รินใจใส่ลาเต้...
..
“ ลาเต้อาร์ตใส่หัวใจของบารีสต้า แก้วนึง ”
ฉันเปิดยิ้มให้เจ้าของร้านกาแฟ “ กลิ่นกาแฟ ” หลังขึ้นนั่งบนเก้าอี้ทรงสูง
มีเคาน์เตอร์บาร์กั้นระหว่างฉันกับบารีสต้าหนุ่ม เขาเปิดยิ้มรับ
“ หัวใจมีดวงเดียวเก็บไว้ให้คนๆเดียว ”

“ โอ๊ย!เจ็บจี้ดๆที่อกข้างขวา ” ฉันแกล้งว่าใช้สองมือวางทับกดหน้าอกข้างขวาของตัวเอง
แสร้งทำตัวงอ ก็หัวใจของฉันมันดันตั้งผิดปกติจากคนอื่นนี่นา จะให้ไปเจ็บที่ข้างซ้ายก็คงไม่ได้
เขาหัวเราะเบาๆ หันหลังให้ฉันเพื่อชงกาแฟให้ กาแฟสีทองรินลงถ้วยสีขาว
เสียงเครื่องเป่าฟองนมฟู่ไม่นาน มือยาวเรียวข้างซ้ายจับถ้วยกาแฟเอียงนิดๆ มือขวาจับถ้วย
เอ!เขาเรียกอะไรหว่า..เหยือกเล็กๆที่ใส่นม ชั่วเวลาไม่นาน เขาค่อยรินนมลงไปเป็นสาย
ขยับมือยังไงไม่รู้ แล้วแก้วลาเต้รูป “ หัวใจที่แตกสลาย ”
ก็ถูกนำลงมาวางตรงหน้าฉัน

“ สวยจังถึงจะเป็นหัวใจพังๆก็เถอะ ” พูดออกไปแล้วก็อยากจะกัดลิ้นตัวเอง
ก็หัวใจพังๆที่ว่า บาริสต้าคนนี้หัวใจพังจริงๆ คนที่ทำพังไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเพื่อนของฉันเอง
เฮ้อ!นี่ล่ะนะเขาถึงว่า คำพูดและลูกปืนปล่อยออกไปแล้วเอาคืนไม่ได้
ฉันจับแก้วกาแฟหมุนเบาๆ กุมถ้วยไว้ด้วยสองมือ แล้วจะพูดอะไรต่อดีล่ะทีนี้

“ ลองมะกาฮอง มั้ย เพิ่งทำเมื่อเช้า ” หลังจากเกิดภาวะสุญญากาศทางเสียงไปครู่หนึ่ง
เขาก็ทำลายมันลงด้วยเสียงเรียบไม่บอกอารมณ์ว่าโกรธหรือเปล่า เขาหยิบขนมที่ว่าใส่จานเล็กๆ
ให้ฉันสองชิ้น สีชมพูและสีเหลือง น่ารัก
“ ทำจากไข่ขาวกับอัลมอนด์ ลองดูสิ อร่อยนะ รับรอง ” เขาว่าและยิ้มให้
รอยยิ้มนั่นทำให้บรรยากาศดีขึ้นเยอะเลย

ฉันชอบมองตามมือยาวเรียวของเขา ชอบเวลาหยิบจับ แล้วฉันก็ก้มหน้าอมยิ้มกับตัวเอง
เมื่อเผลอคิดไปถึงมือยาวเรียวกับใบหน้าคมเข้ม เวลาใส่ผ้ากันเปื้อน ร่อนแป้งทำขนมจะเป็นยังไง
“ ยิ้มอะไร “ เสียงเข้มดังอยู่ข้างๆ เขาเดินอ้อมมานั่งข้างๆตอนไหนไม่รู้
ฉันเงยหน้ายิ้มหวานให้ แน่ใจได้เลยว่านั่นหวานหยด “ ยิ้มก็ไม่ได้ด้วย คนมีความสุขก็ต้องยิ้มสิ ”
ดีจังที่เขาไม่ยักจะโกรธ สาบานได้เลยต่อไปไม่ขออีกแล้วลาเต้หัวใจเนี่ย!

“ คนอื่นอาจใช่ แต่คุณยิ้มทีไรผมรู้สึกเหมือน… เหมือนคุณแอบคิดอะไรพิเรนในใจยังไงไม่รู้ ”
“ เฮอะ! ” ฉันส่ายหน้า “ คิดถึงไหน …ขนมนี่อร่อยจัง มัน อืมม..เหมือนกรอบแล้วมันก็เหมือนนุ่มและ…อืมม..หวาน มัน เปรี้ยวอมหวานนิดๆ อืมม…” ทั้งกิน ทั้งเคี้ยว ทั้งพูด ดูไม่ค่อยเป็นกุลสตรีเท่าไหร่นัก
เขานั่งมองหน้า พยักหน้ายิ้มพอใจ ก่อนเอื้อมมือไปหยิบมาให้อีกชิ้นสีน้ำตาล
“ ช็อคโกฯ ” เขาว่า

ฉันยกกาแฟขึ้นดื่ม หยิบขนมใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ มีความสุขจริงๆ
“ พักร้อน ” ฉันพูดขึ้นพร้อมๆกับคำถามของเขา
“ ไม่ทำงานรึไง ”
ฉันจับแก้วกาแฟหมุนเล่น มองดูเครื่องทำกาแฟที่อยู่ข้างหน้า เขาเอื้อมมือมาวางทับบนมือของฉัน
เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ฉันหมุนตัวหันหน้ามาหาเขาเช่าข้างหนึ่งชิดติดกับเข่าของเขา
“ เบื่อๆ จะมาชวนไปเที่ยว ไปดอยกันมั้ย ไปนอนดอยสูง ชิมกาแฟจากไร่เห็นๆ ”

“ แล้วใครจะดูร้านให้ ช่วงอาทิตย์นี้ไม่มีคนช่วย เพราะเด็กที่จ้างมาบอกว่าอาทิตย์นี้ติดสอบ
ต้องอ่านหนังสือหนักปีสุดท้ายแล้ว ” เขาว่า
ร้าน “ กลิ่นกาแฟ ” เป็นร้านที่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยประจำจังหวัด และเขาจ้างนักศึกษาช่วยงานในร้าน
“ เอางี้สิ คุณอยู่ว่างๆช่วงนี้ก็มาช่วยผมที่ร้าน แล้ว… สิ้นปีผมพาไปเที่ยว ดอยที่ว่าอยากไปนั่น ”
เขาว่าทำหน้ายิ้มๆ ฉันรู้สึกว่ายิ้มของเขาก็เจ้าเล่ห์
แต่คิดดูก็ดีเหมือนกัน สิ้นปีก็อีกแค่ไม่กี่เดือน
“ มาช่วยก็ได้แต่…. ” แกล้งหยุดซะงั้น เรียกร้องความสนใจ
“ แต่อะไร…ผมคิดแล้วว่าหลังรอยยิ้มของคุณต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่ ”
“ แต่คุณต้องสอนฉันทำลาเต้อาร์ตสัก…รูปนะ “
“ ได้เลย … ” ..เขาว่ายิ้มๆ “ กลิ่นกาแฟสวัสดีครับ ” เขาทักลูกค้าที่เพิ่งเปิดประตูเข้าร้าน
มองหน้าฉันและพยักหน้าให้
“ หา…เริ่มวันนี้เลยเหรอ ” ฉันกระซิบถาม
“ ก็ใช่น่ะสิ จะเรียนมั้ย ลาเต้อาร์ตน่ะ ” แล้วเขาก็เดินอ้อมไปหลังเคาน์เตอร์หยิบผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลพร้อมกระดาษส่งให้ ส่วนปากกาเขาเสียบเข้าข้างหูของฉัน เฮ้อ!เอาก็เอา ชีวิตเพื่อเที่ยวอยู่แล้วนี่
“ หันหลังมาซิ ” เขาว่าก่อนล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“ หือ.. ” ฉันสงสัยแต่ก็ยอมทำตาม
มือยาวเรียวรวบผมของฉันไว้และผูกด้วยผ้าเช็ดหน้าของเขา “ ผมยาวรุ่ยร่าย เกะกะ ”
ลมหายใจอุ่นๆรดอยู่ข้างหู มีความรู้สึกบางอย่างวิ่งไปมาตามกระแสเลือด
“ เอ่อ..ขอบคุณ ” ฉันรีบผละไปต้อนรับลูกค้า
..
..
..
สามวันของการเป็นผู้ช่วยของเขา ฉันสนุกมาก แต่ดูท่าเขาจะไม่สนุกเท่าไหร่นัก
อยากบอกให้ฉันเลิกก็คงไม่กล้าเพราะเผลอออกปากชวนเอง ดีสม!

วันแรกฉันทำแก้วน้ำหล่นแตกตอนยกไปเสริฟลูกค้า ขณะเสริฟแก้วแรกอีกแก้วที่วางบนถาด
ดันลื่นหล่นเพราะถาดเอียง
“ ใจเย็นๆ ถ้ายกถาดไม่ถนัดก็ยกไปทีละแก้ว ” เขาบอกอย่างนั้นและฉันก็ยอมเดินหลายรอบ
ตอนเก็บร้านฉันทำแก้วกาแฟแตกสามใบตอนล้าง “ ก็มันลื่น ” ฉันว่าและยิ้มให้เขา แต่เขาส่ายหน้า

วันที่สองทำแก้วคาปูชิโน่กระฉอกเปื้อนโต๊ะโชคดีอีกเหมือนกันที่ไม่โดนลูกค้า
ก็คาปูชิโน่มันแก้วใหญ่เต็มแก้วนี่นา เขาส่ายหน้าบอกฉันไม่ต้องเสริฟอะไรที่เป็นน้ำๆ
ตอนช่วยเขาเก็บร้าน ทำแก้วกาแฟของเขาแตกอีกสองใบ “ น้อยกว่าเมื่อวานตั้งใบนึง ”
ฉันยิ้มให้เขา แต่เขาส่ายหน้า

แต่พอวันที่สามฉันดันสะดุดเท้าตัวเองหน้าคะมำและ..จานช็อคโกแล็ตเค้กคว่ำใส่เสื้อของเขา
ขณะที่เขาเห็นฉันหัวคะมำและจะเข้าช่วย
ผลคือฉันต้องซักเสื้อตัวนั้นให้เขาก่อนที่คราบจะฝังในเนื้อผ้าจนซักไม่ออก
ฉันเห็นเขาส่ายหน้าหลายครั้ง ไม่เวียนหัวบ้างรึไงนะฉันมองดูยังเวียนหน้าแทน
“ วันนี้ไม่ต้องล้างแก้ว ” เขารีบห้ามฉันเมื่อฉันตั้งท่าจะช่วย
“ ดีจัง ” ฉันฉีกยิ้มให้เขา แต่เขาส่ายหน้า…อีกแล้ว

เมื่อวานทั้งวันฉันจึงได้ทำงานสบายๆแค่ยิ้มทักทายและรับออเดอร์ อย่างอื่นเขาทำหมด
อีกสองวันวันพักร้อนก็จะหมด ที่เขาสัญญาว่าจะสอนทำลาเต้อาร์ตก็ยังไม่ได้สอน
เขาอ้างว่า ทำโทษที่ฉันก่อเหตุ ไม่สนใจแม้ฉันจะพยายามบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ
เฮ้อ!วันนี้จะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็แล้วกัน แค่รับออเดอร์ ยิ้มนิดหน่อย
“ กลิ่นกาแฟสวัสดีค่ะ ขอบคุณค่ะรับเค้กไปทานที่บ้านสักชิ้นมั้ยคะ ” ง่ายจะตาย
พนักงานร้านสะดวกซื้อยังทำได้เลย

..
“ กลิ่นกาแฟ สวัสดีครับ/ค่ะ ”
“ อ้าว!มากันแล้วเรอะ ” ฉันทำหน้างงนิดหน่อยตอนที่เจอน้องที่มาช่วย
ในร้าน ก็ฉันจำได้ว่า เขาบอกว่าน้องๆติดสอบทั้งอาทิตย์นี่นา
“ สอบเสร็จแล้วครับ/ค่ะ ”
ฉันยิ้มให้ ดีเหมือนกัน แต่เขายังไม่ทำตามสัญญาข้อหนึ่ง สอนทำลาเต้ งั้นวันนี้มีทวง
“ พี่นพอยู่ในครัวครับมี… ”

ฉันเดินไปด้านหลังของร้านยังฟังไม่จบด้วยซ้ำว่าน้องจะพูดอะไร และทันทีที่เปิดประตูห้องครัวเข้าไป
ฉันก็ได้คำตอบว่าที่น้องจะพูดต่อคืออะไร ผู้ชายที่หันหน้ามาทางฉัน สบตากับฉัน นั่นน่ะเขา
แล้วเจ้าของมือที่โอบกอดเขาไว้ ผมยาวสลวย ร่างสองร่างต่างอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน
ฉันไม่รู้ว่าใคร ไม่เห็นหน้า ไม่อยากจะรู้ ดูเหมือนเขาทำท่าจะผละออกจากผู้หญิงคนนั้น
แต่ฉันถอยหลังปิดประตูและเดินออกมาก่อน จึงไม่รู้ว่าเขาทำสำเร็จมั้ย

ฉันยืนพิงผนังห้องครัวเพื่อตั้งสติ ก่อนสะบัดหน้าฉีกยิ้มเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์
ยิ้มให้น้องสองคน “ ผมจะบอกว่าพี่นพกำลังมีแขก ”
“ พี่เห็นแล้ว เลยรีบออกมานี่ไง ” แน่ใจได้เลยว่ายิ้มที่ฉันบรรจงฉีกให้น้องเขา
ดูยังไงก็ยังไม่เต็มที่คงฝืดๆฝืนๆเต็มที

แล้วนี่ฉันมานั่งทำอะไรอยู่ที่นี่ ทำไมไม่กลับ จะรอให้เขาสอนทำลาเต้ให้รึไง
คงไม่มีเวลาสอนแล้วล่ะ รู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่หน้าอกข้างขวาจริงแล้วสิ

อันที่จริง ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับฉันคืออะไร
เพื่อน เพื่อนสนิท เพื่อนที่รู้ใจ หรืออะไรที่พิเศษกว่านี้ ฉันไม่รู้
และในเมื่อไม่รู้ ฉันก็ไม่มีสิทธิ์จะรู้สึกอะไรทั้งนั้นไม่ใช่หรือ
แต่…ทำไมฉันยังรู้สึก รู้สึกแปล้บๆ จี้ดๆที่ใจ เฮ้อ!

มีลูกค้าเข้าร้านสองสามคน น้องสองคนออกไปบริการลูกค้า ฉันยังนั่งอยู่ที่เดิม
จนกระทั่ง ..
มีเสียงเดินมาจากหลังร้านและมายืนข้างๆ
“ หวัดดีลิน ” น้ำเสียงอ่อนหวานพอๆกับรอยยิ้ม ที่แท้เป็นวิลาสินี เพื่อนของฉัน
วิลาสินี ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาและคือวิลาสินีคนเดียวคนเดิมที่เคยทำให้เขาเจ็บ
ฉันยิ้มให้เธอนิดๆ “ หวัดดีสินี กลับมาเมื่อไหร่ไม่ยักได้ข่าว ”
วิลาสินีคู่หมั้นของวรุตน์ หลังจากหมั้นก็บินไปต่อปริญญาโทที่ออสเตรเลียกับคู่หมั้น
ทิ้งเขาไว้ที่นี่เมื่อสามปีก่อน

ฉันมองไปด้านหลังของเธอและสบเข้ากับนัยน์ตาของเขาคนนั้นที่จ้องมองฉันอยู่ก่อนแล้ว
ไม่มีรอยยิ้มเหมือนเคย และฉันก็วางหน้าไม่ถูกว่าควรจะยิ้มให้เขาดีมั้ย
วิลาสินีจูงมือฉันพาเดินมาหน้าร้าน ฉันเลยต้องลุกเดินตาม มีใครบางคนเดินตามมาอีกที
“ มาสักพักแล้วล่ะ เคยแวะมาหานพสองสามครั้ง ดีจังวันนี้เจอลินด้วย คิดถึงนะ
เอาไว้มีเวลานัดทานข้าวกันนะ วันนี้เราไม่ว่างเดี๋ยววรุตน์จะมารับ ” ยิ้มน้อยๆเมื่อเธอหันไปหานพ
“ มาพอดี เราไปก่อนนะ …ยินดีด้วยนะจ๊ะ ” เธอจับมือฉันไว้ก่อนหันหน้าไปยิ้มให้นพ
ก่อนก้าวขึ้นไปนั่งบนรถที่มีผู้ชายสูงขาวสวมแว่นตา วรุตน์คู่หมั้นของวิลาสินี
เขาเดินอ้อมมาเปิดประตูให้และมองมาที่เราโบกมือให้
ก่อนเดินอ้อมไปด้านคนขับขึ้นนั่งและเคลื่อนรถจากไป

ก่อนที่ใจของฉันจะลอยไปไกลตามท้ายรถคนนั้นไป ใครบางคนข้างหลังก็เอ่ยขึ้น
“ อย่าได้สงสัย อย่าได้คิดอะไรเลอะเทอะ อย่าได้คิดเอาเองจากสิ่งที่เห็น ” เหมือนน้ำเสียงจะเข้มขึ้น
เมื่อฉันหันกลับไปมองหน้าเขา ทำไมต้องทำเสียงอย่างนั้นด้วยฉันไม่ได้ต่อว่าอะไรสักคำ
ฉันแค่กำลังติดใจถ้อยคำสุดท้ายของสินีหมายความว่าไง “ ยินดีด้วยนะจ๊ะ ”
ยินดีเรื่องอะไรมีเรื่องอะไรที่น่ายินดี ยังไม่ทันคิดออกเสียงเข้มของคนหน้าเข้มก็ทำลายกระบวนการคิดของฉัน
ฉันไม่รู้ว่าควรวางหน้าอย่างไร จะยิ้มให้เขาดีหรือจะทำหน้ายังไง
“ ฉันยังไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น แต่พอคุณพูดขึ้นมาก็ทำให้ฉันอยากจะคิดอะไรที่ว่าเลอะเทอะนั่น
ขึ้นมาในบัดนี้ทีเดียวเชียว ” ฉันว่าพยายามทำเสียงเข้มเหมือนเขา แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นเพียงคำพูดธรรมดา ที่หาน้ำหนักอะไรไม่ได้เลย

เสียงเขาถอนหายใจ เฮ้อ! “ แล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง มาเถอะเข้าไปข้างใน ผมจะทำอะไรให้ ”
แล้วเขาก็จับมือฉันด้วยมือยาวเรียวของเขา มือที่ฉันชอบมอง จับกระชับแน่น พาเดินเข้าไปในร้าน
เลื่อนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ที่นั่งประจำของฉัน แตะตรงสะโพก ส่งสายตาบอกให้ฉันนั่ง
ก่อนเดินอ้อมไปตำแหน่งประจำของเขา
น้องสองคนมองหน้าฉันและยิ้มให้ ก่อนเดินไปบริการลูกค้า
เขายืนหันหลังเข้าเครื่องชงกาแฟ เสียงเครื่องทำงาน เสียงเป่าฟองนม เวลาผ่านไปไม่นานเลย
เขายกแก้วกาแฟแก้วนั้นวางลงข้างหน้าฉัน
ยิ้มใส่ตาของฉัน มีแวววิบวับบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกขัดเขิน
ฉันก้มหน้ามองแก้วกาแฟ และเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แผ่วเบาพอให้ฉันได้ยิน
“ ลาเต้ถ้วยนี้เพื่อคุณคนเดียว อย่าได้บังอาจสงสัยในความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณ ”
….
…


สิ่งที่ฉันเห็นในถ้วยกาแฟคือ ลาเต้อาร์ตรูปหัวใจมีตัวหนังสือเขียนว่า " LOVE "
เฮ้อ!จะไปกล้าสงสัยอะไรได้ล่ะนี่...




Create Date : 08 มิถุนายน 2551
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 5:27:21 น.
Counter : 556 Pageviews.

17 comments
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 22 หน้า 2 unitan
(16 เม.ย. 2567 10:34:46 น.)
: รูปแบบของการค้นพบตนเอง : กะว่าก๋า
(16 เม.ย. 2567 06:05:58 น.)
: รูปแบบของการตระหนักในการรับรู้ : กะว่าก๋า
(15 เม.ย. 2567 05:37:45 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 34 : กะว่าก๋า
(12 เม.ย. 2567 05:52:40 น.)
  
...
ภาพจาก //www.eyebeam.org ค่ะ
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:1:18:19 น.
  
มาขอกาแฟจากบาริสต้าหนุ่มกินสักแก้วนะคะ
โดย: teansri วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:4:28:44 น.
  
อยากกินกาแฟลาเต้บางจัง
โดย: บู้บี้ IP: 133.82.251.202 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:11:53:37 น.
  
ว่าแต่ สินี เค้ายินดีด้วยเนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ (ขอโทษทีค่ะ เมื่อกี้ลืมถาม)
โดย: บู้บี้ IP: 133.82.251.202 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:11:56:10 น.
  
..
คุณเทียนสีคะ อยากชงให้จัง แต่จนใจ
มีคำแนะนำให้หาบารีสต้าหนุ่มหล่อให้ได้ก่อนค่ะ (ยากนะนั่น)

คุณบู้บี้คะ...ยินดีเรื่องอะไรต้องถามบารีสต้าค่ะ อิอิ
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:17:12:18 น.
  
ไปเกาหลีกัน ^_^


โดย: ณธีร์ วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:17:45:59 น.
  
...
ไม่มีตังค์ออกให้ทีสิทั่นพี่ :-)
โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 61.7.133.135 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:18:51:55 น.
  
น่าทานมากครับ
โดย: oO (yosa ) วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:19:17:42 น.
  
แวะมาสวัสดีรอบดึกครับ

อ่านไปแล้วที่ถนนฯ วันนี้แวะมาแอบเหล่บาริสต้าฉุดหย่อ เฉยๆ อิๆๆ
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:21:03:29 น.
  
...

เอาใจคุณพีทค่ะ อิอิ

คราวหน้าเขียนแนวผิดหวังรักคุดดีมั้ยคุณพีท
ทำไมมีแต่คนบอกหวาน
อ่านเองไม่เห็นจะหวาน
หรือเป็นเพราะว่าพอเราแต่เองเราหาทางออกให้ตัวละคร
หาทางออกให้ตัวเอง พอเขียนจบก็ เฮ้อ!จบซะที
ก็เลยไม่รู้สึกว่ามันหวาน

เอ..หรือเราผิดปกติหว่า(อันนี้รำพึง)

สวัสดีรอบดึก(กว่า)ค่ะ
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:0:48:22 น.
  
มาอ่านตอนเกือบเที่ยงคืน ชักอยากกินกาแฟเสียแล้วสิฮะ...


อ่านแล้วหิวขนมด้วย T T

แล้วก็ ผมมีของมาฝากด้วยล่ะ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pinkyangmatoy&month=06-2008&date=15&group=1&gblog=28

โดย: ยางมะตอยสีชมพู วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:23:55:06 น.
  
ร้ายอะไรยะ... 555+


เอาน่าฮะ เพื่อความสนิทสนมเกลียวกลม เนาะ ^ ^
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.134.26 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:0:50:37 น.
  
..
ขอเวลาหารูปก่อนนะ..

โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:1:02:25 น.
  
อยากได้ซักถ้วยจัง
ทำไมมันหวานนิดๆอบอุ่นหัวใจแบบนี้นะ..ชอบอีกแล้ว
ร้าน"กลิ่นกาแฟ"อยู่ตรงไหนนะ..อยากเจอ"บาริสต้า"คนนี้จัง..อิอิ
โดย: nikanda วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:20:55:00 น.
  
...
ตามหาอยู่เหมือนกัน บารีสต้าอย่างนี้

เฮ้อ..ไม่ยักจะเจอ เนอะ
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:21:52:06 น.
  
คิดถึงบารีสต้าที่ร๊าากกก โอ้ยยย รอบที่สิบแล้วมั้งนิเรา..

อยากกินลาเต้จัง อิๆ

โดย: พิญาดา IP: 125.26.94.97 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:05:20 น.
  
...
มารับรางวัลที่คนเขียนค่ะ พิญาฯ
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:47:43 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nuntiya.BlogGang.com

สิงห์อมบ๊วย
Location :
ขอนแก่น  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]