Group Blog
 
All blogs
 
แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก 7


แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ



++------++


ตอนที่ 7


แม้เวลาจะล่วงเลยชั่วโมงเร่งด่วนมานาน ทว่าการจราจรบนถนนใจกลางย่านธุรกิจก็ยังคงหนาแน่นไปด้วยยานพาหนะและผู้คนที่เดินสวนกันบนทางเท้าเล็กแคบอย่างเร่งรีบ นัยน์ตาเรียวเหม่อมองความวุ่นวายภายนอกผ่านหน้าต่างขณะที่คนขับนำรถลัดเลาะไปตามเส้นทางย่อยเพื่อหนีความติดขัดของถนนสายหลักอย่างคุ้นเคย

คนเป็นตุ๊กตาหน้ารถพยายามทำเป็นไม่สนใจคนข้างตัวและทอดสายตามองบรรยากาศด้านนอกรถไปเรื่อยๆ ภัทรรู้ตัวว่าสายตาของเชษฐ์ชำเลืองมาทางตนเองหลายครั้ง แต่เขาก็เลือกจะไม่หันไปทักเพราะรู้ดีว่ากำลังโดนอีกฝ่ายแกล้งอยู่ อันที่จริงเขาเองก็ตระหนักดีว่าในความสัมพันธ์ของคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วสองคนนั้น หากเขากับเชษฐ์ยังคบกันต่อไปเรื่อยๆ อย่างไรเสียก็ต้องถึงจุดหนึ่งที่ทั้งคู่ก้าวข้ามช่วงเวลาของ ‘การทำความคุ้นเคย’ ไปสู่ช่วงที่เรียกว่าเป็น ‘คนรัก’ กันอย่างเต็มตัวอยู่ดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังประหม่าเพราะไม่คิดว่าจุดที่ว่านั่นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ แถมท่าทีสบายๆไม่ได้รีบร้อนจะไปให้ถึงจุดหมายของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้เขาไม่แน่ใจว่ากำลังถูกปั่นหัวให้คิดมากล่วงหน้าไปเอง หรือความจริงแล้วเชษฐ์แค่อยากเอาคืนที่โดนเขารักษาระยะห่างที่ออฟฟิศเมื่อช่วงบ่ายกันแน่

ภัทรได้แต่ภาวนาให้เป็นอย่างหลังเพราะเขายังรู้สึกว่ามัน ‘เร็วเกินไป’หากทั้งคู่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาไม่ปฏิเสธว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆให้กับอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะถลำลึกไปกว่าสถานภาพในปัจจุบันเช่นกัน ชายหนุ่มอดคิดย้อนไปถึงคำพูดของเชษฐ์เมื่อเดือนก่อนที่ว่าไม่อยากเร่งเขาขึ้นมาไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนออกปากเองแท้ๆ แต่วันนี้กลับมัดมือชกเขาให้ต้องไปค้างที่บ้านด้วยแบบไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธได้เลย ผู้ใหญ่อะไรเอาแต่ใจชะมัด...

“เป็นอะไรรึเปล่า? เอาแต่เงียบตั้งแต่ออกมาจากตึกแล้วนะ”

คนที่ได้แต่นั่งนิ่งมานานสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นจากข้อนิ้วใหญ่ซึ่งไล้อยู่บนผิวแก้ม แต่แล้วสัมผัสที่มาแบบสายฟ้าแลบก็หายไปแทบจะในทันทีที่คนถูกสัมผัสรู้สึกตัว ภัทรหันไปค้อนคนขับรถที่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ว่าเมื่อครู่ตัวเองทำอะไร แล้วคิ้วเรียวเหนือดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็ขมวดเมื่ออีกฝ่ายหักพวงมาลัยไปทิศตรงกันข้ามกับจุดหมายที่จะไป

“คุณเชษฐ์?”

“หือม์?”

“นี่จะไปไหนกันแน่ครับเนี่ย ไหนบอกว่าจะพาผมไปเก็บของที่คอนโดก่อนไม่ใช่เหรอ?”

ภัทรเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ารถยุโรปสีควันบุหรี่คันใหญ่กำลังเบนออกนอกเส้นทางกลับคอนโดมากขึ้นเรื่อยๆ คนถูกถามจึงยิ้มขำก่อนจะยื่นปลายนิ้วไปผ่อนเสียงวิทยุในรถให้เบาลงจากที่เปิดไว้ตอนแรก

“ตอนแรกก็ตั้งใจอย่างนั้นแหละ แต่กว่าจะพาเธอไปถึงคอนโดแล้วรอเก็บของสงสัยจะกินเวลาน่าดู เลยว่าจะแวะหาที่ทานข้าวก่อนดีกว่า เมื่อเย็นเธอก็ไม่ได้ทานอะไรเหมือนกันนี่นา หรือว่าไม่หิว?”

“นั่นมัน...ก็...”

พอถูกถามดังนั้นภัทรจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่หลังมื้อเที่ยงจริงๆ และเสียงโครกครากที่ดังขึ้นอย่างได้จังหวะก็ช่วยตอบข้อสงสัยให้กับคนถามได้เป็นอย่างดี ถึงแม้เสียงนั้นจะไม่ได้ดังเท่าไรนักแต่ก็แปลกแปร่งจากเสียงวิทยุที่ถูกหรี่ไว้จนเข้าหูคนทั้งคู่ชัดเจน คิ้วดกหนาเหนือกรอบแว่นจึงเลิกขึ้นข้างหนึ่งก่อนใบหน้าคมจะเบนสายตากลับไปมองถนนเช่นเดิม

ภัทรรู้สึกร้อนไปทั้งหน้ากับอาการทางร่างกายที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ แล้วก็ให้นึกอยากทุบคนข้างตัวที่กำลังหัวเราะในคออย่างไม่เกรงใจกันสักนิด

“ตกลงว่าโอเคนะ ฉันจำได้ว่าแถวๆที่จะไปมีร้านน่านั่งหลายร้าน เดี๋ยวไปเลือกเอาสักร้านก็แล้วกัน”

“...แล้วแต่คุณเชษฐ์เถอะครับ”

ภัทรตอบอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนจะเสมองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง เปล่าประโยชน์ที่จะคัดค้านหากเชษฐ์ตัดสินใจแล้วว่าจะทำอะไร บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าที่คนตัวใหญ่ชอบแกล้งเขานักเพราะปฏิกิริยาตอบสนองของเขาคงจะดูแล้วเพลินดีกระมัง แต่ความขัดเขินไม่คุ้นชินจากการได้คบกับคนตำแหน่งสูงกว่าแถมอายุมากกว่าหลายปีทำให้บางครั้งภัทรก็ยังวางตัวไม่ถูกจริงๆแม้จะในเวลาที่อยู่กันสองต่อสองก็ตาม

หลังจากหลุดออกมาจากซอยคดเคี้ยวซึ่งเชื่อมระหว่างถนนชื่อดังสองสาย เชษฐ์ก็ขับรถไปสู่ย่านดังกลางใจเมืองซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านอาหารขึ้นชื่อและมีรถยนต์เคลื่อนผ่านตลอดเวลา เมื่อตกลงกันได้แล้วว่าจะทานอาหารไทย คนที่คุ้นเคยกับย่านดังกล่าวดีกว่าจึงนำรถเลี้ยวเข้าซอยย่อยก่อนจะเทียบจอดหน้าร้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ค่อนข้างลึกเข้าไปพอสมควร ภัทรมองย้อนกลับไปยังเส้นทางที่เข้ามาแล้วก็มั่นใจว่าถ้าหากเขาต้องกลับมาร้านนี้คนเดียวเป็นครั้งที่สองคงมาไม่ถูกแน่นอน

หลังจากล็อครถเรียบร้อยร่างสูงใหญ่ก็เดินนำคนที่พามาเข้าไปในร้าน พนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าเดินนำทั้งสองไปยังโต๊ะคู่ติดกระจกด้านในสุดซึ่งมีน้ำตกเทียมไหลเป็นม่านอยู่ด้านนอก ลักษณะการตกแต่งซึ่งใช้ไม้โอ๊คเนื้อหนาทำเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้คลุมทับด้วยผ้าซาตินสีเขียวเข้มและโคมไฟโมเสคด้านบนให้บรรยากาศคล้ายร้านอาหารตะวันตกมากกว่าร้านอาหารไทย นัยน์ตาเรียวมองไปทางเวทีเล็กซึ่งมีนักดนตรีสองคนในชุดเสื้อเชิ้ตและเนคไทสีดำล้วนที่กำลังเล่นซอและขิมแต่กลับสร้างเสียงดนตรีร่วมสมัยได้ราวกับวงสตริงด้วยความทึ่ง

“คุณเชษฐ์มาร้านนี้บ่อยเหรอครับ?”

หลังจากนั่งฟังดนตรีได้สักพักคนที่เพิ่งได้มาร้านนี้เป็นครั้งแรกก็เอ่ยถามขึ้น คนถูกถามจึงยกแก้วน้ำเปล่าซึ่งมีแผ่นมะนาวฝานลอยอยู่เหนือน้ำแข็งทุบขึ้นจิบก่อนจะส่ายหน้าบางๆ

“ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่ พอดีว่าฉันเคยมาติดต่อลูกค้าแถวนี้แล้วเค้าพามาเลี้ยงข้าวเย็นเลยรู้จัก เห็นว่าตอนแรกๆก็ไม่ค่อยมีคนรู้หรอกว่ามีร้านนี้อยู่ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มดังแล้วเพราะมีคนเขียนรีวิวถึงเยอะ”

“อ้อ...”

คนถามส่งเสียงรับรู้ในคอก่อนจะหันไปเอ่ยขอบคุณบริกรที่นำเมนูมาให้ เมื่อหันกลับมาก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังเท้าคางมองตัวเองอยู่จึงเลี่ยงการสบสายตาแล้วพลิกเปิดรายการอาหารดูแทน แต่คนที่นั่งตรงข้ามก็ยังไม่ยอมหยิบเมนูขึ้นดูสักทีจนนัยน์ตาเรียวต้องละสายตาขึ้นมองด้วยความสงสัย

“จะไม่สั่งอาหารเหรอครับคุณเชษฐ์ มองผมไปก็ไม่อิ่มหรอกนะ”

“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าไม่อิ่ม?”

ภัทรรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้นกับน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้ถาม พอตวัดสายตาขึ้นค้อนก็พบว่าประกายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ปิดบังจนเขาต้องรีบหลบตาลงมองเมนูเหมือนเดิม

“คุณเชษฐ์! เลิกแกล้งผมซักทีสิ ผมหิวแล้วนะ ถ้าจะไม่สั่งก็พาผมกลับเดี๋ยวนี้เลย!”

ในที่สุดคนถูกจ้องก็ทนไม่ไหวต้องขึ้นเสียงดุด้วยความเขินจนคนสูงวัยกว่าหัวเราะ สุดท้ายเชษฐ์ก็ยอมเปิดเมนูและช่วยแนะนำรายการอาหารให้แต่โดยดี ด้วยความที่เป็นวันศุกร์สิ้นเดือนทำให้มีลูกค้ามาทานอาหารที่ร้านจนเต็มแทบทุกโต๊ะและอาหารที่สั่งต้องใช้เวลาในการทำพอสมควร แต่เนื่องจากรายการอาหารที่ทั้งสองเลือกเป็นเพียงเมนูง่ายๆที่ใช้เวลาปรุงไม่มากทำให้ไม่ต้องรอกันนานนัก และเมื่ออาหารมาเสิร์ฟแล้วทั้งคู่ก็ต่างพุ่งความสนใจไปที่อาหารตรงหน้าตัวเองเพราะความหิวจนแทบจะลืมคุยกันไปเลยทีเดียว

“จะเอาของหวานด้วยมั้ย? ลอดช่องของที่นี่อร่อยนะ”

เชษฐ์เอ่ยถามขึ้นเมื่อต่างคนต่างจัดการอาหารของตัวเองจนเกลี้ยงและบริกรเก็บจานออกไปแล้ว ภัทรยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนจะยกผ้าขึ้นเช็ดปากแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่ล่ะครับ แค่นี้ก็อิ่มจะแย่แล้ว ขืนกินของหวานอีกคืนนี้ผมนอนไม่หลับแน่...”

เสียงของชายหนุ่มขาดหายเมื่อเห็นรอยยิ้มจางๆบนหน้าของอีกฝ่าย ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าสถานที่ที่ตัวเองจะไป ‘นอน’ คืนนี้คือที่ไหน แล้วก็ให้รู้สึกร้อนที่ผิวหน้าขึ้นมาอีกอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ดูเหมือนเชษฐ์จะยังเห็นใจเขาอยู่บ้างเลยช่วยเบนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่นแทน

“งั้นก็ไม่เป็นไร ฉันนึกว่าเธอยังไม่อิ่ม เห็นเล่นกินเอาๆไม่พูดไม่จาเลย”

“ไม่ต้องมาว่าผมเลย คุณเชษฐ์ก็เหมือนกันแหละ”

ภัทรย้อนกลับทันทีพลางช้อนสายตาขึ้น สายตาสองคู่ประสานกันแล้วใบหน้าหวานก็ค่อยคลี่ยิ้มตอบคนตรงหน้า รู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่บ้างที่ไม่แกล้งเขาให้ยิ่งเขินหนักไปกว่านี้ เพราะแค่นี้เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นไร้เดียงสาที่โดนแหย่นิดแหย่หน่อยก็ทำอะไรไม่ถูกจะแย่อยู่แล้ว

เชษฐ์หัวเราะในคอก่อนจะส่งสัญญาณเรียกบริกรให้คิดเงิน หลังจากเซ็นชื่อในสลิปเครดิตการ์ดเรียบร้อยทั้งสองก็ลุกจากโต๊ะโดยเชษฐ์เดินนำออกไปก่อน ภัทรมองตามแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้าพลางรู้สึกว่าในอกอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย เขาไม่ได้เป็นอย่างนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ครั้งที่ยังเคยคบกับคนรักเก่าจนถึงเมื่อสองปีก่อน

ถ้าหากว่าอีกฝ่ายขอเขาคืนนี้จริงๆ เขาจะตอบรับได้หรือเปล่านะ....

