Invisible Ink
There comes a time when you swim or sink
So I jumped in the drink
Cuz I couldn't make myself clear

Maybe I wrote in invisible ink
Oh I've tried to think
How I could have made it appear

But another illlustration is wasted
Cuz the results are the same
I feel like a ghost who's trying to move your hands
over some Ouija board in the hopes I can spell out my name

What some take for magic at first glance
Is just sleight of hand depending on what you believe
Something gets lost when you translate
It's hard to keep straight
Perspective is everything

And I know now which is which and what angle I oughta look at it from
I suppose I should be happy to be misread-
Better be that than some of the other things I have become

But nobody wants to hear this tale
The plot is clichéd, the jokes are stale
And baby we've all heard it all before
Oh i could get specific but
Nobody needs a catalog
With details of love I can't sell anymore

And aside from that, this chain of reaction,
baby, is losing a link
Though I'd hope you'd know what I tried to tell you
And if you don't I could draw you a picture in invisible ink

But nobody wants to hear this tale
The plot is clichéd, the jokes are stale
And baby we've all heard it all before
Oh i could get specific but
Nobody needs a catalog
With details of love I can't sell anymore






ขอโทษที่ปิดหัวข้อสนทนาในบล็อกที่แล้วเอาดื้อๆ
พอดีตอนนี้อินกะเพลงนี้มาก อยากให้ฟังกัน
เรารักเอมี่แมนอ่ะ.. เรารู้สึกว่าเค้าแต่งเพลงเพื่อเรา.. เพื่อโลก..

ปล. ถ้าเต้กะพี่แป้งยังคงข้องใจกันอยู่ ก็มาทะเลาะกันต่อที่บล็อกนี้ได้นะ หรือว่าหลังลลบก็ยังว่างอยู่ แต่ระวังเหยียบอ้วกเรากะบ๊วยล่ะ



Create Date : 03 ตุลาคม 2548
Last Update : 3 ตุลาคม 2548 15:01:30 น.
Counter : 784 Pageviews.

29 comments
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
พบเจอภาพอะไร? ส่วนหนึ่งของภาพน่าสนใจจึงตัดมาใช้ คุกกี้คามุอิ
(1 ม.ค. 2567 03:56:23 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
  
อี๊ ขี้เมา

โดย: งึงึ IP: 58.11.109.15 วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:9:25:30 น.
  
เพราะในโลกนี้ไม่มีคำว่าถูกคำว่าผิด และคนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกในทุกเรื่อง เลือกความพอใจของตัวเอง เลือกจุดที่จะยืน ซึ่งถ้าทุกคนคิดได้ในข้อๆนี้แล้วน่ะ ก็จะมองผู้อื่นได้กว้างขึ้น และเข้าใจขึ้น เหมือนคำว่า รักอย่างที่เขาเป็น คือรู้ว่าเขาเลือกที่จะทำอะไร เลือกที่จะอยู่ตรงไหน ถ้าเพื่อนเราเลือกทางที่เขาเข้าใจว่า เป็นทางที่เขาน่าจะมีความสุข เราก็ต้องดีใจกับเขาด้วยนะ แม้ว่าเราจะยืนอยู่คนละจุดกัน คนละระดับกัน แต่เข้าใจกัน เราก็คือเพื่อนกันเนอะ
โดย: อ๊ะ เอา quote ของตานัทมาลงต่อ ก่อนนะ IP: 203.147.55.35 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:19:19:03 น.
  
อรุ ขอต่อนะ เราฟังเพลงในบ้อกนี้ไม่ได้อ่า

เราไม่ได้ด่าเต้นะ

เราใช้เวลากะบ้อกอรุมากกว่าบ้อกตัวเองแล้ะตอนนี้ แท้งกิ้ว
เราชอบบ้อกอรุ ทำให้เกิด arguement ที่สร้างสรรคระหว่างหมู่เพื่อน (ปล. arguement ไม่ได้แปลอย่างเดียวว่าเถียงกันนะ เราหมายถึงแปลว่าการโต้ตอบแลกเปลี่ยนความคิด)

"การสนทนาในวงสุรา เป็นจุดกำเนิดความคิดใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์"

เดี๋ยวสรุปก่อนนะ จากครั้งที่แล้ว
เรื่องเริ่มจาก อรุบอกว่าเป็น self-centered แล้วก็ยกประโยคในเรื่อง Trainspotting ที่โดนใจมาให้เราอ่านกัน ถือเป็นตัวชนวนของการถกเถียงทางความคิดที่เราว่ามันน่าสนใจ

เพราะเราก็โดนสะกิตต่อมอีโก้ด้วยคำที่เต้วิจารณ์ข้อความที่อรุเอามาแปะไว้ ว่า เต้ไม่ชอบหนังสือที่แสดงความคิดเก๋าๆ ขวางโลก
โดย: panx gradually posts because she's afraid she might get lost in the plot.... IP: 203.147.55.35 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:19:40:03 น.
  
เราทำเรื่องมันเบนออกไปเองแล่ะ เพราะเราไม่ชอบที่เต้แสดงความคิดเป็นลบต่อส่วนหนึ่งๆ ในหนังสือเล่มนึงที่เราชอบ เป็นสิทธิ์ของเต้ที่จะไม่ชอบ แล้วก็เลยเป็นสิทธิ์ของเราที่จะบอกว่า เต้ แล้วมึงทำไมต้องมาลงคอมเม้นแบบเก๋าๆ ที่บอกว่าหนังสือมันห่วยด้วยวะ

แล้วเต้ก็มาบอกว่าไม่ใช่ๆ เต้แค่ไม่ได้รู้สึกอินไปกะเหตุผลของการเสพยาของนายเรนตั้น เต้ว่ามันหาเหตุผลบ้าๆ อะไรมาก็ได้เพื่อให้เป็นสาเหตุที่มันเสพ เต้บอกว่า

"ไอเดียต่างๆที่พรั่งพรูออกมา มันก็ฟังดูดีนะ แต่สุดท้ายแล้ว คนทุกคนก็ต้องเดินตามกรอบที่สังคมวางไว้อยู่ดี จะพยามไปคิดนอกกรอบให้โลกมันน่าอยู่น้อยลงไปอีกทำไม
เอาเวลาไปคิดว่า เราจะอยู่ในกรอบยังไงให้มีความสุขไม่ง่ายกว่าเหรอ?"

โหย เราไม่ชอบมากๆๆๆๆ เลย เราเข้าใจประโยคนี้ว่า เต้พยายามบอกทุกคนว่า ยังไงๆ เราก็ต้องเดินตามบทบาทของความเป็นคนในกรอบของสังคม แสดงว่าจะแสดงความคิดอะไรก็ต้องระวังว่า เดี๋ยวสังคมจะหาว่าเราบ้า เพาะงั้น อย่างงี้สู้คิดๆ อะไรก็ได้ในกรอบไปเเถอะ มีความสุขแล้ว

แต่ว่าถ้าต้องมามีความสุขบนกรอบแคบๆ มืดๆ เฟะๆ ในบางส่วนของสังคม เราคิดว่าเราจะเราจะมีความสุขจริงๆ เหรอ ในเมื่อยังมีพวกเราบางคน (รวมถึงพี่แป้งคนนี้)ไม่ได้คิดอะไรในกรอบมาตั้งแต่เกิด


โดย: panx IP: 203.147.55.35 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:19:59:12 น.
  
Choose your future. Choose life.
But why would I want to do a thing like that?
I chose not to choose life: I chose something else. And the reasons? There are no reasons.
Who needs reasons when you've got Heroin?

แล้วนี่เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือที่เค้าบอกว่า ในที่สุดแล้ว ใครแม่งมีเหตุผลวะในการจะใช้ยา คนหลายคนเลือกที่จะมีชีวิต แต่ กูเลือกที่จะไม่เลือกชีวิต กูเลือกอย่างอื่น

-------------------------------------
เรื่องกบในกะลาเป็นตัวอย่างหนึ่งของสิ่งที่เราตีความออกมาจากการใช้เวลาให้มีความสุขในกรอบของสังคมของเต้ เราไม่ได้เอาเรื่องส่วนเละๆ ที่เต้มาจากอันนี้หรอก เราตีความมาจากการที่เต้หยิบ topic มาเขียนบ้อกของเต้เองอ่ะ พวกเรื่องคนไทยแม่งพูดภาษาอังกฤษผิดๆ หรือว่าที่เต้บอกว่า อยากเขียนด่าวีเจเมืองไทย

โทษทีละกันถ้าเราเข้าใจผิด หรือคิดสั้น เอาแค่เรื่องพวกนี้มาใช้ประกอบการเข้าใจในความเป็นเต้ แต่อยากบอกว่า เราไม่คิดว่าทฤษฎีข้างล่างของเต้มันน่าเอามาใช้กับชีวิตเรา และคนชนิดเดียวกะเรา

เต้บอกว่า "แต่กบที่ออกจากท่องเที่ยวไปเรื่อย เห็นโลกมาหลายที่แล้ว แล้วก็ได้รู้ว่า ไม่มีที่ไหนสวยงามและสุขสบายเหมือนกะลาที่ตัวเคยอยู่ จะว่ากบตัวนี้ได้ไหมว่าไม่รู้จักคิดนอกกรอบ?"

แล้วตานัทก็เข้ามาทำท่าจะสงบศึกของพวกเราชาวปากน้ำด้วยประโยคข้างบน ที่เราอินด้วย แต่ยังอ่ะ เรายังอยากคุยต่อนะ เพราะเราว่า การตีกันทางความคิดเนี่ยสนุกดีออก แล้วพอเราเจอกัน เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เราชอบมิติอันนี้ของความหมายของเพื่อนที่ไม่ได้เป็นแค่คนที่มากกว่าคนรู้จัก

เราของ against ความคิดเต้อันนี้อีกทีละกัน

เรากลับว่าพอเรามองออกนอกกรอบ(ของสังคมไป) เรากลับรุ้สึกสบาย(อย่างไม่เคยรุ้สึกมาก่อน ) แล้วยังเห็นอะไรสวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกต่างหาก เราขอเรียกว่า เป็นส่วนหนึ่งของความสร้างสรรค์ กะ imagination ของมนุษย์เราเลย ไม่ว่ามันจะเกิดมาจากความเมาหรือไม่ก็ตาม

แต่ว่าถ้าเต้รู้สึกอึดอัดที่จะดำรงชีวิตแบบนอกกรอบ ก็ไม่ได้ว่าไงเต้ก็ยังเป็นเต้ แป้งก็ยังเป็นแป้ง เราก็ยังดำเนินชีวิตแบบไร้กรอบของเราต่อไป มีความสุขอยู่ตัวเป็นที่สุด อันนี้แล่ะคือเคมีในตัวเราที่คงจะแตกต่างกับของเต้ ไม่มีไรถูกหรือผิดอย่างที่นัทบอกอะแล่ะ

แล้วสุดท้ายเราก็ยังมีความสุขที่ได้เจอกันกะเพื่อนๆ ทุกคน
เจอกันงานดู้ดนะทุกคน

โดย: panx thanks to Lullabar for being such a perfect meeting place!! IP: 203.147.55.35 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:20:31:41 น.
  



ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ไม่คิดว่าจะมาต่อกันจริงๆ นะเนี่ย..

'การสนทนาในวงสุรา เป็นจุดกำเนิดความคิดใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์'

แปลว่าบล็อกเราเป็นวงสุรา? ภูมิใจจัง

"เป็นสิทธิ์ของเต้ที่จะไม่ชอบ แล้วก็เลยเป็นสิทธิ์ของเราที่จะบอกว่า เต้ แล้วมึงทำไมต้องมาลงคอมเม้นแบบเก๋าๆ ที่บอกว่าหนังสือมันห่วยด้วยวะ"

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ใช่ๆ อันนี้แหละที่ทำให้เราหงุดหงิดในตอนแรก
เพราะอารมณ์ "ฟันธง" และทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดแผก
แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรละ.. เพราะตอนนี้เรามีพี่แป้งเป็นแบ็คอัพ
รู้สึกสบายตัว..

เรื่องกรอบไม่กรอบเราไม่สนใจแล้ว
เพราะสุดท้ายมนุษย์ทุกคนก็มีกรอบเล็กๆ กรอบนึงไว้ครอบสมองตัวเองอยู่ดี

ส่วนเรา.. ตอนนี้เราได้แนวทางก้าวเดินไปสู่สายอาชีพใหม่แล้วล่ะทุกคน
ดีใจจังเลย แต่ไม่รู้จะได้ออกจากงานที่ทำอยู่นี่เมื่อไหร่
ได้แต่นับวันคอย..

ปล. พี่แป้งขา ต้องฟังได้สิคะ เนี่ย เรายังฟังอยู่เลย ต้องมีเรียลเพลเย่อนะถึงจะฟังได้ แง่มๆๆ
โดย: จขบ หรือ เจ้าของวงสุรา (คู่แข่งลลบ) IP: 203.118.106.246 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:20:45:01 น.
  
กรี๊ดดดดด.......
ระหว่างที่เราพิมพ์อันข้างบนอยู่ยังมีอีกอีกหรอฟะเนี่ย?
พี่แป้งบ้าพลังจุด
โดย: ขอคารวะ /|\\ IP: 203.118.106.246 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:20:47:55 น.
  

Something gets lost when you translate
It's hard to keep straight
Perspective is everything

And I know now which is which and what angle I oughta look at it from
I suppose I should be happy to be misread-
Better be that than some of the other things I have become


อ้ะ เนื้อเพลงท่อนนี้เข้ากะเรื่องของเราเลย ฟังไม่ได้แต่ขอเอามาขยายละกันนะ แล้วก็ขอแปลด้วยละกัน

------------------------------------------
บางอย่างนั้นขาดหายไปตอนที่เราพยายามตีความ
มันไม่ได้ง่ายเลยที่จะทำให้อะไรตรงไปตรงมา
เพราะทุกอย่างมันเป็นมุมมอง3มิติ

แล้วฉันก็รุ้แล้วว่า อะไรเป็นไร และมุมไหนที่ฉันจะไปยืนอยู่เพื่อมองออกมา
ฉันว่าฉันน่าจะมีความสุขที่มีคนเข้าใจผิดซะบ้าง
มันก็ดีกว่าหลายๆ อย่างที่ฉัน(ถูกมอง)ว่าฉันเป็น

----------------------------------
แปลอย่างที่เราเข้าใจอะนะ คนอื่นอาจเข้าในเป็นอย่างอื่นได้ เพราะความคิดเอมี่ก็เป็นของเอมี่ พอแป้งมาอ่านมันก็ตีความออกมาในมุมมองของตัวเรา

โดย: แป้งเชิญเพื่อนๆ ทุกคนร่วมแจม แสดงความคิดเห็นกันหน่อยจ้า IP: 203.147.55.35 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:20:48:01 น.
  
กรี๊ดดดดด.......
ระหว่างที่เราพิมพ์อันข้างบนอยู่ยังมีอีกอีกหรอฟะเนี่ย?
พี่แป้งบ้าพลังจุด
โดย: ขอคารวะ /|\\ IP: 203.118.106.246 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:20:49:01 น.
  
เวร.. นึกว่าส่งไม่ผ่าน เลยส่งอีกที.. แล้วพี่แป้งก็ยังคงฟิตต่อไป..
เดี๋ยวเรามารออ่านทีเดียวเลยดีกว่า
ไม่น่าล่ะ.. เดี๋ยวนี้บล็อกพี่แป้งว่างเชียว มาช่วยสร้างกระแสให้บล็อกเรานี่เอง
โดย: รุ งง เง็ง งวย IP: 203.118.106.246 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:20:51:09 น.
  
เฮ้ย ไรเนี่ย พงศาวดารเป่า ยาวมั่กๆๆๆๆๆ
โดย: patsypacky วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:21:08:30 น.
  
ฟังบ่ได้ดอก นาย เอ้ยย
โดย: Billy IP: 202.183.233.27 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:21:11:36 น.
  
อ่า.. จบแล้วใช่เป่า?
เรากลัวตัวหนังสือตัวใหญ่ๆ เวลาพี่แป้งเน้นอ่ะ

เหมือนโดนตะคอกใส่หน้า หนูกัว...

แต่ก็รู้สึกขอบคุณลลบด้วยที่ทำให้พวกเราได้มาเจอกัน รักกัน เกลียดกัน (กะบางคน.. ฮึ)

เราอยากให้พี่แป้งฟังเพลงได้ด้วยอ่ะ ทำไงดีน๊า..

เราว่าประโยคสุดท้ายที่ว่า Better be that than some of the other things I have become นี่เค้าไม่ได้แปลว่า "เป็นอย่างนั้น (ที่ถูกเข้าใจผิด) ดีกว่าการเป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่" หรอคะ? คล้ายๆ อารมณ์ว่า จะมองกูว่ากูเป็นยังไงก็เอาเหอะ อะไรประมาณเนี้ยะ เอ่อ.. ไม่รู้อ่ะ เรานึกว่าเค้าแปลแบบนี้นา..

แต่ไม่เป็นไร จะแปลยังไงก็ช่าง เราจะแปลแบบที่เราสบายใจ
เราชอบเพลงนี้.. ฟังแล้วรู้สึกเหมือนได้พักจากการวิ่งวุ่นอยู่ในโลกใบนี้
ได้ออกมานั่งข้างนอก แล้วมองกลับเข้าไป

ได้เห็นตัวเอง..

ได้เห็นใครๆ..

เราไม่ได้แปลออกร้อยเปอร์เซนต์หรอก แต่ทำนองมันทำให้เรารู้สึกดีด้วยอ่ะ..
โดย: จขบ จขวสร IP: 203.118.106.246 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:21:27:58 น.
  
อ่านแล้วเหนื่อยว่ะ

ช่างแม่งเห่อะ

คนเราไม่เหมือนกัน ใครใช้ชีวิตแบบไหนแล้วมีความสุขก็ใช้ไปเหอะ

เข้าข้างพี่นัท
โดย: จมปู้ แก่แล้วปลงตก IP: 58.10.168.60 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:21:42:05 น.
  
ไม่เป็นไรอรุ แล้วเราจะไปเข้า soulseek วันหลังนะ
เรื่องคำแปล ยังไงก็ได้ แล้วแต่จะเข้าใจล่ะ เหมือนพี่ทอมย้อค พูดถึงเพลงตัวเองนั่นแล่ะ
โดย: จขรตก ย่อจากเจ้าของเรื่องตีกัน IP: 203.147.55.35 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:22:41:04 น.
  
เอ้า มาละๆ ตามคำเรียกร้อง(ของใคร?)

พี่แป๋งเอ้ย ยาวมากลูก ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีเลย

เริ่มจากอรุก่อนละกัน

ก็ตลกดีที่ข้อความในบ๊อกที่แล้วของเราทำให้อรุรู้สึก"ผิดแผก"
เพราะก่อนที่เราจะโพสลงไปเนี่ย เราค่อนข้างมั่นใจเลยนะว่าความคิดของเราน่ะ มันค่อนข้างจะเป็นแกะดำในสังคมตรงนี้มากๆ(ตรงไหน ต้องบอกไหม?)
ฉะนั้น โดยรู้ทั้งรู้ว่าเราเองแหละจะต้องเป็นฝ่ายที่ผิดแผก แต่เราก็จะโพสอะ เพราะเราไม่ชอบ แล้วเราก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาคล้อยตามเราด้วย
การที่อรุ พี่แป๋ง และคนอื่นๆไม่เห็นด้วยกับเรา มันก็เป็นเรื่องที่เรารู้อยู่แล้วละ แต่หลังๆที่เราออกมาอธิบายยืดยาวอีก เพราะเราไม่แน่ใจว่าพี่แป๋งเข้าใจเราถูกไหม ไม่ได้ต้องการทะเลาะกับใคร เพราะทุกคนก็คือเพื่อนกันนั่นแหละ

อย่างที่เราเคยบอกไว้ว่า ถ้าจะต้องเกลียดกันเพราะแค่เรื่องความเห็นไม่เหมือนกันเนี่ย มันไร้สาระมากๆ

อะๆ ตรงนี้จบนะ ไม่มีประเด็นแล้วนะ(?) ต่อไปตาพี่ป๋องแป๋งละ
โดย: luna(tic) วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:12:47:17 น.
  
เอาละ พี่แป๋ง เริ่มจากเรื่องหนังสือก่อน

หนังสือห่วยไหม เราไม่รู้ เพราะเรายังไม่เคยอ่าน
แต่จากที่เราอ่านแค่ที่อรุยกมา เราไม่เห็นด้วย ก็แค่นั้น ยังยืนยันตามเดิม
เรื่องของเรื่องก็คือ เราไม่ชอบการมองโลกด้วยอารมหดหู่ มืดมน ฉะนั้นเราก็เลยไม่ชอบหนังสือที่มาย้ำๆความคิดแบบนี้อยู่ได้น่ะ

แต่ตรงนี้เป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล ไม่เถียงแล้วนะ ขอปิดนะ

มาว่ากันถึงเรื่อง"กรอบ"บ้าง ในที่นี้เราหมายถึงกรอบของสังคมนะ ไม่ใช่เกี๊ยวกรอบหน้าปากซอย

คนในสังคม(เกือบ)ทุกคน เกิดมาต้องเรียนหนังสือ เรียนให้ดีเพื่อให้เข้ามหาลัยดีๆได้ เพื่อให้ได้งานดีๆ
ทำงานไต่เต้าไปเรื่อยๆ ให้ได้ตำแหน่งดีๆ หาเงินเยอะๆมาเลี้ยงดูครอบครัวและคนที่เรารัก

นี่ละ ที่เราเรียกว่ากรอบ

เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมจริงๆ จะเถียงได้เหรอในเมื่อเราก็ไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกนี้ได้จริงๆน่ะ
โอเค ถ้าจะตอบว่าอยู่ได้ แต่นั่นหมายถึงตัวเราคนเดียวรึเปล่า? แล้วคนที่เรารักละ? ถ้าเค้ามาอยู่กะเราในโลกที่ไม่มีอะไรเลย เค้าจะมีความสุขไหม?
ถ้าหมายถึงแค่ตัวเองจริงๆ ไม่สนใจคนอื่นเลย อยากจะเดินนอกกรอบ ไม่มีสังคม ไม่มีเงินก็ได้ อันนี้ก็เชิญ แต่เราว่าเป็นไปไม่ได้
จะเชื่อยังไง จะชอบอะไร จะมองโลกแบบไหน ก็เชิญ ไม่มีใครหาว่าบ้า แต่จากที่เราอธิบายไปแล้ว จะพูดได้ไหมว่าเราไม่มีทางเดินตามกรอบที่สังคมวางไว้เด็ดขาด

วันนั้นเราดูAF ครูดุ๊กมาสอนเด็กๆว่า ถ้าเรามีเงินล้นฟ้า มีชื่อเสียงมากมาย แต่เราไม่มีความสุขเลย กับเรามีเงิน5บาท แล้วเรามีความสุขได้อย่างนี้ จะเลือกแบบไหน?
ฟังแล้วก็....ขอร้องเหอะ ไอ้ความสุขที่มีน่ะ มาจากการที่มีอาหารดีๆกิน มีทีวีให้ดู มีเพลงให้ฟัง มีเตียงนุ่มๆให้นอน เจ็บป่วยก็รักษาได้

ถ้าไม่มีเงิน จะไปเอาพวกนี้มาจากไหนวะ?

เอ๊ะ เรานอกเรื่องรึเปล่านี่? คงไม่หรอกมั๊ง เนาะ?

เราไม่แปลกใจหรอกที่พี่ป๋องแป๋งจะตัดสินความเป็นตัวเราจากสิ่งที่เราแสดงออก แต่ที่พูดๆมาน่ะ มันก็เป็นแค่การที่เห็ฯอะไรที่เราไม่ชอบ แล้วเราอยากจะด่า มันก็แค่อารมปากจัด ซึ่งหลายๆคนก็เป็นกัน มันไม่ได้ไปไกลถึงความ"เน่าเฟะ"ของสังคมซะหน่อย
ในทางกลับกัน เรารู้สึกว่าทำไมคนชอบอยู่ในโลกหดหู่กันจังวะ การที่เราคิดแบบนี้เพราะเราก็รับมาจากการที่ผู้คนแสดงออกมานั่นเอง เช่น ในบ๊อกของพี่แป๋ง ฯลฯ
ถ้ากรอบของสังคมมันทำให้เราหดหู่นัก เราว่าคิดไปนอกกรอบมันก็ช่วยแค่ทางจิตใจแหละ มันไม่ได้ทำให้ชีวิตในกรอบของเราเปลี่ยนไปซะหน่อย ก็เหมือนเวลาเราหดหู่ เราเสียใจ เราหันไปหาเหล้าหรือสิ่งเสพติดทั้งหลายน่ะ มันก็แค่เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของเราในขณะนั้นเท่านั้น สุดท้ายไอ้เรื่องที่ทำให้เราเสียใจมันก็ยังมีอยู่อยู่ดี
ที่เราบอกให้ไปคิดว่าจะอยู่ในกรอบยังไงให้มีความสุขน่ะ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งคับแค้นใจกับกรอบของสังคม เพื่อที่เราจะได้มองสังคมอย่างที่มันเป็น แล้วก็ปรับตัวอยู่กับมันอย่างมีความสุขดีกว่าจะมานั่งสงสัย หดหู่ว่าทำไมโลกไม่เป็นงั้น ทำไมสังคมไม่เป็นงี๊

จบดีกว่า ขอห้วนๆ เพราะหิวข้าวมาก
โดย: luna(tic) วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:13:26:50 น.
  
เซ็งโว่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
พิมพ์ไปยาวเฟื้อย (อีกแล้ว) บล็อกแก๊งมันให้ล็อกอินก่อนตอบตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ?????
โดย: แง่ง ((my name is) luka ) วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:16:56:02 น.
  
เฮ้อ...

เมื่อไหร่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดกับเราอีกฟะ? ต่อไปจะพิมพ์ใส่เวิร์ดก่อนทุกครั้ง!

เราบอกว่า..

สุดท้ายมันก็คงต้องจบตรงที่ว่ามนุษย์นั้นต่างกัน การหาความสุขจากสิ่งต่างๆ มันก็ต่างกัน บางคนอาจมีความสุขได้จากความทุกข์โศกและหดหู่.. ฟังแล้วอาจจะแปลกๆ แต่มันจริงนะ..

บางที การครุ่นคิด ไตร่ตรอง หมกมุ่น ถึงชีวิตชีวิตนึงนั้น มันอาจจะเป็นความสุขลึกๆ ของคนบางคนได้ การจมอยู่ในความทุกข์มันอาจจะเป็นสิ่งที่เค้าเลือกก็ได้ (นี่หมายถึงเฉพาะคนที่เลือกที่จะเป็นอย่างนั้นนะ ไม่ใช่คนที่ทุกข์จริงๆ แล้วอยากหาทางออก) ไอ้คนแบบนี้อาจจะมีไม่เยอะหรอก แต่เราว่ามันมี.. แล้วจริงๆ มันก็ไม่ได้ดูโรคจิตขั้นที่เราพิมพ์หรอก แต่มันก็คล้ายๆ อย่างนี้แหละ เพราะถ้าจะให้อยู่ๆ ให้เรามองอะไรให้มันง่ายๆ แล้วใช้ชีวิตสบายๆ อยู่เท่าที่มี (ซึ่งจริงๆ ในสายตาคนอื่นมันควรจะมีความสุขได้แล้ว) เราก็คงจะทำไม่ได้ เราขอดิ้นรนหาความยากลำบากดีกว่า การเจอด้วยตัวเองดีกว่าจินตนาการอยู่แล้ว

ไม่รู้นอกเรื่องรึป่าว เพราะนี่ก็พิมพ์ต่างจากเดิมเยอะเลยว่ะ พิมพ์เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว

เราไม่ได้จะยุติการถกเถียงครั้งนี้ แต่จะบอกว่ามันก็อยู่ที่ความแตกต่างของพวกเรานั้นแหละ
แล้วเนื่องจากความแตกต่างนี้.. พวกเราสามารถถกเถียงกันได้ยาวไม่รู้จบ คุยกันต่อไปได้เรื่อยๆ นั่นแหละ

ปล. เราสบายดีจ่ะ
โดย: เฮ้อเธอ :P ((my name is) luka ) วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:17:03:15 น.
  
ไม่รู้จะตอบว่าไรแล้วล่ะ ขอคิดนิดนึง....

.... อะต่อนะ ยาวด้วย

เราเข้าใจนะ กะความหมายของเกี้ยวกรอบหน้าปากซอย เอ้ย "กรอบ"ของสังคมที่เต้บอกไว้ว่า คนเราเกิดมาแล้วต้องก้าวขึ้นไปให้มีความสุขโดยการได้งานดีๆ ที่ทำเงินให้เราเยอะๆ เพื่อมาซื้อความสุข เราเห็นด้วยในความคิดที่ว่าเงินซื้อความสุขได้ แต่มันก็มีความสุขอีกประเภทหนึ่งที่เงินซื้อไม่ได้ เพราะมันเป็นความสุขแบบที่ได้มาจากการสมหวังในสิ่งต่างๆ จากทั้งตัวเราแล้วก็คนรอบข้างที่เราได้เจอ
เรายอมรับว่าตัวเรามีความสุขจากสิ่งที่ตัวเองทำเกือบทั้งหมด แต่สิ่งที่คนอื่นทำความเสียหายกับจิตใจของเราก็เยอะอะ ไอ้เนี่ยถ้าเราเอาเงินซื้อได้คงเป็นอย่างเพลง I can buy you ของ A Camp ที่โดนใจน้องอรุ

อยากบอกว่ากรอบของเต้มันไม่ใช่ทั้งหมดของความหมายที่เราคิดอะสิ กรอบสังคม ที่เราเข้าใจนะ คือสิ่งที่พวกเราต้องทำตามๆ กันไปในสังคม แล้วก็สิ่งที่สื่อในสังคมเสนอ การโตขึ้นทำงานดีๆ ได้เงินเยอะๆ ก็เป็นส่วนหนึ่ง เรื่องนี้งี่เง่าเป็นบางส่วน คิดดูนะ สองคนเดินสวนกันในถนนสีลม คนนึงทำงานเป็นผู้จัดการในบริษัทใหญ่ได้เงินเดือน5หมื่น กะคนอีสานที่เข้ามาตั้งร้านขายของตอนกลางคืน ก็อาจได้เงินเดือนละ 4-5 หมื่น หรือมากกว่าด้วยซ้ำ ถ้าเค้าขยัน เนื่องจากความแตกต่างทางสถานะของสังคม คนทั้งสองใช้เงินซื้อความสุขที่ต่างกันแน่นอน แต่ก็มีความสุขเหมือนกัน คนแรกคือคนในกรอบ ส่วนคนหลังเป็นคนนอกกรอบของเต้ เพราะเค้าไม่ได้ทำงานดีๆ แต่ผลเป็นไง เค้าก็เลี้ยงชีพโดยความสุจริตเหมือนกัน นี่คือตัวอย่างที่เราพูดถึง

คนไทยไม่น้อยมองฝรั่งเป็นพระเจ้า เห็นฝรั่งก็คิดว่าเค้าซีวีไลซ์ คิดว่าฝรั่งเก่ง แท้จริงแล้ว เค้าแค่พูดภาษาสากลได้ดีกว่าเราเอง ยิ่งถ้าเป็นที่ทำงาน เราเห็นคนไทยเดินผ่านฝรั่งแล้วต้องก้มหัวซะต่ำ เพื่ออะไรวะ คงเป็นความเคยชินที่ต้องเคารพผู้ใหญ่ แต่อยากบอกว่าฝรั่งมันไม่รู้หรอกว่านี่คือมารยาทไทย ฝรั่งในเมืองไทยคิดว่ากูแน่ เพราะคนไทยไปกลัวเค้าเอง เราไม่ก้มหัวให้ฝรั่งพร่ำเพื่ออะ

อีกอัน อ๊ะ การสื่อสารมวลชน เห็นชัดมาก สื่อต่างๆ เยียดยัดข่าวสาร และความบันเทิงให้เราอยู่ คนไทยส่วนใหญ่เป็นพวกไม่ยอม negotiate ก็รับไปเต็มๆ การวิจารณ์ข่าวในทีวี ก็เป็นการยัดเยียดความคิดอย่างหนึ่ง พอๆ กับการนำเสนอ music video เพลงไทยยอดฮิต และการเปิดเพลงโปรโมทในสถานีวิทยุ

I choose something else... We have the right to negotiate with the Mass Com.

รู้ป่ะ ช่วงเวลาที่เราโตขึ้นมานะ สิ่งที่กวนใจเรามากที่สุดคือไร มันคือการที่ต้องคอยควบคุมตัวเองให้อยู่ในกรอบอันนั้นอะแล่ะ ตั้งแต่ที่เราเกิด ก็มีพ่อแม่ บุคคลที่เป็นเริ่มเอาตัวเราเข้าใส่กรอบที่พวกเค้าสร้างขึ้นให้เรา

ช่วงแรกๆ เราทำได้ เพราะเราไม่ได้คิดไร ทำตัวเป็นเด็กดีมากๆๆ ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ เราเรียนดีมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยได้เกรดต่ำกว่า 3 ม.4 ก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมได้ตามสูตรเด็กไทยสมัยโอลิมปิค แล้วก็เอ็นติดเข้าจุฬาตั้งแต่ม.5 เรียนจบด้วยคะแนนต่ำกว่าพวกที่ได้เกรียรตินิยม0.06เราเสียใจว่ะที่ไม่ได้เกรียรตินิยมเพราะเราได้C+ วิชาThesis เทอมสุดท้ายที่หน่วยกิจเยอะมาก ทั้งๆ ที่วิชา Design เราไม่เคยได้ต่ำกว่า B เลย แต่มาคิดๆ ดูไม่เห็นเป็นไร There was something to trade with ตอนนั้นเป็นช่วงวิกฤตในชีวิต เพราะว่าเราเลิกกับแฟนคนแรกที่รักเรามาก สาเหตุก็เพราะว่าเราใช้ความคิดนอกกรอบกับคนที่อยู่ในกรอบนั่นเอง เรื่องนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้ฉุกคิดอีกรอบ

ก่อนนั้นเรามีความสุขในการดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ครุ่นคิด ไตร่ตรอง หมกมุ่น ถึงชีวิต (แบบที่อรุว่าเลยอ่ะ แต่เราไม่ได้อยากจมอยู่กะความทุกข์น้า) จะว่าไปสิ่งเหล่านี้มีผลต่อแนวทางการดำเนินชีวิตของเรามากๆ ดนตรี Alternative เป็นสิ่งแรกที่ give idea ของ Alternative life กับเรา ทำให้เราเป็นคนนอกกระแส หรือ นอกกรอบ

หลังจากนั้น เมื่อรวมกับประสบการณ์ผจญโลกตามลำพังเราก็ได้แนวคิดใหม่ที่อยู่ตรงกลาง อืม

ตอนนี้ เราใช้ชีวิตการงานอยู่ในกรอบของสังคมที่เต้นิยามไว้เลย เห็นป่ะ เราทำได้ แต่เราก็มีความสุขกะชิวิตหลังเลิกงานที่อยู่นอกกรอบของคนส่วนใหญ่ อ่านหนังสือแบบเก๋าๆ ดูหนังอินดี้ ไปเจอเพื่อนๆที่ลลบ (พวกนอกกรอบกันทั้งนั้นแล่ะ ถ้าไม่นอกกรอบก็เป็นแกะดำเหมือนเต้ บู่วว) ฟังเพลง กินเหล้า สูบบุหรี่

สุดท้าย เรื่องทำตัวในกรอบนะ เราอยากให้สนใจทำตัวในกรอบของศีลธรรมมากกว่ากรอบของสังคม เพราะว่าจะได้ไม่ได้ทำให้คนอื่น sick
โดย: ไม่เคยดู AF เพราะนอกกระแส(นี่นึกคำแปลอยู่นานเลยนะ ยังดีจำได้เคยคุยกะอรุว่าเต้ติด AF) (Le Petit Panx ) วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:3:27:03 น.
  
เย่ๆๆๆ ฟังเพลงได้แล้วล่ะ เพิ่งไป d/l real player!!
โดย: Le Petit Panx วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:3:33:29 น.
  
"เรายอมรับว่าตัวเรามีความสุขจากสิ่งที่ตัวเองทำเกือบทั้งหมด แต่สิ่งที่คนอื่นทำความเสียหายกับจิตใจของเราก็เยอะอะ ไอ้เนี่ยถ้าเราเอาเงินซื้อได้คงเป็นอย่างเพลง I can buy you ของ A Camp ที่โดนใจน้องอรุ"

ใช่เลย ใช่เลย!!!!!!!!!!!

พี่แป้งๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอกอดหน่อยยยยยยยยยย

พี่แป้ง.. เราพูดไม่ถูกอ่ะ ก็ไม่ได้มีความสุขในความทุกข์ซะทีเดียวนะ.. แต่เราหมายถึงว่า.. การคิดมากๆ แบบพวกเราๆ มันทำให้ไม่ค่อยสบายใจ หมกมุ่น สับสน ฯลฯ แล้วนั้นก็ถือเป็นความทุกข์ในชีวิตอย่างหนึ่ง แต่เราก็จะเลือกที่จะมีความรู้สึกแบบนั้น.. ดีกว่าอยู่ว่างๆ สบายๆ หัวโล่งๆ แล้วปล่อยไหลไปตามครรลองคลองธรรมที่สังคมคิดว่าดี จนเราลืมตัวตน หรือสิ่งที่เป็นตัวเรา แล้วเราไม่คิดแม้แต่ที่จะค้นหาชีวิตของแต่ล่ะคนน่ะค่ะ.. มันคือความเป็นปัจเจกนั่นเอง.. โอ้ว มั่วไปหมดแล้วบล็อกนี้..

พี่แป้ง.. ขอบคุณสำหรับเมสเสจเมื่อคืนนะคะ เราจะพยายามเรียนรู้และซึมซับการใช้ชีวิตแบบนั้น..
แล้วก็.... เพลงเพราะป่ะคะ?
โดย: (my name is) luka วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:11:48:59 น.
  
เราเพิ่งมาอ่านอีกทีแล้วนึกได้ว่ายังไม่ได้ตอบเต้เรื่อง "ผิดแผก"

เราไม่ได้คิดว่าเราผิดแผกจากใครๆ เมื่อเราอ่านความคิดเห็นเต้หรอกนะ เพราะเรารู้ว่าคงจะมีคนไม่น้อยที่จะมาอ่านที่เราพิมพ์แล้วเห็นด้วย

แต่เรารู้สึก "ผิดแผก" เนื่องจากลักษณะการแสดงความคิดเห็นของเต้ที่ดูเหมือนจะฉุนเฉียวนั้นทำให้เราคิดว่าการคิดแบบที่เราคิดมันผิด ต่างหากล่ะ เต้อาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่เราก็รู้สึกอย่างนั้น

ที่เราบอกว่าเราอ่านความคิดเห็นของเต้เรื่องนั้นแล้วเราหงุดหงิด เพราะเรารู้สึกเหมือนอ่านความคิดเห็นของคนในพันธ์ทิพย์.. เราก็หมายความว่า.. คนในพันธ์ทิพย์ชอบยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง และพูดจาเหมือนอีกฝ่ายที่คิดไม่เหมือนกันมันผิด ผิด ผิด แล้วก็ผิด!! โดยที่เค้าไม่เล็งเห็นถึงความแตกต่างในความคิดของมนุษย์เลย แต่เราก็ไม่ถือสาไรพวกเค้ามากหรอก เราก็แค่ไม่อ่านแล้วก็ไม่ใส่ใจ

แต่สำหรับเต้เราใส่ใจเสมอจ้ะ

ป่าวจะจุดไฟทะเลาะนะ แค่จะแจงสี่เบี้ย

ปล. ชาวพันธ์ทิพย์ที่เข้ามาอ่าน.. เราไม่ได้บอกกล่าวว่าชาวพันธ์ทิพย์ทั้งโคตรเหง้านะ.. เพราะเราก็ถือว่าตัวเองเป็นชาวพันธ์ทิพย์กลายๆ (ก็แน่ดิ.. บล็อกแก๊งก็ของพันธ์ทิพย์) แต่เรากล่าวถึงบางคนที่คุณๆ ทั่นๆ ก็เห็นๆ อยู่น่ะค่ะ
โดย: ไอแค๊นท์บายยู.. เน๊เว่อ แอ่น เน๊เว่อ ((my name is) luka ) วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:12:19:22 น.
  
อรุ เรื่องความคิดมาก หมกมุ่นอะนะ เราว่าทุกคนไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ในหรือนอกกระแสก็มีต้องเคยรู้สึกอย่างนั้น (ยกเว้นพวกไร้หัวใจ) ขึ้นกับว่าจะรู้สึกมาก หรือน้อย เพราะสิ่งที่เราคาดหวังไว้มันไม่เป็นจริงไง แต่การแสดงออกของแต่ละคนแตกต่างกัน จะออกมาหม่นมาก หรือน้อย ก็แล้วแต่ว่าเราปล่อยไอ้สิ่งแย่ๆ นั้นเข้ามากัดกินตัวตนมากขนาดไหน บางคนก็ทำร้ายตัวเอง ทำเหมือนโลกจะแตก บางคนก็ร้องไห้ฟูมฟาย แต่รู้ป่าวยังมีบางคนกลับแสดงความรู้สึกทางด้านตรงข้ามกับความเหลวแหลกในใจ

บางที มันเหมือนกับเป็นการแสดงภาพพจน์ของเราให้คนรอบด้านมองเห็นด้วยอ่ะ แต่ตัวจริงๆ ของเราเป็นไงก็อีกเรื่อง เหมือนที่เพลงบอกว่า คนอื่นๆ เข้าใจผิดบ้างก็ดี
โดย: It's not the end of the world!! (Le Petit Panx ) วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:19:51:17 น.
  
เหมือนเพลงจริงๆ ด้วย!!
โดย: (my name is) luka วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:20:40:07 น.
  
สรุปแล้วเราคุยกันถูกประเด็นแล้ว เป็นประเด็นเดียวกันกับ เพลงที่อรุเอามาลง
โดย: เต้สอบเสร็จแล้วมาตอบด้วยนะ (Le Petit Panx ) วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:18:25:30 น.
  
ไม่ตอบอะ ขี้เกียจแล้ว
โดย: tae_tae IP: 210.246.160.2 วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:14:22:21 น.
  
เท่าที่อ่านดู ทุกคนก็ได้ข้อสรุปของตัวเองกันไปหมดแล้วนิ
ไอ้ที่เราร่ายมายาวๆน่ะ มันก็เป็นแค่เรื่องที่เราคิดว่าเข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง

ในเมื่อเข้าใจกันถูกแล้ว ก็ไม่มีไรต้องอธิบายนิ อาจจะมีที่ยังไม่ชัดเจนบ้างก็ช่างมันเหอะ
ถ้าจะให้ถกกันไปเรื่อยมันก็ไม่มีวันจบหรอก เหมือนคุยกันเรื่องความรัก การเมืองและศาสนาน่ะแหละ

ก็เลือกยืนกันตรงจุดที่ตัวเองมีความสุขที่สุดโดยไม่เดือดร้อนคนอื่นละกัน นั่นละทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
โดย: tae_tae IP: 210.246.160.2 วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:14:28:04 น.
  
เรื่องของมึง

โดย: งึงึ IP: 58.11.109.15 วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:15:54:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Talkshit.BlogGang.com

(my name is) luka
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด