Group Blog
สาปรัก...บท 9/2
“คุณพระ...เกิดอะไรขึ้น ทำไมผิวขรุขระบนใบหน้าของคุณหายไปแล้ว” ปฐวีถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว สีหน้ายังแสดงถึงความตกตะลึง

น่าแปลก...สำหรับอัปสรเสียงทุ้มนุ่มราวกับฟองเบียร์นั้นราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกลไม่ต่างจากเขาไกรลาสก็ไม่ปาน อานุภาพของการที่เขาหอมแก้มแม้เพียงครั้งเดียว แต่มีผลให้อัปสรรู้สึกมึนงง ทำอะไรไม่ถูก เธอยังคงยืนอึ้งราวกับตกอยู่ในภวังค์ ไม่ได้ยินเสียงเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามนตร์ได้คลายตัวลงแล้ว

หากรู้...อัปสรอาจช็อกเป็นสองเท่า

แม้มนตร์จะเสื่อมแต่ก็แค่ชั่วคราว ไม่ใช่เสื่อมถาวร เนื่องจากพรหมจรรย์ยังอยู่ แต่กระนั้นสำหรับปฐวีแล้ว ถือว่าไม่ต่างจากหมัดฮุกที่กำลังส่งผลให้เขาจุกจนพูดไม่ออกอยู่ในขณะนี้ ด้วยไม่คิดว่าผู้หญิงที่เขาตราหน้าว่าอัปลักษณ์มาโดยตลอดนั้น จะถอดรูปแล้วออกมาได้สะสวยไม่ต่างจากนางฟ้านางสวรรค์ขนาดนี้ ใช่...เมื่อพิเคราะห์จากสิ่งที่เหนือธรรมชาติที่เขาไม่อาจหาคำตอบได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ว่าเหตุใดผิวหน้าที่เห็นๆ อยู่ว่าเต็มไปด้วยรอยตะปุ่มตะป่ำถึงได้เลือนหาย กลายเป็นผิวที่เกลี้ยงเกลาหมดจดได้ในพริบตาเดียว เขาก็อยากคิดว่าเธอเป็นนางฟ้าจริงๆ

ใช่...ถ้าเธอไม่ใช่ผีสางนางไม้ที่จงใจปรากฏกายขึ้นมาเพื่อหลอกเขา เธอก็เป็นได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือ นางฟ้า...แถมเป็นนางฟ้าที่มีเลือดเนื้อจิตใจให้เขาสามารถสัมผัสและชิดใกล้ได้ด้วย นั่นเป็นคำตอบเดียวที่ปฐวีคิดได้ในขณะนั้น ทั้งๆ ที่ปกติเขาไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้หรือเรื่องเพ้อเจ้อแต่อย่างใด หากแต่ครั้งนี้เขาจำต้องยอมรับว่ามีเรื่องเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจหาคำตอบได้ด้วยวิทยาศาสตร์อยู่ในโลกใบนี้จริงๆ...

แววตาที่ปฐวีมองอัปสรจึงแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง...แววตาคมกล้าที่สาวๆ ชมว่าเต้นพราวระยับ เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแห่งหนุ่มเจ้าสำราญมากด้วยเสน่ห์นั้น บัดนี้เปลี่ยนเป็น...ลุ่มหลงอย่างลึกซึ้ง ปฐวีกำลังตกหลุมรักอัปสรเข้าอย่างจังชนิดที่ถอนตัวไม่ขึ้น เขาเกิดความรู้สึกรักระคนใคร่รุนแรง ใช่...เขากำลังตกบ่วงเสน่ห์อัปสรในทันทีที่เห็นกายทิพย์ของเธอ ไม่ต่างจากราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังหลงติดบ่วงแร้ว...

“คุณอัปสร... บอกผมว่าเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงที่ถามทอดอ่อนนุ่มอีกเท่าตัว แต่เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาหรือการเคลื่อนไหวใดๆ จากเธอตอบรับ ดูราวกับอัปสรกำลังช็อก เขาจึงตัดสินใจยกมือขึ้นตบแก้มเธอเบาๆ อย่างต้องการเรียกสติ... แก้มนุ่มและเนียนมืออย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากสาวคนไหน เขาไม่เคยรู้เลยว่าผิวของผู้หญิงจะนุ่มและเนียนมือได้ถึงเพียงนี้

ใช่...ผิวของอัปสรนุ่มเนียนมือยิ่งกว่าผ้าไหมเนื้อดีผืนไหนๆ แล้วบทสนทนาระหว่างเขากับพระเถระชั้นผู้ใหญ่เมื่อวานก็แวบเข้ามาในความทรงจำ

‘…ไม่เลยใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่อย่างที่โยมเห็น ตรงกันข้ามห่างไกลจากคำว่าบุญน้อยนัก เชื่ออาตมาเถอะ ขึ้นอยู่กับผู้หญิงคนนั้นต่างหากว่าต้องการเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงให้ใครเห็นเมื่อไหร่’

‘แล้วเมื่อไหร่ผมจะเห็นใบหน้าจริงของเธอครับ’

‘ก็เมื่อโยมมีบุญมากพอไงล่ะ’

แปลว่านี่คือใบหน้าที่แท้จริงที่เจ้าอาวาสพูดถึงเมื่อวานน่ะเหรอ?
ปฐวีนึกถามตัวเอง

ปฐวีไม่มีโอกาสรู้เลยว่ามนุษย์ตีความการได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางฟ้านางสวรรค์ว่าเป็น “บุญ” แต่สำหรับเหล่าเทวดาและนางฟ้าแล้ว การที่มีมนุษย์คนใดสามารถเห็นกายทิพย์ของพวกเขาหรือพวกเธอเหล่านั้น หากไม่ใช่เป็นญาติที่เกื้อหนุนกันมาหลายภพหลายชาติ นั่นก็แสดงว่าบุญของเทวดาและนางฟ้าองค์นั้น เหลือน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว

“คุณอัปสร...” เมื่อเห็นเธอยังนิ่งไม่ขานรับ เขาก็เรียกพลางตบแก้มเบาๆ “คุณฟ้า” ปฐวีเรียกด้วยชื่อเล่นซึ่งมาจากคำว่า นางฟ้า เขาไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้เรียกเธออย่างนั้น

มนตร์คลายลงในทันทีที่ปฐวีเอื้อมมือมาตบแก้มเธอเป็นครั้งที่สาม สายตาราวกับเพิ่งจับโฟกัสที่เขาได้เป็นครั้งแรก อัปสรกะพริบตาถี่ๆ หลายครั้ง ก่อนจะผงะถอยหลังทั้งที่พื้นที่ไม่เอื้ออำนวยเพราะหลังติดผนังอยู่แล้ว สีหน้าเผือดสี บอกถึงความตกใจ

“ไม่จริง...” อัปสรครางไปอีกเรื่อง น้ำเสียงเบาหวิวแทบไม่ต่างจากเสียงกระซิบ

“อะไรไม่จริง?” ปฐวีถามด้วยน้ำเสียงที่ทอดอ่อนนุ่มอีกเท่าตัว หางเสียงติดรอยหยอกเย้าระคนห่วงใยอยู่ในที มีรอยยิ้มกรุ้มกริ่มระคนขำจริงจังจุดอยู่ในดวงตาคู่คมกริบ มันเต้นไหวยิบๆ ราวกับผู้เป็นเจ้าตัวกำลังกลั้นยิ้มเต็มที่ หากกระนั้นแววอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้นก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังเอ็นดูคนที่เขากำลังพูดอยู่ด้วยอย่างมาก

อัปสรหลับตาลงอย่างรวดร้าว ด้วยแววตาในดวงตาเขาเป็นคำตอบได้อย่างดีว่าเขากำลังคิดอย่างไรกับเธอ

ใช่...ปฐวีกำลังตกหลุมรักและกำลังลุ่มหลงในกายทิพย์ของเธออย่างมาก... คำสาปของท้าวภูวทัศน์ทำงานได้อย่างชะงัดนัก...ช่างน่ากลัวจริงๆ อัปสรนึกด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง หากเธอไม่หลงใหลในบุรุษเพศของปฐวีดั่งคำสาปของท้าวภูวทัศน์ ศีลของเธอก็คงไม่ขาดและมนตร์ขององค์ภูเตศวรก็คงไม่คลายตัวเร็วขนาดนี้

สวรรค์ช่วย...คำสาปของท้าวภูวทัศน์กำลังทำงาน ในขณะที่มนตร์ขององค์อินทร์ภูเตศวรคลายลงโดยสมบูรณ์แล้ว...เพียงแต่ยังไม่เสื่อมตลอดกาลเท่านั้น

“กรุณาปล่อยดิฉันเป็นอิสระเถอะนะคะ...” อัปสรแทบจำเสียงตัวเองไม่ได้ ด้วยว่าแหบแห้งราวกับไม่ใช่เสียงของตัวเอง และที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองยืนนิ่งๆ โดยไม่ต่อต้านและไม่เรียกร้องอิสรภาพคืนจากเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ นางฟ้าจำแลงนึกด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย เมื่อเห็นเขายังคงจ้องมานิ่งๆ เธอก็กล่าวซ้ำว่า “กรุณาเถอะนะคะ... กรุณาปล่อยดิฉันเป็นอิสระ” น้ำเสียงเว้าวอนไม่ต่างจากนักโทษที่วิงวอนขอลดหย่อนโทษประหารชีวิต

ปฐวีอึ้งเพราะอากัปกิริยาของอัปสรราวกับคนที่จนหนทาง ราวกับคนที่หมดแล้วซึ่งความหวังใดๆ เขาพินิจมองอย่างไม่เข้าใจนัก “คุณฟ้า... ทำไมถึงทำท่าเหมือนคนสิ้นหวังแบบนั้นล่ะ” เขาถามอย่างไยดี น้ำเสียงห่วงใยอย่างมาก ปฐวียังไม่ปล่อยมือเป็นอิสระในทันที ยังคงรวบไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแต่ลดลงมาวางระหว่างลำตัวพวกเขา

น่าแปลก...ยิ่งใกล้อัปสร เขาก็ยิ่งอยากแนบชิดมากยิ่งขึ้น รู้สึกใกล้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ความรู้สึกจวนเจียนจะคลั่งด้วยความรู้สึกอยากแนบชิดนั่น และนั่นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ร่างบางอีกนิด

“ถ้าคุณอยากเห็นดิฉันดับสูญทางธรรม ก็ไม่ต้องฟังคำอ้อนวอนของดิฉัน” น้ำเสียงเว้าวอนและเบาหวิวลงไปอีก

ทายาทอันดับสองของตระกูลสุขารมณ์เลิกคิ้วสูง ไม่เข้าใจความนัยแห่งคำพูดนัก แต่ด้วยอะไรบางอย่างในดวงตาคู่สวยที่จ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาเว้าวอนแปลกๆ ราวกับว่าความเป็นความตายของเธอขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาโดยเฉพาะ... นั่นทำให้เขาใจไม่แข็งพอ ปฐวีค่อยๆ ปล่อยมือบางเป็นอิสระ พลางกล่าวว่า

“ตอบผมคุณอัปสร คุณเป็นใครกันแน่ ความอัปลักษณ์ที่ฉาบอยู่ภายนอก ไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของคุณใช่ไหม แต่มีไว้เพื่อหลอก ตบตาผู้คน อย่างงั้นหรือเปล่า?” ปฐวีถามแล้วจ้องไปในดวงตาคู่สวยอย่างพยายามค้นหาคำตอบ เขาเคยสงสัยว่าทำไมดวงตาของนางฟ้าในภาพวาดจึงเจนตาเจนใจเขาเหลือเกิน บัดนี้เขาได้คำตอบแล้ว... ดวงตาของนางฟ้าในวาดภาพเหมือนกับดวงตาของอัปสรราวกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกันนี่เอง...

พวกเธอทั้งสองเป็นคนคนเดียวกันอย่างไร้ซึ่งข้อสงสัยใดๆ

อัปสรค่อยๆ ขยับออกทางด้านข้างเมื่อได้รับอิสระจากเขา เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ไม่มองหน้าเขา สายตาจับจ้องอยู่ที่บ่าของเขาเท่านั้น

“เดี๋ยวดิฉันจะหาทางไปบ้านของคุณเอง คุณปฐวีไม่ต้องเสียเวลาไปส่งดิฉันหรอกนะคะ”

ปฐวีนิ่วหน้า “ทำไมล่ะ... ก็ผมอยากไปส่ง” ปฐวีถามพลางมองหน้าสวยแอร่มอย่างไม่เข้าใจนัก

อัปสรไม่ถนัดบอกตรงๆ แต่การโกหกก็ไม่ใช่วิสัยของผู้ทรงศีลอย่างเธอ ที่สุดจึงตอบอุบอิบออกไปว่า “ดิฉันจะกลับไปนั่งบำเพ็ญศีลภาวนา จะยังไม่ไปบ้านของคุณค่ะ”

