Thank you, coffee ขอบคุณกาแฟที่ช่วยเตือนถึงหัวใจของเราที่กำลังเต้นอยู่ ...หลังจากเวลาอันเนิ่นนานที่เราอยู่ในห้วงของความคิดและจิตวิญญาณ ฟังดูประสาทแดก ..โทษที เมื่อวานประโยคท่อนที่ว่า Im too much with myself, I wanna be someone else วนเวียนไปมาในหัวสมอง (อาจจะเป็นเพราะว่าเราร้องได้อยู่แค่ท่อนนี้) เรารู้สึกว่า.. คำพูดของนัทที่เราเคยคิดว่านัทไม่เข้าใจเรานั้นมันถูก เราจมจ่อมในความคิดของตัวเองมากเกินไป เรามอง เราทำ เราคิดอะไร.. ทุกอย่างเป็น subjective ไปหมด ...เราไม่เคยมองสิ่งที่เป็นตัวตนของมัน แต่เรามองจากบรรทัดฐานของตัวเอง เอาความรู้สึกของตัวเองเป็นตัววัด แล้วเราก็รู้สึกกับมัน เรายึดติดกับมัน จนสิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นเรื่องของคนอื่นนั้น... ก็กลายเป็นเรื่องของเราทั้งหมด เราใส่ใจกับมันมากเกินไป ทำให้เราเป็นทุกข์ ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าเพิ่งคิดได้ ก็รู้จักตัวเองดีอยู่หรอกนะ ที่ผ่านมา แล้วก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนได้ง่ายๆ ด้วย (แล้วจะมาพูดทำไมก็ไม่รู้ ![]() เอาน่ะ.. เต้ก็คงจะเข้ามาบอกอีกว่า People cant change แต่เรากลับคิดว่า ทุกช่วงเสี้ยววินาทีนั้น ทุกๆ คนค่อยๆ เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นตัวเองเรื่อยๆ ในช่วงวินาทีนั้น อาจจะสังเกตยากหน่อยถ้าเรามองพวกเราเองในช่วงเวลานี้ แต่มันน่าจะมองได้ชัดขึ้นถ้าเราเอาไปเทียบกับตัวเราเองเมื่อ 10 ปีก่อน ....อาจจะเป็นเราคนเดียว คนอื่นอาจจะไม่ได้เปลี่ยนก็ได้ ใครจะรู้ เราไม่ได้เกลียดตัวเองนะ แต่ก็ไม่ได้รักขนาดนั้น ..แต่ตอนนี้เราจะหันมารักตัวเองขึ้นมากๆ จะหันมาสนใจตัวเองมากขึ้น แต่เวลาที่คิดอย่างนี้อยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหันมาสนใจด้วยวิธีไหน ปล. ยังรักเพื่อนๆ เหมือนเดิมอยู่นะ บ้าบอ.. เอ้า เปลี่ยนเรื่องๆๆๆ 2-3 คืนก่อนอ่านหนังสือแนวๆ Trainspotting มาถึงตอน ปัญหาเคๆ เจอย่อหน้าประทับใจและอยากให้อ่านกัน พอดีช่วงนี้ติดหนังสือเล่มนี้พอสมควร ต้องอ่านทุกคืนไม่ว่าจะง่วงแค่ไหน (ยกเว้นตอนเมา.. ขอหลับเป็นตาย) เรื่องราวมันมีอยู่ว่า.. เพื่อนพี่มาร์ก เรนตัน ชื่อทอมมี่ สงสัยว่า ยามันช่วยอะไรได้? แล้วพี่มาร์ก ก็ตอบไปว่า.. กูก็ไม่แน่ใจว่ะ ทอม กูก็ไม่ค่อยชัวร์ แม่งก็เหมือนกับมันช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นจริงมากขึ้น ชีวิตแม่งน่าเบื่อ ไม่มีจุดหมาย เกิดมาพร้อมความหวังเต็มเปี่ยม แต่กลับฝังกลบมันไว้ รู้ๆ กันอยู่ว่า วันหนึ่งทุกคนแม่งก็ต้องตาย โดยไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าเกิดมาทำไม ก็แค่เกิดมาสั่งสมความรู้สึกนึกคิดที่สุดท้ายแม่งก็นำพาชีวิตเราไปอีกแบบ โดยที่ไม่ได้ใช้ร่างกายอย่างสุดขีดความสามารถเพื่อที่จะค้นพบความรู้แจ้งเห็นจริง ว่ากันง่ายๆ ก็คือพวกเราอ่ะ มักจะมีชีวิตสั้นและน่าผิดหวัง แล้วสุดท้ายก็ตาย ชีวิตเลยถูกเติมเต็มไปด้วยเรื่องหลอกลวง อย่างเรื่องงานหรือความสัมพันธ์ ที่สุดท้ายแม่งก็ไม่ได้นำพาเราไปได้ถึงไหน เฮโรอีนน่ะ เป็นยาที่จริงใจสัตว์ๆ แล้ว เพราะแม่งกระชากเอาเรื่องหลอกลวงพวกนั้นออกไปจากมึง ตอนเล่นยาอ่ะ ถ้ามึงรู้สึกดีอยู่ มึงก็จะยิ่งรู้สึกเป็นอมตะ แต่ถ้ามึงรู้สึกแย่อยู่ล่ะก็ ยาแม่งก็จะช่วยเน้นไอ้ความฉิบหายทั้งปวงที่รอคอยมึงอยู่ตรงนั้น มันไม่ได้พยายามชักนำสติมึงนะเว้ย มันแค่ให้ความกระสันต์ แล้วก็ความรู้สึกเพียบพร้อม หลังจากนั้น มึงก็จะได้เห็นโลกเน่าๆ อย่างที่มันเป็น แล้วมึงก็จะได้ไม่ทำตัวขวางโลกอีก อ่ะ.. แล้วก็มาฟังเพลงประกอบบทความและหนังสือกันจ่ะ I don't know just where I'm going But I'm gonna try for the kingdom if I can 'Cause it makes me feel like I'm a man When I put a spike into my vein Then I tell you things aren't quite the same When I'm rushing on my run And I feel just like Jesus' son And I guess that I just don't know And I guess that I just don't know I have made the big decision I'm gonna try to nullify my life 'Cause when the blood begins to flow When it shoots up the dropper's neck When I'm closing in on death And you can't help me, not you guys Or all you sweet girls with all your sweet talk You can all go take a walk And I guess I just don't know And I guess that I just don't know I wish that I was born a thousand years ago I wish that I'd sailed the darkened seas On a great big clipper ship Going from this land here to that On a sailor's suit and cap Away from the big city Where a man cannot be free Of all the evils of this town And of himself and those around Oh, and I guess that I just don't know Oh, and I guess that I just don't know Heroin, be the death of me Heroin, it's my wife and it's my life, ha-ha Because a mainer to my vein Leads to a center in my head And then I'm better off than dead Because when the smack begins to flow I really don't care anymore About all the Jim-Jims in this town And all the politicians making crazy sounds And everybody putting everybody else down And all the dead bodies piled up in mounds 'Cause when the smack begins to flow Then I really don't care anymore Ah, when that heroin is in my blood And the blood is in my head Man thank God that I'm as good as dead And thank your God that I'm not aware And thank God that I just don't care And I guess that I just don't know Oh, and I guess that I just don't know (แถมรูป Nico ด้วย เซ็กซี่ดี ชอบ) ![]() ยังไงไม่รู้..
แต่อ่านความเห็นเต้แล้วหงุดหงิดว่ะ เหมือนอ่านความเห็นพวกคนในพันธ์ทิพย์ แต่ไม่ได้ว่าไร โลกนี้ช่างเสรี เอาเลย พูดไรพูดเลย พูดเด้!!! ฮ่าๆๆๆๆ ประสาทแอสออร์เวยส์ ![]() โดย: อรุ, กูเอง IP: 202.183.169.234 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:18:52:04 น.
หมุนวนในโลกใบบางๆของตัวเอง
กลับไปกลับมาโอนเองโงกเงก ยืนไม่อยู่เพราะน้ำใสสีจางๆแก้วนั้น เลยได้แต่คิดๆๆๆออกจากมันสู่โลกอื่น ทำไม่ได้ทำไม่ได้หมุนวนมาเหมือนเดิม อีกแล้วสิที่ฉันแพ้กับตัวเองเป็นพันครั้ง งั้นฉันจะอยู่กับตัวเองให้เข้าใจ จะรักมันมากกว่าใครๆทั้งนั้น ก้โลกใบนี้เป็นของฉันเองนี่นา โดย: 11ชั้น IP: 202.149.117.226 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:19:19:24 น.
เพื่อนของเราคนนึงบอกว่า เอนโดรฟีนและอะดรีนาลินเป็นสารที่ทำให้คนเรามีความสุขและรู้สึกแอคทีฟ จะได้จากการออกกำลังกาย, sex, และฉีดเฮโรอีน ซึ่งเราและเพื่อนได้ข้อสรุปตรงกันว่าสองทางแรกดูจะยากเกินไปและไม่เวิร์คสำหรับคนแบบพวกเราเท่าไหร่ เหลือแต่ฉีดผงนี่แหละที่พอจะทำได้ ฮี่ๆๆ
![]() โดย: sanonoi
![]() ก็ เต้ มันเด็ก พันทิพ
![]() เฮโรอีนน่ะ เป็นยาที่จริงใจสัตว์ๆ แล้ว เพราะแม่งกระชากเอาเรื่องหลอกลวงพวกนั้นออกไป ชอบ.. แต่ไม่เล่นยาแน่ๆ เหิ่ม / มีคนๆนึงบอกว่าเรา ทำตัวขวางโลก จนไม่สามารถจะคบเราได้ แม่งถูกสังคมจอมปลอม ครอบงำ ?? เหิ่ม ... "แม่งจะต้องหาเหตุผลไรในชีวิตนักหนาวะ แถมเหตุผลที่ให้มาก็ดูดุดัน รุนแรง " มันต้องดุดันแบบนี้แหละ คนเข้าใจโลกแบบกู ยังคล้อยตามเลย คั่ก คั่ก ![]() โดย: งึงึ.. อยากฆ่าบอส IP: 61.90.69.132 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:21:04:38 น.
ฮิฮิ ยักบ๊วย
![]() โดย: ยุเอง IP: 203.118.110.41 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:22:07:06 น.
เอ...หรือว่าเราจะแสดงความเห็นส่วนตัวผิดที่น๊า
![]() รู้สึกเหมือนพูดภาษาไทยในประเทศตะวันตกยังไงไม่รู้แฮะ... แต่ยังไงซะก็จะคิดแบบนี้ ใครจะทำไม ![]() ว่าแล้วก็ไปอ่านสามเกลอดีกว่า ![]() อ้อ ใครหงุดหงิดก็ไปอ่านได้นะ รับรองหาย ![]() โดย: tae_tae IP: 58.10.204.213 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:22:49:33 น.
เออ เอามาอ่านมั้ง
![]() โดย: งึงึ IP: 58.11.109.15 วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:11:56:54 น.
...เรากลวง...
โดย: ต้องโทษไตร <img src=http://www.bloggang.com/emo/emo14.gif> IP: 202.133.131.102 วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:12:38:30 น.
![]() โดย: อ้าว มันใส่หน้าตรงชื่อไม่ได้เหรอ IP: 202.133.131.102 วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:12:40:25 น.
ขอต่อกลับคอมเม้น น้องเต้ที่รักก่อนนะอรุ
เต้ แล้วไอ้ หนังสือธรรมดา(แบบที่เต้อ่าน) มันไม่ทำตัวมีเหตุผล มีตรรกะแปลกๆ เก๋าๆ บ้างเลยเหรอ ไม่ใช่มั้ง หนังสือทุกเล่มมีเหตุผลของมันเอง แล้วเหตุผลยังไงที่เรียกว่าแปลก มันก็อาจแค่แปลกสำหรับตัวเต้เองรึเปล่า อ่านดีๆ สิ มันแสดงความคิดในเสี้ยวหนึ่งซึ่งอาจเป้นของแค่คนๆ หนึ่งที่บังเอิญมากระทบกับจิตของคนๆ หนึ่งในอีกเวลาหนึ่ง "กูก็ไม่แน่ใจว่ะ ทอม กูก็ไม่ค่อยชัวร์ แม่งก็เหมือนกับมันช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นจริงมากขึ้น " การหาเหตุผลในชีวิตเป็นเรื่องของวิชาปรัชญา มันแปลกด้วยเหรอที่คนจะรู้สึกสงสัยในความเป็นตัวเอง อยากเล่าเรื่องของAlbert Camus มากเลย ไว้ก่อนละกัน ------------------------------- ส่วนน้องอรุที่รัก ถึงจะรู้จักอรุมาไม่นานเท่าไหร่ แต่อยากเอาใจช่วยให้อรุรักตัวเองมากขึ้นเป็นที่สุด เราว่าการรักตัวเองเป็นคุณสมบัติหนึ่งของ การเป็น self-center (ที่ไม่ใช่ selfish) แต่ไหงมันขัดๆ กันก็ไม่รู้ หรือว่าเราเข้าใจผิดไปเอง โดย: L' etranger (Le Petit Panx
![]() โน โน พี่ป๋องแป๋ง ด๊อน เกท มี รอง
เอ...หรือว่าพี่แป๋งเข้าใจเราถูกแล้วหว่า? ![]() คือ ไอ้เรื่องมันแปลกสำหรับเราไหม มันก็แปลกอยู่ แต่ที่มากกว่าก็คือ เราไม่"อิน"ไปกับเรื่องราวแบบนี้มากกว่า เอาแค่ที่quoteมาในบ๊อกเนี่ย แปลว่าไม่ว่าจะรู้สึกยังไง จะดีหรือเลว สุดท้ายเราก็สามารถหาเหตุผลมาเล่นยาได้ตลอด... ...มอมเมาไปม๊างงง ![]() ไอเดียต่างๆที่พรั่งพรูออกมา มันก็ฟังดูดีนะ แต่สุดท้ายแล้ว คนทุกคนก็ต้องเดินตามกรอบที่สังคมวางไว้อยู่ดี จะพยามไปคิดนอกกรอบให้โลกมันน่าอยู่น้อยลงไปอีกทำไม เอาเวลาไปคิดว่า เราจะอยู่ในกรอบยังไงให้มีความสุขไม่ง่ายกว่าเหรอ? อืม...สรุปง่ายๆละกัน คือเราไม่ชอบ ไม่เข้าใจ และไม่ได้มองโลกในแง่มุมนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่มองโลกในแง่นั้นจะอยู่ร่วมโลกกะเราไม่ได้ เพราะในความจริงที่เป็นอยู่ คนรอบตัวเราก็มีหลายคนที่มองโลกแบบนั้น แล้วเราก็คงจะไม่เข้าใจต่อไปอีกแหละ ทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง เรารู้สึกดีที่มีคนคิดแตกต่างจากเรา เราจะได้มองโลกในหลายแง่มุมมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะชอบไปทุกแง่นี่ ![]() พี่ป๋องแป๋ง(หรือใครก็ได้)รีบมาต่อเร็วๆนะ ถ้ายังรู้สึกขัดใจอยู่ เราชอบจังเลยเวลาควักเหตุผลมาคุยกะคนอื่นน่ะ เล่นกันในบ๊อกอรุนี่ละ หนุกดี ขอบคุณจขบที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ ![]() โดย: tae_tae IP: 58.10.195.233 วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:1:20:32 น.
โอ้ว มาย...... มันมาจากไหนเป็นพรืดเนี่ย?
เราเข้าใจเต้นะ เข้าใจความเป็นตัวตนเต้ แล้วเต้ก็เป็นคนประเภทนี้คนเดียวในโลก ที่เราได้รู้จักและคบหา แต่เราไม่อิจฉาเต้เลย ในความ "เข้าใจโลก" ในแบบฉบับของเต้ รู้สึกว่าเต้เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองดี มันดีสำหรับเต้ ก็แค่นั้น ..ยังไงเราก็ยังเลือกที่จะเป็นคนอย่างนี้อยู่แหละ ไม่เปลี่ยนใจ ส่วนเรื่องบทความที่ยกมานั้นน่ะ ที่เราสนใจ.. เราไม่ได้สนใจที่มันชักชวนให้ใครไปเล่นยาหรืออะไรหรอกนะ เราชอบวิธีการคิดการมองชีวิตของมนุษย์มากกว่า สงสัยจริงๆ ว่าพวกเราเกิดมาทำไม? เราชอบคิดว่ามนุษย์ทุกคนนั้นหลงทาง และก็ขวักไขว่หาทางมีชีวิตที่เราคิดว่าใช่ ใครหาเจอก็ดี ใครหาไม่เจอก็คงต้องวิ่งต่อไป (เต้อาจจะไม่ใช่คนในกลุ่มคนที่เราคิดนะ.. เพราะเราคิดเองเออเอง) แล้วไอ้การใช้ยาก็เป็นวิธีการหาทางออกของตัวละครในหนังสือเล่มนี้ เราว่าถ้าเต้อ่าน เต้ก็อาจจะเข้าใจมากขึ้นนะ.. หรือดูหนังก็ได้.. เพราะเค้ามีบอกว่า คนนู้นคนนี้ก็เลือกนู่นเลือกนี่เพื่อสร้างสิ่งที่เราเรียกกันว่า "ชีวิต" แต่พี่มาร์กเค้าไม่เลือกสิ่งนั้นหรอก.. มันหลอกลวง มันสรรค์สร้าง.. มันไม่จริง เค้าเลือกยาดีกว่า เราไม่ได้รู้สึกว่ามันมอมเมานะ.. เราไม่ได้เชิญชวนให้มาเล่นยากัน ก็อย่างที่บอก.. เราชอบที่เค้ามองชีวิตมากกว่า มนุษย์มันอ่อนแอ.. และหาสิ่งยึดเหนี่ยวให้กับชีวิต ยศฐาบรรดาศักดิ์ เงินทอง ความรัก ฯลฯ อะไรที่เค้าคิดว่าสำคัญกับชีวิตเค้านั้นแหละ แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่เคยให้คำตอบอะไรกับใครได้อย่างจริงๆ เลย เราถึงบอก ว่าเต้เป็นคนเดียวในโลกที่เรารู้จัก ที่ไม่ได้ยึดอย่างอื่นเป็นปัจจัยหลักในการหาความสุข แต่เต้ยึดที่ตัวเอง เราไม่รู้ว่าเราเข้าใจเต้ถูกรึป่าวนะ.. แต่หวังว่าคงจะพอถูกบ้างไม่มากก็น้อย สำหรับพี่แป้ง.. ขอบคุณค่ะ สำหรับนัท... ไตรทำอะไรนัทถึงขั้นหัวกลวงเลยหรอ? อย่าหักโหมเกินไปนะ ![]() สุดท้าย ทิ้งเนื้อเพลง Choose life ไว้ให้อ่านกัน มันเกี่ยวเนื่องกับข้อความที่เราพิมพ์นี้ล่ะ Choose life. Choose a job. Choose a career. Choose a family. Choose a fucking big television, choose washing machines, cars, compact disc players and electrical tin openers. Choose good health, low cholesterol and dental insurance. Choose fixed-interest mortgage repayments. Choose a starter home. Choose your friends. Choose leisurewear and matching luggage. Choose a three-piece suite on hire purchase in a range of fucking fabrics. Choose DIY and wondering who the fuck you are on a Sunday morning. Choose sitting on that couch watching mind-numbing, spirit-crushing game shows, stuffing fucking junk food into your mouth. Choose rotting away at the end of it all, pishing your last in a miserable home, nothing more than an embarrassment to the selfish, fucked-up brats you have spawned to replace yourself. Choose your future. Choose life. But why would I want to do a thing like that? I chose not to choose life: I chose something else. And the reasons? There are no reasons. Who needs reasons when you've got Heroin? โดย: จขบ ยาวไปหน่อย โทษที IP: 203.118.106.33 วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:14:13:46 น.
เออ อาจจะเป็นได้ว่า เราเป็นพวกฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียดก็ได้
เพราะว่ากันตามตรง เราก็ยังไม่เคยดูหนังหรืออ่านหนังสือเรื่องนี้เลย(เชยเนาะ) ไว้ถ้าเราได้ดู เราคงเข้าใจใน idea ของมันมากขึ้น ส่วนเรื่องเล่นยา ไม่พูดถึงแล้วละกัน จริงๆมันก็ไม่ใช่เมนไอเดียของเราที่เราโพสไปหรอก แต่เราโพสตอนเรากะลังจะไปนอน อาจจะงงๆไปบ้าง my bad,my bad อรุคงเข้าใจเราถูกแหละมั๊ง เพราะเราก็ไม่เคยคิดจริงจังซักทีว่าเรายึดอะไรเป็นความสุข ก็คงตัวเราเองนั่นแหละ อ้อ อีกอย่างก็คือเงิน อาจฟังดูกลวงๆตลาดๆ แต่เราก็คิดงั้นจริงๆ สรุปนะ ใครจะคิดไรก็คิด อยากใช้ชีวิตแบบไหนก็เชิญ เราคงไม่ไปก้าวก่าย แต่นี่คือตัวเรา เราคิดแบบนี้ และคงไม่เปลี่ยนในเร็ววันนี้ด้วย แต่เราพร้อมเสมอนะ ถ้าใครอยากจะถกปัญหากะเรา เราชอบมาก(ก็คงพอจะเดาได้จากการตอบเนาะ) เชิญได้เสมอถ้าไม่เกลียดเราไปซะก่อน เพราะเราคงไม่เกลียดใครด้วยเหตุผลแค่คิดไม่เหมือนกันหรอก รักเสมอ เจ๋อตลอด โดย: tae_tae IP: 58.10.211.83 วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:15:54:32 น.
เรื่องของมึง
เก๋า ๆ มาเจอกันหลัง ลลบ คัก คั่ก ![]() โดย: งึงึ IP: 58.11.109.15 วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:16:04:11 น.
"แต่สุดท้ายแล้ว คนทุกคนก็ต้องเดินตามกรอบที่สังคมวางไว้อยู่ดี จะพยามไปคิดนอกกรอบให้โลกมันน่าอยู่น้อยลงไปอีกทำไม
เอาเวลาไปคิดว่า เราจะอยู่ในกรอบยังไงให้มีความสุขไม่ง่ายกว่าเหรอ?" ไม่ชอบความคิดอันนี้ของเต้มากๆๆๆๆๆๆๆ แหวะๆๆๆๆ ที่เราอยู่ในโลกนี้มาจนทุกวันนี้ ถ้าจะหาเหตุผลแล้วก็คงเป็นเพราะว่า อยู่ไปเพื่อคิด และค้นหา ไม่ได้อยู่เพื่อทำตัวตามกรอบ เราเกียจกฏเกณฑ์ของสังคมที่ทำให้คนกลายเป็นสัด...สังคม ไม่ได้จะแสดงความ anti-social นะ แต่การที่มองอะไรอยู่แต่ในกรอบก็ไม่ต่างกับกบในกะลาอะหรอก เราว่าเวลาเต้มองอะไรในสังคมอะ แล้วพอเต้เริ่มเจอกับสิ่งที่ตัวเองคิดได้ว่าที่สังคมทำกันนั้นมันห่วยแตก เต้ก็จะเริ่มตำหนิมัน แล้วตรงนี้กรอบของสังคมอยู่ที่ไหนอ่ะ เต้มีความสุขแล้วเหรอที่พอเห็นความเน่าเฟะ ก็เก็บส่วนเละๆ มามอง แล้วก็เริ่มวิจารณ์ หรือว่าความสุขของเต้คือการเอาสังคมในส่วนแย่ๆ มาตีแผ่ เต้ลองมองผ่านไอ้ที่เต้เรียกว่ากรอบไปหน่อยสิ แล้วเต้จะเห็นว่าโลกเรายังมีสิ่งสวยงามให้ชื่นชมอยู่อีกเยอะ รวมถึงที่เวลาเรามองย้อนกลับไปที่ความเป็นชีวิตเอง ไม่ว่าตอนที่เราปกติหรือว่าเมาแตก - - - - - - - - - - - - - - - บ๊วย จะมาให้สอนทรีดีป่าว บู่ววว ให้ไปเจอหลังลลบ ช่วยลูบหลังอะดิ หัดกินเหล้าให้ไม่อ๊วกก่อนแล้วจะสอนให้ฟรีๆๆ อิๆๆ ![]() โดย: พี่ป๊องแป๊งขอบคุณอรุสำหรับพื้นที่นี่จ้า ไว้จะไปเปิดที่บ้อกตัวเองมั่ง IP: 203.147.55.35 วันที่: 1 ตุลาคม 2548 เวลา:13:58:07 น.
อืม...เรานั่งคิดอยู่นานมากเลยนะ ว่าจะตอบว่าไรดี
เราว่าพี่แป๋งเข้าใจเราผิดหมดเลยว่ะ (ขอตัวหนาบ้าง) เท่าที่เราอ่านดูและเข้าใจนะ ไอส่วนที่พี่แป๋งด่าเราน่ะ มันไม่ได้มีส่วนไหนคล้ายหรือเชื่อมโยงกับไอเดียในการใช้ชีวิตของเราเลยนะ ไอ้การมองแต่ส่วนเละๆแล้วคอยแต่วิจารณ์ส่วนนั้นน่ะ ไปเข้าใจมาจากส่วนไหนของประโยคที่เราบอกว่า "เอาเวลาไปคิดว่า เราจะอยู่ในกรอบยังไงให้มีความสุขไม่ง่ายกว่าเหรอ?"เหรอ? ถ้าเราใช้คำพูดได้ไม่ดี จะอธิบายอีกทีให้เคลียนะ เราหมายถึง โลกที่เราอยู่เนี่ย ส่วนที่มันไม่สวยงามก็มีเยอะอยู่แล้ว ทำไมเราไม่หาสิ่งสวยๆงามๆมองบ้างละ การที่เราพูดแบบนี้ เพราะเรารู้สึกว่า โลกของเราที่เรามองเห็นแม่งก็สวยงามดีนี่หว่า แล้วทำไมหลายๆคนถึงเลือกที่จะอยู่แต่ในโลกมืดๆอับๆของตัวเองวะ? ถ้ายังไม่เข้าใจอีกก็มาถามได้ ยินดีแลกเปลี่ยนมุมมองเสมอ แต่ถ้าเข้าใจแล้วยังรู้สึกเกลียดความคิดเราอยู่ ก็เชิญ เราก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าทุกคนจะต้องคิดเหมือนเรา แต่อย่างน้อยเอาให้ชัวร์ก่อนละกันว่าเข้าใจไอเดียของเราถูกแน่ๆแล้วน่ะ กบในกะลา คือกบที่ไม่เคยออกจากกะลาเลย แล้วก็เข้าใจว่าโลกในกะลาของตัวเองคือโลกที่สวยงามและถูกต้องที่สุดแล้ว แต่กบที่ออกจากท่องเที่ยวไปเรื่อย เห็นโลกมาหลายที่แล้ว แล้วก็ได้รู้ว่า ไม่มีที่ไหนสวยงามและสุขสบายเหมือนกะลาที่ตัวเคยอยู่ จะว่ากบตัวนี้ได้ไหมว่าไม่รู้จักคิดนอกกรอบ? ขอบคุณจขบอีกทีที่เป็นสปอนเซอร์พื้นที่ ![]() โดย: tae_tae IP: 58.10.207.100 วันที่: 1 ตุลาคม 2548 เวลา:23:10:01 น.
![]() อย่าตีกันจ่ะเด็กๆ เราอ่านไปอ่านมาเริ่มหลงประเด็น อ่านแล้วงง ต้องกลับไปอ่านที่ตัวเองเขียนเอาไว้ใหม่ ...เอ่อ อ่า ฮ่าๆ ยัวเว๊วคั่ม ใช้กันตามสะดวกเจ้า (เพราะว่าเริ่มต่อไม่ติดแล้ว เหมือนว่าถ้าตอบก็จะไปเปลี่ยนประเด็นเข้าไปอีกคน) โดย: ยุตัวอ้วน IP: 203.118.110.97 วันที่: 3 ตุลาคม 2548 เวลา:9:35:27 น.
อย่าทะเลาะกันๆ เพราะไอ้เรื่องความคิด ความเข้าใจ ความต้องการ ต่างกันเนี่ย ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายบนโลกนี้มามากละ
อยากบอกว่า ทุกๆคนเกิดมา มีเคมีในร่างกายต่างกัน เติบโตต่างกัน สะสมอะไรๆมาไม่เหมือนกัน ทุกคนจึงไม่มีอะไรเหมือนกัน แน่นอนว่าฟังดูแล้วอาจจะดูโดดเดี่ยว และถ้ายังยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แน่นอนว่าก็จะยิ่งรู้สึกแย่ต่อสังคม ต่อโลกนะ เพราะในโลกนี้ไม่มีคำว่าถูกคำว่าผิด และคนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกในทุกเรื่อง เลือกความพอใจของตัวเอง เลือกจุดที่จะยืน ซึ่งถ้าทุกคนคิดได้ในข้อๆนี้แล้วน่ะ ก็จะมองผู้อื่นได้กว้างขึ้น และเข้าใจขึ้น เหมือนคำว่า รักอย่างที่เขาเป็น คือรู้ว่าเขาเลือกที่จะทำอะไร เลือกที่จะอยู่ตรงไหน ถ้าเพื่อนเราเลือกทางที่เขาเข้าใจว่า เป็นทางที่เขาน่าจะมีความสุข เราก็ต้องดีใจกับเขาด้วยนะ แม้ว่าเราจะยืนอยู่คนละจุดกัน คนละระดับกัน แต่เข้าใจกัน เราก็คือเพื่อนกันเนอะ โดย: ตานัท ผู้รักสันติ IP: 61.91.77.226 วันที่: 3 ตุลาคม 2548 เวลา:11:53:56 น.
![]() ![]() โดย: จขบ IP: 203.118.110.97 วันที่: 3 ตุลาคม 2548 เวลา:12:58:14 น.
ยาวจัง พึ่งเข้ามาอ่าน
โดย: โคอาล่าบิน IP: 61.91.86.244 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:21:21:09 น.
|
บทความทั้งหมด
|
แต่เอ๊ะ นิดนึงละกัน
"แต่เรากลับคิดว่า ทุกช่วงเสี้ยววินาทีนั้น ทุกๆ คนค่อยๆ เปลี่ยนไป
เปลี่ยนเป็นตัวเองเรื่อยๆ ในช่วงวินาทีนั้น" <<< เนี่ยแหละ เป็นการยืนยันคำพูดของเราได้ดีมาก พีเพิล แค๊นท เช้นจ์
บางสถานการณ์ คนเราอาจมีวิธีคิด วิธีจัดการที่แตกต่างจากปกติ แต่สุดท้ายแล้ว ยังไงก็ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมอยู่ดีแหละ
ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร แค่ความคิดส่วนตัว
ส่วนเรื่องหนังสือ จะบอกว่า เราเกลียดหนังสือที่ทำตัวมีเหตุผล มีตรรกะแปลกๆ เก๋าๆแบบนี้ว่ะ
แม่งจะต้องหาเหตุผลไรในชีวิตนักหนาวะ แถมเหตุผลที่ให้มาก็ดูดุดัน รุนแรง น่าคล้อยตามสำหรับคนไม่เข้าใจโลกมากๆ เหมือนหนังสือสำหรับคนมีปัญหาชีวิต อยากทำตัวขวางโลก อยาก"หลุด"
แต่เผอิญเราเข้าใจโลกดีอยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่าหนังสือพวกนี้นี่เราคงไม่อินแหงๆ เผลอๆอ่านไปด่าไปด้วยซ้ำ