“ธร เร็วๆสิคะ ทำไมชักช้าอยู่เรื่อยเลยนะ”

“ผมก็ขอโทษแล้วไง คุณก็หัดใจเย็นบ้างสิ”

กระบวนความคิดของภัทรสะดุดลงเมื่อได้ยินชื่อที่ตัวเองไม่เคยได้เรียกมานาน และขาเพรียวสองข้างก็หยุดนิ่งทันทีที่ได้ยินเสียงตอบรับห้าวห้วนซึ่งแสนจะคุ้นเคยนั้นจากชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน

"จริงๆเลย ลูกค้างี่เง่านักก็ไม่เห็นต้องยอมคุยด้วยเลย ตัดสายไปแล้วบอกว่าแบตหมดซะก็สิ้นเรื่อง"

เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอีกก่อนจะเดินผ่านคนทั้งสองตรงทางเข้าเข้าไปด้านใน ตามติดด้วยชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่กำลังทำหน้าถมึงทึงอย่างไม่สบอารมณ์ ภัทรเพียงชำเลืองมองร่างสูงที่เพิ่งเดินผ่านตนไปแล้วก็ต้องรีบก้มหน้าหนีทันที

เป็นโชคดีของเขาที่เชษฐ์ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ยืนบังตนเองอยู่ ประกอบกับแสงไฟจากโคมรูปดอกบัวบนผนังตรงทางเข้าไม่ได้สว่างนักทำให้คนทั้งสองที่เดินสวนเข้าไปในร้านไม่ทันสังเกตเห็นร่างเพรียวที่ยืนตัวแข็งพร้อมกับมือข้างหนึ่งขยุ้มด้านหลังเสื้อของคนตัวใหญ่เอาไว้แน่น

“ภัทร?”

ใบหน้าคมหันกลับไปหาคนข้างหลังเมื่อรู้สึกว่าตัวเองโดนรั้งไว้ และถึงแม้แสงสลัวจะไม่ทำให้เขาเห็นสีหน้าของคนที่ยืนเงียบได้ถนัดแต่คนสูงวัยกว่าก็แน่ใจว่าต้องมีอะไรผิดปกติกับเจ้าของชื่ออย่างแน่นอน

“อ๊ะ...ขอโทษครับ สงสัยผมจะกินมากไปจริงๆ เลย...จุก...นิดหน่อย...”

มือเรียวรีบยกขึ้นปิดปากตัวเองทันทีเมื่อรู้สึกว่าก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาที่คอจนเสียงท้ายประโยคสั่นเครือ นัยน์ตาคมหรี่มองคนตัวเล็กกว่าก่อนจะมองตามหลังคนทั้งสองที่เดินหายเข้าไปในร้าน แล้วแขนแข็งแรงก็เอื้อมขึ้นโอบเจ้าของไหล่ที่กำลังสั่นให้ก้าวออกจากร้านด้วยกันเงียบๆ

ภัทรก้าวขึ้นนั่งในรถหลังจากเชษฐ์เปิดประตูให้แล้วก็รู้สึกเศร้าจนต้องปล่อยให้น้ำตาหลั่งไหลออกมา เขาพยายามสูดน้ำมูกทั้งที่รู้ดีว่ายิ่งทำให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงชัดเข้าไปอีกว่าเขากำลังร้องไห้อยู่ ชายหนุ่มพยายามไม่นึกถึงเจ้าของเสียงห้วนและใบหน้าคมคายที่เขาเคยเป็นเจ้าของจนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ทั้งๆที่เคยคิดว่าตัดใจได้อย่างเด็ดขาดหลังจากที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลายาวนาน เพียงแค่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายเพียงชั่วแวบเดียวพร้อมกับน้ำเสียงที่ส่อให้รู้ว่าคนพูดเป็นคนเจ้าอารมณ์เท่านั้นเขาก็กลับระงับความรู้สึกที่พลุ่งพล่านขึ้นจนเจ็บหน้าอกไม่ไหว

"ฮึก..."

ภัทรกัดหลังมือตัวเองขณะใช้ความพยายามเต็มที่ที่จะกลั้นไม่ให้เสียงใดๆเล็ดลอดจากปากอีก ตลอดเวลาที่ชายหนุ่มปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองหลั่งไหลออกมาตามทำนบที่ผุพังนั้นเชษฐ์ไม่พูดหรือถามอะไรแม้แต่คำเดียว แต่ทั้งๆที่เขารู้สึกเศร้ากับการที่จู่ๆก็ได้พบคนที่เคยคิดว่าคงไม่มีวันโคจรมาเจอกันอีกแล้วในชีวิตนี้โดยไม่คาดฝัน อีกใจหนึ่งภัทรก็ยังหวั่นเกรงว่าเชษฐ์จะรู้สึกอย่างไรที่เห็นเขาเป็นแบบนี้หลังจากได้เห็นคนรักเก่า ในเมื่อตอนนี้คนที่เขาอยู่ด้วยและตกลงคบหาคือคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างตัวคนนี้แท้ๆ

ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้อยู่นานแค่ไหน แต่เมื่อเริ่มสงบจิตใจลงและยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกแล้วนัยน์ตาเรียวก็หันมองไปด้านนอกหน้าต่าง แล้วภัทรก็ต้องกระพริบตาเมื่อพบว่าคนตัวใหญ่หักรถเลี้ยวเข้าหมู่บ้านของตัวเองซึ่งอยู่ไกลจากคอนโดของเขามากแล้ว

“คุณเชษฐ์?”

“ขอโทษที แต่ฉันคิดว่ากลับบ้านเลยน่าจะดีกว่า ตอนนี้เธอคงไม่มีอารมณ์กลับคอนโดไปเก็บของหรอกนะ?”

ภัทรมองเสี้ยวหน้าของคนขับรถที่อธิบายโดยไม่ละสายตาจากถนนตรงหน้าแล้วก็พยักหน้า หลังมือผอมเรียวยกขึ้นอุดปากอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะหลุดสะอื้นออกมาอีก แต่หนนี้เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้เพราะความเศร้าที่ได้เห็นคนรักเก่ายังตกค้างอยู่ หรือเป็นเพราะว่าเขากำลังน้อยใจที่เชษฐ์ทำเหมือนไม่สนใจจะไถ่ถามว่าเขาเป็นอะไรเลยกันแน่

ร่างสูงใหญ่กดรีโมตเปิดรั้วบ้านแล้วก็เลื่อนรถคันใหญ่เข้าจอดพลางกดรีโมตปิดรั้ว ภัทรรีบเปิดประตูลงก่อนอีกฝ่ายจะทันอ้อมมาเปิดประตูให้ ใบหน้าที่บัดนี้ซีดเซียวก้มนิ่งไม่ยอมมองเจ้าของบ้านที่หันไปเปิดประตูบ้านแล้วก็ถอดรองเท้าพลางเดินตามเข้าไปเงียบๆ

“อาบน้ำก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้ามาให้ มันเป็นฟรีไซส์ เธอน่าจะใส่ได้”

เชษฐ์เดินนำอีกฝ่ายไปที่ห้องนอนบนชั้นสองก่อนจะหันมาบอกคนตัวเล็กกว่าที่ยังดูเหม่อลอย คนฟังพยักหน้าพลางรับผ้าขนหนูพร้อมกับเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นและกางเกงวอร์มแบบเอวรูดขายาวมาไว้ในมือ แต่แล้วเมื่อกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนภัทรก็ต้องเงยหน้ามองคนตัวใหญ่ที่เดินล้วงกระเป๋าตามมาด้วยแววตาสงสัย

“คุณเชษฐ์จะเอาอะไรในห้องน้ำหรือเปล่าครับ?”

ใบหน้าคมส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนที่มือใหญ่ข้างหนึ่งจะยกขึ้นทาบบนบ่าของคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำแล้วบีบเบาๆ

“ไหวหรือเปล่า?”

คำถามที่เปี่ยมด้วยน้ำเสียงห่วงใยและสายตาอ่อนโยนที่ทอดมองมาทำให้ภัทรรู้สึกเต็มตื้น ชายหนุ่มนึกโทษตัวเองที่หวั่นไหวจนเผลอแสดงความอ่อนแอจนน่าอายออกไปให้อีกฝ่ายเห็นเมื่อครู่ แล้วก็คิดได้ว่าที่เชษฐ์ไม่ถามอะไรตอนอยู่ในรถด้วยกันคงเพราะอยากให้เขาได้ระบายอารมณ์ออกมาให้เต็มที่นั่นเอง

“ไหวครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเชษฐ์ไม่สบายใจ แต่ว่าผมไม่เป็นไรแล้ว”

ภัทรพยายามคลี่ยิ้มให้คนถามเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจ แต่แล้วประโยคถัดมาของเจ้าของบ้านที่นัยน์ตากลายเป็นประกายพราวขึ้นมาก็ทำเอาใบหน้าที่แฝงแววอิดโรยเมื่อครู่ร้อนวูบขึ้นทันที

“น่าเสียดาย กำลังกะว่าถ้าไม่ไหวฉันจะช่วยอาบน้ำให้อยู่เชียว”

“คุณเชษฐ์! ทะลึ่ง! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะผมจะอาบน้ำแล้ว!!”

แขนเรียวสองข้างรีบผลักคนตัวใหญ่ออกแล้วปิดประตูลงล็อคตามหลังอย่างแรง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะมาจากอีกด้านของประตูก่อนที่เสียงฝีเท้าจะค่อยๆแผ่วไปตามด้วยเสียงเปิดประตูห้องนอน ภัทรหันมองกระจกเหนืออ่างล้างหน้าแล้วก็ต้องตกใจที่ได้เห็นว่าหน้าของตัวเองแดงขนาดไหน ร่างเพรียวนึกค่อนขอดคนแกล้งในใจพลางวักน้ำก๊อกเย็นๆขึ้นล้างหน้า แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นมองกระจกดีๆอีกครั้งก็ได้เห็นรอยช้ำแดงที่ขอบตาและปลายจมูกซึ่งไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องรู้ทันทีว่าเขาร้องไห้มา

บางที...ที่คนตัวใหญ่แหย่เขาอาจจะเป็นเพราะอยากให้เขาลืมเรื่องที่ได้เจอคนที่ทำร้ายจิตใจตัวเองเมื่อสองปีก่อนก็ได้

ภัทรถอนหายใจก่อนจะหมุนปิดก๊อกน้ำและเลื่อนบานประตูกระจกสำหรับส่วนอาบน้ำ ทันทีที่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ออกและก้าวเข้ายืนใต้สายน้ำอุ่น กล้ามเนื้อไหล่ที่เครียดเกร็งมาตลอดตั้งแต่ออกจากร้านก็ลู่ลงอย่างผ่อนคลาย ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบน้ำบนหน้าก่อนจะปั๊มแชมพูออกมาขยี้บนผม จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใช้ห้องน้ำบนชั้นสองของบ้านนี้ เพราะทุกครั้งที่เชษฐ์พามาเที่ยวบ้านทั้งสองจะใช้เวลาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างกันมากกว่า และถึงแม้ห้องน้ำชั้นบนจะกว้างขวางแถมยังมีอ่างให้แช่น้ำได้แต่ภัทรก็ไม่นึกอยากรบกวนอีกฝ่ายด้วยการอาบน้ำนานๆจึงเพียงอาบน้ำสระผมตามปกติเท่านั้น หลังจากที่เช็ดตัวใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยภัทรก็ลองเปิดตู้ข้างอ่างล้างหน้าดู และพบว่ามีแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมที่ยังไม่แกะจากกล่องจึงถือวิสาสะเอามาใช้เพราะอย่างไรเสียเชษฐ์ก็เป็นคนบังคับเขาให้มาค้างด้วยเอง

ภัทรคล้องผ้าขนหนูไว้รอบคอแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องนอน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเจ้าของบ้านกำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียงในชุดเดิมโดยที่ปลดกระดุมสามเม็ดบนลงจนเห็นแผงอกแกร่งถนัดตา แว่นที่เจ้าตัวถอดออกถูกพับวางไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะเล็กข้างเตียงซึ่งมีโคมไฟสีนวลตาให้ความสว่างอยู่ เชษฐ์คงตั้งใจให้ห้องนี้เป็นห้องสำหรับนอนพักผ่อนจริงๆจึงไม่มีหลอดนีออนขาวกลางห้องตามแบบบ้านสำเร็จรูปทั่วไป แต่มีโคมไฟสีส้มอ่อนวางอยู่ตามมุมต่างๆในห้องแทน

“คุณเชษฐ์ เหนื่อยเหรอครับ?”

“อืม...นิดหน่อย”

ร่างเพรียวทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงพลางยื่นมือออกไปเกลี่ยผมที่อยู่บนหน้าผากของอีกฝ่ายออกให้ เชษฐ์ส่งเสียงครางในคอก่อนจะคว้ามือบางไปจับและเลื่อนให้ลงไปซุกที่ซอกคอโดยที่ไม่ยอมลืมตาจนภัทรยิ้ม ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะเพลียเพราะนอกจากจะเพิ่งบินกลับมาจากต่างประเทศเมื่อบ่ายแล้วยังต้องเคลียร์งานแถมขึ้นไปบรรยายหน้าห้องตอนประชุมรวมเมื่อเย็น แล้วยังไม่นับที่ขับรถพาเขาไปทานข้าวและพากลับมาที่บ้านนี่อีก

“มือเธอเย็นจัง”

คนที่ยังนอนอยู่เอ่ยทักขึ้นพลางยกหลังมือเรียวขึ้นประทับที่ริมฝีปากตัวเอง แม้แสงไฟจากโคมหัวเตียงและโต๊ะหน้ากระจกจะสลัวแต่ภัทรก็รับรู้ได้จากสัมผัสที่หลังมือว่าคนตัวโตกำลังยิ้ม แต่บรรยากาศอ่อนหวานที่กำลังโอบล้อมอยู่รอบตัวก็ทำให้เขายิ้มตอบและเลือกจะไม่ชักมือหนี

“ผมเป็นคนเลือดน้อยน่ะครับ ว่าแต่คุณเชษฐ์...ทำไมเสื้อกับกางเกงคุณเชษฐ์ที่ให้มานี่ผมถึงใส่ได้พอดีเลยล่ะ?”

คนถูกบังคับให้มาค้างด้วยเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกที่เชษฐ์เอาเสื้อผ้ามาให้เขาคิดเอาเองว่าคงเป็นเสื้อผ้าของเจ้าตัว และต่อให้อีกฝ่ายจะเลือกไซส์ที่เล็กที่สุดเท่าที่มีให้ก็ไม่น่าจะพอดีตัวเขาเป๊ะถึงขนาดนี้ คนถูกถามจึงลืมตาขึ้นมองคนถามก่อนจะลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือที่กุมไว้ให้เป็นอิสระ

“แล้วฉันพูดตอนไหนล่ะว่านั่นมันเสื้อผ้าฉัน นี่น่ะฉันซื้อเตรียมไว้ให้เธอต่างหาก ป้าแย้มเค้าซักให้หลังฉันซื้อมาใหม่ๆแต่ไม่เคยถูกใส่เลยสักครั้ง”

“เตรียมไว้ให้ผม? เอ๊ะ?”

คำตอบที่ได้ทำให้คนถามเอียงคอด้วยความไม่เข้าใจ คนตอบจึงขยายความต่อให้อย่างใจเย็น

“ก็เผื่อมีเหตุให้เธอต้องมาค้างที่นี่กะทันหันแบบวันนี้ไง ที่จริงฉันซื้อไว้ตั้งแต่ตอนชวนเธอค้างเมื่อคราวโน้นแล้วด้วยซ้ำ แต่เจ้าของเพิ่งจะได้ใส่เอาวันนี้แหละ”

ใบหน้าคมยิ้มอีกก่อนจะปล่อยมือเรียวแล้วลุกขึ้นจากเตียง ทิ้งให้คนฟังนั่งหน้าแดงอยู่ที่เดิมเพราะไม่รู้ว่าจะโต้ตอบว่าอะไร อย่างนี้ก็เท่ากับอีกฝ่ายรอจะให้เขามาค้างที่นี่ตลอดเลยน่ะสิ

“ภัทร”

“อ๊ะ ครับ?”

เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้านั้นถอดเสื้อเชิ้ตออกไปแล้ว เหลือเพียงกางเกงแสล็คสีดำกับเข็มขัดติดตัวอยู่เท่านั้น

“จะนอนก่อนก็ได้นะ ฉันว่าจะแช่น้ำอุ่นหน่อย ยังไงเป่าผมให้แห้งก่อนนอนก็ดีจะได้ไม่เป็นหวัด ไดร์เป่าอยู่ตรงลิ้นชักหน้ากระจก หยิบใช้ได้เลย”

“เอ๋? อ้อ...โอเคครับ”

ภัทรมองตามนิ้วอีกฝ่ายที่ชี้ไปทางโต๊ะหน้ากระจกเพื่อเลี่ยงการปะทะสายตากับเจ้าของเรือนร่างแกร่งที่กำลังเปลือยท่อนบนอยู่อย่างสุดชีวิต แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนที่เมื่อครู่ยืนอยู่ห่างออกไปเดินกลับมานั่งลงข้างๆเขาที่บนเตียง

มือแแกร่งยื่นมาจับข้อศอกเรียวข้างหนึ่งและรั้งให้คนที่นั่งตัวแข็งทื่อหันกลับไปหา ภัทรเหลือบตาขึ้นสบกับเจ้าของดวงตาสีเข้มที่กำลังใช้แขนอีกข้างโอบเอวตัวเองไว้แล้วก็รู้สึกว่าตัวสั่นขึ้นมา แต่แล้วเชษฐ์ก็เพียงเชยคางเขาขึ้นแล้วแนบริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มเร็วๆทีหนึ่งเท่านั้น เมื่อภัทรลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นประกายตาอ่อนโยนของอีกฝ่ายที่มองตรงมาก่อนที่อ้อมแขนแข็งแรงจะรั้งตัวเขาไปกอดไว้ มือใหญ่สองข้างลูบขึ้นลงบนแผ่นหลังกับต้นแขนให้ ทว่าแทนที่จะเป็นสัมผัสเชิงปลุกเร้าที่ชวนให้รู้สึกวาบหวิว สิ่งที่ภัทรรู้สึกได้ผ่านฝ่ามือทั้งสองนั้นกลับเป็นความอบอุ่นใจราวอีกฝ่ายกำลังปลอบเขาอยู่มากกว่า

ชายหนุ่มหลับตาลงและซุกตัวเข้าหาแผงอกกว้างมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากอุ่นแนบลงบนเรือนผมที่ยังเปียกชื้นของตัวเอง เชษฐ์บีบไหล่บางเบาๆก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรแล้วนะ?”

ภัทรพยักหน้าพลางกระพริบตาไล่หยาดน้ำที่เอ่อขึ้นมาคลอในหน่วยตา ความเอาใจใส่ที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้เขาได้ตระหนักว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เริ่มต้นใหม่กับเชษฐ์ ผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่และพร้อมจะดูแลปกป้องเขาจากใจจริง อดีตที่ผ่านมาแม้จะยังฝังแน่นในความทรงจำเพียงใดก็เป็นได้แค่เพียงอดีต สิ่งที่เขาควรจะใส่ใจและให้ความสำคัญคือปัจจุบันตรงหน้านี้ต่างหาก

มือใหญ่ตบหลังคนในอ้อมแขนเบาๆก่อนจะถอยตัวออก ภัทรยิ้มให้กับร่างสูงที่ลุกไปจากห้องก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะหยิบไดร์เป่าผมออกมาเสียบปลั๊กข้างกระจก ช่างน่าแปลกเมื่อคิดว่านี่เป็นเพียงคืนแรกที่เขามาค้างที่นี่เท่านั้น แต่ภัทรกลับรู้สึกคุ้นเคยกับการทำกิจวัตรธรรมดาๆเหล่านี้กับคนตัวใหญ่อีกคนราวกับว่าเป็นเรื่องที่ทำเป็นประจำไปแล้ว

หลังจากเป่าผมจนแห้งแล้วภัทรก็ถอดปลั๊กเก็บไดร์เข้าที่เดิม ร่างเพรียวตวัดผ้าห่มขึ้นแล้วซุกตัวลงนอนใต้ผ้านวมพลางเงี่ยหูฟังเสียงน้ำจากห้องข้างๆ เขานึกขอบคุณที่เชษฐ์ทั้งไม่ถามรายละเอียดและเร่งเร้าความสัมพันธ์กับเขาในวันนี้ แต่เขาก็เชื่อว่าหากอีกฝ่ายยังคงให้ความสม่ำเสมอกับเขาเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานคงถึงวันที่เขาพร้อมหากอีกฝ่ายเอ่ยขออย่างแน่นอน

ภัทรพลิกตัวปิดโคมไฟตรงหัวเตียงก่อนจะหลับตาลง ทั้งห้องจึงเหลือเพียงแสงอ่อนตาจากโคมไฟบนโต๊ะหน้ากระจกพอให้คนที่จะกลับมาในห้องไม่ถึงกับเดินสะดุดอะไรเท่านั้น ขณะที่ชายหนุ่มเริ่มจะดำดิ่งสู่ห้วงนิทราก็รู้สึกว่ามีร่างอุ่นๆที่กรุ่นกลิ่นสบู่เข้ามานอนกอดตัวเองจากด้านหลังพร้อมกับเสียงระบายลมหายใจยาว คนที่นอนอยู่ก่อนจึงส่งเสียงครางในคอก่อนจะหันกลับไปซุกตัวเข้าหาความอบอุ่นนั้นราวกับลูกแมวตัวน้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนบนขมับและอ้อมแขนที่กอดรัดเขาแน่นขึ้นก่อนจะหลับสนิทเพราะความอ่อนเพลียไปจนถึงเช้า


+---tbc---+




Create Date : 26 กรกฎาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2553 0:14:17 น. 8 comments
Counter : 933 Pageviews.

 
อ่านจนครบทุกตอนแล้ว สนุกมากค่ะ อยากอ่านต่อจังค่ะ
เรื่องนี้มีแนวโน้มจะรวมเล่มบ้างไหมคะ
ทั้งภัทรทั้งคุณเชษฐ์น่ารักมากเลยล่ะ ^-^
ถึงจะแพ้เป้กับวิวอยู่นิดหน่อยก็เถอะ


โดย: porntip IP: 125.26.153.224 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:21:25 น.  

 
porntip ถ้าจบแล้วคงรวมเล่มแหละค่ะ แต่เพราะยังไม่รู้ว่าจะจบในกี่ตอนเลยยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ คู่นี้เค้าจะบุคลิกต่างกับเป้วิวหน่อย เพราะคู่นั้นรักสมัยเรียนแถมอายุเท่ากัน แต่คู่นี้รักในที่ทำงานแถมอายุต่างกัน ยังไงติดตามกันเรื่อยๆนะคะ จะพยายามมาลงต่อเร็วๆนี้ค่ะ

(หมายเหตุ เรื่องนี้ตอนแรกเขียนเป็นเรื่องสั้นจบรับเทศกาลวาเลนไทน์ ไปๆมาๆไหงงอกขึ้นมาได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน)


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:35:28 น.  

 
สงสารก็สงสาร แต่ขำก็ขำ ภัทรหนอภัทร พี่เชษฐ์ก็ช่างแกล้ง ช่างหยอก ช่างเอาใจ ช่างห่วงใย อ๊าก (ละเมอด้วยความอิจฉา ฮ่าๆ)


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:40:04 น.  

 
พี่พีท ภัทรนี่ บางทีถ้าไปเจอคนอื่นอาจไม่โก๊ะขนาดนี้นะคะ แต่พอเจอแบบคุณเชษฐ์เข้าไปเลยรับมือไม่ถูก หุหุ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:33:47 น.  

 
“จะไม่สั่งอาหารเหรอครับคุณเชษฐ์ มองผมไปก็ไม่อิ่มหรอกนะ”

“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าไม่อิ่ม?”

อร๊ายยยยย คุณเชษฐ์ คิดอารายยู้....


“น่าเสียดาย กำลังกะว่าถ้าไม่ไหวฉันจะช่วยอาบน้ำให้อยู่เชียว”

เอ๊ย... ตาลุงลาม๊ก กะลังซึ้งใจกะ " ไหวหรือเปล่า? " อยู่เลยเชียวแหม...

ว่าแต่ คุณเชษฐ์นี่ก็น่ารักเน๊อะ ดูอบอุ๊นอบอุ่น


โดย: aew IP: 125.27.65.235 วันที่: 21 มิถุนายน 2554 เวลา:13:39:57 น.  

 
พี่แอ๋ว อร้ายยยยย มาอ่านทวนอีกรอบก็ชักรู้สึกเหมือนกัน ว่าคุณเชษฐ์จะช่างหยอดไปหน้ายยยย เห้อ....

คุณลุงลามกคนนี้ ชอบทำซะอบอุ่นจนภัทรร้อนไปเลยมั้งคะ กร๊ากกกกกก


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 21 มิถุนายน 2554 เวลา:15:45:13 น.  

 
มันหวานนนนนนนนมากกกกกก ตอนท้าย

ภัทรเป็นคนลืมยากมากเลยเนอะ 2 ปีแล้วนะนั่น


โดย: Niii IP: 202.12.73.65 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:26:38 น.  

 
น้องนิ รักแรกลืมยากน่อ 555+


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:0:31:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.