Group Blog
 
All blogs
 
ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอนควันหลงสงกรานต์

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++


ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอนพิเศษ ควันหลงสงกรานต์


เสียงสายพานของลู่วิ่งไฟฟ้าในฟิตเนสกลางเมืองแห่งหนึ่งค่อยๆ ชะลอลง เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของร่างสูงใหญ่ที่เปลี่ยนจากวิ่งมาเดินเพื่อคลายกล้ามเนื้อหลังจากวิ่งมามากกว่าหนึ่งชั่วโมง สิบนาทีต่อมาณรงค์ก็ลงจากสายพานและคว้าผ้าขนหนูที่พาดไว้บนราวขึ้นมาซับเหงื่อบนหน้า

“ฮู่ววว”

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาวทางปากขณะเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย หลังจากเอาของที่ต้องการออกจากล็อคเกอร์แล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระคราบเหงื่อไคลหลังจากออกกำลังกายมาร่วมสองชั่วโมง เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็หยิบกระเป๋าและเดินออกจากฟิตเนสโดยพยักหน้าทักทายพนักงานที่เคาน์เตอร์หน้าทางออกด้วย

จะสี่โมงแล้ว...ไรอันบอกว่างานเลี้ยงจะเสร็จก่อนห้าโมงนิดหน่อย ยังไงโทรถามก่อนดีกว่าว่าพร้อมจะให้ไปรับหรือยัง...

ณรงค์ดูนาฬิกาข้อมือพลางคิดในใจ จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปในร้านกาแฟใกล้ทางเข้าฟิตเนสเพื่อซื้อกาแฟเย็น วันนี้เป็นวันอาทิตย์ก็จริง แต่ลูกค้าที่มาฟิตเนสและร้านกาแฟต่างบางตา ซึ่งอาจเป็นเพราะหลายคนลางานเพื่อไปเที่ยวกันตั้งแต่ก่อนวันหยุดยาวประจำปีใหม่ไทยแล้ว

ณรงค์วางกระเป๋าลงบนโต๊ะว่างตัวหนึ่งก่อนจะเดินไปสั่งกาแฟ หลังจ่ายเงินเรียบร้อยและกำลังยืนรอกาแฟที่สั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ส่งเสียงดังขึ้น พอเขาหยิบขึ้นดูก็พบว่าเป็นหมายเลขของบ้านที่กาญจนบุรี

“ฮัลโหล?”

“รงค์เหรอลูก? ทำอะไรอยู่จ๊ะ?”

เสียงอันคุ้นเคยของแม่เลี้ยงทักมาตามสายอย่างอบอุ่น ณรงค์จึงยิ้มขณะยื่นมือไปรับกาแฟเย็นที่พนักงานยื่นให้และเดินกลับไปที่โต๊ะ

“เพิ่งมาออกกำลังที่ฟิตเนสครับน้าหนิง เดี๋ยวเย็นนี้มีนัดไปกินข้าวกับเพื่อนต่อน่ะครับ”

เนื่องจากพ่อของณรงค์แต่งงานกับแม่เลี้ยงตอนที่เขาเรียน ม.ต้นและรู้ความพอแล้ว ณรงค์จึงไม่ได้เรียกแม่เลี้ยงว่าแม่แต่เรียกว่าน้า แต่กระนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่มีปัญหาเพราะณรงค์เป็นคนปรับตัวง่าย เขาจึงเข้ากับแม่เลี้ยงและน้องฝาแฝดชายหญิงที่เกิดห่างเขาหลายปีได้ดีทีเดียว

“เหรอจ๊ะ พอดีพ่อเราเขาฝากให้มาเตือนว่าอยากให้รงค์กลับบ้านช่วงสงกรานต์ เพราะเมื่อตอนปีใหม่ก็พลาดไปครั้งนึงแล้ว นี่ศรกับสาก็บ่นคิดถึงพี่ชายเหมือนกัน”

ณรงค์ยิ้มแห้งๆ แม้ว่าปลายสายจะไม่เห็น เพราะว่าเมื่อตอนปีใหม่เขาไม่ได้กลับบ้านทั้งที่สัญญาไว้เพราะมีงานของลูกค้าที่ต้องปรับแบบกะทันหัน เขาในฐานะซีเนียร์ดีไซเนอร์ที่รับผิดชอบโปรเจ็คต์นั้นจึงต้องทำงานที่ออฟฟิศข้ามปีอย่างไร้ทางเลือก

“คราวนี้กลับแน่นอนครับน้าหนิง แต่คงจะไปเช้าวันที่สิบสามเพราะวันที่สิบสองออฟฟิศผมยังไม่ปิดเลย คงไปถึงบ้านตอนสายๆ บอกศรกับสาด้วยแล้วกันว่าผมจะซื้อขนมไปให้”

“งั้นก็ดีจ้ะ แล้วรงค์มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษมั้ย? น้าจะได้เตรียมของทำไว้ให้ เราไม่ได้กินกับข้าวฝีมือน้านานแล้วนี่นา”

ชายหนุ่มหัวเราะขณะเกี่ยวกระเป๋าขึ้นคล้องบนไหล่ซ้ายที่ถือแก้วกาแฟ จากนั้นก็ใช้ศอกขวาที่ถือโทรศัพท์ดันประตูออกเพื่อเดินไปที่ลานจอดรถ

“น้าหนิงทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหละครับ แต่ว่ามีต้มกะทิสายบัวกับหลนปูเค็มด้วยก็ดี ที่กรุงเทพหากินอร่อยๆ ไม่ค่อยได้เลย”

“ต้มกะทิสายบัวกับหลนปูเค็มนะ ได้เลย ถ้างั้นก็ขับรถมาดีๆ นะ แล้วเดี๋ยวเจอกันวันที่สิบสามจ้ะ”

ณรงค์เปิดประตูเข้านั่งในรถแล้วโยนกระเป๋าไว้ด้านหลัง ขณะเดียวกันก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบเอ่ยก่อนอีกฝ่ายจะวางสาย “น้าหนิงครับ ฝากบอกพ่อว่าผมจะพาเพื่อนไปด้วยอีกคนนะครับ เดี๋ยวให้นอนห้องเดียวกับผมก็ได้”

“อื๋อ? เพื่อนเหรอ? ได้สิ แล้วน้าจะเตรียมที่นอนเผื่อไว้ให้แล้วกันนะ”

ณรงค์กำลังจะตอบว่าไม่เป็นไรแต่หยุดไว้ทัน เพราะถ้าบอกที่บ้านว่าคนที่จะพาไปด้วยคือแฟนเขาเองเดี๋ยวจะแตกตื่นกันเสียหมด อีกอย่างก็ไม่แน่ว่าไรอันจะยินยอมนอนเตียงเดียวกับเขา และที่สำคัญ...เขายังไม่ได้ถามเจ้าตัวเลยว่าอยากไปบ้านเขาหรือเปล่า

“ครับ งั้นเดี๋ยวเจอกันครับน้าหนิง ฝากสวัสดีพ่อกับเจ้าสองตัวนั่นด้วย”

หลังจากวางสาย ณรงค์ก็กดหาหมายเลขของไรอันแล้วกดโทรออก เขาหยิบกาแฟเย็นมาดูดอึกหนึ่งระหว่างรอสาย ไม่นานก็ได้ยินเสียงตอบรับ

“ฮัลโหล?”

“ผมพร้อมจะไปรับแล้วนะ งานเลี้ยงของเพื่อนคุณจบหรือยัง?”

“ก็คงอีกไม่นานหรอก คุณมาเลยก็ได้ ถึงแล้วโทรเข้ามือถือผมอีกทีแล้วกัน”

“โอเค”

ณรงค์วางสายก่อนจะวางแก้วกาแฟและสตาร์ทรถ พอออกมาพ้นจากเงาของลานจอดก็พบว่าแดดภายนอกแรงจนต้องหยิบแว่นกันแดดมาสวม โชคดีว่าการจราจรที่ค่อนข้างโล่งทำให้เขาขับรถได้แบบสบายๆ

นับตั้งแต่เขากับไรอันเริ่มคบกันจนกระทั่งทำให้ความสัมพันธ์ชัดเจนขึ้นเมื่อวันวาเลนไทน์ พวกเขาก็มักจะนัดเจอและใช้เวลาด้วยกันแทบจะทุกวันหยุด เพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นการนัดกันออกไปทานข้าวหรือดูหนังกันข้างนอกมากกว่าอยู่ที่ห้อง และความจริงแล้วไรอันก็มีรถและขับไปทำงานเองทุกวัน แต่สำหรับวันหยุดนั้นณรงค์เป็นคนออกปากเองว่าอยากเป็นคนไปรับไปส่ง ดังนั้นหากอีกฝ่ายออกไปข้างนอก เขาก็ต้องตามไปรับเช่นเดียวกับในวันนี้

ส่วนสาเหตุที่วันนี้ไรอันไม่ได้อยู่ที่คอนโดของเจ้าตัว ก็เพราะว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของสถานทูตออสเตรเลียซึ่งรู้จักกันได้จัดงานเลี้ยงน้ำชายามบ่ายที่บ้าน และได้เชิญเพื่อนฝูงที่รู้จักไปร่วมงานด้วย ตอนแรกไรอันก็ถามเขาแล้วว่าจะไปด้วยไหม แต่ณรงค์คิดว่าถึงเขาไปก็คงไม่สนุกเพราะไม่รู้จักใคร จึงขอตัวและค่อยไปรับหนุ่มลูกครึ่งทีหลังดีกว่า

ยี่สิบนาทีต่อมาณรงค์ก็ถึงที่หมาย ชายหนุ่มชะลอรถจอดเมื่อถึงหน้ารั้วบ้านตามหมายเลขที่ไรอันบอกไว้ จากนั้นก็โทรศัพท์เข้าไปหาหนุ่มลูกครึ่งอีกทีเพื่อบอกว่าเขามาถึงแล้ว ไม่นานคนที่รอก็เดินมาขึ้นรถและปิดประตูตามอย่างไม่ออมแรง

“Stupid bunch of useless trash.”

ชายหนุ่มหลังพวงมาลัยเลิกคิ้วหลังได้ยินคำสบถจากคนที่นั่งข้างๆ ไรอันเหลือบตามองเขาแล้วเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรไปจึงรีบแก้ตัว

“ขอโทษ ผมไม่ได้หมายถึงคุณ เราไปกันเถอะ”

“อืม”

ณรงค์ไม่ได้ถามต่อและเพียงแต่ออกรถ เพราะรู้ว่าถึงไม่ถามเดี๋ยวไรอันก็คงเล่าให้ฟังเองเพราะอีกฝ่ายเป็นคนตรงไปตรงมา และผ่านไปไม่ถึงห้านาที หนุ่มลูกครึ่งก็บ่นออกมาจริงๆ

“ผมไม่ได้ชอบมางานเลี้ยงของพวกเอ็กซ์แพทแบบนี้หรอกนะ ผมก็รู้อยู่หรอกว่าที่นี่ไม่เหมือนกับออสเตรเลีย แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างมันแย่ไปซะหมด ถ้าพวกเขาเจอกันทีไรก็เอาแต่บ่นเรื่องเมืองไทยกับคนไทยก็ไม่น่าจะมาที่นี่ตั้งแต่แรก What a bunch of moronic losers.”

ณรงค์ยิ้ม เพราะเขาเคยได้ยินไรอันเล่าให้ฟังมาก่อนแล้วว่าพวกคนต่างชาติที่มาทำงานหรือใช้ชีวิตที่เมืองไทยนานๆ เวลาเจอกันจะชอบนินทาเรื่องผู้คนหรือสังคมที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าเขาเองจะไม่เคยไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ณรงค์ก็คิดว่าสังคมคนไทยในต่างประเทศคงไม่ต่างกันเท่าไหร่

“ผมดีใจที่คุณไม่เหมือนพวกเขานะ”

ณรงค์หันไปบอกคนที่นั่งข้างๆ เพราะการที่ไรอันไม่ร่วมวงนินทากับคนอื่นก็แปลว่าไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการใช้ชีวิตที่นี่ อีกสาเหตุหนึ่งก็อาจเป็นเพราะที่นี่คือบ้านเกิดของแม่ซึ่งเป็นชาวไทยแต่ตอนนี้ไปอาศัยอยู่ที่ออสเตรเลียด้วย หนุ่มลูกครึ่งสบตาเขาผ่านเลนส์แว่นกันแดดที่ณรงค์ใส่อยู่ จากนั้นสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เมื่อครู่ก็ดูจะดีขึ้นบ้าง

“ผมคุณยังไม่แห้งเลย”

ไรอันทักพลางยกปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยไรผมบนหน้าผากของณรงค์ให้ คนถูกทักจึงยิ้ม เขาไม่รู้ว่าไรอันรู้ตัวหรือเปล่าว่าเริ่มใส่ใจรายละเอียดของเขามากขึ้นจากที่เมื่อก่อนแทบไม่เคยสนใจ และความเย็นชาที่มีให้เขาเวลาอยู่ออฟฟิศก็เริ่มลดลง แม้ทั้งคู่จะยังไม่ได้ออกตัวหรือบอกกับเพื่อนร่วมงานว่ากำลังคบกันก็ตาม และณรงค์ก็คิดว่าดีเหมือนกันที่ไม่บอก ไม่อย่างนั้นหลายคนคงได้พากันให้ความสนใจพวกเขาจนน่ารำคาญแน่ๆ

“พอดีผมอาบน้ำหลังออกกำลังเสร็จก็ออกมาเลยน่ะ ว่าแต่เย็นนี้คุณอยากไปกินข้าวที่ไหน?”

ณรงค์ถามหลังจากออกมาสู่ถนนใหญ่ได้สักพัก เพราะเรื่องร้านอาหารนั้นเขายกให้ไรอันตัดสินใจทุกครั้งเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างจะเลือกกิน ต่างกับเขาที่กินอะไรก็ได้ แต่ถ้าให้เลือกณรงค์ก็ชอบอาหารไทยบ้านๆ ที่สุดอยู่ดี

“ไปร้านเดียวกับเมื่ออาทิตย์ก่อนก็แล้วกัน เขามีอาหารให้เลือกเยอะดี”

ณรงค์พยักหน้ารับแล้วก็หักเลี้ยวรถเพื่อไปยังร้านดังกล่าว โชคดีที่ร้านนั้นมีทั้งอาหารไทยและเทศ ณรงค์จึงรู้ว่าอย่างน้อยก็มีเมนูที่เขาสั่งมาทานโดยไม่รู้สึกเลี่ยนได้แน่ๆ และบางทีที่ไรอันเลือกร้านนั้นก็อาจเพราะคิดเผื่อตรงนี้ให้เขาก็เป็นได้

หลังจากทั้งสองทานมื้อเย็นกันเสร็จก็เดินเล่นย่อยอาหารตามร้านเสื้อผ้าและเครื่องใช้ในบ้านกันอีกเล็กน้อย ขณะที่กำลังเดินดูโคมไฟแต่งบ้านในร้านเฟอร์นิเจอร์ด้วยกัน ณรงค์ก็เอ่ยถามไรอันขณะที่อีกฝ่ายกำลังพิจารณาโคมไฟตั้งโต๊ะที่ทำจากเรซินหลากสีอันหนึ่งอยู่

“ช่วงหยุดสงกรานต์นี้ผมจะกลับบ้านที่กาญจนบุรีนะ”

ไรอันเหลือบตามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะวางโคมไฟในมือลงบนชั้น จากนั้นก็หยิบโคมไฟที่วางถัดไปขึ้นมาดูใกล้ๆ “I remember. คุณเคยบอกผมแล้ว”

ณรงค์ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเขาไม่ค่อยทำบ่อยนัก “Do you want to come with me?”

“หือ?”

หนุ่มลูกครึ่งหันมองเขาเต็มตาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม ณรงค์จึงหยิบโคมไฟในมือไรอันไปวางที่เดิมก่อนจะถามอีกครั้งเป็นภาษาไทย

“ผมอยากชวนคุณไปเที่ยวที่บ้าน ยังไงช่วงหยุดยาวนี้คุณก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่คุณนี่นา ถ้างั้นก็ไปบ้านผมแทนก็ได้ พ่อกับแม่เลี้ยงผมใจดีนะ”

เพียงแต่ไอ้เจ้าน้องฝาแฝดอาจจะซนแล้วก็ชอบสาระแนไปหน่อย....ณรงค์คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา จากนั้นก็ยืนสบตากับไรอันนิ่งระหว่างรอคำตอบ เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจึงหลุบตาลงนิดหนึ่ง

“แต่นั่นมันช่วงเวลาที่คุณควรจะได้ใช้กับครอบครัวไม่ใช่เหรอ? ผมอยู่คนเดียวได้หรอกน่ะ สงกรานต์ปีที่ผ่านมาผมก็อยู่กรุงเทพคนเดียวเหมือนกัน”

หนุ่มลูกครึ่งเอ่ยพลางหมุนตัวออกเดินไปตามชั้นวางที่เรียงรายไปด้วยโคมไฟตั้งโต๊ะหลากขนาด ณรงค์จึงรีบสาวเท้าตามและคว้าข้อมือข้างหนึ่งไว้

“ก็ปีที่แล้วนั่นผมกับคุณยังไม่สนิทกันนี่ ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก นี่ผมก็บอกแม่เลี้ยงไว้แล้วว่าจะพาเพื่อนไปด้วย ถ้าหากคุณไม่ไปผมก็แย่สิ”

“How’s that my problem?”

ไรอันหยุดเดินแล้วหันกลับมาหรี่ตาถาม แต่ณรงค์ก็ไม่ได้ปล่อยมือ จริงอยู่ว่าอีกฝ่ายลดความเย็นชาที่มีให้กับเขาลงมากแล้ว แต่บางครั้งก็ยังทำตัวเหมือนไม่อยากสนิทสนมกับเขามากเกินไป บางทีอาจเป็นเพราะยังไม่คิดว่าจะลงหลักปักฐานที่เมืองไทยไปตลอด จึงไม่อยากจะถลำลึกกับเขามากเกินไปก็เป็นได้

ยิ่งอยากหนียิ่งต้องตาม...

ณรงค์คิดในใจ และเพียงแต่ยิ้มอ่อนๆ ขณะสบตาหนุ่มลูกครึ่งกลับ “ผมแค่ไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียวเพราะปีนี้บริษัทเราหยุดตั้งหลายวัน อีกอย่างคุณยังไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดเลยนอกจากทริปของบริษัทเมื่อปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยเถอะ ถ้าไปแล้วคุณไม่ชอบจริงๆ เราไม่ต้องอยู่กันตลอดวันหยุดก็ได้”

ณรงค์ค่อยๆ ขยับมือที่จับมือของไรอันไว้แล้วสอดนิ้วเข้าไปประสานกับนิ้วของอีกฝ่าย ไรอันเม้มปากพลางหันไปมองทางอื่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาสบตาเขาอีกครั้งแล้วถอนหายใจ

“Fine, I’ll go.”

ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มเมื่อได้คำตอบที่ต้องการ จึงปล่อยมือที่กุมกันไว้เมื่อครู่เพื่อให้ไรอันเลือกซื้อโคมไฟต่อแต่โดยดี และสุดท้ายหนุ่มลูกครึ่งก็ตัดสินใจซื้อโคมไฟตั้งโต๊ะทรงกลมขนาดเท่าลูกฟุตบอลที่ทำจากแก้วโมเสคสีขาวสลับน้ำเงินเป็นลายตาราง เวลาเปิดไฟแล้วแสงสีส้มที่อยู่ด้านในจะทะลุแก้วออกมาให้แสงนวลตา แต่เหมาะเอาไว้ประดับมากกว่าเอาไว้เปิดให้แสงสว่าง

เนื่องจากวันรุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์และทั้งสองยังต้องทำงาน ณรงค์จึงไปส่งไรอันแต่หัวค่ำทั้งที่เพิ่งจะสามทุ่มกว่าเท่านั้น เมื่อจอดรถที่หน้าคอนโดแล้วก็เดินตามขึ้นไปส่งที่หน้าห้องเหมือนทุกครั้ง

“งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศนะ กู๊ดไนท์”

ณรงค์เอ่ยเมื่อมาถึงหน้าห้องและไรอันไขกุญแจประตูแล้ว แต่แล้วก็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อหนุ่มลูกครึ่งยื่นถุงใส่กล่องโคมไฟที่ถือมาให้

“ผมซื้อมาให้คุณนั่นแหละ Take it.”

ณรงค์ทำสีหน้าแปลกใจขณะรับโคมไฟไปถือไว้ ไรอันเห็นดังนั้นจึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ผมจำได้ว่าโคมไฟที่ห้องคุณมีแต่แบบกลมๆ สีขาวธรรมดา ดูแล้วจืดชืดไม่สมกับที่เป็นซีเนียร์ดีไซเนอร์บริษัทเราสักนิด ผมเลยซื้อนี่ให้คุณเอาไปตั้งไว้ที่ห้องไง”

“หือ? ถ้างั้นที่คุณเลือกโคมไฟอยู่ตั้งนานเมื่อกี้ก็เพื่อซื้อให้ผมเนี่ยนะ?”

ณรงค์ถามเพื่อความแน่ใจ เพราะตอนอยู่ที่ร้านด้วยกันนั้นเขาไม่เอะใจแม้แต่น้อยว่าไรอันกำลังเลือกของให้เขา เพราะนึกว่าอีกฝ่ายเพียงแต่ใช้เวลาเลือกซื้ออย่างพิถีพิถันเหมือนที่ทำเป็นปกติอยู่แล้วเสียอีก

โหนกแก้มของคนถูกถามดูจะเรื่อสีเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย แต่ไรอันก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการยักไหล่ “It’s nothing. It’s just…I have never bought you anything while you take me out to dinner every weekend, so…why not?”

ไรอันมองมาทางเขาขณะพูดก็จริงแต่กลับไม่ได้สบตาเขาเลย ณรงค์จึงได้แต่ยิ้มกว้าง ความดีใจเพราะสิ่งที่ได้จากคนตรงหน้าเอ่อล้นจนในอกพองแน่นไปหมด

“รู้ตัวหรือเปล่า ว่าเวลาคุณเขินแล้วจะชอบพูดแต่ภาษาอังกฤษใส่ผมน่ะ? แถมนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยนะ”

ณรงค์ถามยิ้มๆ ขณะที่หนุ่มลูกครึ่งอ้าปากจะแย้ง แต่ก็จนด้วยคำพูดเพราะเถียงไม่ออก สุดท้ายเจ้าของห้องจึงหันกลับไปเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านใน

“Whatever. Go to hell.”

ถึงแม้จะฟังแล้วเหมือนคำด่า แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับฟังแล้วอ่อนแรงชอบกล ณรงค์มองประตูไม้สีขาวที่ปิดลงแล้วก็ได้แต่หัวเราะ ก็เพราะความน่ารักแบบนี้น่ะสิที่ทำให้เขาอยากผูกมัดหนุ่มลูกครึ่งไว้กับตัวเองมากขึ้นทุกที ต่อให้อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าและตำแหน่งสูงกว่าเขาก็ตาม

ว่าแต่เมื่อกี้หยอกมากไปเลยลืมทวงกู๊ดไนท์คิสเลย...อุตส่าห์ทนรอมาตั้งอาทิตย์นึง เอาไว้ตอนกลับบ้านช่วงสงกรานต์ค่อยทวงก็แล้วกัน...

++------++

หลังจากผ่านวันทำงานไปอีกสองวัน ในที่สุดก็ถึงเช้าวันเดินทาง ณรงค์นัดไรอันว่าจะไปรับที่คอนโดตอนเก้าโมงเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบตื่นแต่เช้าในวันหยุด ที่สำคัญวันที่สิบสามเมษาก็มีรถออกนอกเมืองไม่ค่อยเยอะแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเผื่อเวลาสำหรับรถติดสักเท่าไหร่

เมื่อจอดรถหน้าคอนโดแล้วณรงค์ก็โทรศัพท์ขึ้นไปบอกไรอัน ห้านาทีต่อมาหนุ่มลูกครึ่งก็เดินมาที่รถพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อม วันนี้อีกฝ่ายแต่งตัวแปลกตาจากทุกครั้งที่เจอกัน เพราะแม้วันหยุดไรอันจะชอบแต่งตัวสบายๆ ด้วยกางเกงขายาวกับเสื้อยืด แต่วันนี้หนุ่มลูกครึ่งใส่กางเกงผ้าสีกากีขาสั้นเสมอเข่ากับเสื้อยืดแขนกุด แม้ว่าจะไม่เข้ารูปนักแต่ก็เผยให้เห็นผิวสีงาช้างช่วงหัวไหล่และบ่ากว้าง รวมทั้งเรียวขาที่เขาเคยเห็นครั้งสุดท้ายตั้งแต่คืนคริสต์มาสอีฟเมื่อปลายปีก่อนที่ช่วยถอดเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้ได้ถนัดตา และณรงค์ก็พบว่าเขากำลังนึกโยงภาพที่เห็นกับความทรงจำในคืนนั้นจนรู้สึกว่าในคอแห้งผาก

“What are you looking at?”

ไรอันที่สวมแว่นกันแดดเลนส์สีชาหันมาถามหลังจากที่เข้ามานั่งในรถและหันไปวางกระเป๋าไว้บนเบาะหลัง ณรงค์จึงนึกดีใจที่แว่นกันแดดของตัวเองสีเข้มพอ เพราะอย่างน้อยไรอันคงไม่ทันเห็นแววตาของเขาที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์

“ไม่มีอะไร แค่นานๆ ทีจะเห็นคุณแต่งตัวแบบนี้”

หนุ่มลูกครึ่งก้มลงมองตัวเองแล้วยักไหล่ “ก็วันนี้อากาศร้อน อีกอย่างเวลาอยู่ที่เมลเบิร์นผมก็แต่งตัวแบบนี้ทุกวันหยุดนั่นแหละ”

ณรงค์ส่งเสียงรับในคอก่อนจะออกรถ อดนึกอิจฉาเพื่อนๆ กับคนรอบตัวของไรอันไม่ได้ที่ได้เห็นอีกฝ่ายเวลาแต่งตัวสบายๆ อย่างนี้มากกว่าเขา แล้วก็เหลือบตามองอย่างแปลกใจเมื่อหนุ่มลูกครึ่งเอนเบาะลงทำท่าจะนอนทั้งที่เพิ่งออกจากคอนโดได้ไม่กี่นาที

“คุณยังง่วงอยู่เหรอ?”

“เมื่อคืนผมคุยสไกป์กับที่บ้านแล้วก็เพื่อนๆ จนดึกน่ะ กว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่า เดี๋ยวถึงบ้านคุณเมื่อไหร่ก็ปลุกผมด้วยแล้วกัน”

ไรอันเอ่ยพลางหยิบหมอนอิงใบเล็กจากเบาะด้านหลังมากอดแล้วหลับตาลง ณรงค์มองภาพนั้นแล้วก็หัวเราะ

“จะไม่ตื่นแล้วคอยคุยเป็นเพื่อนผมหน่อยเหรอ ถ้าเกิดผมหลับในแล้วพาไปชนเสาไฟฟ้าระหว่างทางจะทำไงล่ะ?”

หนุ่มลูกครึ่งพ่นหัวเราะทางจมูกแต่ไม่ได้ลืมตา แถมยังทำท่ากอดหมอนแน่นขึ้นอีก “You wouldn’t do that.”

ณรงค์ยิ้มแต่ไม่ได้เซ้าซี้อีก ถ้าหากระหว่างที่คบกันมาจะมีอะไรที่เขาเรียนรู้เกี่ยวกับไรอันเพิ่มขึ้น ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่หากอีกฝ่ายต้องการพักผ่อนก็หมายความอย่างนั้นจริงๆ เพราะขนาดเมื่อวันวาเลนไทน์ที่นอนทับเขาบนโซฟายังหลับสนิทได้ จนสุดท้ายเขาต้องอุ้มเจ้าตัวไปนอนบนตียงเพื่อจะได้ไม่ตื่นมาปวดหลังกันทั้งคู่

ระหว่างที่รถติดไฟแดง ณรงค์สังเกตว่าแดดส่องเข้าทางหน้าต่างฝั่งที่ไรอันนั่งอยู่ แต่ดูอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกตัวทั้งที่เริ่มมีเหงื่อซึมตามไรผม เขาเลยเร่งแอร์ในรถขึ้นแล้วหันไปเอาเสื้อแจ็คเก็ตที่คลุมไว้บนพนักตัวเองออกคลุมให้ เพราะระยะทางที่ต้องไปบ้านเขานั้นยังอีกไกล ถ้าปล่อยให้ไรอันนอนตากแดดไปเรื่อยๆ คงผิวไหม้หมดแน่

ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นสางผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนที่ชื้นเหงื่อออกจากหน้าผากเนียน จากนั้นก็ยิ้มเมื่อคนหลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นถูจมูกและดึงแจ็คเก็ตขึ้นจนถึงคออย่างงัวเงีย ภาพที่เห็นทำให้เขาอดใจไม่ไหว ต้องก้มลงไปหอมแก้มคนที่เอียงหน้ามาทางเขาโดยไม่รู้ตัวเสียทีหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาออกรถเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี

และเพราะความที่ณรงค์มัวจดจ่อสายตาอยู่กับถนนเบื้องหน้านี่เอง เขาจึงไม่ได้รู้เลยว่าคนข้างตัวแอบหรี่ตาขึ้นมองเขาผ่านเลนส์แว่นกันแดดสีชาที่ใส่บังไว้ จากนั้นเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น ก่อนที่จะค่อยปิดตาลงและหลับลึกจริงๆ ไปตลอดเส้นทาง


++------++


เกือบบ่ายโมงณรงค์ก็ขับรถมาถึงบ้านที่กาญจนบุรี ทางเข้าบ้านของเขารายล้อมด้วยสวนผลไม้ร่วมสองร้อยไร่ ส่วนตัวบ้านก็ค่อนข้างใหญ่เพราะกิจการผลไม้ที่พ่อของเขาทำมาตั้งแต่ยังหนุ่มดำเนินไปได้ดี ไรอันรู้สึกตัวตื่นตอนที่ณรงค์ลงจากรถไปเปิดประตูรั้ว เมื่อณรงค์กลับมานั่งประจำที่อีกครั้ง หนุ่มลูกครึ่งจึงยันตัวขึ้นนั่งตรงและหยีตามองไปรอบๆ

“ถึงบ้านคุณแล้วเหรอ?”

“อื้อ ตอนที่คุณหลับแม่เลี้ยงผมโทรมาบอกว่าพ่อออกไปดูสวน คงอีกสักพักถึงจะกลับมา แต่ว่าน้องๆ ผมอยู่บ้านกันหมด พวกนั้นยังเด็กอยู่ก็เลยอาจจะชอบคุยชอบถามซอกแซกหน่อย ถ้าหากรำคาญก็บอกผมแล้วกัน”

ไรอันดันพนักเก้าอี้ขึ้นตั้งตรงพลางเหยียดแขนบิดขี้เกียจ จากนั้นก็ลงจากรถตามณรงค์เมื่ออีกฝ่ายจอดรถในโรงรถแล้ว ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะก้าวเข้าไปในตัวบ้านก็มีเด็กวัยรุ่นสองคนวิ่งแข่งกันออกมากอดเอวณรงค์ไว้จนหนุ่มลูกครึ่งเลิกคิ้ว

“เย้!! พี่รงค์มาแล้ว ไหนขนมที่บอกว่าจะซื้อมาให้อ้ะ?”

“พี่รงค์ ศรอยากได้พีเอสพี ซื้อให้หน่อยดิ”

ฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาคล้ายกันมากต่างแย่งกันพูดและเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายเป็นพัลวัน ณรงค์จึงหันมายิ้มให้ไรอันที่ยืนเยื้องไปข้างหลังและแนะนำน้องๆ ให้รู้จัก

“ศร สา ปล่อยพี่ก่อน พี่พาเพื่อนมาด้วย นี่ไรอันนะ เป็นเจ้านายพี่ที่ออฟฟิศ ไรอัน นี่ยายสากับเจ้าศร น้องๆ ผมเอง ปีนี้จะอายุสิบห้าแล้ว”

แฝดทั้งสองหันมองคนที่พี่ชายแนะนำอย่างสนใจ พอเห็นหน้าของไรอันถนัดก็พากันทำหน้าเหลอหลา

“หวา! ลูกครึ่งนี่นา อ่า...เฮลโล่? กู้ด มอร์นิ่ง? เอ๊ย! กู้ด อาฟเตอร์นูน??” เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจพลางใช้มือหนึ่งเกาหัว ส่วนเด็กสาวทำตาลอยแล้วกระตุกเสื้อณรงค์

“หล่อจัง....เขาพูดไทยได้ไหมอะพี่รงค์?”

ณรงค์หันไปเหล่ใส่น้องสาวที่ถามอะไรแก่แดด แล้วก็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของไรอัน พอหันไปก็พบว่าอีกฝ่ายถอดแว่นกันแดดออกเสียบไว้บนเสื้อแล้วและกำลังยิ้มอย่างใจดีให้กับน้องๆ ของเขาอยู่

“พูดได้ครับ เรียกพี่ว่าพี่รักก็ได้ น้องสา น้องศร”

ณรงค์รู้สึกว่าหางคิ้วกระตุก จึงรีบตักเตือนมารยาทน้องๆ ทันที “เจ้าพวกนี้ พี่แนะนำตัวให้แล้วยังไม่รีบไหว้อีก เดี๋ยวก็ให้แม่เขามาตีให้ซะหรอก”

น้องฝาแฝดของณรงค์แลบลิ้นให้พี่ชายก่อนจะหันกลับมาไหว้ไรอัน หนุ่มลูกครึ่งยกมือรับไหว้ด้วยมุมปากที่ยังยกขึ้นน้อยๆ เมื่อเด็กๆ ทำความเคารพกันเสร็จ ณรงค์จึงยื่นกุญแจรถให้น้องชายแล้วใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางโรงรถ

“ขนมกับของฝากอยู่ท้ายรถ เอากระเป๋าของพวกพี่สองคนลงมาแล้วเอาไปไว้บนห้องให้ด้วย เดี๋ยวพี่จะพาไรอันไปไหว้น้าหนิง”

“คร้าบ / ค่า”

ทั้งสองรับคำแล้วก็พากันวิ่งออกไปที่รถซึ่งจอดอยู่ในโรงรถ ไรอันจึงหันมาถาม “นี่คุณไม่ใช้แรงงานพวกน้องๆ ไปหน่อยเหรอ?”

ณรงค์ส่ายหน้าและเดินนำไปทางห้องครัวเพราะได้ยินเสียงจากทางนั้น “แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกน่ะคุณ จะได้สอนให้รู้ว่าถ้าอยากได้อะไรก็ต้องทำงานแลกบ้าง อีกอย่างกระเป๋าของคุณกับของผมก็ไม่ได้หนักอะไรสักหน่อย”

ภายในห้องครัวขนาดย่อม หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมนิดหน่อยคนหนึ่งกำลังยืนทำกับข้าวอยู่หน้าเตาแก๊ส เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจึงวางทัพพีลงบนจานรองแล้วเดินพร้อมรอยยิ้มเข้ามาหาทั้งคู่

“ไงจ๊ะ ได้ยินเสียงรถกับเสียงเด็กๆ น้าก็รู้แล้วล่ะว่าเรามาแล้ว แต่ติดว่าแกงเดือดอยู่เลยไม่ได้ออกไปรับ เดี๋ยวก็ใกล้จะได้กินกันแล้วล่ะ”

น้ำเสียงอบอุ่นและรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้คนที่ได้พบเห็นรู้สึกสบายใจได้ทันที ณรงค์ยกมือไหว้แล้วก็เข้าไปกอดและหอมแก้มแม่เลี้ยงก่อนจะหันมาแนะนำคนที่พามาด้วย

“น้าหนิงครับ นี่ไงครับเพื่อนที่ผมบอกจะพามาด้วย ไรอันครับ”

ไรอันรีบยกมือไหว้ และเอ่ยทักทายเป็นภาษาไทยด้วยเลยเพื่อไม่ให้ต้องเกิดคำถามอีกว่าเขาพูดไทยได้ไหม เพราะว่าถึงแม้โครงหน้าจะดูคมเข้มเพราะเชื้อไทยจากแม่ แต่สีผมกับสีตาที่ค่อนข้างอ่อนก็อาจทำให้เขาดูละม้ายไปทางฝรั่งมากกว่า

“สวัสดีครับ”

ผู้สูงวัยกว่ายกมือรับไหว้แล้วยิ้มกว้างที่ได้ยินภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ “สวัสดีจ้ะ ไรอัน”

“เรียกผมว่ารักก็ได้ครับ”

“หืม? ชื่อไทยชื่อรักเหรอจ๊ะ? คุณพ่อคุณแม่ช่างคิดจัง เพิ่งมาถึงกันเหนื่อยๆ เดี๋ยวรงค์พาเพื่อนขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยลงมากินข้าวดีกว่า กลางวันนี้พ่อเขาคงไม่ได้กลับมากินข้าวด้วย ก็คงมีแต่พวกเรากับเด็กๆ อีกสองคนนี่ล่ะ”

ณรงค์พยักหน้า “ครับ งั้นเดี๋ยวพวกผมขึ้นไปบนห้องก่อนนะ”

ระหว่างกำลังเดินขึ้นบันได ฝาแฝดทั้งสองก็วิ่งแข่งกันลงมาและสวนกับณรงค์พอดี ชายหนุ่มจึงไล่ให้ทั้งคู่เข้าไปช่วยงานในครัว หลังจากนั้นก็เดินนำไรอันขึ้นไปห้องนอนบนชั้นสองซึ่งเป็นห้องที่อยู่ด้านในสุด โชคดีว่าพ่อของเขาต่อเติมบ้านรอไว้ตั้งแต่ตอนที่น้องฝาแฝดเพิ่งเข้าประถม ห้องของเขาจึงมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร

เมื่อเข้าไปในห้อง ณรงค์ก็พบว่ากระเป๋าของพวกเขาทั้งคู่วางอยู่บนเตียงแล้ว ไรอันที่เดินตามเข้ามาทีหลังมองไปรอบๆ ก่อนจะจ้องเขาเขม็ง

“ผมนอนห้องเดียวกับคุณเหรอ?”

เจ้าของห้องเลิกคิ้ว ความจริงเขาก็คิดไว้เหมือนกันว่าไรอันอาจไม่สะดวกที่จะนอนห้องเดียวกับเขาก็ได้ แต่ก็อาศัยยกน้องๆ ขึ้นมาอ้าง

“ผมเห็นว่าห้องผมก็ใหญ่พอเลยไม่ได้ให้น้าหนิงเตรียมห้องไว้ให้น่ะ อีกอย่างถ้าคุณไม่นอนกับผม ก็คงต้องไปขอยืมห้องเจ้าศรแล้วไล่ให้ไปนอนห้องเดียวกับยายสา แต่ยายสาก็เริ่มเป็นสาวแล้ว คงไม่ค่อยอยากให้น้องชายไปนอนด้วยนักหรอก”

หนุ่มลูกครึ่งปรายตามองเขาด้วยท่าทางหน่ายๆ จากนั้นก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูออกจากกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ “Alright, alright. Geez. You’re such a loser.”

ณรงค์ดูออกว่าไรอันคงไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ที่จะนอนห้องเดียวและเตียงเดียวกับเขา แต่ที่ยอมก็เพราะเกรงใจแม่เลี้ยงกับน้องๆ ของเขามากกว่า จึงอมยิ้มและหันไปหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋ามาแขวนใส่ตู้ เนื่องจากเขาทิ้งข้าวของบางส่วนไว้ที่นี่อยู่แล้ว จึงเอามาแค่ชุดสำหรับใส่ในวันกลับเท่านั้น

ไม่นานไรอันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ หยดน้ำเล็กๆ ยังเกาะพราวบนไรผมกับต้นคอหลังจากล้างหน้าและซับน้ำออกไม่หมด ขณะที่อีกฝ่ายเดินมาหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเพื่อจะเอาไปแขวนบ้าง หนุ่มลูกครึ่งก็สะดุ้งเมื่อถูกอ้อมแขนของณรงค์สวมกอดจากด้านหลัง

“What are you doing?”

คนถูกกอดถามเสียงแข็ง ณรงค์ถือโอกาสกดจมูกลงบนต้นคอด้านหลังที่ยังชื้นน้ำนิดหน่อยและกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น

“อาทิตย์ที่ผ่านมาผมยังไม่ได้จูบคุณสักครั้งเลยนะ ขอผมชื่นใจหน่อยไม่ได้เหรอ?”

ณรงค์ได้ยินคนในอ้อมกอดทำเสียงหึ ก่อนที่อีกฝ่ายจะแงะแขนเขาออกแล้วหันกลับมาใช้นิ้วจิ้มอกเขาให้ถอยห่าง

“Don’t push your luck. คุณขโมยหอมแก้มผมไปแล้วเมื่อเช้า ไม่ต้องมาทำเป็นทวง”

ชายหนุ่มร่างสูงเลิกคิ้ว เพราะไม่นึกว่าตอนที่เขาหอมแก้มไรอันในรถนั่นเจ้าตัวจะตื่นอยู่ พลันก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกของน้องชาย

“พี่รงค์ แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ลงมากินกันเร็วๆ”

“โอเค...เดี๋ยวพวกพี่ลงไป”

ณรงค์ตอบก่อนจะหันกลับมาประสานสายตากับไรอัน หนุ่มลูกครึ่งยิ้มยียวนให้ครั้งหนึ่งก่อนจะเดินไปเปิดประตูและลงไปข้างล่าง เจ้าของห้องจึงได้แต่หัวเราะแล้วส่ายหน้า อย่างน้อยการยอกย้อนเมื่อครู่ก็ยังเป็นสัญญาณที่ดีกว่าการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยล่ะน่า

ถ้าไม่ใจอ่อนให้เองก็อย่าหวังจะได้แอ้มงั้นสินะ...คุณนี่ชอบปั่นหัวผมจริงๆ ให้ตายสิ...

ชายหนุ่มเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้นก่อนจะเดินตามลงไปชั้นล่าง เมื่อทุกคนล้อมวงทานข้าวกันที่โต๊ะอาหารในห้องข้างๆ ห้องครัว ทั้งน้องชายและน้องสาวของณรงค์ก็พากันยิงคำถามใส่ไรอันด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทั้งคำถามยอดฮิตสำหรับคนต่างชาติว่าชอบเมืองไทยไหม ชอบกินอาหารอะไร ไปจนถึงเรื่องที่เริ่มใกล้ตัวมากขึ้นว่ารู้จักกับพี่ชายได้อย่างไร เวลาณรงค์อยู่ที่ออฟฟิศเป็นยังไงบ้าง จนกระทั่งถึงคำถามเด็ดที่ณรงค์คิดอยู่แล้วว่าคงมีใครสักคนถามแน่ แต่เขาพลาดไปที่ลืมเตือนน้องๆ ไว้ก่อนว่าอย่าถามซอกแซกให้มากนัก

“แล้วพี่รักมีแฟนหรือยังอะคะ?”

“ยายสา อย่าไปถามเรื่องส่วนตัวพี่เขาอย่างนั้นสิลูก”

ผู้เป็นแม่รีบเตือนลูกสาวที่กำลังวัยรุ่น แต่ว่าไรอันยิ้มอ่อนๆ ให้อย่างไม่ถือสา “ก็มีคนที่กำลังดูๆ กันอยู่ แต่ยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าเรียกว่าแฟนได้หรือเปล่า”

เด็กชายได้ยินคำตอบก็อ้าปากค้าง “โห...พี่ตอบเหมือนพวกดาราเด๊ะเลยนะเนี่ย”

“ศร...กินข้าวไป”

ณรงค์หันไปดุน้องชายที่จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมา เด็กชายจึงทำปากยื่นก่อนจะก้มลงกินข้าวต่อ ชายหนุ่มเหลือบมองไรอันที่ยิ้มพลางทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาของเขา แต่เขาก็รู้ดีว่ากำลังโดนรวนอยู่

สำหรับผม...คุณน่ะใช่ แต่ดูเหมือนในสายตาคุณแล้วผมยังไม่ดีพอที่จะยอมรับว่าเป็นแฟนล่ะมั้ง...

ชายหนุ่มกินข้าวต่ออย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ ในโต๊ะจะไม่มีใครทันสังเกตเพราะมัวแต่ชวนไรอันคุยเพลิน จนเมื่อกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยและยกจานชามไปเก็บล้างแล้ว น้องสาวของณรงค์ก็วิ่งออกมาเขย่าแขนแม่ยิกๆ

“แม่จ๋า เดี๋ยวหนูกับศรจะออกไปเล่นน้ำสงกรานต์นะ เมื่อกี้พวกไอ้ยุ้ยโทรมาชวน ตอนนี้กำลังสาดน้ำกันแถวหน้าโรงเรียนเลย”

“อ้าว จะไปเล่นน้ำกันแล้วเหรอ พวกพี่ๆ เขาเพิ่งมาถึงบ้านกันเองนะ”

เด็กสาวทำปากยื่น “ก็แหม พวกเพื่อนๆ มันเพิ่งโทรมาตะกี้นี่นา ถ้างั้นพี่รงค์กับพี่รักจะไปเล่นน้ำกับพวกหนูไหมล่ะ?”

ณรงค์หันไปมองไรอันแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม และเห็นความไม่แน่ใจที่สะท้อนในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแม้จะไม่ชัดเจนนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแทนให้

“ไปสิ พี่รักเขาก็ไม่เคยเล่นสงกรานต์มาก่อนด้วย ก่อนมานี่เขายังบอกพี่ว่าอยากลองเล่นสาดน้ำอยู่เลย”

“Hey! Who said I wanted to…”

ไรอันขึ้นเสียงแล้วก็ชะงักเพราะสายตาของทุกคนจับจ้องเขาอยู่ ณรงค์จึงยิ้มอย่างมีชัย เพราะเขาจับจุดอ่อนได้แล้วว่าไรอันท่าทางจะเกรงใจแม่เลี้ยงกับน้องๆ ของเขาจนไม่ออกปากปฏิเสธแน่ หนุ่มลูกครึ่งหันไปมองคนอีกสามคนที่กำลังยืนทำหน้าเหลอหลา แล้วโหนกแก้มของชายหนุ่มก็แต้มสีเข้มขึ้น

“...เอ่อ...ไป...ก็ได้ครับ”

“เย้! งั้นเดี๋ยวพี่รักซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่รงค์ก็แล้วกันนะ แล้วสามาซ้อนรถเรา คราวนี้พวกเพื่อนๆ ได้แตกตื่นกันแน่ มีลูกครึ่งหล่อๆ มาเล่นน้ำด้วยเนี่ย”

เด็กชายเอ่ยก่อนจะวิ่งออกไปที่โรงจอดรถซึ่งมีรถมอเตอร์ไซค์สามคันจอดอยู่ ส่วนเด็กสาวก็ยิ้มร่าเริงแล้วคว้าแขนไรอันมาคล้องพลางพาเดินตามไปที่โรงรถ ส่วนณรงค์เพิ่งนึกขึ้นได้หลังได้ยินที่น้องชายพูดเมื่อกี้ ว่าท่าทางที่เขาจะพาไรอันไปเล่นสาดน้ำนี่คงจะไม่ใช่การแกล้งเอาคืนอีกฝ่ายหรอก แต่จะเป็นการแกล้งหาเรื่องให้เขาเองเสียมากกว่า เพราะพวกสาวๆ ที่ออกไปเล่นสาดน้ำกันมีหวังได้หาโอกาสมาตีสนิทแล้วเบียดไรอันแบบเนียนๆ แน่

“ดูท่าทางแฟนของรงค์เขาจะไม่ค่อยอยากตัวเปียกนะจ๊ะนั่น ทำไมไปแกล้งบังคับเขาอย่างนั้นล่ะ?”

เสียงทักจากแม่เลี้ยงที่ตบมือลงบนไหล่เขาเบาๆ ทำเอาณรงค์หันขวับอย่างตกใจ พอเห็นชายหนุ่มทำตาโต หญิงวัยกลางคนก็หัวเราะ

“แหม น้าก็เลี้ยงเรามาตั้งสิบกว่าปีแล้วนะ แค่สายตาของรงค์เวลามองคนที่ชอบแล้วเป็นยังไงทำไมจะดูไม่ออก ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ น้าว่าไรอันเขาก็ดูน่าจะเข้ากับครอบครัวเราได้ดีนะ”

ณรงค์แค่นยิ้มเมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์จากโรงรถ “ท่าทางจะดีกว่ากับผมแล้วซะด้วยสิตอนนี้”

ชายหนุ่มพูดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ในเมื่อเขาเองที่เป็นคนทำให้ไรอันต้องไปเล่นน้ำสงกรานต์ เขาก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการออกไปคอยดูแลอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ยังไงก็อย่าเล่นกันแบบรุนแรงแล้วกันนะจ๊ะ”

แม่เลี้ยงของเขาเตือนอีก ณรงค์จึงพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปที่หน้าบ้านพลางม้วนแขนเสื้อยืดขึ้นไปด้วย พลันก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

ว่าแต่...นี่เราก็ไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์มาหลายปีแล้วเหมือนกันนะนี่...


++------++




Create Date : 18 เมษายน 2554
Last Update : 20 เมษายน 2554 15:30:27 น. 20 comments
Counter : 978 Pageviews.

 
หลังจากตามน้องฝาแฝดทั้งสองไปเล่นสาดน้ำที่หน้าโรงเรียนมัธยมซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของเขาเอง ณรงค์ก็พบว่าเขาชักจะอายุมากเกินกว่าจะเล่นสาดน้ำแบบนี้ไปเสียแล้ว

จริงอยู่ว่าหลังจากไม่ได้เล่นสงกรานต์มาหลายปีนับตั้งแต่เข้าทำงาน เขาจะรู้สึกเคอะเขินและเงอะงะอยู่บ้าง แต่พอโดนน้องๆ แกล้งสาดน้ำใส่พร้อมกับตะโกนแซว สัญชาตญาณเอาชนะของเขาก็ทำให้หยิบปืนฉีดน้ำอันใหญ่มาไล่ฉีดเด็กๆ กลับ และพาลเลยไปฉีดใส่ไรอันที่เหมือนคนหลงถิ่นมาอยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยไปด้วย แต่ทั้งที่ปกติแล้วหนุ่มลูกครึ่งจะค่อนข้างเฉยชาเวลาอยู่ที่บริษัทจนเขานึกว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ชอบการละเล่นแบบนี้ กลายเป็นว่าไปๆ มาๆ ดูไรอันจะสนุกกับการเล่นสาดน้ำมากกว่าเขาเสียอีก แถมยังเผลอปล่อยตัวจนสาวๆ นุ่งน้อยห่มน้อยพากันเข้าไปเบียดกระแซะจนเกินงามอีกด้วย ร้อนถึงเขาต้องเข้าไปคอยอยู่ข้างๆ คอยเป็นบอดี้การ์ดกันสาวๆ พวกนั้นไปซะฉิบ

กว่าการเล่นสาดน้ำกันของพวกเด็กๆ จะจบลง เวลาก็ล่วงเลยไปจนพระอาทิตย์คล้อยต่ำและแสงแดดที่แผดจ้าเริ่มคลายความร้อนแรง ณรงค์เดินนำไรอันไปที่รถมอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดไว้ด้านหลังโรงเรียนเพื่อจะได้พากลับบ้าน ส่วนน้องฝาแฝดแยกตัวไปก่อนแล้วเพราะจะตามเพื่อนไปเล่นสาดน้ำที่อื่นกันต่ออีกสักพักถึงค่อยกลับ

“ฮัดเช่ย!”

เสียงจามจากคนที่เพิ่งขึ้นนั่งซ้อนท้ายหลังณรงค์ติดเครื่องทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง และพบว่าไรอันรีบใช้หลังมือปาดจมูกลวกๆ

“คุณไม่สบายเหรอ?”

“เปล่า”

หนุ่มลูกครึ่งปฏิเสธแทบจะทันที ขณะที่ณรงค์ไม่ค่อยอยากเชื่อนัก เพราะต่อให้ชินกับอากาศร้อนแค่ไหน ถ้ามาเจอสาดน้ำเย็นๆ เข้าไปกลางแดดเปรี้ยงติดต่อกันหลายชั่วโมงก็ทำให้คนที่แข็งแรงสุดๆ เป็นหวัดได้เหมือนกัน ชายหนุ่มจึงดึงแขนข้างหนึ่งของไรอันให้โอบเอวเขาไว้

“ผมจะรีบพากลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็แล้วกัน จับผมให้แน่นๆ นะ”

ไรอันส่งเสียงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ คนขับก็เร่งเครื่องออกรถอย่างแรงจนคนซ้อนแทบหงายหลัง ณรงค์ได้ยินเสียงพึมพำสบถเป็นภาษาอังกฤษเบาๆ จากหนุ่มลูกครึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถือสาและยิ้มเมื่อรู้สึกได้ว่าอ้อมแขนที่โอบรอบเอวเขากระชับแน่นขึ้น เช่นเดียวกับความอบอุ่นเมื่ออีกฝ่ายค่อยแนบหน้าลงบนแผ่นหลังเขาอย่างช้าๆ หลังจากที่บ่นจนพอใจ

แสงอาทิตย์ยามเย็นยิ่งลดเลือนเมื่อเวลาเย็นย่ำ เมื่อณรงค์เอารถมอเตอร์ไซค์เข้าจอดที่โรงรถ ท้องฟ้าก็เริ่มเป็นสีม่วงแกมแสดแล้ว

“รถพ่อผมจอดอยู่ สงสัยคงกลับมาแล้วล่ะ”

ณรงค์หันไปบอกคนข้างหลังที่ดูเหมือนจะเผลอหลับระหว่างที่ใกล้จะมาถึงบ้าน ไรอันจึงยกศีรษะขึ้นแล้วหรี่ตามองเขาเหมือนยังไม่ค่อยตื่นดี และณรงค์ก็ไม่นึกตำหนิอีกฝ่าย เพราะการเล่นสาดน้ำกันแบบเต็มที่เมื่อครู่คงสูบพลังงานจากหนุ่มลูกครึ่งไปพอสมควร

“กลับมาแล้วครับ”

ณรงค์เดินนำไรอันเข้าไปในบ้าน และพบว่าพ่อเขากำลังนั่งจิบเบียร์และมีกับแกล้มจานเล็กๆ ที่โต๊ะอาหารโดยมีแม่เลี้ยงเขานั่งเป็นเพื่อน ผู้สูงวัยทั้งสองหันมายิ้มให้เมื่อเห็นเขาเดินเข้าไปหา

“กลับมาซะที ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเรา”

“หวัดดีครับพ่อ ศรกับสาบอกว่าจะไปเล่นน้ำกับพวกเพื่อนๆ ต่อเลยไม่ได้มาด้วย แต่ผมบอกแล้วว่าอย่ากลับบ้านดึกนัก”

ผู้สูงวัยพยักหน้า “เจ้าพวกนั้นโทรมาบอกแล้วล่ะ พ่อก็เตือนแล้วเหมือนกันว่าถ้าสองทุ่มยังไม่ถึงบ้านจะออกไปตามพร้อมไม้เรียวด้วย ว่าแต่นี่เพื่อนที่เราพามาล่ะสิ?”

ณรงค์หันไปด้านหลังพร้อมกับเบี่ยงตัวเพื่อจะได้แนะนำไรอันได้ถนัดขึ้น “ไรอัน นี่พ่อผมเอง ไรอันเป็นเจ้านายผมที่บริษัทน่ะพ่อ”

พ่อของณรงค์ฟังแล้วก็เลิกคิ้วพลางใช้มือหนึ่งลูบคาง “หือ? เป็นเจ้านายด้วยรึ อืม...หายากนะที่สนิทกันได้ขนาดนี้”

“พ่อนี่ก็...ว่าแต่รงค์พารักไปอาบน้ำก่อนดีไหมจ๊ะ ใส่เสื้อผ้าเปียกๆ นานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

แม่เลี้ยงของเขาทักขึ้น ณรงค์จึงหันไปมองไรอันเต็มตา และเห็นว่านอกจากเสื้อผ้าอีกฝ่ายจะเปียกไปทั้งตัวแล้ว ตามเนื้อตัวก็แดงเพราะตากแดดมาตลอดบ่ายด้วย จึงรีบโอบหลังและพาไปทางบันไดทันที

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมพาไรอันขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวอีกสักพักจะลงมากินข้าวเย็นด้วยก็แล้วกัน”

ระหว่างที่กำลังเดินเลี้ยวขึ้นบันได ณรงค์เห็นแม่เลี้ยงตบแขนพ่อเขาเบาๆ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะคิกคักกัน จึงเดาได้ว่าคงกำลังคุยเรื่องเขากับไรอันอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย ชายหนุ่มกลอกตาแล้วก็ได้แต่นึกขอบคุณทั้งสองในใจที่อย่างน้อยก็ไม่แซวพวกเขาต่อหน้า ไม่อย่างนั้นไรอันคงได้กระฟัดกระเฟียดใส่เขาแน่ๆ

เมื่อเดินขึ้นมาถึงบนห้อง ณรงค์ก็ให้ไรอันเข้าห้องก่อนแล้วปิดประตูตามหลัง เนื่องจากเขาเป็นลูกคนโตจึงค่อนข้างมีอภิสิทธิ์ตรงที่ในห้องนอนของเขามีห้องน้ำส่วนตัว ทำให้ไม่เคยต้องเข้าคิวรอใช้ห้องน้ำเวลามาค้างที่นี่กับพวกน้องๆ ทั้งสอง

“คุณอาบน้ำในนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมจะออกไปอาบที่ห้องน้ำข้างนอก”

ณรงค์เอ่ยพลางหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนออกจากตู้ แต่หนุ่มลูกครึ่งกลับขมวดคิ้วแล้วมองเขา จากนั้นก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“It’s ok if we shower together.”

เสียงนั้นแผ่วจนณรงค์นึกว่าตัวเองหูฝาด เมื่อหันไปมองคนพูดก็เห็นว่าผิวแก้มของไรอันเป็นสีแดงเรื่อ แต่ยากจะบอกว่าสีที่เข้มขึ้นนั้นมาจากการที่ตากแดดเมื่อตอนบ่ายหรือเพราะสิ่งที่เพิ่งพูดกันแน่

“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?”

ไรอันทำหน้าเหนื่อยหน่ายพลางถอดเสื้อยืดแขนกุดที่เปียกจนแนบเนื้อออกแล้วปล่อยให้ตกลงบนพื้น จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งข้างหนึ่งเกี่ยวที่ขอบกางเกงเหมือนจะรูดทั้งตัวนอกและตัวในลงในคราวเดียว

“ผมบอกว่าเราอาบน้ำด้วยกันก็ได้ ถึงยังไงนี่ก็ห้องคุณนี่นา เว้นว่าคุณอยากอาบคนเดียวมากกว่าก็ตามใจ”

เมื่อจบประโยค กางเกงขาสั้นกับกางเกงในสีขาวก็ถูกรูดลงมาถึงข้อเท้าคนพูดพอดี ไรอันยกขาออกจนพ้นกองกางเกงแฉะๆ ที่วางอยู่ข้างเสื้อซึ่งถอดไปก่อนหน้า จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยจงใจไม่ปิดประตู ไม่นานเสียงน้ำจากฝักบัวที่ตกกระทบพื้นก็ดังขึ้น และณรงค์ก็พบว่าตัวเองยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และสายตาก็ยังจ้องอยู่จุดเดิมที่ไรอันยืนอยู่เมื่อกี้จนแทบไม่กะพริบเหมือนกัน

หลายวินาทีผ่านไปกว่าเขาจะรู้สึกตัวและหันไปกดล็อคประตูห้องนอน จากนั้นจึงรีบถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดและเดินตามไรอันเข้าไปในห้องน้ำบ้าง ชายหนุ่มรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นจนแทบจะได้ยินเสียงก้องในหู และภาพที่อีกฝ่ายยืนหันหลังให้เขาโดยที่มีสายน้ำจากฝักบัวที่แขวนไว้ไหลรดลงบนร่างก็ทำเอาณรงค์แทบหยุดหายใจ

ไรอันไม่ได้หันมาทางเขา แต่ก็คงรับรู้ว่าเขาเข้ามาในห้องน้ำด้วยแน่นอน ร่างสูงเพรียวหันไปหยิบก้อนสบู่จากที่วางขึ้นมาขยี้ให้เกิดฟองแล้วก็ลูบไปบนแขน ณรงค์จึงขยับตัวเข้าไปใกล้และหยิบสบู่ก้อนนั้นมาถือไว้เอง ระยะที่ใกล้ชิดทำให้สายตาของทั้งสองประสานกันเมื่อไรอันเหลียวหลังกลับมา เช่นเดียวกับไออุ่นจากทั้งสองร่างที่ราวกับดึงดูดพวกเขาไว้ไม่ให้ห่างออกจากกัน

“เดี๋ยวผมถูสบู่ให้เอง”

ณรงค์เอ่ยพลางลูบก้อนสบู่ไปบนแผ่นหลังของหนุ่มลูกครึ่ง ไรอันไม่ได้ตอบปฏิเสธและเพียงแต่ยืนนิ่งๆ ให้เขาถูสบู่ให้ จนถึงบริเวณไหล่ที่ผิวโดนแดดเผาจนสีแดงจัดกว่าผิวส่วนอื่น คนที่ยืนนิ่งมานานจึงส่งเสียงลอดไรฟันเบาๆ

“ขอโทษ แสบเหรอ?”

ณรงค์ถามพลางลูบผิวบริเวณที่ไหม้ของไรอันอย่างอ่อนโยนราวนั่นจะช่วยทำให้เขาหายเจ็บ ไรอันจึงส่ายหน้าก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง

“นิดหน่อยน่ะ พอดีผมก็ลืมทาซันบล็อกเอาไว้ก่อน ไม่นึกว่าแดดมันจะแรงขนาดนั้น”

“ผมผิดเอง ความจริงไม่น่าให้คุณออกไปเล่นสาดน้ำกลางแจ้งแบบนั้นเลย ขอโทษด้วย”

ชายหนุ่มเอ่ยพลางจับไรอันให้หันหน้ามาหา จากนั้นก็ช่วยถูสบู่บนแผ่นอกและลำคอให้ รอยแดงบนไหล่และอกส่วนที่โผล่พ้นเสื้อทำให้เขายิ่งนึกโทษตัวเองมากขึ้นอีก

“It’s ok. I had fun.”

ไรอันเอ่ยพลางสูดหายใจลึกเมื่อณรงค์ลูบก้อนสบู่ต่ำลงไปบนหน้าท้องที่ไม่ถึงกับแบนราบแต่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย ณรงค์จึงตวัดสายตาขึ้นสบตากับไรอันอีกครั้ง และสัมผัสได้ว่าแผ่นอกของหนุ่มลูกครึ่งเริ่มกระเพื่อมถี่ตามลมหายใจที่กระชั้นขึ้น

“ความจริง ที่ผมชวนคุณไปเล่นสาดน้ำนั่นเพราะผมอยากแกล้งคุณ เรื่องที่บอกกับยายสาไปว่าคุณยังไม่มีแฟนน่ะ”

ณรงค์วางก้อนสบู่ลงบนที่วาง ก่อนจะค่อยๆ เบียดร่างกายเข้าหาไรอันมากขึ้นจนแผ่นอกของทั้งสองแนบชิด เช่นเดียวกับร่างกายท่อนล่างที่ต่างเริ่มแสดงปฏิกิริยาต่อการเสียดสีมากขึ้นทุกที

“ผมรู้”

ไรอันเอ่ยเสียงหอบ ก่อนที่ลมหายใจจะถูกช่วงชิงเมื่อณรงค์บดริมฝีปากเข้าหาอย่างไม่ปราณี หนุ่มลูกครึ่งยกแขนขึ้นเกาะเกี่ยวแผ่นหลังของณรงค์ไว้ราวกับหากไม่ทำเช่นนั้นจะยืนไม่อยู่ ส่วนณรงค์ก็ใช้แขนข้างหนึ่งรั้งเอวสอบของคนตรงหน้าไว้แน่น ขณะที่มืออีกข้างสอดนิ้วเข้าไปในเรือนผมที่เปียกน้ำจนชุ่มของไรอันและดึงให้แหงนเงยเพื่อรับจูบจากเขามากยิ่งขึ้น

ริมฝีปากของทั้งสองบดเบียดกันอย่างร้อนแรง เช่นเดียวกับปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดอย่างไม่มีใครยอมใคร จูบครั้งนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคืนวันวาเลนไทน์ที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและอ่อนหวาน เพราะทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความเร่งเร้าและร้อนรน ราวกับหากไม่ได้สัมผัสเนื้อตัวกันในนาทีนี้จะต่างทนความต้องการที่กำลังปะทุในใจไม่ได้

“อะ...อ๊ะ Not there!!”

ท่ามกลางพายุอารมณ์ที่ปั่นป่วน ไรอันยังมีสติพอที่จะรู้สึกตัวเมื่อณรงค์เลื่อนมือหนึ่งต่ำลงไปที่สะโพกด้านหลัง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่ขึ้นสบตากับนัยน์ตาของณรงค์อย่างขอร้อง ชายหนุ่มจึงกระซิบติดริมฝีปากอีกฝ่ายเสียงแผ่ว

“ถ้าแค่นิ้วล่ะ โอเคมั้ย?”

ณรงค์รู้สึกได้ว่าร่างในอ้อมแขนสั่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ไรอันจะหลุบตาลงและพยักหน้าช้าๆ ร่างเพรียวของหนุ่มลูกครึ่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อณรงค์ใช้นิ้วที่ถูกับก้อนสบู่จนลื่นลูบที่รอยแยกตรงเนินเนื้อด้านหลัง ก่อนจะค่อยๆ สอดปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแน่นทีละนิด ท่าทางตื่นเกร็งและปลายนิ้วที่จิกลงบนไหล่เขาอย่างแรงทำให้ณรงค์สังหรณ์ใจว่าบริเวณนั้นของหนุ่มลูกครึ่งคงไม่เคยผ่านการถูกล่วงล้ำจากใครมาก่อน และนั่นก็ทำให้อารมณ์ที่มัวหมองก่อนหน้านี้ของเขาปลอดโปร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ไรอันลืมตาขึ้นเมื่อถูกดึงมือให้ลดลงจับความแกร่งร้อนของณรงค์ที่กำลังเบียดกับความร้อนรุ่มของตัวเอง สายตาสองคู่ประสานกันใต้สายน้ำที่ยังคงไหลไม่หยุด ก่อนที่ไรอันจะหลับตาอีกครั้งและรู้ได้เองว่าควรทำอะไรด้วยการใช้ทั้งสองมือโอบกุมความแข็งขืนของทั้งคู่และขยับไปพร้อมกัน

“อื้มมม”

ร่างเพรียวส่งเสียงครางในคอเมื่อณรงค์ก้มลงปิดเสียงจากริมฝีปากของเขาด้วยริมฝีปากตัวเอง ภายในห้องน้ำจึงมีเพียงเสียงสายน้ำจากฝักบัวที่ยังไหลรินบนร่างของชายหนุ่มทั้งสอง เสียงของร่างกายที่เสียดสีกันจนเกิดเสียงเฉอะแฉะหยาบโลน และเสียงหอบหายใจถี่ที่สะท้อนถึงความปั่นป่วนจากร่างกายของทั้งคู่

ณรงค์ตระหนักว่าตัวเองกำลังจะทนความรู้สึกที่พลุ่งพล่านไม่ไหว เพราะการได้แนบชิดร่างกายเปลือยเปล่ากันและสัมผัสจากมือของไรอันนั้นดีกว่าที่เขาคิดฝันไว้มากนัก จึงเลื่อนมือที่รั้งเอวสอบไว้มากุมรอบมือของไรอันอีกชั้นเพื่อกำกับให้ขยับเร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็เพิ่มนิ้วที่สอดแทรกในร่างกายอุ่นขึ้นเป็นสองนิ้วด้วย และในเวลาไม่นาน พยับคลื่นความสุขสมที่ถาโถมก็ม้วนขึ้นกระหน่ำซัดทั้งคู่จนต่างไม่รับรู้อะไรอีกนอกจากสัมผัสจากคนตรงหน้าเท่านั้น

ชายหนุ่มทั้งสองต่างหอบหายใจแรงไม่เป็นจังหวะเมื่อเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยนรสเสน่หาให้กันและกัน ณรงค์สัมผัสได้ถึงช่องทางเบื้องหลังของไรอันที่บีบรัดนิ้วทั้งสองของเขาอย่างแรง จึงรอจนกระทั่งร่างกายของอีกฝ่ายสงบลงมากขึ้นถึงค่อยถอนนิ้วออก ฝ่ายไรอันค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองเขาราวกับเปลือกตามีอะไรที่หนักอึ้งถ่วงไว้ จากนั้นก็แนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบาจนณรงค์ยิ้ม

บรรยากาศอ่อนหวานกระจายตัวพร่างพรมไปทั่วทั้งห้องน้ำ แต่แล้วณรงค์ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกเรื่องที่ทำเอาเขายังฉุนไม่หายอยู่ จึงใช้ปลายจมูกดุนจมูกอีกฝ่ายแล้วเรียกชื่อเสียงเบา

“ไรอัน”

“หืม?”

หนุ่มลูกครึ่งส่งเสียงถามในคอ ใบหน้าแดงเรื่อและลามไปจนถึงช่วงอก นัยน์ตาที่ยังฉ่ำเยิ้มเพราะความพิศวาสเมื่อครู่ทำให้ความไม่พอใจของณรงค์ลดวูบ แต่ก็คิดว่าถึงอย่างไรก็ต้องพูดในเมื่อทั้งสองคบกันแล้ว

“คุณยังติดผมอยู่อีกเรื่องนะ ทีผมคุณบอกว่าไม่ชอบให้เรียกชื่อเล่น แต่ทำไมวันนี้คุณถึงเที่ยวแนะนำตัวเองกับน้าหนิงกับเจ้าสองตัวนั่นด้วยชื่อรักตลอดเลยล่ะ?”

ณรงค์ถามอย่างตัดพ้อ ไรอันจึงสบตาเขานิ่งๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังจนคนถามทำหน้าเหลอ

“Sorry. ผมยอมรับว่าเมื่อก่อนผมไม่อยากให้คุณเรียกชื่อเล่นผมจริงๆ แต่ตอนนี้ผมก็เริ่มจะชินแล้วล่ะ ที่ยังไม่อยากให้คุณเรียกชื่อรักน่ะเพราะสาเหตุอื่นต่างหาก”

หนุ่มลูกครึ่งกลั้นหัวเราะพลางยกสองเขนขึ้นโอบรอบคอเขาไปด้วย ณรงค์จึงได้แต่ขมวดคิ้วมองรอยยิ้มของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะได้ยินคำตอบเมื่อไรอันโน้มคอเขาเข้าหา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของคนพูดเป็นประกายแวววามยามที่อธิบายชิดริมฝีปากเขา

“เพราะผมชอบเสียงคุณเวลาเรียกผมว่าไรอันมากกว่าน่ะสิ”


++------++


ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ณรงค์กับไรอันอยู่บ้านที่กาญจนบุรีกันจนกระทั่งถึงวันหยุดวันสุดท้าย ตอนแรกณรงค์คิดว่าหนุ่มลูกครึ่งที่ไม่ชินกับชีวิตต่างจังหวัดคงเบื่อหลังจากอยู่ได้สองสามวัน แต่ปรากฏว่าไรอันก็ไม่เคยปริปากบอกเขาว่าอยากรีบกลับสักที นอกจากนี้ความช่างเลือกกินก็ดูจะไม่เป็นปัญหาเมื่อมาเจอฝีมือทำอาหารของแม่เลี้ยงเขา ถึงแม้ว่าน้าหนิงจะไม่สันทัดการทำอาหารตะวันตก แต่ก็เพียรถามไรอันว่าชอบทานอะไรจะได้ทำให้ และหนุ่มลูกครึ่งก็กล้าลองอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อนมากขึ้น เว้นบางมื้อที่เขาพาไรอันไปทานฟาสต์ฟู้ดที่ห้างในตัวเมืองบ้างเพื่อช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้ไม่เบื่อกับอาหารที่บ้านเกินไป

วันที่สิบสี่ซึ่งเป็นวันครอบครัวนั้น พ่อของณรงค์พาทั้งบ้านไปทำบุญตักบาตรและกรวดน้ำให้แม่ของณรงค์ที่เสียไปกันตอนเช้า จากนั้นก็พาไปรดน้ำผู้ใหญ่ที่บ้านของน้องชายปู่ซึ่งอยู่นอกตัวเมืองออกไปไกล เนื่องจากปู่กับย่าแท้ๆ ของณรงค์เสียตั้งแต่เขายังเด็กแล้ว ส่วนตลอดวันหยุดที่เหลือ เขาก็พาไรอันเที่ยวสวนผลไม้ของพ่อบ้าง แจวเรือให้ดูวิวสองฝั่งคลองใกล้บ้านบ้าง บางครั้งก็พาไปเที่ยวน้ำตกหรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นซึ่งโชคดีว่าจังหวัดบ้านเกิดเขามีเยอะ และนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูรู้ว่าเป็นลูกครึ่งแล้ว ไรอันก็ดูจะปรับตัวเข้ากับการใช้วันหยุดที่บ้านที่ต่างจังหวัดกับครอบครัวของเขาได้ดีทีเดียว

เมื่อถึงวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของวันหยุด ณรงค์ก็พาไรอันไปไหว้ลาพ่อกับแม่เลี้ยงเพื่อจะได้กลับบ้านกันหลังทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย ระหว่างที่แม่เลี้ยงของเขาพาไรอันเข้าไปในครัวเพื่อดูว่าจะนำผลไม้กับขนมอะไรกลับบ้านโดยที่น้องฝาแฝดทั้งสองตามเข้าไปด้วย พ่อก็เรียกณรงค์ไปคุย

“ตกลงว่าคนนี้สะใภ้พ่อใช่มั้ย?”

“เฮ่ย! พ่อ อย่าพูดอย่างนี้ให้ไรอันได้ยินนะ พวกผมเพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือนเอง”

ณรงค์ตอบพลางชำเลืองมองไปทางครัวซึ่งโชคดีที่ยังไม่มีใครออกมา พ่อของเขามองตามสายตาแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ “เอาเถอะ ถ้ารงค์ทำอะไรแล้วมีความสุขพ่อก็ไม่ห้ามหรอก ถึงจะเสียดายที่คงไม่มีโอกาสอุ้มหลานเร็วๆ นี้ก็เถอะ อย่างน้อยก็ยังมีเจ้าศรกับยายสา เราไปอยู่กรุงเทพคนเดียวพ่อก็เป็นห่วง ถ้าได้มีคนอยู่ข้างๆ ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว เขาเองมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวก็คงเหงา เราอายุมากกว่าก็ดูแลเขาให้ดีๆ ล่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มและยกมือไหว้พ่อ ถึงแม้ว่าตั้งแต่ทำงานแล้วเขาจะไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยเท่าสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย แต่เมื่อใดก็ตามที่ได้กลับมาที่นี่ก็จะได้รับความอบอุ่นและกำลังใจทุกครั้ง และเขาก็ดีใจที่พ่อและแม่เลี้ยงของเขาใจกว้างพอที่จะยอมรับคนที่ลูกรักได้ ถึงแม้ว่าอาจจะต่างออกไปจากลูกชายบ้านอื่นๆ ก็ตาม

“ถ้าผมกล่อมไรอันให้มาเยี่ยมบ้านอีกได้จะพามาบ่อยๆ ก็แล้วกัน”

ณรงค์เอ่ยขึ้น พ่อเขาจึงหัวเราะ “สงสัยจะดื้อน่าดูสิท่า? แต่พ่อเห็นโหวงเฮ้งแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นคนแบบนั้นอยู่หรอก”

ชายหนุ่มได้ยินเสียงแม่เลี้ยงเรียกจากในครัวให้เข้าไปช่วยยกของ จึงผละเข้าไปช่วยขนถุงผลไม้ที่ถูกผูกแยกส่วนสำหรับของเขาและไรอันไว้ไปใส่ไว้ท้ายรถ จากนั้นชายหนุ่มทั้งสองก็ไหว้ลาพ่อกับแม่เลี้ยงอีกครั้ง ส่วนน้องๆ ทั้งสองก็เข้ามากอดลาทั้งเขาและไรอันอย่างอาลัยอาวรณ์

“แล้วพี่รงค์ต้องพาพี่รักมาเยี่ยมอีกนะ เสียดายพ่อยังไม่ให้สากับศรเข้ากรุงเทพเอง ไม่งั้นจะไปหาถึงที่คอนโดเลย”

น้องสาวของเขาเอ่ยขึ้นโดยที่นัยน์ตามีน้ำตาคลอ ณรงค์จึงขยี้หัวทุยๆ ที่มัดหางม้าหลวมๆ ไว้เบาๆ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่หนุ่มลูกครึ่งข้างตัว “ไว้ถ้าพวกพี่มีวันหยุดยาวอีกเมื่อไหร่จะมาก็แล้วกัน พวกเราสองคนก็เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนด้วยล่ะ ผมไปแล้วนะพ่อ น้าหนิง”

“ขับรถกลับดีๆ นะจ๊ะ แล้วเจอกันใหม่จ้ะรัก”

แม่เลี้ยงของเขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ไรอันจึงยิ้มตอบก่อนจะเข้านั่งในรถบ้าง จากนั้นณรงค์ก็ขับรถออกมาโดยทิ้งภาพครอบครัวที่ยืนโบกมือลาไว้ด้านหลัง น่าแปลกที่เขาไม่เคยรู้สึกใจหายกับการกลับกรุงเทพมากเท่าครั้งนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะว่าเวลาที่จะได้ใช้สองคนกับไรอันติดๆ กันหลายวันโดยมีครอบครัวเขาอยู่พร้อมหน้าด้วยแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ กระมัง

แม้ว่าณรงค์จะขับรถออกมาจากบ้านไกลแล้ว แต่ในรถก็ไม่มีใครชวนใครคุย และชายหนุ่มก็ไม่ได้เปิดเพลงเพราะเขารู้สึกว่าอยากอยู่กับความสงบเงียบมากกว่า ฝ่ายไรอันเองก็ดูจะไม่ได้อึดอัดเพราะเพียงแต่เท้าคางกับขอบกระจกแล้วมองออกไปภายนอกเงียบๆ เท่านั้น

ณรงค์ไม่รู้ว่าใครที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เมื่อรู้ตัว มือข้างซ้ายของเขากับมือขวาของไรอันก็ขยับไปโดนกันและเกาะกุมกันเอาไว้หลวมๆ ชายหนุ่มค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปเกี่ยวกับนิ้วของไรอันไว้แล้วดึงให้มาวางบนตักของเขา ก่อนที่ไรอันจะโน้มตัวมาเอนพิงไหล่เขาช้าๆ ราวกับทั้งสองเคยทำแบบนี้ประจำจนเป็นเรื่องปกติ ความอบอุ่นจากสัมผัสนั้นทำให้ณรงค์รู้สึกว่าอยากให้ช่วงเวลานี้ยืดยาวออกไปและไม่อยากกลับเข้ากรุงเทพเลย

“ครอบครัวคุณอบอุ่นดีนะ”

ไรอันเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากที่พวกเขานั่งกันเงียบๆ อยู่นาน ณรงค์จึงพยักหน้าขณะที่แขนอีกข้างบังคับพวงมาลัยรถไปด้วย

“ผมโชคดีน่ะ ถึงน้าหนิงจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ก็เอ็นดูผมดี พ่อก็ไม่เคยปล่อยปละละเลย ส่วนพวกน้องๆ ก็ว่าง่ายถึงจะซนไปหน่อย”

เมื่อณรงค์พูดถึงน้องฝาแฝด ไรอันก็หัวเราะนิดหนึ่งแล้วดันตัวเองออกมองหน้าเขา ณรงค์จึงเหลือบตามองตามอย่างสงสัย

“พูดถึงน้องๆ คุณ ตอนที่ผมเข้าไปในครัวน่ะ น้องสาวคุณมากระซิบถามว่าผมเป็นแฟนคุณหรือเปล่าด้วยนะ”

“หา?”

ณรงค์อุทานอย่างตกใจ จริงอยู่ว่าเขาไม่เคยคิดจะปิดบังความสัมพันธ์ของเขากับไรอันกับคนที่บ้าน แต่ก็ไม่คิดว่าน้องสาวจะมองออกง่ายขนาดนั้นทั้งที่เขาไม่เคยบอกตรงๆ

“...แล้วคุณตอบไปว่าไงล่ะ?”

ชายหนุ่มถามพลางเหลือบตากลับไปมองถนนด้านหน้า เขามั่นใจว่าตอนนี้ความรู้สึกที่ไรอันมีให้เขาคงมากกว่าเมื่อวันวาเลนไทน์แล้ว แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นที่จะเต็มใจรับว่าเขาเป็นแฟนเต็มตัวก็เป็นได้ หนุ่มลูกครึ่งจึงขยับนิ้วมือที่ประสานกับนิ้วของเขาไปมาแล้วทำท่าคิด

“ผมแค่ยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไรน่ะ ตอนนั้นผมงงที่ถูกถาม แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงดีนี่นา”

“แล้วถ้าผมถามคำถามเดียวกันตอนนี้ล่ะ? คุณตอบผมได้หรือเปล่า?”

ณรงค์เบี่ยงรถเข้าจอดข้างถนนซึ่งเต็มไปด้วยร่มไม้ใหญ่ จากนั้นก็หันไปถามไรอันตรงๆ เพราะเขารู้สึกว่าวินาทีนี้คือช่วงเวลาที่เขาจะได้คำตอบที่จริงใจมากที่สุด เพราะหากปล่อยจนกระทั่งพวกเขากลับถึงกรุงเทพ ไรอันอาจจะกลับไปเป็นเจ้านายที่เย็นชาและลืมช่วงเวลาที่พวกเขาเพิ่งมีด้วยกันที่บ้านสวนไปก็ได้

ไรอันดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งตัวกับการที่ถูกถามอย่างเอาจริงเอาจังเช่นนั้น จึงนั่งสบตาเขานิ่งราวจะค้นหาบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาของณรงค์อยู่ครู่ใหญ่ หลายอึดใจผ่านไปกว่ามุมปากทั้งสองบนใบหน้าคมเข้มจะค่อยยกขึ้นน้อยๆ ณรงค์แทบกลั้นหายใจเมื่ออีกฝ่ายโน้มตัวเข้าหาจนริมฝีปากทั้งสองเกือบสัมผัสกัน แต่แทนที่จะจูบเขา ไรอันกลับเบี่ยงตัวไปกระซิบที่ข้างหูเขาแทน

“In that case, my answer is yes.”

หนุ่มลูกครึ่งย้ำคำตอบด้วยการกดจมูกลงบนแก้มณรงค์ทีหนึ่งก่อนจะถอยกลับไปนั่งที่เดิม จากนั้นก็ยิ้มชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของณรงค์ที่เหมือนกำลังเห็นมนุษย์ต่างดาวก็ไม่ปาน ก่อนจะเขย่ามือเขาเพื่อเรียกความสนใจกลับมา

“You’re my boyfriend. Happy now?”

ณรงค์ต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่กว่าจะค่อยๆ เรียกสติตัวเองกลับมาได้ จากนั้นความดีใจก็ถาโถมจนเขาต้องรั้งตัวหนุ่มลูกครึ่งเข้าไปกอดแน่น คนในอ้อมแขนหัวเราะอย่างสดใสก่อนจะยกมือข้างที่ไม่ได้จับกันไว้ขึ้นตบหลังเขาเบาๆ

ครู่ใหญ่กว่าณรงค์จะยอมคลายอ้อมแขนออก เขายิ้มให้กับเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าและแนบหน้าผากลงกับหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ความอ่อนหวานที่ได้สัมผัสทำให้เขาไม่อยากปล่อยมือจากร่างกายอีกฝ่ายเลย

“ขอบคุณมากนะ คุณไม่รู้หรอกว่าผมรอนาทีนี้มานานแค่ไหน”

“…ผมรู้”

ไรอันตอบพร้อมกับยิ้มให้ และณรงค์ก็พบว่าตัวเองหุบยิ้มไม่ได้มากขึ้นทุกที ชายหนุ่มยกมือข้างที่ประสานกันไว้ขึ้นแล้วแนบริมฝีปากลงบนหลังมือไรอันจนเกิดเสียงดัง จากนั้นก็หันไปออกรถเพื่อกลับเข้าเมืองอีกครั้ง พักหนึ่งก็หันไปถามคนข้างตัวที่เอนหัวมาพิงไหล่เขาอย่างเดิม

“บ่ายนี้ถึงกรุงเทพแล้วไปดูหนังกันมั้ย?”

หนุ่มลูกครึ่งหัวเราะเบาๆ พลางไหวไหล่ “ก็แล้วแต่คุณ”

“แล้วตอนเย็นไปกินข้าวกันที่ร้านเดิมด้วยนะ”

“Yeah yeah whatever you want, sweety.”

ณรงค์หัวเราะบ้างเพราะรู้ว่าไรอันกำลังแซวเขา แต่ต่อให้โดนด่าตอนนี้เขาก็คงจะไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิด

“งั้น...ถ้าคืนนี้ผมชวนคุณมานอนที่ห้องผมล่ะ?”

ณรงค์ถามอีก คราวนี้ไรอันจึงถอยไปนั่งพิงพนักตัวเองแล้วหยิบหมอนขึ้นมากอด “ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะคุณ แล้วก็ขับรถดีๆ ด้วย ผมจะนอนล่ะ”

หนุ่มลูกครึ่งพูดจบก็ปล่อยมือจากเขาและหยิบแว่นกันแดดมาสวมก่อนจะปรับเบาะให้เอนลง ณรงค์จึงยิ้มก่อนจะดึงแจ๊คเก็ตจากพนักแล้วส่งให้ และไรอันก็รับไปห่มคลุมตัวเองโดยไม่ต้องให้บอก

“นอนไปเถอะ เดี๋ยวถึงกรุงเทพแล้วผมจะปลุก”

“อืม”

ไรอันรับคำในคอ จากนั้นไม่นานก็หลับสนิทจนส่งเสียงหายใจสม่ำเสมอ และณรงค์ก็ฉวยโอกาสตอนที่รถติดไฟแดงก้มลงหอมแก้มหนุ่มลูกครึ่งอีกครั้ง เพราะมั่นใจว่าตอนนี้เขามีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นได้โดยไม่ต้องห่วงจะโดนหาว่าลักหลับอีกแล้ว

อาจจะยังต้องใช้เวลาเรียนรู้กันต่อไปอีกหน่อย แต่ณรงค์ก็มั่นใจว่านับจากวันนี้ ไรอันคงจะเริ่มมองเขาต่างไปจากที่เคยมองมา และยอมรับให้เขาเข้าไปในหัวใจมากขึ้น รวมทั้งกล้าเปิดเผยตัวตนที่แต่ก่อนปิดบังไว้ให้เขาได้ใกล้ชิดมากขึ้นด้วย

ต่อให้คืนนี้ไรอันจะตามไปนอนกับเขาที่ห้องหรือไม่ หรือว่าเขาจะได้ไปนอนที่ห้องของไรอันหรือเปล่าก็ไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่ณรงค์พบว่าสำคัญที่สุดจริงๆ ในห้วงนาทีนี้ คือการที่รักของเขาได้รับการตอบรับจากคนที่ได้หัวใจเขาไปเสียทีต่างหาก…
สงกรานต์ปีนี้ เขาคือคนที่โชคดีที่สุดจริงๆ...


++---END---++


A/N: หวังว่าคนอ่านคงยังจำณรงค์กับไรอันได้ ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะเขียนตอนสงกรานต์ให้คู่นี้ซะหน่อย แต่กว่าจะได้เริ่มจริงก็หมดวันหยุดซะแล้ว ยังไงสุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังทุกคนนะคะ








โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:12:15:53 น.  

 
น่ารักจริงๆ...
ดีใจกับคุณณรงค์ด้วยนะคะ ได้เป็นแฟนไรอันอย่างเป็นทางการแล้ว


โดย: Moddy IP: 58.11.26.242 วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:21:25:28 น.  

 
น่ารักทั้งณรงศ์ ทั้งไรอัน ขอบคุณค่ะหนูรินที่พาทั้งสองคนมาทักทายให้หายคิดถึง


โดย: เอิงเอย IP: 182.53.131.136 วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:23:07:00 น.  

 
คุณมด ดีใจกับณรงค์ด้วยเหมือนกันค่า เป็นพระเอกที่โดนแกล้งเยอะจริงๆ กว่าจะแฮปปี้


พี่เอิง ด้วยความยินดี + คิดถึงพี่เอิงมากๆ เหมือนกันค่า


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:9:40:28 น.  

 
น่ารักค่ะป้า อยากให้ทำเร่ืองนี้นะเขียนยาวแล้วทำเป็นหนังสือเลยค่ะป้า มีนายเอกเป็นลูกครึ่งครั้งแรกน่ารักดี แบบเรียบสไตล์ป้าเลยชอบแนวแบบนี้ค่ะ


โดย: maio2000 IP: 223.205.231.29 วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:12:13:46 น.  

 
น้องไหม คนเชียร์เยอะชักทำเขวแล้วนะเนี่ย สงสัยต้องอีกหลายตอนกว่าจะพอรวมเล่มละค่ะ แต่คนอ่านชอบก็อยากเขียนคู่นี้ต่ออีกเหมือนกัน (ที่สำคัญชอบเขียนเวลาไรอันบ่นเป็นภาษาอังกฤษ อิอิ)


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:13:39:54 น.  

 
เฮ้อ ลุ้นมานาน ยิ้มตามณรงค์ไปด้วยเลย ถ้ามีเวลามาต่อเรื่อยๆนะคะ อยากรู้ว่าจะตามไปค้างที่คอนโดไหม คริๆ


โดย: Ning Kulanit IP: 58.8.68.3 วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:13:41:28 น.  

 
ก่อนอื่น.... พี่ขอยกเลิกคำปรามาสที่ให้ไว้กับใครบางคนว่าเป็น " หนอนน้อย " เพราะจากที่ได้ประสบพบเจอในวันนี้ ขอบอกว่า ณ.ปัจจุบันนี้ หนอนน้อยตัวนั้น พัฒนาข้ามขั้นแบบก้าวกระโดดกลายเป็นผี้เสื้อร้อนแรงไปซะแล้ว อนิจจา... มาดูกันว่าเธอทำได้ยังไง

“It’s ok if we shower together.” นี่คือจุดเริ่มต้นของเธอ

"เมื่อจบประโยค กางเกงขาสั้นกับกางเกงในสีขาวก็ถูกรูดลงมาถึงข้อเท้าคนพูดพอดี ไรอันยกขาออกจนพ้นกองกางเกงแฉะๆ ที่วางอยู่ข้างเสื้อซึ่งถอดไปก่อนหน้า จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยจงใจไม่ปิดประตู ไม่นานเสียงน้ำจากฝักบัวที่ตกกระทบพื้นก็ดังขึ้น " และนี่คงจะเป็นระยะฟักตัวซินะ

"ไรอันเอ่ยพลางสูดหายใจลึกเมื่อณรงค์ลูบก้อนสบู่ต่ำลงไปบนหน้าท้องที่ไม่ถึงกับแบนราบแต่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย ณรงค์จึงตวัดสายตาขึ้นสบตากับไรอันอีกครั้ง และสัมผัสได้ว่าแผ่นอกของหนุ่มลูกครึ่งเริ่มกระเพื่อมถี่ตามลมหายใจที่กระชั้นขึ้น "

" ณรงค์วางก้อนสบู่ลงบนที่วาง ก่อนจะค่อยๆ เบียดร่างกายเข้าหาไรอันมากขึ้นจนแผ่นอกของทั้งสองแนบชิด เช่นเดียวกับร่างกายท่อนล่างที่ต่างเริ่มแสดงปฏิกิริยาต่อการเสียดสีมากขึ้นทุกที " อ๊า..... ได้เวลาที่เธอจะสยายปีกแล้วเจ้าค่ะ


และนี่คือลีลาของเธอค่ะ " ไรอันเอ่ยเสียงหอบ ก่อนที่ลมหายใจจะถูกช่วงชิงเมื่อณรงค์บดริมฝีปากเข้าหาอย่างไม่ปราณี หนุ่มลูกครึ่งยกแขนขึ้นเกาะเกี่ยวแผ่นหลังของณรงค์ไว้ราวกับหากไม่ทำเช่นนั้นจะยืนไม่อยู่ ส่วนณรงค์ก็ใช้แขนข้างหนึ่งรั้งเอวสอบของคนตรงหน้าไว้แน่น ขณะที่มืออีกข้างสอดนิ้วเข้าไปในเรือนผมที่เปียกน้ำจนชุ่มของไรอันและดึงให้แหงนเงยเพื่อรับจูบจากเขามากยิ่งขึ้น

ริมฝีปากของทั้งสองบดเบียดกันอย่างร้อนแรง เช่นเดียวกับปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดอย่างไม่มีใครยอมใคร จูบครั้งนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคืนวันวาเลนไทน์ที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและอ่อนหวาน เพราะทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความเร่งเร้าและร้อนรน ราวกับหากไม่ได้สัมผัสเนื้อตัวกันในนาทีนี้จะต่างทนความต้องการที่กำลังปะทุในใจไม่ได้

“อะ...อ๊ะ Not there!!”

ท่ามกลางพายุอารมณ์ที่ปั่นป่วน ไรอันยังมีสติพอที่จะรู้สึกตัวเมื่อณรงค์เลื่อนมือหนึ่งต่ำลงไปที่สะโพกด้านหลัง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่ขึ้นสบตากับนัยน์ตาของณรงค์อย่างขอร้อง ชายหนุ่มจึงกระซิบติดริมฝีปากอีกฝ่ายเสียงแผ่ว

“ถ้าแค่นิ้วล่ะ โอเคมั้ย?” "

" แค่นิ้วล่ะ โอเคมั้ย..... แค่ " นิ้ว " แค่ " นิ้ว " โอ้ว..... ชั้นกำลังโดนผีเสื้อล่อหลอก แค่นิ้ว..... แค่นิ้วเท่านั้น อ๊ากกกกก

แค่นี้ยังไม่พอใช่มั้ย

"ณรงค์รู้สึกได้ว่าร่างในอ้อมแขนสั่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ไรอันจะหลุบตาลงและพยักหน้าช้าๆ ร่างเพรียวของหนุ่มลูกครึ่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อณรงค์ใช้นิ้วที่ถูกับก้อนสบู่จนลื่นลูบที่รอยแยกตรงเนินเนื้อด้านหลัง ก่อนจะค่อยๆ สอดปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแน่นทีละนิด ท่าทางตื่นเกร็งและปลายนิ้วที่จิกลงบนไหล่เขาอย่างแรงทำให้ณรงค์สังหรณ์ใจว่าบริเวณนั้นของหนุ่มลูกครึ่งคงไม่เคยผ่านการถูกล่วงล้ำจากใครมาก่อน และนั่นก็ทำให้อารมณ์ที่มัวหมองก่อนหน้านี้ของเขาปลอดโปร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ไรอันลืมตาขึ้นเมื่อถูกดึงมือให้ลดลงจับความแกร่งร้อนของณรงค์ที่กำลังเบียดกับความร้อนรุ่มของตัวเอง สายตาสองคู่ประสานกันใต้สายน้ำที่ยังคงไหลไม่หยุด ก่อนที่ไรอันจะหลับตาอีกครั้งและรู้ได้เองว่าควรทำอะไรด้วยการใช้ทั้งสองมือโอบกุมความแข็งขืนของทั้งคู่และขยับไปพร้อมกัน " อ๊ากกกกกกกกกก พอดีกว่าเราข้ามประเด็นนี้ไปก่อนที่ของเหลวในร่างกายจะหมดสต๊อกดีกว่าค่ะ

เอาเป็นว่า พี่ยอมรับโดยดุสดีแล้วว่า หนูริน มิใช่หนอนน้อยอีกต่อไป โถ... แม่ผีเสื้อราตรี ร้ายนักนะ



ตอนนี้พี่กำลังสำลักความสุขจนจะล้นแล้วค่ะ อ่านไปยิ้มแก้มแทบแตกไป สงกรานต์หน้าร้อนปีนี้ ทำไมมันช่างหอมหวานขนาดนี้ค่ะ น้องรักน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

“In that case, my answer is yes.” ตอนนี้คงต้องจุดปะทัดฉลองให้เฮียได้แล้วใช่มั้ยค่ะ ยินดีด้วยนะคะเฮีย ถือว่าสำเร็จลุล่วงไปแล้วอีกเปราะนึง ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้ความรักสุกงอมจนน้องเค้ายอม... เอ่อ.... นะ เฮียรู้ใช่ป่าวว่าหมายถึงอะไร เหอๆๆๆๆๆ หนูรออยู่นะเฮีย ( อ้าว... แล้วมันเกี่ยวไรกะตูเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ )


ณ.จุดนี้.... พี่กำลังคิดว่า วันหยุดแรงงานที่จะถึงนี้น้องรักและเฮียรงค์จะไปที่ไหน และ ทำอะไรกันอีกหรือปล่าวน้อ ได้ข่าวว่าเฮียสัญญากับคนที่บ้านไว้นี่นาว่าถ้าเกลี้ยกล่อมน้องรักได้จะพาไปเที่ยวอีก งั้นพยายามเข้านะเฮียเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะหยุดยาวอีกแล้วนา

ปล.ส่งท้าย กด like ให้กับหนูรินแรงๆ ( อ้าว... ลืมตัวนึกว่าเฟสบุ๊ก เหอๆๆๆ ) สำหรับตอนพิเศษของรงค์-รัก ด้วยจ้า สงกรานต์แสนหวานจริงๆ

ปล.อีกที " ฉากอาบน้ำ " อีกแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ " อาบน้ำกัน อาบน้ำกัน "


โดย: aew IP: 125.27.82.242 วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:13:51:41 น.  

 
คุณหนิง จะพยายามค่ะ ชักติดใจคู่นี้แล้วเหมือนกัน ว่าแต่ท่าทางคืนนี้น่าจะยังไม่มีแววนะ ฮ่าๆๆ


พี่แอ๋ว โฮ่ๆๆ รออ่านคอมเม้นต์พี่แอ๋วอยู่เชียวว่าอ่านตอนนี้แล้วจะคิดยังไง XD ในที่สุดเราก็ได้อัพเกรดจากการเป็นหนอนมาเป็นผีเสื้อแว้ว ไชโย้!!

ตอนนี้ณรงค์คงดีใจหน้าบานเป็นกระด้งละค่ะ กว่าจะพิชิตใจหนุ่มลูกครึ่งได้ช่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่หลังจากนี้ไปกำลังใจคงมาอีกเยอะ อยู่ที่ว่าไรอันจะใจอ่อนให้เมื่อไหร่แล้วละ แต่วันหยุดหน้านี่จะได้ไปไหนด้วยกันหรือเปล่านี่สงสัยต้องลุ้นต่อ กิ๊ๆๆ

ปล. อาบน้ำกัน อาบน้ำกัน 55555


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 21 เมษายน 2554 เวลา:20:35:11 น.  

 
กรีีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เหมือนจะช่วยลุ้นจนหยดสุดท้ายจริงๆ คู่นี้
ไรอันน่ารักมากกกกกก

เค้าคลั่งคู่นี้มากอ่ะ
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


โดย: both^^ IP: 101.108.18.145 วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:19:10:58 น.  

 
ตาล เป็นคู่ที่พระเอกต้องตื๊อกว่าเรื่องอื่นของเราเลยนะเนี่ย แต่เจอนายเอกแบบนี้ ไม่ตื๊อคงไม่ไหว เดี๋ยวจะพยายามเขียนตอนพิเศษมาให้อีกจ้า


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:11:36:44 น.  

 
อร๊ากกกกก อย่าเพิ่ง END
อยากอ่านต่อมากมาย ได้โปรดดดด


โดย: SiNa IP: 61.7.213.5 วันที่: 6 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:48:42 น.  

 
SiNa อิอิ END สำหรับตอนนี้ แต่เนื้อหาของคู่นี้ยังไม่จบค่า รับรองมีตอนต่อแน่น้อน


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2554 เวลา:10:25:00 น.  

 
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้ยินแบบนี้ดีใจมากๆๆๆๆ เลยเนียะ จริงๆ นะ ทำเค้าจะลงแดงแล้ว


โดย: SiNa IP: 61.7.213.5 วันที่: 7 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:51:06 น.  

 
เอิ้ก สำหรับตอนต่อไปอาจต้องรอหน่อยนะคะ กำลังพยายามจะต่อ "แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก" ให้จบด้วยล่ะ ><


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 8 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:21:56 น.  

 
โอ้วก้อดดดด
อุตส่าห์พกถุงมาเผื่อ ไม่ใช้ซะงั้นนน (me/โยนทิ้ง)

ชอบไรอันเรื่องนี้ค่า ถึงจะขี้อาย ปากแรงไปซักหน่อย แต่ก็กลับมาคุยอ้อนตลอดเลย น่ารักจริงจริ๊งพ่อคุณณณ

รออ่านต่อพาร์ทใหม่นะคะ ยืดอกพกถุงๆๆๆๆๆ


โดย: zerisge IP: 223.205.44.26 วันที่: 21 พฤษภาคม 2554 เวลา:14:20:51 น.  

 
คุณ zerisge เก็บถุงไว้ก่อนค่ะ เผื่อณรงค์จะได้ขอยืมใช้เร็วๆ นี้ (จะมีหวังไหมน้อ? XD)

ชอบไรอันเหมือนกันค่ะ เพราะปากตรงกับใจสุดๆ คนแบบนี้แหละเวลาอ้อนทีทำพระเอกแทบละลาย หุหุหุ แล้วรอติดตามตอนต่อไปนะคะ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 21 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:18:11 น.  

 
กร๊ากกกกก นั่นเซ่ะ อุึตส่าห์เตรียมมา ไม่ได้ใช้ น่าเสียดาย


โดย: Ni IP: 10.0.3.17, 118.174.45.26 วันที่: 2 กันยายน 2554 เวลา:12:47:43 น.  

 
คุณ Ni ไม่รีบค่ะไม่รีบ (ไรอันไม่รีบ ณรงค์ก็ห้ามเร่ง) 5555


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 2 กันยายน 2554 เวลา:16:44:39 น.  

 
เรื่องนี้ไรอันที่แม้ว่าจะปากร้ายไปนิด แต่พอเวลาอ้อนทีนี้ทำเอายิ้มแล้วหุบไม่ลงเลยจริงค่ะ แล้วก็ชอบเหมือนกันค่ะเวลาที่บ่นหรืออายแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษเนี่ย น่ารักน่าใคร่ซะจริงเลย

เอ้ายังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้พี่รงค์หล่ะนะ ขอให้ไรอันใจอ่อนยอมให้แอ้มเร็วๆ ละกัน อิอิ


โดย: Xuelang IP: 58.8.100.85 วันที่: 12 ธันวาคม 2554 เวลา:22:39:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.