วุ่นวายสบายดี
วุ่นวาย...สบายดี
...
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักน่าชังที่ใครต่อใครมักจะทักว่าเหมือนกับฉันตอนเด็กๆ
(จะบอกว่าน่ารักตั้งแต่เด็ก) คุณป้ากับคุณหลาน“ น้องแป้ง ” ลูกของน้องชายของฉัน หลานสาวคุณป้าขาไปไหนไปด้วยจนบางทีโดนทักว่า “ มากับลูกสาว ”
ท่าทางเรียบร้อย ขี้อาย ขี้อ้อน ขี้ใจน้อย ท่าทางติ๋มๆ ใครจะรู้นั่นน่ะ..ตัวแสบบทเธอจะออกฤทธิ์…ไม่น้อยหรอก… ไม่รู้เหมือนใคร?
ดูแต่ครั้งนั้นสิ….
…..

“ ฮือ….จะให้น้องแป้งตายรึไง…ฮือ ”
เสียงกรีดร้องของเจ้าตัวเล็ก ปากร้องเท้ายัน ดิ้นสุดฤทธิ์
หลานสาววัย 6 ขวบของฉันแผลงฤทธิ์เต็มที่เมื่อคราวที่โดนจับส่งโรงพยาบาลเพราะวิ่งเล่นไล่กันกับเพื่อน แล้วไปเบรคที่เหลี่ยมประตู ผลคือ..คิ้วขวาแตก..ได้เลือด
…
“ ขอหมอดูแผลหน่อยนะครับ ” คุณหมอรูปหล่อท่าทางใจดีว่า
ตาสวยจัง เอ๊ะ..ฉันนี่ ยังไงนะ

น้องแป้งยังแผลงฤทธิ์ ทั้งปลอบทั้งขู่คุณหลานก็ยังไม่ยอมให้ดูดีๆ
คุณพยาบาลเลยต้องใช้ไม้กระดานที่มีผ้าสำหรับยึด
มาตรึงมายึดเธอไว้ ยิ่งมัดยิ่งรัดยิ่งดิ้น เมื่อดิ้นไม่หลุด เธอจึงงัดไม้ตาย
“ ห า ย…ห า ย…หายใจไม่ออก น้องแป้งหายใจไม่ออก จาตายอยู่แล้ว จาให้น้องแป้งตายรึไง…ฮือ ”
ทั้งตะโกนทั้งร้องไห้ คนที่จะทนไม่ได้คือแม่กับพ่อ ไม่รู้ว่าสงสารหรือโมโห…คงจะสงสาร…คงงั้น
ส่วนโมโหน่าจะเป็นป้า…ฉันจึงไล่ออกไปรอนอกห้องฉุกเฉินทั้งคู่
คราวนี้เหลือแต่คุณป้ามหาภัย ร้องได้ร้องไป ทั้งขู่ทั้งปลอบ
“ เดี๋ยวคุณป้าจะออกไปมั่ง ให้น้องแป้งอยู่คนเดียว ”
เธอยอมหยุดดิ้น แต่น้ำตายังไม่หยุดไหล คุณหมอได้ดูแผลและล้างแผลง่ายๆและ
สรุปตอนท้ายหลังดูแผลว่า
“ คงต้องเย็บนะครับ เพราะแผลลึกแต่ไม่กว้าง เข็มเดียวครับ ”
เท่านั้นแหละ คุณหลานได้ยิน มีแรงร้องแรงดิ้นต่อ..
“ น้องแป้งไม่เย็บ เจ็บๆ เจ็บจาตายอยู่แล้ว ”
คุณหมอได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าน้อยๆ …
ฉันยักไหล่และยิ้มอย่างให้หมอรู้ว่า…ขอโทษค่ะ
………
ทั้งห้องมีคนไข้มากมาย ที่อาการหนักทำท่าจะไม่รอดก็มี
ที่กำลังหอบนั่งพ่นยาอยู่บนรถข้างๆก็มี
อีกสองคนนอนทำแผลก็มี เจ้าตัวดีของฉันเจ็บน้อยที่สุดกว่าทั้งหมด
แต่ฤทธิ์เธอเยอะที่สุด
“ เย็บเข็มเดียวเอง คุณหมอทำเบาๆ ถ้าน้องแป้งดิ้นเลือดก็ยิ่งออก ยิ่งเจ็บนะเออ ” ฉันว่า
พลางเงยหน้ามองคุณหมอมีคำถามในตาของฉันว่า…อย่างงั้นใช่มั้ยคะคุณหมอ
“ ฮือ ฮือ ถ้าเป็นคุณป้าโดนเย็บบ้าง ตอนคุณป้าเป็นเด็กๆน่ะจะเจ็บมั้ยล่า จะเจ็บมั้ยคุณป้า..ฮือ..”
ทั้งร้องทั้งบ่น ขณะที่เธอบ่นคุณหมอก็ทำแผลและเตรียมเย็บ
“ เจ็บสิ ทำไมจะไม่เจ็บ ” ฉันว่า..ดูเหมือนว่าไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
“ ฮือ..นั่นไง…คุณป้ายังเจ็บเลย ”
“ แต่คุณป้าไม่ดิ้นนะจะบอกให้ เจ็บก็อดทน ร้องไห้เฉยๆไม่ดิ้น คุณป้าเย็บตั้งสามเข็มเยอะกว่าน้องแป้งอีก ”
ว่าแล้วฉันก็ปัดผมที่ปิดหางคิ้วข้างซ้ายให้คุณหลานดู ได้ผลแหะ…
เธอเงียบนอนมองแผลเป็นที่หางคิ้วของฉัน
มาคิดดู….ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ..ฉันมีแผลเป็นตอนอายุเท่าน้องแป้ง เรียนอนุบาล
วิ่งเล่นกับเพื่อนล้มลงฟาดกับม้าหินอ่อน…แตก เย็บสามเข็ม
สมัยก่อนไม่มีเข็มเล็กๆด้ายเล็กๆอย่างสมัยนี้ หมอคนนั้นจึงทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้
ถึงวันนี้ไม่รู้จะขอบคุณหรือโกรธดี…สำหรับรอยแผลเป็นนี่น่ะ..

“ คุณหมอเย็บเข็มเดียวเบาๆ น้องแป้งร้องไห้ได้แต่ไม่ดิ้นนะลูกเดี๋ยวเข็มจะแทงตา ตาบอดรู้มั้ย แล้วคุณป้าจะซื้อขนมให้นะคะ ” …
นี่ได้ผลกว่า อาจเป็นเพราะเธอกลัวเข็มแทงตา หรืออาจเป็นเพราะมีความหวังว่าจะได้ขนม
หรือไม่อีกทีอาจเป็นเพราะเธอมีพวก…ก็ป้ากับหลานคิ้วแตกทั้งคู่

ถึงตอนนี้ เข็มเดียวที่คุณหมอบอกก็เสร็จเรียบร้อย แถมเจ้าตัวดียอมให้เย็บแต่โดยดีไม่ร้องสักแอะ
มีคุยอีกต่างหาก “ ไม่เห็นจะเจ็บเลย คุณป้าโกหก ไม่เห็นเจ็บเลย ”
คุณหมอที่เย็บแผลส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
อ้าว!เป็นความผิดของฉันหรือนี่…
“ แล้วร้องไห้ทำไม ถ้าไม่เจ็บ ร้องทำไม ”
“ ก็น้องแป้งหายใจไม่ออกนี่นา…น้องแป้งจะตายไม่เห็นรึไง… ” ว่าแล้วเธอก็จะเริ่มเล่นบทโศก
เลยต้องรีบส่งตัวให้น้องสะใภ้ให้พาออกไปข้างนอกไปซื้อขนมตามสัญญา เอาใจเธอหน่อย
สัญญาอะไรไว้ต้องรักษาสัญญา โดยเฉพาะกับเด็ก..

ส่วนฉันต้องรอรับใบสั่งยากับคุณหมอ
“ ได้มายังไงครับ ”จู่ๆคุณหมอก็เงยหน้าจากการเขียนใบสั่งยาขึ้นมาถามฉัน
“ คะ ? อ๋อ … ”
“ ถึงเวลาพักของผมพอดี อยากเชิญคุณทานกาแฟด้วยกัน คุณจะได้เล่าให้ผมฟังไง นะครับ ”
????
…

กลับไปถึงบ้าน เธอเที่ยวไปอวดใครๆว่าเธอมีแผลที่คิ้วเหมือนคุณป้า…
แต่คุณป้ามีเยอะกว่าน้องแป้ง
ใครทักใครถามว่าคิ้วไปโดนอะไรมา เธอจะรีบบอกว่าน้องแป้งหัวแตกเย็บตั้งเข็ม
เหมือนคุณป้าเลยคุณป้าก็โดนเย็บตั้งสามเข็ม… เจ้าหล่อนจะลอยหน้าลอยตาบอก
และฉันก็ต้องตอบคำถามว่าจริงเหรอที่หลานว่า บางคนขอดูแผลที่หางคิ้วของฉันอีกต่างหาก

รู้สึกเป็นพวกเป็นพ้อง แก๊งเดียวกัน
โดนเหมาเป็นพวกเดียวกันกับหลานซะแล้วเรา
คราวหน้าถ้าน้องแป้งมีแผลที่ไหนอีกที่ต้องเย็บต้องล้างต้องไปโรงพยาบาล
ฉันต้องหาข้ออ้าง หาเรื่องเป็นให้เหมือนเธออีกไหมนะ… ก็ป้ากับหลานน่ะ..เราอยู่แก๊งเดียวกันนี่นะ…

มองดูน้องแป้ง
มองย้อนอดีต
ฉันเห็นบางส่วนของฉัน…อยู่ในตัวเธอ…
…
อีกครั้ง
วันนี้พาน้องแป้งไปโรงพยาบาล
มีนัดตัดไหมที่คิ้ว…เข็มเดียวที่เย็บคราวที่แล้ว
“ วันนี้น้องแป้งไม่กลัว จริงๆนะคุณป้า ” เธอว่างั้น เชื่อไว้ก่อนไม่เสียหลาย
…
“ สวัสดีครับ…สาวสวย ” หมอรูปหล่อยิ้มสวยคนเดิม มือยาวเรียวเขี่ยแก้มเล็กๆของน้องแป้ง
“ เฮ้อ..” ฉันให้สงสัยในหัวจิตหัวใจนัก โรงพยาบาลนี้คงมีหมอประจำห้องฉุกเฉินคนเดียวกระมัง
“ สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว ” … ฉันเผลอยักไหล่และยิ้มนิดๆให้ ก็หมอคนนี้ยิ้มสวย
น้องแป้งส่งมือให้คุณหมอจูงไปที่เตียง นอนรอเพื่อตัดไหมที่หัวคิ้ว
“ จะไม่เจ็บใช่มั้ยคะ… ” จอมแสบมีกลัวเล็กน้อย
“ ไม่เจ็บครับ หมอรับรอง ถ้าน้องแป้ง ชื่อน้องแป้งใช่มั้ยครับ ถ้าน้องแป้งนอนนิ่งๆ ”
ฉันยืนจับมือน้องแป้ง ยิ้มส่งกำลังใจให้หลาน วันนี้เธอไม่แผลงฤทธิ์

“เสร็จแล้ว…เก่งมาก ”

“ ขอบคุณคุณหมอสิลูก ” เจ้าตัวเล็กยกมือไหว้ ไม่ทำให้ป้าขายหน้าขายตา

เขายิ้มอีกแล้ว คราวนี้ยิ้มยิงใส่ตาของฉันโดยตรง
“คราวที่แล้วคุณไม่ยอมอยู่ทานกาแฟกับผม คราวนี้ จะยินดีอยู่ทานกาแฟด้วยกันมั้ยครับ มีขนมอร่อยๆสำหรับน้องแป้งด้วยนะครับ ” เอากาแฟมาล่อป้า เอาขนมมาหลอกหลาน ..ฮึ!
และเจ้าตัวดีก็ยิ้มหวานเชียว หมั่นไส้
“ โปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนไข้ทุกคนเหรอคะ ” ฉันคงเผลอยิ้มให้กับความใจดีของเขา
“ โปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนพิเศษเท่านั้นครับ ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะว่าจะรับโปรโมชั่นหรือเปล่า ” ยิ้มอีกแล้ว
“ อันที่จริง ฉันอยากรับโปรโมชั่นนะคะ แต่…” เขายังคงยิ้มยืนมองเงียบๆ ไม่รู้รึไงนะว่านั่นทำให้ฉัน..อึกอัก
“ โปรโมชั่นนี้เปลี่ยนเวลาและสถานที่ได้มั้ยคะ ”
“ ชัวร์ ” ท่าทางยักไหล่น้อยๆนั่น กับรอยยิ้มสวยๆ กวนอารมณ์จริงๆ
“ แล้ว..คือ..เอ่อ.. มีวันเอ็กไปร์มั้ยคะ ”
ฮ่า ฮ่า …คราวนี้อีตาหมอหัวเราะเสียงดัง ทำเอาฉันอายพยาบาลกับคนไข้ในห้องฉุกเฉินที่หันมามองเรา
“ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณนะครับ…คุณป้า..”

….
ร้านกาแฟ “ อุ่นอิ่ม ”
ความฝันเล็กๆของฉัน ร้านคอฟฟี่แอนด์เบเกอร์รี่โฮมเมด ชั้นวางหนังสือและโปสการ์ดทำมือ
โต๊ะเก้าอี้เล็กๆสามสี่ชุด สตูลยาวหันหน้าออกนอกร้านเก้าอี้สองสามตัว
ความฝันที่ฉันสร้างขึ้นหลังลาออกจากงานประจำ
เงินเก็บก้อนใหญ่แปรรูปเป็นร้าน“ อุ่นอิ่ม ”
ช่วงที่ตัดสินใจลาออก คิดอยู่นานมาก ขอบคุณสวรรค์ที่มีกำลังใจดีๆจากครอบครัว

ร้านเล็กๆ
มุมเงียบๆ
ผู้ชายคนนั้น
คนที่ยิ้มสวย อารมณ์ดี
ใช่… ใช่ ..ฉันกำลังจะบอกว่า
หมอหนุ่มคนนั้นได้กลายเป็นหมอสามัญประจำร้านกาแฟของฉันไปแล้ว

“ลองลาเต้มั้ย เผื่อความเข้มข้นที่ผ่านมาจะนุ่มนวลและเบาบางลงบ้าง ”
ฉันวางลาเต้บนโต๊ะ ต่อหน้าคนยิ้มสวย ที่ตอนนี้ยิ้มไม่ค่อยออก
“ ยุ่งเหรอคะ ” วางSacher Cake รสเข้มข้นชิ้นโตลงตรงหน้า
“ ช็อกโกแลตตจะทำให้อารมณ์ดี สดชื่น มีความสุข และ…. อ้วนถ้าทานมาก ” ยิ้มให้หมอหน้ายุ่ง
ขายาวเหยียดออกไขว้กัน เอนตัวไปข้างหลังพิงพนักเก้าอี้ กอดอกหลวมๆ คลี่ยิ้มบางๆ
“ ผมอารมณ์ดี สดชื่นและมีความสุข ตั้งแต่เดินเข้าร้าน และมีความสุข สดชื่นและอารมณ์ดีมาก ถึงมากที่สุดตั้งแต่ลาเต้แก้วนี้วางอยู่ตรงหน้า และ…ตั้งแต่ผมเจอคุณ ”

อดที่จะยื่นมือไปให้ไม่ได้ ตอนที่เขาส่งมือมาให้ มือยาวเรียวบีบกระชับเบาๆ
จะตายจริงๆเชียว…เฮ้อ !
….
“ หากันจนเจอ ”

ขอบคุณที่เวลานี้ร้านค่อนข้างว่าง
มีลูกค้าในร้านอยู่เพียงคนเดียว
ชายหนุ่มตัวโตผิวเข้มที่อยู่มุมห้อง
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาสนใจจะเป็นหนังสือเล่มเล็กๆในมือ
“ หนังสือทำมือ ” ที่ฉันมักจะวางไว้บนโต๊ะเพื่อให้ลูกค้ามีอะไรดูเล่นขณะรอกาแฟ
ฉันหวังว่าเขาจะไม่เห็นตอนที่ใครบางคนสองคนจับมือกันบีบกระชับ
หวังว่าเขาคงจะไม่เห็นว่าฉันแอบหน้าแดงนิดๆ
คิดอีกทีเขาคงเห็น ก็ตอนที่เขาสั่ง “ กาแฟร้อน ” ต่อจากมอคค่า
มือของฉันยังอยู่ในมือของใครบางคน
เอาเถอะ..ถึงเห็นก็คงไม่เป็นไรก็แค่จับมือ ใช่ๆก็แค่จับมือแค่นั้นเอง

ฉันลุกไปชงกาแฟร้อนให้เขา ยิ้มให้เขานิดๆ
“ รับขนมอีกสักชิ้นมั้ยคะ บานอฟฟี่พายสักชิ้น ถ้าคุณทานกล้วยหอมน่ะนะคะ
พอทานชุดนี้เสร็จรับรองได้ว่าคุณจะทานอาหารเย็นไม่ได้อีกแน่ๆ ”
“ ผมกินกล้วยหอมได้ ลองสักชิ้นก็ดีครับ ”
ฉันเดินไปเอาบานอฟฟี่พายมาให้ เติมน้ำเย็นลงแก้วที่พร่อง
“ คอยใครอยู่หรือเปล่าคะ ฉันเห็นคุณนั่งได้ครู่ใหญ่ๆแล้ว ”
ชวนเขาคุยนิดหน่อย คนหน้ายุ่งโต๊ะโน้นคงไม่ว่า
ลูกค้าคือคนสำคัญนี่นา แต่ลูกค้าสามัญประจำร้านสำคัญที่สุด
“ เปล่าครับ ไม่ได้คอยใคร จะเป็นไรมั้ยครับถ้าผมจะนั่งต่ออีกครู่ใหญ่ ”
“ ไม่ค่ะไม่ ไม่เป็นไรเลย ตามสบายนะคะ ” ยิ้มหวานให้เขาอีกครั้งก่อนปล่อยให้เขานั่งอยู่กับตัวเอง
และฉันเดินกลับไปนั่งที่เดิม กับผู้ชายคนเดิม
…
“ อยากจะเล่ามั้ย ” เริ่มค้นหาสาเหตุของหน้ายุ่งๆ
ฉันชอบมองใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มมากกว่าหน้ายุ่งๆ
“ เรื่องเล็กน้อย หยุมหยิมในที่ทำงานน่ะ ” เขาเริ่ม
“ อืม…จากประสบการณ์เดิมที่ผ่านมา ปัญหาส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากเรื่องเล็กน้อยและปัญหาส่วนใหญ่มักมาจากเรื่องไม่เป็นเรื่องและกลายเป็นเรื่อง ” ฉันว่า
เขาหัวเราะเบาๆ “ ปัญหาของผมเริ่มจากเรื่องเล็กน้อย ”
“ ถ้าเล็กน้อยจริง จะทำให้หน้ายุ่งคิ้วขมวดได้ยังไง ” ฉันคัดค้าน
“ ก็มันเรื่องเล็กที่เกี่ยวข้องกับคนที่เราสนิท เพื่อนสนิท มันก็เลยเป็นเรื่องเล็กที่ยิ่งใหญ่ ”เขาว่า

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าให้ฉันฟัง ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบเรื่อง
“ ว่าไงศิราณีจะช่วยยังไงจ๊ะ ” เขากอดอกหลวมๆ เหยียดขายาวไขว้กัน ใบหน้ายิ้มๆ ชนิดที่ฉันมองว่า
ยั่วยวนกวนที่สุด

“ เดี๋ยวมานะคะ ” ฉันลุกขึ้นเดินไปโต๊ะลูกค้าหนึ่งเดียวในร้าน
ที่บังเอิญหันไปสบตาเข้าและคิดว่าเขาต้องการบางอย่าง
…..
“ ขอบคุณนะคะ วันหน้าเชิญใหม่นะคะ ”
“ เรื่องเล่าสนุกดีครับ ” ไม่ยักบอกว่ากาแฟหอม ขนมอร่อย ไพล่ไปพูดถึง “ หนังสือทำมือ ”เล่มเล็ก
“ บางที… ผมอาจจะลองเดินทางตามรอยของคุณบ้าง ” ชายหนุ่มตัวโตว่า
ยิ้มนิดๆนั้นทำให้ใบหน้าที่คมเข้มน่าดูยิ่งขึ้น
ฉันหัวเราะเบาๆ “ แล้วกลับมาเล่าสู่กันฟังนะคะ ” ฉันโค้งตัว ก้มศีรษะให้เขานิดหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไป

ฉันแหงนมองนาฬิกาติดผนัง มองดูผู้คนที่เดินผ่านหน้าร้าน เริ่มบางตา
วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา พลิกป้ายที่แขวนไว้หน้าร้านให้เป็น “ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ ”
หวังว่าป้ายนั่นจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่าปิดร้านแล้ว

ฉันเก็บแก้วจานที่โต๊ะลูกค้าคนสุดท้ายไปวางไว้อ่างล้างจาน
หมอสามัญประจำร้านลุกมาช่วยเก็บทั้งของตัวเองและของลูกค้า
“ ผมช่วย ”
ฉันลงมือล้างแก้ว จาน มีคนตัวโตใจดีช่วยเช็ดวางบนชั้น
“ คุยกัน ” ฉันเริ่ม คุณหมอหยุดเช็ดจานและมองหน้า
“ คุยกันตรงๆ อย่าคุยผ่านคนอื่น คำพูดมันเพี้ยน เอ่อ..บิดเบือน เชื่อว่าเพื่อนคุณก็คงอยากคุย
อยากเคลียร์ ติดแค่ใครจะเริ่มก่อน คุณน่าจะลองโทร.หาเธอ ก่อน คุณเป็นผู้ชายเป็นสุภาพบุรุษควรโทร.หาเธอ ผู้หญิงส่วนใหญ่ขี้งอน ” แหม! แนะนำเหมือนไม่ใช่ผู้หญิง

ฉันเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือเมื่อล้างถ้วยใบสุดท้ายและล้างมือเสร็จ
เขาวางถ้วยใบนั้นบนชั้นเก็บผ้าเช็ดจาน และจับมือของฉันจูงไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
แต่คนที่จูงมือกลับเปลี่ยนมานั่งเก้าอี้ตัวใหม่ข้างๆ และไม่ยอมปล่อยมือ เฮ้อ!เอากับเขาสิ..
“ แล้วผู้หญิงคนนี้ขี้งอนมั้ย ” เขาว่ายิ้มๆ
“ ไม่รู้สิ ยังไม่มีเรื่องให้งอน เลยยังไม่รู้ว่าจะงอนมั้ย ” ฉันบอกตามความเป็นจริง
“ อย่าขี้งอนเลย บอกตามตรง ผมไม่รู้จะง้อยังไง ” เขาว่า และนั่นทำให้ฉันต้องหัวเราะเบาๆ

“ คงแนะนำอะไรไม่ได้มาก แต่อยากบอกคุณว่าถ้าคุณ แคร์เธอคุณต้องคุยต้องเคลียร์กับเธอ อย่าปล่อยให้ค้างคา เพื่อนดีๆไม่ได้มีง่ายๆนะ ถ้าได้คุยกันคุณอาจจะพบว่าเรื่องที่หงุดหงิดคาใจมันเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างที่คุณว่าจริงๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่ในใจอีกต่อไป และความเป็นเพื่อนจะยังคงอยู่กับคุณและเธอตลอดไป แต่ถ้าคุณไม่คุยกับเธอ คุณอาจจะไม่สามารถคุยกับเธอได้อย่างสบายใจสนิทใจเหมือนอย่างเคย โทร.หาเธอซะ อ้อ!ถ้าต้องมีใครสักคนเป็นคนผิด คุณก็ยอมรับผิดซะคงไม่ทำให้เสียหายอะไร เป็นผู้ชายยอมให้ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนคงไม่ทำให้เสียศักดิ์ศรีเท่าไหร่กระมัง ” เฮ้อ! เหนื่อยนะนี่

ร่ายยาวแต่ดูเหมือนว่าคนฟังจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก
เพราะท่านั่งที่จับมือของฉันพลิกไปมาเหมือนมีนิ้วที่หกที่เจ็ดงอกออกมาจากมือของฉัน
เลยต้องดึงมือกลับแม้คนจับจะพยายามยึดไว้
“ คุณฟังอยู่หรือเปล่า ” ฉันว่า มองสบตาสวยนั่น
“ ผมก็ว่าจะโทร.ไปหาเธอเหมือนกัน ” เขาว่า
“ แล้วหลอกให้พูดซะยาว ”
“ ผมชอบฟังคุณพูด ”

เขาเงียบไปนิดก่อนมองหน้าฉัน
“ ดีจังที่น้องแป้งคิ้วแตกเมื่อวันนั้น ”
“ อ้าว ไหงงั้นล่ะ หลานเจ็บนะนั่น ” ฉันแกล้งโวยวาย
เขายิ้มใส่ตาฉัน “ ก็เพราะน้องแป้งเจ็บ ทำให้ผมได้เจอคุณไง … คุณป้า ”
ยิ้มบาดใจทั้งปากทั้งตา “ เก็บร้านกัน ไปหาอะไรอร่อยๆกินกันเถอะ ”

เราช่วยกันปิดร้าน ก่อนจะจับมือกันเดินไปตามฟุตบาธ
มีร้านอาหารอร่อยอยู่ถัดจากร้านของฉันไปหนึ่งช่วงตึก
การเดินไปด้วยกันอย่างนี้ ทำให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันนานขึ้น เขาว่าอย่างนั้น
“ ก่อนนั้น คุณไปอยู่ที่ไหนมานะ ปล่อยให้ผมรอซะนาน ”

ฉันหยุดเดินแหงนหน้ามองเขา อดยิ้มนิดๆไม่ได้ “ แต่เราก็หากันจนเจอไม่ใช่รึ ”
เขายิ้มใส่ตาแต่บาดใจอีกแล้ว ฉันรู้สึกถึงมือของเขาที่บีบกระชับแน่นเข้า
“ ใช่ๆ แล้วเราก็หากันจนเจอ ”
…




Create Date : 17 มกราคม 2551
Last Update : 17 มกราคม 2551 18:14:14 น.
Counter : 636 Pageviews.

2 comments
: รูปแบบของการตระหนักในการรับรู้ : กะว่าก๋า
(15 เม.ย. 2567 05:37:45 น.)
15/04/67 สมาชิกหมายเลข 4675166
(15 เม.ย. 2567 09:46:52 น.)
เรื่องเล่าที่ไม่เกี่ยวกับวันสงกรานต์ tanjira
(13 เม.ย. 2567 16:10:32 น.)
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 22 หน้า 1 unitan
(11 เม.ย. 2567 07:22:50 น.)
  
ซึ้งกับคำว่า เราหากันจนเจอ
โดย: โซดา IP: 118.173.55.163 วันที่: 4 สิงหาคม 2553 เวลา:13:41:24 น.
  
Khob jai, picorn is in with your short novel..i like it better than long story..at least you know the destination right the way, unlike long one, I got hung over from those whose never end the story..!
โดย: Camille IP: 71.81.178.101 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:54:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nuntiya.BlogGang.com

สิงห์อมบ๊วย
Location :
ขอนแก่น  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]