สับสนวุ่นวาย
มาอีกแล้วฮ่ะ ข้อความอิมพอร์ท..

วันที่สามเดือนห้า.. เที่ยงละ

ตอนนี้อยู่ดูไบ.. โดนพี่สาวทิ้งไปอีกงานนึง
เวลาเที่ยงๆ อย่างนี้คนไม่ค่อยมาเดินงานกันเพราะว่าเป็นเวลาละหมาดและพักผ่อนนอนหลับของคนที่นี่

......
ตอนนี้เป็นภาวะพูดยากว่ะ อธิบายไม่ค่อยถูก
จะค่อยๆ ทะยอยเล่าทีละเรื่องละกัน...

เมื่อวาน.. (และอีกหลายๆ วันที่ผ่านมา) ทำให้เราสำเหนียกตัวเอง
เราแม่งโง่ว่ะ

จริงๆ มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกนะ แต่เรารู้อะไรน้อยๆ
และรู้สึกว่าตัวเองโง่ลงๆ ทุกวัน
เพราะงานที่ทำไม่ได้ประเทืองปัญญาเลย ไม่แอคทีฟมากๆ
แล้วใจก็ไม่ได้รัก ทำให้ไม่มีใจเลย
วันๆ ก็เหมือนนั่งเฉยๆ สมองก็ฝ่อลงๆ ทุกวัน
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงต้องบอกว่า “ก็เปลี่ยนงานดิวะ”
อือ... ใช่ เราควรเปลี่ยน
และจริงๆ ปัญหานี้ควรจะจบไปได้แล้ว เพราะมันเป็นปัญหาของเราตลอดหนึ่งปีกว่าๆ ที่ผ่านมา...
ตั้งแต่เรียนจบ

แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ เพราะยังไงเราก็ตัดสินใจจะทำที่บ้านต่อ
เพราะรักพ่อ
แม่เหนื่อย
พี่เหนื่อย
แต่..
เราก็ช่วยไรไม่ค่อยได้มาก เป็นแค่อะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น
มันไม่มีไฟ.. พยายามจะจุดไฟมันก็ไม่มี
แล้วพลังจิตวิญญาณก็หายลงไปทุกวันๆ
ความเครียดก็มากขึ้นทุกวันๆ
แอลกอฮอลและบุหรี่ก็กลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตมากขึ้นๆ ทุกวัน
ซึ่งถ้าเป็นเราเมื่อไม่กี่ปีก่อน.. นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวเราเลย
เราไม่ต้องพึ่งอะไร.. มีความสุขได้ในตัวเอง
แต่ตอนนี้เราแม่งอ่อนแอว่ะ.. ใครๆ ก็สามารถมาเปลี่ยนอารมณ์เราได้ง่ายๆ
สะกิดนิดก็เศร้า แต่พอจะมีความสุข ก็มีคนทำให้สุขได้มากๆ เหมือนกัน
เหมือนคนบ้าว่ะ.. ไม่คงที่เลย

ที่มานั่งคิดมากอีก.. ก็เพราะว่า
มาออกบูธที่นี่ เจอคนหลากหลาย..
พี่ๆ คนไทยส่วนมากเวลามาเยี่ยมที่บูธ หรือเจอในที่ต่างๆ
เค้าชอบชมเรากับพี่ว่า..
เก่งเนาะ ทำกันสองคน
เก่งเนาะ เป็นพ่อแม่นี่ภูมิใจตายเลย
เก่งเนาะ..

ฟังแล้วเราก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ในใจก็เจื่อนๆ
เราแม่งโคตรทำงานไปงั้น
อยากจะทำให้มัน “เก่งเนาะ” จริงๆ
อยากจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจจริงๆ
แต่มันไม่ได้.. พยายามแล้ว.. พยายามมาหนึ่งปีแล้ว
แต่เราก็ยังเป็นเรา ขี้เกียจไงขี้เกียจงั้น
สมองเราแม่งคงมีอีโก้มากเกินไป
สั่งไรเปลี่ยนไรไม่ค่อยได้
คิดอะไรเอาไว้แล้ว ก็จะฝังใจอยู่อย่างนั้น
ยังฝันอยู่อย่างนั้น..

