ไม่มีชื่อ...
-1-...
วันนี้ฟ้าใส มีลมพัดอ่อนๆ
ฉันเดินผ่านร้านขายดอกไม้
กุหลาบสีสวยชูช่อน่ารัก
สวยจนฉันอดใจซื้อไม่ได้
…
ฉันไม่ชอบดอกกุหลาบจะว่าไม่ชอบก็ไม่เชิง ไม่ชอบที่เป็นดอกๆที่โดนตัด
ชอบที่ติดกับต้นมากกว่า ดูมีเสน่ห์ สง่างาม
เพื่อนของฉันเคยถามว่าแล้วถ้าวันวาเลนไทน์มีหนุ่มส่งกุหลาบมาให้จะรับมั้ย
ไม่รับ จะบอกให้เขาเอามาให้ทั้งต้นทั้งกระถาง
“ พิลึกคน ” เพื่อนว่า
“ พิลึกตรงไหน ถ้าหนุ่มนั่นปิ๊งฉันจริงเขาก็คงยอมหาให้เป็นต้น แต่ถ้าไม่ ก็ผ่านไปซะเถอะ “ ฉันว่า
“ แต่มาคิดอีกที ฉันไม่อยากได้หรอกกุหลาบ ฉันชอบพวกแคคตัสหรือไม่ก็บรอมมีเลียดมากกว่า
เลี้ยงง่าย ตายยาก ดอกสวย มีเสน่ห์ เหมือนฉัน..5 5 5 ”
“ พิลึกที่สุดเธอนี่ ” เพื่อนๆว่า

ถึงไหนแล้วนะ อ๋อ!กุหลาบ ใช่ๆฉันซื้อดอกกุหลาบ สีแดงเสียด้วย
ไม่มีแจกัน ปักไว้ในเหยือกแก้วนี่ละกัน ตั้งไว้ไหนดีๆ
เดินไปวางบนโต๊ะรับแขก ไม่เอาดีกว่า
โต๊ะกินข้าว ไม่เอาดีกว่าเกะกะของกิน
เดินถือเหยือกดอกกุหลาบรอบบ้าน โอ๊ย!ทำไมมันวุ่นวายอย่างนี้
เห็นมั้ยล่ะซื้อเป็นกระถางง่ายกว่าเยอะ ตั้งตรงไหนก็ได้ หน้าบ้าน ข้างประตู ในสวนหย่อมเล็กๆนั่น
…
เสียงโทรศัพท์มือถือดังอยู่ที่ไหนสักแห่ง …อ้อ..หลังตู้เย็น
เดินไปหยิบโทรศัพท์ อุ้มเหยือกกุหลาบไปด้วย ก็ฉันยังหาที่เหมาะๆสำหรับวางไม่ได้เลย
ใครกันๆ อ๋อ!
“ เหวย ! ” ฉันส่งเสียงทักทายปลายสาย
“ อยู่ไหน ทำอะไร เย็นนี้ว่างมั้ย จะไปหานะอีกสักชั่วโมงน่าจะถึง ทำกับข้าวเผื่อผมด้วยนะ หิวมากเลย ”
เสียงปลายสายถามและสั่ง
“ ก่อนจะมาน่ะ จะไม่ฟังคำตอบก่อนรึไง ” ฉันย้อนให้
วางเหยือกใส่กุหลาบลงบนโต๊ะรับแขก ก่อนที่มันจะหล่นแตก ให้มันอยู่ตรงนี้ก่อนจนกว่าจะคิดออกว่าจะเอาไปวางไว้ที่ไหน
“ จะไม่อยู่รึ ” ทำเสียงแปลกใจซะงั้น
“ เปล่า อยู่สิ ” ฉันว่า
“ งั้นถามทำไม ผมรู้อยู่แล้วว่าวันนี้คุณอยู่บ้านชัวร์ ”
“ งั้น…ถามทำไม ” ฉันย้อนด้วยคำของเขา เดินเข้าครัวเปิดตู้เย็นสำรวจของสดที่จะทำอาหารเย็นนี้
“ ไปอารมณ์เสียมาจากไหน ดูทำเสียง ” ใครบางคนยังไม่รู้ตัว
“ อารมณ์ดีมาตลอดทั้งวัน เพิ่งจะอารมณ์เสียเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่แหละ ” ฉันว่า
เสียงหัวเราะเบาๆจากปลายสาย
“ ผมกำลังขับรถ และรถติดมากเลย ยังไม่อยากทะเลาะด้วย จะเอาอะไรมั้ยจะซื้อไปให้ ”
“ น้ำองุ่น อยากกินน้ำองุ่น อ้อ! บรอมมีเลียดสวยๆสักต้น ”
“ ได้เลย คุณผู้หญิง ” เสียงรื่นเริงปลายสาย
“ แล้วเจอกัน ”
“เจอกัน ”
กดวางสาย
อืม…มีของสดในตู้เย็น เพียงพอที่จะทำอาหารง่ายๆสำหรับคนสองคน

-2-
…
“ เขา ” คือเพื่อนของพี่ชาย เรารู้จักกันมากว่า 5 ปี
จำได้ คราวนั้นฉันตามพี่ชายไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
พี่ชายชอบดูนก ฉันชอบเที่ยวไม่ได้ดูอะไรจริงจัง
มีเพื่อนพี่ชายมาสมทบอีกสามคน แน่นอนมี “ เขา ” ด้วย
เวลาผู้ชายเจอกันนี่ไม่เห็นจะต่างจากผู้หญิงเจอกันสักนิดเมาธ์แตกพอกัน
บางทียังเอาแฟนตัวเองมาเมาท์หน้าตาเฉย แต่ก็มักตบท้ายด้วยน้ำเสียงที่ไม่คิดว่าจะได้ยินได้ฟัง
“ แต่ก็น่ารักว่ะ ” ฉันนั่งฟังยังอดไม่ได้ที่จะทำตาโต
เพื่อนของพี่กลุ่มนี้ดีอยู่อย่างไม่กินเหล้าจนเมาเสียงดังไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษอะไรนักหนาหรอกเหตุผลคือ
“ สถานที่ไม่เอื้ออำนวย ต้องเคารพกฎกติกา ”พี่ท่านว่ามาอย่างนั้น
พวกเขาคุยกันถูกคอ น้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อใครบางคนพูดถึงนกที่เขาได้เจอ
มีเสียงซักถาม มีเสียงหมายมาดในใจว่าจะต้องตามล่าให้เจอ “ ล่า ” ของพวกเขาคือตามดู
ฉันเคยเรียกพวกเขาว่า “ พวกถ้ำมอง ” เลยโดนโวยซะลั่นป่า มีเพียง “ เขา ” ที่นั่งหัวเราะส่ายหน้าเฉยๆ

“ ทำไมต้องพากันด้อมๆมองๆ แอบๆซ่อนๆ อยากดูก็แค่โยนหินโยนไม้เข้าไปเดี๋ยวนกมันตกใจก็บินขึ้นมาให้เห็นเองแหละ ” ฉันแกล้งว่า คราวนี้เลยมีหลายเสียงรุมถล่มฉันยับว่า
“ คิดได้ไง ” “ น้องใครวะไม่รู้จักสั่งสอน” “ ปั้ดเดี๋ยวปล่อยทิ้งไว้ในป่าไม่พากลับ ”
แล้วฉันก็โดนจับเลคเชอร์เรื่องการดูนก กลางป่าแก่งกระจานจากบรรดาพี่ๆที่คิดว่าตัวเองเป็นเซียนดูนก

หลังจากนั้นฉันก็หัดดูนกบ้าง ดูพอให้มีกิจกรรมทำ ไม่ถึงกับคลั่งไคล้
เวลาที่พี่ชายไปเที่ยวดูนก ถ้าไม่มีนัดที่ไหนฉันมักจะขู่กรรโชก เอ๊ย! รบเร้า อ้อนวอน
ขอติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ
แน่นอน!มี “ เขา ” ด้วยเสมอ ก็เขาอยู่ในแก๊งเดียวกันกับพี่ชาย
และเขานี่แหละที่เป็นคนคอยช่วยเหลือและดูแลเวลาไปดูนก
พี่ชายน่ะเหรอ…แทบจะจับฉันผูกติดกับเขา “ อย่าเดินตามฉันนักเดี๋ยวสาวๆเข้าใจผิดว่าแกเป็นแฟนฉัน ”
เป็นไงพี่ชายของฉันรักและห่วงน้องจริงๆ “เขา”ก็ช่างกระไรไม่บ่นสักคำยอมให้ฉันเกาะติดตลอดทริป
“ ไม่กลัวสาวๆเข้าใจผิดว่าฉันเป็นแฟนเหมือนพี่กล้ารึ ” ฉันเคยลองถามเขาเมื่อเราสนิทกันกันมากขึ้น
คำตอบน่ะรึ “ ไม่กลัว คุณยังดูห่างไกลจากคำว่าแฟน ” ดูเขาตอบสิ แปลว่าไงล่ะนั่น

-3-…
ปีที่แล้ว พี่ชายแต่งงานแยกไปอยู่กับพี่สะใภ้ ทิ้งฉันอยู่บ้านเพียงลำพัง
อยู่คนเดียวก็สบายดี แม้บางครั้งจะเงียบเหงาบ้าง โถ!ลูกกำพร้ามีกันอยู่สองพี่น้อง
พอต้องแยกกันอยู่ก็มีเหงาบ้างเป็นธรรมดา พี่ชายอยากให้ไปอยู่ด้วยกัน
แต่ฉันขี้เกียจย้ายตาม ไม่สะดวกถ้าต้องเดินทางไปทำงาน
พี่ชายกับพี่สะใภ้จะมาเยี่ยมมาพักด้วยเดือนละครั้ง บางทีก็สองเดือนครั้ง
แต่ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน พี่ชายก็มักโทรศัพท์หาฉันเสมอ ทุกเย็น พอไม่ได้อยู่ด้วยเลยออกอาการเป็นห่วง
“ ฉันกลัวแกจะไปก่อเรื่องเลยต้องโทร.เช็คทุกวัน ”
ดูดู๊ แสนรู้ เอ๊ย!แสนดีจริงพี่เรา
ส่วน “ เขา ” เคยมาบ้านฉันยังไงตอนที่พี่ชายอยู่ เดี๋ยวนี้ก็ยังมาอย่างนั้นแม้ตอนนี้พี่ชายไม่อยู่
“ เขา ” บอกว่า “ มาเพราะความเคยชิน ก็เคยมาบ่อยๆจะให้เลิกมาทำใจยาก อีกอย่างกล้าเขาฝากให้มาดูกลัวคุณไปก่อเรื่องที่ไหน ”
เอาเถอะ ไม่ว่าจะมาเพราะเหตุผลอะไร ฉันก็รู้สึกดีทุกครั้ง เพราะทำให้บ้านหลังน้อยๆไม่เงียบเหงาเกินไป
ยอมรับอย่างไม่อาย บางทีก็แอบเหงาเหมือนกัน พอพี่ไม่อยู่ไม่มีคนโวยวายโหวกเหวก
…
“ไหนบอกชั่วโมงนึงไง นี่เกือบสองชั่วโมง ” ฉันแกล้งว่า ตอนที่เปิดประตูรั้วให้
“ ถ้ารู้ว่ามีคนคิดถึงอยากเจอหน้าเร็วๆจะโดดงานภาคบ่ายแล้วตรงดิ่งมาเลย ”
“ เชอะ ! ” เดินนำเข้าบ้าน ในขณะที่เขาเดินตาม หูแว่วได้ยินเสียงคนเดินตามหัวเราะหึ หึ

“ เหนื่อยจัง วันนี้งานยุ่งทั้งวัน ” ใครบางคนบ่น
“ งานยุ่งดีกว่าไม่มีงานนะ ” ฉันเดินไปรินน้ำเย็นมาให้ เห็นว่าเหนื่อยหรอกนะ
“ ขอบคุณครับ ” อาจเป็นเรื่องบังเอิญเมื่อปลายนิ้วของเขาโดนปลายนิ้วของฉัน

ฉันอุ้มเหยือกน้ำใส่ดอกกุหลาบจากโต๊ะรับแขก เดินไปวางบนโต๊ะอาหาร
มันดูกินพื้นที่ของโต๊ะไปเยอะ อุ้มไปวางบนหลังตู้เย็น ส่ายหน้าไม่เหมาะ

“ ทำอะไร ” เขาคงทนไม่ได้เห็นฉันเดินวนไปวนมา
“ ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี หิวมากมั้ยรอเดี๋ยวนะ ”
“ กุหลาบไม่กี่ดอกทำไมยุ่งยากจัง คิดยังไงซื้อกุหลาบไหนบอกไม่ชอบ ”
“ มันก็ดูสวยดี คนขายน่ารัก ซื้อเพราะคนขายน่ารัก ”
เขาลุกขึ้นเดินตรงมาหา
อุ้มเหยือกกุหลาบวางลงในซิงค์น้ำ
เปิดชั้นลอยเหนือซิงค์หยิบแก้วทรงสูงมาสามใบ หยิบมีดในลิ้นชัก
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ไปหมดว่าอะไรอยู่ที่ไหน
ไม่แปลกหรอก ก็บ้านหลังนี้เขาเทียวเข้าเทียวออกตั้ง 4-5 ปี
ตัดก้านตัดใบของกุหลาบออกให้พอดีกับความสูงของแก้ว แล้วแบ่งดอกกุหลาบใส่แก้วสามใบ
ในแก้วมีดอกกุหลาบอยู่ใบละสามถึงสี่ดอก แล้วเขาก็นำไปวางบนโต๊ะรับแขก โต๊ะทานอาหารและหลังตู้เย็น

ฉันยืนมองเขาจัดการกับดอกกุหลาบทั้งหมด พอเสร็จเขาหันมามองหน้าฉัน ยักไหล่นิดๆ
“ เป็นไง ใช้ได้มั้ย มีตรงไหนที่คุณคิดจะนำไปวางอีก จะได้หาแก้วมาแบ่งอีก ”
ฉันหัวเราะเบา “ ทำไมฉันคิดไม่ได้นะ อย่างนี้น่ะ ”
“ เสร็จแล้วทานข้าวกัน เดี๋ยวอุ่นกับข้าวแป๊บนึงนะ ” เอาใจเสียหน่อย
“ เดี๋ยวมานะ ลืมของไว้ในรถ ” คนตัวโตเดินออกไปนอกบ้าน ในขณะที่ฉันเอากับข้าวเข้าไมโครเวฟ
เขากลับเข้ามาพร้อมกล่องกระดาษใบโตในอ้อมแขน บนกล่องมีถุงพลาสติกขนาดย่อมใส่อะไรสักอย่างคล้ายหนังสือ ฉันช่วยเลื่อนจานกับข้าวออกเพื่อให้เขาวางได้ง่าย
“ ของที่คุณผู้หญิงสั่ง ” เขาว่าพลางเปิดกล่อง น้ำองุ่น 4 ขวดจากไร่…แถวสระบุรี ฉันทำตาโต
“ บังเอิญไปสัมมนา จำได้ว่าคุณชอบเลยซื้อมา ” เขาบอกยิ้มๆ
“ ขอบคุณค่ะ แล้ว..บรอมมีเลียดล่ะ ” อย่างนี้เรียกโลภมากรึเปล่า
“ มีแต่นี่จะแทนได้มั้ย…” เขายื่นหนังสือในถุงให้ “ ดอกไม้และพืชพันธุ์ในป่าอะเมซอน ” โดยมากาเร็ตต์ มีร์
ฉันหยิบหนังสือมาดูปกเป็นรูปวาดกล้วยไม้ และบรอมมีเลียด พลิกดูคร่าวๆยังไม่ได้อ่านก็ยิ้มแก้มปริ
ภาพประกอบสวยมาก ส่วนใหญ่เป็นบรอมมีเลียดที่ฉันโปรดปราน
“ โหย…ถูกใจมาก มากที่สุด ขอบคุณค่ะ ”
“ เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้มั้ย ” เขาว่า
“ ประโยคนี้เชยสุดๆตั้งแต่ได้ยินมา ” ฉันว่า ก็มันจริง อ่านนิยายเจอออกบ่อย
“ เอ๋า!เป็นงั้นไป ”

-4-…
หลังอาหารพื้นที่ว่างหน้าทีวีเป็นพื้นที่ประจำที่ถูกยึด
เขาเลื่อนโต๊ะออกเพื่อจะได้เหยียดขายาวๆ เอนหลังพิงเก้าอี้รับแขก
มีเก้าอี้แต่ไม่นั่ง
คนบางคนทำตัวเป็นเจ้าของบ้านมือหนึ่งถือแก้วน้ำองุ่น อีกมือถือรีโมททีวี กดหาช่องที่อยากดู
แต่ดูเหมือนว่ายังไม่เจอ ฉันเดินมานั่งลงข้างๆ ระหว่างเราถูกกั้นด้วยจานผลไม้และขนม
“ จะดูอะไรก็เลือกสักช่อง ” ฉันชักจะรำคาญ กดอยู่นั่น
เขามองหน้าแล้วเลือก “ รายการเพลงลูกทุ่ง ” จะดูนี่ เขาว่าแถมยักคิ้วให้อีกต่างหาก
ฉันแย่งรีโมทมาถือ นี่มันบ้านของฉันนะ ทีวีก็ของฉัน
“ จะดูนี่ ” รายการสารคดีที่กำลังพูดถึงสภาวะโลกร้อน ความตื่นตัวของคนทั่วโลก
หลายประเทศลงนามร่วมกันแก้ปัญหา ลดใช้พลังงาน เพื่อช่วยโลก เพื่อช่วยตัวเอง
เรานั่งดูทีวีเงียบๆ

จู่ๆคนที่นั่งดูด้วยก็พูดขึ้น “ แต่งงานกันมั้ย ”
ฉันกำลังดื่มน้ำองุ่น ถึงกับไอสำลัก เขาลูบหลังลูบไหล่ให้
พอค่อยยังชั่วฉันก็มองหน้าเขา “ เมาน้ำองุ่นรึไง ”
เขาทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนหันมามองฉัน มองที่ตา “ พูดจริงๆนะ แต่งงานกันเถอะ ”
คราวนี้เป็นฉันที่นิ่งและครุ่นคิด “ ลองบอกทีว่าทำไมต้องแต่งงาน ”
“ กล้าอยากให้เราแต่งงานกัน ” กล้าคือพี่ชายของฉัน
“ เขาเป็นห่วงคุณไม่อยากให้อยู่คนเดียว ”
“ แล้วยังไง ” ฉันซักต่อ
“ ผมก็เป็นห่วง อยู่บนคานมันโดดเดี่ยวนะ ” เฮ้อ! ผู้ชายเขาขอผู้หญิงแต่งงานยังไงนะฉันอยากรู้นัก
“ และเราก็รู้จักกันมาพอสมควร รู้จักซะยิ่งกว่ารู้จัก ” ดูยังหาเหตุผลข้างๆคูๆ
“ อืม…แล้วยังไง ” ฉันทำตาใสรอฟัง
“ คือ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนไง พลังงานหารสอง ประหยัดจะตาย ” จะตกคูมั้ยนั่นน่ะ
ฉันแกล้งถอนหายใจเสียงดัง
“ ขออีกเหตุผลเดียว เอาเหตุผลที่ดีที่สุดทำไมต้องแต่งงาน ”
เขาจ้องหน้าฉัน และบอกว่า
“ เหตุผลสุดท้ายที่เราควรแต่งงานกันก็คือ ไม่มีใครที่จะรักคุณได้มากเท่าผมอีกแล้ว … ผมรักคุณ ”
เฮ้อ! ฉันแกล้งถอนหายใจก่อนแสร้งทำหน้าครุ่นคิด ขอแต่งงานหรือชวนเข้าหุ้นทำธุรกิจนะนั่น
“ ว่าไง จะแต่งมั้ย ” จริงจังไปหรือเปล่านะ
“ ฟังเหมือนขู่กรรโชกยังไงไม่รู้นะนั่น ” ฉันว่า
“ แล้วจะแต่งมั้ย ” เขาว่า
ฉันเลยหัวเราะเบาๆก่อนตอบว่า
“ เพื่อเห็นแก่มวลมนุษยชาติ เพื่อลดสภาวะโลกร้อน และเพราะไม่มีใครจะรักฉันได้มากเท่าคุณ
ก็คงต้องแต่ง ตกลงฉันจะแต่งงานกับคุณ…”
เราทั้งคู่จะแต่งงานเพื่อลดสภาวะโลกร้อน “ พลังงานหารสอง ”
แล้วคุณล่ะ หารเฉลี่ยอีกส่วนของชีวิตกับใครหรือยัง

:-)





Create Date : 16 มีนาคม 2551
Last Update : 31 มีนาคม 2551 8:31:23 น.
Counter : 529 Pageviews.

19 comments
: รูปแบบของการตระหนักในการรับรู้ : กะว่าก๋า
(15 เม.ย. 2567 05:37:45 น.)
ธี่หยด (2566) ไมเคิล คอร์เลโอเน
(15 เม.ย. 2567 12:42:37 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 33 : กะว่าก๋า
(11 เม.ย. 2567 05:15:42 น.)
lead to better decision-making พุดดิ้งรสกาแฟ
(11 เม.ย. 2567 21:19:04 น.)
  
อ่านจนจบแล้ว
น่ารักมากค่ะ...โดยเฉพาะท่อนนี้
“ เหตุผลสุดท้ายที่เราควรแต่งงานกันก็คือ ไม่มีใครที่จะรักคุณได้มากเท่าผมอีกแล้ว … ผมรักคุณ “
โดย: nikanda วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:3:15:07 น.
  
...
" เขา " น่ารักเนอะ คุณnikadaว่างั้นมั้ยคะ

(เป็นความฝันของคนเขียน อยากเจอจังผู้ชายแบบนี้น่ะ)

:-)
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:23:24:11 น.
  


อ่านแล้วตาร้อนทันที



อิจฉาง่ะ TT TT


โดย: f a i f u n (oHsINa ) วันที่: 23 มีนาคม 2551 เวลา:18:32:58 น.
  
...
หาน้ำพรมตาสิจ๊ะ f a i f u n
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:10:08:28 น.
  


ลองแล้วไม่ได้ผลค่ะคุณสิงห์ฯ



วิธีรักษาที่ดีที่สุดคงเป็นการหาคนขอแต่งงานบ้างแล้วค่ะ

^^
โดย: f a i f u n (oHsINa ) วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:21:20:36 น.
  
..
เอ่อ..จะรบกวนเกินไปหรือเปล่า..หาเผื่อด้วยนะคะ..อิอิ
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:21:34:12 น.
  



ทุกวันนี้ก็แทบดักตีหัวแล้วลากเข้าบ้านอยู่แล้วค่ะคุณสิงห์ฯ

แต่ผู้ชายสมัยนี้ระวังตัวแจ แผนนี้เลยล่มไม่เป็นท่าน่ะคะ

^^
โดย: f a i f u n (oHsINa ) วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:19:20:22 น.
  
แอบตามมาอ่านจ้าคุณสิงห์ฯ แหะๆ ไม่รู้จะเรียกไรดีขอเรียกแบบนี้เลยแล้วกันนะคะ

ยังหาคนมาร่วมพลังหารสอง เพื่อลดภาวะโลกร้อนไม่ได้เรย เหอๆ ตามหาอยู่น้า
โดย: หนึ่งเดียวในใจ วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:20:52:57 น.
  
...
เห็นด้วยกับคุณไฟฝันค่ะ

ตามมาจริงๆด้วยคุณหนึ่งฯขอบคุณค่ะขอบคุณ
โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 61.7.133.186 วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:10:01:34 น.
  



อ๊ายย ~ อ๊ายยย คุณสิงห์ฯ คะ


ฝ้ า ย ฝั น ค่ะ ฝ้ า ย ฝั น บ่ไจ้ ไฟฝัน
TT TT มีแต่คนอ่านชื่อเค้าผิด
โดย: f a i f u n (oHsINa ) วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:11:31:38 น.
  
...
แสดงว่าอ่านผิดเป็นส่วนใหญ่
คุณฝ้าย..ควรเปลี่ยนชื่อนะ..ขอบอก
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:13:16:04 น.
  



เปลี่ยนจาก eng เป็น thai แล้ว คงไม่มีใครเข้าใจผิดอีก (มั้ง) TT TT
โดย: ฝ้ า ย ฝั น (oHsINa ) วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:15:47:56 น.
  
เอ่อ... ทำไมสาวๆถึงได้น่ากลัวขนาดนี้เนี่ย ...งือ.....

เอ๊ะ แต่เราก็โดนหลอกล่อตีหัวเข้าบ้านไปแล้วนี่นา ...เอิ๊กๆๆๆ
ปลอดภัยๆๆๆ

คุณสิงห์อมบ๊วย ผมเดาชื่อคุณ f a i f u n อยู่ตั้งนานเลยล่ะ 5555

แวะมาทักทายพร้อมกับทวงเรื่องน่ารักๆเรื่องต่อไป
โดย: กลิ่นกาแฟ IP: 202.139.223.18 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:19:52:00 น.
  
...
คุณฝ้ายฯเลยต้องเปลี่ยนชื่อเพราะเดาผิดเยอะ..อิอิ เอาน่า..ประชานิยม


ลุงกลิ่นกาแฟแวะมาถึงนี่ ยินดีๆ แต่เรื่องน่ารักๆนี่ ต้องไปหาข้อมูลแถวมหา'ลัย จะได้รอดจากข้อหาพรากผู้เยาว์
โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 61.7.133.179 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:20:52:48 น.
  


อุ้ย ๆๆ ถูกพาดพิง อิอิ ร้อนตัวๆ



เข้ามารอเรื่องใหม่เหมือนกันค่ะ สู้ๆ นะคะคุณสิงห์ฯ



คุณกลิ่นฯ โมเมว่าถูกหลอกล่อตีหัวเข้าบ้าน โกรธแทน 'เธอคนนั้น' ของคุณเลยนะเนี่ย
โดย: ฝ้ า ย ฝั น (oHsINa ) วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:23:09:53 น.
  
น้องสิงห์จ๋า..กอดๆ เป็นผู้ชายที่กวน ผสมกับความอบอุ่นเหนือคำบรรยาย พี่รุจชอบจ้ะ
โดย: พี่รุจ IP: 125.25.14.251 วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:15:25 น.
  
...
ขอบคุณค่ะพี่รุจ

กวนพอกันทั้งคู่...

เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากนักท่องเที่ยวคนนึงที่เจอบนภูกระดึง คุยกันระหว่างเดินขึ้น สิงห์พูดเรื่องดูนก ดูผีเสื้อ
เขาบอกว่า ไปซุ่มดูทำไม โยนไม้เข้าไปนกมันก็บินออกมาให้ดูเอง

ฮา..มาก เลยจดใส่กระดาษไว้ แล้วนำมาเขียนค่ะมีอีก

หลายเรื่องเหมือนกันจับมาผสมๆกันค่ะพี่รุจ

โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:08:23 น.
  
wow so relax reading this story..muan lai der nong sing..!!
โดย: Camille IP: 71.81.178.101 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:19:24 น.
  
..
พี่คอนแฟนพันธุ์แท้เรื่องสั้น อิิอิ
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 12 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:58:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nuntiya.BlogGang.com

สิงห์อมบ๊วย
Location :
ขอนแก่น  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]