“อะไรนะ?” คนฟังตวัดเสียงสูงอย่างไม่เชื่อหู แต่เมื่อไม่เห็นใบหน้างามแฉล่มตอบอะไร เอาแต่ก้มงุด แก้มเป็นสีแดงระเรื่อ เขาก็ถามต่อว่า “ทำไมล่ะคุณฟ้า”

อัปสรหน้าแดงอีกเท่าตัวเมื่อเขาถือวิสาสะเรียกชื่อเล่นของเธอ ฟ้า...เป็นชื่อเล่นบนเทวโลกที่มีเพียงเขาใช้เรียกเธอ น้ำเสียงของอัปสรเบาหวิวลงไปอีกเมื่อตอบว่า “ดิฉันจำเป็นต้องทำอย่างนั้น”

“ผมไม่เข้าใจ”

“คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างหรอก”

ปฐวีชะงัก นิ่วหน้า คาดไม่ถึงว่าอัปสรจะย้อนกลับมาแบบนั้น เขาพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่รู้ว่าเธอมองไม่เห็น เพราะเอาแต่ก้มหน้างุด ปฐวีตอบว่า “เอาเลยคุณฟ้า...อยากนั่งวิปัสสนาหรือบำเพ็ญศีลภาวนานานแค่ไหนก็ตามสบายเลย ผมรอได้ จะรอคุณอยู่ที่โรงพยาบาลนี่แหละ ไม่ไปไหน เพราะงั้นคุณทำธุระของคุณได้ตามสะดวกเลย เสร็จเมื่อไหร่ก็บอกผมแล้วกัน ผมจะเดินแกร่วอยู่แถวๆ นี้แหละ”

อัปสรนิ่วหน้า เธอเงยหน้ามองเขา “คุณหมายความว่าไง?”

“คุณได้ยินแล้ว ผมบอกว่าเต็มใจที่จะรอคุณอยู่ที่นี่ เราจะไปบ้านของคุณแม่ผมด้วยกัน”

“แต่...อาจจะต้องใช้เวลานาน”

“จะนานแค่ไหน ผมก็จะรอ” น้ำเสียงตอนท้ายแผ่วเบาหากหนักแน่น ราวกับเจ้าตัวต้องการให้คำสัญญา... นานแค่ไหนก็จะรอ

ได้ยินคำตอบหนักแน่นกลับมา อัปสรก็อึ้งและหนักใจมากขึ้น ด้วยว่าคำพูดของปฐวีบอกได้ชัดเจนว่าความวุ่นวายกำลังจะเกิดตามมา หรืออีกนัยหนึ่ง... เป้าหมายที่จะทำให้พวกเธอทั้งคู่กลับไปจุติยังสรวงสวรรค์กำลังห่างไกลออกไปทุกทีๆ... แน่นอน...ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ถ้าหากเขายังทำเหมือนว่าพิศวาสเธอเต็มประดาอยู่แบบนี้ล่ะก็... อัปสรลอบผ่อนลมหายใจด้วยความหนักใจ

“คุณฟ้า...” เขารีบเรียกก่อนที่เธอจะเดินกลับเข้าไปในห้องประชุม

อัปสรหันกลับมาถามด้วยสายตาเงียบๆ

“ก่อนที่คุณจะไปเจริญภาวนา บอกผมได้ไหมคุณเป็นใครกันแน่ ทำไมผิวขรุขระบนใบหน้าของคุณถึงหายไปแล้ว”

ไม่ต้องมองกระจก อัปสรก็คาดเดาสีหน้าของตัวเองได้ว่าบัดนี้คงเผือดขาวไม่ต่างจากแผ่นกระดาษ ด้วยว่าปฐวีช่วยยืนยันในข้อกังวลของเธอ...มนตร์ขององค์ภูเตศวรไม่เหลืออยู่แล้ว

“ว่าไงคุณฟ้า คุณยังไม่ตอบผม”

“คุณต้องการคำตอบประเภทไหนล่ะค่ะ”

“ผมอยากรู้ว่าคุณเป็นใครกันแน่ มนุษย์หรือ...นางฟ้า?” น้ำเสียงตอนท้ายลังเล ไม่แน่ใจ

“นางฟ้าไม่ต้องกินอาหารในรูปหยาบ แต่ดิฉันยังต้องดื่ม ต้องกินเหมือนคุณทุกอย่าง”

“งั้นคุณจะบอกว่าคุณเป็นคน?”