เฮ้อ.. พิมพ์แล้วก็จะร้องไห้ว่ะ
เมื่อกี๊มีพี่คนนึงมาคุยด้วย.. เราเคยคุยการค้าทางโทรศัพท์กันมานิดหน่อย
เพิ่งมารู้จักกันจริงๆ ตอนมาที่นี่แล้ว
คุยไปคุยมา เค้าถามว่าเราเรียนจบไรมา
พอบอกว่าจบภาพยนตร์ที่ธรรมศาสตร์มา
เค้าตกใจ.. เพราะเค้าจบโทรทัศน์ที่จุฬา
เค้าบอกว่า “ทำไมไม่ทำล่ะ ตอนนี้หนังกำลังมาแรงเลยนะ บูมมาก”
เราก็ตอบไปแบบที่มันควรจะตอบ..
“ต้องทำงานที่บ้านค่ะ เค้าให้มาช่วย” (ซึ่งกูไม่ได้ช่วยไรเลย)

เค้าก็คุยต่อไปอีก.. นู่นนี่นู่นนี่
“ดูหนังมั่งมั๊ย?”
“ไม่ได้ดูเลยค่ะตั้งแต่เรียนจบ เมื่อก่อนนี่ดูทุกเรื่องเลยนะคะ
จะต้องขับรถไปลิโด้เพื่อดูหนังคนเดียวเลยค่ะ”

พอบอกเค้าว่าเราทำกั๊กกะกาวน์ด้วย
“โห.. ดีนะเนี่ย ภาพสวยมากเลยเรื่องนี้”
เราเงียบและเปลี่ยนเรื่อง..
เพราะแม้แต่กู.. คนทำ.. ยังไม่ได้ดูเลยว่ะ

สุดท้ายก่อนพี่เค้าเดินกลับบูธตัวเอง
เค้าตะโกนคล้อยหลังมาว่า..
“อย่าทิ้งหนังนะ”

โอ้ย.. พี่.. เอามีดมาปักหัวหนูดีกว่า
ถึงเราจะไม่ได้รักและจะทำงานด้านภาพยนตร์ตามที่เรียนมา
แต่มันก็เป็นสิ่งที่เราชอบมากกว่าที่ทำอยู่แน่นอน

เรื่องนี้ไม่มีวันจบสิ้น.. ตราบใดที่เรายังไม่มีกึ๋นพอที่จะทิ้งพ่อทิ้งแม่มาทำงานเองข้างนอก
ยิ่งทำก็ยิ่งดูดี ดูเป็นลูกกตัญญู
ยิ่งทำก็ยิ่งโง่ เสียวิญญาณ และความมั่นใจ

ใครๆ มาอ่าน ก็คงให้เราเลือกที่จะออกจากที่บ้านมาใช่มั๊ย?
ใช่สิ ส่วนมากเพื่อนๆ เรามันโคตรอิสระ อยากทำไรทำอยู่แล้ว
แต่เราก็มีอีกสังคมที่ต้องสนใจเหมือนกัน
เป็นสังคมที่อยากจะทิ้งไปซะ
เพราะมันช่างเหนื่อยเหลือเกินกับการปั้นหน้าเป็นคนแสนดี..

ตั้งแต่มาที่นี่ เราโคตรเหนื่อยกับการทำตัวกลืนกับสังคม
ทำไมมันถึงเหนื่อยอย่างนี้วะ?
คนอื่นเค้าไม่เหนื่อยกันมั่งหรอ? หรือว่านี่คือปกติที่คนอื่นเค้าเป็นกัน
ต้องยิ้ม ต้องคุย ต้องทักทาย..
ต้องมีมารยาทอะไรมากมาย
เหนื่อยว่ะ
อยากจะนั่งเฉยๆ ไม่สนใจใคร
อยากจะด่าใครๆ เมื่อรู้สึก
แต่ในเมื่อเรามานี่.. เราก็ต้องแปลงร่าง
เป็นอีนังตอแหล ยิ้มแย้มแจ่มใส
หาเรื่องชวนคุย แม่งโคตรเฟค
รู้สึกตัวเองมันหายไป ตกลงเราคือใครวะ? ไม่รู้จักตัวเองอีกต่อไปแล้ว
งงชิบเป๋ง

ออกมาจากเรื่องงงๆ กันดีกว่า
วันก่อนไปทะเลทราย.. นั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อไปตะลุยแบบหฤโหด
มันส์ดีนะ.. แต่ดันได้นั่งข้างหลัง
เลยเวียนหัวนิดนึง แถมไม่มีกล้องดิจิตอล อดถ่ายภาพสวยๆ เวลารถวิ่งเลย
แล้วเวลาเค้าจอดให้เราถ่ายรูป ก็ดันไปจอดตรงมุมที่ไม่ค่อยดี
เลยถ่ายมาไม่กี่รูปเท่านั้น ถ้าล้างรูปมาเมื่อไหร่จะเอามาให้ดูละกันถ้าไม่ขี้เกียจ

เคๆ ไปละ ไม่มีลูกค้าเลยว่ะ
ไม่รู้จะมาทำไม ออกบูธ เอาเงินไปทำไรกันเยอะแยะวะ?
อยู่แบบพอเพียงเด่ะ เพราะเรารักในหลวง..



Create Date : 08 พฤษภาคม 2548
Last Update : 8 พฤษภาคม 2548 16:08:18 น.
Counter : 518 Pageviews.

6 comments
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
พบเจอภาพอะไร? ส่วนหนึ่งของภาพน่าสนใจจึงตัดมาใช้ คุกกี้คามุอิ
(1 ม.ค. 2567 03:56:23 น.)
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
  
เฮ้ย..เพือน
ไม่รู้จะพูดอะไร
เข้ามึงมึงมากกๆ
แต่สงสารมึงจับใจ
สู้ต่อไป
You always have me na..YoYo!!
ป.ล. ไม่เคยเขียนคอมเม้นต์ที่ไหนมาก่อนเลยนะเนี่ย
โดย: Fai is so Hip IP: 61.90.12.191 วันที่: 8 พฤษภาคม 2548 เวลา:17:48:53 น.
  
อรุแม่งฟีลเหมือนพี่เลยว่ะ
แต่ตอนนี้พี่ก็พยายามทำใจกะงานพี่อยู่นะ แม้จะย้ากยาก แต่ก็พยายามอยู่
ดีกว่าโศกเศร้าแล้วก็ไม่ทำไรเลยว่ะ แย่กว่า สถุลกว่า เกลียดตัวเองกว่า ถ้าเป็นอย่างงั้น

เอ้าๆ สู้ๆๆๆ
โดย: patsypacky วันที่: 8 พฤษภาคม 2548 เวลา:22:49:23 น.
  
mmm...

Same old song...

But u can always sing it to me na...
โดย: luna(tic) วันที่: 9 พฤษภาคม 2548 เวลา:14:23:05 น.
  
อนุเขียนดีจัง อ่านแล้วเข้าถึงก้นบึ้ง แต่ช่างแม่งเหอะ จะทำหนัง ทำสบู่ ทำกระเป๋า ทำห่าเหวไรมันก็ต้องมีที่ขัดใจตัวเองทั้งนั้นแหละ

อย่านั่งดูชีวิต แต่มาใช้มันกันดีกว่า

อ๊ะๆ อ่าๆ
ง่า... ชิ
โดย: งานการไม่ทำมานั่งตอบบ๊อก (อีกและ!) IP: 202.90.125.114 วันที่: 10 พฤษภาคม 2548 เวลา:10:11:45 น.
  
so true!

how come you could be so smart, my panda?

อย่านั่งดูชีวิต แต่มาใช้มันกันดีกว่า

ก็มันใช้ไม่ได้ เลยเอาแต่นั่งดูไงจ๊ะ
โดย: ชีวิตมันไม่ใช่ของเรา!! ((my name is) luka ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:49:08 น.
  
อารมณ์แบบนี้ก็เคยเป็นนะ ตอนที่บ้านบอกว่าให้มาช่วยงานสิ (ให้ขับรถให้) จ่ายเงินเดือนให้แบบ พอกินพออยู่ อยู่แบบพอเพียง (ไม่พอกิน) เราก็โวยวายสุดริด สรุปว่าตอนนี้ออกมาทำงานได้อย่างที่ต้องการแล้ว แต่ไม่ได้ชอบงานเลย (เงินไม่พอกินเหมือนเดิม 55)

ประเด็นคือ เรายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเราอยากทำอะไร

อะไรทึี่คิดว่า "น่าจะพอทำได้" เพราะชอบ ก็จะเห็นคนเก่งๆกว่ามากมาย ทำให้ท้ออีก เป็นคนที่ท้อแท้ง่ายมาก ก็ต้องพยายามบอกตัวเองว่าทุกอย่างมันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะ

เพราะถึงไงมันก็ดีกว่ากลับไปเป็นคนขับรถอ่ะ

คุณยังดีนะ ได้ไปเมืองน่งเมืองนอก ยังได้ไปเห็นโลกกว้างมั่ง เรายังไม่เคยไปไหนเลยอ่ะ อยู่แต่ในกะลาที่เรียกว่ากรุงเทพเมืองฟ้าอมรนี่แล

โชคดีนะจ๊ะ
โดย: nymphie วันที่: 11 พฤษภาคม 2548 เวลา:15:56:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Talkshit.BlogGang.com

(my name is) luka
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด