|
คำแนะนำแด่สาวนักช้อป Advice for the Shopaholic
(ขอบคุณคุณแป๋ว SevenDaffodils ที่เอื้อเฟื้อภาพประกอบครับ)
"มีปัญหากับแฟนจนเกือบจะเลิกกันเพราะแฟนไม่ชอบในเรื่องความคิดและการตัดสินใจของเราค่ะ
ที่หนักๆเลยคือเวลาอยากได้อะไรมากๆจะไม่มีสติ เช่นกระเป๋าแพงๆ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรรีบซื้อ แต่ ณ ตอนนั้นถ้าไม่ได้ก็ทรมาน มันทุกข์เพราะอยากได้อยู่อย่างงั้น เหมือนมีความอยากในหัวตลอด จนตอนหลังก็แพ้กิเลสตัวเอง
ครั้งหลังสุด ชอบทั้งสองสี ได้สีนึงแล้ว กลับรู้สึกอีกสีสวยกว่าก็สั่งมา พอได้มามันไม่สวยอย่างที่คิด กว่าจะได้กระเป๋ามันก็รู้ว่าทุกข์มากๆ พอได้มาแล้วก็สุขที่ได้มา แต่ก็ยังมีทุกข์ที่รู้สึกว่าทำให้แฟนผิดหวังเรื่องใช้เงิน แล้วก็รู้สึกผิดต่อครอบครัว
ครอบครัวเราก็ไม่ถึงกับลำบาก แต่ทุกคนใช้เงินประหยัด แล้วพอแฟนไม่ให้ซื้อ ใจก็เห็นด้วย แต่พอความอยากมันไม่หมดไป ก็หาเหตุผลว่า คนอื่นก็เงินเดือนเท่าเราทำไมเค้าก็ซื้อ เริ่มรู้สึกแย่ว่าทำไมเราซื้อไม่ได้ทั้งๆที่ก็เงินหามาเอง ทำไมแฟนคนอื่นเค้าไม่ว่าไม่มีปัญหาขนาดนี้
กรณีแบบนี้ควรหัดยังไงคะ อยากจะใช้เงินแบบมีสติโดยที่ใจก็ไม่ทรมานมากๆ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ"
สารภาพว่า ผมอ่านเรื่องของคุณแล้วนึกถึงหนังสือชื่อ "Confessions Of A Shopaholic" ที่เคยมีคนเอามาสร้างหนังเมื่อหลายปีก่อน อาการของนางเอกในเรื่องก็ครือๆกัน
คือเสพติดการช้อปปิง เห็นอะไรแล้วอยากได้เป็นต้องซื้อ โดยเฉพาะของแบรนด์เนม ไม่ว่าจะแพงขนาดไหน ก็จะหาเหตุผลมาบอกตัวเองว่า "ต้องซื้อ" ให้ได้เสมอ
เคยเห็นคนติดยาแล้วลงแดงไหมครับ อาการอาจจะไม่เหมือนกันทีเดียว แต่มีลักษณะคล้ายกันคือ รู้ว่าไม่ดี ไม่ควร แต่มันเย้ายวนใจเกินทน
สิ่งที่คุณเสพติด มันไม่ใช่แค่การได้จับจ่าย ได้มาครอบครอง แต่มันคือการติดในความอยาก ดังนั้นพอฝืนความอยากแล้วจะทรมาน เหตุอย่างหนึงของการเสพติดอะไรก็ตาม คือการทำซ้ำสิ่งนั้นบ่อยๆ ฉะนั้น เมื่อเคยชินจะตามใจความอยาก การเสพติดก็เกิดได้ไม่ยาก
ผมไม่รู้ว่า คำว่า.. ครอบครัวไม่ลำบากที่คุณว่า นี่แปลว่ารวยได้ไหม คือถ้าการจับจ่าย มันไม่เกินฐานะจริงๆ เช่นเงินเดือน 2 แสน คุณจะใช้ครึ่งเดียวสักเดือนละแสน ก็คงไม่มีใครว่าได้นะ
แต่ถ้าเงินเดือนสี่หมื่น ใช้เงินเดือนละสี่หมื่นห้า นี่ไม่ดีแล้ว จะไปเอาเหตุผลว่า คนเงินเดือนเท่าๆกันเขาก็ซื้อ เขาก็มีกัน เห็นจะไม่ควร
เพราะคนเราจะอวดกัน ก็มักจะงัดมาอวดแต่ในด้านที่ดี แต่ถ้ามีหนี้พอกบาน ขี้คร้านจะหมกเม็ดกันไว้ให้มิด ไม่ให้ใครรู้
ถ้าคุณคิดว่า สิ่งที่คุณใช้จ่าย มันพอเหมาะพอสมกับรายรับดีแล้ว มีเหลือกินเหลือเก็บเหลือทำบุญดีแล้ว ก็แนะนำให้คุยกับแฟนให้ดีครับ อาจจะตั้งเป็นงบประมาณ ให้เขาเป็นคนดูแลให้ ว่าเดือนหนึ่งๆจะใช้แค่ไหน
แล้วจากนั้น ก็ต้องเคารพสิ่งที่ตกลงกัน แปลว่าถ้าคุณใช้ไม่เกินจากนั้น เขาก็ไม่ต้องมาบ่น
แต่ถ้าเขาให้งบประมาณ ตามที่คุณเห็นพ้องไม่ได้ ก็ต้องเลือกนะครับ ว่าแฟนกับกระเป๋า อะไรสำคัญกว่ากัน
ถ้าอยากซื้อของตามตัณหา ตามใจอยาก เราตอบคำถามแค่ว่า "เท่าไหร่?" ก็พอ
แต่ถ้าอยากซื้อของด้วยสติ ให้ตอบคำถามว่า "เพื่ออะไร?" ด้วย
เราได้ยินกันเสมอๆว่า..คนเราชอบมองกันที่ภายนอก แต่คำถามคือ ..แล้วเราล่ะ มองตัวเองที่ภายนอก หรือภายใน?
บางครั้ง ก็ควรถามตัวเองว่า.. ถ้าเราไม่ได้สิ่งนั้นมา แล้วทำไมเหรอ? ชีวิตเราจะจบลง ถ้าไม่ได้ซื้อของสิ่งนั้นไหม?
สุดท้าย คือคำถามว่า ทำไมเราจะต้องอยากได้ของนั้น? ถ้าคำตอบคือ "ความสุข" ลองถามต่อว่า แล้วที่อยากอยู่นี่สุขหรือทุกข์?
ถ้าการได้มาซึ่งสิ่งนั้น มันทำให้เราพ้นทุกข์ได้จริง ทำไมเราถึงต้องมีความอยากใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น
การเทน้ำลงในทะเลทราย ไม่ทำให้ทรายเปียกอยู่นาน เพราะน้ำย่อมแห้งเหือดหายไปอย่างรวดเร็วฉันใด การสนองความอยาก ก็ไม่อาจทำให้ความอยากหมดไปเช่นนั้น
หัดรู้ทันความอยากของเราไว้นะครับ แล้วอย่าให้มันชนะเรา ลดโอกาสการเกิดความอยาก เช่น เดินห้างเท่าที่จำเป็น อย่าเอาตาไปเห็นอะไร ที่มันจะกระตุ้นความอยากได้
ทุกวันสวดมนต์ ทำสมาธิ พิจารณากายบ้าง ระหว่างวันใช้เวลา ฝึกสติ รู้ทันความอยากในใจบ่อยๆ
อยากพูด อยากกิน อยากดื่ม อยากบ่น อยากเถียง อยากด่า ไปจนถึงอยากได้ รู้ทันไว้หมดนะ
อันไหน ไม่ทัน ช่างมันครับ นับหนึ่ง เริ่มต้นใหม่ไว้ ถ้าคุณชนะความอยากเมื่อไหร่ นั่นแหละ จะมีความสุขอีกแบบ ที่สงบ ไม่เร่าร้อน เป็นรางวัล
สุขสันต์วันที่โลกไม่เคยเว้นจากป้ายลดราคาครับ
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 15 เมษายน 2554 21:04:23 น. |
|
17 comments
|
Counter : 1864 Pageviews. |
|
|
|
โดย: chabori วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:38:31 น. |
|
|
|
โดย: คนชอบเม้นต์ IP: 10.20.32.34, 203.149.16.33 วันที่: 1 มีนาคม 2554 เวลา:8:34:59 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 1 มีนาคม 2554 เวลา:8:49:15 น. |
|
|
|
โดย: A IP: 119.46.151.21 วันที่: 1 มีนาคม 2554 เวลา:9:03:43 น. |
|
|
|
โดย: phenprpa IP: 119.46.64.20 วันที่: 1 มีนาคม 2554 เวลา:9:48:45 น. |
|
|
|
โดย: โอ้ลัลล๊า IP: 115.31.177.35 วันที่: 1 มีนาคม 2554 เวลา:11:44:30 น. |
|
|
|
โดย: ผักบุ้ง IP: 223.205.130.20 วันที่: 1 มีนาคม 2554 เวลา:19:45:09 น. |
|
|
|
โดย: Pooky IP: 61.19.199.142 วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:16:38:43 น. |
|
|
|
โดย: candy17 IP: 125.25.215.96 วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:18:32:15 น. |
|
|
|
โดย: นก IP: 10.123.101.115, 119.46.151.53 วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:19:24:06 น. |
|
|
|
โดย: aritsumemoon IP: 124.120.11.24 วันที่: 6 มีนาคม 2554 เวลา:20:12:21 น. |
|
|
|
โดย: pp IP: 110.77.160.5 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:15:49:23 น. |
|
|
|
โดย: -..- (tictin ) วันที่: 10 มีนาคม 2554 เวลา:21:15:28 น. |
|
|
|
โดย: Tui - Jina IP: 78.144.229.113 วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:9:38:36 น. |
|
|
|
โดย: วาริศา IP: 101.108.113.152 วันที่: 9 เมษายน 2554 เวลา:11:12:11 น. |
|
|
|
โดย: NSA (tewtor ) วันที่: 13 เมษายน 2554 เวลา:9:53:14 น. |
|
|
|
โดย: konseo วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:20:27:42 น. |
|
|
|
| |
|
|
นับว่าเป็นความทุกข์ที่เธอจัดสรรขึ้นมาในใจเธอเองอย่างแท้จริงเทียวนะ
แค่ไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นว่ามีหรือไม่ก็แย่แล้วนะ
เด็กหญิงและชายที่เป้นวัยรุนสมัยนี้ยิ่งเข้าสู่ระบบนี้มากขึ้นทุกวันนะ
ความจริงผุ้ที่เป้นคนฉีดวัคซีนที่ดีที่สุดคือพ่อแม่
และวิธีการเลี้ยงดูด้วย
คุณคนนี้ไม่มีวัคซีนในชีวิตเลยนะ