อัปสรไม่ตอบ

“แล้วทำไมความอัปลักษณ์ เอ้อ...ผมหมายถึงผิวคางคกบนใบหน้าของคุณถึงหายไปแล้วล่ะ”

อัปสรผ่อนลมหายใจ “เรื่องมันยาว เอาไว้สักวันดิฉันจะเล่าให้คุณฟังนะคะ”

“ตกลง...เรื่องนั้นค่อยตอบผมในวันหลังก็ได้ แต่ตอบผมเรื่องนี้ก่อนได้ไหม”

“เรื่องอะไรอีก?”

“ถ้าผมสัญญาว่าผมจะหยุดข้องเกี่ยวกับผู้หญิงทุกคนเหมือนที่คุณต้องการ... คุณจะให้อะไรผมอย่างได้ไหม?

“คุณต้องการอะไรคะ?” ถามด้วยน้ำเสียงระแวดระวังเต็มที่ อัปสรไม่ไว้ใจเขา

“ผมชอบนางฟ้าในภาพวาดนั้นมาก คุณจะทำให้ผมได้ใช้เวลาอยู่กับเธอสักคืนได้ไหม?” ปฐวียื่นเงื่อนไขไปด้วยมั่นใจว่านางฟ้าในภาพวาดกับอัปสร เป็นคนคนเดียวกัน


………………………………..







Create Date : 10 เมษายน 2557
Last Update : 11 เมษายน 2557 2:23:59 น.
Counter : 1130 Pageviews.

11 comments
  
และแล้วบทที่ 9 ก็ยังไม่จบอยู่ดี >_< เดี๋ยวค่อยมาต่อ 9/3 นะคะ ปั่นจบแล้วแต่ยังไม่ได้เกลา >_<

โดย: คณิตยา วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:0:51:55 น.
  
นางฟ้าสู้ๆ ปล.ดูท่าหนทางจะยากขึ้นทุกทีนะคะ
โดย: Kwanita IP: 58.11.106.81 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:3:13:19 น.
  
อ๊าย ค้างๆๆๆ

นางฟ้าจะแก้เกมไงหนอ ?
โดย: susi IP: 1.10.199.150 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:5:30:16 น.
  
อ่านแล้วเหนื่อยกับภารกิจของน้องฟ้าจริงๆค่ะ ลุ้นไปกับคำตอบ คุณอุ๋ยมาส่งคำตอบไวๆนะคะ
โดย: Vergo IP: 202.122.130.32 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:7:44:08 น.
  
ไม่ต้องเกลาแล้วคุณอุ้ย ลงมาเลย ^__^

น้องฟ้าของพี่วี กรี๊ดดดดดดด อยากอ่านต่อ
โดย: sakeena IP: 124.121.208.64 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:9:39:53 น.
  
นายวี หน้าไม่อายเลย ขอกันตรงๆ แบบนั้นกับผู้ทรงศีลได้ยังไงกัน แต่ขอใช้เวลาด้วยกันสักคืน ไม่ได้บอกว่าใช้ทำอะไร อาจจะสวดมนต์ก็ได้เนอะ อิอิ
โดย: pantan IP: 110.168.176.223 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:9:56:20 น.
  
หนทางข้างหน้าของนางฟ้าต้องลำบากแน่ๆค่ะ ภารกิจนี้ยากมากๆ
โดย: อร IP: 125.26.108.69 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:10:48:24 น.
  
รอฟังคำตอบจากอัปสรค่ะ
โดย: พี่สุ...จ้า IP: 182.52.74.215 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:11:43:25 น.
  
ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก
โดย: theme IP: 119.63.76.11 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:17:39:24 น.
  
หมัก ต้องเป็น หมัด

อัปสรจะจนมุมไหมนะ?
โดย: alanta IP: 49.230.72.127 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:18:36:21 น.
  
ท่าทางจะเอาชนะคำสาปยากนะคะ อัปสร ในเมื่อวีไม่รู้เรื่องและไม่ร่วมมือเลย
โดย: goldensun IP: 27.55.155.77 วันที่: 14 เมษายน 2557 เวลา:11:28:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments