สร้อยแสงจันทร์ : พงศกร
เรื่องราวที่เกิดจากแรงบันดาลใจของนายแพทย์หนุ่มผู้รักธรรมชาติและสมบัติของ
ชาติ เมื่อต้นปี 2545 ผมได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรี
อยุธยา ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลก มีวังและวัดซึ่งเป็นเงาแห่งอดีตกาลอันยิ่งใหญ่ของ
ชาติไทย ในการมาอยุธยาครั้งนี้ได้พบภาพที่ทำให้รู้สึกสลดใจ เนื่องจากมีโบราณ
สถานบางแห่งถูกนักท่องเที่ยวขีดเขียน โดยเฉพาะเขียนลงบนจิตรกรรมฝาผนังของ
เก่าแก่ที่มาตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย หากนักท่อง
เที่ยวมีความรู้ มีจิตสำนึก มีความตระหนักและมีวัฒนธรรมในการเที่ยวชมโบราณ
สถาน
กลับจากการไปเยือนเมืองเก่าในครั้งนั้น จึงเกิดความคิดที่จะเขียน "สร้อยแสงจันทร์"
ขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ตระหนักถึงคุณค่าของโบราณสถานซึ่งเป็น
ภาพสะท้อนให้เราได้เข้าใจถึงวัฒนธรรมแห่งชาติและเผ่าพันธ์ไทยดังนั้น สร้อย
แสงจันทร์เล่มนี้จึงถือกำเนิดเกิดขึ้น
ณ หมู่บ้านชาวกูยเล็กๆแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ที่อยู่ติดกับชายแดนกัมพูชา
พุทธินักเขียนสารคดีไฟแรงผู้แสวงหาความสวยงามและคุณค่าของโบราณสถานที่
ถูกละเลยต้องกลายเป็นผู้ต้องหาว่าเป็นต้นเหตุการโจรกรรมเทวรูปศิลาและสมบัติ
ล้ำค่าของปักษาจำจอง โบราณสถานที่เค้าไปค้นพบเจออยู่ท่ามกลางป่าในระแวกหมู่
บ้านชาวกูยที่เค้าไปพัก การปกป้องศักดิ์ศรีและโบราณสถานแห่งนี้พร้อมกับตามล่า
หาตัวการที่โจรกรรมสมบัติล้ำค่าไปจึงเกิดขึ้น
แต่ท้ายที่สุดใครจะเชื่อว่ารูปลักษณ์ที่ฉาบไว้ภายนอกว่าสวยงามแท้จริงแล้วเน่าเฟะ
ยิ่งกว่าอะไร ก็คงเหมือนกับในสังคมปัจจุบันที่มีแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน รับรู้-ตัดสิน
กันด้วยตาในเฉพาะสิ่งที่เห็น สิ่งที่เป็นจริงจึงไม่ถูกเปิดเผยจนกว่าจะมีใครเข้าไป
ขุดคุ้ยอย่างจริงจัง
เล่มนี้อ่านแล้วอยากสะพายเป้ออกเดินทาง นอนกลางดิน กินกลางทราย ค่ำไหนก็กาง
เต๊นท์ หลีกหนีกับความวุ่นวายในสังคมปัจจุบันแล้วหันเหพึ่งธรรมชาติบำบัด ท่าม
กลางหมู่ไม้น้อยใหญ่ยืนต้นกลางป่า เต๊นท์ผ้าใบสักหลังพร้อมคนรู้ใจสักคน คงมี
ความสุขดีพิลึกนะเนี่ย
