Group Blog
 
All blogs
 
แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก 18

แนะนำ
สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++


ตอนที่ 18.


เลือด...เลือดแดงฉานเต็มไปหมด...

นั่นคือภาพที่ติดตาภัทร ตอนที่เขากรีดร้องชื่อคุณเชษฐ์และถลาเข้าไปหา

เลือดอุ่นๆ ไหลออกจากแผลที่โดนกระถางต้นไม้ใบใหญ่ฟาด จนแม้แต่ภัทรที่ไม่ใช่คนกลัวเลือดยังหน้าถอดสี เขารีบประคองศีรษะอีกฝ่ายหนุนตักแล้วใช้สองมือกดซับโลหิตสีแดงสดจนผ้าก๊อซเปียกชุ่ม แยกไม่ออกอีกต่อไประหว่างเลือดจากแผลบนมือกับเลือดจากศีรษะคุณเชษฐ์ที่ไหลไม่ยอมหยุด

"เฮ้ย!! มีคนทะเลาะกัน!!!"

ดูเหมือนเสียงกระทบกระทั่งและเสียงร้องของเขาจะเรียกความสนใจจากผู้คนที่นั่งกินข้าวในร้านแถวนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพนักงานรักษาความปลอดภัยด้วย เมื่อพวกเขาพากันออกมาดูและพบว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบเข้ามาช่วยกันดึงธราธรออกไป ขณะเดียวกันก็รีบโทรเรียกรถพยาบาลกับรถตำรวจอย่างรวดเร็ว

ภัทรแทบไม่รู้สึกตัวว่าป๋วยและนินนาทลงมาจากชั้นบนและวิ่งเข้ามาหาพวกเขาตอนไหน แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือรุ่นพี่กับเจ้านายของตัวเอง ตอนที่ป๋วยเข้ามาเขย่าไหล่และถามอย่างร้อนรนว่า “เธอบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” เขาทำได้เพียงเหลือบมองร่างที่หมดสติอยู่บนตัก และเพิ่งสังเกตได้ถึงเลือดสดๆ ที่อาบบนกางเกงและเสื้อของตัวเอง แต่สิ่งที่ภัทรซึ่งกำลังตกใจพูดออกมาได้มีเพียงแค่

“...ไม่ใช่เลือดผม ...เลือดคุณเชษฐ์...ช่วยคุณเชษฐ์ด้วย คุณเชษฐ์...คุณเชษฐ์!!”

หลังจากนั้นภัทรก็ตัดขาดการรับรู้จากทุกสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเสียงเอะอะโวยวาย เสียงหวอของรถตำรวจและรถพยาบาล สองตาและความคิดของเขาจดจ่ออยู่แต่กับร่างสูงใหญ่ในอ้อมแขนเท่านั้น เขาไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าถูกพาขึ้นรถพยาบาลได้อย่างไร เอ่ยอะไรกับตำรวจที่ตามมาสอบปากคำไปบ้างโดยมีป๋วยกับนินนาทคอยอยู่ข้างๆ และตอนนี้เขามานั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลได้อย่างไร

เลือดที่อาบผ้าก๊อซบนมือทั้งสองแห้งไปแล้ว แต่สีแดงสดก็ยังติดตาราวกับนั่นเป็นสิ่งเดียวที่รับรู้ได้ในตอนนี้

"ภัทร...ภัทร...."

เสียงของผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหู แต่สมองของภัทรไม่ยอมตีความคำพูดที่ลอยผ่าน ตอนนี้เขาไม่ต่างจากตุ๊กตาที่ในอกกลวงเปล่า ทำได้เพียงนั่งมองมือตัวเองเหมือนตัวไร้ประโยชน์ตัวหนึ่งเท่านั้น

เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ควรจะป้องกันได้ใช่ไหม...ถ้าหากเขาเล่าเรื่องของธราธรให้คุณเชษฐ์ฟังตั้งแต่ตอนที่ได้กลับมาเจอกันครั้งแรก บางทีเรื่องทั้งหมดนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น คุณเชษฐ์ก็จะไม่ต้องเอาตัวเข้ามาปกป้องเขาจนบาดเจ็บสาหัสแบบนี้หรือเปล่า...

“คุณนิน ทำยังไงดี ป๋วยถามอะไรภัทรก็ไม่ยอมตอบเลยค่ะ”

หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นและหันมาถามคนที่ยืนข้างๆ ใบหน้าสวยคมมีแต่ความกระวนกระวายใจ เมื่อตอนหัวค่ำที่นินนาทบอกเธอว่าคุณเชษฐ์โทรมาแจ้งว่าเพิ่งบินถึงกรุงเทพฯ และกำลังเดินทางมาบริษัท เธอนึกโล่งใจแล้วว่าคงไม่ต้องเป็นห่วงรุ่นน้องอีกแล้ว ไม่นึกเลยว่าเมื่อเธอกับนินนาทลงลิฟต์มาเพื่อจะกลับบ้าน กลับได้พบกับภาพชวนขวัญหนีดีฝ่อที่ภัทรกำลังประคองคุณเชษฐ์นอนบนตักพลางกรีดร้องเหมือนคนไม่ได้สติ และธราธรซึ่งหน้าตาบวมปูดมีเลือดอาบกำลังถูกยามกับผู้คนแถวนั้นช่วยกันพยุงตัวไว้

ตำรวจที่มาสอบปากคำกลับไปแล้ว และโชคดีเหลือเกินที่ญาติของธราธรมารับเจ้าตัวไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลอื่น ไม่เช่นนั้นเธอเชื่อว่าต้องมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกแน่ แต่ตอนนี้อาการของคนที่เอาแต่นั่งมองมือตัวเองและไม่หือไม่อือกับคำพูดของเธอนี่สิที่น่าห่วงยิ่งกว่า

“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ผมขอให้ฝ่ายบุคคลโทรหาญาติของภัทรให้แล้ว อีกเดี๋ยวก็คงมาถึง”

นินนาทเอ่ยเสียงเนิบๆ เช่นเคย ถึงแม้ดูภายนอกแล้วหนุ่มใหญ่วัยกลางคนจะยังรักษาท่าทีสงบเยือกเย็นได้ ทว่ารอยย่นระหว่างคิ้วก็บ่งชัดว่าเป็นห่วงทั้งเพื่อนร่วมงานและลูกน้องไม่น้อยไปกว่ากัน

“น้าภัทรขา!”

เสียงแหลมเล็กดังมาจากทางเดินอันวังเวงในโรงพยาบาล เรียกให้ทั้งป๋วยและนินนาทหันไปมองพร้อมกัน ก่อนจะเห็นเด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงบานสีขาววิ่งเข้ามาหาภัทร ด้านหลังมีหญิงสาวที่คงจะเป็นแม่เดินตามมาติดๆ ด้วยใบหน้าเป็นกังวล

“สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากที่โทรมาแจ้งนะคะ ฉันเป็นพี่สาวของภัทรค่ะ”

หลังจากทักทายป๋วยและนินนาทแล้ว แพนก็เบนสายตากลับมาหาน้องชายที่ยังทำท่าเหม่อลอย คราบเลือดแห้งกรังเกาะแน่นอยู่บนเสื้อผ้าและเนื้อตัว ดูแล้วราวกับคนที่บาดเจ็บคือเจ้าตัวเสียเอง ทว่าสิ่งที่ชวนให้น่าหดหู่ยิ่งกว่ากลับเป็นแววตาที่เหม่อมองพื้นอย่างไร้จุดหมาย

“ภัทร นี่พี่เองนะ ภัทรไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย?”

หญิงสาวคุกเข่าลงเพื่อให้แววตาของน้องชายที่กำลังทอดต่ำได้มองตัวเอง แต่เมื่อเห็นสองมือซึ่งมีผ้าก๊อซพันอยู่และชุ่มไปด้วยเลือด เรียวคิ้วโก่งก็มุ่นขึ้นขณะที่หันหน้าไปทางป๋วยและนินนาทอย่างขอความกระจ่าง

“มือเขาโดนเศษกระเบื้องบาดตั้งแต่เมื่อวานค่ะ แต่ป๋วยก็ไม่แน่ใจว่านอกจากเลือดคุณเชษฐ์แล้วมีเลือดของภัทรเองด้วยหรือเปล่า นี่พยายามบอกให้ไปทำแผลก็ไม่ยอมไป เอาแต่พูดว่าจะรอคุณเชษฐ์ออกจากห้องผ่าตัดก่อน”

คำอธิบายนั้นทำให้หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ เธอหันกลับมาหาภัทรอีกครั้งพลางบีบไหล่แน่นขึ้นและเขย่าเบาๆ ชายหนุ่มจึงค่อยผงกศีรษะขึ้นและกะพริบตามองเธอเหมือนเพิ่งรู้ตัว

“...พี่...แพน?”

“จ้ะ พี่เอง ภัทร....ภัทรไปทำแผลเถอะนะ พี่เข้าใจว่าภัทรเป็นห่วงคุณเชษฐ์ แต่ถ้าคุณเชษฐ์ออกมาแล้วรู้ว่าภัทรไม่ดูแลตัวเอง คุณเชษฐ์จะโกรธเอานะ”

น้ำเสียงปลอบประโลมค่อยๆ ส่งคลื่นความอบอุ่นเข้าสู่หัวใจอันหนาวเยือกของภัทร ความกดดันเคร่งเครียดที่ราวถูกกักไว้ในอุโมงค์มืดเพิ่งได้พบหนทางระบายออก น้ำตาหยดนึ่งไหลลงจากหางตา ก่อนที่เสียงสั่นเครือจะหลุดจากริมฝีปาก

“ภัทร....ถ้าหากภัทรหันไปเห็นธรเร็วกว่านั้นก็คงดี...คุณเชษฐ์คงไม่ต้องเอาตัวมาบังไว้ คงไม่ต้องมาเจ็บตัวเพราะภัทรแบบนี้ พี่แพน...ภัทรจะทำยังไงดี”

เขาไม่รู้ตัวอีกแล้วว่ากำลังพูดอะไรบ้าง แต่ภาพวินาทีที่เชษฐ์ถูกกระถางฟาดหัวเพราะปกป้องเขายังติดตา จนตอนนี้ก็ยังสลัดภาพอันน่าขนลุกขนพองนั้นจากความทรงจำไม่ได้

“เลือดคุณเชษฐ์ไหลออกมาเต็มไปหมด ภัทรช่วยกดเท่าไหร่ก็ไม่หยุดไหล เรียกเท่าไหร่คุณเชษฐ์ก็ไม่ตอบสักคำ ถ้าหาก...ถ้าหากคุณเชษฐ์เป็นอะไรไป...แล้วภัทรจะทำยังไง...”

ป๋วยยกมือปิดปากแล้วหันไปซบหน้ากับบ่านินนาทด้วยความสะเทือนใจ มายูมิเห็นน้าชายร้องไห้ก็เริ่มตาแดงตาม ส่วนแพนได้แต่ดึงน้องชายเข้ามากอดแล้วลูบหลังแรงๆ

“โธ่ภัทร... อย่าเพิ่งคิดอะไรในแง่ร้ายอย่างนั้นสิ คุณเชษฐ์ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก แต่ตอนนี้ภัทรไปทำแผลก่อนเถอะนะ พอกลับมาคุณเชษฐ์อาจจะผ่าตัดเสร็จแล้วก็ได้”

หญิงสาวทำท่าจะพยุงน้องชายให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ภัทรส่ายหน้าและพยายามขืนตัวไว้

“ไม่เอา ภัทรไม่ไป ภัทรจะอยู่รอจนกว่าจะรู้ว่าคุณเชษฐ์ไม่เป็นอะไร”

น้ำเสียงนั้นรวดร้าวจนใครที่ได้ฟังก็ต้องปวดแปลบในอกตาม ผู้ใหญ่ทั้งสามได้แต่มองตากันอย่างไม่รู้จะช่วยปลอบอย่างไร แต่แล้วเสียงเล็กๆ สั่นเครือก็ดังแทรกขึ้นจนทุกคนต้องหันไปมอง

“น้าภัทรขา ...ฮึก...ไปทำแผลเถอะนะคะ น้าเชษฐ์ไม่เป็นไรหรอก...ก็...น้าเชษฐ์เคยสัญญาว่าจะไปเที่ยวกับมิมินี่นา....ฮึก...น้าภัทรไปทำแผลเถอะนะคะ ...มิมิขอร้อง...”

เสียงสะอื้นฮักจากร่างเล็กกลับกลายเป็นสิ่งที่กะเทาะความดื้อรั้นของภัทรได้มากที่สุด ชายหนุ่มพยายามสะกดกลั้นน้ำตาก่อนจะดึงหลานสาวมากอดแน่น กระนั้นหยาดน้ำใสก็ยังคงตกต้องหัวไหล่ของแม่หนูในชุดกระโปรงขาวที่ไม่ต่างจากนางฟ้าผู้มอบความหวังในยามนี้

จริงสิ...ที่ผ่านมาคุณเชษฐ์รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ทุกครั้ง...แล้วครั้งนี้จะยอมผิดสัญญาได้อย่างไรกัน...

อึดใจใหญ่กว่าภัทรจะสูดน้ำมูกแรงๆ และคลายแขนที่กอดร่างเล็กเอาไว้ เขาผงกศีรษะขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วลูบผมที่มัดเป็นแกะสองข้างอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มทั้งน้ำตาทำให้แม่หนูยิ่งร้องไห้และโผเข้ากอดคอเขาแน่น

“...จริงด้วยเนอะ น้าเชษฐ์เคยสัญญากับหนูไว้แล้ว... น้าเชษฐ์ไม่มีทางผิดสัญญาหรอก…”

แพนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อภัทรยอมตามเธอไปทำแผลในที่สุด โดยที่ป๋วยกับนินนาทอาสาเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดให้ ผลปรากฏว่าแผลบนมือของภัทรฉีกออกกว่าเดิมมาก และครั้งนี้แพทย์ที่ทำแผลให้กำชับว่าห้ามใช้งานมือหนักเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแผลจะยิ่งระบมกว่าเดิมหรือติดเชื้อได้

ตอนที่ภัทรกลับไปห้องผ่าตัดอีกครั้ง ป๋วยผล็อยหลับพิงไหล่ของนินนาทโดยมีเสื้อแจ็คเก็ตของอีกฝ่ายคลุมอยู่ เมื่อรู้ว่าเขากลับมาก็รู้สึกตัวตื่น แต่พอภัทรขอให้กลับบ้านไปนอนพัก รุ่นพี่สาวก็ยืนยันหนักแน่น

"จะกลับตอนนี้ได้ยังไง อุตส่าห์มาอยู่รอด้วยตั้งแต่ต้น ถ้ายังไม่วางใจว่าคุณเชษฐ์ปลอดภัยพี่ก็ไม่กลับหรอก ใช่ไหมคะคุณนิน?"

ฝ่ายผู้สูงวัยกว่าเพียงแต่ยิ้มอ่อนๆ และพยักหน้า ภัทรจึงได้แต่ต้องรับน้ำใจเอาไว้ด้วยความตื้นตัน เพราะถ้าลำพังเขาเองเพียงคนเดียวตอนที่พาเชษฐ์มาโรงพยาบาล คงไม่มีสติและเรี่ยวแรงพอจะพูดคุยกับตำรวจแน่ๆ แถมโทรศัพท์มือถือยังแบตเตอรี่หมดไปแล้วจนไม่รู้จะติดต่อใครอย่างไรอีก

ยังไม่ทันที่ภัทรจะนั่งลงบนเก้าอี้ ประตูของห้องผ่าตัดก็เปิดออก ทุกคนที่รออยู่จึงรีบเข้าไปหาคุณหมอที่เพิ่งเดินออกมาทันที

"จัดการเลือดคั่งในเยื่อหุ้มสมองผู้ป่วยออกเรียบร้อยแล้วครับ ระหว่างนี้คงต้องให้ดูอาการในไอซียูอย่างน้อยสองวัน จากนั้นคงย้ายไปห้องพักผู้ป่วยปกติได้"

นายแพทย์วัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวโดยไม่รอให้ถูกถาม ฝ่ายภัทรหัวใจเต้นรัวเร็วขึ้น เขาก้าวเข้าไปหาคุณหมอแล้วถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพื่อขอความมั่นใจ

อย่างน้อย...ขอให้เขาได้ยินคำยืนยันจากปากของคุณหมอสักคำก็ยังดี...

"....นี่หมายความว่า คุณเชษฐ์ปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ?"

"ใช่ครับ แต่คนไข้อ่อนเพลียมาก ต้องให้นอนพักผ่อนเยอะๆ หลังจากนี้ค่อยติดตามอาการกันอีกที"

คำตอบนั้นดุจดั่งคบเพลิงที่ถูกจุดขึ้นท่ามกลางทะเลทรายอันมืดมน ภัทรรู้สึกราวกับหัวใจที่หยุดเต้นไปแล้วครั้งหนึ่งได้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง ความรู้สึกเบาหวิวที่ได้ถูกปลดปล่อยจากความตึงเครียดทำให้ชายหนุ่มเข่าอ่อนยวบลงไปนั่งกับพื้นท่ามกลางความตกใจของคนรอบตัว ทว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่หน่วงเหนี่ยวในอกอีกแล้ว เขาแทบอยากหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเสียด้วยซ้ำ

ในที่สุดคุณเชษฐ์ก็ปลอดภัยแล้ว...คุณเชษฐ์ของเขาไม่เป็นอะไรแล้ว...บุญรักษาแล้วจริงๆ...



++------++



คืนนั้นหลังเข้าไปเยี่ยมคนเจ็บซึ่งยังไม่รู้สึกตัวเป็นเวลาสั้นๆ แพนก็พาภัทรกลับไปนอนที่บ้านโดยนินนาทอนุมัติให้ลาพักร้อนได้ล่วงหน้า เพราะรู้ดีว่าภัทรจะต้องขอมานอนเฝ้าเชษฐ์ที่โรงพยาบาลหลังออกจากห้องไอซียูอย่างแน่นอน

วันถัดมาซึ่งเป็นวันที่เชษฐ์นอนห้องไอซียูวันแรก ภัทรรีบมาโรงพยาบาลตั้งแต่เวลาที่เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยม ถึงแม้คนบนเตียงยังไม่แสดงสัญญาณว่ารู้สึกตัวให้เห็นนับตั้งแต่ออกจากห้องผ่าตัด แต่เพียงได้รับรู้ว่าหัวใจของอีกฝ่ายยังเต้น คลื่นสมองยังปกติ เลือดที่ไหลเวียนในร่างกายและอุณหภูมิที่ถ่ายทอดออกมายังอบอุ่น เท่านั้นภัทรก็สบายใจแล้ว

ป๋วยกับนินนาทใช้เวลาช่วงพักเที่ยงแวะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ ส่วนภัทรนั้นแม้ว่าจะอยากอยู่เฝ้าคนป่วยใจแทบขาดเพียงไร แต่ก็ต้องยอมตัดใจกลับไปนอนที่บ้านของพี่สาว เพราะว่าช่วงที่คนป่วยพักฟื้นในไอซียูนั้นจะไม่สามารถเข้าเยี่ยมเกินเวลาที่กำหนดได้ และแพนเองก็ห้ามไม่ให้ภัทรกลับไปนอนคอนโดคนเดียวระหว่างนี้เพราะเกรงจะเกิดอะไรขึ้นอีก

วันที่สองซึ่งเชษฐ์นอนไอซียู ภัทรรีบมาถึงตั้งแต่ก่อนเวลาเข้าเยี่ยมเช่นเคยเพื่อที่จะได้ใช้เวลาอยู่เฝ้าให้นานที่สุด ทว่าเมื่อเข้าไปในห้องและพบว่าคนที่ตั้งใจมาหายังคงนอนนิ่ง เขาก็เริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมา

"เอ่อ...ขอโทษนะครับ"

"คะ?"

