มาดูความคิดเห็นของนานาชาติกัน
คิดกันเอาเองนะว่า ที่ รัฐบาลกบฏ นำโดย พลเอกสุรยุทธ์ นั่งยัน นอนยันว่า
ต่างชาติเข้าใจไทยเมื่อตอนไปเอเปคน่ะ เค้าเข้าใจว่ายังไงครับ หรือว่า
ท่านเข้าใจของท่านฝ่ายเดียว???
สื่อนอกชี้คนไทยยังสงสัยคมช. หวั่นประชาธิปไตยแบบทหาร
//www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0115190950&day=2007-09-19§ionid=0101
สำนักข่าวเอเอฟพี ตีพิมพ์บทวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของไทย เมื่อวันที่ 18 กันยายน ในวาระครบรอบ 1 ปีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยระบุว่า แม้คณะรัฐประหารจะดำเนินการตามบทที่วางเอาไว้เมื่อมีการยึดอำนาจทุกประการ แต่ประชาชนก็ยังเคลือบแคลงเจตนาที่แท้จริง หวั่นเกรงว่าจะนำประเทศกลับสู่ยุคประชาธิปไตยภายใต้อำนาจของทหารอีกครั้ง
นายไมเคิล มอนเทสซาโน ศาสตราจารย์ด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เชื่อว่า รัฐบาลใหม่จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากภายนอก ซึ่งรวมถึงอิทธิพลของทหารด้วย
สำหรับทางด้านเศรษฐกิจนั้น เอเอฟพีอ้างตัวเลขของเอดีบีว่า เศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่กว่า 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ต่ำที่สุดในภูมิภาค ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งภูมิภาคที่อยู่ที่ 5.6 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ สาเหตุจากความต้องการภายในลดลง การลงทุนลดลง เพราะความไม่แน่นอนทางการเมือง
นายบ็อบ บรอดฟูต กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและการเมือง (เพิร์ค) ชี้ว่ารัฐบาลไทยชุดปัจจุบันให้ความสำคัญในลำดับสูงสุดกับการคลี่คลายสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นการคุกคามจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มผู้สนับสนุนมากเสียจนละสายตาไปจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศ สอดคล้องกับความเห็นของนายศรียัน พีเทิร์ซ หัวหน้าทีมวิจัยบริษัทหลักทรัพย์เจพี มอร์แกน ที่เห็นว่า สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกไม่ใช่เศรษฐกิจ แต่เป็นการร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จทันการลงประชามติ
เอเอฟพีชี้ว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สภาวะทางการเมืองส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักธุรกิจลดลง แต่มีเพียงอย่างเดียวที่ยังสดใสในระบบเศรษฐกิจไทยคือการส่งออก ที่คาดว่าจะขยายตัวถึง 13 เปอร์เซ็นต์ เป็น 144,900 ล้านดอลลาร์ ในปี 2550 นี้
หน้า 14