Group Blog
สาปรัก...บท 2/1
ปฐวีไม่ได้ตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลตามที่คุณพุดซ้อนสั่งในทันที แต่แวะที่คอนโดฯ ของสุนิษาก่อนเป็นลำดับแรก เพราะฝ่ายนั้นโทร.มาบอกให้เขาไปรับเจ้าทองม้วน ที่เอาแต่ร้องหง่าวๆ เรียกหาเขา สุนิษาเป็นผู้หญิงที่เขากำลังคบหาคนล่าสุด เธอเป็นลูกสาวของเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่ง รู้จักกันตอนไปงานเลี้ยงสังสรรค์เปิดตัวห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ต่างไปในฐานะแขกพิเศษ ตอนที่เห็นเธอเขาก็นึกถูกใจทันที เธอถูกสเป็กเขาทั้งด้านรูปร่างหน้าตา การแต่งกาย บุคลิกและการวางตัว ทุกอย่างดูเหมาะเจาะลงตัวดั่งฉายาเจ้าหญิงที่สื่อไทยตั้งให้ สุนิษาเพิ่งจบจากอ๊อกฟอร์ดมาหมาดๆ จึงกำลังฮอตในหมู่หนุ่มๆ ไฮโซ เขาเทียวไล้เทียวขื่อแข่งจีบกับเพื่อนๆ ด้วยกันอยู่นานกว่าเธอจะยอมไปไหนมาไหนด้วย... แต่นานในความรู้สึกของปฐวีก็แค่ ๒-๓ สัปดาห์ และเมื่อย่างเข้าเดือนที่ ๒ เธอก็ยอมขึ้นเตียงกับเขา ซึ่งนั่นดูจะใช้เวลานานที่สุดแล้วในบรรดาคู่ควงทุกคนที่เขาเคยคบมา

ปฐวีรู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของเธอ แต่เขาไม่สนใจเพราะไม่มายด์เรื่องพรหมจรรย์อยู่แล้ว มันหมดยุคสมัยไปแล้วที่ผู้หญิงต้องเก็บความสาวไว้ให้ชายคนรักเชมชยในคืนแต่งงาน ใช่...ล้าสมัยไปแล้วจริงๆ และนับตั้งแต่จำความได้ ตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่นมา เขาก็มีโอกาสหลับนอนกับสาวพรหมจรรย์นับคนได้ การได้หลับนอนกับสาวบริสุทธิ์สักคนสำหรับเขาจึงถือเป็นเหมือนกำไรในชีวิตหรือไม่ก็ลาภลอยซะมากกว่าจะถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องตามล่าเพื่อเป็นรางวัลของชีวิต ปฐวียังคงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ขณะนำรถเข้าไปจอดในลิฟต์ขนรถ แตะชั้นห้องพักของสุนิษาด้วยคีย์การ์ดของเธอ ลิฟต์ก็พาไปชั้นจอดรถที่เป็นที่จอดประจำของเธอ ห้องพักที่สุนิษาซื้อมีจุดขายคล้ายๆ กับคอนโดฯ ที่เขาพักอาศัยอยู่ คือเจ้าของคอนโดฯ เน้นขายห้องพักพร้อมที่จอดรถ ทุกห้องได้รับการการันตีว่าจะมีที่จอดรถประจำเป็นสัดส่วนของตัวเอง ต่างกับคอนโดฯ ทั่วๆ ไปที่แม้โฆษณาชวนเชื่อว่าจะได้สิทธิ์ที่จอดรถหนึ่งคัน แต่ก็ยังต้องมาแย่งที่จอด นำมาสู่ปัญหาการจอดรถซ้อนคัน หรือไม่ก็ต้องนำรถไปจอดในบริเวณของผู้มาติดต่อ

แต่ละชั้นในคอนโดฯ จะมีห้องพักไม่กี่ห้อง แต่ละห้องจึงมีพื้นที่กว้างขวาง ราคาแพงหูฉี่ แถมลูกค้าแต่ละคนยังซื้อมากกว่าหนึ่งห้อง อย่างสุนิษาซื้อห้องพักทั้งชั้นแล้วออกแบบใหม่ให้เป็นห้องพักห้องเดียวกันซึ่งก็ไม่ต่างจากห้องพักที่คอนโดฯ ที่เขาพักอาศัยอยู่ในตอนนี้ ตอนซื้อจากเพื่อนสนิทซึ่งเป็นเจ้าของคอนโดฯ เขาบอกให้ทำชั้นบนสุดทั้งชั้นโปร่งโล่งโดยไม่ต้องก่อผนัง เพื่อเขาจะได้มาออกแบบสร้างห้องพักใหม่ให้มีพื้นที่ถึงกันโดยไม่ต้องมีผนังกั้น และผู้ที่ซื้อห้องพักทั้งชั้นหรือซื้อหลายห้อง จะได้สิทธิ์ที่จอดรถหลายคันตามสัดส่วนของจำนวนห้องที่ซื้อ

ปฐวีเดินออกจากลิฟต์ขนรถ ตรงไปยังลิฟต์โดยสารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อกดไปหาแฟนสาว โดยใช้คีย์การ์ดที่เธอให้ แตะไปยังชั้นที่เธอพัก ออกมาจากลิฟต์ก็ถึงหน้าห้องพอดี เขากดกริ่งและส่งเสียงทักทายผ่านทางอินเตอร์คอมหน้าห้อง ซึ่งภาพและเสียงของเขาจะไปโผล่ยังในห้องของเธอ

“ผมมาถึงแล้วคุณษา”

“เข้ามาเลยค่ะ ฉันกำลังอาบน้ำ”

เสียงใสๆ ของสุนิษาตอบกลับมาจากอินเตอร์คอมตัวเดียวกัน ปฐวีใช้คีย์การ์ดแตะที่กลอนดิจิตอลแล้วผลักประตูเข้าไป เห็นแมววิเชียรมาศตัวโตกำลังนอนเอกเขนก ตวัดหางไปมาอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟาหลุยส์ ทันทีที่เจ้าทองม้วนผงกหัวขึ้นมาเห็นเขา มันก็ร้องหง่าวๆ แล้วกระโดดผลุงวิ่งใส่อ้อมแขนที่เขากำลังย่อตัวอ้าแขนออกรับในทันทีอย่างพอดิบพอดี

มันร้องเหมียวๆ พยายามยืดหัวเลียตามใบหน้าเขา ปฐวีส่ายหน้าหนี ปากบ่นงึมงำแต่แววตาเป็นประกายอ่อนโยน

“อย่า...เจ้าทองม้วน ฉันเหม็นแกจะแย่แล้ว เดี๋ยวต้องไปเฝ้าปู่แกด้วย ขืนทำฉันเปื้อน ปู่แกคงได้เฉ่งฉันออกมาจากโรงพยาบาลไม่ทันแน่ รายนั้นยิ่งแพ้สาบสัตว์ด้วย”

แต่ทองม้วนจะสนใจก็หาไม่ มันยังคงร้องหง่าวๆ แล้วพยายามเลียไปตามปลายคางเขา ปฐวีส่ายหน้าหนีแต่ยังโดนน้ำลายเข้าไปเต็มๆ สองสามแผล็บ

“อย่า...เจ้าอ้วน เดี๋ยวฉันก็จับแกตอนซะหรอก”

ได้ผล คราวนี้เหมือนมันฟังเข้าใจขึ้น เพราะหยุดเลียแต่ครางหงิงๆ ราวกับลูกสุนัขถูกตอนจริงๆ แล้วหดหัวลงมานอนซุกอกเขาอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ปฐวีส่ายหน้ากับภาพขี้ประจบนั้น แววตาอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว บอกกับตัวเองว่าที่เอากลับมาจากอเมริกาด้วย ไม่ใช่เพราะเอมม่า... ไม่ใช่ด้วยเหตุผลนั้นอย่างแน่นอน

ใช่... ไม่ใช่เพราะว่าเขายังคงอาลัยอาวรณ์ในตัวเอมม่า ไม่ใช่เพราะมันเป็นแมวที่เธอซื้อให้และไม่ใช่เพราะว่าเธออ้อนวอนขอให้เขาเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกแทนเธอ... ไม่ใช่ด้วยเหตุผลเหล่านั้นอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะสงสารเจ้าทองม้วน กลัวว่าหากเขากลับมาแล้ว จะไม่มีใครดูแลมันต่างหาก ปฐวีย้ำกับตัวเองราวกับต้องการให้ดังก้องไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเพื่อให้ตัวเองเชื่อมั่นเช่นนั้น

ตอนที่เขากำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่ MIT เมื่อหลายปีก่อนนั้น เขารู้จักกับเอมม่าสาวน้อยลูกครึ่งไทยอเมริกัน นักศึกษาดาวเด่นของสถาบันในปีสุดท้าย ขณะที่เธอเพิ่งเข้าเรียนเป็นปีแรก เธอสวยและเป็นขวัญใจของหนุ่มๆ ใน MIT และสถาบันใกล้เคียง หากทว่าเขาเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่พิชิตใจเธอได้ พวกเขาตกลงใจคบหาเป็นแฟนกันอยู่หลายปี ก่อนที่เธอจะใจอ่อนยอมย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเขา ความรักของพวกเขาเบ่งบานและไปได้สวย...อย่างน้อยเขาก็เชื่อมั่นอย่างนั้น เพราะเธอมีท่าทีรักเขาอย่างมาก เธอดูใสซื่อไร้เดียงสา ตอนนั้นเธอคือโลกของเขา จนเขาวาดฝันว่าเธอจะเป็นแม่ของลูกเขาในอนาคต ปฐวีตั้งใจจะแต่งงานกับเธอโดยไม่สนใจคำทัดทานของคุณปิยชาติและคุณพุดซ้อน บุพการีต่อต้านกับการคว้าสาวต่างชาติมาเป็นสะใภ้ แม้จะเป็นเพียงลูกครึ่งก็ตาม เนื่องจากได้เตรียมลูกสาวของเพื่อนไว้ให้เขาแล้วเมื่อเรียนจบ แต่ตอนนั้นเขาไม่สนใจ มุ่งมั่นอย่างเดียวว่าต้องแต่งงานกับเอมม่าให้ได้ เวลานั้นเขาคงอ่อนหัดในเรื่องความรักจริงๆ แม้จะผ่านผู้หญิงมามากแต่ก็ยังโง่สุดๆ มองไม่ออกว่าภายใต้ความใสซื่อไร้เดียงสาของเธอ คือความหลอกลวง การทรยศหักหลัง... เอมม่าลอบคบซ้อนอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง

และตอนนั้นเขาคงไม่รู้ไปอีกนานถ้าวันหนึ่งไม่ได้รับโทรศัพท์ลึกลับจากหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง... และในเวลาต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้หญิงอีกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา ปฐวีคบหากับเธออยู่ระยะหนึ่งก่อนจะเลิกลาและแยกย้ายกลับมาเมืองไทย

เรื่องของเรื่องมีว่า...วันหนึ่งเขาได้รับโทรศัพท์จากตำรวจแจ้งว่าเอมม่าประสบอุบัติทางรถยนต์บนถนนไฮเวย์มุ่งหน้าสู่เมืองที่จะกลับไปยังบ้านของพ่อแม่เธอ เขาไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลขณะที่เธอสลบไสลไม่ได้สติเนื่องจากบาดเจ็บปางตาย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุร่วมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง มารู้ในวันที่ไปโรงพยาบาลแล้วมีสาวเกาหลีคนหนึ่งเข้ามาคัดแยกข้าวของของผู้ประสบอุบัติเหตุก่อนเขา เธอแนะนำว่าเป็นภรรยาของผู้ชายคนนั้น ตอนนั้นเขายังเข้าใจว่าผู้ชายที่ร่วมประสบอุบัติเหตุกับเอมม่าคงเป็นเพื่อนของเธอ เขายิ้มทักทาย แนะนำตัวว่าเป็นแฟนเอมม่าและแสดงความเสียใจกับเธอไปตามมารยาทแล้วต่างคัดแยกข้าวของของคนของตัวเองกันอย่างเงียบๆ ส่วนมากเธอคนนั้นเป็นคนคัดแยกเพราะเขาจำข้าวของของส่วนตัวของเอมม่าไม่ได้มากนัก ฉะนั้นเมื่อเหลืออะไรอยู่บนโต๊ะเขาจึงเก็บรวบรวมเข้าในถุงซิปเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นของเอมม่า โดยตลอดเวลาที่เอมม่าสลบไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น พ่อแม่ของเอมม่าขับรถไปมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาล ขณะที่เขาเช่าโรงแรมใกล้ๆ แถวนั้นเพื่อจะได้เดินทางไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลได้สะดวก และเขาก็เพิ่งสังเกตในเวลาต่อมาว่าสาวเกาหลีคนนั้นก็เช่าโรงแรมเดียวกับเขา

แล้ววันหนึ่งโทรศัพท์ในถุงซิปล็อกเครื่องหนึ่งก็ดังขึ้น ซึ่งตอนแรกเขาเข้าใจว่าเป็นเครื่องสำรองของเธอ ปรากฎว่าเป็นสายของสาวเกาหลีคนนั้น เธอโทร.มาร้องห่มร้องไห้ต่อว่าว่าเอมม่าเป็นชู้กับสามีเธอ เขาช็อกไปหลายอึดใจและยังไม่เชื่อฝ่ายนั้น เธอแนะนำให้เขาตรวจเช็กโทรศัพท์มือถือเครื่องที่เขาถืออยู่ และบอกว่าเธอหยิบสลับผิดเครื่องไป เธอคนนั้นเข้าใจว่าเครื่องสีดำเป็นของสามี จึงหยิบติดมาแต่กลายเป็นเครื่องของเอมม่าและเครื่องที่เขาถืออยู่เป็นของสามีเธอ สาวเกาหลีคนนั้นบอกว่าตรวจพบข้อความหวานๆ ที่คนทั้งคู่พูดคุยโต้ตอบกัน ตอนแรกปฐวีไม่เชื่อ หลังวางสายเขาจึงเช็กข้อความทางโทรศัพท์มือถือทั้งไลน์และวอทแอพต่างๆ แล้วพบว่าสาวเกาหลีคนนั้นพูดความจริง เอมม่าคบหากับสามีเธอมานานหลายเดือนแล้ว มีการนัดหมายไปเจอกันตามเมืองต่างๆ อยู่หลายครั้ง มีการส่งภาพหวิวให้แก่กันและมีคลิปที่พวกเขามีอะไรกันบันทึกไว้อยู่ในเครื่องด้วย ซึ่งพอเขามานึกย้อนดูช่วงเวลาเหล่านั้น คือ ช่วงที่เอมม่าอ้างว่าพ่อแม่ไม่สบายหรือไม่ก็อ้างว่าต้องไปทำธุระให้พ่อแม่ เธอจึงต้องเดินทางไปต่างเมือง และเขาก็หลงเชื่อตามนั้นมาโดยตลอด

