ครูอาสา... กลอเซโล @ แม่ฮ่องสอน เห็นชื่อสถานที่ฟังดูแปลก “กลอเซโล” อย่าแปลกใจค่ะ ไหน ๆ เอนทรี่ที่แล้วมาแนวงานอาสาฯแล้วเอนทรี่นี้ของานอาสาฯอีกซักงานดีกว่า ครั้งนี้เปลี่ยนฟีลจาก โรงเรียนบนเกาะ ไป โรงเรียนบนดอย เห็นงานนี้ในบอร์ดมาซักพักแต่ไม่ได้สมัครไป มีความรู้สึกว่า “ครูอาสา” เป็นอะไรที่ยาก ปกติจะเน้นใช้แรงงาน จริง ๆ เราจบครูมานะคะแต่สุดท้ายก็เลือกทำอาชีพอื่น แต่น้องที่ไปเจอกันที่โรงเรียนบนเกาะส่งข้อความมาชวน ช่วงนั้นงานหนักเพิ่งจบไป เหนื่อย ๆ ก็เลยอยากพัก แล้วกิจกรรมอาสาฯนี้จะเป็นช่วงหยุดยาววันพ่อก็เลยตกลงสมัครไปค่ะ แต่เพื่อไม่ให้เสียลุคการเป็นบล็อกท่องเที่ยว และช่วงนี้เราต้องสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย ขอแนะนำ กลอเซโล ให้ได้รู้จักกันซักนิด หมู่บ้านกลอเซโล เป็นหมู่บ้านของชาวปกาเกอะญอ อยู่บนดอยสูงห่างจากตัว อบต. แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 2 ชั่วโมง การเดินทางคือต้องใช้รถโฟร์วีลค่ะ รถชนิดอื่นอย่าได้พยายามเลย ขนาดโฟร์วีลยังเห็นจอดเสียอยู่ข้างทางกัน (มอเตอร์ไซค์เห็นนะแต่เห็นเป็นชนิดที่พวกกีฬาเอ๊กซ์ตรีมเค้าใช้กันน่ะค่ะ) ว่าทางขึ้นดอยอ่างขางลุ้นกันแล้ว ที่นี่ลุ้นหนักกว่าหลายเท่า ตั้งแต่ อบต. แม่สามแลบมาจนถึงกลอเซโลไม่มีที่พัก ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีร้านกาแฟ ไม่มีโฮมสเตย์ ไม่มีไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีเช่นกัน ดับสนิททุกค่าย ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรใด ๆ ทุกสิ้นสิ่ง ถ้าใครจะไปค้าง... เต๊นท์คือคำตอบ มีที่ให้กางเต๊นท์ตรงจุดชมทะเลหมอกค่ะ และถ้าไม่อยากขับรถขึ้นไปเอง ติดต่อชาวบ้านได้ค่ะ คันนึงไปได้ประมาณ 8-10 คน (ราคาไม่แน่ใจเพราะพวกเรามีทีมงานติดต่อให้ค่ะ) ไม่มีอะไรแล้วจะให้ขึ้นมากันทำไม... เพราะกลอเซโลกำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเรื่องของการชมทะเลหมอกค่ะ จะชมเดี่ยว ชมคู่ หรือชมเป็นหมู่คณะ เค้าว่ากันว่าที่นี่ทะเลหมอกจะฟูมาก และมวลหมอกจะหนาแน่นขึ้นมาถึงตรงจุดที่น้องผู้ชายข้างบนยืนเลย และที่สำคัญที่นี่คนไม่เยอะค่ะ ถ่ายรูปได้จุใจแน่นอน เราเป็นคนชอบหมอกมากนะ แต่ทะเลหมอกที่สวยที่สุดของเรา (ในตอนนั้น) คือที่อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา กิจกรรมบนนี้ที่เราสนุกในวันนั้นเลยกลายเป็นนั่งผิงไฟคุยกับพี่คนขับรถที่เป็นคนท้องถิ่น อากาศหนาว ๆ แบบนี้ ฟินมากค่ะ กลุ่มเราขึ้นไปดูกันสองวัน หมอกน้อยทั้งสองวัน วันที่สองเราไม่สามารถตื่นเช้าได้ ใครจะมาก็มาเหอะ ขอนอน แถมพอน้อง ๆ ที่ขึ้นมาดูลงไปบอกว่าหมอกน้อย เรายังเยาะเย้ยได้อีกนะ น้อง ๆ ค้อนขวับ ๆ นอกจากนี้ยังมีน้ำตก แต่เราไม่ได้ไป น้อง ๆ ที่ไปบอกว่าก็สวยดีค่ะ จบทริปเที่ยวหมู่บ้านกลอเซโลค่ะ... จบบล็อกการท่องเที่ยวดื้อ ๆ แบบนี้แหละ แต่มาต่อกันด้วยความประทับใจที่พวกเราได้สัมผัสมากันดีกว่า อย่างที่บอกค่ะ พวกเราไปเป็นครูอาสา และจุดหมาย คือ โรงเรียนบ้านกลอเซโล โรงเรียนบ้านกลอเซโลเป็นโรงเรียนในหมู่บ้าน รับเด็กตั้งแต่อนุบาล-ป.6 มีเด็กนักเรียนน่าจะไม่ถึง 80 คน มีเด็กนักเรียนส่วนหนึ่งอยู่ประจำที่โรงเรียนค่ะ งานนี้ดูจริงจังผิดกับงานอาสาฯอื่น ๆ ขึ้นมาทันทีเมื่อทางผู้นำกลุ่มแจ้งว่าการไปครั้งนี้มีทั้งหมด 50 ชีวิต แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มแพทย์อาสา กลุ่มครูอาสา และกลุ่มทีมงาน เนื่องจากสิ่งที่ต้องไปทำคือการมีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก ๆ โดยตรง ทางทีมงานเลยต้องนัดประชุมกันก่อน กลุ่มครูอาสา 30 ชีวิตแบ่งเป็นกลุ่มย่อยรับผิดชอบแต่ละชั้นปี กลุ่มเราสอน ป.1 ที่มีนักเรียนเยอะที่สุดแล้ว 13 คน และเพราะจะใช้เวลากับเด็ก ๆ แค่ 2 วัน ทุกกลุ่มเห็นตรงกันว่าจะไม่สอนวิชาการเพิ่มแต่จะให้เล่นเกมส์โดยประยุกต์เอาสิ่งที่เด็ก ๆ เรียนมาและการนำไปใช้ รวมถึงเน้นการแนะนำอาชีพ (ที่ไม่ใช่แค่หมอ พยาบาล ตำรวจ ทหาร ครู) และจะพยายามเสนอให้เด็ก ๆ ได้รู้ถึงการเรียนรู้นอกห้องเรียนค่ะ เราเลยขอเรียกตัวเองว่า พี่อาสา ก็แล้วกันเนอะ ก่อนไปก็ไม่ทราบหรอกว่า กลอเซโลนี่ประมาณไหน สบเมยคืออะไร แม่ฮ่องสอนไม่เคยไป แต่เอาน่ะ เพื่อนคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า... ถนนทุกสายในประเทศไทยเชื่อมต่อกัน จะกลัวอะไรถ้าอยู่ในประเทศไทย ยังไงก็หาทางกลับบ้านได้อยู่แล้ว นัดกันที่ปั๊มน้ำมันซักปั๊มนึงในตอนหัวค่ำตามสไตล์การออกค่ายอาสาฯ พาหนะคือรถตู้เช่นเคย หลับ ๆ ตื่น ๆ กับสัญญาณโทรศัพท์ที่ขาด ๆ หาย ๆ มาตลอดทาง (จะเช็คดูว่าถึงไหนแล้ว) พอเช้าเห็นข้างทางเป็นเช่นนี้ แอบชื่นชมกับหมอกก่อนจะพยายามหลับต่อเพราะเมารถ โค้งหรือนั่น จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางแม่ระมาด นั่งรถตู้มาแวะทานอาหารเช้าที่ อ.แม่สะเรียง นั่งรถต่อเพื่อมาเปลี่ยนเป็นโฟร์วีลที่ อบต.