สถานีที่ 11 "ยามท้อ พบเจอกับอุปสรรคในชีวิต คุณให้กำลังใจตัวเองอย่างไรบ้าง"
เล่าช่วง "ทำงาน" นะคะ
ถ้าอยู่บ้าน ท้อเมื่อไหร่(โดนหัวหน้าสวด)ก็โผกอดแม่ ฟ้องพ่อ แล้วก็เล่นแมว คว้าหนังสือการ์ตูนมาอ่าน เราต้องทำใจตัวเองให้สบาย โล่ง ก่อนที่จะกลับมาทวนว่า "ปัญหาที่เราเจอ หาทางแก้อย่างไร"
แต่... บางสิ่งบางอย่าง หรือบางปัญหามันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราคาดว่า "ทางแก้ของเรานั้นได้ผลหรือไม่" แน่นอน..... ท้อครั้งที่ 2 (ท้อครั้งนี้ อาจจะหูชา น้ำตาซึม เพราะคำพูดของใครบางคน)
เอ้า!! กลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ และแมวก็นอนแล้ว เหลือหนังสือการ์ตูน "นี่แหละกำลังใจ" คว้าหนังสือการ์ตูนบนหัวนอน (ซึ่งแค่หยิบหน้าปกก็รู้ตอนจบแล้ว) ทำไมไงดี ลุกจากเตียงหาเรื่องใหม่อย่างไว เอาเรื่องที่เห็นปกแล้วพระเอกหล่อๆ ถูกใจปิ๊งๆ แล้วก็นอนหลับไปก่อน ทำใจให้สบาย สู้ใหม่ในวันรุ่งขึ้น คิดหาวิธีแก้ปัญหา...ค่อยคิดทีหลัง ตราบใดที่ใจไม่ทุกข์ สมองก็ไม่แล่น
ทีนี้... ด้วยความที่ตัวเองนั้นเป็นตัวของตัวเองสุดๆ (ไม่ใช่อีโก้เยอะนะคะ) เมื่อถึงที่ทำงานก็ถามหัวหน้าเลยว่า
เรื่องที่โดนตำหนิเมื่อวานนี้ เคยเกิดปัญหาแล้ว แล้วคิดว่าแก้แบบนี้ได้ แต่ผลลัพท์ที่ออกมากลับตรงกันข้าม
ก็ไปถามแบบซื่อๆ เลย ถ้าเป็น "พี่" จะแก้ไขอย่างไรคะ
แน่นอนว่า... คำตอบจะต้องเป็น "คิดเองสิ"
แต่ว่า ที่ทำงานที่นี่ หัวหน้าคนนี้มองหน้าเรา แล้วอึ้งนิดๆ (ก็แก้ปัญหาแล้วมันผิด ก็ต้องถามผู้อาวุโส คนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน จากนั้นถึงจะแก้ปัญหาเดิมอีกครั้ง ถ้ามันผิด เราก็จะได้เตรียมการ แผน B เพราะถ้าแผน A มันพังไม่เป็นท่า)
เมื่อท้อให้กำลังใจตัวเองให้มากที่สุด กายล้ม อย่าให้ใจล้มด้วย เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่า เราทำได้
วันนี้ได้เสิร์ชหาข้อมูลโดยบังเอิญซึ่งเกี่ยวข้อกับโจทย์นี่พอดี
"น้ำล้างเท้าพ่อแม่"
เมื่อใดก็ตามที่ปัญหารุมเร้า โชคดียังไม่มาถึงเราเสียที ทำสิ่งใดก็ติดขัด ลองขอขมาพ่อแม่ด้วยการ "ล้างเท้า" ด้วยความเต็มใจ ขออโหสิกรรมกับพ่อแม่ "พ่อแม่จะให้พรอันประเสริฐ" แล้วนำน้ำล้างเท้าไปประพรมตามร่างกายของเราเอง
ลองหาข้อมูลดูนะคะ แต่สิ่งที่นำมาบอกสั้นๆ เพราะว่าปิดเทอมกลับบ้านทีไร ก็กลับไปล้างเท้าคุณตา คุณยาย พ่อ กับแม่ทุกครั้งค่ะ ก่อนมาเรียนไกลบ้านก็ทำอยู่แล้ว เดือนละครั้ง
แล้วไหว้คุณตา คุณยาย พ่อ แม่ พี่ชายทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ทำมาตั้งแต่จำความได้ค่ะ ขนาดไปตลาดซื้อกับข้าวก็ไหว้บอกหมดทุกคนในบ้านค่ะ คือจะไปไหนมาให้ก็บอก กลับมาถึงบ้านก็ยกมือไหว้ เพราะว่าการออกจากบ้าน
"จะได้คำอวยพรทุกครั้ง บางครั้งพ่อก็เตือว่า เอาโทรศัพท์ กระเป๋าไปหรือยัง ลืมอะไรหรือเปล่า"
พอมาถึงบ้าน
"ล้างไม้ ล้างมือ ดื่มน้ำก่อนสิลูก มีส้มอยู่บนโต๊ะ กินได้เลย"
บางครั้งเราก็มีขนม หรือก๋วยเตี๋ยวติดมือมาจากนอกบ้าน เราก็จะชวนทุกคนมากิน (ซื้อทีครบคนทั้งบ้านเลยค่ะ)
คนที่บ้านคือ "กำลังใจ" ค่ะ
แต่มาอยู่ไกลบ้าน เวลาก็ช้ากว่าตั้ง 4 ชั่วโมง ทำยังไงดี...
นอกจากรูปครอบครัวที่พกติดตัวด้วยตลอด ก็มีปฎิทินพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง และราชินี ที่ได้รับแจกตอนปีใหม่ (แม่เก็บไว้ให้ค่ะ) เรามีกำลังใจเต็มเปี่ยมขนาดนี้ ปัญหาทุกอย่างมันเข้ามาไม่หยุดหย่อนหรอก ดังนั้นเราต้องตั้งรับมือกับมัน
อยู่ไกลบ้าน มาเรียนภาษาบ้านเขา โดยที่ครูอธิบายด้วยภาษาของเขาเอง แน่นอนว่า "สอบ" ทีไร ท้อทุกที แต่มันขึ้นอยู่กับตัวของเรามากกว่า ว่าเราจะพุ่งชน "ความท้อ" นี่ให้กระเด็นไหม ตัวของเราเอง "ทุกข์" "สุข" "สนุก" "ท้อ" "กำลังใจ" อยู่ที่ความคิดของเราเองทั้งนั้น....
ดังนั้น "เลือกในสิ่งที่จะทำ" ด้วยการตัดสินใจของตัวเองค่ะ