่ะ ว่าแต่ตกลงมีใครอยู่ข้างหลังตอนอ่านอ๊ะป่าว 5555


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:19:46:52 น.  

 
ไม่ตกใจครับ ตาโต จ้องตลอด แทบไม่กะพริบตาเลย อิๆ

ครั้งแรกของไรอัน... โอ๊ว...

เริ่มต้นมาอุ่นๆ อ่านๆ ไปชักร้อน ตอนจบเย็นชื่นใจ


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:17:05:38 น.  

 
หุหุหุ ริน เอาคำนิยามนี้ไปเลย
"พระเจ้าช่วยกล้วยทอดมันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ"


โดย: น้ำค้าง IP: 202.41.167.241 วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:17:29:56 น.  

 
พีทคุง ครบรส เอ้ย ครบสามฤดูในตอนเดียวเลยเนอะ อิอิอิ

---

น้ำค้าง น้ำมันทอดกล้วยร้อนฉ่าเลยตอนนี้ 555+


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:21:49:54 น.  

 
โอ๊ะ...โอว..อะไรกันนี่
ดูเหมือนข้าพเจ้าจะมาช้าไป 2-3 วัน
^
^
เฮียกับน้องฝรั่งไปถึงไหนๆกันแล้ววววววว

ตอนจบน่ารักอ่ะ

ปล. ตอนก่อนตอนจบ ขอไม่คอมเมนท์ เพราะด้านบนบรรยายได้โดนใจไปแล้ว ;-)
สวัสดีวันก่อนวันสิ้นปีค่ะ คุณริน !


โดย: sherry IP: 223.206.63.208 วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:23:04:10 น.  

 
คุณเชอร์รี ยังต้องร่วมทางกันอีกไกลค่ะคู่นี้ นี่ยังพ้นช่วงสตาร์ทมาไม่เท่าไหร่เอง

สุขสันต์วันสุดท้ายของปี 2011/2554 ค่า


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:0:00:07 น.  

 
เช่นกันค่ะ คุณริน

bye bye ปีกระต่าย :)

ยังไงก็จะตามรอลุ้นเส้นทางชีวิตคู่ของสองหนุ่มนี้นะคะ ว่าแต่แยกกันอยู่คนละคอนโด มันยังไง ๆ อยู่เนอะ ^ ^


โดย: sherry IP: 223.206.63.208 วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:0:14:33 น.  

 
คุณเชอร์รี คงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะอยู่คอนโดใครดีมั้งคะ อีกอย่างขืนอยู่ด้วยกันตลอดน่ากลัวณรงค์อาจโดนวีนวันละหลายรอบ 5555+


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:8:54:51 น.  

 
สวัสดีกลางสัปดาห์ค่ะ คุณริน
หายเงียบไปเลยน้า ไม่ลงตอนใหม่ก็ยังไม่มีแฟนๆทวงออกหน้าออกตาหรอกค่ะ ^ ^

หรือว่า...ไปเที่ยวต่างประเทศอยู่?


ปล. อยากอ่าน "ยามตะวันรอน" ค่ะ แนะนำแหล่งหาซื้อให้หน่อยได้มั้ยคะ


โดย: sherry IP: 49.49.78.37 วันที่: 11 มกราคม 2555 เวลา:21:31:04 น.  

 
คุณเชอร์รี ยังไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ มีวางแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่นเหมือนกันแต่เดือนตุลาโน่นเลย ^^

ยามตะวันรอน รู้สึกตอนนี้จะ out of print ต้องเสิร์ชหาเอาว่ามีใครขายมือสองบ้างไหมน่ะค่ะ เป็นแรร์ไอเท็มมากๆ เลย เราลองเสิร์ชดูก็เห็นมีที่ประกาศขายแต่ว่า "ขายแล้ว" ทั้งนั้นเลย อาจต้องลองเสิร์ชเป็นระยะๆ ล่ะ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:9:39:09 น.  

 
ไปเดือนตุลา..ไปดูใบไม้แดงเหรอคะ
เราเคยไปเมื่อสามปีที่แล้วที่เกียวโต สวยมากจริงๆค่ะ
^
^
สำหรับ "ยามตะวันรอน" ถ้าหาซื้อไม่ได้จริงๆ จะขอยืมของคุณรินมา copy อ่านแล้วนะ ^o^



โดย: sherry IP: 80.254.146.36 วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:17:18:05 น.  

 
ช่ายค่ะ คราวก่อนเราไปโอซาก้า-เกียวโตช่วงปี 2009 ตอนนั้นซากุระกำลังบานเลย คราวนี้เลยอยากไปดูช่วงใบไม้เปลี่ยนสีบ้าง กะจะขึ้นเหนือๆ ไปฮอกไกโดแล้วค่อยลงมาโตเกียวอีกที

ของยามตะวันรอน เดี๋ยวเราลองไปถามๆ พรรคพวกให้ดูนะคะเผื่อว่ามีใครจะขาย เพราะของเราก็อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก สภาพช้ำน่าดูเลย ^^"


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 13 มกราคม 2555 เวลา:9:24:06 น.  

 
ข่าวล่าสุดค่ะคุณเชอร์รี หลังไปโพสต์ถามในเฟสบุ๊คเรามา มีคนมาตอบว่ายามตะวันรอนจะมีรีิปรินท์เล่ม 1 ในปีนี้ และออกควบกับเล่ม 2 ด้วยล่ะค่า เย่ๆ (สงสัยถ้าเปลี่ยนปก เราก็อาจซื้อเล่มที่รีปรินท์ด้วยเหมือนกันล่ะ )


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 13 มกราคม 2555 เวลา:13:29:30 น.  

 
ขอบคุณค่ะ คุณริน
เป็นข่าวที่น่ายินดีมากกกกก ^ ^

เอ..แล้วจะต้องตามข่าวที่ไหนล่ะคะว่าเค้าจะรีปรินท์ออกมาจำหน่ายกันเมื่อไหร่ -_-"


ปล. สุขสันต์วัน (เคย) เด็กล่งงหน้าค่ะ อิอิ


โดย: sherry IP: 223.204.120.131 วันที่: 13 มกราคม 2555 เวลา:21:28:39 น.  

 
คุณเชอร์รี ถ้ามีเฟสบุ๊คเข้าไปกดไลค์เพจของร้าน That's Y ได้เลยค่ะ เป็นร้านที่ดูแลนิยาย การ์ตูนแนวนี้ สามารถโพสต์ถามเรื่องผลงานได้ด้วย (แต่ถ้าถามงานของกลุ่มที่ไม่ได้ไปวางร้านเขา เช่นนิยายของเราเป็นต้น เขาก็จะไม่ทราบเหมือนกัน) แต่ถ้าเป็นนิยายของเฟื่องต้องถามที่นี่ที่จะสะดวกค่ะ //www.facebook.com/thatsy.online


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 14 มกราคม 2555 เวลา:9:46:31 น.  

 
hello...hello, คุณริน
หายเงียบไปไหนเอ่ย

Happy belated Chinese New Year นะคะ :)


โดย: sherry IP: 49.48.39.53 วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:23:59:00 น.  

 
คุณเชอร์รี ยังวนเวียนอยู่แถวนี้แหละค่ะ แต่ว่าไม่ได้อัพอะไรเพราะยังไม่มีเวลาเขียนเลย (จนแทบลืมรายละเอียดจากทริปพม่าไปแล้ว กรี๊ดดดดด)

ตอนนี้อยู่ในช่วงเทอมสุดท้ายของ ป.โทแล้วค่ะ ต้องเรียนด้วยอีกสองวิชาเลยเริ่มจะยุ่ง งานที่ออฟฟิศก็กำลังงวดอีก แต่ยังไงจะพยายามเขียนอะไรมาให้อ่านกันภายในวาเลนไทน์นะคะ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 25 มกราคม 2555 เวลา:10:06:44 น.  

 
ยินดีที่ได้รู้จัก


โดย: พิญาดา (ลายปากกา ) วันที่: 7 มกราคม 2556 เวลา:14:23:15 น.  

 
พี่ม้าโยมมมม อ๊ายยย แอบมาเงียบมาก สุขสันต์วันปีใหม่ค่า กอดหนุบกอดหนับ ><


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 8 มกราคม 2556 เวลา:15:18:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.