เจ๊แกละขายก๋วยเตี๋ยวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ชามละ 3 บาท ได้เชลล์ชวนชิมเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2541 จากนั้นก็มีรายการต่างๆ มาชิมกันมากมาย ตอนนี้ขายชามละ 40 บาท
มากินร้านนี้ต้องใจเย็นมาก เพราะว่าลูกค้าแน่นตลอด ขนาดรีบมาตั้งแต่ 11 โมง พอเข้าไปนั่งไม่ทันก้นร้อนก็มีลูกค้าเข้ามาจนเต็มทุกโต๊ะ รวมกับที่มารอซื้อใส่ถุงอีก เจ๊แกละลวกก๋วยเตี๋ยวอย่างไม่ได้หยุดหย่อน แต่ก็ยังไม่ทัน
ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้มีดีที่ตรงไหนจึงขายดิบขายดีอย่างนี้ ฉันต้องบอกว่ามันคือ ความธรรมดาที่เราโหยหานั่นเอง มันไม่ได้มีอะไรพิเศษสักอย่าง ทุกอย่างล้วนเป็นของปกติ เพื่อนร่วมชิมของฉันแสดงความแปลกใจว่ามันอร่อยได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่มีอะไรเลย แค่เส้น หมูสับ ตับ ไส้ และลูกชิ้น แต่เมื่อมารวมกันในชามก๋วยเตี๋ยวมันอร่อยได้อย่างไร ฉันให้ข้อสังเกตว่าเพียงแต่เลือกวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ เมื่อนำมารวมกันมันก็จะอร่อยเอง ไม่ต้องปรุงรสให้มากมายอะไร
ความธรรมดาแบบที่เรากินกันในบ้านนี้เองที่กลายเป็นจุดขายของที่นี่ หมูสับธรรมดาที่นำมาแผ่ใส่ทัพพี แล้วใส่ลงไปต้มในหม้อรอให้สุกแล้วจึงตักออกมาเป็นแผ่น น้ำซุปใสหวานด้วยกระดูกหมู รวมกับน้ำที่ลวกบะช่อแค่นี้ก็หวานแล้ว ราดด้วยกระเทียมเจียวใส่กากหมู อร่อยทั้งแห้งและน้ำ
หมูบะช่อสดใหม่ วัตถุดิบสำคัญของความอร่อย ตักใส่ทัพพีลวกในหม้อก๋วยเตี๋ยวเรียงรายหลายอัน
ต้มยำของที่นี่เป็นต้มยำรสอ่อนละมุน กินแล้วได้รับรสที่จัดขึ้นแต่ยังสัมผัสได้ถึงความหวานของน้ำต้มกระดูกที่ไม่ใช่รสน้ำตาลที่กลบมิด หากคาดหวังต้มยำรสจัดจ้านขอบอกว่าไม่ใช่ที่นี่ ซึ่งฉันว่ามันน่ากลัวมากสำหรับลิ้นของเราที่เสพติดรสแรงๆ ที่ประโคมใส่ลงไป น้ำตาล น้ำปลา พริก อย่างละกี่ช้อนกันจึงจะได้รสจัดอย่างที่เรากินกันทั่วไปในสมัยนี้ แค่ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวเราก็ได้น้ำตาลและโซเดียมเกินอัตราแล้ว
ร้านเปิดตั้งแต่ 9 โมง ไปจนบ่ายๆ ฉันขอแนะนำให้เลี่ยงช่วงเที่ยง และขอให้ทำใจเย็นๆ ก่อนไปกิน เพราะรอนานแน่ๆ ค่ะ แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอยนะคะ