Autumn in DPRK Day 1 ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง เรามีเรื่องอยากบอกนิดนึงค่ะ
-------------------------------- เอาล่ะ... เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
วันออกเดินทางเราเตรียมทำทุกอย่างพร้อมเผื่อไม่ได้กลับมา เอ๊ยย... ไม่ใช่ละ จริง ๆทางเอเย่นต์ทัวร์มีการประชุมกันก่อนวันออกเดินทางวันนึง แต่เราหาตั๋วไม่ได้
เราไม่ต้องรอกระเป๋าใด ๆ ไปถึงก็นั่ง shuttle bus ไป Terminal 2 เลย
อร่อยดีเหมือนกันแฮะ แต่ทานไม่หมดฮะ เยอะเกิน
ที่เจอกันวันนี้มี 4คน ก็พยายามทำความรู้จักกัน ส่วน tour coordinator (ซึ่งต่อไปนี้เราจะเรียกว่าเรย์โก) ไปรออยู่ที่เปียงยางแล้ว
พอเอเย่นต์กลับไป คู่จากนอรเวย์ แมกนัส กับ แอน บอกว่าต่อไปนี้เราควรจะอยู่ติดกันเข้าไว้นะ เช็คอินเพื่อรับบอร์ดดิ้งพาส
ตอนผ่าน ต.ม. ขาออกมีปัญหานิดหน่อย เพราะแมกนัสเป็นชาวนอรเวย์แต่ทำงานเบสที่เกาหลีใต้ แล้วกำลังจะไปเกาหลีเหนือ ก็เลยมีเรื่องชี้แจงนิดหน่อย ได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้ว... ใคร ๆ ก็อยากถ่ายภาพกับเครื่องบิน ขึ้นไปบนเครื่องบิน ตะลึง แอร์ฯ เกาหลีเหนืออย่างสวย ฝรั่งขอถ่ายรูปกันเพียบ เราอดถ่ายเลย สวยมากจริง ๆ ซักพักก็เสิร์ฟอาหารค่ะ ดูไม่ค่อยน่าทาน แต่ขอบอกว่าอร่อยกว่าแมคฯบ้านเรา แต่มันเยอะมาก ทานแค่ครึ่งเดียว... นั่งต่อไปไม่นานเลยค่ะ ก็ถึงสนามบินกรุงเปียงยาง สนามบินสวย แต่ตื่นเต้นกันว่ามาน่ะมาได้ แต่จะได้กลับไหม... ต.ม. ของเกาหลีเหนือโหดมั้ย เราว่าไม่นะ เค้าก็ยิ้ม ๆ ดี แต่ยังกะเป็นนักข่าว ต้องเขียน List of Equipment อ่ะ เราก็เขียนตามจริงนะ ตรง Security Check ทุกคนต้องเอามือถือ แท็ปเล็ต แล็ปท็อป กล้อง แล้วก็หนังสือออกมาให้ตรวจ เพื่อนร่วมทริปชาวไอซ์แลนด์ โธเบียส โดนตรวจหนังสือ เพราะผู้เขียนเป็นชาวรัสเซีย แมกนัสกับแอนโดนตรวจไอแพด แล็ปท็อป แล้วก็กล้อง โชคดีจริงที่กล้องเราเป็นแค่ mirrorless ธรรมดา หนังสือก็ไม่มี มือถือก็ไอโฟนเก่า ๆ รอดตัว เราเลยรอดออกมาอย่างรวดเร็ว ออกมาไกด์ก็พุ่งมารับก่อนเลย รู้ได้ไงว่าเป็นพวกเราหว่า??... สนามบินเค้าทันสมัยนะ มีครบทุกอย่างที่ควรจะมีและสะอาด ถึงสนามบินมีเพื่อนร่วมทางเพิ่มอีกสาม บาร์บาร่า จากเชครีพับบลิก แฟนบาร์บาร่าชาวอิตาเลี่ยนที่ไปทำงานอยู่ที่สวิส และพอล ส่งตรงจากยูเค สหประชาชาติมาก... สรุป... กรุ๊ปเรามีแค่ 7 คน เราว่ากำลังดี คือ กรุ๊ปที่มาวันนี้เราว่ามากันหลายคนอยู่ แต่ละกรุ๊ปจะมีไกด์สองคน คนขับรถอีกหนึ่ง ไกด์ของเราชื่อคุณกัง กับ คุณลี ลีน่ารักมาก เป็นสาวน้อยวัย 24 สาว ๆ ที่นี่น่ารักมากอ่ะ เกิดมาไม่สวยนี่ช้ำใจตาย... และที่สำคัญ ภาษาอังกฤษไกด์ดีมาก ๆ เลยนะ ทั้งคู่เลย ลีพยายามมาพูดคุยทักทาย แต่มาพูดกับเราเยอะหน่อย เราก็แบบ... ได้ยินมาเนาะ ว่าไกด์พวกเนี้ยก็สปายทั้งนั้นแหละ คิดจะมาจับผิดฉันล่ะสิ เลยพูดพอเป็นพิธี นั่น... มโนได้อีก... พอขึ้นรถบัส คุณกังก็เล่าถึงประวัติคร่าว ๆ และบอกว่าเค้าไม่เรียกประเทศเค้าว่า North Korea นะ สำหรับพวกเค้าไม่มีนอร์ธ มีแต่ DPRK และถ้าจะเรียกโคเรีย ก็แค่โคเรียเฉย ๆ เข้าใจนะจ๊ะเด็ก ๆ ทุกคน หลังจากนั้นเราก็เลยเรียก DPRK กันเพื่อความถูกต้อง และอีกอย่างหนึ่งคือการถ่ายรูป ถ้าถ่ายรูปท่านผู้นำ จะต้องถ่ายให้ทั้งสองท่านอยู่ในเฟรมเดียวกัน และต้องเต็มตัว ถ่ายแต่หัวอย่างเดียวงี้ไม่ได้ หรือจะฮิปสเตอร์ ถ่ายมืออย่างเดียวเท่ ๆ เก่ ๆ อย่างงี้ก็ไม่ได้ และถ้าได้รับสิ่งพิมพ์อะไรที่เป็นรูปท่านผู้นำทั้งสามมา ห้ามขยำ ห้ามทิ้ง ถ้าจะไม่เอา ให้เอามาให้ไกด์ เดี๋ยวไกด์จะเก็บไว้เอง ห้ามถ่ายรูปกองทัพใด ๆ ทั้งสิ้นสิ่ง และถ้าจะถ่ายผู้คน ต้องขออนุญาตก่อนทุกครั้ง วันแรกเลยไม่กล้าถ่ายรูปอะไรกันมาก กดแชะสองแชะพอเป็นพิธี อย่างเกร็งกันมากอ่ะ อธิบายเสร็จ คุณกังก็ขอเก็บพาสปอร์ตและวีซ่าไป เพื่อไปจัดการตั๋วขากลับให้พวกเราค่ะ ตอนขึ้นรถ เราเปิดมือถือ สภาพของมือถือดิฉันก็เป็นเช่นนี้ No Service ไม่มีสัญญาณ ตายสนิท พอลนั่งเซ็ตเวลาแมนวล หันมากระซิบถามว่าเวลาที่นี่คืออะไร เรากระซิบตอบว่าไม่รู้ เค้าเพิ่งเปลี่ยน time zone ใหม่ง่ะ เร็วขึ้นหรือช้าลงเราก็ไม่รู้ กระพริบตาปริบ ๆ กันไป... อยากรู้อุณหภูมิก็เช็คไม่ได้ แต่รู้ว่าหนาวแล้ว (สรุปว่า... เวลาของ DPRK จะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงครึ่งนะคะ) ส่วนสิ่งแรกที่ทำ ก่อนพาเข้าโรงแรม ก็ต้องไปทำความเคารพอนุสาวรีย์สองลีดเดอร์ก่อน ก็ซื้อดอกไม้กันไป ขายอยู่แถวนั้นแหละ 5 ยูโร ก็สวยดีนะ เคารพเสร็จอยากเก็บกลับบ้าน... ไม่ได้ใช่มั้ย??... เห็นเป็นตอนค่ำ แต่ก็มีคนมาทำความเคารพอยู่เรื่อย ๆ นะคะ เค้าไปกันเป็นกลุ่มดีแฮะคนที่นี่ (ภาพกลางคืนจะไม่ชัดเลยนะคะ ไม่มีขาตั้ง และไม่สามารถจะวางไว้ที่ไหนแล้วใช้เซลฟ์ ไทมเมอร์ได้) หลังจากนั้นก็ไปเช็คอินห้องพักที่โรงแรม Yanggakdo เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางกรุง ก่อนไป หาข้อมูลโรงแรมนี้ คือมันดูน่ากลัวน่ะ เราแบบทำใจอยู่นานมาก แต่พอไปถึงไม่ใช่แบบที่คิดหรือเห็นไนรีวิว มันก็โออยู่นะ กรุ๊ปเราอยู่ชั้น 43 ค่ะ เรย์โกรออยู่ที่โรงแรมอยู่แล้ว อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีครบทุกอย่าง เราว่าเวอร์คออกนะ เรา request ห้อง single ไปค่ะ เราไปคนเดียว แล้วไม่ชอบแชร์ห้องกับคนที่ไม่รู้จักน่ะ... เยอะเนอะ??... หลังจากล้างหน้าตา ก็ลงมาทานข้าวที่โรงแรมนั่นแหละ คนเยอะเลย ห้องใหญ่นะ แต่แขกเยอะ โธเบียสมาสะกิด นี่ ๆ เธอว่ามั้ยว่ายังกะ school lunch เอ่อ... เอาเหอะ จะเหมือนอะไรก็แล้วแต่ เค้าให้ทานเราก็ทานดีมั้ย... อาหารเป็นอาหารบุฟเฟต์ค่ะ อร่อยดีนะ ทานกันแบบเกร็ง ๆ พยายามนั่งคุยกัน แต่ด้วยความที่เรากรุ๊ปเล็ก ก็เลยเข้ากันง่าย ไกด์ส่งเราเสร็จก็ขอตัวไป นัดเวลาเจอกันตอนเช้า พร้อมกำชับว่า... จะทำอะไรก็ทำ ชั้นบนสุดเป็น revolving restaurant (ที่มันหมุน ๆ 360 องศาน่ะค่ะ) จะไปนั่งดื่มได้ แต่ห้ามออกนอกเขตประตูโรงแรมนะจ๊ะเด็ก ๆ ตอบเป็นเสียงเดียวกัน... "ครับ/ค่ะ"... เป็นเด็กดีกันมั้ยล่าา... มีเบียร์ให้โต๊ะละสองขวด ไม่พอ แต่เนื่องจากพวกเราลุกเป็นโต๊ะท้าย ๆ โธเบียสเลยไปเดินตามเก็บเหลือ ๆ มาจากโต๊ะอื่น พวกเราถาม จะดีเหรอ โธเบียสบอก ดี ๆ คัมม่อน นี่เป็นโซเชียลลิสต์นะ เราต้องแชร์กันทุกอย่าง เอ่อ... เปลี่ยนโต๊ะทันมั้ย??... ทานข้าวเสร็จก็เลยตัดสินใจไปต่อกันที่บาร์ชั้นบน เพราะแต่ละคนรู้สึกกันแปลก ๆ จากคุยกันพอเป็นพิธี ก็เริ่มคุยจริงจังเรื่องมาทริป ทุกคนมีความเห็นตรงกัน คือ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงมาที่นี่ แต่รู้ว่าน่าสนใจ และถ้าไม่มาตอนนี้ จะเป็นตอนไหน เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาเที่ยวเกาหลีเหนือมากขึ้น อันนี้ขอเพิ่มเติมนิด ตอนเลือกกรุ๊ปทัวร์ เรานั่งคุยกับน้องที่ทำงานด้วยกันว่าเราจะไปกับกรุ๊ปคนจีน 30 คนดีไหม แต่มันกรุ๊ปใหญ่ไปนะ แต่ถ้าไปกับฝรั่ง ก็ห่วง ๆ ว่าเราจะเป็นเอเชียนคนเดียว แล้วฝรั่งที่คิดจะไปเกาหลีเหนือเนี่ย จะออกแนวฮาร์ดคอร์มั้ยนะ น้องบอกว่าอาจจะไม่ก็ได้นะ เพราะพวกเค้ามาจากที่ที่ฟรีมาก มาเจอแบบนี้อาจสงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่อย่างเราน่ะ อยู่ไทยก็มีระบบบางอย่างใกล้เคียงกันอยู่ เราอาจจะชินมากกว่าพวกเค้าก็ได้ เราก็เริ่มคล้อยตาม... เออ... จริงอยู่ ก็เลยเลือกไปกับกรุ๊ปฝรั่งที่เล็กกว่าดีกว่า เพราะมีโปรแกรมน่าสนใจกว่าด้วย แล้วเราก็โชคดีมาก เพื่อนร่วมทริปแต่ละคนน่ารักแล้วก็ยังไม่หลุดโลกกันเท่าไหร่... พอเริ่มคุยกันได้เยอะขึ้น ก็เริ่มคุยกันมากขึ้นเรื่องประเทศนี้ แต่ยังไม่มีใครกล้าคุยลึกมาก เพราะที่บาร์มีคนเกาหลีเหนือนั่งอยู่ด้วย ไม่ได้กลัวนะ... แต่เกรงใจ... โธเบียสตามมาทีหลังเพราะมัวแต่ไปซื้อบุหรี่ที่ร้านขายของข้างล่าง เชื่อมั้ยว่าบุหรี่นี้กับไฟแช้ก 5 หยวน... คือทุกคนมองหน้ากัน... ถูกมากกกกก... เอาไปขายอีเบย์เร็ว!!... พอลเตือนว่าวีซ่าอย่ามีรอยขาดนะ เพราะมีคนเข้าคุกไปแล้วเพราะวีซ่าขาด เราก็ เฮ้ยย... มันโหดขนาดนั้น?? บาร์บาร่าบอก ใช่ เพราะคนนั้นอยากเห็นว่าคุกที่นี่เป็นยังไง ก็เลยฉีกวีซ่าต่อหน้า ต.ม. ผลคือโดนเก็บเข้าคุกไปเลย โหดอ่ะ ไม่ใช่ ต.ม. นะ แต่นักท่องเที่ยวคนนั้นน่ะโหดอ่ะ มันจะฮาร์ดคอร์อะไรกันขนาดนี้??... เริ่มดีก ก็เริ่มโลกีย์ขึ้น เบียร์หมดไปทีละขวด ๆ การสนทนาก็เริ่มดุเดือดขึ้น แต่ทุกคนก็ดูผ่อนคลายมากขึ้นมาก แฟนบาร์บารา (ลืมถามชื่อจริง ๆ อ่ะ ทำไมเราทุเรศอย่างเน้... -*-) ก็พ่นควันบุหรี่ จิบเบียร์ พูดออกมาอย่างปลื้มปริ่ม "ฮ่าา... Flavour of Freedom" เฮ้ยย... แต่ถ้านายยังไม่หยุดตะโกนนะ เราว่าอิสรภาพมันจะหมดสิ้นกันวินาทีนี้นี่แหละ คนเกาหลีเหนือโต๊ะข้าง ๆ หันมามองแล้วเห็นมั้ยเล่า??... ก็นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ ประมาณนึง ก็แยกย้ายกันไปนอน เพราะอีกวันต้องตื่นเช้ากัน เราก็หลับไปพร้อมกับ NHK World จ้ะ มีให้ดูเหมือนกันจ้ะ... ฮ่าๆๆ ขอบคุณค่ะที่แวะเข้ามาเยี่ยม
อ๋อ... ที่บอกว่าสองผู้นำในเฟรมเดียวเพราะว่าอนุสาวรีย์จะมี 1 หรือ 2 ผู้นำที่เสียไปแล้วน่ะค่ะ คือ คิมอิลซุง กับ คิมจองอิล แต่ถ้าแผ่นพับ จะมีเรื่องราวของผู้นำคนปัจจุบันที่ยังมีชีวิตอยู่ คือ คิมจองอึน ด้วยน่ะค่ะ ก้เลยเป็นสามคน โดย: melody_bangkok วันที่: 15 ตุลาคม 2558 เวลา:9:40:32 น.
อ้าว เพิ่งเห็นที่ตอบ เก็ทแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 16 ตุลาคม 2558 เวลา:8:33:45 น.
ขอบคุณค่ะคุณ kavanich96 ที่แวะเข้ามาเยี่ยม
โดย: melody_bangkok วันที่: 21 ตุลาคม 2558 เวลา:13:32:04 น.
|
บทความทั้งหมด
|
สงสัยตรงนี้อะค่ะ
จะต้องถ่ายให้ทั้งสองท่านอยู่ในเฟรมเดียวกัน และต้องเต็มตัว
ถ่ายแต่หัวอย่างเดียวงี้ไม่ได้ หรือจะฮิปสเตอร์ ถ่ายมืออย่างเดียวเท่ ๆ เก่ ๆ อย่างงี้ก็ไม่ได้
และถ้าได้รับสิ่งพิมพ์อะไรที่เป็นรูปท่านผู้นำทั้งสามมา ห้ามขยำ ห้ามทิ้ง
ตกลงสองผู้นำหรือสามผู้นำคะ?
ได้ความรู้เยอะเชียว รออ่านต่อนะคะ เรายังไม่เคยไปที่นี่ค่ะ
ถ้าเขียนตอนต่อแล้ว รบกวนแวะไปบอกที่บล็อกหน่อยนะคะ
วันนี้โหวตท่องเที่ยวไปแล้ว พรุ่งนี้มาโหวตให้นะคะ