|
แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก 10 (ครึ่งหลัง)
A/N: ครึ่งหลังที่ยาวกว่าครึ่งแรกตามมาแล้วค่า (การระบุเวลาว่าตอนใหม่จะมาเมื่อไหร่นี่เป็นการเอาห่วงผูกคอจริงๆ) ไม่อยากบ่นเลย แต่ว่าอาทิตย์ที่ผ่านมามีวันหนึ่งต้องอยู่ออฟฟิศยันตีสี่ของอีกวันเพื่อเร่งปิดต้นฉบับของนิตยสารที่ไปช่วยงานกอง บก. ให้อยู่ แถมต้องเตรียมเอกสารจิปาถะของ ป.โท ไปด้วย รู้สึกชีวิตง่วนรอบด้าน วันนี้ก็ไปเรียนวันแรกด้วยความมึนอย่างสุดๆ อาจเพราะทิ้งการเรียนมานาน แถมเนื้อหามันไม่ใช่ด้านที่จบมาโดยตรงด้วยล่ะค่ะ แต่ก็จะสู้ต่อไป เพียงแต่สังหรณ์จาก text ที่อาจารย์ให้มาว่าต่อไปคงต้องกระเบียดกระเสียรเวลาน่าดูในการมาต่อนิยาย (ย้ากกกก) ยังไงถ้าตอนต่อไปทิ้งช่วงนานหน่อยก็อย่าเพิ่งทิ้งคุณเชษฐ์กับภัทรกันนะคะ
คิดถึงคนอ่านทุกคนค่า~
แนะนำ
สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ
++------++
ตอนที่ 10. (ครึ่งหลัง)
พายุที่หอบเอาสายฝนกระหน่ำมาเมื่อครู่ก่อนพัดผ่านบริเวณรีสอร์ทไปแล้ว ปุยเมฆบนฟ้าเริ่มกระจายตัวออกจากกันมากพอจะเผยให้เห็นแสงอาทิตย์สุดท้ายของวัน ละอองฝนประปรายที่ยังเหลือตกค้างทำให้บรรยากาศภายนอกชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำ แม้แต่สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นอยู่รอบรีสอร์ทก็ดูจะเข้มขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากได้รับน้ำฝนจนอิ่ม
หลังจากแต่งตัวกันเรียบร้อยและเห็นว่าพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าแล้ว เชษฐ์ก็ขับรถพาภัทรออกไปหาร้านอาหารเพื่อทานมื้อเย็นด้วยกัน ทั้งคู่ตัดสินใจไม่ทานที่ห้องอาหารของรีสอร์ท เพราะจะได้เปลี่ยนบรรยากาศจากการอยู่แต่ในบริเวณที่พักกับชายหาดหน้าห้องบ้าง และหลังจากที่ขับรถวนสำรวจถนนเลียบหาดไปหนึ่งรอบ ทั้งคู่ก็เห็นพ้องกันว่าจะเลือกร้านริมทะเลร้านหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากที่พักออกไปราวสองกิโลเมตร เพราะดูแล้วไม่ถึงกับโหรงเหรงหรือมีลูกค้าแน่นเกินไปจนต้องรออาหารนาน
ร้านที่เชษฐ์กับภัทรเลือกนั้นมีทั้งส่วนที่เป็นห้องอาหารหลักและศาลามุงจากหลังย่อมๆอีกจำนวนหนึ่งสำหรับรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มเล็ก โต๊ะและเก้าอี้สำหรับที่นั่งตรงศาลาก็ทำจากไม้ไผ่ที่ประกอบกันเป็นแคร่ ซึ่งต่างจากโต๊ะและเก้าอี้เหล็กพับในส่วนของห้องอาหารหลัก โชคดีที่ทางร้านนำผ้าพลาสติกมาคลุมศาลาเหล่านี้เอาไว้ระหว่างที่มีพายุฝน โต๊ะและที่นั่งซึ่งถูกคลุมเอาไว้จึงไม่เปียกเฉอะแฉะ
พนักงานของร้านเดินนำทั้งคู่ไปนั่งที่โต๊ะริมทะเลซึ่งประกอบขึ้นจากไม้ไผ่และมีหลังคามุงจากบนเสาไม้ทั้งสี่ด้าน หลังจากได้ที่นั่งแล้ว ทั้งสองก็สั่งเมนูที่ทางร้านแนะนำให้และอาหารทะเลเผาอีกสองสามอย่าง ลมเย็นที่โชยมาในยามค่ำให้ความรู้สึกสดชื่นโดยไม่ทำให้เหนียวตัว ทั้งสองจึงนั่งทานอาหารและคุยกันไปเรื่อยๆโดยมีตะเกียงที่ให้แสงสว่างตั้งอยู่กลางโต๊ะ จวบจนเวลาผ่านไปสองชั่วโมงและดวงจันทร์ลอยขึ้นสูงแล้วจึงเรียกพนักงานมาเก็บเงินและเดินทางกลับ
เนื่องจากที่รีสอร์ทแถมน้ำดื่มให้แขกที่มาพักเพียงห้องละสองขวด ทั้งสองจึงแวะซื้อน้ำจากร้านสะดวกซื้อซึ่งตั้งอยู่ระหว่างทางก่อนจะกลับที่พัก หลังจากเชษฐ์จอดรถและล็อกประตูแล้วก็ฉวยถุงใส่ขวดน้ำไปถือและเดินนำไปก่อน ขณะที่กำลังเดินไปตามทางเดินเพื่อกลับห้องพักนั่นเอง ภัทรที่เดินตามหลังร่างสูงใหญ่ไม่ห่างนักก็แหงนหน้ามองผืนฟ้าสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ดวงดาวที่กำลังกะพริบแสงดูแล้วเหมือนกับมีใครเอากากเพชรสีทองไปโปรยไว้ ชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าไปแตะข้อศอกของคนที่เดินนำหน้าเบาๆ
คุณเชษฐ์ ผมยังไม่ง่วงเลย เดี๋ยวผมไปเดินเล่นก่อนนะครับ
ภัทรเอ่ยขึ้น เพราะนับตั้งแต่ย้ายมาทำงานที่บริษัทนี้ เขาก็แทบจะไม่ได้ออกจากกรุงเทพฯมาเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยนัก ดังนั้นเมื่อมีโอกาสจึงอยากจะซึมซับช่วงเวลาและบรรยากาศของการพักผ่อนให้นานขึ้นอีกหน่อย เพราะวันพรุ่งนี้ทั้งคู่ก็ต้องกลับกรุงเทพฯกันแล้ว
เชษฐ์ปรายตามองมือเรียวที่ยังแตะอยู่บนข้อศอกของตน จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นแล้วถามเจ้าของมือยิ้มๆ แล้วฉันล่ะ?
เอ๊ะ?
คำถามของอีกฝ่ายทำให้ภัทรเลิกคิ้วอย่างงุนงง เชษฐ์จึงอธิบายต่อให้
ก็เห็นเธอพูดเหมือนอยากจะไปเดินเล่นคนเดียว ใจคอจะไม่ชวนกันเลยหรือไง?
พอได้ยินคำอธิบาย ภัทรก็ให้นึกอยากจะจิกเล็บลงบนแขนแข็งแรงที่ตัวเองวางมือทาบอยู่ขึ้นมาติดหมัด เพราะเขายังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยสักคำ มีแต่คุณเชษฐ์นี่ล่ะที่ชอบเอาคำพูดเขาไปตีความใหม่อยู่เรื่อย
...อยากมาก็มาสิครับ ผมไม่ได้บอกว่าไม่ให้ตามมานี่
ชายหนุ่มปล่อยมือข้างที่ยื่นออกไปเมื่อครู่ลงข้างตัว หัวคิ้วทั้งสองข้างมุ่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ตั้งใจ เชษฐ์ที่ได้เห็นสีหน้าเช่นนั้นจึงหัวเราะเบาๆ
เข้าใจละ งั้นเธอไปรอที่หาดก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันเอาน้ำไปเก็บที่ห้องเสร็จแล้วจะตามไป
คนตัวใหญ่เอ่ยพลางชูถุงใส่ขวดน้ำในมือขึ้น ภัทรจึงค่อยยิ้มและพยักหน้า จากนั้นก็ปลีกตัวเดินย้อนไปตามทางที่เดินมาเพื่อจะเลี้ยวลงชายหาด ดูเหมือนว่านอกจากพวกเขาสองคนที่เลือกพักที่ห้องสวีทริมทะเลแล้ว แขกที่มาพักกลุ่มอื่นๆจะเลือกพักในส่วนที่เป็นตึกโรงแรมซึ่งอยู่ใกล้ล็อบบี้มากกว่า เพราะว่าภัทรเห็นแสงไฟและเงาที่ลอดผ่านผ้าม่านของห้องบางห้องได้ลางๆ ซึ่งเหตุผลหนึ่งก็คงเป็นเพราะราคาห้องพักที่ถูกกว่าห้องบีชฟร้อนท์สวีทแบบที่เชษฐ์เลือกอยู่หลายพันบาทนั่นเอง
ลมทะเลยามค่ำที่ค่อนข้างแรงคงทำให้แขกคนอื่นเลือกจะอยู่ในห้องมากกว่าออกมาเดินเล่น ดังนั้นนอกจากเสียงลมแล้วก็มีเพียงเสียงคลื่นที่กำลังม้วนตัวเข้าซัดหาดทรายให้ได้ยิน แสงจากดวงจันทร์ข้างขึ้นสีเงินยวงช่วยให้มองเห็นจุดที่เส้นขอบฟ้าบรรจบกับท้องน้ำได้ลางเลือน นอกจากนี้ก็มีแสงสว่างจากโคมไฟดวงเล็กที่ทางรีสอร์ทเปิดไว้เป็นระยะบริเวณรั้ว บริเวณหน้าหาดจึงไม่ถึงกับมืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น
พื้นทรายที่ภัทรเหยียบย่ำลงไปนั้นยังชื้นเพราะพายุฝนเมื่อช่วงบ่าย ชายหนุ่มจึงถอดรองเท้าแตะออกแล้วเดินเท้าเปล่าลงไปบริเวณที่คลื่นซัดขึ้นมาจนน้ำปริ่มข้อเท้า ร่างเพรียวเหยียดแขนขึ้นสูงก่อนจะสูดกลิ่นอายทะเลและอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืนเข้าเต็มปอด ความจริงแล้วตอนเด็กเขาก็โตมากับทะเลภาคตะวันออก และชอบเล่นน้ำทะเลเวลาที่อารมณ์ครึ้มพอ แต่เพราะว่าเมื่อตอนบ่ายนั่นเขาโดนเชษฐ์บังคับอุ้มลงไป ทำให้ไม่ได้สนุกกับการเล่นน้ำอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก
นัยน์ตาเรียวทอดมองออกไปยังผืนทะเลกว้างที่มีเงาของดวงจันทร์สะท้อนอยู่เป็นวง เงาสีขาวนวลเต้นระยิบไปมาตามริ้วคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่โถมเข้าหาฝั่ง ชายหนุ่มยืนนิ่งขณะทอดสายตามองไปยังแสงไฟจากเหล่าเรือหาปลาที่อยู่ไกลจนเห็นเป็นเพียงกลุ่มแสงจุดเล็กๆ หลังจากใช้เวลาอยู่กับเชษฐ์มาทั้งวัน เมื่อได้มายืนมองทะเลตามลำพังเช่นนี้ ภัทรก็ให้นึกถึงผู้มีพระคุณในครอบครัวที่เขารักและเคารพที่สุดขึ้นมา
ป่านนี้น้าจินกับน้าบรรณเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้โทรไปหาเลย ถ้าจู่ๆโผล่ไปเยี่ยมจะเป็นยังไงนะ อุตส่าห์มาถึงระยองทั้งที ขับรถต่อไปอีกหน่อยก็ถึงจันทบุรีแล้ว
แต่ว่า...จะให้พาคุณเชษฐ์ไปแนะนำเลยน่ะหรือ.... จะเร็วเกินไปหรือเปล่า
ชายหนุ่มหวนนึกถึงตอนที่เชษฐ์ขับรถพาเขาออกมาจากกรุงเทพฯเมื่อเที่ยงวัน ตอนนั้นเขาไม่ได้บอกว่าสาเหตุที่แสดงท่าทางแปลกๆตอนเห็นป้ายบอกทางไปจันทบุรีก็เพราะนึกถึงน้าขึ้นมา นับตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไปเพราะอุบัติเหตุทางเรือตอนที่ภัทรยังเรียนมัธยมนั้น ก็เป็นน้าจิน น้องสาวของแม่ กับน้าบรรณซึ่งเป็นสามีที่คอยดูแลและช่วยเหลือสองพี่น้องเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ความที่ทั้งสองไม่มีลูกจึงเอ็นดูพวกเขามาก แม้กระทั่งยามที่ภัทรสอบติดมหาวิทยาลัยและย้ายตามแพนไปอยู่กรุงเทพฯแล้ว ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองก็ยังคงติดต่อมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอยู่เสมอ ตอนที่เขาท้อถอยเพราะถูกคนรักเก่าทอดทิ้งจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานต่อ ก็เป็นบ้านของน้าจินกับน้าบรรณที่เขาหลบมาพักเพื่อเยียวยาแผลที่เกิดขึ้นและเพื่อเรียกความเข้มแข็งกลับมาจนมีกำลังใจกลับไปสู้ชีวิตที่กรุงเทพฯอีกครั้ง ทั้งที่น้าจินซึ่งเขาเคารพเหมือนแม่คนที่สองก็เคยแนะนำว่าให้หางานทำที่จันทบุรีแล้วพักอยู่ที่บ้านด้วยกัน แต่ถ้าหากว่าตอนนั้นเขาไม่ได้กลับเข้ากรุงเทพฯ เขาก็คงไม่ได้พบกับเชษฐ์...และไม่ได้รู้ว่าตัวเองก็ยังมีค่าให้ใครอีกคนเอาใจใส่ดูแลดังเช่นตอนนี้
ภัทรล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่ใส่โทรศัพท์มือถือไว้ ปลายนิ้วเรียวลูบตัวเครื่องไปมา ขณะที่ความคิดในใจกำลังขัดแย้งระหว่างจะโทรหรือไม่โทรหาผู้มีพระคุณนั่นเอง ชายหนุ่มก็สะดุ้งกับเสียงทุ้มลึกที่ดังมาจากด้านหลัง
อยากว่ายแข่งแก้มืออีกรอบมั้ย?
ภัทรสะดุ้งชักมือออกจากกระเป๋าแล้วก็หันไปทางต้นเสียง ทำให้พบว่าเชษฐ์กำลังยืนมองเขาอยู่ ร่างสูงใหญ่เอาสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงผ้าฝ้ายที่ม้วนชายขึ้นเหนือข้อเท้าจนเห็นสายคาดรองเท้าแตะสานทำจากหนัง ใบหน้าคมที่มองเห็นใต้แสงจันทร์สลัวอมยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็บุ้ยคางไปแถวกลางทะเลเลยจุดที่ภัทรยืนอยู่ออกไป
ร่างเพรียวเบนสายตาตามไปยังทิศทางนั้น ทำให้ได้เห็นเรือลำที่เป็นเส้นชัยการแข่งขันเมื่อตอนบ่ายยังคงทอดสมออยู่ที่เดิม ลำเรือโยกเอียงไม่อยู่นิ่งตามแรงคลื่นที่ซัดเข้ากระทบ ชายหนุ่มจึงหันกลับไปหาคนถามอีกครั้ง
เรื่องอะไรล่ะครับ แพ้รอบเดียวก็พอแล้ว อีกอย่างคราวนี้ผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้วจริงๆนะ บอกไว้ก่อน
ชายหนุ่มพูดดักคอโดยเอ่ยเป็นนัยๆถึงเรื่องที่เขาโดนอุ้มลงน้ำทั้งที่ไม่เต็มใจเมื่อช่วงบ่าย แต่เรื่องที่เขาไม่มีเสื้อผ้าจะเปลี่ยนแล้วนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะภัทรตั้งใจจะใส่เสื้อยืดที่ใส่นอนคืนนี้กลับบ้าน เนื่องจากเสื้อผ้าเปียกที่เขาผึ่งเอาไว้คงไม่มีทางแห้งทันพรุ่งนี้เช้า และถ้าจะให้ถอดเสื้อลงเล่นน้ำตอนกลางคืนที่ลมค่อนข้างแรงแบบนี้ คราวนี้เขาก็คงไม่แคล้วจะไม่สบายเอาจริงๆ
เชษฐ์หัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ภัทรจึงเดินขึ้นจากน้ำไปบนหาดแล้วก็สวมรองเท้าที่ถูกถอดทิ้งไว้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาแล้วก็ยื่นมือข้างหนึ่งมาให้
นัยน์ตาเรียวตวัดลงมองมือแข็งแรงข้างนั้นก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของมือ ทว่าอีกฝ่ายเพียงยืนรอเงียบๆโดยไม่พูดอะไร และไม่ได้บังคับคว้ามือเขาไปจับเองโดยพลการ ราวกับจะรอให้ภัทรเป็นฝ่ายยื่นมือกลับไปหาด้วยตัวเอง
หลังจากเวลาผ่านไปชั่วอึดใจ มือเรียวจึงถูกยื่นออกไปวางทาบลงบนมือใหญ่อบอุ่นที่รออยู่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อเชษฐ์ดึงตัวเขาเข้าไปใกล้ จากนั้นก็ปล่อยมือและยกแขนขึ้นโอบไหล่เขาไว้หลวมๆขณะพาออกเดินไปบนหาดทรายด้วยกัน
กลิ่นบุหรี่อ่อนจางโชยมาเข้าจมูกภัทร ทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะเพิ่งสูบบุหรี่มาก่อนจะลงมาหาเขาที่หาด และทั้งที่นึกขึ้นได้ว่าตั้งใจจะคุยเรื่องนี้กับเชษฐ์ตั้งแต่เมื่อเช้า แต่ภัทรก็เริ่มไม่แน่ใจว่าถ้าหากทำอย่างนั้น เขาจะล้ำเส้นอะไรไปหรือเปล่า ถึงอย่างไรนี่ก็คือส่วนหนึ่งของ ตัวตน ของเชษฐ์ซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์ไปกะเกณฑ์ แค่การที่อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาไม่ชอบและพยายามหลีกเลี่ยงการจุดบุหรี่ให้เห็นต่อหน้า บางทีนี่ก็อาจเป็นวิธีแสดงการยอมรับในสิทธิ์ที่ภัทรพึงได้รับแล้วก็ได้
แต่ว่า...ถึงยังไงสูบบุหรี่ก็ไม่ดีต่อสุขภาพอยู่ดีนั่นแหละ
ภัทรมุ่นหัวคิ้วขณะที่โต้เถียงกับตัวเองในใจ มือหนึ่งยกขึ้นจับชายเสื้อด้านหลังของเชษฐ์แน่นโดยไม่รู้ตัว ความที่กำลังใช้ความคิดติดพัน ชายหนุ่มจึงไม่รู้ตัวสักนิดว่าสายตาของอีกฝ่ายกำลังจับจ้องตนอยู่
ว่าจะลดลงแล้วล่ะ
จู่ๆคนตัวใหญ่ก็ทะลุกลางปล้องขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ภัทรที่ยังเถียงกับตัวเองจึงไม่ทันได้สนใจจับใจความของประโยคที่ได้ยิน แต่ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ชะงักฝีเท้าแล้วกะพริบตาด้วยความงุนงง เชษฐ์ที่เดินโอบไหล่เขาอยู่จึงหยุดเดินตามไปด้วย
อะไรนะครับ?
ภัทรเหลือบตาขึ้นแล้วก็เอ่ยถาม เพราะเขาไม่แน่ใจนักว่าเชษฐ์กำลังพูดถึงเรื่องเดียวกับที่เขาคิดอยู่หรือเปล่า เชษฐ์จึงยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า
ไม่รู้ตัวล่ะสิท่า เมื่อกี้ตอนฉันดึงเธอมาใกล้ๆน่ะเธอย่นจมูกทันทีเลย ทีหลังถ้าหากไม่ชอบอะไรก็บอกกันตรงๆสิ มัวแต่เกรงใจแล้วคนอื่นจะรู้เหรอว่าเธอคิดอะไรอยู่?
ภัทรทำหน้าเหลอ เขาไม่รู้ตัวจริงๆว่าเผลอแสดงกิริยาแบบนั้นออกไป แต่ปกติเขาก็ไม่ถูกกับบุหรี่อยู่แล้ว ยังดีที่ไม่ได้แพ้ควันจนถึงกับผื่นขึ้นก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนปฏิกิริยาตอบสนองทางกายของเขาจะเป็นไปเองโดยที่ตัวเองก็ควบคุมไม่ได้
ขอโทษครับ...แต่คุณเชษฐ์ก็เคยได้ยินผมพูดว่าไม่ชอบบุหรี่ไปตั้งแต่ตอนเจอกันแรกๆแล้วนี่
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะก้าวขาต่อ ทำให้เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองกำลังกำเสื้อด้านหลังของอีกฝ่ายแน่น แต่จะให้ปล่อยมือตอนนี้ก็คงอิหลักอิเหลื่อพิกล จึงแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วก็ยังคงจับยึดชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้อย่างนั้น
ดูเหมือนเชษฐ์จะเข้าใจทันทีว่าภัทรหมายถึงตอนที่เขาเพิ่งย้ายมาทำงานที่บริษัทเดียวกันใหม่ๆ และเคยแสดงความเห็นเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงานตอนที่กำลังจะไปทานข้าวกลางวันกัน ซึ่งบังเอิญเหลือเกินที่คุณผู้จัดการดันยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นตอนที่เขากำลังพูดพอดี หากฟังเผินๆจึงเหมือนภัทรตำหนิอีกฝ่ายทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะพาดพิงถึงใครเป็นพิเศษ
ตอนนั้นเธอพูดกับคนอื่นแล้วฉันบังเอิญได้ยินต่างหาก มันไม่เหมือนกับการที่เธอมาบอกฉันด้วยตัวเองนี่นา ถ้าหากเธอพูด...ฉันอาจจะยอมคิดอย่างจริงจังก็ได้
ภัทรฟังแล้วก็ทบทวนคำพูดของอีกฝ่ายในหัว งั้นก็หมายความว่า...ต่อให้เขาขอร้อง คุณเชษฐ์ก็อาจจะไม่ได้ยอมทำตามทันทีเสียหน่อยน่ะสิ แต่หากพิจารณาจากบุคลิกของเจ้าตัวและความรั้นที่แทบจะไม่ยอมลงให้ใครในเวลางาน ซึ่งขัดแย้งเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนทั้งสองอาบน้ำด้วยกันเมื่อตอนบ่าย นี่อาจจะหมายถึงการ ยอม มากที่สุดเท่าที่อีกฝ่ายเคยทำมาแล้วก็ได้ ยิ่งเมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่ก่อนเชษฐ์พูดว่าอะไรตอนที่เขากำลังเหม่อ ภัทรก็เหลือบตาขึ้นมองคนข้างตัวอีกครั้ง และคราวนี้ริมฝีปากบางเผยอยิ้มขึ้นน้อยๆ
อย่างน้อยที่สุด...คุณเชษฐ์ก็กำลังพยายามเหมือนกันล่ะนะ
เข้าใจแล้วครับ
ภัทรเอ่ยพลางเอนศีรษะลงบนไหล่หนาขณะที่ทั้งสองออกเดินต่อ มือข้างที่เมื่อครู่กำชายเสื้ออีกฝ่ายค่อยๆคลายออกแล้วเปลี่ยนเป็นเลื่อนไปโอบเอวแกร่งไว้แทน และเขาก็รู้สึกได้ว่าแขนที่โอบอยู่บนไหล่ของตัวเองก็กระชับแน่นขึ้นเหมือนกัน
ชายหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำที่มีเมฆพาดผ่านเป็นริ้วและมีหมู่ดาวระยิบระยับลอยสูงเหนือขึ้นไป วูบหนึ่ง เขาอดคิดไม่ได้ว่า หากสามารถหยุดเวลาไว้ตรงนี้ตลอดไปได้ก็คงดี
หลังจากเดินกันมาจนไกลพอสมควร ทั้งสองก็หมุนตัวย้อนกลับทางเดิมเพื่อกลับไปที่ห้องพัก แต่ครั้งนี้ไม่ได้โอบไหล่กันเช่นขามา ภัทรเพียงใช้นิ้วชี้เกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยของเชษฐ์ ระหว่างทาง นัยน์ตาเรียวก็ทอดมองไปยังผืนทะเลและเรือลำที่ทอดสมออยู่อีกครั้ง ความทรงจำของเมื่อยามบ่ายที่หวนคืนมาทำให้ภัทรหันกลับไปหาคนที่เดินอยู่ข้างๆ
คุณเชษฐ์ลืมไปแล้วหรือยังไงนะ ตอนที่อาบน้ำก็ไม่เห็นพูดถึงเลย...
ความสงสัยทำให้ภัทรกระตุกนิ้วที่ไขว้เกี่ยวกับนิ้วแข็งแรงเพื่อเรียกความสนใจ พออีกฝ่ายหันมาหาก็เอ่ยถาม
คุณเชษฐ์...แล้วเรื่องของรางวัลที่คุณเชษฐ์แข่งชนะล่ะครับ?
ร่างสูงใหญ่เลิกคิ้วขึ้น และภัทรก็จ้องตาอีกฝ่ายนิ่งท่ามกลางแสงจันทร์สลัวที่ทอดลงมาโอบล้อมคนทั้งคู่ จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้ชอบใจนักที่ตัวเองแพ้ แต่ว่าก็ไม่ได้ถึงกับยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ และถึงแม้ว่าการแข่งขันเมื่อตอนบ่ายจะไม่ใช่การแข่งแบบจริงจัง แต่ในเมื่อเชษฐ์ชนะ อีกฝ่ายก็มีสิทธิ์ที่จะทวงสิ่งที่ตนพึงได้
และที่สำคัญ
ภัทรก็อยากจะรู้ว่าถ้าหากจะต้องขอรางวัลจากเขาจริงๆ อีกฝ่ายจะขออะไร
เจ้าของนัยน์ตาคมมองคนถามราวกำลังใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกปลายนิ้วชี้ของมือข้างที่ไม่ได้กุมกันไว้ขึ้นดันแว่นและตอบเสียงเรื่อยๆ ไม่สำคัญหรอก เพราะตอนนี้ฉันได้ของดีกว่าที่อยากขอไปแล้ว
คำตอบที่ได้ทำให้ภัทรทำตาโตอย่างประหลาดใจ และที่ตามมาหลังความประหลาดใจก็คือความงุนงงสงสัย ในเมื่อเขายังไม่ได้ให้อะไรกับอีกฝ่ายเลยสักอย่าง จะมาบอกว่าได้ไปแล้วได้อย่างไรกัน?
หมายความว่าไงครับ? แล้วตอนแรกคุณเชษฐ์ตั้งใจจะขออะไรกันแน่ ในเมื่อผมยัง...ไม่ได้ให้...อะไรเลย
ชายหนุ่มจบประโยคอย่างตะกุกตะกัก ในชั่ววินาทีที่รู้ตัวว่าแพ้หลังการแข่งขันจบลงนั้น เขามั่นใจว่าเชษฐ์คงจะขอให้เขายอมให้ทั้งคู่นำความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเลยสักครั้ง ทั้งๆที่มีโอกาสจะทวง รางวัล อย่างเต็มที่ตลอดเวลาที่อาบน้ำด้วยกัน
เชษฐ์เงียบไปครู่หนึ่ง มือใหญ่ที่เกาะเกี่ยวนิ้วกับภัทรเอาไว้ถูกปล่อยลงก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวเดินช้าๆไปข้างหน้า และนั่นก็ทำให้ภัทรใจหายวูบ นี่เขาพูดอะไรผิดไปหรือ?
จริงอยู่ว่าถ้าหากจะยึดเอาการแข่งนั่นเป็นจริงเป็นจัง ฉันก็มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับเธอได้จริง แล้วก็ที่คิดน่ะไม่ผิดหรอก ที่ฉันอยากจะขอก็คือสิ่งที่เธอคิดนั่นแหละ
เชษฐ์เอ่ยจบก็หันกลับมาหา ตอนนี้อีกฝ่ายหยุดยืนห่างจากเขาไปประมาณห้าช่วงก้าว มือทั้งสองข้างไขว้หลังไว้หลวมๆ ทว่าสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึก มีเพียงนัยน์ตาเท่านั้นที่จับจ้องผู้อ่อนวัยกว่าไม่วางตา
ภัทรขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน ร่างเพรียวก้าวช้าๆเข้าไปหาคนตัวใหญ่ทีละก้าว ลมทะเลที่พัดมาไม่หยุดทำให้เกิดเสียงยามปะทะกับเสื้อและผมของทั้งคู่ ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าลงเมื่ออยู่ในระยะที่ห่างจากอีกฝ่ายเพียงเอื้อมมือถึง
แล้วคุณเชษฐ์รู้เหรอครับว่าผมคิดว่าคุณเชษฐ์จะขออะไร?
ภัทรกลั้นใจทำปากแข็ง รู้สึกเสียหน้านิดหน่อยที่ถูกอีกฝ่ายอ่านความคิดออกอีกแล้ว แต่หากจะให้ยอมรับตรงๆก็จะดูเหมือนเขาหลงตัวเองเกินไป เชษฐ์ที่ทอดสายตามองมาจึงยิ้มบางๆ
อยากให้พูดจริงๆรึ?
ร่างสูงใหญ่ถามพลางยกนิ้วโป้งข้างหนึ่งขึ้นไล้แก้มของภัทรอย่างแผ่วเบา ภัทรจึงเหลือบตาขึ้นสบกับนัยน์ตาคมตรงๆ แต่เมื่อได้เห็นประกายที่สะท้อนออกมาในดวงตาหลังเลนส์แว่นก็ต้องส่ายหน้า ผิวแก้มบริเวณที่ถูกสัมผัสร้อนวาบราวกับกำลังยืนอังไฟกองใหญ่อยู่
ก็แววตาแบบนั้น...มันเหมือนกับตอนที่อีกฝ่ายมองเขาในห้องอาบน้ำไม่มีผิด
ไม่ต้องก็ได้ครับ
ภัทรเบนสายตาลง แววตาที่บ่งบอกถึงความปรารถนาในตัวเขาอย่างชัดเจนทำให้เขาไม่กล้าสบตาคู่นั้นกลับ ต่างคนต่างก็ยืนนิ่งไปชั่วครู่ สักพักเชษฐ์ก็ลดมือข้างที่แตะแก้มภัทรลงแล้วเลื่อนไปกุมมือเรียวข้างหนึ่งไว้แทน
ฟังให้ดีนะ ที่เมื่อกี้ฉันบอกว่าได้สิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งที่จะขอมาแล้ว...เพราะตอนนี้เธอเลิกกลัวฉันแล้วใช่ไหมล่ะ?
ภัทรตวัดสายตากลับขึ้นมองคนพูด เรียวคิ้วโก่งขมวดมุ่นเพราะสิ่งที่ได้ยิน ผม? เคยกลัวคุณเชษฐ์?
เจ้าของใบหน้าคมพยักรับบางเบา เธออาจจะไม่ทันคิด แต่ฉันก็รู้สึกว่าตั้งแต่เราตกลงคบกันมา ยังมีกำแพงที่ทำให้ฉันเข้าถึงเธอไม่ได้สักที และถ้าหากฉันอยากจะทำลายกำแพงนั่นให้ได้ ถ้าไม่ใช่อดทนทำให้เธอค่อยๆเชื่อใจ ก็มีแต่จะต้องทำให้เข้าใจกันด้วยร่างกายเท่านั้น ถ้าจะให้พูดตามตรง เมื่อตอนบ่ายนั่นฉันก็ไม่ได้ผ่านมันมาง่ายๆหรอกนะ
ภัทรทบทวนสิ่งที่ได้ยินในหัว เป็นอย่างนั้นหรือ...แต่อีกฝ่ายอาจพูดถูกก็ได้ บางทีเขาอาจจะรู้สึกแบบนั้นมาตลอดตั้งแต่ที่เริ่มคบกัน เพียงแต่เขาไม่เคยเอาเวลามานั่งวิเคราะห์เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนอย่างจริงจัง จึงทำให้ไม่เคยรู้ตัวก็เท่านั้นเอง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เชษฐ์พูดช่วงท้ายประโยค ภัทรก็ให้รู้สึกว่าอุณหภูมิบนผิวแก้มที่ลดลงแล้วกลับสูงขึ้นมาอีก เพราะเขาเข้าใจดีว่าเรื่องที่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ได้ผ่านมาง่ายๆคือเรื่องไหน และถ้าหากจะว่ากันตามจริงแล้ว ถ้าตอนนั้นอีกฝ่ายดึงดันจะใช้กำลังขึ้นมา ต่อให้เขาขัดขืนอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์แน่ๆ
ถ้างั้น...เรื่องรางวัลอะไรนั่นก็จะให้ถือว่าเป็นโมฆะเหรอครับ?
ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอีก เขาไม่แน่ใจนักว่าตนเองเสียดายหรือโล่งอกกับการที่เชษฐ์จะทิ้งไพ่ที่เหนือกว่าใบนี้ไปจากมือ แต่ที่เขามั่นใจโดยไร้ข้อกังขาก็คือ อย่างน้อยเชษฐ์ก็ได้สิ่งที่สำคัญกว่าร่างกายเขาไปแล้วจริงๆ และเป็นสิ่งที่เขาทำหายไปตั้งแต่ที่เลิกกับธรเมื่อสองปีก่อนด้วย
ความเชื่อใจ...
อาจเพราะธรเป็นรักครั้งแรก เป็นคนที่ทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองได้เป็นคนพิเศษของใครเป็นคนแรกนอกจากครอบครัวที่เหลืออยู่ การที่ถูกฝ่ายนั้นทอดทิ้งเพื่อไปหาคนอื่นในภายหลังจึงเป็นการทำลายความเชื่อมั่นในใจจนไม่เหลือชิ้นดี และถึงแม้เขาจะถอยกลับมาจากปากเหวแห่งความสิ้นหวังได้และยืนหยัดขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ภัทรจะมอบความไว้วางใจให้ใครง่ายๆอีกเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นถึงแม้ว่าเชษฐ์จะเป็นคนแรกหลังจากนั้นที่เข้ามากะเทาะน้ำแข็งที่เกาะกุมหัวใจเขาและเรียกความรู้สึกหวั่นไหวให้กลับมา แต่ลึกลงไปในใจ ภัทรก็ยังคงหวาดระแวงอยู่ตลอดว่าเมื่อคบกันไปจนอีกฝ่ายได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็จะหมดค่าและถูกทิ้งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วอีกครั้งหรือเปล่า และคงเพราะความกลัวนี้เองที่ยังฉุดรั้งเขาไว้ไม่ให้กล้าก้าวเดินต่อไปอย่างเต็มตัว ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่มีจุดไหนที่คล้ายกับคนรักเก่าของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ภัทรก็รีบกะพริบตาไล่หยาดน้ำที่เอ่อขึ้นมาอย่างกะทันหันออกไป แต่ก็เหมือนกับทุกครั้งที่คนข้างตัวดูจะเดาออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ร่างสูงใหญ่จึงก้าวเข้าไปหาและรั้งร่างของภัทรเข้าไปกอด ริมฝีปากอุ่นแนบลงข้างขมับก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มที่ข้างหู
ยังไม่เป็นโมฆะหรอก ถึงยังไงฉันก็ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่ ดังนั้นสิทธิ์นี่น่ะไม่ต้องรีบทวงตอนนี้ก็ได้
น้ำเสียงที่ยึดมั่นในความคิดอย่างไม่ยอมให้โต้แย้งทำให้ภัทรหัวเราะออกมาเบาๆทั้งที่ขอบตายังร้อนผ่าว ร่างเพรียวยกมือขึ้นทาบบนแผ่นหลังกว้างแล้วก็ซุกตัวเข้าหาอ้อมอกของคนตรงหน้ามากขึ้น มือใหญ่ที่ลูบแผ่นหลังให้เขาถ่ายทอดความอบอุ่นมาให้ เช่นเดียวกับที่ภัทรได้รับมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เริ่มคบกัน และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกราวกับอะไรบางอย่างที่คอยหน่วงรั้งในอกได้รับการปลดพันธนาการออกจนตัวเบาไปทั้งร่าง
ถ้าหากเป็นคนคนนี้...ถ้าเป็นคุณเชษฐ์...เขาเชื่อว่าตนเองจะยินดีรอวันที่อีกฝ่ายทวงสิทธิ์ ของรางวัล ในอนาคตอันใกล้นี้ได้แน่
ครับ
ฉันรักเธอนะ
ภัทรตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินจนยืนตัวแข็ง จริงอยู่ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เชษฐ์ใช้ถ้อยคำและการกระทำต่างๆที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีให้เขาอยู่เสมอ แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอีกฝ่ายอย่างเต็มสองหู และความรู้สึกที่ตามมาหลังได้ยินคำนี้ก็ผสมปนเปไปหมดจนภัทรคิดคำพูดโต้ตอบไม่ออก
ผม...
ภัทรอ้ำอึ้ง เขาควรจะตอบรับออกไป หรืออย่างน้อยก็ทำให้เชษฐ์รู้ว่าเขาคิดเหมือนกัน แต่ภัทรกลับไม่สามารถเปล่งเสียงคำนั้นออกมาได้อย่างง่ายดายอย่างที่ต้องการ และความกลัวว่าเชษฐ์จะเข้าใจผิดที่เขาไม่ตอบรับก็ทำให้ภัทรรีบเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย ริมฝีปากบางเผยอขึ้น ทว่าไม่มีเสียงใดหลุดลอดออกมา
พูดสิ ภัทร
พูดอะไรสักคำ อะไรก็ได้
ทั้งที่บอกตัวเองเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งรู้สึกว่าในหัวตื้อมากขึ้น หัวคิ้วเรียวโก่งมุ่นเข้าหากันด้วยความร้อนรน มือทั้งสองกำเสื้อผ้าฝ้ายบนบ่าของคนตรงหน้าแน่นจนเหมือนกับจะทึ้ง แล้วร่างเพรียวก็สะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายก้มลงใช้ริมฝีปากแนบลงประทับริมฝีปากของเขาไว้
อื้อ...
ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออกอีก ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้อยู่ในคอ แต่แล้วหัวใจที่เต้นรัวเพราะความกระวนกระวายก็ค่อยผ่อนจังหวะลงจากริมฝีปากอุ่นที่แตะแนบลงมาซ้ำๆราวจะเอ่ยปลอบเขาว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน มือใหญ่ข้างหนึ่งที่เลื่อนจากเอวผอมขึ้นแนบบนแก้มราวจะตอกย้ำสารนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ริมฝีปากบางเลื่อนช้าๆจากริมฝีปากของภัทรไปบนโหนกแก้ม ก่อนจะหยุดอ้อยอิ่งอยู่บนเปลือกตา ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นจากปลายจมูกโด่งที่ระอยู่บนหน้าผาก กว่าจูบที่อวลด้วยความหวานซ่านจะจบลง เขาก็ไม่รู้สึกถึงความหนาวของลมทะเลยามค่ำเลยสักนิด วงแขนแกร่งกระชับรอบร่างของภัทรแน่นขึ้นก่อนที่เชษฐ์จะเกยคางลงบนกระหม่อมของคนในอ้อมแขน
ทั้งสองยืนเงียบในอ้อมแขนของกันและกันอยู่ครู่ใหญ่ เสียงทุ้มอ่อนโยนจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ ถ้ายังไม่พร้อมจะพูดก็ไม่ต้องบังคับตัวเองหรอก แค่เธอไม่รังเกียจเวลาฉันจูบก็พอแล้ว
เชษฐ์พูดพลางลูบท้ายทอยของภัทรไปด้วย แม้คำพูดของอีกฝ่ายจะสะท้อนความเอาใจใส่อย่างเต็มเปี่ยม แต่เมื่อภัทรนึกย้อนกลับไปถึงความทรงจำของทั้งคู่นับตั้งแต่จูบแรก ชายหนุ่มก็อดย่นจมูกแล้วติงเสียงเบาไม่ได้
"คุณเชษฐ์ จูบผมไปกี่ครั้งแล้วล่ะครับ เพิ่งจะมาพูดเอาป่านนี้เหรอ?"
คนถูกถามเลิกคิ้ว ร่างสูงใหญ่ถอยตัวออกแล้วมองเข้าไปในดวงตาเรียวตรงๆ
"แล้วก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาไหมล่ะ?" น้ำเสียงกวนๆกับรอยยิ้มของคนถามทำให้ภัทรนึกอยากแกล้งกลับด้วยการตอบว่ามี แต่ความจริงก็คือ ถึงแม้ว่าจะขัดเขินหรือลำบากใจในบางครั้ง แต่ภัทรไม่เคยนึกรังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายอย่างจริงจังเลย และเขาก็ไม่อยากโกหกในเรื่องสำคัญเช่นนี้
เพราะคุณบอกว่ารักผมหรอกนะ...
"กลับห้องกันดีกว่าครับคุณเชษฐ์ ผมง่วงแล้ว"
ภัทรตัดสินใจเลี่ยงที่จะตอบด้วยการเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน ชายหนุ่มปล่อยมือจากบ่ากว้างแล้วก็ปลีกตัวเดินนำกลับไปที่ห้องพัก เชษฐ์ที่เดินตามหลังโดยเว้นระยะห่างสองสามก้าวจึงหัวเราะในคอ แต่ว่าก็ไม่ได้พูดกระเซ้าเย้าแหย่คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าอีก
หลังจากถึงห้องซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม ทั้งสองก็เปิดโทรทัศน์ดูรายการข่าวอีกนิดหน่อยก่อนจะทำธุระส่วนตัวและปิดไฟเตรียมเข้านอน แต่แม้ว่าจะเพลียจากการแข่งว่ายน้ำเมื่อยามบ่าย ภัทรก็ยังไม่ได้ปิดตาหลับลงในทันที ชายหนุ่มยังคงนอนหงายโดยประสานมือทั้งสองไว้เหนืออก นัยน์ตาเรียวจับจ้องเพดานห้องขณะที่นอนฟังเสียงทะเลและเสียงหายใจของคนที่นอนอยู่ข้างตัวไปเรื่อยๆ
วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเยอะเหลือเกิน เยอะจนเขาทำใจให้นอนหลับไม่ได้ง่ายนัก
"นอนได้แล้ว ไหนเมื่อกี้บอกว่าง่วงไง"
ภัทรสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงของเชษฐ์ทั้งที่คิดว่าหลับไปแล้ว พอเอียงหน้าไปหา แสงจากโคมไฟตรงระเบียงที่ลอดม่านหน้าต่างเข้ามาก็ทำให้เห็นว่าอีกฝ่ายนอนลืมตามองเขาอยู่
ร่างเพรียวตะแคงตัวไปหาคนข้างๆทั้งตัว ตอนนี้เขาไม่นึกหนักใจกับการนอนเคียงข้างคุณผู้จัดการแล้ว เพราะถึงแม้บางครั้งอีกฝ่ายจะชอบมัดมือชกเขา แต่กับเรื่องที่ละเอียดอ่อนจริงๆ เชษฐ์จะไม่บังคับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อตอนบ่ายเป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดี
"ขอโทษครับ ผมทำให้ตื่นหรือเปล่า?"
ภัทรถามเสียงเบาเพราะไม่แน่ใจว่าคนข้างตัวง่วงอยู่หรือไม่ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกเมื่อมือใหญ่เลื่อนลงไปรั้งสะโพกของเขาให้เข้าไปเบียดกับหน้าขาของตัวเอง
"ตอนนี้น่ะยัง แต่ถ้าเธอยังไม่ยอมนอนอีกล่ะก็
ไม่แน่"
"คุณเชษฐ์!!"
ภัทรโวยวายแล้วก็รีบปัดมือใหญ่ให้พ้นตัวเป็นพัลวัน เพราะถึงจะบอกว่ายังไม่ตื่น แต่ด้วยสรีระของผู้ชาย ไม่ว่าใครที่โดนกระตุ้นเข้าก็ตื่นตัวได้ง่ายๆกันทั้งนั้น นัยน์ตาที่ฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งทำให้ภัทรนึกอยากถองคนที่นอนอยู่ข้างๆมากเข้าไปอีก
เธอก็นอนสักทีสิ ทีเมื่อกี้ยังบอกว่าเหนื่อยอยู่เลย หรือว่ามัวแต่คิดมากเรื่องอะไรอยู่ถึงนอนไม่หลับ?
คราวนี้คนตัวใหญ่รั้งเอวเขาไปกอดเอาไว้หลวมๆ แต่ว่าไม่ได้แกล้งเบียดร่างกายเข้าหาเหมือนเมื่อครู่อีก ภัทรจึงเหลือบตามองคนถามแล้วก็เม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจ
คงไม่เป็นไรมั้ง...ก็แค่ลองถามดูเฉยๆเท่านั้นเอง
พรุ่งนี้เราต้องรีบกลับกันหรือเปล่าครับ? ผมกำลังคิดว่า...ถ้าหากจะชวนไปเยี่ยมน้าของผมที่จันทบุรีด้วยกัน คุณเชษฐ์จะสะดวกไหม
ภัทรถามพลางสบตาคนตรงหน้านิ่ง ที่เขายังนอนไม่หลับเมื่อครู่ก็เพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้ ความจริงการไปเยี่ยมครอบครัวเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะว่าทั้งน้าสาวและน้าเขยต่างเป็นคนใจดี เพียงแต่ภัทรก็ไม่แน่ใจว่าเชษฐ์จะพร้อมทำความรู้จักกับญาติผู้ใหญ่ของเขาหรือยัง
น้าของเธอ? ที่เคยบอกว่าช่วยดูแลเธอกับพี่สาวหลังจากพ่อกับแม่เสียน่ะเหรอ?
เชษฐ์ถามขึ้น ภัทรจึงพยักหน้า เขาเคยเล่าให้อีกฝ่ายฟังถึงเรื่องครอบครัวของตัวเองบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทั่วๆไปเท่านั้น เขาไม่เคยเล่าถึงเรื่องที่หลังจากเลิกกับธรแล้วก็ไปอาศัยที่บ้านสวนของน้าเพื่อทำใจเรื่องนี้ เพราะเพียงแค่นึกถึงเรื่องในตอนนั้นเมื่อใดก็จะรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกในอกจนไม่อยากเอ่ยถึง
ครับ...พอดีผมเห็นว่าขับไปจากนี่อีกหน่อยเดียวก็จันทบุรีแล้ว แต่ถ้าหากคุณเชษฐ์ต้องรีบกลับ
ก็....เอาไว้คราวหน้าก็ได้
ภัทรเอ่ยอย่างเกรงใจพลางเหลือบตาลงต่ำ เขาคิดถึงน้าทั้งสองก็จริง แต่ก็ไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนเขากำลังบังคับให้ไปเจอครอบครัว เพราะนั่นไม่ใช่ความตั้งใจของเขาแม้แต่นิด นัยน์ตาเรียวกะพริบถี่เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ยกนิ้วขึ้นเกลี่ยผมที่ลงมาปรกหน้าผากให้ เมื่อภัทรเหลือบตาขึ้นก็พบว่านัยน์ตาคมกำลังทอยิ้ม
ไปสิ ญาติคนสำคัญของเธอใช่ไหมล่ะ? งั้นก็รีบนอนซะ พรุ่งนี้เช็คเอ๊าท์กันแต่เช้าหน่อย จะได้มีเวลาเยี่ยมน้าเธอได้ทั้งวัน
คุณเชษฐ์ไม่มีปัญหาเหรอครับ?
ภัทรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เขาไม่คิดว่าเชษฐ์จะตอบตกลงง่ายดายเช่นนี้ เพราะขนาดมาเที่ยวกันแท้ๆ อีกฝ่ายก็ยังติดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คมาทำงานด้วย ภัทรได้รู้มาบ้างว่าโปรเจ็กต์ใหม่ที่ท่านประธานมอบหมายให้เชษฐ์ดูแลทำให้ต้องติดต่อสปอนเซอร์หลายรายเพื่อหาเงินมาสนับสนุนงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัดของบริษัท ซึ่งทั้งนี้ก็มาจากผลประกอบการโดยรวมที่ลดลงตั้งแต่ปีที่แล้วนั่นเอง ดังนั้นที่อีกฝ่ายพาเขามาทะเลคราวนี้ก็อาจจะเพื่อพักผ่อนทิ้งท้ายก่อนที่จะต้องกลับไปลุยงานใหญ่ก็เป็นได้
ไหนๆก็มาถึงนี่กันแล้วนี่นา อีกอย่างกว่าฉันจะมีเวลาพาเธอไปไหนได้อีกก็คงต้องหลังจบโปรเจ็กต์ที่คุณปรีชาให้มาก่อนนั่นแหละ อุตส่าห์มีโอกาสได้ไปเยี่ยมครอบครัวของเธอด้วยกันทั้งทีก็ต้องไปสิ
เชษฐ์เอ่ยพลางลูบหลังของภัทรไปมา และคราวนี้คนในอ้อมแขนก็ยิ้มออกมาได้ ภัทรพยักหน้าแล้วก็ขยับตัวเข้าหาร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่ข้างๆ แขนเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นโอบเอวอีกฝ่ายบ้างก่อนจะซุกหน้าลงและเอ่ยเสียงเบา
ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์
ภัทรระบายลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ชายหนุ่มตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะรีบตื่นมาโทรหาน้าจินแต่เช้า จะบอกให้รู้ว่าเขาจะไปเยี่ยม และจะพาคนสำคัญของเขาในตอนนี้ไปหาด้วย น้าจินคงดีใจที่เห็นว่าเขามีคนที่ดีคอยดูแลอยู่ข้างๆแล้ว
เสียงคลื่นทะเลกับอ้อมแขนอุ่นทำให้ภัทรผ่อนคลายจนเริ่มรู้สึกง่วง นัยน์ตาเรียวปิดลงช้าๆด้วยความรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานาน และสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้ก่อนจะหลับสนิทก็คือริมฝีปากอุ่นของคนข้างตัวที่แนบลงบนหน้าผาก
+---tbc---+
Create Date : 20 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 20 มิถุนายน 2553 0:55:09 น. |
|
42 comments
|
Counter : 955 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 125.24.45.26 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:11:45:03 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:0:19:02 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:7:33:48 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:0:14:56 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:7:33:49 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:12:50:48 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:7:06:32 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:15:44:22 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:11:38:04 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 125.24.31.54 วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:13:31:34 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าของบล็อก...ไม่ล็อกอิน IP: 203.131.217.34 วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:16:37:52 น. |
|
|
|
โดย: sherry IP: 114.128.116.188 วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:0:08:01 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 118.173.69.187 วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:7:54:49 น. |
|
|
|
โดย: P' Zai IP: 124.121.98.12 วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:9:15:33 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:16:54:45 น. |
|
|
|
โดย: P' Zai IP: 124.121.89.9 วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:22:32:11 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:23:10:08 น. |
|
|
|
โดย: sherry IP: 222.123.194.119 วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:23:32:22 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:0:17:31 น. |
|
|
|
โดย: P' Zai IP: 124.121.98.220 วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:8:16:28 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:22:04:18 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 125.24.78.219 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:19:07:40 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:22:08:33 น. |
|
|
|
โดย: sherry IP: 222.123.124.217 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:22:34:29 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:7:34:37 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:10:55:02 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:13:27:46 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าของบล็อก...ไม่ล็อกอิน IP: 58.9.152.156 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:26:27 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 118.173.92.138 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:43:35 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:07:08 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 125.24.18.216 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:23:20 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าของบล็อก...ไม่ล็อกอิน (อีกแล้ว) IP: 111.84.175.138 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:12:28 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 12 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:15:02 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:56:03 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:52:27 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:59:31 น. |
|
|
|
โดย: milphinne* IP: 124.120.150.79 วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:52:00 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:35:48 น. |
|
|
|
โดย: aew IP: 125.27.78.59 วันที่: 24 มิถุนายน 2554 เวลา:11:56:24 น. |
|
|
|
โดย: aew IP: 125.27.78.59 วันที่: 24 มิถุนายน 2554 เวลา:13:17:04 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 25 มิถุนายน 2554 เวลา:9:01:41 น. |
|
|
|
| |
|
|
แต่ไม่อยากให้น้องรินทิ้งห่างไปนาน
ต่อครั้งละนิดก็ยังดีเหมือนเพื่อนที่ห่างไกลกันแต่ยังคงติดต่อทักทายกันสม่ำเสมอแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
มันให้ความรู้สึกว่าเรายังคิดถึงกันห่วงใยกันไม่ทิ้งกัน
งานพิเศษของพี่ที่ต้องใช้ความคิดจินตนาการประมาณนี้ พี่จะใช้เวลาบนรถอาบน้ำหรือเวลาไรก็ตามคิดแล้วก็จดๆไว้
มีเวลาก็เขียนเป็นชิ้นงาน
พี่ชอบงานเขียนรินเพราะเล่นกับความคิดของตัวละครคนไม่เยอะมากที่จะทำให้จำไม่ได้ว่าใครเป็นใครในตอนที่ผ่านมา
ไม่มีบทอิจฉาริษยาแบบในทีวีที่น่าเบื่อมาก
เรื่องนี้เราได้รู้ความคิดภัทรที่มีผลจากอดีตทั้งเรื่องครอบครัวและชีวิตรัก
แต่ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเชษฐ์ว่าอดีตเป็นอย่างไรทำไมโสดจนมาปิ๊งภัทร
ชอบความเป็นผู้ใหญ่ของเชษฐ์และความน่ารักพอดีๆของภัทรไม่แมนมากแล้วก็ไม่อ่อนจนเกินไปให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้ชายอยู่
จะรอตอนภัทรพาเชษฐ์ไปเปิดตัวนะ