นางพยาบาลสาวร่างเล็กหันมาหาเมื่อถูกเรียก ภัทรชำเลืองมองร่างที่ยังนอนนิ่งบนเตียงอีกครั้งโดยไม่มีท่าทีตอบสนองต่อการที่เขาบีบมือ จากนั้นก็หันมาถามด้วยความไม่สบายใจ

"ไม่ทราบว่าคุณเชษฐ์...ได้รู้สึกตัวบ้างหรือเปล่าครับ ช่วงที่ไม่มีใครมาเยี่ยม?"

ภัทรได้แต่หวังว่าอาจเป็นเพราะเจ้าตัวตื่นมานอกเวลาเยี่ยมก็เป็นได้ และบังเอิญว่าช่วงที่ให้เข้าเยี่ยมนั้นตรงกับจังหวะที่นอนพักผ่อน เขาถึงไม่ได้เห็นปฏิกิริยารับรู้ใดๆ จากเจ้าของนัยน์ตาอ่อนโยนสักที

แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้ภัทรแทบจะเข่าอ่อน

"ตั้งแต่หลังผ่าตัดก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ แต่ค่าต่างๆ เท่าที่มอนิเตอร์ก็ปกตินะคะ บางทีอาจยังอ่อนเพลียอยู่ เดี๋ยวย้ายไปห้องพักผู้ป่วยอาจจะดีขึ้นก็ได้ค่ะ"

พยาบาลสาวกล่าวตบท้ายอย่างให้กำลังใจก่อนจะหันไปทำงานต่อ ฝ่ายภัทรได้แต่พยายามระงับก้อนแข็งที่แล่นขึ้นจุกในคอ เขาหันกลับไปมองคนที่กำลังนอนหลับสนิทอีกครั้ง เมื่อถูกถอดเครื่องช่วยหายใจ ท่าทางของคุณเชษฐ์ก็เหมือนคนนอนหลับธรรมดาๆ ที่ดูเหมือนพร้อมจะตื่นเมื่อไรก็ได้ ทว่าศีรษะที่ถูกโกนผมและมีผ้าพันแผลพันไว้ก็เป็นหลักฐานอันชัดเจนว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ต้องมาอยู่ที่นี่

ชายหนุ่มรู้สึกแสบร้อนในโพรงจมูกขึ้นมา แต่ก็พยายามบอกตัวเองให้คิดในแง่ดีเอาไว้ เพราะการที่ผ่านพ้นขีดอันตรายมาได้ก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่าคุณเชษฐ์มีพลังชีวิตเข้มแข็งแค่ไหน ตราบใดที่คุณหมอไม่แจ้งข่าวร้ายให้เป็นกังวล เขาก็ควรจะเชื่อมั่นว่าอาการของอีกฝ่ายจะต้องดีขึ้นจึงจะถูก

"คุณเชษฐ์...รู้สึกตัวไวๆ นะครับ"

ภัทรเอ่ยเสียงแผ่วขณะลูบหลังมือใหญ่อย่างแผ่วเบา สองตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าคร้ามคมด้วยหวังว่าจะได้เห็นเปลือกตาที่ปิดสนิทนั้นค่อยๆ กะพริบไหวและปรือขึ้น ขณะทอดสายตามองไรเคราสีเขียวอ่อนซึ่งเริ่มขึ้นให้เห็นตามสันกรามบนใบหน้าได้รูป ภัทรก็คิดว่าถ้าจะให้ตนมองใบหน้านี้ไปตลอดชีวิต...เขาก็ทำได้

"หืม? ภัทรใช่ไหม?"

เสียงเรียกชื่อทำให้ภัทรละสายตาจากคนที่ยังหลับไหลและเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง แต่เมื่อได้เห็นว่าชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานที่ใส่เสื้อสูททับเสื้อคอโปโลตรงหน้าคือใคร เขาก็ได้แต่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

"คุณปรีชา?"



++------++



สายลมอ่อนเบาพัดดอกชมพูพันธ์ทิพย์ให้หลุดร่วงจากต้นลงมาหยุดนิ่งบนสนามหญ้าในโรงพยาบาล มองไปทางไหนก็เห็นดอกสีชมพูอ่อนเกลื่อนบนพื้นหญ้าสีเขียวราวกับพรมกำมะหยี่ ภาพที่เห็นควรทำให้รู้สึกรื่นรมย์กับบรรยากาศ ทว่าภัทรซึ่งเดินเคียงข้างท่านประธานออกมาจากห้องไอซียูหลังหมดเวลาเยี่ยมได้แต่ทอดสายตาลงต่ำ

ใช่ว่าเขาไม่เคยพูดคุยกับท่านประธานมาก่อน เพราะมีบ้างที่ในการประชุมรวมหรือเวลาบริษัทจัดงาน คุณปรีชาก็จะถามไถ่พนักงานแต่ละคนอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทว่าความรู้สึกผิดในใจทำให้เขาค่อนข้างประหม่าเมื่อถูกชวนให้ออกมาเดินเล่นหลังหมดเวลาเยี่ยมด้วยกัน

ท่านประธานเป็นญาติห่างๆ ของคุณเชษฐ์ เขายังจำบทสนทนาของป๋วยกับนินนาทที่บังเอิญไปได้ยินเมื่อไม่กี่วันก่อนได้อย่างแม่นยำ และเพราะมัวแต่กังวลว่าจะถูกต่อว่าหรือไม่เรื่องที่ทำให้คุณเชษฐ์บาดเจ็บ ภัทรจึงสะดุ้งเมื่อได้ยินคนข้างตัวเอ่ยขึ้น

“ดูท่าทางเขาเหมือนแค่นอนหลับเฉยๆ นะ เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะย้ายไปห้องพิเศษแล้วใช่ไหม?”

“เอ่อ...ครับ”

คำถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยระหว่างทั้งคู่ย่างก้าวไปช้าๆ บนทางที่ปูด้วยอิฐทำให้ภัทรได้แต่รับคำสั้นๆ ทว่าเขาก็ยังไม่กล้าเหลือบมองว่าคนข้างกายกำลังทำสีหน้าแบบไหน เนื่องจากไม่เคยต้องทำงานด้วยโดยตรง เขาจึงแค่เคยได้ฟังมาว่าท่านประธานเป็นคนใจดี แต่ก็เข้มงวดและเอาจริงเอาจังในเวลางาน ลักษณะคล้ายๆ กับคุณเชษฐ์ เพียงแต่ไม่ค่อยต้องมาคลุกคลีกับพนักงานมากเท่า

“นินนาทเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วล่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคนเราจะทำร้ายกันแบบนี้ได้”

เสียงถอนหายใจท้ายประโยคเรียกความทรงจำของค่ำคืนอันโหดร้ายให้หวนกลับมา ความปวดแปลบที่วูบขึ้นในอกทำให้ภัทรได้แต่ตอบรับเสียงเบา

“...ครับ”

ชายหนุ่มหยุดเดินเมื่อคนข้างๆ หยุดฝีเท้า จากนั้นก็ค่อยผินหน้าไปมอง ถึงแม้ท่านประธานจะอายุหกสิบกว่าแล้ว ทว่าร่างกายก็ยังคงสูงใหญ่และผึ่งผาย ดูแล้วชวนให้เคารพและเกรงขามสมกับตำแหน่งนายใหญ่ของบริษัท

“เธออาจยังไม่รู้ ความจริงแล้วเชษฐ์เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของฉัน พ่อของเขามีศักดิ์เป็นอาแต่ก็อายุมากกว่าฉันไม่เท่าไหร่ ตอนที่เชษฐ์กับพี่ชายของเขายังเด็ก ครอบครัวเราก็ไปมาหาสู่กันประจำ"

ภัทรพยักหน้า เขาเคยได้ยินเรื่องครอบครัวของเชษฐ์คร่าวๆ มาบ้างจากเจ้าตัว แต่ไม่เคยรู้เรื่องที่อีกฝ่ายเป็นญาติกับท่านประธานเลยจริงๆ

"ตอนนี้พ่อกับแม่เขาติดเรื่องธุรกิจที่ต่างประเทศก็เลยยังไม่สะดวกมาเยี่ยมในวันสองวันนี้ แต่ก็รู้อาการของเชษฐ์เท่าที่ควรจะรู้แล้วเพราะฉันโทรไปบอก แต่ว่า...เราก็ไม่รู้หรอกว่าเจ้าตัวเขาจะฟื้นก่อนพ่อกับแม่มาหาหรือเปล่า”

ภัทรหน้าเผือดสีลงขณะสบตากับท่านประธานที่กำลังมองเขาอย่างพินิจ และบนใบหน้าของผู้สูงวัยก็มีประกายของความเห็นอกเห็นใจฉายชัด

“อายุอย่างฉันผ่านอะไรมามาก ดังนั้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นคนป่วยเพราะอาการบาดเจ็บทางสมอง แต่ไม่ใช่ทุกรายที่ฟื้นแล้วกลับมาเป็นปกติ บางรายก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยทั้งที่การผ่าตัดเรียบร้อยดี ถึงฉันจะไม่อยากให้เรื่องนั้นเกิดกับคนที่เอ็นดูเหมือนเป็นลูกเป็นหลานก็ตาม แต่เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?”

น้ำเสียงที่ถ่ายทอดมานั้นไม่ได้ประชดประชัน ไม่แม้แต่จะฟื้นฝอยว่าเขาคือต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น ทว่าภัทรก็รู้ว่าที่คุณปรีชาเอ่ยเช่นนี้เพื่อเตือนให้เขาทำใจในกรณีที่เลวร้ายที่สุด

แต่ว่า...ไม่...เขาไม่ต้องการจะมองในแง่ร้ายแบบนั้น...คุณเชษฐ์เป็นคนเข้มแข็ง ที่ผ่านมาก็เป็นที่พึ่งพิงในยามที่เขาอ่อนแอมาตลอด คนที่ทะนงในตัวเอง แต่ก็อบอุ่นและขี้เล่นยามที่อยู่กับเขาสองคนได้ถึงขนาดนั้น ไม่มีทางจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปได้

“…ผมเข้าใจครับ รู้ดีด้วยว่าสาเหตุที่ทำให้คุณเชษฐ์ต้องเจอเรื่องแบบนี้ก็คือตัวเอง แต่ผมเชื่อว่าคุณเชษฐ์จะไม่เป็นอะไร หรือต่อให้เกิดอะไรขึ้นจริงๆ...ผมก็จะไม่ทิ้งคุณเชษฐ์ไปไหนเด็ดขาด”

ถึงแม้จะพยายามปั้นเสียงให้ฟังแล้วมั่นใจ ทว่าภัทรก็ไม่อาจห้ามน้ำเสียงท้ายประโยคไม่ให้สั่นเครือ ความหวั่นไหวกับอนาคตที่ไม่มีทางล่วงรู้ฉุดรั้งกำลังใจให้ร่วงต่ำแม้จะพยายามเตือนตัวเองให้เข้มแข็ง

ชายหนุ่มกะพริบตาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ท่านประธานก็ก้าวเข้ามาหาและรั้งตัวเขาเข้าไปกอด หยดน้ำที่ซึมลงบนไหล่เสื้อสูทสีเข้มเป็นวงทำให้ภัทรรู้สึกตัวว่าน้ำตากำลังไหล

“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขู่เธอ ฉันเพียงแต่อยากบอกให้ทำใจเผื่อไว้เท่านั้น ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องแค่นี้จะทำอะไรเชษฐ์ได้ ขอโทษด้วยที่ทำให้กังวล”

ฝ่ามือใหญ่บนหลังและน้ำเสียงอ่อนโยนทำให้ทำนบน้ำตาของภัทรหลั่งไหลออกมามากขึ้น อ้อมกอดอันอบอุ่นทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นเด็กชายที่กำลังถูกผู้เป็นพ่อปลอบโยน และเขาก็ไม่ได้รับความอบอุ่นเช่นนี้จากบุพการีที่เสียไปมานานหลายปีมากแล้ว

ฝ่ามือที่พันผ้าพันแผลทั้งสองข้างสั่นระริกด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำต่อคนที่ยังนอนนิ่งบนเตียงผู้ป่วย

“คุณเชษฐ์จะต้องไม่เป็นไรครับ คุณเชษฐ์ต้องหายดีแน่ ผมจะไม่ยอมให้คุณเชษฐ์เป็นอะไรแน่นอน”

ภัทรเอ่ยเสียงแหบเครือ เขาปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาโดยไม่สนใจจะเก็บกลั้นไว้อีก ช่วงบ่าสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นจนคุณปรีชาต้องลูบแผ่นหลังเขาอย่างปลอบประโลม ราวกำลังพยายามให้กำลังใจลูกหลานคนหนึ่งที่เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออก

“ฉันรู้แล้ว เด็กดี นิ่งซะ เชษฐ์เขาต้องไม่เป็นอะไรแน่”



++------++



เมื่อเข้าสู่วันที่สาม ทางโรงพยาบาลก็ได้ย้ายเชษฐ์ไปพักห้องพักพิเศษตามที่คุณปรีชาเป็นคนจัดการ นอกจากนี้ท่านประธานยังได้ให้สิทธิ์พิเศษแก่ภัทรในการลางานเพื่อมาเฝ้าคนป่วยโดยได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน และออกปากรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างระหว่างอยู่ในโรงพยาบาลให้อีกด้วย

ช่วงสายแพนขับรถมาส่งภัทรที่โรงพยาบาลพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบค่อนข้างใหญ่ โดยก่อนจะมาโรงพยาบาลนั้นภัทรได้แวะไปที่บ้านของเชษฐ์ก่อนเพื่อนำของใช้บางอย่างของเจ้าตัวมาเตรียมไว้ เขากอดป้าแย้ม แม่บ้านสูงวัยที่ได้แต่ร้องไห้เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความเป็นห่วงคุณเชษฐ์ และให้คำสัญญาว่าจะรีบโทรบอกทันทีที่คนป่วยฟื้น แต่ขอร้องว่ายังไม่ให้ไปเยี่ยมระหว่างนี้เพราะกลัวคนแก่จะตกใจจนเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน

วันนี้โรงเรียนอนุบาลของมายูมิหยุดพอดี เด็กหญิงจึงตามแม่กับน้าชายมาที่โรงพยาบาลด้วย พอได้เห็นห้องพักวีไอพีที่กว้างขวางและโอ่โถงราวกับห้องในโรงแรม แม่หนูน้อยก็ทำตาโต

“โอ้โห แม่ขา ใหญ่กว่าห้องรับแขกที่บ้านอีก”

“จุ๊ๆ เบาๆ สิลูก น้าเชษฐ์นอนพักผ่อนอยู่นะจ๊ะ”

แพนเอ่ยเตือนลูกสาวที่เพิ่งรู้ตัวและรีบยกสองมือปิดปาก สายตาของทั้งคู่หันไปทางภัทรที่วางกระเป๋าไว้มุมหนึ่งของห้องแล้ว และตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยพลางทอดสายตามองคนที่ยังหลับสนิท ราวจะไม่ยอมให้อากัปกิริยาใดๆ หลุดรอดสายตาหากอีกฝ่ายรู้สึกตัว

ร่างเล็กที่วันนี้ใส่ชุดกระโปรงลายดอกสดใส มัดผมแกะสูงสองข้างรีบสาวเท้าเล็กๆ เข้าไปยืนเกาะขอบเตียง สองตากลมโตจับจ้องน้าชายคนใหม่ที่เหมาเอาว่าเป็นญาติอีกคนไปเรียบร้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองภัทร

“น้าเชษฐ์จะตื่นเมื่อไหร่คะน้าภัทร?”

แพนฟังคำถามแล้วก็มองน้องชายอย่างเป็นกังวล ไม่แปลกที่เด็กเล็กๆ จะอยากรู้อยากเห็นจนเผลอถามอะไรที่สะเทือนใจคนฟังโดยไม่คิด ทว่าภัทรเพียงแต่ยิ้มและลูบผมหลานสาวเบาๆ

“น้าภัทรก็ไม่รู้ค่ะ แต่คุณหมอบอกว่าน้าเชษฐ์ไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะงั้นเร็วๆ นี้ก็น่าจะตื่นแล้วล่ะ”

ใช่...ตอนนี้เขาได้แต่ต้องให้กำลังใจตัวเองเช่นนี้เท่านั้น ในเมื่อไม่มีใครสามารถให้คำตอบอันแน่นอน สิ่งเดียวที่ภัทรจะยึดเหนี่ยวได้...ก็มีแต่ความไว้ใจในพลังฟื้นฟูตัวเองของคนที่นอนอยู่ตรงหน้า

แพนช่วยภัทรเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าและจัดเก็บเข้าในตู้ จากนั้นก็โทรสั่งอาหารกลางวันมาทานด้วยกัน เธออยู่เป็นเพื่อนน้องชายจนฟ้าเริ่มมืดก็เตรียมพามายูมิกลับ

"เดี๋ยวพรุ่งนี้สายๆ พี่จะแวะมาหาใหม่นะ"

"ขอบคุณมากพี่แพน แต่ถ้ามีธุระก็ไม่เป็นไรนะ ภัทรเฝ้าคุณเชษฐ์คนเดียวได้"

ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ ขณะเดินไปส่งพี่สาวกับหลานที่หน้าห้องผู้ป่วย แพนเหลือบมองคนที่ยังนอนนิ่งบนเตียงแล้วก็เบนสายตามายังน้องชายอีกครั้ง

ปกติภัทรก็เป็นผู้ชายที่รูปร่างค่อนข้างสะโอดสะองอยู่แล้ว แต่ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา น้องชายของเธอดูซูบไปมากเพราะน้ำหนักที่ลดไปหลายกิโล ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามทำสีหน้าสดชื่นให้ทุกคนเห็นตั้งแต่เชษฐ์ออกจากห้องผ่าตัดเป็นต้นมา แต่เธอก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกกกอดความกังวลไว้ในอกแค่ไหน

ถ้าหากปล่อยให้เก็บความเศร้าหมองและหวาดกลัวเช่นนี้ต่อไป คนที่จะหัวใจแตกสลายในที่สุดหากคุณเชษฐ์ไม่ฟื้นขึ้นมาก็จะเป็นภัทรเอง

"งั้นเดี๋ยวพี่จะโทรบอกก็แล้วกัน แต่ภัทรก็ต้องกินข้าวกับนอนพักด้วยรู้มั้ย ไม่งั้นถ้าป่วยตามไปอีกคนจะแย่ ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะ"

"ครับ"

หญิงสาวมองหน้าน้องชายอีกครั้ง ก่อนจะค่อยยกมือขึ้นบีบไหล่เบาๆ

"ภัทร พี่ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยใช่มั้ยว่าจริงๆ แล้วพี่เข้ากับแม่ของโทรุไม่ค่อยได้"

ภัทรกะพริบตาปริบที่จู่ๆ พี่สาวก็เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในเวลาเช่นนี้ ส่วนมายูมิแหงนหน้ามองแม่อย่างไม่ค่อยเข้าใจความหมาย

"มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้เราคุยกันยาวๆ ไม่ได้สักทีทั้งที่ไม่มีอุปสรรคเรื่องภาษา แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยพูดกับพ่อของโทรุแล้วพี่ไปแอบได้ยินเข้า แล้วคำพูดนั้นก็ยังติดหัวพี่มาจนถึงทุกวันนี้"

ชายหนุ่มสบตากับพี่สาวที่จ้องตัวเองเขม็ง สัมผัสได้ว่าสิ่งที่กำลังจะหลุดจากริมฝีปากอีกฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ

"เขาพูดว่า 'ถ้าคนสองคนอยากใช้ชีวิตด้วยกัน ต่อให้มีภูเขามาขวาง เดี๋ยวเขาก็หาทางปลูกบ้านอยู่ด้วยกันบนเขาจนได้' พี่เชื่อว่าตอนนี้คุณเชษฐ์ก็ต้องกำลังพยายามปีนขึ้นเขาลูกนั้นอยู่แน่ๆ ภัทรเองก็ห้ามถอดใจเด็ดขาดนะ"

แพนเอ่ยก่อนจะเข้ามาสวมกอดเขาเอาไว้ คำพูดนั้นกระทบจิตใจของภัทรจนเขารู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล แต่ก็พยายามกะพริบตาเพื่อกลั้นหยดน้ำไว้

"ขอบคุณมากพี่แพน ภัทรจะไม่ลืมคำพูดประโยคนี้เด็ดขาดเลย"

ชายหนุ่มยิ้มให้เมื่อพี่สาวคลายวงแขนออกช้าๆ จากนั้นก็ย่อตัวลงกอดหลานสาวที่เข้ามาหอมแก้มเขาให้กำลังใจบ้าง หลังจากมองส่งทั้งคู่เดินออกจากห้องพักคนไข้ไปจนพ้นหัวมุมอาคาร เขาจึงค่อยปิดประตูและเดินกลับเข้าไปในห้อง

เนื่องจากห้องพักพิเศษแห่งนี้มีขนาดกว้างขวางมาก แม้แต่ส่วนสำหรับนอนพักผ่อนของญาติก็ยังถูกจัดไว้เป็นสัดส่วน แต่ภัทรกลับเดินผ่านห้องพักแล้วไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย เขาไม่อยากอยู่ห่างเชษฐ์ในเวลาที่ยังไม่รู้สึกตัว เช่นเดียวกับที่อยากเป็นคนแรกที่เจ้าตัวจะได้เห็นยามนัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นเปิดขึ้น

ปลายนิ้วที่โผล่พ้นผ้าพันแผลยื่นออกไปลูบไรเคราเขียวจางที่ชัดขึ้นกว่าเมื่อวาน เมื่อลูบไปก็พบกับสัมผัสสากๆ แข็งๆ ชวนจั๊กจี้ ปกติเชษฐ์จะโกนหนวดจนเกลี้ยงก่อนไปทำงานทุกวัน เขาจึงยังไม่เคยเห็นใบหน้ายามเจ้าตัวมีเครามาก่อน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งๆ ที่ต้องโกนผมและมีผ้าพันศีรษะ กระนั้นความดูดีและสง่าผ่าเผยของอีกฝ่ายก็ไม่ถูกชุดผ้าฝ้ายของโรงพยาบาลดับรัศมีลงเลยสักนิด

เมื่อตอนบ่ายนั้นมีช่วงหนึ่งที่เขาอยู่เฝ้าคนเดียวเพราะแพนพามายูมิไปเดินเล่นข้างนอก และเขาก็เพิ่งได้รับรู้อารมณ์หึงหวงยามที่นางพยาบาลเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกายให้เชษฐ์โดยที่ตนเองเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกนั้นตอกย้ำให้เขาตระหนักมากขึ้นว่าคนตรงหน้ามีอิทธิพลต่อจิตใจของเขามากเพียงไร

ตอนนี้ไม่มีใครสำคัญสำหรับเขาเท่ากับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

"คุณเชษฐ์ ...ได้ยินผมมั้ยครับ? ได้ยินเสียงภัทรบ้างมั้ย?"

ร่างผอมเพรียวใช้มือข้างที่แผลเริ่มสมานกันบีบมือใหญ่เบาๆ ขณะที่ปลายนิ้วอีกข้างลูบไปบนเรียวคิ้วดกหนา น้ำเสียงอ่อนโยนถามไถ่เหมือนชวนคุยเรื่องไม่สำคัญ ทว่าทุกพยางค์อัดแน่นไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเรียกอีกฝ่ายให้ฟื้นจากการหลับไหล จริงอยู่ว่าร่างกายเขาอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่พอแถมยังทานอาหารไม่ค่อยลง แต่สมองกลับตื่นตัวและคอยเฝ้าจับสังเกตคนบนเตียงอยู่ตลอด

"เมื่อตอนกลางวันพี่แพนกับมิมิมาอยู่เฝ้าคุณเชษฐ์เป็นเพื่อนผมด้วยนะ ท่าทางหลานผมจะชอบคุณเชษฐ์น่าดูเลย วันนี้ก็เอาหนังสือท่องเที่ยวมากางแล้วถามผมใหญ่ว่าถ้าคุณเชษฐ์หายแล้วจะชวนไปเที่ยวที่ไหนดี"

ภัทรยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งสั่น หยดน้ำตาอุ่นๆ ไหลกลิ้งลงมาตามผิวแก้มโดยที่ไม่สนใจจะเช็ด เขาใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆ กุมมือของเชษฐ์และประคองขึ้นมาแนบแก้มตัวเองอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาที่จับจ้องใบหน้าคมคายพร่ามัวขึ้นทุกขณะเพราะหยาดน้ำตา กระนั้นก็ยังคงปล่อยให้น้ำอุ่นใสหยดแล้วหยดเล่าหลั่งลงขณะที่ริมฝีปากยกยิ้ม

"คุณเชษฐ์จำได้หรือเปล่า? อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดผมแล้วนะครับ"

ความจริงแล้วเขาไม่เคยพูดเรื่องวันเกิดของตัวเองสักครั้ง นับตั้งแต่เลิกกับธราธร ภัทรก็ไม่ได้คาดหวังอีกว่าจะต้องได้รับของขวัญจากใคร แต่เพราะนี่คือคุณเชษฐ์ คนที่ละเอียดลออและใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องเคยหาข้อมูลวันเกิดของเขาเก็บไว้แน่ๆ

หยาดน้ำในตาไหลลงหยดแล้วหยดเล่าจนตกต้องบนเสื้อที่ใส่ และภัทรก็แทบจะทนพูดประโยคถัดไปออกมาโดยพยายามไม่ให้เสียงแหบเครือไม่ไหว

"...ดังนั้น...ขอร้องล่ะ ตื่นขึ้นมาก่อนจะถึงวันเกิดผมเถอะนะครับ..."

น้ำเสียงที่หลุดจากริมฝีปากนั้นแผ่วโหย ทว่าสิ่งที่ภัทรได้รับตอบแทนคำขอ ยังคงเป็นความเงียบงันที่ราวจะบดทับหัวใจคนได้ยินให้แตกเป็นเสี่ยงๆ



++---tbc---++



A/N: สำหรับเนื้อหาในตอนนี้ ต้องขอบคุณน้องนิ (SiNa) และน้องเสือ (Panthera) มากๆ สำหรับข้อมูลด้านการแพทย์ แต่ถ้าหากใครอ่านตรงไหนแล้วรู้สึกแหม่งๆ เราก็ขอน้อมรับความบกพร่องไว้คนเดียวค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับคอมเม้นต์ของตอนที่แล้ว และหวังว่าจะได้คอมเม้นต์อันอบอุ่นเช่นเคยจากตอนนี้นะคะ


Create Date : 11 ธันวาคม 2555
Last Update : 11 ธันวาคม 2555 12:51:03 น. 13 comments
Counter : 1257 Pageviews.

 
โฮววววว....ปวดใจจัง TT


โดย: Sugary F. IP: 202.28.62.245 วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:14:39:21 น.  

 
ตอนหน้าฟื้นแน่ๆ เลย 555 คุ้นๆว่าคุณรินบอกว่าชอบหนุ่มสกินเฮด (จากขอเพียงเอ่ยว่ารัก)
ก็เลยแต่งให้คุณเชษฐ์สกินเฮดแทนเลย ^^

ตอนหน้าขอหวานๆชดเชยด้วยนะคุณริน โทษฐานที่ทำให้อ่านไปคิ้วขมวดไป แถมน้ำตาคลอมาสองตอนแระ


โดย: พร (drugcafe ) วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:14:43:05 น.  

 
ไม่รู้จะคอมเมนต์อะไรดี
( ; ; )สงสารทั้งคนเจ็บทั้งคนเฝ้า


โดย: zequs IP: 202.28.182.5 วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:14:54:21 น.  

 
ทำไมถึงเป็นแบบเน้~~ (จิกทึ้งหัวตัวเอง)

ฮือ~ คุณเชษฐ์จะเป็นไรรึเปล่า จะไม่ความจำเสื่อมใช่มั้ยค่ะ โฮ~

ณ จุดๆนี้ อยากกระทืบ อีคุณธรมาก ทำไมเป็นคนแบบนี้ฮะ ตัวเองทิ้งเขาไปแต่งงานเอง ตอนนี้ก็มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว ยังจะกลับมายุ่งมาสร้างเรื่องให้คนอื่นเขาอีก แล้วดูภัทรสิ ถ้าคุณเชษฐ์ฟื้นขึ้นมาร่างกายไม่ครบสามสิบสองยังไม่เท่าไหร่ เพราะภัทรเขาเต็มใจดูแลไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว แต่ถ้าตื่นมาจำภัทรไม่ได้เนี่ย น้องภัทรไม่ไปแขวนคอตายใต้ต้นมะม่วงรึไง โฮ~ เศร้าอ่ะ ทำไงดี รู้สึกไม่มีกระใจจะไปทำอะไรแล้วอ่ะ คุณรินขา ขอตอนฟ้าสว่างสดใสเร็วๆนะ ฮือ~ TOT


โดย: SK26 IP: 58.9.11.240 วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:15:06:17 น.  

 
ฮื่อออออ จะเศร้าไปไหนเนี้ยยยย กะว่าเข้ามาจะเห็นคุณเชษฐ์ฟื้น ทำไมทำกันแบบนี้เนี้ยยยยย คุณรินใจร้ายยยยยย Y_________Y


โดย: sunisa131 IP: 58.137.231.250 วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:15:06:43 น.  

 
*ร้องไห้* โธ่คุณเชษฐ์.......


โดย: เหมี่ยว IP: 115.67.69.234 วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:17:10:49 น.  

 
ไรเนี่ยะ ทำไมโหดจัง(รวมทั้งผู้แต่งด้วย)เรื่องนี้ฉากหวานน้อยจัง แต่น้องภัทรไม่ต้องหวงคุณพยาบาลหรอก เค้าชินน่ะ


โดย: JI IP: 171.97.167.94 วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:21:49:39 น.  

 
น่าเกลียดมากเลยอดีตคนรักหนูภัทรเนี่ย

มีอย่างที่ไหนทิ้งหนูภัทรไปแต่งงานมีภรรยา

เป็นตัวเป็นตนขนาดนี้ยังมาตอแหย่หนูภัรท

อีก เลวแท้ ๆ

อุตส่าห์คิดว่าคุณเชษฐ์กลับมาก

จะได้เห็นฉากสวีตของทั้งคู่ซะอีก


โดย: tonnum IP: 223.205.235.59 วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:22:36:47 น.  

 


คุณเชษฐ์ อย่าพักนานน่ะค่ะ ไปเวียดนามก็นานมาหนหนึ่งแล้ว ฟื้นเร็วๆๆๆน่ะ น้องภัทรเป็นห่วงค่ะ



โดย: ภัทร IP: 124.122.80.34 วันที่: 12 ธันวาคม 2555 เวลา:17:40:34 น.  

 
ไปเวียดนามไม่ได้นอนเหรอคุณเชษฐ์
ถึงต้องมานอนที่โรงพยาบาลต่อน่ะ
เห็นใจภัทรบ้างเถ๊อะ ตื่นเร็วๆ เลย
ไม่งั้นจะยุให้ภัทรงอนนานๆ มั่ง


โดย: joomjaa (joomjaa ) วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:10:25:26 น.  

 
ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นต์ค่า ว่าแต่คุณเชษฐ์แกจะนอนไปอีกนานแค่ไหนน้อ...


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:16:34:55 น.  

 
โฮวววววว พี่ริน น้ำตาไหลพรากกกก

เศร้าแทนภัทรอ่ะ มาต่อตอนต่อไปเร็วๆน่ะ ค่ะ

ไม่อยากเศร้าแล้วววววว



โดย: tamajinme IP: 110.168.211.200 วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:17:42:04 น.  

 
น้องไข่ งั้นรอติดตามตอนต่อไปน้า ^^


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:20:22:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.