ข้อความทางโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้น เป็นหลักฐานพิสูจน์ได้อย่างดีว่าเธอนอกใจเขา คบหาซ้อนอยู่กับผู้ชายอีกคน ตอนนั้นปฐวียอมรับว่าเขาตกใจทำอะไรไม่ถูก แล้วสาวเกาหลีคนนั้นก็นัดเจอเขาเพื่อเคลียร์เรื่องดังกล่าว ต่างพยายามทบทวนความทรงจำว่าคนทั้งคู่เริ่มต้นสานความสัมพันธ์กันเมื่อไหร่ พวกเขาต่างปรับทุกข์ แต่ส่วนมากเขาเป็นฝ่ายฟังและเธอเป็นฝ่ายระบาย เธอเศร้า เธอเสียใจและช็อกกับการที่สามีนอกใจ และเกิดความรู้สึกแค้นตามมา ยิ่งเห็นเอมม่าเธอก็ยิ่งแค้น นั่นจะเป็นเหตุผลตามมาที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับสาวเกาหลีคนนั้นลงเอยด้วยกันในเวลาต่อมาหรือไม่ ปฐวีไม่รู้ รู้แต่ว่าสาวเกาหลีรายนั้นอายุยังน้อยนัก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดึงความสดใสไปจากเธอ เหลือทิ้งไว้เพียงความเศร้าโศกอาดูรและความโรยราอย่างน่าเสียดาย ยามนั้นเขาพยายามปลอบเธอ ให้กำลังใจและพยายามดึงความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้เธอ ทั้งที่ตัวเขาเองก็รู้สึกย่ำแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างกัน แล้วสัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ลงเอยด้วยการมีอะไรกัน

จะเป็นเพราะต่างต้องการแก้แค้นคนรักของตัวเองหรือไม่...ปฐวีไม่รู้ รู้แต่ว่าหลังเกิดอุบัติเหตุคราวนั้น เขาก็เฝ้าดูแลเอมม่าไม่ได้ห่าง แม้เธอจะออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้านและต้องเดินทางไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลอยู่อีกหลายเดือนจึงจะเดินเหินได้เป็นปกติ เขาก็ยังตามดูแลและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยกเว้นเพียงเรื่องเดียว...เรื่องบนเตียงที่เขาพยายามเลี่ยง และในเวลาอีกหลายเดือนต่อมา เธอก็เดินเหินได้เป็นปกติ เขาจึงตัดสินใจบอกเลิกเธอ ตอนแรกเอมม่าช็อกและไม่ยอมเลิกโดยดี เธอหาว่าเขาเบื่อเธอ จึงต้องการเขี่ยทิ้งเพื่อไปมีผู้หญิงคนใหม่ เขาจึงต้องบอกเหตุผลตรงๆ เรื่องที่เขารู้แล้วว่าเธอมีอะไรกับผู้ชายเกาหลีที่ประสบอุบัติเหตุด้วยกัน เธอช็อกและเขายังจำบทสนทนาช่วงนั้นได้เป็นอย่างดี

‘คุณขอเลิก เพราะคุณเบื่อฉันแล้วต่างหาก ใช่มั้ย? เพราะเหตุนี้คุณถึงไม่ยอมนอนกับฉัน’ ตอนนั้นเอมม่าแผดเสียงใส่เขา โกรธที่เขาไม่ยอมให้เธอนอนห้องเดียวกับเขา ความจริงเขาแยกเตียงกับเอมม่าตั้งแต่เธอออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว แต่ตอนนั้นเธอยังไม่แสดงท่าทีหงุดหงิด อาจเพราะเข้าใจว่าเขาไม่ต้องการกวนเธอ อยากให้เธอได้พักผ่อนและพักฟื้นร่างกายเต็มที่

‘ไม่ใช่เหตุผลนั้นเลย อย่ามามั่วนิ่มดีกว่า ผมตรองดีแล้วว่าสมควรแก่เวลาแล้วที่เราควรจะเลิกกัน ตอนนี้คุณก็เดินเหินได้เป็นปกติแล้ว เพราะฉะนั้นคุณช่วยลุกไปเก็บข้าวของออกจากบ้านผมได้แล้ว’

‘อะไรนะ?’ เอมม่าคงช็อก คงไม่เชื่อหูที่เขาเอ่ยปากไล่ตรงๆ

‘คุณได้ยินแล้ว ผมบอกว่าช่วยไปเก็บข้าวของออกไปจากบ้านผมได้แล้ว’

‘ทำไมล่ะ’ น้ำเสียงที่ถามกลับมาแหบแห้ง ‘เพราะคุณมีคนใหม่เหรอ?’ เมื่อเห็นเขาส่ายหน้า เธอก็ถามต่อว่า ‘เพราะฉันไม่สบาย เลยให้ความสุขคุณบนเตียงไม่ได้ใช่ไหม’

‘อย่ามาไร้สาระเลยเอม ผมไม่ได้อดอยากปากแห้งขนาดนั้น แต่ปัญหาคือผมทนนอนกับคนที่ไม่ซื่อสัตย์ไม่ได้อีกต่อไป’

‘คุณหมายความว่าไง’

‘ความหมายตรงตัว ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเป็นลาโง่ถูกคุณสวมเขาตลอดมา คุณนอกใจไม่รู้กี่ครั้งต่อครั้ง แต่ผมก็ยังเป็นไอ้บื้อไอ้งั่ง หลงไว้ใจและเชื่อใจคุณอยู่นั่นเอง’

‘พระเจ้า...คุณเอาอะไรมาพูด คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ’ เธอเถียงเขา แต่ใบหน้าซีดเผือด

เขาพูดกระแทกเสียงใส่หน้าเธอว่า ‘อย่ามาแกล้งทำไขสือตีหน้าซื่อดีกว่าเอม กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง รู้ๆ กันอยู่ว่าทำอะไร หรือต้องให้ผมจาระไนออกมาให้หมดว่าคุณไปมีอะไรกับไอ้หนุ่มเกาหลีนั่นกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมาแล้ว แถมยังมีคลิปเอากันเป็นหลักฐานด้วย คุณจะให้ผมแฉไหม?’

‘คุณรู้?’ หน้าซีด ปากคอสั่น น้ำเสียงแหบโหยอีกเท่าตัว

เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอ ก่อนพูดด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจว่า ‘คุณทำอย่างนี้ได้ไงกันเอม ผมหลงไว้ใจคุณ แต่คุณกลับหักหลงผม ทำผมเสียเจ็บแสบ คุณทรยศต่อความรักของเราได้ไงกัน ถ้าหมดรักผมแล้ว อยากจะเลิกกับผมก็บอกกันตรงๆ ก็ได้ไม่ต้องสวมเขาให้ผมอย่างงี้ แถมผู้ชายที่คุณเลือกไปนอนด้วยก็เลือกได้เยี่ยมชะมัด คุณเอาคนที่มีครอบครัวแล้ว คุณคบชู้กับผู้ชายที่มีมีเมียแล้ว รู้ตัวหรือเปล่า หรือว่ารู้อยู่แล้วแต่ตั้งใจเล่นบทแย่งสามีคนอื่น ว่าไงเอม...ไหนบอกผมสิ’ ถึงตอนนี้เขาก็คว้าบ่าเธอเขย่าอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

น้ำตาเอมม่าไหลริน เธอไม่พยายามปัดมือเขา แต่พูดเสียงเบาแทบไม่ต่างจากเสียงกระซิบว่า ‘ไม่ใช่อย่างงั้นนะวี มันเป็นความผิดพลาด ฉันพลาดไปแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ’

ปฐวีหรี่ตา ส่งสัญญาณอันตราย ‘ผมให้โอกาสคุณแก้ตัวใหม่ ถ้าอย่าอ้างความผิดพลาดมั่วๆ ถ้าผิดพลาดจริง ต้องไม่มีซ้ำสอง แต่นี่คุณนอนกับมันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเอม เพราะงั้นคุณยังมีหน้ามาอ้างว่าพลาดได้อีกเหรอ’ ย้อนอย่างเจ็บแสบ มีผลให้เอมม่าหน้าเสีย

‘แต่ฉันยังรักคุณอยู่นะคะวี จริงๆ นะคะคุณเป็นคนเดียวที่ฉันรัก’

เขาทำเสียงหยันในลำคอแล้วหันหลังให้เธอ ทนมองหน้าแม้แต่วินาทีเดียวไม่ได้อีกต่อไป ปฐวีไม่ไว้ใจตัวเองว่าเขาจะสามารถควบคุมตัวเอง ไม่ตามไปกระชากเธอมาบีบคอได้หรือไม่

‘หยุดพูดคำว่ารักเถอะ คุณหมดสิทธิ์พูดคำนั้นตั้งแต่วันที่คุณไปนอนกับมันแล้ว’ เขาพูดเสียงเกรี้ยวกราด

‘ฉันผิดไปแล้ววี ให้อภัยฉันนะคะ ฉันรักคุณจริงๆ ต่อไปนี้จะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้อีกแล้ว ฉันโทร.ไปบอกเลิกกับเขาตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว ฉันรู้แล้วว่าใครรักฉันจริง คุณดูแลฉันตลอดเวลาที่ฉันเดินไม่ได้ แต่เขาไม่เคยโทร.มาถามสารทุกข์สุกดิบฉันเลย แม้แต่คำขอโทษยังไม่มีออกจากปากเขา’

ปฐวีทำเสียงหยันในลำคอ เขามีประโยชน์ต่อเอมม่าแค่เรื่องนี้เอง...ดูแลเธอ ปฐวีหัวเราะหยามหยันตัวเอง แต่ด้วยเสียงที่กร่อยเต็มที่

เอมม่าเดินมาสวมกอดเขาทางด้านหลัง กล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า ‘ให้อภัยฉันนะคะวี เราจะเริ่มต้นใหม่ ฉันสัญญาว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้อีกแล้ว’

ไม่มีอีกแน่...เพราะเขาจะไม่ให้โอกาสอีกต่อไป ปฐวีปฏิเสธในใจ เขาปลดมือเธอออกแล้วถามไปอีกทางโดยไม่หันไปมองหน้าว่า ‘มันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อไหร่กันที่คุณเริ่มนอนกับมัน’

‘มันผ่านไปแล้ว อย่าไปรื้อฟื้นถึงมันอีกเลยค่ะ ฟื้นฝอยหาตะเข็บไปก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่จะทำให้ชีวิตคู่เราร้าวลึก มันแค่ความผิดพลาด แต่รับรองว่าจะไม่เกิดอีกแล้ว ให้โอกาสฉันนะคะ’

‘ผมถามว่าคุณนอนกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่’ ปฐวีหันมาตะเพิด

เอมม่าหน้าเสีย ใบหน้าซีดเผือดอีกเท่าตัว

‘ถ้าคุณตอบไม่ได้ ก็อย่าบังอาจมาขอโอกาสจากผม ’

‘ฉะ...ฉัน’

ปฐวีหรี่ตา รอคำตอบเงียบๆ

‘อย่าให้ฉันพูดเลยนะคะ ฉันขอร้อง อย่าบีบบังคับฉันเลย’ พูดพลางปาดน้ำตา แต่เวลานั้นเขามีแต่ความเจ็บช้ำและแค้นใจ ไม่มีความสงสารให้เธอ

ปฐวีทำเสียงหึๆ ในลำคอแล้วว่า ‘งั้นระหว่างเราก็จบกันเอมม่า ไปเก็บข้าวของแล้วออกไปจากบ้านผม เดี๋ยวผมจะโทร.ตามรถขนของให้’

‘วี...คุณใจร้ายเกินไปแล้วนะ’

‘ใจร้ายเหรอ? ผมกินหญ้ามาโดยตลอดต่างหากล่ะ เป็นลาโง่ เป็นควายให้คุณสวมเขาหรือไม่ก็สนตะพายมานานเท่าไหร่แล้ว’

‘คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าฉัน เอ่อ...มีคนอื่น’ เอมม่าเปลี่ยนท่าทีมาถามเขาเสียงอ่อนๆ

‘คุณคิดว่าคนโง่อย่างผมควรจะรู้เร็วแค่ไหนล่ะ’ เขาย้อนกลับอย่างต้องการตอกย้ำความโง่ของตัวเอง

‘งั้นฉันถามหน่อยถ้าคุณรู้ตั้งแต่ตอนที่ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ทำไมคุณถึงไม่เอาเรื่องฉันตั้งแต่ตอนนั้น หรือว่าเห็นฉันนอนซมอยู่ กลัวฉันจะไม่สบายใจ เลยไม่ถาม’

ปฐวีเมินหน้าไม่ตอบ ไม่อยากยอมรับว่าเธอพูดถูก

‘งั้นฉันกลับมาพักฟื้นที่บ้านนานแล้ว แล้วทำไมคุณยังไม่พูดเรื่องนี้’

‘...’

เห็นเขาไม่ตอบ เอมม่าเซ้าซี้ต่อว่า ‘เพราะอะไรคะวี เพราะคุณเป็นห่วงฉันใช่ไหมคะ ที่จริงแล้วคุณยังรักฉันมาก’

ปฐวีบดกรามแน่น ก่อนย้อนถามไปอีกเรื่องว่า ‘มันกวนใจคุณมากเลยเหรอเอม กับการที่ผมไม่ถาม ไม่แสดงความสงสัยนี่’

‘นั่นเพราะคุณยังรักฉันมากไงคะ คุณยังไม่พร้อมที่จะเลิกกับฉัน ก็ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ให้โอกาสฉันละคะวี ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดีมาก และคุณก็ดีกับฉันมากๆ ด้วย ฉันคงหาใครที่ดีและดูแลฉันได้ดีเท่าคุณไม่ได้อีกแล้ว’

อยากย้อนกลับไปนักว่าก็ขนาดดูแลดียังถูกทรยศขนาดนี้... ทว่าเขากลับพูดไปอีกทางว่า ‘อย่าพูดเข้าข้างตัวเอง พูดเอาแต่ได้แบบนั้นเลยเอม ผมหมดรักคุณไปนานแล้ว หมดรักตั้งแต่วันที่เห็นคลิปคุณนอนกับหมอนั่นนั่นแหละ เพราะงั้นไม่ต้องมาคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่าผมยังมีเยื่อใยต่อคุณ ที่ผมไม่เซ้าซี้หรือเอาเรื่องคุณก่อนหน้านี้ ก็เพราะผมคิดว่ารอให้คุณหายดีซะก่อนแล้วค่อยบอกเลิกทีเดียว เคลียร์หรือยัง’

เอมม่าเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลอีกระลอก ‘เราไม่มีโอกาสกลับมาคืนดีกันแล้วจริงๆ หรือคะ ไหนว่าเราจะแต่งงานกัน คุณจะพาฉันไปอยู่เมืองไทยด้วย’

‘คุณทำตัวเลวซะขนาดนี้ยังมีหน้ามาขอให้ผมคิดเอาคุณมาเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกอีกเหรอ เลิกคิดเลิกฝันไปได้เลยเอม และสำหรับผมเมื่อเดินหน้าแล้วจะไม่ย้อนกลับมาเส้นทางเดิมอีกเด็ดขาด ผมมันประเภทเข็ดแล้วจำ อีกอย่างไม่ถนัดกินน้ำพริกถ้วยเก่าด้วยคุณก็รู้ เพราะงั้นเลิกโอ้เอ้ ไปเก็บของออกจากบ้านผมได้แล้ว อะไรที่ผมซื้อให้คุณ ผมอนุญาตให้คุณเอาไปด้วย กรุณาอย่าเหลือทิ้งอะไรไว้ให้ผมต้องเสียเวลาเอาไปทิ้งขยะ’

เอมม่ากัดริมฝีปาก ‘คุณปากจัดมากวี’

‘คุณรู้ตั้งแต่ตอนคบกันอยู่แล้วนี่ เพราะงั้นจะมาเดือดร้อนอะไรตอนนี้’

‘คุณมันขวางโลก ปากร้าย แต่เนื้อแท้คุณเป็นคนดี และอ่อนโยนกับเพศตรงข้ามมาก ฉันไม่มีวาสนาที่จะได้ดูแลคนดีอย่างคุณ’

‘ไม่ต้องมาสอพลอตอนนี้ มันสายไปแล้วเอม ผมไม่ใช่คนบ้ายอ บ้าคนประจบด้วย เพราะงั้นอย่าเสียเวลามาป้อยอผมเลย’

เอมม่ากัดริมฝีปากอีกครั้งแล้วว่า “ก็ถ้าเราต้องเลิกกันจริงๆ ฉันขออะไรคุณอย่างได้ไหมคะ’

ปฐวีไม่ตอบ เมินหน้าจากอดีตคนรัก

‘ได้ไหมคะ’ เอมม่าถามย้ำเมื่อเขาไม่ตอบ

‘ว่าไป ถ้าได้ก็คือได้ ถ้าไม่ได้ผมก็จะไม่ฝืน’

‘คุณช่วยเลี้ยงดูเจ้าทองม้วนได้ไหมคะ ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนรักสัตว์ แต่คุณดูแลเพราะฉันซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ แต่ว่าขอให้ถือว่าเป็นตัวแทนของฉันได้ไหมคะ อย่างน้อยเมื่อไม่มีฉัน คุณก็ยังมีทองม้วน เป็นตัวแทนของฉัน ฉันอยากให้คุณระลึกถึงฉัน ระลึกถึงความรักของเราค่ะ’

เอมม่าเป็นคนรักแมวมาก เธอซื้อแมววิเชียรมาศเป็นของขวัญวันเกิดให้เขา ความจริงจะว่าเป็นของขวัญให้เขาก็คงไม่ถูกนัก เพราะเธอซื้อมาเป็นเพื่อนเล่นของตัวเองมากกว่า เวลาส่วนใหญ่ของเธอจะหมดไปกับการเล่นกับทองม้วน แต่นั่นแหละตอนนั้นเขาไม่อยากไปหึงหรืออิจฉาแมว จึงปล่อยให้เธอใช้เวลาอยู่กับทองม้วนได้ตามสบาย

‘เสียเวลาเปล่า เอากลับไปเถอะ อย่างที่คุณว่าผมไม่ใช่คนรักสัตว์ แต่คุณเป็นคนรักแมวมาก เพราะงั้นทองม้วนอยู่กับคุณ จะมีความสุขมากกว่า’

‘ไม่ล่ะค่ะ ฉันจะไม่เอามันไปด้วย ถ้าคุณไม่เลี้ยงทองม้วน ก็เอาไปปล่อยที่ไหนก็ได้ค่ะ มันก็คงตายเพราะไม่มีใครดูแล ปล่อยทิ้งไปเลยค่ะ’


แล้วเขาก็ต้องเลี้ยงเจ้าทองม้วนนับแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ และแน่นอน...หลังจากที่เอมม่าขนข้าวของออกไปจากบ้านเขาแล้ว เขาก็หันไปคบหากับเมียของหนุ่มเกาหลีนั่นอยู่พักหนึ่ง จนฝ่ายนั้นหย่าขาดกับสามีเรียบร้อย เขาก็เลิกคบหากับเธอและตัดสินใจบินกลับมาเมืองไทยซึ่งเป็นจังหวะที่เรียนจบปริญญาโทพอดี

ทั้งหมดไม่ใช่หนามยอกเอาหนามบ่ง ไม่ใช่เกลือจิ้มเกลือ หรือการแก้แค้นเอาคืนหมอนั่นแต่อย่างใด... ก็เขาไม่ใช่ผู้ชายเลวอย่างที่เอมม่าว่านี่นะ...ใช่ไหม?



………………………………..







Create Date : 20 มีนาคม 2557
Last Update : 20 มีนาคม 2557 13:18:39 น.
Counter : 1242 Pageviews.

6 comments
  
ทองม้วน ชื่อน่ารักเชียว
โดย: sakeena IP: 124.120.36.75 วันที่: 20 มีนาคม 2557 เวลา:10:17:55 น.
  
เอ่อ มีช่วงหนึ่งที่เขียนสาวเกาหลี เป็นสาวสิงคโปร์ค่ะคุณอุ๋ย

แหม ! หนุ่มปฐวีเนี่ยนอกจากปากร้าย แล้วยังใช้ความหนุ่มฟุ่มเฟือยมากเลยนะ

ก่อนจบตอน
"... ก็เขาไม่ใช่ผู้ชายเลวอย่างที่เอมม่าว่านี่นะ ..ใช่ไหม? "


คนอ่าน : " ก็ไม่รู้สินะ เพิ่งเริ่มบทที่สองเอง " อิอิอิ
โดย: susi IP: 115.31.137.102 วันที่: 20 มีนาคม 2557 เวลา:12:45:55 น.
  
สงสัยว่าสาปรักใครคือคนที่ถูกสาปคะ นางเอก พระเอก เอ๊ะ...หรือว่าแมว
โดย: pantan IP: 58.11.166.25 วันที่: 20 มีนาคม 2557 เวลา:18:59:43 น.
  
คุณ sakeena : ขอบคุณค่ะ ^^

คุณ susi : หลุดค่ะคุณ Susi ตอนแรกว่าจะให้เป็ฯสิงคโปร์แล้วมาเปลี่ยนเป็นเกาหลีแต่เปลี่ยนไม่หมด ต้องขอบคุณมากๆๆค่ะ ^_^ แต่แอบขำกับเมนท์ของคุณกานต์ค่ะ ทั้งเรื่องใช้ความหนุ่มฟุ่ยเฟือยและเรื่อง... ก็ไม่รู้สินะ ฮ่าๆๆ ฮาดีค่า ^_^

คุณเอ๋ : เป็นคำถามที่น่าคิดมากเลยค่ะคุณเอ๋ นั่นสิว่าเป็นใคร แต่...ตรงแมวนี่(สาป-สาบแมว) คุณเอ๋คิดได้ไงเนี่ยฮ่าๆๆ เล่นคำมากเลย ถูกใจๆๆ ^_^

---
โดย: คณิตยา วันที่: 20 มีนาคม 2557 เวลา:23:18:09 น.
  
เสียดายแทนเอมม่าค่ะ ไม่น่าทำตัวแบบนี้ ปฐวีแมนมาก ดูแลรักษาจนหายแล้วค่อยเช็คบิล
โดย: alanta IP: 110.49.207.42 วันที่: 21 มีนาคม 2557 เวลา:19:09:02 น.
  
คุณ alanta : คุณอลันตาเมนท์ได้น่ารักจัง ทำให้คิดว่าปฐวีมีตัวตนจริงๆ ^_^ ขอบคุณค่า
โดย: คณิตยา วันที่: 21 มีนาคม 2557 เวลา:22:54:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments