มาแล้ว อืม... ยังไงดี? .... ......... ............... ........................ อืม.... เมื่อวานไปงานดู๊ด แล้วรู้สึกนับถือตัวเองพอสมควร .....เราไม่อ้วก เราไม่เละเทะ (เท่าไหร่) เราไม่ฟูมฟาย ไม่รู้ว่าเพราะเราไม่สนใจจริงๆ หรือเพราะเราแข็งแรงขึ้นแล้ว แต่เราก็ไม่ชอบที่จะเป็นอย่างนี้เลย เรารู้สึกว่าการที่รู้สึกอะไรมากๆ มันเป็นสัญลักษณ์ถึงความเป็นมนุษย์มากกว่า เรามีความสุขเราก็หัวเราะ เราเสียใจเราก็ต้องร้องไห้ แล้วมนุษย์กับความรู้สึกก็เป็นของคู่กัน เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะเฉยชากับมัน แต่ทำไมเวลาที่เรารู้สึกกับอะไรมากๆ ใครๆ ก็จะหาว่าเราประสาทและ งี่เง่า เป็นเพราะเราหรอ? ที่เราแปลกจากใครๆ? หรือเพราะคนเหล่านั้นเค้าไร้ความรู้สึกเอง? ....ถึงแม้เราจะยึดถือความรู้สึกต่างๆ ว่าเป็นสิ่งที่ดี ถึงแม้มันจะคือความทุกข์โศกเราก็ยังถือว่ามันดี แต่ช่วงนี้เราก็ค่อนข้างด้านชาเหมือนกัน มันคงเป็นกระบวนการของการเติบโต... ที่เราไม่อยากเป็น เราไม่อยากจะแข็งแกร่งอยู่บนโลกนี้ เรายังอยากที่จะอ่อนโยน นุ่มนิ่ม และรู้สึกกับอะไรได้ไวเหมือนเคย แล้วเราก็นึกถึงหนังสือเจ้าชายน้อย.. อืม.. เราไม่อยากลืมความเป็นเด็กของเรา มันก็คงต้องปรับกันไปเรื่อยๆ ทุกช่วงชีวิตของคนคงไม่มีใครเหมือนเดิม เปลี่ยนไปทุกชั่ววินาที... ทุกอย่างก็เปลี่ยน เราเปลี่ยนเราก็ต้องยอมรับได้สิเนาะ.. ถึงแม้เราจะไม่ค่อยพอใจกับมันก็ตาม เพื่อนๆ... ความจริงใจของเรามันค่อนข้างน้อยลงแล้ว แต่ก็คงไม่เป็นไร เพราะทุกคนก็คงเป็นเหมือนกันใช่มั๊ย?? ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในอารมณ์เศร้าอะไรเลยนะ สบายดีจ่ะ ฟัง Hand in my pocket ของ Alanis Morissette idol ของเราดีกว่า ถึงแม้เธอจะเปลี่ยนไป แต่ความทรงจำเกี่ยวกับเธอก็ยังดีสำหรับเราเสมอ เพลงนี้เป็นเวอร์ชั่น Acoustic ฟังแล้วอิ่มเอมมากกว่าเวอร์ชั่นออริจินอล อยากให้อ่านความหมายกัน ช่วงนี้เราอินกับเพลงนี้มาก ทุกคนมีด้านนอกด้านใน ทุกคนยังมีตัวเองอยู่ในใจ ยังมีอีกด้านที่ใครยังไม่รู้ คือตัวเราที่เราดำรงไว้ เป็น role model เหนือกว่าใครๆ สุดท้ายทุกคนก็นับถือตัวเองนะ มันเป็นสิ่งที่ดี เราทำอะไรทำไปเหอะเพื่อให้เข้ากับสังคมได้ แต่เราก็ยังมีตัวเราอีกคนที่เรายังยึดถืออยู่ บางทีมันอาจจะทำให้เราฟุ้งซ่าน ทำให้เป็นบ้า เพราะมันขัดกันไปหมด แต่ถ้าจริงๆ เรายังนับถือตัวเราเองคนนั้นอยู่ มันก็จะไม่เป็นไรนะ.. I´m broke but I´m happy I´m poor but I´m kind I´m short but I´m healthy, yeah I´m high but I´m grounded I´m sane but I´m overwhelmed I´m lost but I´m hopeful baby What it all comes down to Is that everything´s gonna be fine fine fine I´ve got one hand in my pocket And the other one is giving a high five I feel drunk but I´m sober I´m young and I´m underpaid I´m tired but I´m working, yeah I care but I´m restless I´m here but I´m really gone I´m wrong and I´m sorry baby what it all comes down to Is that everything´s gonna be quite alright I´ve got one hand in my pocket And the other one is flicking a cigarette What it all comes down to Is that I haven´t got it all figured out just yet I´ve got one hand in my pocket And the other is giving the peace sign I´m free but I´m focused I´m green but I´m wise I´m hard but I´m friendly baby I´m sad but I´m laughin I´m brave but I´m chicken shit I´m sick but I´m pretty baby What it all boils down to Is that no one´s really got it figured out just yet I´ve got one hand in my pocket And the other is playing the piano What it all comes down to my friends Is that everything is just fine fine fine I´ve got one hand in my pocket And the other one is hailing a taxi cab . . . ไม่รู้ว่าตีความหมายถูกป่าวอ่ะ แต่เอาเหอะ เราตีความแบบนี้แล้วเราสบายใจดี แต่ถ้าใครรู้ความหมายที่เค้าต้องการสื่อจริงๆ ก็วานบอกด้วยนะคะ แซงยู อรุ....เรายืนอยู่ใกล้กันเลยเมื่อคืน แต่หากันไม่เจอ เพราะพี่เองแหละที่เมาเละเทะมากๆ.... อยากเมากะอรุจิงๆ...เพื่อนพี่แม่งทิ้ง นอยแดกเลย คราวหน้าๆ โดย: bas IP: 203.154.151.51 วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:15:23:09 น.
อ้อ ส่วนเรื่องเพลง
เราเพิ่งได้รู้เนื้อเพลงนี้ชัดๆแบบนี้ เราก็แปลออกมาได้คล้ายๆอรุว่ะ ฟังแล้วมีความหมายดีมาก จ๊าบสุดๆ ยังไงซะเราก็มีความรู้สึกเป็นตัวของตัวเองอยู่ดี ไม่มีใครเปลี่ยนได้ แล้วก็อาจจะไม่มีใครรับรู้และเข้าใจด้วย สิ่งที่คนอื่นจะรับรู้ว่าเราเป็นแบบไหน ก็แค่การแสดงออก ซึ่งมันก็อาจจะไม่ตรงกับตัวเราจริงๆเลย เท่จังวุ้ย เพลงนี้ I´ve got one hand in my pocket... โดย: ...And the other one is giving YOU a high five (luna(tic) ) วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:15:27:52 น.
ส่วนพี่บาส.. ดีแล้วล่ะค่ะที่ไม่ได้มาเละเทะด้วยกัน
ไม่งั้นพี่บาสโดนลูกหลงขั้นเลือดตกยางออกกันแน่ๆ แต่ไม่เป็นไร งานหน้าเนาะ ปล. ชมพู่แม่ง.. ไม่ยอมมา ฮึ โดย: (my name is) luka วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:15:37:35 น.
การรู้สึกอะไรมากๆ เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมนุษย์งั้นเหรอ
อืม คงจะจริง แต่ความเป็นมนุษย์มันมีไรมากกว่านั้นนะ มันตอบสนองความรู้สึกออกมายังไงเนี่ยแล่ะ ถึงเรียกได้ว่ามนุษย์หรืออมนุษย์ นะเราว่า ใช่แล้ว ยังไง เราก็มีตัวตนของเราอยู่ดี มือนึงซุกอยู่ในกระเป๋าให้อุ่นใจไว้ ดีกว่า อีกมือจะเอาไปทำอะไร เฟคใส่ใคร ก็ทำไป อย่าทำให้ตัวเองเสียใจดีที่สุด เรื่องความจิงใจ เราก็คิดเช่นกันว่ามันน้อยลง แต่แค่ในบางมุม เราว่ามัน เพสสิมิสติกไปหน่อยอ่ะ ทำไมคนเราต้องจิงใจกันน้อยลงด้วย แย่มาก โดย: อดไปดู้ด กะเพาะนอยแดก IP: 203.155.192.43 วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:16:46:59 น.
อ่านจบซะที อยากตอบตอนที่อ่านจบได้ใจความครบถ้วนอะ
อ่านจบแล้วก็นั่งถามตัวเองว่า พี่เข้าใจเรื่องที่อรุบอกในบล็อกนี้แค่ไหน ก็ได้คำตอบว่า เข้าใจ แต่ไม่รู้จะตอบยังงัย พี่ว่าพี่กะอรุ คล้ายๆกันในบางมุมนะ สิ่งที่อรุเป็นในวันนี้ พี่ก็เคยเป็นเมื่อซักสองสามปีก่อน พี่สับสนด้วยซ้ำ กับสิ่งที่เราเป็นจริงๆ กับสิ่งที่เราต้องเป็น ตัวตน หน้าที่การงาน ฯลฯ สารพัด ถึงตอนนี้ พี่ว่า ทั้งสองตัวตนของพี่ มันกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันหมดไปแล้ว พอบวกลบคูณหาร ว่ามีความสุขกับมันแค่ไหน ได้ผลลัพท์ประมาณว่า ไม่สุข แต่ก็ไม่ทุกข์ มันเป็นไปตามอัตถภาพและครรลองของมัน ... ถ้าเราทำอย่างที่เราอยากทำไม่ได้ ก็มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้าดีกว่ามั้ง ทำให้มันดี หามุมที่เราจะภูมิใจกับมันได้ ... นี่คือสิ่งที่เป็นอ่ะ บอกเล่าเป็นประสบการณ์ คนเราโตขึ้นทุกวัน เปลี่ยนแปลงไปตามเข็มนาฬิกาทุกนาที เรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้ แล้วค่อยๆปรับๆไปแหละนะ ดีแล้ว ที่อรุยังเก็บตัวตนที่แท้จริงเอาไว้...แต่พี่ว่าก็จะดีนะ ถ้าเราลองปล่อยให้ตัวตนจริงๆของเรา สัมผัสกับอย่างอื่นที่เราไม่คุ้นเคยบ้าง ... บางทีเราอาจจะเจอะเจออะไรที่ไม่เคยคาดคิดว่ามันมีอยู่ก็ได้นะ ส่วนเรื่องจริงใจ...อืมมม ในโลกที่พี่อยู่ ส่วนมากเค้าจะรู้จักสิ่งที่พี่เป็นมั้ง พี่มีความจริงใจให้ทุกคนแหละ แต่จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กะสถานการณ์...คนที่เราแคร์น้อยหน่อย เราก็มีมารยา(ท)ให้เค้ามากหน่อย แต่จะว่าไป เราก็ไม่ได้ fake ไปทั้งหมดนะ โฮ่ย ตอบไรเนี่ย ไม่รู้เรื่องอย่าว่ากันนะ โดย: patsypacky วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:17:48:48 น.
ใช่เลย...เราเองเป็นคน sensitive มาก ๆ กับทุกอย่าง คิดเหมือนกันว่า ในโลกที่คนไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรกันแล้ว บางครั้งมันดูเหมือนแย่มาก ที่เรามันดัน "รู้สึก" กับทุกอย่าง แต่ก้ออย่างที่คนข้างบนพูด การรู้สึกกับอะไรมาก ๆ มันแสดงถึง ให้เห็นว่าเรายังมีความเป็นมนุษย์อยู่อ่ะ
ช่วงจิตตก เรากลัวมากเลย กลัวกลายเป็นผุ้ใหญ่แบบที่ตัวเองเกลียด ผู้ใหญ่ที่ลืมความเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ที่งี่เง่า แต่เราก็รู้ว่าเราจะไม่ได้เป็นเด็กตลอดไป เราต้องโต แต่เราก็เก็บมันไว้อ่ะ ไอ้ "ความรู้สึก" เนี่ย ... อยากร้องไห้ก็ได้ หัวเราะเสียงดังได้ บ้าบอได้ ... ทั้งหมดนี้มันดีจะตาย ไม่เห็นต้องเข้าใจอะไรทุกอย่างในโลก เราก็เป็นเราแบบนี้ แต่เราก็จะประนีประนอมกับโลกโดยการเอามือออกมาจากกระเป๋าซักข้างนึงเนอะ โดย: sanonoi วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:17:56:52 น.
หันไปบางทีก็ยิ้มๆ
หันไปบางทีไม่ทัก หันไปเธอร้องไห้ ก่อนกลับเธอเมาหลับไปแล้ว มุมนึงโวยวายสุดเสียง มุมนึงร่าเริงดังเด็กน้อย มุมนึงบางคนว่าเธออ้วน มุมนี้เองที่เธอดูน่ารัก มุมนึงของร้านมีบางคนยิ้มอยู่ โดย: คนบนตึกชั้น11 IP: 202.149.117.226 วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:18:22:20 น.
โดย: (my name is) luka วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:18:39:04 น.
Jagged Little Pill acoustic นี่ ไปยืนฟังเป็นชั่วโมงเลยนะ เพราะจับใจอยู่หลายแทร็ค แต่ยังไม่มีตังค์ซื้อ อิอิ
ส่วนเรื่องส่วนตัวของอรุ ไม่ขอเม้นนะ ขอให้มีความสุขทุกๆวันแล้วกันจ้ะ โดย: nymphie วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:21:06:57 น.
เรา เข้าใจอรุ ในตอนนี้ แต่ไม่รู้ว่า อนาคตจะเป็นยังไง หรือเราสองคน ควรทำตัวแบบไหน
เราชักจะเชื่อแล้วว่า เราสองคน เป็นพี่น้องกันจริงๆ!! เหมือนที่เคยพูดถึงไป พอคนเราโตขึ้น มันก็เหงา ที่จะแสดงความจริงใจ หรือแสดงออกอะไรทั้งหมดไม่ได้ เหมือนในวัยเด็ก การควบคุมอารมณ์ เพื่อเรียนรู้ และป้องกันตัวเองนี่ น่ากลัวชะมัด กลัวว่าวันนึง ถ้าตัวเองเข้มแข็ง จนมีบาเรีย ปกป้องตัวเองขึ้นมา จนต้องซ่อน สิ่งที่เป็นตัวเราไว้ลึกสุด ฝืนยิ้ม ฝืนหัวเราะ จนวันนึงมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาขึ้นมา เมื่อถึงเวลาเราอยากโวยวาย หรืออยากร้องไห้ แล้วมันไม่ออกมา เหมือนลืมไปแล้ว ว่าเค้าแสดงอารมณ์เหล่านี้ออกมายังไง ถ้ามันหายไปจะเป็นยังไง น่ากลัวจริงๆ รักอรุ โดย: ไม่รู้จะพูดยังไงให้สบายใจ แต่จะอยู่ข้างๆ แล้วเดินๆๆๆหรือคลานๆๆๆ ไปด้วยกัน...เน่าเนอะ (eLepUnk ) วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:5:41:22 น.
Fuck Suck / Love
มันชั่ง ควบคู่กันไปสะ จิง รักเน้อ... < พู่ อย่ามาคลานใกล้ๆนะ กลัว คั่ก คั่ก > โดย: จุด เจ็บตูด IP: 58.11.109.6 วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:13:50:57 น.
จุด...
เจ็บตูดหรือ เจ็บ หลัง จ๊ะ? หึหึ รักเหมือนเดิม โดย: จขบ IP: 203.118.110.40 วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:15:21:11 น.
ฝากบอกไอ้จุดด้วยว่า
ไม่คลานเข้าไปใกล้ๆแกแน่ๆ โดย: จมปู้ IP: 58.10.169.250 วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:18:01:48 น.
งืมๆๆ
โดย: แพนดะโนอุจิ IP: 61.47.104.31 วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:18:19:27 น.
ไม่รู้จะพูดไรอะ แต่เข้าใจมึงนะ
ไม่ว่ามึงจะยังไงก็แล้วแต่ เป็นบ้า หรือเป็นหมา หรือบางทีเป็นควาย(เหมือนกู..หึหึ) i always stay beside u เลิ๊บเปื้อนคนนี้ที่สุดเยยยยย... โดย: กรูเอง...ฝ้าย IP: 58.8.69.244 วันที่: 24 กันยายน 2548 เวลา:23:33:21 น.
|
บทความทั้งหมด
|
เท่าที่อ่านมา เรารู้สึกว่าอรุเข้าใจโลกได้ดีขึ้นแล้ว แต่ตัวตนของอรุก็ยังเป็นเหมือนเดิม as I told u a million times,people can't change...
ยังไงซะ เราก็อยู่ในโลกที่ต้องสนใจสายตารอบข้างอยู่ดี จะให้คิดแต่ว่า "รู้สึกแบบนี้ ก็ต้องแสดงออกแบบนี้สิ" ไปตลอดก็คงไม่ได้
อย่างน้อยที่สุด เรามีแค่ใครสักคนไว้แสดงความรู้สึกที่แท้จริงทุกอย่างของเราโดยไม่ต้อง"ควบคุมอารมณ์"เลย ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
อย่างน้อยเราก็คิดอย่างนั้นนะ