แม่สามแลบ ค่ะ ช่วงนั้นเป็นหน้าหนาว (ต้นเดือนธันวาคม) อากาศไม่ร้อนเลย เย็นซะด้วยซ้ำ แต่ฝุ่นเยอะมาก นั่งรถออกมาได้นิดนึงหัวแดงเพราะฝุ่น แล้วต้องนั่ง 2 ชั่วโมง คิดดูเอา แล้วดูถนนนะคะ กำลังคิดว่านี่ดีนะไม่ใช่หน้าฝน ไม่งั้นล่ะก็ได้เละกันแน่ ๆ รถต้องติดหล่มอ่ะ เอ้า... มีลำธารอี๊กกก อื้มมม... ชีวิต เหอๆๆ พี่คนขับเล่าให้ฟังทีหลังว่าลำธารตรงนี้เวลาหน้าฝนน้ำจะขึ้นมากกว่านี้เยอะ บางทีขึ้นมาครึ่งคันรถ ถ้าเวลาไม่มีธุระรีบร้อนก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่บางทีถ้ามีเรื่องด่วนเช่นมีคนป่วย สภาพแวดล้อมตรงนี้จะเป็นปัญหาขึ้นมาทันที เอ้อ... สัญญากับตัวเองว่าต่อไปนี้จะไม่บ่นรถติด ไม่บ่นฝนตก ไม่บ่นอะไรต่อมิอะไรอีกแล้วค่ะ และผลพวงจากการกระแทกกระทั้นเพราะถนนเป็นเช่นนี้ โทรศัพท์เราตกจากกระเป๋าเสื้อกันหนาวลงที่กระบะรถ ขนาดใส่เคสที่เป็นโลหะนะคะ หน้าจอร้าวค่ะ แต่ทุกวันนี้ 7 เดือนแล้ว ก็ยังใช้อยุ่นะคะ แผลจากสมรภูมิรบมักสวยเสมอ ... เปล่าหรอก จริง ๆ คือไปถามที่ศูนย์ซ่อม เค้าบอกว่าเปลี่ยนหน้าจอเฉย ๆ แปดพัน อื้อ... ทนใช้ไปก่อนได้ ไม่ได้ร้าวมากมายอะไร สองชั่วโมงผ่านไป ถึงหน้าโรงเรียนบ้านกลอเซโล พระเจ้า ถึงซะที อากาศเย็นสดชื่น ฝุ่นเมื่อกี๊ไปไหนหมด พวกเราจัดการกับตัวเอง ประชุมกลุ่มใหญ่/กลุ่มย่อย จัดของเตรียมไว้วันพรุ่งนี้ จัดแจงที่หลับนอน อาคารเรียนถูกใช้เป็นที่นอน แต่บางคนก็วิถีแคมป์เปอร์ ถนัดนอนเต๊นท์มากกว่า ตอนกลางคืนที่นี่อากาศหนาวมากค่ะ เรานอนในอาคารเรียน ถุงนอนกับผ้าห่มที่เตรียมไปไม่พอ หนาวจับใจ แล้วเรื่องอาบน้ำก็อีก ทุก ๆ วันคนอื่นจะรีบต่อคิวกันอาบน้ำตั้งแต่เย็นเพราะอากาศหนาว เราไม่ชอบไปแย่งกับใครรออาบหลังประชุมกลางคืนเสร็จ ก็สามสีทุ่ม ก่อนอาบนี่ยืนมองน้ำทำใจนานมากค่ะ และเพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ดูแผงโซล่าร์เซลล์ของที่โรงเรียนสิคะ บ้านในหมู่บ้านก็ใช้โซล่าเซลล์เช่นกัน ถ้าช่วงหน้าฝนฟ้าปิดไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่มีโซลาเซลล์ ก็จุดเทียนค่ะ แลดูโรแมนติคมาก และเป็นข้อย้ำและย้ำของอาสาทุกคน ข้อแรกห้ามทิ้งขยะไว้ ขากลับต้องเก็บลงมา และข้อสองก็เรื่องไฟฟ้านี่ล่ะ ห้ามชาร์ตแบตมือถือ แบตกล้อง เราหักดิบไม่เอาชาร์จเจอร์อะไรไปเลย แต่เตรียมพาวเวอร์แบงค์ไป 3 อัน ส่วนกล้อง แบตได้แค่ไหนก็ถ่ายแค่นั้นค่ะ กิจกรรมสำหรับเราค่ายอาสาฯก็มีด้วย วันที่ไปถึงเป็นวันพ่อ ตอนกลางคืนเลยจุดเทียนระลึกถึงพระองค์ท่านกันค่ะ ส่วนอันนี้ด้วยความหนาว เลยนั่งล้อมวงผิงไฟ เริ่มไม่แน่ใจว่าย่างมาร์ชเมลโล่หรือจะเผาโรงเรียน อีกวัน ผ.อ. เลยพาทำข้าวหลามค่ะ พูดถึง ผ.อ. นี่เรานับถือมากค่ะ ท่านเป็นคนที่มีจิตวิทยาสูงมาก ๆ ไม่แค่จิตวิทยาที่ใช้กับครูที่โรงเรียนและเด็ก ๆ แต่เป็นการเข้ากับชาวบ้านได้ขนาดนี้ เราทึ่งมาก จิตวิญญาณของความเป็นครูคือแบบนี้สินะ ถึงวันที่ต้องทำงาน พวกเราเริ่มงานกันแต่เช้าด้วย ทีมแพทย์ และ ทีมครู ในส่วนของทีมแพทย์อาสานั้น นอกจากการตรวจสุขภาพฟัน ขูดหินปูน และอุดฟันจากทันตแพทย์แล้ว ยังมีแพทย์ที่คอยตรวจสุขภาพร่างกายให้กับเด็ก ๆ และชาวบ้านด้วย เราว่าเป็นการดีมากสำหรับกิจกรรมนี้ เพราะชาวบ้านหลายคนที่ไม่อยากไปหาหมอ ไม่ใช่แค่ถนนหนทางที่ลำบากค่ะ ยังมีปัญหาอื่น ๆ อีก ขนาดคุณหมอที่มาแพทย์อาสานี่ตอนแรก ๆ ไม่มีใครกล้ามาหานะ สุดท้ายคุณหมอลุยเองเลยค่ะ ไปตามบ้าน สื่อสารกันไม่รู้เรื่องไม่ใช่ปัญหา พาคุณครูไปด้วย ให้ทีมพยาบาล และพี่ ๆ อาสาบางคนที่เริ่มคุ้นเคยกับเด็กแล้วพากันออกไปประชาสัมพันธ์ (ไปลากมานั่นเอง ) (รูปนี้ขอยืมน้องในกลุ่มมาค่ะ เราไม่ได้มาถ่ายรูปตรงนี้เพราะดูแลน้อง ๆ ป.1 อยู่ค่ะ ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ) ทีมครูอาสาไม่ค่อยพบปัญหาอะไรค่ะ เด็ก ๆ อยากทำกิจกรรมกับพี่ ๆ อยู่แล้วเพราะจะได้ไม่ต้องเรียน หลังเคารพธงชาติต้องออกกำลังกายสันทนาการกันหน่อย จะได้ไม่ง่วง... เด็ก ๆ ง่วงเหรอ... เปล่าค่ะ พี่ ๆ นี่แหละ แยกย้ายตามห้องเรียน พาเด็ก ๆ ตรงไปชั้น ป.1 เลยสิคะกลุ่มเรา ความน่ารักของน้อง ๆ ป.1 ค่ะ ป้ายชื่อนี่ไอเดียเราเอง อวดค่ะอวด เราไม่อยากให้น้อง ๆ เอาป้ายชื่อห้อยคอเหมือนชั้นอื่น ๆ เลยให้คาดผมแทน (ความจริงคือพี่แก่แล้ว ห้อยคอมันไม่ค่อยเห็น คาดผมนี่แหละเห็นชัดดี ) จากการทำแบบฝึกหัดและเล่นเกมส์ เด็ก ๆ ที่นี่หลายคนเก่งมากนะคะ ให้เล่นเกมส์บวกเลขนี่สนุกกันมาก นิ้วมือไม่พอจะถอดถุงเท้านับนิ้วเท้าค่ะ พี่ ๆ ต้องรีบห้าม ยื่มมือให้ยืมนิ้ว เด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงที่นี่มีแข่งกันด้วยนะ เด็กผู้หญิงมักจะทำแบบฝึกหัดเสร็จเร็วกว่า เด็กผู้ชายมียอมซะที่ไหนล่ะ วิชาอื่น ๆ ก็ไม่แพ้กัน ส่วนมากจะหาจากเรื่องใกล้ตัว อย่างวิทยาศาสตร์ก็สอนเรื่องรุ้งกินน้ำ ให้เด็ก ๆ ลองทำรุ้งจากอุปกรณ์ตามพื้นดิน เอากิ่งไม้เล็ก ๆ มาจุ่มในน้ำผสมสบู่เหลว เด็ก ๆ สนุกกันใหญ่ ปัญหาที่พบคือเด็กของเรามีตามไม่ทันเพื่อนบ้าง ซี่งจะเป็นเด็กที่ย้ายมาจากโรงเรียนอื่นที่การเรียนอาจจะช้ากว่าเด็กโรงเรียนนี้ แต่สิ่งที่เราได้เห็นคือเด็ก ๆ คนที่เข้าใจและทำเสร็จแล้วมานั่งอธิบายให้เพื่อนที่ตามไม่ทันฟังเป็นภาษาปกาเกอะญอ เรานั่งตั้งใจฟังไปด้วย ไม่รู้เรื่องหรอกแต่ชอบในความไม่ทิ้งกันของเด็ก ๆ วิชาที่เราชอบมากที่สุด คือ วิชาศิลปะ พี่อาสาไปเก็บเอาใบไม้ที่ร่วง ๆ ตามพื้นดินมาหลากแบบหลากสี เอารูปสัตว์ต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ดู ให้เด็ก ๆ เลือกสัตว์ที่ชอบจากภาพแล้วเอาใบไม้มาติดเป็นรูปสัตว์ เด็ก ๆ ทำได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ พอเด็ก ๆ ทำเสร็จพวกเราถึงกับร้องว้าวกับความคิดสร้างสรรค์ พี่ ๆ เลยจัดประกวดซะเลย ให้เด็ก ๆ มาโหวตว่าชอบอันไหน แล้วอันไหนได้คะแนนโหวตเยอะสุดก็ได้รางวัลไป อีกเรื่องหนึ่งที่เราทึ่งกับเด็ก ๆ ตอนต้นเราบอกว่าจะแนะนำเรื่องอาชีพต่าง ๆ ใช่มั้ยคะ พี่ ๆ ก็นำร่องด้วยการให้เด็ก ๆ วาดรูปในอาชีพที่ตัวเองชอบมาก ๆ แน่นอนเด็กวาด ครู ทหาร ตำรวจ มีคนนึงวาดรูปสนามฟุตบอลแล้วบอกว่าอยากเป็นนักฟุตบอล พี่ ๆ หันกันขวับ อีกคนบอกว่าอยากเป็นดารา อีกคนตอบทันทีเหมือนกันว่าอยากเป็นนักร้อง นั่น!! เด็กรู้หมดแล้วว่าอาชีพในโลกนี้ไม่ได้มีแค่ ครู ทหาร ตำรวจ หรือหมอ พี่ ๆ ก็คงไม่ต้องแนะนำอะไรแล้วแหละ พักเที่ยงที่นี่ก็มีกับข้าวโรงเรียนค่ะ มีนมโรงเรียนด้วย อันนี้เราเดินผ่านตอนช่วงที่ดูแลเด็ก ๆ กัน เป็นกลุ่มอนุบาลค่ะ เวลาพัก เด็ก ๆ ที่นี่ไม่เขินอายนะ ชวนพี่ ๆ เล่นด้วยกัน (มีแกล้งแหย่พี่ ๆ ด้วยบางครั้ง ) พี่ ๆ ก็เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เด็กโตมีพาพี่ ๆ ไปน้ำตกด้วยนะคะ แต่เราไม่ได้ไป เห็นว่าเดินไปกัน เล่นน้ำกันสนุกเลยแหละ พวกเราที่ไม่ได้ไปแอบองุ่นเปรี้ยว เล่นน้ำหน้าหนาวนี่นะ?? (จริง ๆ เสียดาย ฮ่าๆๆ ) รูปนี้... เด็ก ๆ เรียกให้เราไปถ่ายให้นะ เสร็จพี่สิคะน้อง... บางคนก็ขอความเป็นส่วนตัวค่ะ โบกมือยิ้มให้แล้วก็ก้มหน้าเล่นของเล่นต่อ พี่กำลังจะโบกมือตอบ ไปไม่ถูกเลย รอยยิ้มสวยกับความใสของเด็กน้อย ป.1 ห้องเราเองค่ะ ปิดงาน ครูอาสาที่โรงเรียนบ้านกลอเซโลกับทีม ป.1 ค่ะ ถามว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ขาดไหม ก็ตอบได้เลยว่าไม่ มีอีกหลายโรงเรียนยังต้องการอุปกรณ์การเรียนการสอนและบุคลากรมากกว่า เพียงแต่โรงเรียนนี้การเข้ามาถึงจะยากกว่าเท่านั้นเอง (ก็ดูถนนหนทางสิ ) จากการพูดคุยกับเด็ก ๆ ทุกชั้น เด็ก ๆ ได้รับเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ของเล่น และอะไรต่าง ๆ เยอะมาก ๆ แล้ว และยิ่งกลอเซโลกำลังเป็นที่รู้จัก โรงเรียนบ้านกลอเซโลเป็นทางผ่าน เวลาใครมาก็จะมาแวะเอาของมาให้ก่อน ถามเด็ก ๆ ว่าแล้วเด็ก ๆ อยากได้อะไร เด็กหลายคนตอบว่าอยากกินไก่ KFC กับชานมไข่มุก เพราะเคยมีกลุ่มที่มาทำกิจกรรมกับน้อง ๆ เอามาทำให้ทานค่ะ โถ... น้อง แล้วไม่บอก ไม่งั้นจะหอบชานมไข่มุกมาต้มให้ทาน ทำเป็นนะ เคยเปิดร้านชานม แต่ที่เราสังเกตกันคือเด็ก ๆ ควรจะต้องมีภาชนะในการใส่ข้าวมาทาน ที่โรงเรียนมีกับข้าวให้ค่ะ แต่เด็ก ๆ ต้องเอาข้าวมาเอง ซึ่งจะเอาข้าวใส่ถุงพลาสติกมา (ถุงก๊อบแก๊บ) ซึ่งถ้ามีกล่องข้าวก็น่าจะดีกว่า อันนี้เลยเป็นโจทย์ที่เราฝากไว้กับผู้นำกลุ่มอาสาฯเพื่อจะจัดครั้งต่อไป ซึ่งก็เป็นโจทย์ต่อไปด้วยว่าถ้าเรามีกล่องข้าวให้น้องแล้วจะให้เค้าดูแลสิ่งของของเค้าได้อย่างไร ขอแถมหน่อยค่ะ วิวที่เห็น 4 วันเต็ม นั่งมองเข้าไปสิ หน้าโรงเรียน บ้านใครไม่ทราบค่ะ แต่ชอบมอง พอถึงเวลาเช้าเย็นจะมีควันไฟจากการทำอาหาร อยากอยู่แบบนี้ซักเดือน ส่วนด้านนี้หลังโรงเรียน เป็นอาคารนอนของเด็ก ๆ ที่อยู่ประจำ... อีกแล้ว เป็นโรงเรียนที่มีบุญมาก จะมีซักกีโรงเรียนที่โผล่มาเจอป่าเขาสีเขียว เราชอบมายืนสูดอากาศเย็นสดชื่น อยากอยู่แบบนี้ซักปี ที่หมู่บ้านมีร้านค้าเล็ก ๆ ของน้องทรายกับคุณแม่ที่พวกเราเรียกว่าเซเว่น เหมือนเป็นที่พักพิง มีเวลาว่างต้องไปที่นี่ ไปหาเพื่อนคุย เราว่าคนที่นี่น่ารักมากค่ะ น้อง ๆ ที่เป็นวัยรุ่นหน่อยจะกล้าคุยกับเรา อย่างที่ร้านคุณแม่พูดภาษาไทยไม่ได้ แต่เราก็พยายามไปชวนคุยโดยมีน้องทรายเป็นล่าม ไปซื้อของบ่อยมาก แต่เราไม่เคยเข้าไปข้างในบ้านเค้านะคะ นั่งรออยู่ข้างนอก จะซื้ออะไรก็ชี้ จะถ่ายรูปหรือจะทำอะไรเราจะขออนุญาตก่อนทุกครั้ง (จากการเดินทางมาทำให้ค่อนข้างระวังเรื่องพวกนี้) อยู่ทั้งหมดสี่วัน พอสองวันหลังเวลาวิ่งไป คุณแม่น้องทรายจะยิ้มต้อนรับก่อนเลยแล้วจะมีนู่นนี่ติดมือมาให้ทุกที กลัวยน้ำว้าเป็นหวี ส้มเป็นกิโล เราบอกเก็บไว้ขายเถอะ คุณแม่ก็ไม่ยอม (ปกติคุณแม่เก็บไว้ขายค่ะ) แล้วเวลาให้คุณแม่ไม่ได้สักแต่หยิบ ๆ มาให้นะคะ เลือกลูกที่ดีที่ทานได้ เราเลยเกรงใจมาก รุปข้างล่างที่ไม่ใช่น้องทรายกับคุณแม่นะคะ เป็นญาติ ๆ น่ะค่ะ เราไปซื้อของ น้องตัวเล็กมองหน้าเรา เราเลยขอถ่ายรูปค่ะ น่ารักดี เราได้อะไรเยอะมากจากทริปนี้ ขอบคุณ โรงบ่มอารมณ์สุข ที่จัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้นมา นอกจากประสบการณ์การเป็นครูอาสาแล้ว เรายังได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากเด็ก ๆ จากคนในหมู่บ้าน และจากคุณครูที่เข้าไปพัฒนาชุมชน แต่ที่ลืมไม่ได้เลยคือเรื่องราวจากเพื่อนร่วมทริป จริง ๆ มีเรื่องประทับใจเยอะมากจากประสบการณ์ของแต่ละคน แต่ที่เราประทับใจสุดคือเรื่องของน้องสาวตัวเล็ก ๆ ที่ก่อนหน้านี้เข้าไปให้ความรู้ชาวบ้านบนดอย (โดยบังเอิญ) ในการนำไม้ไผ่ที่มีเต็มหมู่บ้านจนเป็นของเหลือใช้มาทำให้เกิดมูลค่า... มากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น คือ การที่พวกชาวบ้านเห็นคุณค่าของทรัพยากรที่มีอยู่รอบตัว... และมากกว่านั้น คือ พวกเขาภูมิใจในตัวเองที่สามารถใช้ความสามารถหาเงินได้ จากจุดเริ่มต้นที่มีคนจุดประกายคำว่า value of life เราได้คำตอบต่อยอดจากการมาทำกิจกรรมตรงนี้ จบจากงานอาสาฯครั้งนี้ และจากที่ได้คุยกับชาวบ้าน เรามีโจทย์ใหม่ให้กับตัวเองแล้วนะคะ และสุดท้าย... รางวัลของพี่ ๆ อาสาในฐานะที่มาทำความดี ขากลับลงมาจากดอยพวกเราอิ่มใจกันมากจากประสบการณ์ที่ได้ในครั้งนี้ แต่นั่นยังไม่เท่ากับตลอดทางที่เกาะหลังรถปิคอัพลงมาจากดอย หมอกเย็นชื้นที่สัมผัสตัวอยู่ก่อตัวหนาขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดหนึ่งของทางที่เห็นทะเลหมอกหนาโอบล้อมภูเขา และเพราะไม่มีมวลมหาชน หมอกหนาที่ไหลอ้อมล้อมยอดเขายาวสุดสายตาทำให้รู้สึกเหมือนพวกเรากำลังติดเกาะ เพิ่งเข้าใจคำว่า "ทะเลหมอก" จริง ๆ ก็วันนี้ และสำหรับเราตอนนี้ทะเลหมอกที่แม่สามแลบกลายเป็นนัมเบอร์วัน อิ่มแล้ว... อิ่มใจ... อิ่มสายตา... มีแรงกลับไปเริ่มต้นคิดทำอะไรใหม่ ๆ ต่อไป ตลอดทางลงมามีธรรมชาติของป่าและภูเขาที่สวยงามมาก อยากเก็บภาพนี้ไว้แต่มือไม่อำนวยให้จับกล้อง ถนนขนาดนี้ปล่อยมือที่เกาะรถไม่ได้เลย นึกถึงคำของน้องสาวคนนึงที่เคยบอกไว้ว่า... “ถ้าชอบที่ไหนมาก ๆ อย่าถ่ายรูป ให้เก็บไว้ด้วยสายตาเป็นความทรงจำ แล้วพอคิดถึงก็ให้กลับมาใหม่อีกครั้ง” ตอนที่อัพบล็อกนี้ ก็เริ่มคิดถึงธรรมชาติที่แม่สามแลบอีกแล้วล่ะค่ะ
ยังไม่เคยไปร่วม แบบข้างบนเลยครับ มีเพียงใจที่มอบให้แก่
เด็กและชาวบ้านก็เยี่ยมแล้วครับ น่าชื่นชม โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 3 กรกฎาคม 2563 เวลา:17:36:14 น.
คุณแฟร์เป็นสาวขาลุยเลยนะครับ
แต่ละทริปลุยๆ ทริปนี้แค่ทางก็โหดมากแล้ว แต่วิวก็สวยจริงๆครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กรกฎาคม 2563 เวลา:17:53:05 น.
เป็นสี่วันที่น่าประทับใจ น่าอิ่มใจจังค่ะ
เด็กๆน่ารักมากค่ะ กิจกรรมแปะใบไม้เก่งกันจัง คุณครูอาสาคงปลื้มทีเดียวนะคะ วิวสวยมาก ทั้งทะเลหมอกและป่าเขา เดินทางลำบากบ้างแต่ปลายทางและความสุขใจที่ได้รับ ดูคุ้มค่ามาก ครั้งหน้ากล่องข้าว ชานมไข่มุก+ไก่ KFC คงต้องมาแล้วค่ะ อิอิ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆน่าประทับใจนี้นะคะ ฝันดีค่ะคุณแฟร์ โดย: Sweet_pills วันที่: 3 กรกฎาคม 2563 เวลา:22:32:00 น.
เวลาได้กลับไปหาธรรมชาติ
ผมรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่าง ที่ธรรมชาติมอบให้เราจริงๆครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 กรกฎาคม 2563 เวลา:22:13:37 น.
โดย: หอมกร วันที่: 5 กรกฎาคม 2563 เวลา:21:18:36 น.
งานชุดนี้ตั้งใจทำเป็นงานย้อนยุคเลยครับคุณแฟร์
ทั้งรูปแบบ ตัวละคร และชื่อตัวละครครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 กรกฎาคม 2563 เวลา:23:17:04 น.
ถ้าสนใจประวัตศาสตร์ต้องตามไปอ่านบล็อกพี่ตุ๊ก โคราช ครับ อันนั้นสุดยอดครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 6 กรกฎาคม 2563 เวลา:14:03:08 น.
ขอบคุณคุณแฟร์สำหรับกำลังใจนะคะ
ฝันดีค่ะคุณแฟร์ โดย: Sweet_pills วันที่: 6 กรกฎาคม 2563 เวลา:23:46:41 น.
เห็นทางแล้วท้อเลยค่ะ แต่ธรรมชาติสวยมากๆ
โดย: เน็ต (สมาชิกหมายเลข 5989356 ) วันที่: 8 กรกฎาคม 2563 เวลา:21:29:34 น.
ตามมาชมเพลินๆแถวนี้อีก
แล้วชวนไปชมดอกไม้บ้านพี่นะคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 10 กรกฎาคม 2563 เวลา:9:03:10 น.
ปกติดอกไม้พวกนี้พี่ภาต้องใส่ปุ๋ยหรืออาหารเสริมให้ด้วยไหมคะ
เลี้ยงอะไรก็ต้องให้อาหารค่ะ อยู่ที่ต้องให้ตามสมควร จึงจะได้ผลดี พี่ก็ลองผิดลองถูกมาไม่น้อย ขอบคุณกำลังใจนะคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 11 กรกฎาคม 2563 เวลา:9:10:15 น.
สวัสดีครับคุณแฟร์ ผมใจเย็นขึ้นมากครับ ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งเย็นลง เมื่อก่อนนี่ภูเขาไฟระเบิดดีดีนี่เอง 555 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กรกฎาคม 2563 เวลา:14:21:34 น.
โดย: หอมกร วันที่: 11 กรกฎาคม 2563 เวลา:22:08:38 น.
ขอบคุณครับคุณแฟร์
เมื่อก่อนกล้องวงจรปิดแทบไม่มีความสำคัญ แต่ตอนนี้กลายเป็นหลักฐานที่ทำให้คนไม่ต้องเถียงกันนะครับ ว่าใครผิืด หรือใครทำอะไรลงไป โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กรกฎาคม 2563 เวลา:23:06:09 น.
วันนี้มาชวนไปเดินชมผีเสื้อที่อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพ ครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 13 กรกฎาคม 2563 เวลา:16:26:37 น.
ใครที่ต้องทำตามความคาดหวังของคนอื่นตลอดเวลา
คนผู้นั้นเป็นทุกข์แน่ๆครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กรกฎาคม 2563 เวลา:18:16:05 น.
ต๋าไปต่างจังหวัดไม่ได้เข้ามาหลายวันค่ะคุณแฟร์
ขอบคุณคุณแฟร์ที่แวะทักทายนะคะ ฝันดีคืนนี้ค่ะ โดย: Sweet_pills วันที่: 18 กรกฎาคม 2563 เวลา:0:08:28 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ดูเส้นทางสัญจรแล้วน่าลำบากแทนนะคะ
ขอบคุณที่นำรูปสวยๆ มาฝากกันค่ะ