ไม่มีชื่อเรื่อง เช้าอย่างนี้มองไปไกลตาภูเขาถูกโอบกอดด้วยม่านหมอก แสงแดดอ่อนๆกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นมากมาย ฉันใช้สองมือกอดกระชับรอบตัวเองไว้ถ่ายเทความอบอุ่นจากมือสู่ร่างกาย จากร่างกายสู่มือ หน้าบ้านพักกล้วยไม้ดินที่ปลูกเป็นแถวลดหลั่นตามเนินดินชูช่องดงาม มองไปไม่ไกลนัก ต้นบ๊วยเรียงรายเป็นแถว ข้างๆถัดไปเป็นสวนท้อ ต้นนางพญาเสือโคร่งยืนต้นเป็นแถว ดอกสีชมพูงามสะพรั่ง ว่ากันว่า งดงามราวดอกซากุระ จนได้ชื่ออีกชื่อว่า ซากุระเมืองไทย มองไปไกลตาเป็นไร่กาแฟอาราบิก้า ที่นี่เป็นแปลงทดลองปลูกไม้เมืองหนาว ขุนวาง สองสามปีให้หลังฉันมาที่นี่ทุกปี มาช่วงเวลานี้ที่ดอกซากุระผลิบาน มีสีชมพูแต้มไปทั่วเขา มากับเขามากับชัยเพื่อนสนิทของเขา ต่อไปก็คงมีแค่ ชัย ที่พามา หรือไม่ก็คงต้องมาเองคนเดียว หัดช่วยเหลือตัวเองบ้าง อย่าให้เขาว่าได้ว่าพอไม่มีเขาก็ทำอะไรเองไม่ได้ แค่คิดถึง เขา ก็รู้สึกร้อนผ่าวที่เปลือกตา เวลา ฉันต้องการเวลาเพื่อเยียวยาความปวดร้าวลึกๆในใจ สูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆปล่อยลมหายใจออกช้าๆนับหนึ่งถึงแปด อย่างนี้ใช่มั้ยหนึ่งในวิธีจัดการกับความเครียด ทำดีที่สุดแล้ว ใช่ ฉันทำดีที่สุดแล้ว และนั่นคือสิ่งที่ควรกระทำ เขา ทรมานจากความเจ็บปวดจากโรคร้ายที่เขาเป็น เรารู้ว่ามีเวลาไม่นาน เราต่างเก็บเกี่ยวความสุขที่อยู่ร่วมกันไว้ในมากที่สุด เร็วมาก เมื่อต้นปีที่เขาตรวจพบโรคร้ายที่นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยมในร่างกาย หลบซ่อน อย่างเงียบเชียบ ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่ตอบรับต่อการตรวจสุขภาพประจำปี เจออีกทีก็เกินเยียวยา เขาต่อสู้กับมันด้วยการผ่าตัดตามด้วยเคมีบำบัด พอเถอะ เหนื่อยเหลือเกินแล้ว เดือนที่แล้วที่เขาออกปาก ... ... ฉันไม่ได้ร้องไห้ในวันสุดท้ายที่เขาลาจาก ฉันอยู่นี่ มือของเขาเย็น มือของฉันเย็น มือของเราอยู่ในมือของกันและกัน ใบหน้าที่คุ้นตา ร่างกายที่ผ่ายผอม ซีดเซียว ลมหายใจแผ่วเบา บางครั้งหอบกระชั้น ช่วยด้วย คำพูดแผ่วเบา แล้วฉันก็ตัดสินใจ เข็มที่สามของมอร์ฟีนช่วยให้เขาสงบ ลมหายใจแผ่วและ..เสียงหัวใจและชีพจรแผ่วเบา ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆของโรงพยาบาล ฉันกอดเขาไว้ในอ้อมแขนเป็นครั้งสุดท้าย จะอยู่กับฉันในใจของฉัน เราอยู่ด้วยกันเสมอ รู้ใช่มั้ย ฉันกระซิบบอกเขาที่ข้างหู ไม่มีเสียงคร่ำครวญไม่มีหยดน้ำตา เสียงความเศร้า เอะอะอยู่ในห้องเล็กๆ ... ชัย บินกลับจากต่างประเทศหลังจากไปดูงาน