Group Blog
 
All blogs
 
ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอน Square One [ภาคก่อนส่งท้าย]

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++



ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอนพิเศษ Square One [ภาคก่อนส่งท้าย]


เมื่อรถบัสเดินทางมาถึงที่หมายแรกคือวัดฉลองหรือวัดไชยธาราราม ทุกคนก็ลงจากรถเพื่อไปสวดมนต์ขอพรในพระอุโบสถ บ้างก็เสี่ยงเซียมซีแล้วซื้อประทัดเพื่อจุดบวงสรวงอย่างสนุกสนาน หลังจากให้เวลาทุกคนได้ถ่ายรูปและเดินเล่นกันพอสมควร ไกด์สาวก็นำทุกคนไปทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหารซึ่งจองไว้ล่วงหน้า ก่อนจะเดินทางต่อไปไหว้พระใหญ่ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขา

พอมาถึงบริเวณฐานของพระใหญ่ซึ่งสูงเหนือน้ำทะเลหลายร้อยเมตร หลายคนก็ถ่ายรูปวิวอ่าวฉลองซึ่งเต็มไปด้วยเรือยอร์ชและเรือใบหลากสีสันแบบไม่กลัวเมโมรีการ์ดจะเต็ม จนกระทั่งแดดร่มได้ที่ ไกด์สาวจึงขานเวลาเพื่อพาทุกคนไปรอชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นเหนือแหลมพรหมเทพ เนื่องจากเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญและอาจหาที่จอดรถลำบาก จึงต้องรีบไปจับจองที่ทางกันก่อนจะถึงเวลา

เมื่อรถจอดที่หน้าทางขึ้นจุดชมวิว ทุกคนก็ลงจากรถแล้วกระจัดกระจายกันไปคนละทาง บ้างก็ต่อคิวเข้าห้องน้ำหรือแวะดูร้านขายของที่ระลึก บ้างก็เข้าไปชมประภาคาร บ้างก็หามุมถ่ายรูปหรือชี้ชวนกันดูวิว เนื่องจากวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสและมีเมฆน้อยมาก ทำให้แดดยามบ่ายแก่ๆ ก่อนพระอาทิตย์จะตกดินค่อนข้างแรง สาวๆ หลายคนจึงต้องคว้าหมวกปีกกว้างมาสวมหรือหาผ้าคลุมไหล่กันแดดให้วุ่น

ณรงค์แยกตัวจากคนอื่นๆ และเดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย สำหรับทริปนี้เขาพกกล้องถ่ายรูปดีเอสแอลอาร์ซึ่งนานๆ ครั้งจะใช้มาด้วย ความจริงแล้วสมัยเรียนเขาเคยรับถ่ายรูปตามงานแต่งงานหรืองานรับปริญญาเพื่อหารายได้พิเศษด้วยซ้ำ แต่พอทำงานประจำก็เริ่มไม่มีเวลา แถมกล้องจากมือถือก็มีความละเอียดมากพอแล้วยังปรับแต่งรูปได้เลย ทำให้ห่างหายจากการเล่นกล้องไปนานพอสมควร

ลมที่โชยมาบริเวณเหนือแหลมที่ทอดยาวออกไปในทะเลสดชื่นและไม่เหนียวตัว ถึงแม้แดดจะแรงอยู่บ้างแต่ณรงค์ก็ไม่ยี่หระ อาจมีบางครั้งที่เขาต้องดึงปีกหมวกแก๊ปที่สวมลงเพื่อบังแสงที่ส่องเข้าตา แต่เมื่อเดินผ่านช่วงโค้งของเนินไปอีกฝั่งและเห็นร่างสูงโปร่งที่กำลังยกกล้องขึ้นถ่ายรูปทะเล ณรงค์ก็ลดกล้องในมือลงก่อนจะเดินเข้าไปหา

ผู้บริหารหนุ่มลูกครึ่งยืนถ่ายรูปอยู่ตามลำพังใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่เนื่องจากแสงที่สาดเฉียงมาจากพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดินทำให้ต้นไม้นั้นไม่ได้ให้ร่มเงาใดๆ เลย ไรอันอยู่ในเสื้อยืดแขนสั้นที่ไม่เข้ารูปมากนักกับกางเกงขาสามส่วนสีเขียว อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันแดดมีเพียงแว่นกันแดดเลนส์สีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ พอเห็นอีกฝ่ายยืนถ่ายรูปนิ่งๆ อยู่กลางแจ้งโดยไม่คิดจะหาที่หลบแดด ณรงค์ก็เดินเข้าไปใกล้

“เดี๋ยวผิวคุณไหม้หมดนะ”

ณรงค์เอ่ยเมื่อเข้าไปในระยะที่ห่างจากอีกฝ่ายเพียงหนึ่งก้าว ไรอันจึงลดกล้องถ่ายรูปในมือลงและเหลือบมาทางเขา แต่เพราะเลนส์แว่นที่เป็นสีเข้มจัด ณรงค์จึงไม่อาจเห็นแววตาสีน้ำตาลอ่อนได้ว่ากำลังแสดงอารมณ์ใด

“I’m not a girl.”

ไรอันเอ่ยแล้วก็หมุนตัวหนี ณรงค์จึงรั้งไว้ด้วยคำถามที่ทำให้ฝีเท้าของหนุ่มลูกครึ่งชะงัก

“ใจคอคุณจะไม่ยอมคุยกับผมดีๆ ให้ผมได้มีโอกาสขอโทษเรื่องเมื่อคืนนี้เลยเหรอ?”

ณรงค์ถามอย่างตัดพ้อ เขาพยายามหาโอกาสที่จะได้คุยกับไรอันตามลำพังมาตั้งแต่เช้าเพราะอยากขอโทษกับความหุนหันพลันแล่นเมื่อคืน แต่พอสบจังหวะ เจ้าตัวก็ทำเหมือนอยากรีบหนีเขาไปไกลๆ เสียอีก

“Consider that done then.”

ไรอันตอบรับและตัดบทไปในทีเดียว ณรงค์จึงไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากมองแผ่นหลังของคนที่เดินหนีห่างไปเรื่อยๆ

“This is the most fucked up thing I’ve ever seen on earth.”

ณรงค์หันกลับไปตามเสียงและพบว่าเจมส์เดินมายืนกอดอกอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปมองไรอันที่หยุดยืนถ่ายรูปห่างไปราวสิบเมตรอีกครั้ง

“คุณหมายถึงเรื่องอะไร?”

“เรื่องอะไรเหรอ? ก็เด็กที่อ้างว่าเป็นแฟนคุณกับท่าทางของคุณกับไรอันวันนี้น่ะสิ ตกลงนี่มันอะไรกันแน่?”

เจมส์ถามอย่างไม่เข้าใจ ณรงค์เห็นสาวๆ ในบริษัทพากันรี่เข้าไปขอถ่ายรูปกับไรอัน เขาจึงยกกล้องของตัวเองขึ้นมาปรับซูมแล้วเก็บภาพไว้บ้าง

“เขาไม่ได้อ้างหรอก ตอนที่เจอคุณเมื่ออาทิตย์ก่อนเรายังเป็นแฟนกันจริงๆ แต่ตอนนี้มันจบแล้ว”

ญาติผู้พี่ของไรอันเงียบไปพลางมองณรงค์ที่กำลังพยายามเก็บภาพอิริยาบถต่างๆ ของไรอันด้วยสีหน้าพิจารณา

“คุณอยากคืนดีกับไรอันใช่มั้ย?”

“ถ้าเขาจะยอมฟังผมบ้างล่ะก็นะ คุณเคยได้ยินสำนวนตบมือข้างเดียวไม่ดังไหมล่ะ?” ณรงค์ถามกลับพร้อมกับแค่นยิ้ม หนุ่มลูกครึ่งทำท่านึกแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่เคย But I think I’m looking at two clueless people who don’t know how to express their feelings.”

