Interstellar การเดินทางของความรัก
ถ้าไล่เรียงดูหนังเกี่ยวกับอวกาศที่ผมเคยดู นับจาก2001 Space Odyssey (1968) เรื่อยมาจนถึง Contact(1997), Gravity (2013) และล่าสุด Interstellar หากมองเพียงผิวเผิน หนังทุกเรื่องล้วนแต่พูดถึงการเดินทาง สู่อวกาศของมนุษย์เป็นพล็อตหลักของเรื่อง แต่หนังทุกเรื่องพยายามพูดถึงสิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างเป็นรูปธรรมไว้ด้วย นั่นคือเรื่องการเดินทางของ จิต 2001 Space Odyssey พูดถึงนักบินอวกาศผู้เดินทางไปพบกับ แท่งหินลึกลับ และนำเขาไปสู่ประสบการณ์ทางจิตที่แปลกประหลาด ในขณะที่แท่งหินนั้น ก็เคยปรากฏตอนต้นเรื่อง ที่พูดถึงจุดตั้งต้นของวิวัฒนาการแห่งมวลมนุษย์และราวกับจะบอกว่า วิวัฒนาการของอารยธรรมนั้นหมุนวนเป็นวงกลม จากสามัญสู่สูงสุดจากสูงสุด คืนสู่สามัญ เป็นวัฏจักร เพราะที่สุดของความเจริญทางวิทยาศาสตร์ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจะย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์เอง ดังเช่น ฮาล เจ้าสมองกลคอมพิวเตอร์ที่โปรแกรมตัวเองให้ไม่ต้องรับคำสั่งของมนุษย์ และจัดการฆ่ามนุษย์เสียเอง ในขณะที่ Gravity พูดถึง ความไม่แน่นอนและเปราะบางของชีวิตและมีสัญลักษณ์ที่บอกถึงการเวียนเกิด เวียนตาย ในภพต่างๆ การดิ้นรนที่จะมีชีวิตจากจุดหนึ่ง ไปอีกจุดหนึ่ง ภายใต้กฎของ แรงดึงดูด แต่แทรกเรื่องของประสบการณ์ทางจิต ที่บอกไม่ได้ว่า นั่นคือนิมิต หรือฝัน ส่วน Contact กล่าวถึงการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว ที่ส่งคลื่นวิทยุที่นำไปสู่แบบแปลนการสร้างยานอวกาศ ที่พาจิตของดร.แอลลี่เข้าสู่มิติของเวลา ทำให้เธอได้พบกับพ่อของเธอ ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง ในขณะที่คนภายนอกมองไม่เห็นอะไร นอกจากยานที่เธอนั่งนั้นหล่นตุ้บลงสู่พื้นแบบไม่ได้ไปไหนเลย ถ้าเรียงร้อยสารที่หนังทุกเรื่องที่พูดมาต้องการกล่าวถึง เราจะได้หนังเรื่องหนึ่งที่ชื่อ Interstellar ครับ ดูเผินๆราวกับคริสโตเฟอร์โนแลน ต้องการจะบอกว่า ในการเดินทางสู่ห้วงอวกาศนั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากการเดินทางจิตวิญญาณของมนุษย์ เพราะมิติของเวลา โพรงหนอนอวกาศและหลุมดำ มีอยู่จริง ในการเดินทางของจิต อย่างเรามีชีวิตอยู่ใน พ.ศ. 2558 แต่แค่หลับตา จิตเราก็เดินทางย้อนไปสู่เหตุการณ์ที่เกิดเมื่อสิบปีที่แล้วได้ชนิดไวกว่าแสง หรือวิ่งไปหาคนที่อยู่โพรว็องส์ในฝรั่งเศสได้ในพริบตา อีกสิ่งที่โนแลนเน้นย้ำมากมายในเรื่องคือความรัก ความผูกพันที่พ่อมีต่อลูกพันธะของความเป็นพ่อที่ต้องเสียสละเพื่อปกป้องลูก แม้มันจะหมายถึงการสละชีวิตตัวเอง อย่างเช่นการต้องเดินทางไกลทั้งที่ไม่รู้ว่า จะได้กลับมาพบหน้าลูกอีกครั้งหรือไม่ก็ตาม ถ้าจะพูดว่า Interstellar เป็นหนังครอบครัวที่มาในรูปของหนังอวกาศ ก็คงไม่ผิดนักหรอกครับ เพียงแต่หนังก็จริงจังกับการตีความแนวคิดหลายอย่างทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่ของใหม่ พุทธศาสนาก็พูดมานานแล้ว อย่างดาวดวงแรกที่คณะเดินทางไปสำรวจ เป็นดาวที่มีมิติเวลาต่างกับเวลาปกติบนโลก เช่นสิบนาทีบนดาวนั้นเทียบได้เท่ากับสิบปีบนโลก เป็นต้น ในพระไตรปิฎกเคยพูดถึงภพภูมิที่มีเวลายาวนานกว่าโลก อย่างนรกภูมิหรือสวรรค์ มีเรื่องเล่าว่าหญิงคนหนึ่งตายไปได้เกิดเป็นนางฟ้าตนหนึ่ง วันหนึ่งก็หมดอายุขัยขณะไปเที่ยวสวนดอกไม้กับเพื่อนนางลงมาเกิด จนแต่งงาน มีลูก มีหลาน จนตายแล้วเกิดอีกรอบเป็นมนุษย์นี่แหละ พอตายรอบที่สองก็สร้างบุญไว้มาก ได้กลับไปเป็นนางฟ้าอีกครั้ง กลับกลายเป็นว่านางกลับไปอยู่ที่เดิมในสวนดอกไม้ที่เคยตายลงนั่นแหละ เพื่อนก็มาตามหาจนเจอพอดีแล้วถามว่า เธอหายไปไหนมาตั้งเกือบชั่วโมง สรุปว่า ในทางพุทธเชื่อว่าเป็นคนนี่ เกิดแล้วแก่ตายสองรอบ เพิ่งจะเท่ากับเวลาบนสวรรค์ไม่ถึงชั่วโมงเอง สิ่งที่อาจจะเข้าใจยากของInterstellar คือ แรงดึงดูด หรือ Gravityที่เขาบอกว่า มันอยู่เหนือมิติของเวลา แต่ถ้าแปลงคำว่า แรงดึงดูด เป็นเรื่องของ กรรม อาจจะเข้าใจง่ายกว่าก็ได้นะครับ เพราะในทางพุทธ กรรมก็อยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่มีอะไรใหญ่เกินกรรม และที่แน่ๆ กรรมอยู่เหนือกาลเวลา ทำอะไรไว้นี่ ไม่มีวันหมดอายุความเสียด้วย นอกจาก กรรมจะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลาแล้ว อีกสิ่งที่ Interstellar บอกว่า สามารถข้ามเวลามาได้ ก็คือ ความรัก ในทางพุทธมีคำว่า เมตตา กรุณา มุทิตาและ อุเบกขา แทนนิยามของความรัก ความรักที่ดีย่อมมีสี่อย่างนั้น และจะคงทนเหนือกาลเวลา ไม่ว่ากายเนื้อของคนที่เรารักจะไม่อยู่แล้ว แต่เราหลับตาลงครั้งใดก็อาจจะรู้สึกได้ว่า ความรักนั้นยังอยู่ และคงทนในใจเราเสมอ เหมือนที่คูเปอร์ออกเดินทางไปค้นหาโลกใหม่ที่ดีกว่าเพื่อจะให้ลูกที่เขารัก มีโลกใหม่สำหรับอยู่อาศัยและสามารถกลับมาสื่อสารกับลูกในวิถีที่หลายคน รวมทั้งตัวคูเปอร์เองเรียกว่า ผี เหมือนที่ ดร.แบรนด์เดินทางไปหาคนรักของเธอบนดาวที่รกร้าง เหมือนที่คูเปอร์ตัดสินใจเดินทางครั้งสุดท้ายไปหาเธอการเดินทางทั้งหมดเกิดขึ้น เพราะความรักนี่เอง ครั้งหน้าถ้าเจออะไรแปลกๆที่อธิบายไม่ได้ อย่ารีบสรุปว่าเป็น ผี ก็แล้วกันนะครับ เป็นหนังดี ที่ควรมีแผ่นแท้เก็บไว้ในคลังอีกเรื่อง โดยไม่ควรข้องแวะกับ "ผี" โดยมิต้องสงสัย
Create Date : 09 เมษายน 2558 |
Last Update : 9 เมษายน 2558 14:30:09 น. |
|
5 comments
|
Counter : 17654 Pageviews. |
|
|
ดูแล้วคิดอะไรได้หลายเรื่องเลย
ร้องไห้หลายช็อตด้วย
วันนี้โหวตหมวดนี้ไปแล้ว พรุ่งนี้มาโหวตให้นะคะ