ทันได้ช่วยงานศพ ตลอดสามวันชัยอยู่เคียงข้างฉัน อยู่จนเสร็จงาน ชัย ตามไปที่บ้านช่วยจัดบ้าน อยู่เป็นเพื่อนจนแน่ใจและไว้วางใจว่าฉันอยู่ได้ถ้าเขา ต้องกลับไปทำงานต่อ ฉันไม่เป็นไร อยู่ได้จริงๆนะ เขาสอนให้เข้มแข็ง เขาอยู่นี่กับฉันตลอดเวลา ฉันแตะมือสองข้างลงที่ตำแหน่งที่ตั้งของหัวใจและยิ้มให้ชัยบางๆตอนที่ส่งเขาขึ้นเครื่องกลับเชียงใหม่ ชัยกอดฉันไว้ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้ใช่มั้ยว่าจะตามฉันได้ที่ไหน ทุกเมื่อ ทุกเวลานะ ประโยคสุดท้าย ก่อนที่ชัยจะก้มลงจูบหน้าผากของฉัน ฉันยิ้มมองตามเขาจนเดินหายไปกับผู้คน ... ... เราไม่มีใคร เขา เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นเพื่อน เป็นทุกอย่างที่ฉันอยากให้เป็น แต่ความจริงคือเขาเป็น พี่ เราเป็นพี่น้องคราวพ่อคราวลูก ก็พี่กับฉันห่างกันตั้ง10 ปี พ่อกับแม่จากเราไปตอนที่ฉันอายุ 15 ปี อุบัติเหตุ ฝนตก ถนนลื่น มีรถสิบล้อแหกโค้งไถลลื่นมาชน ท่านเสียชีวิตคาที่ ไม่ทรมานนาน แล้วฉันก็อยู่กับพี่ เราไม่มีญาติสนิท ปู่ย่า ตายายจากเราไปตั้งนานแล้ว ญาติคนอื่นๆ มีเพียงน้าและครอบครัวของน้า นานๆติดต่อหากันที ไม่มีญาติทางพ่อเพราะพ่อเป็นลูกคนเดียว น่าเศร้า งานศพ พี่ ฉันแทบจะตามหาใครไม่ได้ กำพร้าเต็มรูปแบบจริงๆ ... หนึ่งเดือนหลังอยู่คนเดียว เหงาๆเงียบๆเหมือนกัน แต่ฉันก็อยู่ได้ ชัย โทรศัพท์หาฉันเกือบทุกวัน ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ ไม่ใช่พี่ก็เหมือนพี่ ชัย เพื่อนของพี่ เพื่อนรุ่นน้อง อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่เคยคิดอยากเป็นพี่เธอ ชัยเคยว่าไว้อย่างนั้น คนอะไรอย่างนั้นนะ หนึ่งปีให้หลังนี่เองที่นานๆเจอที ส่วนใหญ่จะโทรศัพท์คุยกันซะมากกว่า เพราะครอบครัวของชัยย้ายไปอยู่เชียงใหม่ เห็นว่าได้มรดกเป็นที่ดินจากคุณปู่ เรายังเคยแซวเล่นๆว่าต่อไปคงต้องเรียกชัยว่า พ่อเลี้ยง มาเชียงใหม่คราวนี้ฉันไม่ได้บอกชัย ขึ้นมาขุนวางคนเดียว เหมารถให้ขึ้นมาส่ง อยากลองมาคนเดียวบ้าง เผื่อต่อไปชัยไม่ว่างจะได้มาได้ ... ... ฉันเดินจากบ้านพักไปร้านกาแฟของที่นี่ ผ่านโรงอาหาร มีคนงานสองสามคนเดินผ่าน และเปิดยิ้มให้ คนที่นี่น่ารัก สองวันที่มาอยู่นี่ไม่รู้สึกแปลกแยกเท่าไหร่ เดินไปถึงร้านกาแฟ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปกลิ่นกาแฟสดคั่วบดใหม่ๆ ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้ง สองวันที่อยู่ที่นี่ จิบกาแฟเคล้าไอหมอกและลมหนาวทุกวัน ผมไม่อยากจะเดาว่าเช้านี้คุณอาจจะรับลาเต้ร้อน นุ่มๆ บาริสต้าหนุ่มประจำร้านทักพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ฉันยิ้มรับรอยยิ้มนั้น ลาเต้ค่ะ วันนี้ขอเป็นลาเต้ คุณไปซื้อหวยได้เลยถูกแน่นอน ผมว่านักทำนายคงทำนายนิสัยคุณจากการดื่มกาแฟคงไม่ได้ เพราะรวนไปหมด คุณดื่มไม่ซ้ำ เขาพูดและชงกาแฟไปด้วย เขาอาจจะทำนายว่าฉันเป็นคนโลเล ไม่มั่นคงอะไรเทือกนั้นกระมังเพราะดื่มกาแฟไม่ซ้ำรส ฉันตอบเขา ก็สองวันที่อยู่นี่กับกาแฟสองรอบเช้าบ่าย ฉันสั่งไม่ซ้ำชนิด เมื่อวันก่อนมาแบบเข้มเล่นเอสเปรสโซ่ พอตกบ่าย มอคค่าร้อน เช้าอีกวันจิบคาปูชิโน่ พอตกบ่ายแค่โกโก้เย็น พอเช้านี้จิบลาเต้ บ่ายนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะดื่มอะไร เขาเงยหน้าจากแก้วกาแฟและมองหน้าฉันตรงๆก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ไม่หรอก ท่าทางคุณไม่เหมือนคนโลเล ไม่เหมือนเลยสักนิด ฉันยิ้มนิดๆให้เขา ก่อนเดินไปนั่งที่ชานไม้ข้างนอก ไม่มีเก้าอี้ประจำ ฉันเลือกนั่งไม่ซ้ำที่ จากมุมที่นั่งมองเห็นภูเขาทอดยาว ภาพใกล้ตาเป็นแปลงปลูกท้อ ภาพไกลตาเป็นต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูเป็นทิวแถว เมื่อวานฉันเดินเล่นไปไกลถึงที่นั่น เดินแวะไปดูเขาทำกาแฟสด เดินไปดูไร่อะโวคาโด ไร่กาแฟ เดินจนเหนื่อยกลับมานั่งพักแถวร้านกาแฟ อยู่เงียบๆกับหนังสือในมือ พยายามเพ่งสมาธิกับหนังสือที่อ่าน แต่บางทีก็อดจะเฉไฉออกนอกทางไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่และชัยคงจะกะเกณฑ์ให้ออกไปเดินเล่น ถ่ายรูป และหาเรื่องยั่วแย่ให้ฉันได้วิ่งไล่ บางทีเด็กๆที่ซ่อนอยู่ในตัวเราก็ออกมาโลดแล่น อดีต คือความเศร้าที่แทรกอยู่ใน ความทรงจำ ใครนะว่าไว้อย่างนั้น ลาเต้สามชั้นกระเพื่อมในแก้วใสถูกวางลงตรงหน้า คนถือมาก็นั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับฉัน ผมไม่รู้ว่าคุณหนีอะไรมา หรือมาหาอะไร แต่ผมแค่อยากจะบอกว่า ไม่ว่าคุณจะผ่านอะไรมา ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เราไม่ควรจมอยู่กับความโศกเศร้า จนลืมมองไปยังอนาคต และลืมมองดูผู้คนรอบข้าง ผมเคยอ่านหนังสือเจอบทความหนึ่ง คนเขียนพูดถึงอดีตและความทรงจำ เขาหยุดพูดและมองหน้าฉัน เมื่อเห็นว่าฉันไม่พูดอะไรเขาก็พูดต่อ คนเขียนเขาเขียนว่า ** อดีตคือเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด เราไม่สามารถจดจำอดีตได้ทั้งหมด จะมีเพียงบางเรื่องเท่านั้นที่อยู่ในความทรงจำ อดีตเราเลือกไม่ได้ เขาว่า อดีตที่เป็นความทรงจำมีสองเรื่อง คือ ความสุขและความทุกข์ ความสุขมักเป็นความทรงจำที่เราเลือกจำ แต่ความทุกข์นั้นเป็นอดีต ที่ชอบแอบเข้ามาในความทรงจำ คุณเลือกที่จะเก็บส่วนไหนไว้ ฉันยังคงเงียบ ก้มหน้ามองถ้วยลาเต้สามชั้นกระเพื่อมไหว อีกคนบอกว่าความทรงจำก็เหมือนลิงซนมักจะกระโดดออกมาเล่นอยู่ตลอดเวลา เชือกที่คอยกระตุกให้ลิงอยู่นิ่งก็คือ สติ ถ้าตั้งสติได้เร็วพอรู้ตัวว่าความทรงจำที่เป็นความทุกข์ แวบออกมาเราก็รีบเก็บเข้าลิ้นชักโดยด่วนและปล่อยความทรงจำที่เป็นความสุขออกมาแทน การมีสติจะทำให้ชีวิตเรามีความสุข ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับผู้เขียนเรื่องการมีสติ ฉันยิ้มให้เขาก่อนบอกเขาว่า ท่าทางของฉันเหมือนคนขาดสติหรือไง เขารีบโบกมือไปมา ไม่ๆผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นเสียหน่อย เอาเป็นว่าที่ผมพูดมาทั้งหมดคุณลืมๆซะก็ได้ ถึงตอนนี้ฉันหัวเราะเบาๆ คงไม่ได้เพราะฉันบันทึกไว้แล้วว่ามันเป็นอดีต ส่วนที่ควรจดจำ บันทึกเป็นความทรงจำเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณนะคะ เขายิ้มให้ ดีแล้ว เวลาคุณยิ้มคุณดูดีกว่าตอนที่ทำหน้าเฉยๆ ยิ้มให้โลกยิ้มให้ชีวิตบ่อยๆนะครับ เอ่อ..ถ้าไม่รู้จะยิ้มให้ใครหันมายิ้มให้ผมก็ได้ พูดจบแล้วเขาก็เดินกลับเข้าไปในร้านยืนประจำตำแหน่งหลังเคาท์เตอร์ ฉันมองตามเขา ไม่วางตาและยิ้มยิงใส่ตาเขาโดยเฉพาะ เขาก้มลงตัวงอเอามือกุมตรงตำแหน่งหัวใจ ทำท่าทางคล้ายเจ็บปวด แต่ใบหน้าระบายยิ้ม ฉันอดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา นานแค่ไหนนะที่ไม่ได้หัวเราะเสียงดังอย่างนี้ ฉันหันกลับมามองตัวเอง ท่าทางของฉันมันเหมือนคนอมทุกข์อมโศกขนาดนั้นเชียว ไม่หรอก ฉันไม่ได้เศร้าขนาดนั้น จริงอยู่การไม่มีพี่ทำให้เหงาบ้าง แต่อดีตทั้งหมดของฉันและพี่ล้วนมีแต่ความสุข ล้วนมีแต่ความทรงจำที่ดี พี่ไม่ได้ไปไหนยังอยู่ในใจของฉันเสมอ ดังนั้นฉันก็ไม่ควรทำท่าทางเหมือนคนอมทุกข์ ฉันควรจะยิ้มสินะเมื่อคิดถึงพี่ คิดถึงอดีต คิดถึงสิ่งดีๆ ฉันยิ้มให้ตัวเอง ... ... คิดอยู่แล้วเชียวว่าต้องมาอยู่ที่นี่ เสียงนุ่มคุ้นหูดังอยู่ข้างหลัง ชัย ฉันหันขวับเกือบทันทีที่จบประโยคนั้น เลื่อนเก้าอี้ออก เดินอ้อมไปหา และเข้าไปกอดเจ้าของเสียง คิดถึง เสียงฉันอู้อี้อยู่กับหน้าอกของ ชัย ความเงียบรายรอบ อ้อมแขนอบอุ่น รู้สึกเหมือนคางของชัยกดอยู่บนศีรษะ เวลาผ่านไปเป็นครู่ จะมาทำไมไม่บอก น้ำเสียงต่อว่า ฉันผละจากอ้อมกอดที่อบอุ่น ชัยจูงมือพาไปนั่งที่เดิม ฉันฉุดมือเขาไว้ให้นั่งม้านั่งยาวข้างๆเมื่อเขาทำท่าจะไปนั่งเก้าอี้อีกตัว เขาทรุดลงนั่งข้างฉัน รู้มั้ยว่าเป็นห่วงขนาดไหน โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ คงปิดเครื่องล่ะสิ ดีนะที่จำได้ว่าช่วงเวลานี้เธอจะไปอยู่ที่ไหน เขามองหน้าฉันเห็นความห่วงใยในแววตา อยากลองมาเอง อันที่จริงก็มาไม่ยากนะ ถ้าชัยไม่ว่างจะได้มาเองได้ไง ฉันยิ้มประจบ คิดได้ยังไง เขาว่าน้ำเสียงไม่พอใจ อะไร คิดได้ยังไงว่าฉันจะไม่ว่างสำหรับเธอ คิดได้ยังไงว่าจะไม่พามา คิดได้ยังไงว่าจะมีช่วงเวลาที่ไม่มีฉัน โห..โกรธหรืองอนละนั่น ฉันคล้องแขนเขาไว้เอียงศีรษะซบลงบนไหล่กว้างนั้น ขอโทษจ๋ะ ขอโทษ เสียงถอนหายใจของคนข้างๆ ถ้าพี่ต้นยังอยู่คงหัวเราะเยาะฉันเหมือนทุกๆครั้งที่ฉันยอมเธอ ไม่เคยโกรธเธอได้เลยสักครั้ง พี่ยังอยู่กับเรา ตรงนี้ อยู่กับเราเสมอ ฉันเงยหน้าชี้ตรงตำแหน่งที่ตั้งของหัวใจของเขาและของฉัน ยิ้มให้เขา ในรอยยิ้มนั้นฉันพยายามบอกเขาว่าไม่มีความทุกข์ซ่อนอยู่ ยิ้มอย่างจะให้เขารู้ว่าฉันยังมีความสุขดีและสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ยิ้มอย่างที่จะบอกเขาว่าฉันคือคนๆเดิมที่เขาเคยรู้จัก ชัยมองรอยยิ้มนั้นและนิ่งเงียบ ก่อนจะยิ้มให้ฉันไม่มีคำพูดใดๆจากปากของเขา มีเพียงรอยยิ้มอบอุ่นคุ้นเคยส่งให้ฉัน ต้องขอบคุณบาริสต้าคนนั้น ฉันเอี้ยวตัวมองเข้าไปในร้าน เห็นเขามองตรงมาและยิ้มให้ มาเถอะชัยไปสั่งกาแฟดื่มกัน กาแฟสดๆหอมๆ คนชงน่ารัก ชัยหยุดยิ้ม และมองหน้าฉัน โธ่! ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อยอย่ามองอย่างนั้นสิ มาเถอะจะแนะนำให้ชัยรู้จัก ฉันฉุดมือชัยลุกขึ้น และเขาก็ลุกตามโดยดี ใครนะบอกว่า ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เราไม่ควรจมอยู่กับความโศกเศร้า จนลืมมองไปยังอนาคต และลืมมองดูผู้คนรอบข้าง ใครนะที่บอกว่า ** ความทรงจำที่เป็นความสุขเราเลือกได้ และเมื่อเลือกแล้วก็ควรบ่มเพาะให้เติบโต ออกดอกออกผล จากนั้นก็มองคนข้างกายและแบ่งปันให้เขา เมื่อไหร่ที่ ความสุข ผ่านเข้ามา ฉันจะคว้าไว้และบ่มเพาะ แบ่งปันให้คนข้างกาย ฉันก้มลงมองมือที่จับจูง มือของชัยและเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา เหมือนชัยจะรู้ เขาก้มลงมองหน้าฉันและยิ้มให้ เราต่างมีรอยยิ้มให้กันและกัน และฉันก็ไม่ลืมที่จะยิ้มเผื่อส่งไปให้คนที่อยู่หลังเคาท์เตอร์ชงกาแฟนั้น ** จากหนังสือ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 11 โดย หนุ่มเมืองจันท์ ฉัน ซากุระเมืองไทยสีเข้มจัง ไม่เห็นเหมือนซากุระที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ
โดย: บู้บี้ IP: 133.82.251.202 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:03:57 น.
...
คงเกี่ยวกับช่วงเวลาและแสงมังคะ อ้อ..ฝีมือคนถ่ายที่ไม่ค่อยได้เรื่องนัก..อิอิ โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 118.174.92.227 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:00:20 น.
เพิ่งไปอ่านที่ถนนฯ มา แต่ขอก๊อปเม้นต์มาใส่ตรงนี้ด้วย เพราะจะได้เก็บไว้ดูนานๆ (ใครเขาอยากดูกันคุณพีท / ตอบ ผมเอง กร๊าก)
* * * * ผมอ่านแล้วเศร้าอะครับ มันหวานแบบเศร้าๆ หรือเศร้าแบบหวานๆ กันนะ สงสัยผมจะเก็บใส่ลิ้นชักไว้ไม่ทัน พออ่านช่วงแรกแล้ว ความทรงจำเก่าๆ ก็แอบกระโดดโลดเต้นออกมาซะอย่างนั้น... นึกสงสัยอยู่เชียว ว่า "ชัย" คงเป็นตัวจริง แต่แหม... คุณบาริสต้าโผล่มา ก็อดหัวใจไหวเยือกไม่ได้ นี่ถ้าไปขุนวางแล้วได้นั่งจิบมอคค่า มองยิ้ม หวานๆ ของบาริสต้าคนนี้นะ จะยอมบุกบั่นดั้นด้นไปเลยเชียว กร๊าก //ดาว ป.ล. เรื่องนี้ไม่มีชื่อเรื่อง แต่มีชื่อตัวละครสองคนแน่ะ ป.ล.สอง ภาพสวยมากๆ ครับ * * * * ป.ล.สาม ภาพคุ้นมากมาย ภาพเดียวกับใน "แถก" เปล่าอะครับ ป.ล.สี่ ลงที่ฟอร์ฯ ด้วยเปล่า มะพลอยเขาปลื้มคุณสิงห์มากเลยนะ โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:47:55 น.
...
ขอบคุณคุณพีทค่ะสำหรับเม้นท์ เป็นแรงขับเคลื่อนให้อยากคิดอยากเขียน ปล.1 ตอนแรกจะให้บาริสต้าเป็นตัวจริง แต่คนเขียนมีใจให้ชัย เลยเก็บบาริสต้าไว้ให้คุณพีทแทน...อิอิ ปล.2การคิดชื่อเรื่อง ชื่อตัวละครมันยากจริงนะคุณพีท ปล.3ในแถกเป็นถนนไปขุนวางค่ะ สวยใช่มั้ย กลับมาเมื่อไหร่ ไปกันๆๆ ปล.4 ขอบคุณมะพลอย เดี๋ยวไปขอบคุณอีกครั้งที่ฟอร์ โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 61.7.133.104 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:59:24 น.
...
อ้อ..ลืมบอกรูปถ่ายนั่นน่ะ เพื่อนถ่ายไม่ใช่ดิฉัน อิอิ รูปที่ดิฉันถ่ายต้องรูปนี้ หมายเหตุ คนละปีคนละเวลานะค โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:51:22 น.
...
สวัสดีค่ะคุณเทียนสี คนขยัน รักษาสุขภาพด้วยนะคะ โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 61.7.133.208 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:19:02 น.
แหมๆๆ คนละปีคนละเวลา แต่ต้นอยู่ทางซ้ายเหมือนกัน ตรงกลางมีถนนเหมือนกัน ทางขวามีพุ่มไม้เขียวๆ เหมือนกัน หยวนๆ น่า ผมความจำดีใช่มั้ยหรอก ฮ่าๆๆ (โอ้ คุณพีท "แถกไถ" ไปสีข้างด้านๆ เยย)
เห็นคุณสิงห์บอกวันนี้ปวดหัว เลยรีบแวะเข้ามาโอ๋ครับ (รีบแล้วแต่ยังช้าไปหลายชั่วโมง) หายปวดยังเอ่ย ตอนนี้ผมหัวฟูแหละ โม่นิยายทีละสองเรื่องนี่มันช่างกดดัน TT ป.ล. ยินดีที่เก็บบาริสต้าไว้ให้ ซ้วบ โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:01:27 น.
...
หวัดน่ะค่ะ หวัดไม่ดี ทานยาแล้ว ขอบคุณคุณพีทค่ะ ขยันจริงๆคุณพีทเนี่ย คุณพีทสู้ๆ โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:48:50 น.
อ้อมแอ้มแวะมาบอกว่า... ได้ทำเครื่องบริวารถวายพระสงฆ์เสร็จแล้วค่ะ.. ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญได้เลยนะค่ะ.. Candy Bar Dolls Icons โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:11:03 น.
สาธุ..
โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 118.174.107.130 วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:16:13 น.
หวัดไม่ดีจริงๆ ด้วย งือ ป่วยเป็นไข้ พรุ่งนี้ต้องรีบโม่แล้ว ยังไม่ได้เขียนไอ้โต๊ะวันเสาร์นี้เลย ตายแน่ (มาอ้อน)
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:42:11 น.
...
เชอะ.. ไปเที่ยวมาแล้วบอกเป็นไข้ เห็นใจดีมั้ยเนี่ย... เอ้า...Paracet. 2เม็ดทานเวลามีไข้ทุก4-6 ชม. หายไวๆนะคะ :-) ... เสียดายตักไม่ว่าง เตรียมไว้ให้นายโต๊ะซบแทนเฮียนพ ไม่งั้นจะให้คุณพีทซบให้หายเหนื่อยแล้วไปโม่นายโต๊ะต่อ ปล.อย่าใจร้ายกับนายโต๊ะนักคุณพีท โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:19:10 น.
อ่อนหวาน อบอุ่น ละเมียด...
ขอจิบม็อคค่า ชมดอกไม้จากต้นนางพญาเสือโคร่ง ด้วยคนนะฮะ... อดีตเป็นความทรงจำชนิดหนึ่ง...ผมก็มีอดีตที่ทั้งดีและไม่ดี เคยพยายามที่จะลบความทรงจำนั้นหลายครั้ง แต่มันก็ลบไม่ออกทุกทีน่ะสิ... ปล. ประโยคนั้นมิน่าล่ะ ทำไมมันถึงคุ้นๆ ผมก็ชอบอ่านของคุณหนุ่มเมืองจันทร์เหมือนกันฮะ...ให้ข้อคิดดีๆได้หลายเรื่องเลยล่ะ โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.218.171 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:36:17 น.
...
ขอบคุณที่แวะมาตามคำชวน (ใจง่ายไปหรือเปล่า ...เอิ้กๆๆ) โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 61.7.133.93 วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:36:14 น.
ปกติไม่ใช่คนใจง่ายหรอกฮะ...
แบบว่า ใจง่ายเฉพาะกับสาวๆอ่ะนะ เอิ๊กๆ โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.131.247 วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:36:47 น.
อ่านแล้ว..ชอบจัง
คนเขียน..เก่งจังเลย เรื่องราว..เหมือนจะเรื่อยๆ แต่มันน่ารัก...แอบอุ่นๆ แถมยังได้อะไรเล็กๆหลังอ่านจบด้วย โดย: nikanda วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:20:43:40 น.
...
ปลื้ม ค่ะ ปลื้ม คุณแจงทำเอาคุณสิงห์เขิน ม้วนอยู่หน้าคอมพ์ โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:7:52:51 น.
|
บทความทั้งหมด
|