หนุ่มลูกครึ่งท่าทางอยากพูดอะไรต่อ แต่ก็ถูกขัดจังหวะเพราะมีคนร้องเรียกให้ทั้งคู่ไปถ่ายรูปหมู่รวมกับกลุ่มที่เพิ่งเดินทางมาทีหลัง ไกด์ทั้งสองคนรับกล้องของเหล่าพนักงานที่อยากจะฝากถ่ายรูปไปห้อยไว้เต็มมือจนต้องวางบางส่วนบนโต๊ะ พวกคนที่ยืนแถวหน้าต่างก็ช่วยกันกางผ้าใบผืนใหญ่ที่สกรีนชื่อบริษัทไว้เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ณรงค์ตัวสูงจึงเลือกยืนด้านหลังเยื้องไปข้างๆ แต่พอไกด์สาวยกมือขึ้นเล็งกล้องแล้วก็ส่ายหน้า

“รบกวนทุกคนยืนชิดๆ กันหน่อยนะคะ คนเยอะล้นกล้องค่ะ คุณพี่เขยิบเข้ามาอีกหน่อยนะค้า”

หญิงสาวเจ้ากี้เจ้าการจัดตำแหน่งจนกระทั่งไกด์อีกคนยกนิ้วเป็นสัญญาณว่าโอเค และณรงค์ก็พบว่าตัวเองจับพลัดจับผลูได้มายืนข้างไรอันซึ่งอยู่แถวหลังสุดเพราะต่างก็ตัวสูงทั้งคู่ ส่วนเจมส์ยืนห่างไปอีกด้านใกล้กับผู้บริหารท่านอื่น

หนุ่มลูกครึ่งทำท่าไม่สนใจณรงค์ในทีแรก แต่แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองผ่านเลนส์แว่นกันแดดเมื่อณรงค์สอดนิ้วมือเข้าประสานกับมือเขาแล้วกุมไว้

“ชู่วว์”

ณรงค์ส่งเสียงเตือนเบาๆ และกระชับมือแน่นขึ้นเมื่อไรอันทำท่าจะกระตุกมือออก และนั่นทำให้ข้อมือที่เคล็ดปวดระบมจนเผลอส่งเสียงลอดไรฟัน

หนุ่มลูกครึ่งจับอาการเจ็บของณรงค์ได้ จึงทำได้เพียงแสดงท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ว่าก็ไม่ได้สะบัดมือหนีอีกตลอดเวลาที่ไกด์ทั้งสองทยอยถ่ายรูปด้วยสารพันกล้องที่มีเยอะจนราวจะไม่หมดสักที กระทั่งไกด์ทั้งคู่กดชัตเตอร์ครบทุกกล้อง ทุกคนก็รีบฮือกันไปรับกล้องคืนเพื่อจะได้เก็บภาพพระอาทิตย์ลับลงหลังผืนทะเลให้ทัน

ไรอันถือโอกาสนี้รีบชักมือออกจากอุ้งมือณรงค์แล้วหันไปคว้าแขนเจมส์เพื่อหาจุดถ่ายรูปที่ไกลจากเขาที่สุด แต่คราวนี้ณรงค์ไม่ได้เดินตามไป เขาเพียงมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ พลางยกมือขึ้นสูดกลิ่นโคโลญจน์บางเบาที่ตกค้างจากสัมผัสเมื่อครู่

อะไรบางอย่างที่ไรอันแสดงออกตอนเห็นเขาทำท่าเจ็บข้อมือทำให้ณรงค์รู้สึกเหมือนหัวใจที่เคยลีบเล็กได้รับน้ำหล่อเลี้ยง บางทีฝ่ายนั้นเองก็อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอแสดงสีหน้าเป็นห่วงออกมา แต่นอกจากนั้นยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ณรงค์สังเกตเห็น และสิ่งนั้นก็ทำเอาเขาเกือบจะแกล้งยกมือไปโอบไหล่อีกฝ่ายตอนถ่ายรูปไปแล้วหากไม่ใช่เพราะยังเกรงใจพนักงานคนอื่นๆ

เขาเห็นผิวแก้มสีงาช้างแดงเรื่อตลอดเวลาที่ถูกกุมมือเมื่อครู่...



++------++



พอขอบฟ้าสีหมากสุกเริ่มหม่นมัวด้วยพระอาทิตย์ที่ตกดินมากขึ้น ไกด์ทั้งสองก็รีบพาทุกคนขึ้นรถเพื่อเข้าเช็คอินที่โรงแรมก่อนที่ฟ้าจะมืดสนิท หลังจากทุกคนรับแจกคีย์การ์ดแล้วก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องพักกับคู่ที่ถูกจัดให้ ณรงค์ได้พักห้องเดียวกันกับอิสรา และเขาก็ค่อยวางใจไปเปลาะหนึ่งเมื่อรู้ว่าเหล่าผู้บริหารจะได้พักห้องสวีทกันคนละห้องโดยไม่ต้องแชร์กับใคร เพราะนั่นหมายความว่าไรอันกับเจมส์จะไม่ต้องนอนห้องเดียวกัน

พนักงานทุกคนมีเวลาเข้าห้องพักและทำธุระส่วนตัวหนึ่งชั่วโมงก่อนจะไปรวมกันที่ห้องอาหาร ณรงค์อาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายตารางกับกางเกงยีนส์ หลังจากรออิสราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เข้าไปที่ห้องทานอาหารด้วยกัน โดยระหว่างมื้อค่ำนั้นไกด์ทั้งสองออกมาเล่นเกมจับรางวัลเล็กน้อยก่อนจะขานเวลาสำหรับทำกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็ปล่อยให้เหล่าพนักงานพักผ่อนยามค่ำคืนกันตามสบาย

ขณะที่คนอื่นๆ กำลังถามไถ่กันว่าจะออกไปเที่ยวเล่นที่หาดอื่นหรือไปดวลเพลงกันที่ห้องคาราโอเกะ ณรงค์ก็รีบมองหาว่าไรอันอยู่ไหน พอเห็นอีกฝ่ายเดินเลี้ยวออกจากห้องอาหารไปทางชายหาดตามลำพังก็รีบสาวเท้าตาม หนุ่มลูกครึ่งเหลือบเห็นเขาแต่ก็เพียงเม้มปากและเดินต่อ แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนจะทนกับเสียงฝีเท้าที่เดินตามไม่ไหวจึงหันกลับมา

“Will you leave me the fuck alone? Or I won’t ever talk to you again in my entire life!”

ไรอันหันกลับมาแหวใส่ณรงค์เมื่อเขาไม่หยุดตามเสียที ร่างสูงใหญ่มองหน้าอีกฝ่ายที่แดงเพราะความโกรธแล้วก็เลิกคิ้ว อาจเพราะสัมผัสได้ว่าไรอันเองก็ยังหวั่นไหวตอนถูกเขาจับมือระหว่างถ่ายรูปเมื่อตอนเย็น ตอนนี้ณรงค์จึงฮึกเหิมขึ้นกว่าเดิม

“นี่คุณก็แทบจะไม่พูดกับผมอยู่แล้วนี่ อีกอย่างหาดนี้มันไม่ใช่หาดส่วนตัวนะ ผมไม่มีสิทธิ์ไปเดินเล่นเหรอ?”

ไรอันถลึงตาใส่ มือทั้งสองข้างกำแน่นอยู่ข้างตัว แต่ครู่เดียวก็หมุนตัวหนี

“ขอผมอยู่คนเดียวเถอะ”

หนุ่มลูกครึ่งเอ่ยเป็นภาษาไทยในที่สุด กังวานขอร้องในน้ำเสียงทำให้ณรงค์ชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวตาม และได้แต่มองแผ่นหลังที่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ซึ่งเดินห่างออกไปทีละน้อย

คุณจะไม่ยอมให้โอกาสผมแก้ตัวบ้างเลยหรือไง...

ณรงค์ตัดสินใจทำตามที่ไรอันขอ แต่ก็ไม่ได้เดินกลับห้องในทันที เขาเดินขึ้นไปยังบาร์ซึ่งอยู่บนชั้นลอยกลางแจ้งแล้วหามุมที่นั่งซึ่งสามารถมองออกไปเห็นหาดทรายหน้าโรงแรมได้ จากนั้นก็สั่งเบียร์ขวดหนึ่งมานั่งจิบพลางมองคนที่กำลังเดินเล่นบนหาดไปด้วย ถึงแม้จะเป็นระยะที่ค่อนข้างไกล แต่แสงจากโคมไฟริมหาดที่ส่องลงต้องเสื้อยืดสีขาวก็ทำให้ณรงค์มองเห็นไรอันจากบนบาร์ได้ไม่ยาก

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามออก ก่อนที่เจมส์จะนั่งลงและยกขวดเบียร์ที่ถือติดมาขึ้นดื่ม นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาทอดมองออกไปยังคนที่กำลังเดินเล่นอยู่ริมหาดเช่นเดียวกับณรงค์

“Seriously, seeing you two is like I’m watching a soap opera.”

เจมส์เอ่ยก่อนจะหันมายิ้มอย่างหน่ายๆ กับณรงค์ คนถูกทักจึงแค่นหัวเราะพลางยกมือหนึ่งขึ้นแกะผ้าก๊อซที่ปิดแก้มออก พอได้เห็นรอยข่วนซึ่งเป็นขีดสีแดงสี่รอยถนัดตา ญาติผู้พี่ของไรอันก็หรี่ตาลงแล้วใช้นิ้วข้างที่ถือขวดเบียร์ขึ้นชี้ถาม

“ฝีมือไรอันสินะ?”

“...ผมสมควรโดนแล้วล่ะ”

ณรงค์ตอบพลางใช้ปลายนิ้วลูบบนรอยข่วนเบาๆ เจมส์จึงระบายลมหายใจยาวพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม

“ผมจะไม่ถามก็แล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมคิดว่ามีอะไรบางอย่างที่คุณควรจะรู้ และมันอาจจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง”

ณรงค์เลิกคิ้วเมื่อเจมส์ชูมือซ้ายขึ้นมาตรงหน้า เขามองหลังมือของอีกฝ่ายแล้วก็สบตาอย่างมีคำถาม สุดท้ายเจมส์จึงต้องบอกใบ้ให้ด้วยการใช้อีกมือหมุนแหวนทองคำเกลี้ยงบนนิ้วนางซ้ายไปมา และคราวนี้สายตาของณรงค์จับจ้องที่แหวนวงนั้นราวกับเห็นสิ่งแปลกประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

“เคยสังเกตแหวนของผมบ้างมั้ย? คุณคิดว่าผมใส่ไอ้นี่ไว้เล่นๆ เหรอ?” เจมส์ถามขึ้นในที่สุด ขณะที่ณรงค์ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะประมวลข้อมูลในหัวได้

“คุณ....แต่งงานแล้ว?”

ชายหนุ่มตอบเหมือนคนเบื้อใบ้ ขณะที่เจมส์ยกสองมือกางออกแล้วมองฟ้าพลางขยับปากเป็นคำพูดว่า ‘Thank God.’

“Yes! ให้ตายเถอะ! ผมนึกว่าคุณรู้ตั้งแต่ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกแล้วซะอีก ไม่นึกเลยว่าคุณจะตาถั่วจนไม่ได้สังเกตคนอื่นนอกจากไรอันขนาดนี้ ทีนี้ก็ฟังไว้นะ ไม่ว่าคุณจะคิดอะไรเรื่องของผมกับหมอนั่นก็เลิกคิดได้เลย ที่ผมคอยเป็นห่วงไรอันไม่ใช่เพราะเราเป็นญาติกันเท่านั้น แต่เพราะเมียผมเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของหมอนั่น แล้วเธอก็คอยขอให้ผมรายงานความเป็นไปของเพื่อนเธอให้ฟังทุกครั้งที่ผมมาเมืองไทยต่างหาก!”

เจมส์รัวคำอธิบายยาวเหยียดก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มอย่างกระหาย และสิ่งที่ได้ยินก็ราวกับแสงไฟที่ส่องตัดม่านหมอกในใจของณรงค์ ความรู้สึกผิดที่เคยเข้าใจว่าตัวเองโดนสวมเขาและปรักปรำไรอันไปจึงแล่นเข้ามาแทนที่จนจุก

มิน่า...ไรอันถึงได้โกรธเขามากขนาดนั้น...

“ผมขอโทษ ผม...ไม่เคยสังเกตเลยจริงๆ นั่นแหละ ถ้างั้นเมื่อคืนวานคุณไปรอไรอันที่ตึกทำไม?”

เจมส์วางขวดเบียร์ลงพลางขมวดคิ้ว “เมื่อคืนวาน? อ๋อ เพราะรถหมอนั่นมีปัญหาต้องส่งซ่อม แล้วพอดีผมไปกินข้าวเย็นกับเพื่อนแถวๆ นั้นก็เลยแวะเข้าไปรับ ไม่นึกเหมือนกันว่าจะเจอคุณเดินลงมาก่อน หลังจากนั้นไรอันไม่ได้เล่าให้ผมฟังหรอกนะว่าพวกคุณคุยอะไรกัน แต่ที่แน่ๆ สายตาคุณที่มองผมวันสองวันนี้ทำผมขนลุกเพราะนึกว่าจะโดนต่อยหลายครั้งแล้ว”

ณรงค์คลี่ยิ้มเจื่อนๆ เขาพอจะรู้ตัวว่าคงเผลอใช้แววตาไม่เป็นมิตรมองอีกฝ่ายในบางครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะชัดเจนจนโดนจับสังเกตได้

“จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอกที่ผมอยากจะบอกคุณ อีกเรื่องก็เกี่ยวกับไรอันเองนั่นแหละ” เจมส์เอ่ยหลังจากทั้งสองนั่งเงียบกันครู่ใหญ่ ณรงค์ที่เพิ่งยกเบียร์ขึ้นจิบจึงเหลือบตาลงมองข้อมือที่สวมปลอกผ้าของตัวเอง

“…ถ้าหากเป็นเรื่องที่เขากลัวการมีความรัก ผมคิดว่าพอจะเดาได้แล้วล่ะ”

ถึงแม้จะใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนรวมกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กว่าจะได้ข้อสรุปนี้ออกมา แต่ณรงค์ก็คิดว่านั่นคงไม่คลาดเคลื่อนจากความจริงนัก เจมส์ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า

“Glad to hear you’ve figured it out. แต่ที่คุณไม่รู้คือสาเหตุว่าทำไมหมอนั่นกลัวการมีความรักขนาดนี้”

ณรงค์ดึงสายตากลับมาจากแผ่นหลังของคนที่กำลังนั่งกอดเข่าดูคลื่นอยู่บนหาดทราย เจมส์ยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกอึกก่อนจะทำหน้าเหมือนกำลังคิดหนักว่าควรจะเล่าดีหรือไม่

“จริงๆ แล้วผมอาจไม่ควรเล่าเรื่องนี้ก็ได้ แต่ผมชักทนอาการปิดกั้นตัวเองของหมอนั่นไม่ไหวขึ้นทุกที ผมจะเล่าแบบย่อๆ เลยก็แล้วกันนะ พ่อของไรอันเคยนอกใจน้ารุ้งจนทั้งคู่แยกทางกันไปปีนึงเต็มๆ ระหว่างที่ไรอันอยู่โรงเรียนประจำ”

ณรงค์ทำตาโต เพราะไรอันแทบไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง ดังนั้นแน่นอนว่าเจ้าตัวจึงไม่เคยปริปากเรื่องนี้ให้ได้ยินเลย

“ความจริงพวกเขาตั้งใจจะปิดเรื่องนี้จนกว่าไรอันจะเข้าไฮสคูล แต่ผู้หญิงที่คาร์ลไปมีความสัมพันธ์ด้วยกลับแอบไปหาไรอันที่โรงเรียนและบอกว่ากำลังจะมีน้องสาวให้ พอหมอนั่นรู้ก็อาละวาดยังกับพายุลงเลยล่ะ ตอนนั้นไรอันน่าจะอายุประมาณสิบสามได้”

“แล้วต่อจากนั้น?”

ณรงค์แทบไม่อยากคิดว่าการที่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงแปลกหน้ามาหาและบอกว่าเป็นภรรยาใหม่ของพ่อ สำหรับจิตใจของเด็กชายอายุสิบสามที่นานครั้งจึงจะได้เจอผู้ปกครองเพราะเข้าโรงเรียนประจำตั้งแต่เด็กจะเจ็บปวดแค่ไหน

เจมส์ฟังคำถามแล้วก็ระบายลมหายใจยาว “ไรอันหนีออกจากโรงเรียนไปอยู่กับน้ารุ้งกับคุณยายที่บริสเบน คาร์ลเลยต้องไปตามกลับมา สุดท้ายทั้งสองคนก็คืนดีกันเพราะเห็นแก่ลูกชายคนเดียว ถึงตอนนี้พวกเขาจะรักกันดี แต่คาร์ลก็ยังต้องส่งค่าเลี้ยงดูให้ผู้หญิงคนนั้นกับลูกสาวที่เกิดด้วยกัน ผมคงไม่ต้องอธิบายนะว่าสำหรับไรอันที่โตมากับเรื่องนี้จะมีบาดแผลฝังใจแค่ไหน”

หนุ่มลูกครึ่งเล่าจบก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดขวด ความเงียบที่ตามมาทำให้เสียงคลื่นที่ม้วนซัดหาดทรายและเสียงลมกระทบยอดไม้ดังฟังชัด และณรงค์ก็ได้ตระหนักว่าความผิดหวังในวัยเด็กของไรอันมาบรรจบกับตัวเขาได้อย่างไร

เท่ากับว่า เขาเองที่เป็นคนทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง ตอนแรกไรอันเพียงแต่สับสนเลยไล่เขาออกจากห้อง แต่ต้นเหตุที่ทำให้ฝ่ายนั้นตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ก็เป็นเพราะเขาไปมีคนอื่นเอง ต่อให้เพราะเมาและไม่ตั้งใจก็ตามที

“นี่ผม...ทำเรื่องที่ไม่ต่างจากพ่อของไรอันเลยน่ะสิ”

ณรงค์เอ่ยขึ้นในที่สุด เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคืนที่ไรอันไปเห็นเขาที่ผับ อีกฝ่ายถึงได้เดินมาสาดน้ำใส่เขากับธีระ แต่หลังจากนั้นก็บอกเลิกได้ราวไม่รู้สึกอะไรสักนิด

เพราะไม่เชื่อในความรักอยู่แล้ว...เมื่อถูกตอกย้ำรอยแผลจากคนที่คบด้วยก็เลยยิ่งปิดใจมากเข้าไปอีก...

“ข้อดีก็คือ...อย่างน้อยคุณยังมีโอกาสแก้ตัวโดยไม่ได้ทำร้ายครอบครัวใคร สำหรับคืนนี้ผมถือว่าผมพูดเยอะเกินไปแล้ว ต่อจากนี้คุณควรจะทำอะไรก็คิดเอาเองเถอะ”

เจมส์ลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในโรงแรม ส่วนณรงค์ยังคงนั่งที่บาร์และมองคนบนหาดทรายจนกระทั่งไรอันเดินกลับไปยังห้องพัก ชายหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองผืนฟ้าสีดำราวกำมะหยี่ที่มีแสงดาวพร่างพราย จากนั้นก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดขวดพร้อมกับไฟของความมุ่งมั่นที่ถูกจุดขึ้นในใจอีกครั้ง



++------++



ช่วงเช้าตรู่วันถัดมา ทุกคนต่างมาถึงห้องอาหารตั้งแต่เวลาเปิดเพราะต้องเตรียมตัวข้ามฝั่งไปเที่ยวเกาะ หลายคนมีสีหน้าสะโหลสะเหลเหมือนนอนไม่พอ แต่ก็ยังยิ้มแย้มทักทายกันอย่างแจ่มใส สาวๆ หลายคนแต่งตัวแบบเตรียมพร้อมจะไปเล่นน้ำทะเลกันเต็มที่

ไรอันนั่งทานอาหารเช้าอยู่กับเจมส์ที่โต๊ะบริเวณชานด้านนอกห้องอาหาร บริเวณนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวจากคนอื่นๆ เนื่องจากแสงแดดส่องถึงรำไรซึ่งทำให้ไม่มีใครอยากมานั่ง แต่ก็ไม่พ้นสายตาของณรงค์ที่พยายามมองหาหนุ่มลูกครึ่งจนเจอ

“ผมขอนั่งด้วยคนนะ”

ณรงค์เอ่ยพลางวางถ้วยข้าวต้มลงและลากเก้าอี้มานั่งอย่างไม่รอคำตอบ ไรอันชักสีหน้าทันทีและทำท่าจะถอยเก้าอี้เพื่อลุกหนี แต่เนื่องจากด้านหนึ่งของโต๊ะติดกับกำแพง และณรงค์ที่นั่งข้างๆ ก็กางขาคร่อมขาเก้าอี้เขาไว้จนถอยออกไม่ได้ หนุ่มลูกครึ่งจึงถลึงตามองเขาตาขุ่น ส่วนเจมส์กลั้นหัวเราะจนต้องกระแอมกลบเกลื่อน

“I’m gonna go get more coffee.”

ญาติผู้พี่รีบหาข้ออ้างเพื่อปลีกตัวออกจากโต๊ะ ทำให้เหลือเพียงไรอันกับณรงค์ตามลำพัง และณรงค์ก็ตักอาหารเช้าเข้าปากพลางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับแววตาขุ่นเขียวที่กำลังมองเขาอย่างไม่พอใจ

“ไม่มีโต๊ะอื่นว่างให้คุณไปนั่งแล้วหรือไง?”

“มี แต่ผมอยากนั่งกับคุณมากกว่า”

ณรงค์ตอบแบบกำปั้นทุบดิน และทำเอาไรอันอึ้งไปเพราะนึกคำพูดโต้ตอบไม่ออก ณรงค์เห็นว่ากาแฟในถ้วยของหนุ่มลูกครึ่งพร่องลงจึงกวักมือเรียกพนักงานที่กำลังถือกาใส่ชากับกาแฟให้มาเติมให้

หลังจากพนักงานของห้องอาหารเดินจากไป ไรอันก็เหลือบตาลงมองกาแฟในถ้วยที่ร้อนจนมีควันสีขาวลอยกรุ่นแล้วมองหน้าณรงค์อีกครั้ง ตั้งแต่ได้เปิดผ้าก๊อซให้เจมส์ดูแผลเมื่อคืนแล้วเขาก็ไม่ได้ปิดผ้ากลับเข้าไปอีก ทำให้เห็นรอยถลอกจากปลายเล็บเป็นขีดสีแดงสี่ขีดอย่างชัดเจน

“ผมไม่เจ็บแล้วล่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง”

ณรงค์เอ่ยลอยๆ พลางตักข้าวต้มขึ้นทาน หนุ่มลูกครึ่งจึงรู้ตัวว่าเผลอมองรอยแผลบนหน้าเขานานไปจนโดนจับได้ เลยรีบหยิบโถครีมเทียมมาตักใส่กาแฟแทน

“What a shame.”

ไรอันเอ่ยพลางยกกาแฟขึ้นจิบ ใบหน้าหล่อเหลาหันมองไปทางอื่นจนณรงค์แอบยิ้ม ชายหนุ่มกวาดตามองรอบตัวเร็วๆ และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น เขาก็เปลี่ยนมาใช้มือซ้ายตักข้าวต้มแทนแล้วเลื่อนมือขวาลงกุมมือซ้ายของไรอันไว้ หนุ่มลูกครึ่งหันกลับมาทันทีและพยายามจะชักมือหนี แต่ณรงค์ไม่ยอมปล่อย

“อย่าดื้อสิ ข้อมือผมเจ็บอยู่นะ”

ณรงค์พูดพลางตักข้าวต้มขึ้นทานต่อ ความจริงแล้วตั้งแต่มานั่งที่โต๊ะด้วย เขายังไม่เหลือบตามองหน้าไรอันสักครั้ง แต่การกระทำต่างๆ กลับขัดแย้งกับการแสดงออกทางสีหน้าและน้ำเสียงอย่างสิ้นเชิง และณรงค์ก็เห็นได้จากหางตาว่าผิวแก้มของคนข้างตัวชักจะซับสีเลือดจนแดงก่ำขึ้นทุกที แต่เพราะอายหรือโกรธก็สุดที่จะเดา

“You are truly a pain in the ass.”

หนุ่มลูกครึ่งเค้นเสียงลอดไรฟัน พลันนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก็เบิกกว้างเมื่อณรงค์ยกมือของเขาที่ถูกจับไว้ขึ้นจรดริมฝีปาก

“ขอบคุณนะที่ยอมกินมื้อเช้าวันนี้กับผม”

ณรงค์เอ่ยแล้วยิ้มให้ และคราวนี้หน้าของไรอันแดงเหมือนลูกตำลึงสุก หนุ่มลูกครึ่งบิดมือออกแล้วถอยเก้าอี้อย่างแรงจนณรงค์รีบชักขาหนีแทบไม่ทัน

“Don’t. Ever. Come. Near. Me. Again!!”

ไรอันกระแทกเสียงแล้วก็คว้าหมวกของตัวเองขึ้นสวมก่อนจะรีบเดินเร็วๆ ออกไป ณรงค์มองตามแล้วก็ได้แต่ยิ้มพลางยกกาแฟขึ้นจิบ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็สามารถทำให้ไรอันแสดงปฏิกิริยาอย่างอื่นใส่นอกจากการเฉยเมยเหมือนเขาไม่มีตัวตนได้แล้ว

ไม่ให้เข้าใกล้เหรอ ถ้างั้นคุณจะโกรธหรือเปล่า ถ้ารู้ว่าหลังจากนี้ผมจะตื๊อไม่เลิกจนกว่าคุณจะยอมแล้วน่ะ...



++------++



เมื่อใกล้ถึงเวลาที่นัดไว้ พนักงานของบริษัทก็มารวมตัวกันในล็อบบี้เพื่อรอขึ้นรถที่จะมารับไปยังท่าเรือ คราวนี้ไกด์ทั้งสองคนสลับกันดูแลลูกทัวร์กลุ่มที่ตนไม่ได้ดูแลเมื่อวาน ณรงค์จึงค่อยรู้สึกว่าโล่งหูขึ้น เพราะไกด์สาวเสียงแปดหลอดคนนั้นได้ไปดูแลรถบัสอีกคัน ส่วนรถเขาได้ไกด์ซึ่งเป็นหนุ่มรูปร่างท้วมอัธยาศัยดีแต่ไม่ไฮเปอร์เท่าเพื่อนมาแทน

ณรงค์ตั้งใจรอให้ทุกคนขึ้นรถก่อนจึงค่อยก้าวขึ้นเป็นคนสุดท้าย พอมองเห็นว่าเจมส์กับไรอันนั่งอยู่ตรงไหนก็รีบเดินเข้าไปหา ฝ่ายเจมส์ก็เอื้อเฟื้อสละที่ให้อย่างรู้หน้าที่ ส่วนไรอัน...พอเห็นท่าทางของทั้งคู่ที่เข้าขากันขนาดนั้นก็โกรธจนควันแทบออกหู

“ไอ้ที่ผมบอกเมื่อเช้ามันไม่ได้เข้าไปในหัวคุณเลยใช่มั้ย?”

ไรอันเข่นเขี้ยวถามแม้จะต้องกดเสียงพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน และณรงค์ก็ลอบยิ้มอย่างพอใจ เพราะตราบใดที่ยังต้องอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงาน อีกฝ่ายก็ออกฤทธิ์ใส่เขาเต็มที่ไม่ได้

“คำขอของคุณมันขัดกับความต้องการของผมน่ะ แล้วผมก็อยากทำตามใจตัวเองมากกว่าคอยตามใจคุณด้วยสิ”

ณรงค์พูดพลางหันไปสบตากับหนุ่มลูกครึ่งตรงๆ และจับมือข้างหนึ่งไว้แน่น คราวนี้เขาไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้แสดงท่าทางยียวนเหมือนที่ห้องอาหารอีก แต่นัยน์ตาที่มองลงไปในตาของอีกฝ่ายอย่างแน่วแน่ก็ทำให้ไรอันขมวดคิ้ว และวูบหนึ่งที่ณรงค์เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมีประกายวูบไหวอย่างรุนแรงพาดผ่าน ขณะที่ริมฝีปากหยักได้รูปก็เม้มแน่นอย่างขัดใจ

แต่ครู่เดียวประกายนั้นก็หายวับราวกับณรงค์ตาฝาดไปเอง

หลังจากไกด์หนุ่มร่างสมบูรณ์เช็คชื่อว่าสมาชิกขึ้นรถครบแล้ว คนขับก็นำรถออกจากโรงแรมเพื่อมุ่งสู่ท่าเรือตามกำหนดเวลา ไรอันไม่หันมาสนใจณรงค์อีกเลยหลังจากนั้น หนุ่มลูกครึ่งเอาแต่เท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างรถทั้งที่แดดส่องเข้ามาเต็มๆ แต่ณรงค์ก็รู้ดีเกินกว่าจะแสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยหรือใช้คำพูดจู้จี้จุกจิกในเวลาเช่นนี้ เขาเพียงแต่กุมมือของไรอันเอาไว้โดยใช้เสื้อเชิ้ตที่ติดมาด้วยคลุมทับเพื่อบังสายตาคนอื่น และทั้งสองก็ต่างคนต่างนั่งเงียบไปตลอดการเดินทางโดยไม่ได้สนใจฟังไกด์อธิบายกำหนดการของวันนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ดูเหมือนตั้งแต่ณรงค์ประกาศจุดยืนของตัวเองออกไป ท่าทีที่แข็งกร้าวของอีกฝ่ายก็เหมือนกับขี้ผึ้งที่ถูกลนจนเริ่มอ่อน หนุ่มลูกครึ่งไม่ได้แสดงท่าทางเกรี้ยวกราดหรือใช้วาจารุนแรงกับเขาอีก แต่ก็ไม่ได้โอนอ่อนเข้าหาหรือแสดงท่าทางยินดีที่เขามาคอยเอาใจใส่ หลายครั้งที่ไรอันขมวดคิ้วเมื่อณรงค์ทำอะไรดีๆ ให้ เช่นช่วยฉุดมือตอนจะก้าวขึ้นเรือ ตอนเปิดประตูในเรือให้เดินผ่านเข้าไปก่อน หรือแม้กระทั่งตอนที่เขาไปขอน้ำอัดลมยี่ห้อที่ไรอันชอบจากตู้แช่บนเรือมายื่นให้ หนุ่มลูกครึ่งรับไมตรีทุกอย่างโดยไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำขอบคุณหรือยิ้มให้เลยสักครั้ง

แต่ณรงค์ก็มุ่งมั่นกับเป้าหมายจนไม่มัวมาคิดน้อยใจอีกแล้ว

หลังจากนั่งเรือกันสักพัก ทุกคนก็มาถึงหมู่เกาะตามตารางเที่ยวที่จัดไว้ นอกจากกรุ๊ปของบริษัทณรงค์แล้วก็มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นประปราย ไกด์คู่หูทั้งสองแจกอุปกรณ์สำหรับการดำน้ำตื้นและสอนวิธีใช้ให้กับผู้ที่สนใจจะดำน้ำ ส่วนใครที่อยากเดินเล่นชมเกาะหรือแค่เล่นน้ำบนหาดก็เลือกได้ตามอัธยาศัย

“ไปสนอร์กเกิ้ลกันมั้ย?”

ณรงค์ถามไรอัน แต่ในมือกลับถือหน้ากากดำน้ำกับเสื้อชูชีพอย่างละสองชุด หนุ่มลูกครึ่งเหลือบมองอุปกรณ์เหล่านั้นแล้วก็ขมวดคิ้วแต่ไม่ตอบ ณรงค์จึงดันอีกฝ่ายไปลงเรือเล็กซึ่งจอดรอรับคนที่ต้องการจะไปดำน้ำโดยไม่ถามซ้ำ

ดูเหมือนหลังจากรู้แล้วว่าใช้คำพูดแรงๆ แค่ไหนก็ไม่มีผล ไรอันเลยเปลี่ยนยุทธศาสตร์มาตั้งรับณรงค์ด้วยสงครามเงียบแทน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ย่อท้อ และคิดเข้าข้างตัวเองว่าดีเสียอีกที่ไม่ต้องมาคอยปะทะคารมให้ไรอันยิ่งอารมณ์เสียกับเขามากขึ้นไปอีก

เรือลำเล็กออกจากอ่าวที่เรือใหญ่ทอดสมอและพาผู้ที่ต้องการจะดำน้ำตื้นซึ่งมีประมาณสามสิบคนไปยังอีกอ่าวหนึ่งซึ่งเป็นอ่าวปิด จากนั้นก็ทอดสมอให้ผู้ที่ต้องการชมปะการังและสัตว์น้ำได้ลงไปชมความงามใต้ผิวน้ำ ไรอันเหลือบมองณรงค์ด้วยสีหน้าไม่ค่อยเต็มใจขณะเข้าแถวรอคิว แต่พอหย่อนตัวลงน้ำแล้วหนุ่มลูกครึ่งก็คว้าหน้ากากขึ้นสวมก่อนจะว่ายห่างออกไป ณรงค์จึงไม่รอช้าที่จะตามลงไปทันที

แสงแดดอันแผดร้อนยามสายตัดกับความเย็นของน้ำทะเลสีครามที่ใสราวกับแก้ว และความงามของธรรมชาติใต้บาดาลก็ดูเหมือนจะช่วยละลายอารมณ์ขัดเคืองของไรอันไปได้ไม่น้อย เพราะในไม่ช้าหนุ่มลูกครึ่งก็เพลิดเพลินไปกับการว่ายชมสีสันของดอกไม้น้ำและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลจนลืมว่าณรงค์อยู่ข้างๆ ไปเสียสนิท

หลังจากดำน้ำชมปะการังกันได้ครู่ใหญ่ ณรงค์ก็เงยหน้าขึ้นจากน้ำแล้วมองไปรอบตัว และพบว่าเพื่อนร่วมงานต่างกำลังสนใจกับการดำผุดดำว่ายชมทิวทัศน์ใต้ท้องทะเล ส่วนคนขับเรือก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนเรือแถมหันหลังให้ เขาจึงว่ายเข้าไปหาไรอันแล้วฉุดข้อมือเบาๆ ให้ว่ายน้ำตามไปทางซอกโขดหินข้างหน้าผาไม่ห่างจากบริเวณที่ทุกคนกำลังดำน้ำกันอยู่มากนัก

เมื่อมาถึงมุมที่ค่อนข้างลับตาคนอื่นแต่ยังพอจะมองเห็นเรือได้ ณรงค์ก็ดึงไรอันเข้าไปหาแล้วจับให้อีกฝ่ายพิงหลังกับโขดหิน จากนั้นก็ปลดหน้ากากทั้งของไรอันและของตัวเองออก หนุ่มลูกครึ่งขมวดคิ้วเมื่อณรงค์ก้มลงหาและทาบทับริมฝีปากลงมา แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนแม้เมื่อถูกปลายลิ้นอุ่นหยอกเย้าจนจั๊กจี้ และเผยอปากให้ณรงค์ได้ดื่มด่ำกับความหวานภายในในที่สุด ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้าเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกจากคนขับเรือว่าหมดเวลาดำน้ำแล้ว แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้ถอยห่างและใช้ร่างตัวเองดันหนุ่มลูกครึ่งจนหลังติดโขดหินอยู่อย่างนั้น

ไรอันหน้าแดงก่ำเมื่อคนตัวใหญ่กว่าสบตาเขานิ่งพลางสอดมือเข้าใต้เสื้อชูชีพแล้วไล้นิ้วหัวแม่มือกับยอดอกข้างหนึ่งอย่างอ้อยอิ่ง ถึงแม้ว่าใต้เสื้อชูชีพจะยังมีเสื้อยืดอยู่อีกชั้น แต่เนื้อผ้าที่อุ้มน้ำจนแนบเนื้อก็ไม่ได้ช่วยลดความวาบหวามจากสัมผัสของนิ้วแข็งแรงได้เลย

“How old are you? Sixteen?”

หนุ่มลูกครึ่งปัดมือของณรงค์ออกและว่ายน้ำหนี ณรงค์จึงหัวเราะที่ในที่สุดไรอันก็ยอมพูดด้วยแม้จะเพื่อกระแนะกระแหน ร่างสูงใหญ่หมุนหน้ากากดำน้ำที่ห้อยคอไปไว้ด้านหลังพลางว่ายตามไปใกล้ๆ

“เฉพาะเวลาอยู่กับคุณเท่านั้นแหละ”

หลังจากสมาชิกทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ไกด์ก็นำขึ้นเรือใหญ่เพื่อเที่ยวชมรอบเกาะและพาไปทานอาหารกลางวันที่อีกเกาะหนึ่ง ช่วงนี้ณรงค์ปล่อยให้ไรอันนั่งทานข้าวกับพวกผู้บริหารโดยไม่ตามไปป้วนเปี้ยนเพื่อให้เจ้าตัวได้พักบ้าง แต่พอหมดเวลาอาหารและทุกคนสามารถเลือกพักผ่อนชมร้านค้าในหมู่บ้านชาวเลหรือเล่นน้ำตามอัธยาศัย ณรงค์ก็ตามประกบไรอันอีก ทั้งคู่เดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ในตลาดด้วยกัน แต่ไรอันก็เพียงหยิบข้าวของบางชิ้นมาดูแต่ไม่ได้ซื้อ

“คุณไม่อยากได้อะไรเลยเหรอ?”

ณรงค์ถามหลังจากเห็นไรอันเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกอีกร้านโดยไม่ซื้ออะไร หนุ่มลูกครึ่งยักไหล่แต่ก็ไม่ตอบ ดูเหมือนตอนนี้ความท้าทายของณรงค์ก็คือการพยายามทำให้อีกฝ่ายยอมสื่อสารกับเขาด้วยเสียงให้ได้ไปแล้ว ชายหนุ่มหยุดเดินที่หน้าร้านขายเครื่องประดับจุกจิกโดยปล่อยให้ไรอันเดินนำหน้าไปก่อน ครู่หนึ่งจึงค่อยเดินเร็วๆ ตามไปจนทันแล้วกระตุกข้อมือหนุ่มลูกครึ่งเบาๆ

ไรอันเอี้ยวคอมามองเขาพลางขมวดคิ้ว แต่ยังคงไม่พูดอะไรเช่นเดิม ณรงค์จึงยิ้มแล้วเอาของที่เพิ่งซื้อมาสวมลงบนคอให้

มันเป็นสร้อยใส่เล่นทำจากเส้นหนังสีดำที่ห้อยยาวลงจนถึงกลางอก ปลายด้านหนึ่งร้อยเข้ากับจี้ซึ่งทำจากเปลือกหอยสีขาวเหลือบประกายมุกที่แกะสลักเป็นรูปใบคลัฟเวอร์สี่แฉก สัญลักษณ์ที่ทางตะวันตกเชื่อว่าจะนำมาซึ่ง ‘ความโชคดี’ ให้แก่ผู้ที่พบหรือสวมใส่

ไรอันหยิบจี้ที่ห้อยคอขึ้นดูแล้วก็เม้มปากขณะที่ณรงค์อธิบาย “ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่านับถือพุทธ แต่อย่างน้อยเครื่องรางพวกนี้มันก็เป็นสากล ผมอยากให้คุณใส่ไว้จะได้โชคดีนะ รัก”

ณรงค์เรียกไรอันด้วยชื่อเล่นที่ไม่ได้เรียกมานาน และเมื่อคำนั้นหลุดจากปาก เขาก็รู้สึกเหมือนได้พูดความในใจไปด้วย บางทีที่เขาชอบเรียกไรอันด้วยชื่อเล่นก็เพราะมันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เขาจะได้สื่อสารความในใจให้อีกฝ่ายรู้บ่อยๆ นี่เอง

“...ทำไม?”

“หือ?”

ไรอันถามเสียงเบาจนณรงค์ต้องเงี่ยหูฟัง หนุ่มลูกครึ่งจึงเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมีประกายราวกับมีกองเพลิงเล็กๆ ที่สุมด้วยความโกรธอยู่ในนั้น

“ทำไมคุณไม่เลิกยุ่งกับผมเสียที! คุณมีเด็กคนนั้นแล้วไม่ใช่รึไง!? หรือว่าการมีคนรักหลายคนพร้อมกันมันสนุกนักถึงได้ตามรังควานผมอยู่ได้!??”

เสียงของไรอันเกือบจะเป็นตะเบ็งตอนท้ายประโยค ร่างของหนุ่มลูกครึ่งสั่นเทิ้มขณะที่ผิวหน้าแดงจัดด้วยอารมณ์อันคุกรุ่น คนรอบข้างที่เดินผ่านไปมารวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าเหลือบมองพวกเขาแล้วต่างก็รีบหันหน้าหนีหรือทำเป็นไม่สนใจ หากแต่ยังเป็นโชคดีของทั้งคู่ที่เดินเข้ามาในตลาดลึกมากจนคนอื่นในบริษัทยังเดินมาไม่ถึง บริเวณนั้นจึงไม่มีใครที่รู้จักพวกเขาเลย

ณรงค์ยืนจ้องตากับไรอันนิ่งอยู่กลางทางเดินโดยไม่หลบตา เขามองใบหน้าที่ฉายชัดถึงความโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่าย และสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ถูกบดบังด้วยน้ำเสียงและท่าทางฉุนเฉียวเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้โกรธตอบและมีเพียงความเข้าใจที่สะท้อนอยู่ในแววตา

ไรอันไม่ได้เกลียดเขา ข้อนี้ณรงค์ไม่สงสัยเลย ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนชกไปตั้งแต่ตอนที่นั่งจับมืออีกฝ่ายที่ห้องอาหารเช้าแล้ว แต่เพราะแผลในใจที่ฝังแน่นมาตั้งแต่เด็ก บวกกับความผิดของเขาเองที่ทำให้ไรอันปักใจว่าเขานอกใจไปมีคนอื่น ทำให้ไม่อาจยอมรับความรู้สึกของณรงค์ที่มาคอยตามงอนง้อได้อย่างง่ายดาย

และก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องเรียกความมั่นใจนั้นคืนมา ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีวันได้ใจของไรอันกลับมาอีกเลย

“มันไม่สนุกหรอกที่ต้องคอยปฏิเสธหัวใจตัวเองน่ะ และก็เพราะผมรู้แล้วว่ามันเจ็บแค่ไหน ผมถึงได้บอกเลิกเขาเพื่อจะมาตามง้อคุณคนเดียวนี่ไง”

“…ฮะ??”

ไรอันทำหน้าเหมือนหูฝาด และณรงค์ก็ชักจะเขินกับคำพูดเลี่ยนๆ ของตัวเอง แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้เขาก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อเท่านั้น

“ผมกำลังบอกว่าคนที่ผมรักมีแต่คุณคนเดียวไงล่ะ ยกโทษให้ผมแล้วกลับมาดีกันเถอะนะ”

ณรงค์คิดว่าได้ยินเสียงกลั้นหายใจจากหลายคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้น...



++---TBC---++



A/N: ขนาดเขียนเองยังเหนื่อยตามณรงค์ไปด้วย ดูเหมือนพอพ่อคุณอยากง้อก็กลับเข้าโหมดหื่นใส่ไรอันทันทีทันใด แต่คนอ่านอาจจะบอกว่านี่แหละนิยายของ Bellbomb ก็ได้นะ เพราะถ้าพระเอกไม่หื่นแล้วจะเขียนไม่ออกพิกล

มีคอมเม้นต์จากนักอ่านบางบอร์ดยุใ้ห้น้องตี้คู่กับพี่เจมส์ (ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะเรื่องนี้มีตัวละครเด่นน้อย) แต่ตอนนี้คงทำหลายคนอกหักดังเป๊าะเนื่องจากพี่เจมส์มีคู่เป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องเสียใจแทนน้องตี้ค่ะ เพราะว่าเราก็คิดหาคนมาคู่ให้น้องแล้วเหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร อย่างไร อะไร ที่ไหน(?) เท่านั้นแล ขอเขียนเรื่องของคู่หลักให้จบก่อน แค่นี้ก็ปวดเศียรแทบแย่แล้ว อิอิอิ

สำหรับตอนนี้ก็ทิ้งท้ายแบบให้ลุ้นกันต่ออีกนิด สารภาพว่าคิดชื่อตอนนานมว้ากเพราะมันก็ยังไม่ใช่ตอนสุดท้าย เลยมาลงตัวที่ "ตอนก่อนส่งท้าย" นี่แหละ แล้วไว้มาติดตามคำตอบของไรอันในตอนหน้ากันนะคะ หวังว่าคงเป็นตอนสุดท้าย-ท้ายสุดเหมือนกัน โฮ่ๆๆ


Create Date : 22 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2554 22:54:46 น. 14 comments
Counter : 855 Pageviews.

 
อัยย๊ะ อิ่มอกอิ่มใจ
สู้ต่อไป ณรงค์!

แอบคิดเหมือนกันว่าน่าจะเขียนเรื่องตี้ด้วย


โดย: Niii IP: 202.12.73.65 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:41:15 น.  

 
แอบแวะเข้ามาดูตอนบ่าย ดีใจจัง ^o^
นึกว่าคุณรินจะอัพตอนใหม่ปลายๆสัปดาห์ซะอีก
^
^
ตอนนี้เฮียแกตื๊อไม่เลิกจริงๆ แถมยังหื่นออกหน้าออกตาอีกด้วย (ตีตื้นเป้มาติดๆ )

จะช่วยลุ้นให้น้องฝรั่งใจอ่อนเร็วๆนะคะ (หรืออ่อนไปแล้วตั้งแต่กินข้าวเช้าด้วยกันก็ไม่รู้ อิอิ)


โดย: sherry IP: 80.254.146.36 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:30:08 น.  

 
เฮ้อออออออออออออออออ เหนื่อยกับการตามง้องอนของณรงค์ พี่ท่านมีความอดทนสูงมาก...อ่านปมของไรอัน แล้วก็ย้อนกลับมาคิดว่าหากคนเราจมอยู่กับปม ก็ทำให้ชีวิตหมดความสุขเนาะ ดูอย่างไรอันดิ เป็นทุกข์เป็นเดือนๆ เพราะมีปม และกลัวความรัก...นี่ถ้าณรงค์ไม่เป็นคนที่รักแล้วเลิกยาก ไรอันก็คงเป็นทุกข์ต่อไป...รออ่านความหวาน (จะมีมั๊ยน๊า) ในตอนต่อไปนะจ๊ะ


โดย: เอิงเอย IP: 116.73.32.85 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:33:15 น.  

 
อือม เริ่มดีแล้วจ้ะริน อีกนิด ก็จะเยี่ยม เฮ้อ ว่าแล้วก็ขว้างมาม่าทิ้ง กินน้ำแข็งใสใส่น้ำแดงดีกว่า อิอิ


โดย: น้ำค้าง IP: 124.122.128.178 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:29:01 น.  

 
น้องนิ จริงๆ เรื่องของน้องตี้นี่ไม่เคยมีคิดไว้เลยนะเนี่ย แต่พอโดนณรงค์ทิ้งก็เลยคิดว่า ถ้าปล่อยน้องไว้แบบนั้นคงคาใจพิกลน่ะค่ะ


----------


คุณเชอร์รี ตอนแรกก็กะจะเก็บไว้ลงปลายสัปดาห์เหมือนกันค่ะ แต่ไหนๆ ก็เขียนเสร็จแล้ว ไม่อยากให้คนอ่านรอกันนาน เดี๋ยวทิ้งช่วงแล้วจะพานไม่อินเอา ส่วนเรื่องความหื่น...มันคงอยู่ในดีเอ็นเอพระเอกของเราไปแล้วน่ะค่ะ ฮ่าๆๆ


----------


พี่เอิง ไรอันเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมปล่อยวางปมในใจง่ายๆ จริงๆ ด้วยล่ะค่ะ น่าคิดว่าถ้าหากคนที่คอยมาง้อไม่อึด + ถึก + ทน + ด้านแบบณรงค์จะเป็นยังไง (เอ...ชักไม่แน่ใจว่ากำลังชมหรือแขวะพระเอก) ตอนนี้อาจยังไม่ค่อยหวาน แต่เดี๋ยวตอนหวานเมื่อไหร่ณรงค์คงขอจัดเต็มให้คุ้มเหนื่อยละค่ะ นี่ขนาดตอดเล็กตอดน้อยระหว่างง้อยังกำไรไปตั้งเยอะละ


----------


น้ำค้าง อย่าลืมโปะขนมปังตัดเป็นรูปหัวใจบนน้ำแข็งใสด้วยน้า โฮ่ๆๆ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:51:40 น.  

 
คุณรินคะ ขอถามนิดนึงได้ป่าว..
^
^
"ภาคส่งท้าย" จะมาก่อนไปพม่า หรือหลังจากกลับจากพม่าคะ จะได้เตรียมตัว & เตรียมใจถูก ^o^



โดย: sherry IP: 80.254.146.36 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:55:57 น.  

 
คุณเชอร์รี น่านน่ะสิ จะลงให้ก่อนไปหรือหลังกลับมาดีน้อ ไปเจ็ดวันเชียวนะนั่น ^0^


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:17:44 น.  

 
แล้วแต่คนแต่งจะกรุณาค่ะ ;)

ps. เจ็ดวัน เหมือนเจ็ดปี... T_T



โดย: sherry IP: 223.206.97.107 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:17:11 น.  

 
คุณเชอร์รี มีแววว่าอาจจะได้อ่านหลังเรากลับจากพม่านะคะ เขียนไปแล้วยังไม่ถูกใจ ขอเวลาปรับจนกว่าจะเข้าที่ก่อน ระหว่างนี้มีอะไรให้อ่านเล่นฆ่าเวลาไปก่อนค่ะ (ตอนแรกอัพใน facebook ไว้ เลยเอามาลงบล็อกด้วยละกัน)


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:50:19 น.  

 
เอ๊า..... ฮึบ........ กลั้นหายใจตาม










เฮ้อ....... จบซะงั้น สงสัยคงต้องขอหายใจก่อน เดี่ยวค่อยมากลั้นต่อเมื่อใครบางคนกลับมาจากหนีเที่ยว เอ.... ว่าแต่มันจะนานไปมั้ยนั่น


ปล. ตอนนี้เค้าก็เล็งใครบางคนไว้คอยดามใจน้องตีตี้แล้วเหมือนกันแหละ แต่ม่ายรู้ว่าจะเล็งคนเดียวกับคนเขียนอ่ะป่าว เหอๆๆๆ กลัวใจคนเขียนจริงจริ๊ง....


โดย: aew IP: 192.168.51.19, 110.171.172.159 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:14:35 น.  

 
พี่แอ๋ว แอร๊ยยย์ แค่เจ็ดวัน นับนิ้วมือแล้วก็ห้านิ้วของหนึ่งมือ กับสองนิ้วของอีกมือเท่านั้นเอ๊งงงง นิดเดียวจริงๆ นะเห็นป่าว อิ๊ๆๆๆ

ส่วน ปล. เนี่ย ต้องบอกมาก่อนว่าเล็งใครไว้สำหรับน้องตีตี้ จะได้รู้ว่าเล็งคนเดียวกันอ๊ะป่าว ว่าแต่...แน่ใจฤาว่าใครคนนั้นเคยโผล่หน้าออกมาให้เห็นกันในเรื่องนี้แล้ว เหอ เหอ เหอ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:51:16 น.  

 
^
^

อ้าว.... งั้นสงสัยจะเล็งคนละคนกัน ว้า... เซ็งเลย


พูดก็พูดเหอะ... พี่ว่า... เราจับนายหว้ามาใส่ตระกร้าล้างความเป็นแมนเกินร้อยแล้วใส่พานขายให้น้องตีตี้กันเหอะ พี่อยากเห็นเด็กแสบปีนเกลียวหนุ่มหน้าใสอ่ะ เหอๆๆๆ จิ้นไปไกลอีกแระตรูทำเรื่องเค้าเสียหมดวุ้ย...


โดย: aew IP: 192.168.51.111, 110.171.172.159 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:33:31 น.  

 
^
^
น่ากลัวว่าไอ้หนูหว้ามันจะเด็กเกิ๊นจนไม่สนใจเรื่องมีแฟนน่ะสิคะ อีกอย่างอย่ายกระดับให้เป็นตัวเอกเล้ย แค่นานๆ โผล่ทีก็ทำคนเขียนปวดหัวจะแย่แร้ว XD



โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:06:14 น.  

 
เฮาก็เป็นอีกคนที่อยากให้พี่เจมส์คู่กับน้องตี้เหมือนกันค่ะ แต่ก็แห้วซะและ งั้นเราเชียร์ให้คู่กับคนใกล้ตัวพี่รงค์อีกคนนึงแทนแล้วกัน ก็คนที่เป็นรุ่นน้องที่ทำงานนั้นแหละค่ะ (จำชื่อไม่ได้ง่ะ แหะๆ)


โดย: Xuelang IP: 61.90.9.27 วันที่: 13 ธันวาคม 2554 เวลา:19:08:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.